60.สุดเขตที่มุกดาหาร ข้ามด่านที่อุบลฯ ชุมพลที่โคราช

​

เดินมาด้านข้างพระอุโบสถ จะพบพระธาตุองค์เล็กๆ อีกองค์ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๔ จำลองถอดแบบเหมือนกับพระธาตุพนม ดูที่ป้ายของวัดบอกไว้ว่าพระธาตุยอดแก้วศรีวิชัย ก็เป็นชื่อของวัดด้วย วัดนี้ชื่อว่า วัดยอดแก้วศรีวิชัย หรือ วัดกลาง เหตุที่เรียกว่าวัดกลางเพราะว่าเมื่อสมัยก่อนวัดตั้งอยู่กลางเมือง มีประวัติบอกไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๙ พระยาจันทร์สุริยวงษ์ (กิ่ง) เจ้าเมืองมุกดาหารคนที่สองและเจ้านางยอดแก้วผู้เป็นภริยาได้สร้างพัทธสีมาขึ้นในวัดกลาง ในปี พ.ศ. ๒๓๘๙ พระจันทร์สุริยวงษ์ (พรหม) เจ้าเมืองมุกดาหารคนที่ ๓ ผู้เป็นบุตรของเจ้าเมืองคนที่ ๒ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดกลางอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เจ้านางยอดแก้ว จึงให้ขนานนามวัดกลางว่า " วัดยอดแก้วศรีวิชัย "...

 

​

มาทางด้านหน้าของพระธาตุ เยื้องๆกันหน่อยนึงจะพบสถูปบรรจุอัฐิของพระจันทรเทพสุริยวงษา(แสง จันทรสาขา) เจ้าเมืองมุกดาหารลำดับที่เท่าไหร่ไม่รู้...

 

​

ถัดจากนั้นจะพบอาคารเรือนกระจกหลังใหญ่ ด้านหน้าเปิดโล่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ภายใน ป้ายบอกว่าวิหารพระยอดแก้ว ด้านหน้าวิหารมีสถูปอีกองค์หนึ่ง มองไปมองมาพิจารณาดูก็เหมือนยอดของพระธาตุเลย....

 

​

 

พระอุโบสถ
​

 

พระวิหาร
เสียดาย มีรถมาจอด
ดูขัดๆ ตา
​

 

ออกแนวคชสีห์ นะครับ ไม่ใช่ช้างเพราะหูเล็ก
ไม่ใช่สิงห์เพราะมีงวง

 

ซุ้มประตู หน้าวัด
​

 

​

ไหว้พระแล้วก็เดินออกมาทางหน้าวัด ถ้าเดินไปทางด้านซ้ายมือก็จะไปวัดศรีมงคลใต้ เลี้ยวขวาพ้นกำแพงวัดก็เจอร้านค้าตึกแถวขายของทั้งของที่ระลึก กระเป๋า ของใช้ ของกิน ของเล่น และมีพระพุทธรูปและแผงเช่าพระเห็นป้ายปิดไว้ห้ามถ่ายรูป งกนักก็ไม่ง้อ เห็นว่าพระพุทธรูปทำเลียนแบบของเก่าออกแนวจะให้ฝรั่งซื้อไปทำอินทีเรีย จะเสื่อมก็เพราะอย่างนี้แหล่ะ...

 

นั่นสิ มีเขี้ยวด้วย.....
ศิลปะแบบนี้มีที่อื่นอีกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
ยังไม่เคยเห็นเลย...

