คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๗ -
ละสังขารแล้ว ศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้สำเร็จธรรมขั้นสูง หลวงปู่ทองพูน อายุ 112 ปี
สิ้นแล้วร่มโพธิ์ใหญ่ ศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผู้สำเร็จธรรมขั้นสูง ละสังขารอย่างสงบ หลวงปู่ทองพูน อายุ 112 ปี
น้อมถวายความอาลัย สิ้นแล้วร่มโพธิ์ใหญ่ ศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผู้สำเร็จธรรมขั้นสูง ละสังขารอย่างสงบ หลวงปู่ทองพูน อายุ 112 ปี
หลวงปู่ทองพูน เขมเปโม แห่งสำนักปฎิบัติธรรมถ้ำจำปาทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี มหาเถราจารย์มากเมตตาบารมี สมถะสงฆ์ผู้มีจริยวัตรอันงดงาม อายุยืนยาว 112 ปี ศิษย์ก้นกุฎิหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเดินธุดงค์มาค่อนชีวิต บำเพ็ญเพียรภาวนาภายในถ้ำมาเป้นเวลานานกว่า 40 ปี และเคยเข้าไปในโลกของชาวลับแลมาแร้ว แม้เมื่อปัจุบันท่านสร้างสำนักปฎิบัติธรรม ท่านก้ฝ็ยังอยู่ในถ้ำ
หลวงปู่เป็นชาวอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี. เกิดในสกุล"จันทร์นาค"เป้นยุตรคนที่4ในจำนวนพี่น้อง6คน ของนายเพิ่มศักดิ์และนางอบเชย(อังกินันท์)วัยเยาว์เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดไสค้าน จากนั้นได้บรรพชาสามเณรอยุ่กับพระพี่ชายที่วัดราษฎร์ศรัทธาราม อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี มรพระครูวิสุทธิเมธร(หลวงพ่อเวก)วัดศาลาหมูสี เป้นพระอุปัชฌาย์... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗ -
"ท่านพ่อลีฯ ใช้พลังจิตรักษาโรค" (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
.
"ท่านพ่อลีฯ ใช้พลังจิตรักษาโรค"
" .. ขณะที่กำลังนั่งสนทนาธรรมะอยู่ "ก็มีโยมชื่อมหาน้อม บอกว่า ขอนิมนต์ท่าน ไปเยี่ยมคนปวยที่บ้านซึ่งเป็นภรรยา ชื่อแม่ฟื้น ป่วยเป็นโรคในสมัยอยู่ไฟ นอนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลา ๓ ปีแล้ว ใช้เงินรักษาจนหมดเนื้อหมดตัว" แต่ก็ยังไม่หายและไม่มีทีท่าว่าจะหาย
มหาน้อม กล่าวกราบเรียนท่านพ่อลีต่อไปว่า "ท่านอาจารย์ครับ .. มีพระธุดงค์ องค์หนึ่งเดินทางมาจากภาคเหนือ" มาทำน้ำมนต์ให้คนป่วย แล้วท่านก็บอกว่า "ฉันรักษาไม่หายดอกโยม จะมีพระองค์หนึ่งมาโปรดโยมเร็ว ๆ นี้ ลักษณะเป็นอย่างนี้ ๆ" คำพูดของพระธุดงค์นั้นทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาบ้าง
แล้วผมก็มาพบท่านอาจารย์นี้แหละ "ที่ลักษณะตรงตามที่พระธุดงค์รูปนั้น ทำนายไว้เปัะ" เขากราบเรียน ด้วยความดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ท่านก็ตอบว่า "ฉันจะไปดูให้ แต่อย่ามาหวังอะไรกับฉันมากนักนะ"
.. เมื่อท่านพ่อลีไปถึงบ้านนั้น "เพียงเดินผ่านเข้าไปในธรณีประตูเท่านั้นแหละ" สิ่งมหัศจรรย์เกิดชิ้นต่อหน้าคนทั้งหลายที่ติดตามมา คนป่วยที่นอนแอ้งแม้งเหมือนตายทั้งเป็นมา ๓ ปี "สามารถยกมือขึ้นไหว้ผงับ ๆ ขยับตัวได้เล็กน้อย"
ท่านพ่อลีได้นั่งสมาธิสักครู่หนึ่ง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗ -
ย้อนประวัติ "วัดท่าขนุน" พัฒนาต่อเนื่อง 6 ปี กลายเป็น สุดยอดชุมชนต้นแบบ/ TOP NEWS
ย้อนประวัติ "วัดท่าขนุน" พัฒนาต่อเนื่อง 6 ปี กลายเป็น สุดยอดชุมชนต้นแบบ l EP.1
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@TOPNEWS_TH -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗ -
"จิตที่อบรมแล้ว ย่อมจะสูงขึ้น" (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
.
