พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

559.พระกลีบบัวมหาว่านตะกรุดเงิน รุ่นขุนพันธ์พุทธาคมเขาอ้อ 2544 ให้บูชา 750 บาท

​

พระกลีบบัวมหาว่านตะกรุดเงิน รุ่นขุนพันธ์พุทธาคมเขาอ้อ 2544 จัดสร้างโดยมีท่านพลตำรวจตรี ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช มือปราบจอมขมังเวท เป็นประธานจัดสร้างและพิธีกรรม ร่วมกับพ่อท่านกลั่น อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ ในด้านเนื้อหานับว่าเข้มข้นเข้มขลัง เพราะประกอบด้วยมวลสารมงคลมากมาย โดนเฉพาะผงมหาว่านรุ่นอินโดจีน 2484 ผงพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านรุ่นแรก 2497 ซึ่งท่านพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช มอบให้มาผสมผสาน
พระกลีบบัวมหาว่าน ตำนานพระเครื่องอันโด่งดังและเรืองฤทธิ์ ได้มีการจัดสร้างครั้งแรกในยุคสมัยสงครามอินโดจีน เมื่อปี 2484 โดยปรมาจารย์พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา ถัดจากนั้นมาอีก 40 ปี พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ใด้จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อปี 2524 จนกระทั่งใด้มีการจัดสร้างเป็นครั้งที่สาม ในรุ่นขุนพันธ์พุทธาคมเขาอ้อนี้ ซึ่งห่างจากครั้งที่สอง 20 ปี และเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เพราะทั้งสามครั้งล้วนมีปีสร้างลงท้ายด้วยเลข 4 อีกทั้งท่านพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็มีส่วนรวมในพิธีกรรมทุกครั้ง

พิธีกรรมปลุกเสก 3 วาระดังนี้
ครั้งที่ ๑ พิธีเททองแบบโบราณตามตำหรับสำนักวัดเขาอ้อ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤภาคม พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๙.๑๙ น. ณ.สำนักวัดเขาอ้อโดยมีพระเกจิอาจารย์จำนวน ๘ รูปนั่งปรกปลุกเสกประจำทิศ และศิษย์ฆราวาสเขาอ้อ คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช และอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ร่วมกัน ประกอบพิธีกรรมอ่านโองการณ์บวงสรวงอัญเชิญเทพยดา เจ้าป่าเจ้าเขา บูรพคณาจารย์สำนักเขาอ้อ
ครั้งที่ ๒ เพื่อเพิ่มพูนพุทธานุภาพ
พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ.พระวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ในวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๙.๑๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายใต้นั่งปรกบริกรรมภาวนา โดยมีพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นเจ้าพิธี
ครั้งที่ ๓ พิธีปลุกเสกภายในถำฉัตรทัณฑ์ ณ.วัดเขาอ้อ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๔๔ เวลา เวลา ๐๙.๑๙ น. โยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายเขาอ้อนั่งปรกปลุกเสก และฆราวาสศิษย์เขาอ้อคือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช และอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ร่วมกันเป็นเจ้าพิธีกรรมบวงสรวงเทพยดา เจ้าป่าเจ้าเขาบูรพคณาจารย์เขาอ้อให้มาเป็นสักขีพยาน และร่วมประสิทธิ์ประสาทความศักดิ์สิทธิ์

 

560.เหรียญรูปเหมือน(หายาก) หลวงพ่อกึ๋น รุ่นเสาร์ 5 วัดดอนยานนาวา ปี พ.ศ. 2516 ให้บูชา 750 บาท

​

เหรียญรูปเหมือน (หายาก)หลวงพ่อกึ๋น รุ่นเสาร์ 5 วัดดอนยานนาวา ปี พ.ศ. 2516 มีฤกษ์ดีคือ ฤกษ์เสาร์ 5 ที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นฤกษ์ที่แข็งที่สุด ในรอบหลายๆปี เพราะวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น/แรม 5 ค่ำ และเดือน 5 มีไม่บ่อยนัก จึงมีความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ และในปีนี้เองทาง วัดดอนได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายชนิด เช่น
พระกริ่งฟ้าผ่ารุ่น 2
เหรียญหลวงพ่อกึ๋น
พระสมเด็จโคดม บรมสกลธวัชชัย และ
เหรียญวิเศษเรืองปัญญา

พิธีพุทธาภิเษก จัดอย่างยาวนานถึง 5 วัน 5 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จนไปถึงวันที่ 11 เมษายน 2516 โดยมีพิธืกรรมแบบเดียวกับเหรียญจักรเพชรวัดดอน คือพิธีพราหมณ์และพุทธ โดยพิธีพุทธนั้นมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในพิธี และมีอาจารย์นั้งปรกในพิธีอีกมากมายอาทิ เช่น
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาศ
ครูบาวัง วัดบ้านเด่น
หลวงพ่อมุม วัดปาสาทเยอร์
หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ โก่งธนู
หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยานิมิตร เป็นต้น

 

561.เหรียญเนื้อนวะโลหะ บาตรน้ำมนต์ รุ่น นะทรงแผ่นดิน หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง อายุครบ 7 รอบ ( 84 ปี ) 11 ก.ค. 2549 ให้บูชา 1050 บาท

​

เหรียญบาตรน้ำมนต์ ที่สร้างในโอกาส 7 รอบ 84 ปี ถือเป็นเหรียญขนาดจัมโบ้มาตรฐาน ประกอบด้วยพระยันต์ครูของหลวงพ่อที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะ "ยันต์จินดามณี" ด้านหน้าเหรียญเป็นลักษณะหลวงพ่ออุ้มบาตรที่เป็นเคล็ดทางด้านโชคลาภความเจริญ ส่วน "นะทรงแผ่นดิน" หรือ "นะปถมัง" ที่บางตำราเรียกว่า "นะปัดตลอด" มีอุปเท่ห์ตามคัมภีร์ปถมังในด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน ล่องหนหายตัว จึงถือได้ว่าเหรียญบาตรน้ำมนต์ของหลวงพ่อทรง รุ่นนะทรงแผ่นดิน เป็นความลงตัวของศาสตร์และศิลป์แห่งการสร้าง ทั้งสูงด้วยพุทธคุณและมีคุณค่าในโอกาสมหามงคล 7 รอบ ของหลวงพ่อครั้งนี้

 

562. พระรูปเหมือน พิมพ์เล็ก(หายาก) หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย เนื้อว่าน สร้างปี ๒๕๐๕ ให้บูชา 2000 บาท ปิดครับ

​

พระรูปเหมือน พิมพ์เล็ก(หายาก) หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย เนื้อว่าน สร้างปี ๒๕๐๕ สภาพสวยเดิมๆ พระน่าใช้ทันท่านปลุกเสกครับ พระปิดตาท่านราคาไปไกลมาก และหายากมากๆ รูปเหมือนท่านก็สร้างจากผงเดียวกันและปลุกเสกเหมือนกันครับ

พระวิจารณญาณมุนี วัดอุตตมาราม (วัดบางแซะ) หลวงพ่อครนท่านเป็นชาวบ้านบางแซะโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีพ.ศ.2419 โยมบิดาชื่อโยมชุม โยมมารดาชื่อโยมแก้ว นามสกุล ราษฎร์เจริญ หลวงพ่อครนท่านอุปสมบทที่วัดบางแซะ ต่อมาท่านก็ได้กราบลาพระอุปัชฌาย์มาศึกษาเล่าเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติที่จังหวัดสงขลา โดยหลวงพ่อครนท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวใจ ในช่วงนี้เองที่หลวงพ่อได้ศึกษาพระเวทวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์สำคัญๆ ในภาคใต้ เช่น หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ หรือแม้แต่หลวงพ่ออินทร์ อำเภอตากใบ และสันนิษฐานว่าท่านได้ไปศึกษาที่เขาค้อด้วย

หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม ภายหลังเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแซะแล้ว ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดบางแซะโดยความร่วมมือของชาวบ้านในแถบนั้น และท่านก็ได้เปิดการสอบบาลีนักธรรมและกรรมฐานแก่พระภิกษุ สามเณร โดยท่านเป็นผู้สอนเอง การสอนกรรมฐานในครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกในรัฐกลันตัน เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีพระอาจารย์รูปใดเคยสอนมาก่อน
พ.ศ.2476 หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เพื่ออุปสมบทและบรรพชาให้แก่ชาวบ้านบางแซะ และตำบลใกล้เคียง
พ.ศ.2488 หลวงพ่อก็ได้เลื่อนจากพระครูชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ โดยได้รับพระราชทานทินนามที่ "พระวิจารณญาณมุนี" และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ในรัฐกลันตัน นับเป็นพระราชคณะรูปแรกของรัฐกลันตัน

หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2505 หลวงพ่อครนก็มรณภาพลง สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 67

ในด้านวัตถุมงคล ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมากในรูปพระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก สร้างตั้งแต่ พ.ศ.2480 ใช้กรรมวิธีการปั้นหุนทีละองค์ แล้วลงเหล็กจารไว้ทั่งทั้งองค์ ซึ่งนานทีจะพบพระแท้ ๆ สักองค์ หาของแท้ชมยากมาก ๆ เพราะเป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง

อนึ่ง คนสิงคโปร์และมาเลเซีย ไม่ได้เรียกท่านว่า "หลวงพ่อครน" เหมือนที่คนไทยเรียก แต่จะเรียกท่านว่า "โต๊ะรายา" ซึ่งมีความหมายเทียบเท่าสังฆราชนั่นเอง สาเหตุมาจากคำเล่าลือกันที่ว่า ลูกสาวของสุลต่านคนหนึ่งที่เป็นผู้ปกครองรัฐกลันตัน ถูกกระทำไสยเวทย์หรือมนต์ดำ ทำให้สติวิกลวิปริตไป แม้จะใช้แพทย์แผนปัจจุบัน หรือคนดีมีวิชาที่เป็นชาวมุสลิม ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่หลวงพ่อครนท่านสามารถรักษาและแก้ไขได้ จนลูกสาวสุลต่านกลับมาเป็นปกติ ทำให้ท่านได้รับความนับถืออย่างยิ่งจากองค์สุลต่าน และได้ถวายเกียรติคุณให้ท่านว่าโต๊ะรายา แม้ปัจจุบันหากพูดถึงโต๊ะรายาในหมู่ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่นับถือพุทธ ก็จะหมายถึงหลวงพ่อครนนั่นเอง ซึ่งมีองค์เดียวเท่านั้น
ส่วนเหรียญรุ่นแรกเป็นรูปดอกจิก สร้างเมื่อ พ.ศ.2500 รุ่น 2 เป็นเหรียญรูปไข่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม

 

563.พระสมเด็จ เนื้อผงหลังเรียบยุคแรก หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครชัยศรี นครปฐม ให้บูชา 2000 บาท

​

พระสมเด็จ เนื้อผงหลังเรียบยุคแรก หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครชัยศรี นครปฐม พระชุดนี้น่าจะเป็นชุดเดียวกับที่หลวงพ่อเปิ่นสร้างตั้งแต่สมัยอยู่วัดโคกเขมา ปี ๒๕๒๗ และนำมาให้บูชาต่อที่วัดบางพระช่วงแรกๆ ด้านหลังปั๊มตายางวัดบางพระ หรืออีกอย่างก็อาจเป็นพระที่ใช้พิมพ์เดิมมาสร้างไว้ในยุคต้นๆ ที่วัดบางพระครับ ซึ่งก็แทบจะหาไม่เจอทั่วไปเลย หายากครับ

หลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครปฐม วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน เรื่อง คงกระพัน เหนียวสุดๆ สมัยแรกๆ หลวงพ่อจะสักยันต์ด้วย มีลูกศิตย์ ที่หลวงพ่อสักยันต์ให้มากมายในยุคต้น เจอประสบการณ์ด้านเหนียวกันมากมาย มีข่าวลงหนังสือพิมพ์มากมาย จนคนแห่มากันแน่นวัด เพื่อขอสักยันต์มากมาย แต่ส่วนใหญ่ จะมาลองของ หรือลองวิชา ของหลวงพ่อมากกว่า จนระยะหลัง หลวงพ่อเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก หลวงพ่อจึงเลิกการสักยันต์อย่างถาวระค่ะ เริ่มมีการสร้างวัตถุมงคลแทน แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อก็เกิดประสบการณ์มากมายเช่นกัน ทุกคนแห่เช่าบูชาทุกรุ่น ทุกพิมพ์ หมดเกลี้ยงจากวัด

 

564.พระดีที่อยากแนะนำให้บูชาครับ พระผงพิมพ์สมเด็จจิตลดา ผสมผงเก่าบางขุนพรหม อาจารย์เชื้อ วัดสะพานสูง กรุงเทพฯ ปี ๒๕๐๕ ให้บูชา 750 บาท

​

พระผงพิมพ์สมเด็จจิตลดา ผสมผงเก่าบางขุนพรหม อาจารย์เชื้อ วัดสะพานสูง กรุงเทพฯ ปี ๒๕๐๕ สภาพสวย ผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม, ผงเก่าของวัดสุทัศน์ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระสังฆราช(แพ) เจ้าคุณศรี(สนธิ์) ปลัดสุพจน์ และ พระครูใบฎีกาเกลี้ยง แล้วนำไปเข้าพิธีปลุกเสกวัดระฆัง หรือวัดสุทัศน์ด้วย แล้วแต่โอกาสช่วงเวลาที่จัดสร้าง เจตนาบริสุทธิ์สร้างมาเพื่อแจกบูชาแก่ญาติโยม


หลวงพ่อเชื้อ อนุวชิโร เกจิผู้มีวิชาไสยเวทย์ครบครันและเป็นเกจิผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุคกึ่งพุทธกาล แห่งวัดสพานสูง บางซื่อ เป็นเกจิผู้ซึ่งสร้างพระกริ่งแล้วนำไปแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและพลเรือนที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นองค์แรก แล้วพระกริ่งวัดสะพานสูงที่นำไปแจก ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังแต่อย่างใดแก่ผู้ใช้ กลับได้รับประสบการณ์มากมายในสนามรบ เป็นผลให้มีผู้รู้จักศรัทราและเสาะหากันมาก นอกจากพระกริ่งแล้วหลวงพ่อยังได้สร้างพระสมเด็จเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ ขึ้นอีกหลายพิมพ์ โดยท่านจะปั้มตราลายเซ็นต์ของท่าน และชื่อวัดสพานสูงไว้ที่ด้านหลังของพระสมเด็จเนื้อผงทุกพิมพ์ทุกองค์
พระสมเด็จเนื่อผงของท่านจะผสมผงมวลสารพระสมเด็จบางขุนพรหม เมื่อครั้งเปิดกรุใหม่ที่ได้รับถวายมา และ ผงเก่าของวัดสุทัศน์ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระสังฆราช(แพ) เจ้าคุณศรี(สนธิ์) ปลัดสุพจน์ และ พระครูใบฎีกาเกลี้ยง นอกจากนั้นยังมี ผงวิเศษจากคณาจารย์ต่างๆที่ท่านสะสมเอาไว้อีกมากมาย ทำให้พระสมเด็จของท่านมีประสบการณ์ไม่แพ้พระโลหะของท่านเลย

.....พระอ.เชื้อ หนูเพชร วัดสพานสูง บางซื่อ ก.ท.ม. เนื้อผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม, ผงเก่าของวัดสุทัศน์ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระสังฆราช(แพ), เจ้าคุณศรี(สนธิ์), ปลัดสุพจน์ และ พระครูใบฎีกาเกลี้ยง หลังลายเซ็นต์(รุ่นนิยม) จัดสร้างเป็นยุคต้นเมื่อปี พ.ศ.2497 เสร็จแล้วก็จะนิมนต์พระอาจารย์ที่ท่านนับถือร่วมปลุกเสก อาทิ หลวงปู่นาค วัดระฆัง , หลวงปู่หิน วัดระฆัง , หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง , พระครูเฮง วัดกัลยาฌมิตร เป็นต้น บางวาระท่านจะนำไปเข้าพิธีปลุกเสก วัดระฆัง หรือวัดสุทัศน์ด้วยในหลายวาระแล้วแต่โอกาสช่วงเวลาที่จัดสร้าง เจตนาบริสุทธิ์สร้างมาเพื่อแจกบูชาแก่ญาติโยม

