ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="97%">การสวดมนต์ภาวนาสร้างสนามพลังแห่งมนุษยชาติ</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> โดย Dr.G.G. Junior

    ที่มา
    </td> </tr> <tr> <td> </td> <td>www.universal-signal.com</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr> <td width="3%"> </td> <td width="92%">
    ใน การสร้างสนามพลังแห่งมนุษยชาติเพื่อนำเอาพล้งนี้ที่ได้ ส่งไปช่วยในการปรับสมดุลพลังแห่งธรรมชาติของโลกและจักรวาลนั้น ในฐานะมนุษย์แล้ว สมควรร่วมกันภาวนาช่วยโลก และจักรวาลสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่นที่สุด และเป็นการช่วยมนุษย์และสรรพชีวิตให้รอดพ้นจากมหันตภัยที่ร้ายแรง โดยลดความรุนแรงดังกล่าวให้ทุเลาเบาบางที่สุดด้วย สำหรับบทสวดนั้น เป็นบทสวดที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ การให้เมตตากรุณาต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย ใครนับถือศาสนาใด ก็ขอให้นำบทสวดที่มีเนื้อหาดังกล่าวในศาสนาของตน สวดภาวนา สามารถสวดภาวนาได้ทุกๆ วัน หรือวันละหลายเวลา แต่ถ้าไม่มีเวลามากขอให้สวดทุกวันเดือนเพ็ญ และทุกวันเดือนดับ เวลาในรอบวันที่เหมาะต่อการส่งพลังมากที่สุด คือ สวดภาวนาเริ่มพร้อมกันที่ ๒๐.๐๐ น. เมื่อสวดเสร็จแล้ว ก็ทำการแผ่เมตตาเป็นคำอธิฐานที่มีการปฏิบัติ และความหมายตามที่เป็นตัวอย่างให้แล้วตอนท้าย สรุปสวดภาวนาเวลา ๒๐.๐๐ น. ของทุกวัน และอธิฐานแผ่เมตตาร่วมกัน เมื่อสวดเสร็จประมาณ ๒๐.๓๐ น. การแผ่เมตตาเป็นตามที่อธิบาย ใช้เวลาประมาณ ๑๕-๓๐ นาที จึงเสร็จประมาณ ๒๑.๐๐ น. (ศาสนาใดก็สามารถใช้บทสวดภาวนาของตนได้)
    </td> <td width="5%"> </td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr> <td> </td> <td>

    ที่มา
     
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    มหันตภัยมนุษยชาติ


    สิ่งที่มนุษย์อยากเอาชนะมากที่สุดคืออะไร นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคำตอบที่ตรงประเด็นที่สุดคือ... การเอาชนะธรรมชาติ

    <table border="0"> <tbody><tr> <td> [​IMG]</td> <td>โดย เฉพาะมัจจุราชที่มนุษย์ตั้งตัวรับมือไม่ทัน เช่น กรณีน้ำท่วม แม้เคยมีประสบการณ์เผชิญหายนะมาแล้วกี่ครั้งกี่ครา ยอดผู้เสียชีวิต ตัวเลขทรัพย์สินเสียหาย มีแต่จะเป็นเส้นกราฟที่พุ่งทะยานขึ้นไปทุกปี
    ณ วินาทีนี้ ภัยธรรมชาติก็ยังเป็นศัตรูหมายเลข 1 จนกระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติจากทั่วโลกหลายคนยอมถอดใจและยอมรับตรงกันว่า
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="507" border="0" height="4412"> <tbody><tr> <td> “จงเข้าใจธรรมชาติ...อย่าคิดควบคุมมัน...แต่ให้ปรับตัวเข้าหามัน”

    ดังนั้น รายงานฉบับนี้จึงได้รวบรวมเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นมาของภัยธรรมชาติ ประเภทต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมวิธีรับมือ รวมถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นข้อมูลให้ศึกษาเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่คาดการณ์ว่า จะรุนแรงมากขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังมีรายงานพิเศษรวบรวมข้อมูลคำพยากรณ์ “วันน้ำท่วมโลก” เพื่อยืนยันว่ายังมีนักวิชาการและผู้ทรงความรู้อีกหลายกลุ่มที่เชื่อว่า “วันน้ำท่วมโลก” ต้องมาถึงแน่นอน