"จิตที่อบรมแล้ว ย่อมจะสูงขึ้น"
" .. "จิตที่ได้อบรมอยู่เสมอ ย่อมจะสูงขึ้น" แก่ขึ้นทุกที ๆ เป็นลำดับเหมือนผลไม้ที่แก่จัด เมื่อสุกงอมแล้วก็ย่อมจะหล่นจากขั้วของมันในที่สุด "จิตของบุคคลที่ปฏิบัติได้สูง เมื่อแก่จัดก็ย่อมจะหลุดจากขั้วเช่นเดียวกัน"
แต่ไม่ใช่หลุดอย่างผลมะม่วง หรือผลไม้ทั้งหลายที่หล่นมายังพื้นดิน มันจะหลุดอย่างเครื่องบินที่หลุดจากพื้นดินพุ่งตัวขึ้นสู่อากาศ "จิตที่หลุดจากกิเลส ก็ย่อมจะลอยขึ้นสู่ที่สูง" ฉะนั้น .. "
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร -
เปิดพระดำรัสสมเด็จพระสังฆราชและเปิดมติมหาเถรสมาคม เตือน!พระต้น หลักการสอนธรรม
เปิดพระดำรัส สมเด็จพระสังฆราช และเปิดมติ มหาเถรสมาคม เตือน!! พระต้น หลักการสอนธรรม -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ -
"ปฏิบัติบูชา" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ปฏิบัติบูชา"
" .. หนึ่ง "การสละทรัพย์สินเงินทอง" เพื่อสร้างถาวรวัตถุในพระศาสนา "หรือการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน" ข้าวของ เรียกว่า "อามิสบูชา"
ส่วนบุญอีกอย่างหนึ่งนั้น "คือการถือศีลภาวนา การทำสมาธิวิปัสสนา" เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งแทงตลอด ให้เกิดเป็นปัญญา เป็นผู้รู้ ดังที่เราภาวนาว่า "พุทโธ" ซึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ฉลาด อันนี้เรียกว่า "ปฏิบัติบูชา" เป็นบุญอันสูงสุด
อันจะนำตนเองให้พ้นทุกข์จากกองทุกข์ในโลกนี้ได้ ช่วยตัวเองได้ มิให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป "บุญข้อนี้เป็นบุญอันสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญผู้ปฏิบัติ"
"ทั้งอมิสบูชาและปฏิบัติบูชานี้" เป็นเสมือนแม่น้ำสองสายที่ใสสะอาด ไหลมารวมกันสู่แอ่งน้ำใหญ่อันอยู่ในห้วงหัวใจของเราเอง เป็นแหล่งน้ำอันเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ พร้อมที่จะนำความฉ่ำชุ่มเย็นไปทั่วทุกหัวระแหง
เกิดคุณค่าและประโยชน์อันประมาณมิได้ ที่สายน้ำนั้นได้ซึมซาบผ่านไปยังถิ่นต่าง ๆ "แอ่งน้ำในหัวใจเราเสมือนเขื่อนกักน้ำไว้เพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ -
"การภาวนา คือการเก็บบุญมากิน" (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
.