วิธีอาราธนาพระเครื่องแบบโบราณ ( หลวงพ่อเชื้อ วัดสะพานสูง บางซื่อ )
เมื่อจะเอาพระเครื่องทุกอย่างไปกับคนให้ตั้งนะโม 3 จบ
แล้วอาราธนาว่า พุทธังอาราธะนัง ธัมมังอาราธะนัง สังฆังอาราธนัง
ข้าพเจ้าขอเชิญ คุณพระพุทธเจ้า
คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์จ้า
จงมาสถิตอยู่ในกายของข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เถิด ฯ จบฯ
แล้วอธิษฐานตามปราถนาต่อไป โดยขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
ให้ดลบันดาล……ฯ ลฯ

 

565. พระดีพระเก่า น่าบูชา พระชินราชเนื้อดิน หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด จ.อยุธยา ปี พ.ศ.๒๔๗๕ ให้บูชา 999 บาท

​

พระเครื่องเนื้อดินเผาของหลวงปู่ยิ้ม
ปัจจุบันนี้มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าหลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ดใน นั้นท่านได้สร้างพระเนื้อดินเผาไว้กี่พิมพ์ทรงกันแน่ นอก จากพระงบน้ำอ้อยที่ดังไปทั่วสารทิศแล้ว จนพระเนื้อดินพิมพ์งบน้ำอ้อยใครๆเห็นที่ใหนก็ต้องบอกว่าเป็นของหลวงปู่ยิ้ม ไปเสียทั้งหมด มีเพียงไม่กี่คนในละแวกคุ้งน้ำเจ้าเจ็ดที่เก็บรวบรวมพระเนื้อดินหลวงปู่ยิ้ม ไว้ได้ครบทุกพิมพ์ ซึ่งความนิยมของผู้สะสมที่มีไม่มากนี้ อาจทำให้มรดกทางศิลปพระเครื่องในอดีตของหลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ดใน นั้นสูญหายไปได้บางพิมพ์และอาจมีการนำพระพิมพ์อื่นๆซึ่งไม่ใช่ของหลวงปู่ ยิ้มวัดเจ้าเจ็ดใน ถูกยัดให้เป็นพระเครื่องหลวงปู่ยิ้มได้โดยนักเล่นพระบางกลุ่ม

ในการสร้างพระเนื้อดินเผา ของหลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดในนั้น บันทึกไว้ว่าได้เริ่มสร้างในปี พ.ศ.๒๔๗๕ เจตนาเพื่อเป็นการสืบทอดและต่ออายุพระศาสนา ความตั้งใจของท่านนั้นจะสร้างให้ครบพระธรรมขันธ์ คือ ๘๔,๐๐๐ องค์ ดัง ที่ได้กล่าวมาแล้ว จึงมีพระของหลวงปู่ยิ้มจำนวนมากมาย และหลากหลายพิมพ์แตกต่างกันออกไป ตามแต่จะหาช่างทำพิมพ์พระมาแกะพิมพ์พระให้ได้ การทำพิมพ์พระนั้น จะได้ช่างชาวบ้าน ในละแวกบ้านเจ้าเจ็ด และละแวกใกล้เคียงเช่น บ้านหนองลำเจียก มาแกะพิมพ์ให้ การแกะแม่พิมพ์ แกะจากหินลับมีด ( ลักษณะหินลับมีด โกนของพระ ) โดยมีลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นผู้แกะให้ และให้พระ, เณร, ลูกศิษย์ ใกล้ชิด และเด็กวัดฯ ช่วยกันผสม กดพิมพ์- แกะพิมพ์ และเผาตามพิธีการของท่าน ซึ่งกล่าวกัน ว่าท่าน ได้แรงบัลดาลใจมาจาก การสร้างพระเครื่องเนื้อดินเผา พระกรุ สมัยต่างๆ และจากพระโบราณจารย์ต่างๆ และพระเครื่องของท่านบางพิมพ์สร้างล้อพิมพ์ของวัดบางนมโค, มีบางท่านเล่าว่าพระพิมพ์ทรงสัตว์ของหลวงปู่ยิ้มนั้นช่าง ที่แกะแม่พิมพ์ของวัดเจ้าเจ็ดได้ขอต่อวิชา จากช่างที่แกะแม่พิมพ์ของวัดบางนมโค โดยค่าครูสำหรับการต่อวิชาแกะแม่พิมพ์เป็นเงิน ๑บาทในสมัยนั้นฯ การแกะพิมพ์พระแต่ละ พิมพ์เป็นฝีมือช่างชาวบ้าน ซึ่งมีฝีมือและความสวยงามทางพุทธศิลป์ที่แตกต่างออกไปตามความชำนาญของช่างใน ยุคนั้น นับได้ว่าชาวบ้านยุคนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในการ ถ่ายทอด ความสวยงามทางพุทธศิลป์ ไว้ให้รุ่นลูกหลาน ได้เชยชมอย่างสวยงามและลงตัวเป็นอย่างดี ซึ่งพิมพ์พระของหลวงปู่ยิ้มจะมีลักษณะเป็นฝา หลังจากแกะพิมพ์พระได้แล้ว หลวงปู่จะให้ชาวบ้านนำดินขุยปู และดินนวล ในทุ่งนาที่ขุดลงไปลึกเพื่อให้ได้ดินที่ละเอียดโดยมีข้าวก้นบาตร และเถ้าขี้ธูปที่บูชาพระประธานในโบสถ์ ผง วิเศษที่ท่านลบ และสรรพสิ่งอันเป็นมงคลที่ท่านรวบ รวมมา และท่านได้ใช้มูลดินของกรุงศรีอยุธยา ท่านยังสร้างพระพิมพ์เนื้อดินซึ่งเกิดจากแม่ธาตุทั้งสี่ มาประชุมหรือผสมรวมกัน คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ นำ บดและนวด และนำมากดใส่ลงในแม่พิมพ์พระที่มีลักษณะเป็นฝา และได้นำด้านหลังที่มีเนื้อดินไปวางโปะลงบนแผ่นไม้กระดานที่ได้เตรียมไว้ แล้วจึงถอดพิมพ์พระออกมาที่ละองค์ หลังจากนั้นก็จะทำการใช้ มีดบาง เปลือกหอยกาบ หรือช้อน ตามแต่จะหาได้ นำมาตัดแต่งตามตามขอบขององค์พระโดยรอบให้มีลักษณะสวยงาม บางองค์ก็ไม่ได้ตัดออกก็จะพบเนื้อดินเกินออกมา ซึ่งในการสร้างสมัยนั้นได้สร้างจำนวนมากและพระเครื่องยุคนั้นก็มิได้มีค่า มากมายอะไรการทำจึงทำแบบไม่ค่อยพิถีพิถันมากนักแต่จะทำให้ได้จำนวนมากๆ ไว้ก่อนดังนั้นของสวยๆจึงมีน้อยนัก หลังจากตกแต่งพระแล้วก็จะยกไม้กระดานที่เรียงรายวางพระเนื้อดินเหนียวอยู่ นั้น ไปตากแดดให้แห้งสนิทเสียแล้วจึงค่อยแกะออกจากไม้กระดาน ซึ่งด้านหลังพระของหลวงปู่ยิ้มจึงมีรอยเสี้ยนไม้กระดานเป็นที่สังเกตให้เห็น ได้ แล้วจึงนำมาใส่ไว้ในบาตรพอประมาณ จึงนำไปสุมไฟด้วยแกลบจนเนื้อดินพระแข็งสุกแดงได้ที่แล้วจึงลาไฟออกมารวบรวม ไว้ แล้วทำพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถ หลวงปู่ยิ้มจะทำบายศรีราชวัตร ฉัตรธง ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว อาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสาวกทุกพระองค์ ตลอดจนพระพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย โดยหลวงปู่ยิ้ม ได้ปลุกเสกเดี่ยวครบไตรมาส แล้วจึงนำบรรจุลงกรุเจดีย์รอบๆวัด และเก็บไว้บนหลังคาโบสถ์ บางส่วนที่เหลือก็แจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกคุ้งน้ำบ้านเจ้าเจ็ดและละแวก ใกล้เคียงนำไปติดตัวบูชาเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจให้ประพฤติดีละเว้นความชั่ว ทั้งปวง หรือใครมากราบไหว้หลวงปู่ก็เมตตาแจกให้ทุกคนไป พระที่หลวงปู่นำไปใส่กรุไว้นั้น หากหลวงปู่ทำวัตรเช้าแล้วหลวงปู่จะออกมาจากโบสถ์และจะเดินไปยืนสวดพระคาถา ที่หน้าเจดีย์ใหญ่น้อยที่ได้บรรจุพระของหลวงปู่ไว้ทุกครั้งเสมือนได้ว่าหลวง ปู่ได้ทำการปลุกเสกทุกวันหลังจากหลวงปู่ทำวัตรเช้าเสร็จ