    มัจจุราชไร้พรมแดน
    ภัยพิบัติธรรมชาติ (Disaster) ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ (Hydro-meteorological Disaster) เช่น น้ำท่วม พายุไต้ฝุ่น ไฟไหม้ป่า ฯลฯ และภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ (Geophysical Disaster) เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ ฯลฯ โดยจากสถิติพบว่า ภัยธรรมชาติแบบแรกสร้างความเสียหายให้แก่มนุษยชาติมากกว่าถึงร้อยละ 90 ในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานของอาเซียนเดือนกรกฎาคม 2549 ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นักวิทยาศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยข้อมูลผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า ระหว่างปี 2532-2545 ประเทศไทยได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว 7 หมื่นล้านบาท ส่วนฟิลิปปินส์เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท

    กระทรวงก่อสร้างญี่ปุ่นรายงานว่า โลกกำลังเผชิญภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น มีประชากรโลกได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเพิ่มร้อยละ 6 ต่อปี หรือเฉลี่ยประมาณ 3 เท่าของอัตราการเกิดประชากรโลก ในขณะที่กรมอุตินิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization หรือ WMO) รายงานว่าทวีปเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด ประชากรเอเชียเสียชีวิตจากภัยธรรมชาติประมาณ 4 หมื่นคนต่อปี

    สำหรับมหันตภัยธรรมชาติที่ประเทศไทยกำลังรับศึกหนักนั้น หากแยกแล้วมีอยู่ 5 ประเภทใหญ่ คือ น้ำท่วม ไฟไหม้ป่า ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสุดท้ายคือเรื่อง “ภาวะโลกร้อน”
    ผู้รู้กลุ่มหนึ่งพยากรณ์ว่าอีก 50 ปีข้างหน้า หรือในปี 2600 ประชากรโลกจะเผชิญปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ทั้งปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งมากที่สุด สอดคล้องกับนักวิชาการจากประเทศไทยที่คาดการณ์ตรงกันว่า ในอนาคตแผ่นดินนี้ต้องประสบภัยร้ายแรงจากธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง และความรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่น ฝนตกหนักน้ำท่วมโคลนถล่ม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 เป็นความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชั่วอายุคน

    ภายในพริบตา...โคลนถล่มบ้านเรือนไร่นาเสียหายเกือบทั้งหมู่บ้าน ความรุนแรงของฝนตก-น้ำทวม-ดินถล่มครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตใน 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างถึง 83 คน บ้านเรือนเสียหาย 673 หลัง พื้นที่เกษตรเสียหาย 481,830 ไร่ รวมมูลค่า 308 ล้านบาท
    ผ่านโศกนาฏกรรมโคลนถล่มไม่ถึง 3 เดือน ชาวบ้านก็เผชิญกับ “พายุช้างสาร” ที่ส่งผลให้น้ำท่วมตั้งแต่ภาคเหนือตอนบนจนถึงภาคกลางและภาคอีสานรวม 47 จังหวัด 442 อำเภอ 40 กิ่งอำเภอ 16 เขต 3,054 หมู่บ้าน สร้างความเดือนร้อน 5.1 ล้านคน เสียชีวิตสูงถึง 331 คน บ้านเรือนพังยับเยินเกือบ 1 ล้านหลัง พื้นที่เกษตรเสียหาย 5.6 ล้านไร่

    ผู้เฒ่าผู้แก่เมืองปากน้ำโพ นครสวรรค์ จนถึงกรุงเก่าอยุธยาต่างยืนยันตรงกันว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นพายุกระหน่ำอย่างต่อเนื่องและยาวนานทั่ว พื้นที่สุดลูกหูลูกตาอย่างนี้มาก่อน

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ไฟป่าที่แม้จะเกิดขึ้นทุกปีในภูเขาสูงชันภาคเหนือ แต่ช่วงต้นปี 2550 นับเป็นครั้งแรกที่หมอกควันพิษปกคลุมเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน จนกรมควบคุมมลพิษต้องประกาศเป็นพื้นที่วิกฤติทางมลพิษ ชาวบ้านและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า มีผู้ป่วยจากหมอกควันพิษจาก 5 จังหวัด รวม 5.6 หมื่นราย

    ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรจะมีคู่มือภัยพิบัติธรรมชาติ เพื่อเตรียมตัวรับมือเบื้องต้น หากมีมหันตภัยมาถึงหน้าบ้าน เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเหยื่อยภัยน้ำท่วม-ดินถล่ม ที่มักกล่าวว่า...หากมีสติรู้วิธีป้องกันเฉพาะหน้า...ก็คงไม่ต้องสูญเสียแบบ นี้
    31 หน่วยงานทับซ้อน

    ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสึนามิถล่มภาคใต้เมื่อเดือนธันวาคม 2547 ทำให้ภาครัฐและเอกชนเริ่มตื่นตัวในการรับมือภัยพิบัติร้ายแรงต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

    จากข้อมูลของศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ ระบุได้ว่าความรุนแรงของภัยในอดีตกับปัจจุบันแตกต่างกันมาก แต่ภัยที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงขึ้นเลย เพียงแต่ความเสียหายมากขึ้นเนื่องจากฝีมือมนุษย์! ประชาชนเสี่ยงภัยมากขึ้นจากการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ริมน้ำ เนื่องจากบริเวณริมแม่น้ำหรือชายฝั่งทะเล มีความสำคัญต่อทั้งด้านเศรษฐกิจและการคมนาคม

    เป็นการย้ายถิ่นฐานแบบไม่มีการบริหารจัดการ หรือตระหนักถึงภัยพิบัติธรรมชาติประจำท้องถิ่น ดร.เสรี ยกตัวอย่างว่า ในอดีตน้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมชาติ ชาวบ้านไม่เดือนร้อนเสียหายมาก เพราะสร้างบ้านเป็นใต้ถุนสูง แต่ปัจจุบันโครงสร้างบ้านแบบมีใต้ถุนเหลือน้อยเต็มที เมื่อน้ำท่วมแต่ละครั้งจึงพัดทุกอย่างพังพินาศหมด ยังโชคดีที่ภัยน้ำท่วมนั้นสามารถใช้เทคโนโลยีพยากรณ์ล่วงหน้าได้ 3 วัน โดยดูจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา

    แต่ “แผ่นดินไหว” ไม่สามารถทำนายได้เลย แม้จะวิเคราะห์จากลักษณะของเปลือกโลก อย่างดีก็คาดเดาได้เพียงว่า มีโอกาสที่จะเกิดที่นั่นที่นี่ แต่ชี้ชัดระบุวันเวลาและขนาดความรุนแรงไม่ได้ ต้องรอให้เกิดเสียก่อน เช่น คลื่นยักษ์สึนามิที่คร่าชีวิตคนไปเกือบ 3 แสนภายในเวลาไม่กี่นาที

    ดร. เสรี ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า การบริหารจัดการ และการเตรียมรับมือภัยธรรมชาติของภาครัฐนั้น “ล้มเหลวทั้งในอดีตและปัจจุบัน”

    เพราะรัฐบาลเน้นจัดการด้านวัตถุมากเกินไป ไม่มีการจัดการเป็นระบบและเน้นการจัดการปัญหาเฉพาะจุด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน ปัจจุบันมีหน่วยงานเกี่ยวกับภัยพิบัติทำงานทับซ้อนกันถึง 31 หน่วยงาน การทำงานของแต่ละหน่วยงานไม่ต่อเนื่องและเชื่อกันว่า ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการเมือง ! รัฐบาลที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองต่างมองข้ามปัญหานี้ ไม่จัดการที่ต้นเหตุ แต่กลับคอยจัดการที่ปลายเหตุ คือ เมื่อหลังเกิดภัยธรรมชาติแล้วนั่นเอง

    แต่เหมือนประเทศไทยจะไม่เคราะห์ร้ายนัก เนื่องจากยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ กระจายอยู่ทั่วประเทศ 1,383 โครงการ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้ออีก 964 โครงการ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาราษฎร์ไม่ให้ประสบภัยธรรมชาติอย่างโดดเดี่ยว

    โลกเปลี่ยนเพราะโลกร้อน
    นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแสดงผลวิจัยตรงกันว่า อีก 100 ปีข้างหน้าโลกจะร้อนขึ้น 1-6 องศาสเซลเซียส ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทวีปต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 12-15 เซ็นติเมตร

    อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จัดทำสารคดีชื่อดัง “โลกร้อน ความจริงที่น่าอึดอัด (An Inconvenient Truth)” เพื่อปลุกเร้าให้ชาวโลกรับรู้ถึงผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อม และความน่าสะพรึงกลัวของ “ภาวะโลกร้อน”
    โลกมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่...ข้อมูลตัวอย่างภัยพิบัติจากโลกร้อน ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เริ่มถ่ายทอดผ่านสื่ออย่างจริงจัง ทั้งสารคดีโทรทัศน์ ตำราวิชาการ งานวิจัย ฯลฯ โดยเฉพาะในเวบไซต์ โดยข้อมูลตัวอย่างเหล่านี้สามารถแบ่งเป็น 3 ด้านสำคัญคือ