"การภาวนา คือการเก็บบุญมากิน"
" .. "บำเพ็ญทาน" เปรียบเหมือนกินข้าว "บำเพ็ญศีล" เปรียบเหมือนกินของหวาน "บำเพ็ญภาวนา" เปรียบเหมือนกินน้ำ "การเจริญภาวนา" เรียกว่า "เก็บบุญมากิน" ถ้าเราไม่เก็บมากิน มันจะเน่าเสียหมด ถ้าไม่กลืนเข้าไปในหัวอกหัวใจมันก็ไม่อิ่ม
- "ตา" ได้เห็นครูบาอาจารย์ พระเจ้าพระสงฆ์
- "หู" ได้ฟังเทศน์ฟังธรรม
- "จมูก" ได้กลิ่นธูปเทียนดอกไม้
- "ปาก" ได้สวดมนต์
- "ใจ" ได้เจริญเมตตาภาวนา
"บุญกุศล จะไหลเข้าดวงจิตดวงใจ" .. "
"ธรรมเทศนา" ณ วัดป่าคลองคู้ จังหวัดลพบุรี
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ๒๕ สิงหาคม ๒๔๙๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗ -
เราแค่หยุดนึกคิดปรุงแต่ง กิเลสก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่เราได้แล้ว
กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกายนี้ ทุกคนมีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่ง กิเลสก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่เราได้
กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบมานักต่อนักแล้วว่า เหมือนกับเราลวกก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ก็ไม่มีใครอยากที่จะกิน แต่เราเปลี่ยนจากน้ำเปล่าไปเป็นน้ำซุป มีการใส่หมูสับ ใส่ตังฉ่าย ใส่ต้นหอมสับ ใส่กุ้งแห้ง ใส่ถั่วลิสงป่น ใส่พริกป่น ใส่น้ำตาล ใส่น้ำปลา ใส่น้ำส้มสายชู ยิ่งปรุงก็ยิ่งอร่อย เมื่ออร่อยเรากินแล้วก็อยากกินอีก
ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราไม่มีการปรุงแต่ง รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ก็ไม่มีรสชาติ เราเองก็จะเบื่อหน่าย ถอนจิตออกมาเองโดยอัตโนมัติ การที่เราจะไม่ปรุงแต่งก็คือ หยุดการคิดให้ได้ เพราะว่าคิดเมื่อไรก็ปรุงแต่งเมื่อนั้น
การที่เราจะหยุดความคิดได้ ในเบื้องต้นก็คือต้องอยู่กับปัจจุบัน เพราะว่าความคิดของเรานั้น ถ้าไม่ไปในอดีตก็จะไปในอนาคต ก็จะไปยึดติดห่วงหาอาลัยกับอดีต หรือไม่ก็จะไปยึดติดด้วยการฝันเฟื่องถึงอนาคต เราต้องอยู่กับปัจจุบันด้วยสติรู้ตัวสมบูรณ์พร้อม ก็จะสามารถหยุดการปรุงแต่งทั้งปวงลงได้
การที่เราจะมีสติ อยู่กับปัจจุบันตรงหน้าได้... -
"ให้เราวางใจให้สบาย" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ให้เราวางใจให้สบาย"
" .. "การนั่งสมาธินี่นะ สิ่งที่ไม่น่าผิดก็ผิดได้" เช่นเวลานั่งเราตั้งใจว่า "เอาละ มึงละ กูจะเอาให้มันแน่ ๆ ดูสักที เปล่า ไม่ได้เรื่องเลยกันนั้น"