 

566.พระผงว่าน 108 วัดพีระภูมาราม (วัดซอย 5) ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ปี2515 ให้บูชา 750 บาท

​

พระเด็จหนุมานแบกแท่น ผงว่าน ๑๐๘ วัดพีระภูมาราม (วัดซอย ๕) จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๕๑๕

พระครูวีรธรรมสุนทร(หลวงพ่อวินัย ปหงสโก) วัดพีระภูมาราม ซอย ๕ ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี สร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๕โดยมีส่วนผสมของว่าน ๑๐๘ ชนิดกับผงพุทธคุณและเศษแตกหักของพระเครื่องเก่าๆจำนวนมาก และได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ ทั้งในจังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกอย่างคับคั่ง เช่น หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลวงปู่หิน วัดหนองนา ลพบุรี หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา และสุดยอดพระเกจิของลพบุรี หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน เป็นแม่กองงานสร้างเลยทีเดียว พุทธคุณดีทางเมตตาและแคล้วคลาด

พระซุ้มกำแพงแก้ว วัดพีระภูมาราม (ซอย ๕) ต.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี จัดสร้างราวปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เพื่อหาทุนทรัพย์สร้างโบสถ์ มีทั้งหมด ๔ พิมพ์
๑. สมเด็จหนุมานแบกแท่น
๒. สมเด็จพระซุ้มกำแพงแก้ว
๓. พระพิมพ์นางพญา
๔. สมเด็จพิมพ์คะแนน

 

567.พระสมเด็จพิมพ์เกศไชโย รุ่น ๑ ผสมผงเก่าวัดระฆัง ปี ๒๕๑๒ อาจารย์แก้ว วัดชิโนรส กรุงเทพฯ ปี 2512 ชนวนมวลสาร พระสมเด็จวัดระฆังเก่าและชนวนผงตะไบพระกริ่งเก่ามากมาย ให้บูชา 750 บาท

​

ประวัติการจัดสร้าง พระเครื่องวัดชิโนรส ปีพ.ศ. 2512
วัดชิโนรสารามวรวิหาร (วัดชิโนรส) ตั้งอยู่ริมคลองมอญ ติดถนนอิสรภาพ
ตรงข้ามกับกรมอู่ทหารเรือ ฝั่งธนบุรี
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโรรส
เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส
ทรงสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3
จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอารามหลวง
ในปี พ.ศ. 2512 วัดชิโนรส มีพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่หลายวาระ
และปีนี้มีวันเสาร์ห้าด้วย โดยมีจุดประสงค์การสร้างวัตถุมงคล
เพื่อหาเงินมาบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด ได้มีการสร้างพระบูชา
และพระเครื่องอยู่หลายพิมพ์ เช่น
พระผงหลายสิบพิมพ์ เหรียญ พระกริ่ง รูปหล่อ ฯลฯ เป็นต้น
หัวแรงใหญ่ในการจัดสร้างพระเครื่องต่างๆ นี้เท่าที่ทราบมี 3 ท่านคือ
1. พระมหาประดับ แน่นหนา เป็นชาวสรรคบุรี จ.ชัยนาท
มีความนับถือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นอย่างยิ่ง
และได้นิมนต์ หลวงพ่อกวย มาร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล เป็นกรณีพิเศษ
2. พระปลัดมานพ เป็นศิษย์ของ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง
จึงนิมนต์ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง มาร่วมปลุกเสก
3. พระอาจารย์แก้ว มณีงาม
เนื่องจากวัดชิโนรส เป็นพระอารามหลวง ดังนั้น
การจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่ละครั้ง จึงต้องทำอย่างดี
และในงานนี้ มีพระเกจิดังๆ จากทั่วประเทศในยุคนั้น
มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกมากมาย (มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน) เช่น
1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
2. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์
3. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท
4.หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง บุรีรัมย์
5. พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
6.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ระยอง
7. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ฯ กทม
8. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
9. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
10. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม กาญจนบุรี
11. หลวงพ่อเสมียน วัดหนองกระทุ่ม ชลบุรี
12. พระอาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม.
13. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา
14. หลวงพ่อทอง วัดหมอสอ กาญจนบุรี
15. หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน ลำปาง
16. หลวงพ่อสุข วัดบันไดทอง เพชรบุรี ฯลฯ เป็นต้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเสร็จพิธีแล้ว
หลวงพ่อกวย ท่านได้เมตตานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวให้กับวัตถุมงคลชุดนี้เป็นพิเศษ
จนใกล้สว่างเลยทีเดียว ถือว่า วัตถุมงคลชุดนี้ ใช้แทนวัตถุมงคลของท่านได้เป็นอย่างดี

 

568.พระสมเด็จ วัดชิโนรส หลวงปู่นาค วัดระฆัง ออกที่วัดชิโนรส พิมพ์สังฆาฏิ แขนหักศอกหูบายศรี ให้บูชา 1350 บาท

​

สมเด็จวัดชิโนรส หลวงปู่นาค วัดระฆัง ร่วมปลุกเสก สร้างประมาณปี 250กว่าๆ สร้างโดยเจ้าคุณสุวรรณเวที(ทองดี เมธารัตน์ ราชธมฺโม) กับพระปลัดมานพ ทุลฺลโภ ขอแม่พิมพ์ และ มวลสาร ผงพระพุทธคุณ จากหลวงปู่นาค โสภโน วัดระฆังมา แล้วก็ตกแต่งแม่พิมพ์และแต่งพระพักตร์ให้มีพระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ และคางคน ตลอดจนเซาะสังฆาฏิให้ลึกชัดเจน ขัดเกลาแขนกางหักศอกให้ดูขึงขังดี มีหูบายศรี พระพักต์เทวดา สวมกระจังหน้า รูปชฎายอดเกศเรียวแหลมเป็นปลี ชูยอดจรดซุ้มเส้นลวด ดังนั้นพิมพ์นี้จึงมีชื่อว่า พระสมเด็จวัดชิโนรส พิมพ์สังฆาฏิ แขนหักศอกหูบายศรี เนื้อผงพุทธคุณ สีพิกุลแห้ง และเนื้อผงใบลานสีดำก็มี

พระสมเด็จ วัดชิโนรส หลวงปู่นาค วัดระฆัง ออกที่วัดชิโนรส พิมพ์สังฆาฏิ แขนหักศอกหูบายศรี นำให้หลวงปู่สุข ธัมมโชโต วัดโพธิ์ทรายทอง เสกด้วยเป็นกรณีพิเศษ

 

569.พระผงพุทธซ้อน รุ่นฉลองอายุครบ 7 รอบ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง ให้บูชา 650 บาท