    1. ด้านภูมิอากาศ ทรัพยากรน้ำ และชายฝั่ง
    ความ แปรปรวนของลมฟ้าอากาศ ถูกถึงมาสู่ผลของโลกร้อนชัดเจนที่สุดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังคลื่นความร้อนทำให้คนในยุโรปตายถึง 3.5 หมื่นคน แต่ข้อมูลที่สร้างความน่าสะพรึงกลังที่สุด คือ นักวิชาการยืนยันซ้ำว่า ภาวะโลกร้อนทำให้พายุเกิดความรุนแรงและบ่อยมากขึ้น เช่น พายุเฮอริเคน พายุไต้ฝุ่น พายุไซโคลน ฯลฯ

    ปี 2004 รัฐฟลอริดาเผชิญพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ถึง 4 ลูก และปีถัดมา โศกนาฏกรรมร้ายแรงก็เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2005 “เฮอริเคนแคทรีนา” พัดถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์และหลุยเซียนา ทำให้พลเมืองเสียชีวิตถึง 1,836 ราย มูลค่าความเสียหาย 81,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท

    เช่นเดียวกับญี่ปุ่น จากสถิติที่มีพายุไต้ฝุ่นไม่เกินปีละ 7 ลูก ทว่านับตั้งแต่ปี 2004 เกิดพายุขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10 ลูกต่อปี จนไม่สามารถคาดการณ์ภูมิอากาศในอนาคตอย่างแม่นยำได้อีกต่อไป

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 รัฐบาลจีนรายงานถึงภาวะสับสนจากภัยฝน-ภัยแล้งที่มาพร้อมกัน โดยเทศบาลนครฉง มณฑลเสฉวนทางภาคตะวันตก ถูกพายุฝนกระหน่ำและฟ้าผ่าทำให้คนตายทันที 21 ราย และเกิดอุทกภัยทำให้ชาวจีน 1 แสนคนไร้ที่อยู่
    แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน มณฑลกานซูทางภาคเหนือ กลับประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง ชาวบ้าน 1.6 ล้านคน ไม่มีน้ำสะอาดดื่ม เพราะฝนไม่ตกมา 2 เดือนแล้ว ทำให้พืชไร่เสียหายกว่า 9 ล้านไร่ นักวิชาการจีนเตือนว่าสภาวะอากาศแปรปรวนนี้เกิดจากอิทธิพลโลกร้อน

    ไม่เฉพาะชาวท้องถิ่นเท่านั้น นักท่องเที่ยวก็เผชิญมหันตภัยโลกร้อนเช่นกัน นายฉิง ต้าเหอ ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาจีน เตือนว่าเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวที่สูงที่สุดในโลกระหว่างเฉินตู-ทิเบต ซึ่งเป็นฝันใหม่ของนักผจญภัยกำลังได้รับผลกระทบจากโลกร้อนเช่นกัน ด้วยความยาว 1,142 กิโลเมตร สร้างเหนือยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 5,072 เมตร นักท่องเที่ยวอาจไม่สนุกสมใจเหมือนเดิม เนื่องจากอากาศร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้พื้นดินใต้ทางรถไฟทรุดตัวลง จนทำให้ทางรถไฟบางส่วนไม่มั่นคงปลอดภัย

    2. ด้านการเกษตร-การผลิตอาหาร
    ความแห้งแล้งทำลายพื้นที่ 12.5 ล้านไร่ในแอฟริกา ปริมาณน้ำในแม่น้ำต่างๆ ลดลงแล้ว 25% ส่งผลกระทบต่อการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และสัตว์ป่า คาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรมากกว่า 20 ล้านคนในทวีปนี้จะขาดแคลนน้ำดื่มและอาหารอย่างรุนแรง
    โรคระบาดเกิดใหม่เริ่มแพร่หลายในแปลงเกษตร แมลงศัตรูพืชเพิ่มมากขึ้น ปลา และสัตว์น้ำมีการเคลื่อนย้ายตามกระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศทางตลอดเวลา
    ตัวอย่างจากชาวนาประเทศจีน ที่กำลังเผชิญปัญหาจำนวนหนูเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ให้ข้อมูลว่า อากาศในฤดูหนาวปีนี้อบอุ่นกว่าทุกปี อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 2-4 องศา และหิมะในแถบภูเขาละลายไปแล้วอย่างรวดเร็ว 32 เซ็นติเมตร ส่งผลให้ประชากรหนูขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และเข้ารุกรานพื้นที่การเกษตรกว่า 12 ล้านไร่แล้ว
    นอกจากนี้ ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติยังระบุว่า ต้นปี 2005 สัตว์หลายสายพันธุ์กำลังย้ายถิ่นอย่างสับสน เช่น นกกระเรียน ซึ่งเดิมยังต้องบินลงใต้ไปยังสเปนหรือโปรตุเกสช่วงฤดูหนาว แต่ปีนี้พวกมันกลับใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมันีซึ่งมีสภาพอากาศหนาวจัด การย้ายถิ่นแบบผิดที่ผิดเวลาอาจส่งผลให้สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ เพราะไม่สามารถหาอาหารหรือผสมพันธุ์ได้