แต่คนเราชอบทำอย่างนั้น "อันนี้อาตมาก็เคย สังเกตได้ด้วยวิธีมันเห็นเองของมัน" เช่น "บางคืนพอเริ่มนั่งก็นึกว่า เอาละอย่างน้อยวันนี้ ตีหนึ่งจึงจะลุก บาปแล้วคิดอย่างนี้ เพราะว่าไม่นานหรอก มันรุมเอาเกือบตาย"
แต่เวลานั่งดี ๆ "ไม่ต้องกะเกณฑ์ ไม่มีจุดที่หมาย มันจะทุ่มหนึ่ง สองทุ่ม สามทุ่ม ก็ช่างมัน นั่งไปเรื่อย ๆ วางเฉยไว้ อย่าบังคับ" อย่าไปหมายมัน อย่าไปบังคับหัวใจ ว่าจะเอาให้มันแน่ ๆ มันก็ยิ่งไม่แน่ "ให้เราวางใจให้สบาย ๆ หายใจก็ให้พอดี อย่าเอาสั้น เอายาว อย่าไปแต่งมัน กายก็ให้มันสบาย" ทำเรื่อยไป .. "
"อุปลมณี"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๗ -
"ของเก่าของหลวงปู่ชอบฯ" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
"ของเก่าของหลวงปู่ชอบฯ"
" .. "แล้วองค์หลวงปู่ลี กุสลธโร จึงยกเรื่องหลวงปู่ชอบ ฐานสโม" มาเล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า "เพิ่นเก่งแหล่ว หลวงปู่ชอบ .. หลวงปู่ชอบท่านเก่งมาก" ท่านข้ามแม่น้ำไปฝั่งประเทศพม่า "เมื่อพญานาคทราบว่าท่านจะข้ามไปฟากโน้น" เขาก็มาบอกกับท่านในเวลากลางคืนว่า "จะไปรออยู่ที่ท่าน้ำ"
เมื่อองค์ท่านไปถึง "เขาจึงเนรมิตกายเป็นจระเข้ใหญ่ ท่านจึงขึ้นเหยียบบนหลังจระเข้" เหมือนยืนอยู่บนน้ำ คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำ เห็นเหตุอัศจรรย์เช่นนั้นก็เรียกกันมาดู "พระวิเศษเดินบนผิวน้ำได้"
เขาร้องตะโกนบอกกันและกัน พอท่านถึงฝั่งพม่า "คนพม่าก็แห่กันมากราบไหว้ท่าน จนดึกดื่นไม่เป็นอันหลับอันนอน" ท่านเห็นท่าจะไม่ดี พอดึกสงัดมืดสนิท ท่านจึงรีบหนีออกเดินธุดงค์ต่อไป
กราบเรียนถามท่านว่า "เป็นนิสัยเฉพาะแต่ละองค์ .. หรือว่าพระอรหันต์ทำได้ทุกองค์ .. ขอรับ" แล้วองค์ท่านจึงเล่าเรื่อง หลวงปู่ชอบต่อไปอีกว่า "โอ๊ย! บ่ได้ทั่วไปดอก" เป็นเพราะ "เพิ่นปรารถนาอภิญญามาก่อน"
ว่ากันว่า "ของเก่า" หลวงปู่ชอบท่านมีอยู่ "เป็นปุพฺเพกตปุญฺญตา" ได้ทำบุญมาแล้วด้วยดี แต่ปุเรชาติ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗ -
ถ้าอยากจะดวงดีจริง ๆ ให้ภาวนาไว้ทุกวัน
ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็ยังเลือกทำบุญในส่วนของสังฆทาน วิหาร แล้วก็ธรรมทาน ถ้าบอกว่ามีประโยชน์น้อย พวกเราก็คงจะช็อกตาตั้ง เพราะอย่าลืมว่า แม้ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน ก็ยังอยู่ในระดับของทานเท่านั้น ยังมีระดับของศีลที่สูงกว่านั้น ระดับของภาวนาที่สูงกว่านั้น แต่หลายคนกลับติดอยู่แค่นี้
ผลอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำทานอย่างเดียว โดยหวังว่าผลของทานจะไปแก้ไขวิถีชีวิตของเราได้ดีขึ้น ต้องบอกว่าหลงทางไปไกล สิ่งที่จะแก้ไขชีวิตของเราให้ดีขึ้นก็คือการภาวนา ถ้าสมาธิทรงตัว ปัญญาก็จะเกิด จะเห็นหนทางแก้ไขได้เร็วยิ่งขึ้น
ถามว่าแล้วทำทานไม่ถูกหรือ ? ถูก...แต่ถูกไม่หมด เพราะว่าส่วนใหญ่เราไปหวังผลของทานในการเปลี่ยนแปลง..ซึ่งยาก การทำทานเราทำตามหน้าที่ ทำตามรูปแบบ ทำตามกำลังใจที่เราสละออก แต่ผลที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างชัดเจนก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะว่าควบคุมกาย วาจา ใจของเราทั้งหมด
แต่ปัจจุบันนี้จำนวนมากด้วยกัน ถึงเวลา เอ้า...ไปทำบุญ ดวงไม่ดี...ไปทำบุญ ถ้าอยากจะดวงดีจริง ๆ ให้ภาวนาไว้ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น หรือตลอดทั้งวันได้ยิ่งดี... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗ -
"ความเป็นจริงของกาย" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
"ความเป็นจริงของกาย"
" .. วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่ฯ เข้าที่ภาวนา "ท่านได้นิมิตเห็นภรรยาเก่ามาปรากฏในวงภาวนา ในนิมิตนั้นแสดงถึงการสลายไปแห่งรูปกายให้ท่านได้เห็นอย่างชัดเจน" ท่านเล่าว่า ..
"อยู่ห้วยทราย กะนั่งภาวนาอยู่เนี่ย จักหน่อยเกิดแสงสว่างภาพปรากฏเห็นภรรยาเก่าย่างเข้ามาหา" ทางนี้กะนั่งภาวนาอยู่ ทางนั้นกะย่างเข้ามามายืนอยู่ตรงหน้า ห่างอยู่หว่างวากว่านี่ล่ะ "จักหน่อยกะล้มลง" อัตภาพร่างกายนี่ตายแตกออกจากกันพาก ๆ เลย เป็นส่วน ๆ พังลงไป ๆ
"กระจัดกระจายไปตามแผ่นดิน" ทั้งเปื่อยทั้งเน่าอยู่พอปานนั้น "อันนั้นกะขาดออก อันนี้กะขาดออก ตกลงไปเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นของเก่ามันหั่นแหล่ว" กลายเป็นธาตุเบิ้ดเลย "แต่ความจริงมันบ่มีบ่อนตายเลย ธาตุดินกะกระจายไปเป็นดินของเก่านั่นแหล่ว" ธาตุน้ำกะไหลไปของเก่ามันหั่นละ ธาตุลม ธาตุไฟ กะเป็นไปตามสภาพเดิมมัน "ผู้รู้คือใจกะรู้อยู่จังซั่นบ่เกี่ยวกัน"
"จักหน่อยพื้นดินกะมากลบทับถมกองธาตุนั้นหายไปเลย" ที่แท้กายมันเป็นอย่างนี้เด๊ะหาตัวสัตว์บุคคลในกองธาตุนี้อยู่ใด๋ได้ "บ่มีเลยเกิดสลดสังเวชล่ะทีนี้ สลดหลาย แต่นั่นล่ะ สัญญาทางราคะนี้ขาดออกเลย" บ่มีติด... -
โยม เล่าประสพการณ์คุยกับหลวงปู่ดู่ ตามศาสตร์ที่หลวงตาม้าท่านสอน
โยม เล่าประสพการณ์คุยกับหลวงปู่ดู่ ตามศาสตร์ที่หลวงตาม้าท่านสอน
****************
อนุโมทนา และ ขอบคุณที่มา
https://www.youtube.com/@prommapunyo
หน้า 5 ของ 412