​

ประสบการ์พระหลวงพ่อทรงหนุนดวง ค้ำดวง เพื่อไม่ชีวิตเราตกต่ำ

พระผงพุทธซ้อน" หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เป็นวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสหลวงพ่อทรง มีอายุครบ 7 รอบ ปี 2549 ด้านหลังประทับยันต์จินดามณี วัตถุมงคลของท่านล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน เป็นที่เสาะหากัน

หลวงพ่อทรง ท่านเล่าเรียนวิชาจากสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ซึ่งได้ตกมาจนถึงหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เขาว่า หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาเป็นพระทรงอภิญญาจิตชั้นสูง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ก็เคยไปเรียนการทำผงจินดามณีในสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อทรง ท่านได้รับสืบมาจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เพราะท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อมุ่ยหลายครั้งด้วยกัน

 

570.เหรียญพระแก้วมรกต(ทองแดง)อนุสรณ์ครบรอบ 30 ปี ธนาคารศรีนคร ปี 2523 ให้บูชา 650 บาท

​

เหรียญพระแก้วมรกต อนุสรณ์ครบรอบ 30 ปี ธนาคารศรีนคร เนื้อทองแดง ปี พ.ศ.2523 พิธีใหญ่ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก
ช่วงหลังพระหลวงปูดู่ และหลวงปู่โต๊ะ ราคาขี้นสูงมาก เหรียญนี้เริ่มนิยม และหายากเหรียญนี้เป็นของดีราคาถูก ออกแบบได้สวยงาม ได้รับความนิยมคนตามเก็บกันเยอะ จนหาไม่ค่อยเจอแล้ว

เหรียญพระแก้วมรกต สร้างเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ธนาคารศรีนคร ปี 2523 พิธีใหญ่ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และเกจิมากมายร่วมปลุกเสก
ด้านหลัง มีตัวอัขระ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ซึ่งเป็นอักขระชุดเดียวกะที่เขียนในเหรียญหลวงพ่อเดิมอันลือลั่น ถึง 2 ชุดทั้งเดินหน้าและถอยหลัง เพิ่มความเข้มขลังแบบทวีคูณเข้าไปอีก เป็นเหรียญดีที่น่าเก็บอีกรุ่นครับ
อะสังวิสุโลปุสะพุภะ เป็นพระพุทธคุณ 9 ประการของพระพุทธเจ้า ใช้เป็นพุทธานุสสติในการเจริญพระกรรมฐาน หมายถึงระลึกเอาคุณพระพุทธเจ้ามาเจริญภาวนา เจริญมากๆ จนกระทั่งจิตใจเป็นสมาธิ ก็จะระงับนิวรณ์ต่างๆในชั่วระยะอยู่ในฌาน สมเด็จพระพุฒาจารย์อาจ อาสภเถระท่านแนะนำว่า ต้องสวดมากๆ เพื่อทำให้พระพุทธคุณติดอยู่กับใจ หรือให้ใจติดกับพระพุทธคุณ เมื่อใจติดกับพระพุทธคุณดีแล้ว เรียกว่าจิตเป็นสมาธิ พอจะนึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ใจวิ่งไปหาพระพุทธคุณเลยทีเดียว หรือพระพุทธคุณมาปรากฏแก่ใจทันที อย่างนี้เรียกว่าเจริญได้ที่แล้ว.....ต้องสวดต้องท่องกันให้ได้ เพราะไม่ได้นี่แหละ เวลาภาวนา พระพุทธคุณ ก็ไม่มาคุ้มครองปกป้องรักษาเรา มีเหตุเภทภัย ก็คุ้มครองอะไรไม่ได้ และเพราะเราไม่เจริญพระพุทธคุณนี่แหละ เราก็ไม่รู้จักคุณพระพุทธเจ้าจริงๆ พระพุทธเจ้าก็เลยไม่รู้จักเรา เมื่อเราไปไหนมาไหน พระพุทธเจ้าก็ไม่ตามรักษา.....พระพุทธคุณนี้ ถ้าเจริญได้จริงๆ ใจรักจริงๆ ไปไหน พระพุทธเจ้าไปด้วย พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด ให้เราได้เล็ดลอดปลอดภัย ให้เราได้มีความสุขด้านจิตใจจริงๆ.........พระพุทธคุณ 9ประการนั้น คือ อิติปิโส ภควา สมเด็จพระผู้มรพระภาคพระองค์นั้น...
พระพุทธคุณ 9 ประการนี้ ย่อเหลือพระคุณละ 1 อักษร ดังนี้ คือ.-
1.อะ (อรหัง)-เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส.....
2.สัง(สัมมา สัมพุทโธ)-ตรัสรู้ความจริงด้วยพระองค์เอง โดยถูกต้อง.......
3.วิ(วิชชา จรณะสัมปันโน)-ทรงสมบูรณืด้วยวิชาสมบัติและจริยาสมบัติ........
4.สุ(สุคโต)-เสด็จไปดี......
5.โล(โลกวิทู)-ทรงรู้เท่าทันโลกทั้ง 3..........
6.ปุ(อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ)-ทรงเป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน.......
7.สะ(สัตถา เทวมนุสสานัง)-ทรงเป็นครูสอนทั้งเทวดาและมนุษย์........
8.พุ(พุทโธ)-ทรงเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส.......
9.ภะ(ภควา)-เป็นผู้ทรงแจกพระอมตะมรดก.......

 

571. พระดีที่น่าบูชา พระสมเด็จนางพญาหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง เนื้อผงเกสรผสมข้าวก้นบาตร พิมพ์ใหญ่ จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2514 ให้บูชา 1250 บาท

​

พระสมเด็จนางพญา หลวงพ่อเกษม เนื้อข้าวก้นบาตร สร้าง ปี 2514 ที่ระลึกบ้านธีระเวศน์ (แจกในงานขึ้นบ้านใหม่บ้านธีระเวศน์) เจ้าของบ้าน ขอความเมตตากับหลวงพ่อเกษม ให้ปลุกเศก เป็นกรณีพิเศษ จำนวนการสร้างน้อยแค่เพียงพอแจกในงาน

หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง อันจริยาวัตรของท่านหลายอย่างยังคงเป็นคำกล่าวขวัญกันอยู่ อย่างเช่น การขบฉันของท่าน ท่านก็ฉันแต่น้อย สองสามวันท่านจะฉันเพียงมื้อเดียวโดยท่านฉันรวม คือของคาวและของหวานเทรวมกัน บางครั้งท่านยังฉันข้าวบูดอีก ท่านนั่งบริกรรมกลางแดดในฤดูร้อนจนผิวหนังไหม้ ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางสายฝนในหน้าฝน ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของภาคเหนือ ตลอด ๓ เดือนเต็ม (นั่งบริกรรมกลางแจ้งโดยไม่เข้าร่มเลย) เคยมีผู้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ท่านนั่งบริกรรมกลางแจ้ง ท่านก็ตอบว่า " เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์ " และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ ระยะเวลาใน ๑ ปี หลวงพ่อจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และนับจากปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมาท่านก็มิได้อาบน้ำอีกเลย แต่ท่านกลับไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ แม้ว่าท่านจะออกนั่งภาวนาตากแดดก็ตามที เท่าที่ดูแล้วหลวงพ่อท่านกลับมีผิวพรรณผ่องใส ซึ่งท่านคงต้องเป็นผู้ตอบเองว่า เพราะอะไร และเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง วัตถุมงคลที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงมีอานุภาพสูง แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตามที

 

572. พระปิดตาแจกทานหลวงพ่อโอด วัดจันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เนื้อว่านผงน้ำมัน จัดสร้างขึ้นในปีพศ. 2522 ให้บูชา 1,650 บาท

​

พระปิดตาแจกทานหลวงพ่อโอด วัดจันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยพระปลัดบุศย์ ติกขปุญโญ นามสกุลเดิม แก้วปู่ อดีตรองเจ้าอาวาสวัดจันเสน และพระฐานานุกรมของหลวงพ่อโอดในขณะนั้นมีจิตศัทธาที่จะสร้างวัตถุมงคลใว้อย่างหนึ่งในชีวิตเพื่อเป็นพุทธบูชา เป็นกตเวทิตาบูชาแด่ท่านเจ้าอาวาสวัดจันเสน และเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ญาติโยมที่มาในงานฌาปนกิจศพของตัวท่านเอง