    เช่น นกที่หากินริมชายฝั่ง เมื่ออากาศร้อนหนาวแปรผัน ฤดูฟักไข่ของนกเริ่มไม่ตรงกับฤดูที่พวกหนอนเจริญเติบโตเต็มที่ ด้วยเหตุนี้นกบางสายพันธุ์จึงไม่สามารถหาหนอนมาเลี้ยงดูลูกนก ที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ได้

    3. โรคภัยไข้เจ็บ
    หาก สังเกตอย่างละเอียดจะพบโรคอุบัติใหม่และเชื้อโรคกลายพันธุ์หลายชนิด ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เช่น ข้อมูลจากห้องแล็บระบุว่า ในอดีตเชื้อไวรัสกับเชื้อแบคทีเรียไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ แต่เมื่ออุณหภูมิโลกค่อยๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื้อโรคก็เติบโตผิดปกติ เช่น กรุงไนโรบิในเคนยา กับกรุงฮาราเรในซิมบับเว ที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องยุง เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่สูง แต่วันนี้ยุงกลายเป็นปัญหาที่พวกเขาไม่เข้าใจ

    ไวรัสนิปาห์เป็นตัวอย่างที่สารคดีเกี่ยวกับโลกร้อนนำมากล่าวถึงหลายครั้ง เพราะเป็นเชื้อโรคที่ถูกค้นพบใหม่ในโลก เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เคยระบาดหนักในมาเลเซีย เป็นเชื้อทำให้เกิดโรคสมองอักเสบในหมู จากนั้นก็ติดต่อมายังคน ผู้ป่วยกว่า 100 คน ตายลึกลับ เพราะหมูติดไวรัสนี้จะมีอัตราการตายเพียงแค่ร้อยละ 5 แต่ถ้ามนุษย์ติดจะเสียชีวิตร้อยละ 40

    จนกระทั่ง นายเกรกอรี โจนส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยอเมริกัน ยูนิเวอร์ซิตี้ เซาเทิร์น โอเรกอน ในสหรัฐ กับนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยบอร์กโดซ์ในฝรั่งเศส ระบุตรงกันว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อไร่องุ่นทางภาคใต้ของฝรั่งเศสและแคลิฟอร์เนียแล้ว โดยทำให้รสชาติของไวน์ที่พวกเราดื่มสังสรรค์กันทุกมื้ออาหารกำลังเปลี่ยนรส ชาติไป เช่น อาจมีรสหวานมากขึ้น และระดับแอลกอฮอล์อาจสูงขึ้นด้วย

    แต่สิ่งที่จะสรุปยืนยันความสูญเสียจากภาวะโลกร้อนได้ดีที่สุด คือ ข้อมูลของบริษัทประกันภัยในสหรัฐอเมริกา ที่รายงานว่าช่วง 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยต้องจ่ายเงินชดเชยให้เหยื่อจากพายุ น้ำท่วม ไฟป่า หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ เพิ่มสูงถึง 15 เท่า คือจาก 1.4 แสนล้านบาทในปี 1970 เพิ่มเป็น 2.1 ล้านล้านบาท

    ในปี 2005 วงการประกันภัยกำลังให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ผลกระทบว่าภูมิอากาศที่เปลี่ยน ไป จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและมีความเสี่ยงมากแค่ไหน และอาจไม่มีการรับทำประกันภัย ที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติอีกต่อไป

    แม้ภาพรวมทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสาเหตุสำคัญของโลกร้อนแค่ 0.8% หรือประมาณอันดับ 91 ของโลก แต่ข้อมูลจาก World Resources Institute ยืนยันสิ่งที่น่าตกใจว่า