 

​

เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะพบวัดศรีสุมังค์วนาราม ตอนนี้คณะที่เดินมาด้วยกันเริ่มบ่นแล้วว่าเดินไม่ไหว ร้อน ก็คงจะเป็นวัดสุดท้ายที่จะไหว้ในตอนนี้ วัดศรีสุมังค์วนารามหรือวัดช้าง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๙ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ เป็นวัดที่เจ้าเมืองอุปถัมภ์ อยู่ในตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร

 

​

ภายในวัดมีวิหารเก่า สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๓ ลักษณะอาคารได้รับอิทธิพลตะวันตก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ประตูและหน้าต่างเป็นรูปโค้งปูนปั้นเลียนแบบการก่ออิฐ ด้านหน้าอาคารมีประตูเข้าสามประตู มีหน้าต่างที่ผนังด้านซ้าย และด้านขวาด้านละสามบาน หลังคาเป็นหลังคาหน้าจั่วลดชั้น เดิมมุงด้วยกระเบื้องไม้ โครงสร้างภายในของหลังคาเป็นไม้ ภายในมีพระประธานในวิหารเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อศิลานาคปรกพุทธลักษณะแบบศิลปะลาว

 

พระพุทธรูปภายในพระวิหาร
​

 

หลวงพ่อศิลานาคปรก
​

 

หลวงพ่อศิลานาคปรก
พระประธานในพระวิหาร
​

 

​

 

​

สร้อยฟ้าฯ มองลอดหน้าต่างในพระวิหารออกไปทางด้านหลังพบศาลเพียงตาสภาพทรุดโทรมหลังหนึ่งภายในศาลมีกระดูกช้างอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ทราบความเป็นมาว่าเป็นอย่างไร

 

​

พระวิหารตอนนี้กำลังอยู่ในการบูรณะซ่อมแซม บันไดทางขึ้นพระวิหารมีการปั้นพญานาค ๙ เศียรอยู่แต่ยังไม่เสร็จ พวกเรานับเศียรพญานาค นับยังไงก็ได้แค่ ๘ เศียร พระที่เฝ้าวิหารอยู่ก็เลยบอกว่าเศียรที่ ๙ ก็เป็นเศียรที่คาบทั้ง ๘ เศียรที่โผล่ออกมาจากปากไง อ้าว นับแปลกดี เคยเห็นแต่โผล่ออกมาก็ ๙ เศียรเลย

 

นี่ไง เศียรแรกที่คาบอีก ๘ เศียร
กลายเป็น ๙ เศียร

(ใช่ซะที่ไหน)
​

 

​

จากนั้นก็เดินมาข้างพระวิหาร มาไหว้พระธาตุศรีสุมงคล ลักษณะรูปทรงของพระธาตุ สร้างคล้ายองค์พระธาตุพนมองค์เก่า พระอธิการสมบูรณ์ สิริภทโท เจ้าอาวาสวัดศรีสุมังค์วนาราม เป็นผู้คิดออกแบบสร้างขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามรูปแบบเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ใช้งบประมาณปลูกสร้างประมาณ ๙ แสนบาท ซึ่งได้จากผู้ มีจิตศรัทธาชาวคุ้มศรีสุมังค์ ชาวมุกดาหารทุกหมู่เหล่า พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคปลูกสร้าง พระธาตุศรีสุมงคล มีความสูง ๒๕ เมตร ตั้งอยู่บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย วางเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูงประมาณ ๒.๖๐ เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวัน ในชั้นที่ ๒ เป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปเก่าแก่ของวัด (หลวงพ่อสังวาลย์) มีขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว โบราณวัตถุและพระเครื่องต่างๆ ช่างที่ปลูกสร้างพระธาตุศรีสุมงคลเป็นช่างภูมิปัญญาท้องถิ่น มีภูมิลำเนาในท้องที่อำเภอเมืองมุกดาหารและอำเภอธาตุพนม ด้านหน้าพระธาตุ ปั้นรูปช้างยืนชูงวงก่อด้วยอิฐถือปูน อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาข้างละ ๑ เชือก เป็นช้างตัวใหญ่สูง ๑.๘๕ เมตร เพื่อเป็นการอนุรักษ์ชื่อวัดช้างให้ประชาชนได้เรียกขานอยู่ตลอดไป