ในขณะที่เริ่มสร้างพระปิดตา พระปลัดบุศย์ มีอายุได้ ๖๐ ปี ต่อจากนั้นอีก ๒ ปี พระปลัดบุศย์ก็มรณะภาพเหมือนกับท่านรู้ตัวล่วงหน้า สังขารของท่านได้รับการฌาปณกิจที่วัดจันเสน พระปิดตาที่ท่านมีจิตศัทธาสร้างขึ้นได้นำมาแจกแก่ญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาที่มาช่วยในงาน สมดังเจตนาที่ท่านได้ตั้งใจใว้ก่อนมรณภาพ

เตรียมการสร้างถึง ๒ ปี

ในราวปี พ.ส. ๒๕๒๐ พระปลัดบุศย์ ติกขปุญโญ ได้รวบรวมมวลสารที่ศักดิ์ศิทธิ์ต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง และไหว้วานให้ศิษย์ตลอดจนผู้ใกล้ชิดออกรวบรวมสิ่งที่เป็นมงคลหายากต่างๆ เพื่อมาผสมเป็นองค์พระปิดตาเพื่อให้เกิดความขลังและศักดิ์สิทธิ์ ต้องใช้เวลานานถึง ๒ ปี กว่าจะได้สิ่งที่ต้องการจากทั่วประเทศจนครบ

มวลสารต่างๆ มีไม้มงคล ว่านมงคล ว่านมหาอำนาจ ว่านมหาโชค เกสรดอกใม้ ดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ผงพระศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ มีดังนี้
๑.ยอดต้นกาหลง
๒.ยอดต้นรักซ้อน
๓.ยอดต้นสวาด
๔.ยอดต้นหิ่งหาย
๕.ยอดต้นคูณ
๖.ยอดต้นราชพฤกษ์
๗.ยอดต้นโพธิ์
๘.ยอดต้นจิก
๙.ยอดต้นมะม่วง
๑๐.ว่านดาบนารายณ์
๑๑.ว่านดาบหลวง
๑๒.ว่านพญากาสัก
๑๓.ว่านพญาพิชัยดาบหัก
๑๔.ว่านมหาจักรพรรดิ์
๑๕.พญาว่านฟ้าทลายโจร
๑๖.ว่านพญาหอกหล่อ
๑๗.ว่านมหาปราบ
๑๙.ว่านพญาว่าน
๒๐.ว่านไชยมงคล
๒๑.ว่านเทพรำลึก
๒๒.ว่านเทพรำพึง
๒๓.ว่านเทพประชุมพร
๒๔.ว่านสาริกาลิ้นทอง
๒๕.ว่านห้าร้อยนาง
๒๖.ว่านปัดตลอด
๒๗.ว่านสาวหลง
๒๘.ว่านดอกทอง
๒๙.ว่านขมิ้นขาว
๓๐.ว่านช้อยนางรำ
๓๑.ว่านช้างผสมโรง
๓๒.ว่านนางล้อม
๓๓.ว่านกระแจะจันทร์
๓๔.ว่านเสน่หา
๓๕.ว่านมหาอุดม
๓๖.ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว
๓๗.ว่านเสน่ห์จันทร์แดง
๓๘.ว่านเสน่ห์จันทร์เขียว
๓๙.ว่านเสน่ห์จันทร์ดำ
๔๐.ว่านมหาบัว
๔๑.ว่านเศรษฐีนางกวัก
๔๒.ว่านกาหลง
๔๓.ว่านกวักพุทธเจ้าหลวง
๔๔.ว่านกวักนางพญาใหญ่
๔๕.ว่านมหาลาภ
๔๖.ว่านมหาโชค
๔๗.ว่านพุทธกวัก
๔๘.ว่านมหากวัก
๔๙.ว่านกวักทอง
๕๐.ว่านกวักพระพรหม
๕๑. ว่านกวักแม่จันทร์
๕๒.ว่านกวักโพธิ์เงิน-กวักโพธิ์ทอง
๕๓.ว่านรางเงิน ๕๔.ว่านรางทอง
๕๕.ว่านขอทอง
๕๖.ว่านเฒ่านำโชค
๕๗.ว่านเศรษฐีกอบทรัพย์
๕๘.ว่านเศรษฐีเรือนนอก
๕๙.ว่านเศรษฐีเรือนใน ๖
๖๐.ว่านขุนแผน
๖๑.ว่านแสงอาทิตย์
๖๒.ว่านช้างเผือก
๖๓.ว่านกุมารทอง
๖๔.ว่านหางช้าง
๖๕.ว่านกำแพงเจ็ดชั้น
๖๖.ว่านเพรชนารายณ์
๖๗.ว่านงาช้าง
๖๘.ว่าน๔ทิศ
๖๙.ว่านนาคุ้ม
๗๐.ว่านหนุมาน
๗๑.ว่านหนุมานนั่งแท่น
๗๒.ว่านธรณีสาร
๗๓.ว่านกวนอิม
๗๔.ว่านมหาหงส์
๗๕.ว่านพญากาเผือก
๗๖.ว่านเกาะเพชร
๗๗.ว่านกลิ้งกลางดง
๗๘.ว่านพระฉิม
๗๙.ว่านมเหศวร
๘๐.ว่านมะอะอุ
๘๑.ว่านสบู่เลือด
๘๒.ว่านลิงดำ
๘๓.ว่านเขาควาย
๘๔.ว่านไพลขาว
๘๕.ว่านรางจืด
๘๖.ว่านกระชายดำ
๘๗.ว่านเพชรม้า
๘๘.ว่านท้าวชมภูหนังแดง
๘๙.ว่านทิพย์เนตร
๙๐.ว่านคันธมาลา
๙๑.ว่านทรหด
๙๒.ว่านมหาเมฆ
๙๓.ว่านนางคำ
๙๔.ว่านพญาลิ้นงู
๙๖.ว่านสเลดพังพอน
๙๗.ว่านพญาจงอาง
๙๘.ว่านร่อนทอง
๙๙.ว่านพญามือเหล็ก
๑๐๐.ว่านเพชรสังฆาต
๑๐๑.ว่านหางจรเข้
๑๐๒.ว่านขันหมาก
๑๐๓.ว่านนํ้าเต้าทอง
๑๐๔.ว่านเฒ่าหนังแห้ง
๑๐๕.ว่านกำบัง
๑๐๖.ว่านปราบสมุทร
๑๐๗.ว่านกวักแม่ทองใบ
๑๐๘.ว่านพญานกคุ้ม
๑๐๙ว่านนิลพัตร
๑๑๐.ว่านพลับพลึง
๑๑๑.ว่านเพชรฉลูกันต์
๑๑๒.ว่านนันทวิศาล
๑๑๓.ว่านเศรษฐีดาวดึงส์
๑๑๔.ว่านอุมาวดี
๑๑๕.ว่านสบู่เหล็ก
๑๑๖.ว่านสบู่ล้อม
๑๑๗.ว่านพัดโบก
๑๑๘.ว่านสิงหโมรา
๑๑๙.ดอกไม้บูชาพระแก้วมรกต
๑๒๐.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อโสธร
๑๒๑.ดอกไม้บูชาพระพุทธชินราช
๑๒๒.ดอกไม้บูชาพระชินสีห์
๑๒๓.ดอกไม้บูชาพระศาสดา
๑๒๔.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อเพชร
๑๒๕.ดอกไม้บูชาพระพุทธสิหิงค์
๑๒๖.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
๑๒๗.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อมงคลบพิตร
๑๒๘.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
๑๒๙.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อโต วัดกัลยาฯ
๑๓๐.ดอกไม้บูชาหลักเมือง กทม.
๑๓๑.ดอกไม้บุชาหลักเมือง นครสรรค์
๑๓๒.ดอกไม้บูชาพระกาฬลพบุรี
๑๓๓.ดอกไม้บูชาพระประธานวัดช่องแค
๑๓๔.ดอกไม้บูชาหลวงพ่อนาควัดจันเสนนครสรรค์
๑๓๕.ไคลเสมา วัดพระแก้ว
๑๓๖.ไคลเสมา วัดพระพุทธชินราช
๑๓๗.ไคลเสมา วัดเบญจมบพิตร
๑๓๘.ไคลเสมา พระปฐมเจดีย์
๑๓๙.ไคลเสมา ภูเขาทอง
๑๔๐.ไคลเสมา วัดมหาวัน
๑๔๑.ไคลเสมากำแพงเพชร
๑๔๒.ไคลเสมา เจดีย์ใหญ่นครศรีธรรมราช
๑๔๓.ไคลเสมา วัดจันเสน
๑๔๔.ดินกรุ เก่าเมืองจันเสน
๑๔๕.ดินก้นกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา
๑๔๖.ดินก้นกรุวัดบางขุนพรหม
๑๔๗.ดินก้นกรุวัดบ้านกร่างสพรรบุรี
๑๔๘.ดินก้นกรุท่ากระดาน กาญจนบุรี
๑๔๙.ดินก้นกรุวัดนางพญา พิษณุโลก
๑๕๐.ดินก้นกรุเจดีย์ทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร
๑๕๑.ดินก้นกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุผงสุพรรณ สุพรรณบุรี
๑๕๒.ดินก้นกรุวัดมหาวัน ลำพูน
๑๕๓.เศษถ้วยชาม ตุ๊กตาดินเผา สมัยทราวดีจากเมืองจันเสนโบราณ
๑๕๔.เศษพระกรุ เศษพระเก่า เศษพระโบราณ เศษพระวัดระฆัง เศษพระวัดบางขุณพรหม เศษพระวัดสามปลื้ม ฯลฯ
๑๕๕.ผงอิทธิเจ ผงปัทมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณต่างๆของหลวงพ่อโอด ๑ บาตรใหญ่
นอกจากนี้ยังมีสิ่งของวัตถุมงคลต่างๆอีกเป็นจำนวนมากที่ชาวบ้านแถบวัดจันแสนบดมาถวาย

เมื่อได้มวลสารมาครบแล้วได้ผสมนํ้าพระพุทธมนต์..นํ้ามันงาหลวงพ่อรุ่ง นํ้ามันตังอิ้ว พิมพ์เป็นคราวๆไป โดยหลวงพ่อโอด มากดแม่พิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ หมดมวลสารพอดีได้พระปิดตาประมาณหนึ่งหมื่นองค์ เนื้อพระจะออกสีนํ้าตาลอ่อน นํ้าตาลแก่ จนถึงนํ้าตาลไหม้

เมื่อตกมาถึง พ.ศ.๒๕๓๒ เนื้อพระมีความแห้งหดตัว ผิวพระบางองค์มีรอยย่นยางของนํ้าว่านผุดขึ้นมา

ปลุกเสก

หลวงพ่อโอด ปลุกเสกให้ในพระอุโบสถ วัดจันเสน เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๒๑

พิธีพุทธาภิเษก
วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๒ มีพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลของ หลวงปู่สี วัดถํ้าเขาบุญนาค จังหวัดนครสรรค์ พระปลัดบุศย์ พระสุนันท์ พระครูใบฎีกา สิทธิพันธ์ นายจตุรงค์ นายอุดม และคณะศิษย์วัดจันเสน จึงนำพระปิดตาเนื้อว่านชุดนี้เข้า พิธีพุทธาภิเษก ที่วัดถํ้าเขาบุญนาค จ.นครสรรค์ด้วย

ในพิธีครั้งนั้นมี หลวงพ่อโอด เป็นเจ้าพิธีจุดเทียนชัย พระเกจิอาจารย์ที่ได้นิมนต์เข้าร่วมพิธพุทธาภิเษก มี
๑. หลวงปู่คำมี วัดถํ้าคูหาสวรรค์ ลพบุรี
๒.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
๓.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
๔.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู ลพบุรี
๕.หลวงพ่อสด วัดหางนํ้าสาคร ชัยนาท
๖.หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดบางเลน นครปฐม
๗.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร
๘.หลวงพ่อน้อย วัดหนองโพ นครสวรรค์
ฯลฯ

เมื่อเสร็จพิธีเล้ว พระปลัดบุศย์ได้นำพระปิดตา ออกแจกเป็นครั้งแรกให้แก่ พระเกจิอาจารย์ต่างๆ ที่มาเข้าร่วมพิธีองค์ละถุงใหญ่ๆจากนั้นจึงนำกลับ วัดจันเสน มอบให้แก่หลวงพ่อโอด ไว้แจกใน งานทำบุญวันเกิด ปี พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งคณะกรรมการวัดจัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม ของทุกๆปี ซึ่งวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๓๒ ตรงกับวันที่ ๗ เดือนยี่ ขึ้น๑๐ คํ่า...มีประชาชนไปสรงนํ้าหลวงพ่อโอดและรับแจกพระปิดตา กันมาก...หลวงพ่อโอดตั้งชื่อให้ว่า พระปิดตารุ่นแจกทาน


เมื่อเสร็จพิธีแล้ว พระปลัดบุศย์ ได้ขอหลวงพ่อโอดมาเก็บไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อแจกในงานวันฌาปนกิจศพของตัวเอง ส่วนที่เหลือทางคณะกรรมการวัดได้นำออกให้ประชาชนได้เช่าบูชา ในงานวันสงกานต์ และงานวันเพ็ญเดือนสิบสอง ได้ปัจจัยมาซ่อมแซมกุฏิวิปัสสนา สำเร็จถึง ๕ หลัง และหลวงพ่อโอด ท่านยังใจดี พระวัดใดในจังหวัดนครสวรรค์ มาขอวัตถุมงคลเพื่อสมณาคุณแก่ผู้มาทอดกฐิน ผ้าป่า ท่านก็จัดพระปิดตาเนื้อว่านรุ่นแจกทานให้ไป

พุทธลักษณะพระปิดตา รุ่นแจกทาน เนื้อว่าน พ.ศ. ๒๕๒๒
พิมพ์ สามเหลี่ยมหน้าจั่วปลายมนครึ่งซีก
ด้านหน้า เป็นองค์พระควัมบดี นั่งขัดสมาธิราบ พระวรกายอวบอ้วน พระเศียรกลมโต ยกมือทั้ง ๒ ขึ้นปิดตา ฝ่ามือทั้ง ๒ คลุมเต็มใบหน้า เห็นนิ้วมือทั้งสิบชัดเจน เห็นพระกรรณกางยาวจรดไหล่ ช่วงต้นแขนอวบโค้งมน ปลายแขนวางคํ้าพุง ซึ่งนูนเป็นรูปสามเหลี่ยม พระนภีโบ๋กลม พระชานุโค้ง ปลายพระบาทแหลม พระบาทขวาซ้อนพระบาทซ้าย องค์พระห่มจีวรแนบพระวรกาย ไม่แลเห็นชายจีวรหรือผ้าสังฆาฏิ แม่พิมพ์ตัดชิดองค์พระ

ด้านหลัง เรียบ มียันต์นูนเส้นบางๆ ๒ ยันต์ ยันต์บนเป็น ยันต์เฑาะขัดสมาธิ หางไขว้ขดสูงขึ้นไปคล้ายฉัตร ๕ ชั้น ด้านล่างเป็นยันต์อุ

ทั้ง ๓ พิมพ์แกะแม่พิมพ์จากฝีมือช่างคนเดียวกันพระลักษณะจึงเหมือนกัน

 

สวัสดียามเช้าครับ

 

573. เหรียญพระเจ้าเก้าตื้อ วัดสวนดอก หลังพระธาตุดอยสุเทพ ปี2515 ให้บูชา 550 บาท

​

จัดสร้างโดยวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์จำลอง วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2515 สมเด็จย่าฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จเป็นประธานพิธี นับเป็นพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ก็ว่าได้ และนับเป็นหนึ่งเหรียญยอดประสบการณ์ของภาคเหนือ พิธีปลุกเสกหมู่โดยพระเกจิอาจารย์แห่งล้านนา รวมทั้งพระเกจิที่มีชื่อเสียงทั่วแดนสยามถึง 108 รูป อาทิเช่น - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง - หลวงพ่อเกษม เขมโก - ครูบาคำแสน วัดสวนดอก - ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล - ครูบาชุ่ม วัดวังมุย - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม - หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ - อาจารย์นำ แก้วจันทร์ และอาจารย์ชุม ไชยคีรี (ฝ่ายฆราวาส) ฯลฯ

 

574. รูปเหมือนคุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ปี ๒๕๕๕ ครูบากฤษดา วัดป่าบ้านยาง อธิษฐานจิต ให้บูชา 1000 บาท ปิดครับ

​

รูปเหมือนคุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม บรรจุมวลสารเก่าที่ท่านอธิฐาน สิ่งมงคลที่บรรจุใต้ฐาน มีผงแป้ง-หลวงปู่บุดดา-ปูนอธิฐาน-ทรายทอง ข้าวตอกพระร่วง-ศิลาน้ำ-อื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง รูปเหมือนคุณแม่เนื้อสำริดเหลือง ตอกโค๊ต บ ตรงคำว่าแม่ชีบุญเรือน พิธีใหญ่แห่งปี 2555
ของดีน่าเก็บไว้บูชา. พิธีใหญ่ ขณะที่ครูบากฤษดา ปลุกเสกลูกศิษย์ได้ทำการถ่ายรูปภาพ ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ในขณะที่ครูบากฤษดาปลุกเสกมีลำแสงสีทองพวยพุ่งมาจากองค์พระประธาน โดยมีคุณยายนพรัตน์ ศิษย์คุณแม่บุญเรือนก็มาร่วมพิธีด้วย

 

99

 

ปิดรายการครับ

 

575. พระดีน่าบูชา พระว่านยา สมเด็จสองพี่น้อง (หลวงพ่อดำ หลวงพ่อขาว) วัดเสน่หา ปี 2506 ให้บูชาชุดละ 799 บาท

​

พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ปลุกเสก….สมเด็จว่านยา พระสมเด็จหลวงพ่อดำ-หลวงพ่อขาว ทำพิธี พุทธาภิเษกถึง 3 วาระด้วยกัน
…ครั้งที่ 1 นำว่านยาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ที่จะใช้สร้างพระสมเด็จหลวงพ่อดำ-หลวงพ่อขาว ทำพิธีพุทธาภิเษกด้วยพระปาติโมกข์ ในพระอุโบสถ ในวันจาตุรงคสันนิบาต วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2506
… ครั้งที่ 2 นำว่านยาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ผ่านการบดละเอียดเป็นผงแล้ว มาทำพิธีบวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลให้ร่วมเทวาภิเษกเพื่อให้เป็น ทิพยวัตถุ โดยมีพระสงฆ์ 32 รูปเท่าอาการ 32 ของคน ร่วมทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สวดชยันโต และทำพิธีกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์
… ครั้งที่ 3 นำพระสมเด็จหลวงพ่อดำ- หลวงพ่อขาว ที่กดพิมพ์เรียบร้อย ลงทำพิธีพุทธาภิเษก ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2506 โดยมี พระเทพเจติยาจารย์ (วงศ์) หรือหลวงปู่ใหญ่ เป็นผู้จุดเทียนชัยเป็นปฐมฤกษ์

((( มวลสารหลักที่ใช้สร้าง พระหลวงพ่อดำ-หลวงพ่อขาว ได้แก่ ว่านยา 108 ชนิด ที่มีคุณวิเศษ ไม่ซ้ำกัน อาทิ พระยาว่าน ว่านท้าวมหาพรหม ว่านแม่โพสพ ว่านนะโมพุทธายะ ว่านช้างผสมโขลง ว่านขุนแผน ว่านพิชัยดาบหัก ฯลฯ ดอกไม้ 108 ชนิด ที่ไม่ซ้ำกัน อาทิ ดอกปทุมบัวหลวง ดอกเสี่ยงทาย ดอกสาวตามชู้ ดอกว่านหางกระรอก ดอกรัก ไม่ลืม ดอกดาบนารายณ์ ดอกเสือหมอบ ฯลฯ แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ดอกว่านขันหมากเงิน-ขันหมากทอง ซึ่งต้องเก็บในวันเข้าพรรษา อย่างละ 9 ดอก นำไปบูชาที่หน้าพระพุทธรูปพร้อมกับสวดมนต์ปลุกเสกทุกวัน จนครบไตรมาส จึงจะนำมาใช้ได้ น้ำท่า 108 บาง ที่ไม่ซ้ำกัน อาทิ บางไทร บางเลน บางพระ บางอ้อม บางระกำ เป็นต้น ดอกไม้บูชาพระประธานในพระอุโบสถ คืนวันเข้าพรรษา และต้องนำมาถึงที่วัดเสนหาภายในคืนวันเข้าพรรษา 108 วัด ดอกไม้ที่พุทธศาสนิกชนนำไปบูชาพระประธานในพระอุโบสถเนื่องในวันมาฆบูชา และต้อง นำกลับมาที่วัดเสนหาภายในคืนวันมาฆบูชา 108 วัด น้ำในมหานที 9 สาย นำมา ทำน้ำมนต์ประพรม พระหลวงพ่อดำ-หลวงพ่อขาว ตะไคร่น้ำ ที่พระบรมมหาเจดีย์ 9 แห่งดินโป่ง 9 แห่ง แร่ธาตุ 9 ชนิด อาทิ แร่สังขวานร เป็นต้น ผงวิเศษได้จากที่ต่างๆ กัน 11 ชนิด อาทิ ผงหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ที่หลวงปู่เฮี้ยง ใช้ในการผสมสร้างพระปิดตาของท่าน เป็นต้น ดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงพระธัมมจักฯ และที่ปรินิพพาน ผงวิเศษ 5 ชนิด ของ อ.ชุมไชยคีรี น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ 14 แห่ง อาทิ น้ำมนต์จากพิธี 25 พุทธศตวรรษ ที่ท้องสนามหลวง น้ำมนต์หลวงพ่อทิม วัดช้างให้ น้ำมนต์ในพระอุโบสถวัดพระแก้ว เป็นต้น ขี้เถ้าธูปจากกระถางบูชาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 11 แห่ง อาทิ ศาลพ่อตาหินช้าง ศาลหลักเมืองปัตตานี หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ เป็นต้น นอกจากสิ่งของที่กล่าวมาข้างต้น ยังได้ดอกไม้ที่ในหลวงใช้บูชาพระแก้วมรกตในคืนวันจาตุรงคสันนิบาต เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2506 มาผสมด้วย )))
พระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น เข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษก อาทิ
พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช,
หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม,
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม,
ท่านเจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ (เฮี้ยง) วัดอรัญญิการาม จ.ชลบุรี,
หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี,
หลวงพ่อสำเนียง วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม,
หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี,
หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก จ.นครปฐม,
หลวงปู่นาค วัดระฆัง กรุงเทพ ฯลฯ โดยมีอาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นเจ้าพิธี
พระเครื่องทั้งหมดแบ่งออกเป็น 2 พิมพ์ 2 สี เรียกว่า พระว่านยาหลวงพ่อขาวและหลวงพ่อดำ พระว่านยาหลวงพ่อขาวเป็นพระปางปฐมเทศนา ประทับนั่งบนฐานบัวสองชั้นข้างล่างมีอักษรไทยว่า หลวงพ่อขาว ส่วนพระว่านยาหลวงพ่อดำเป็นพระปางสมาธิ ประทับนั่งบนฐานบัวเช่นกัน และด้านล่างมีอักษรไทยว่า หลวงพ่อดำ พระว่านยา สมเด็จสองพี่น้องนี้ มีอายุ 50 กว่าปีแล้วครับ ไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จัก