    คนไทยมีส่วนทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น โดยปล่อยก๊าซชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี และภายใน 10 ปี เพิ่มมากเกือบ 1 เท่า โดยปี 2548 คนไทยปล่อยก๊าซชนิดนี้ 172 ล้านตันต่อปี และในปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ปีละ 260 ล้านตัน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวปล่อยเพียงปีละ 0.4 ล้านตันเท่านั้น ส่วนอันดับ 1 ของโลกยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา คือปีละ 5,762 ล้านตัน

    “วันน้ำท่วมโลก มีจริงหรือไม่?”
    คำ ทำนาย “วันน้ำท่วมโลก” ยังถูกกล่าวถึงในคนหลายกลุ่มตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น 2525 โลกาวินาศ, 2551 อภิมหาวิปโยค, 2560 วันชำระล้างคนบาป ฯลฯ แต่ที่ทันสมัยและได้รับการกล่าวขานในยุคนี้คือ “พุทธพยากรณ์และภัยพิบัติโลก” ที่ถูกนำมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เนต มีการโพสต์หรือส่งต่อไปยังอีเมลหรือเวบไซต์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นเรื่องไม่มีสาระ หรือไม่มีความเป็นไปได้ทางหลักวิทยาศาสตร์ แต่กลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับคำพยากรณ์ก็ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะมีทั้ง แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ พระภิกษุ กลุ่มฝึกสมาธิ ศาสนิกชน ฯลฯ บางกลุ่มเชื่อว่าไม่เกินครึ่งศตวรรษหรืออีก 50 ปี โลกมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง

    ที่มา
     
  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    - ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา มีคุณยายผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้นำหนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัสมา ให้อ่าน ในขณะที่ผู้เขียน
    ได้จัดสรรเวลาของตนเอง ไปฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่วัด
    เพลง แขวงและเขต บางพลัด ซึ่งพระอาจารย์ พระมหาฉัตรชัย รักขิตจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
    สอนนำการทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่กระชับ และกระทัดรัดดี
    - เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่ามีเนื้อหาแปลกดี แต่ไม่แน่ใจว่า ข้อความ
    ทั้งหมดที่คัดลอกต่อๆ กันมามีการตกหล่นจากความเดิมจนถ้อยคำเปลี่ยนไปหรือไม่เพียงไร
    - ในหนังสือเล่มนี้ อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัด
    อัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ
    1. ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
    2. พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาน จารึกให้นำไปท่องว่า “ปะโต เมตัง
    ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติ” โดยท่านแนะให้นำไป
    เขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขัน
    จะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้
    มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี 10 ประการ ได้แก่
    1. วาตภัย (ลมพายุ)
    2. ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด
    3. อัคคีภัย (ไฟไหม้)
    4. อุทกภัย (น้ำท่วม)
    5. ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู
    6. อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป
    7. สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน
    8. เกิดโรคระบาดต่างๆ
    9. เกิดข้าวยาก – หมากแพง
    10. เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร จองล้าง จองผลาญ
    3. ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัด
    ในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทย จะมี
    ประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่
    ประเทศอื่นๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น
    4. เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา
    (ปี 2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมด
    สภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน
    5. ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัย
    ในอนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หิน
    ที่ถูกสาป กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติ
    ช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง ผู้ที่สร้าง
    สมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก
    ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดหยาก ลูกไฟจะ
    ตกจากฟ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน
    (เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า “ชา ตะ มะ สะ ละ วา” เขียนใส่กระดาษ
    ใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น
    6. ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคต
    คัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนาว่า “นะ สัจ จัง ทะ คะ ยัง สะ สัม คำ ปัง”
    โดยจะเริ่มพบเห็นได้ ตั้งแต่ปีระกา (ปี 2560) เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้พบผู้มี
    บุญระดับพระโพธิสัตว์ดังกล่าว “จะต้องหมั่นฝึกภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วน
    เป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้
    7. สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง (2556) ตลิ่งริมฝั่ง
    น้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ 6 ปี
    ข้างหน้า หากเข้าสู่สถานการณ์นั้นๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า “สะโรนะกา โททายะโม
    พุทธะตะยะ” จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง
    8. โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟ
    และเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจ
    และทำสงคราม รวมทั้งใช้อาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน
    9. ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี 2556
    จังหวัดชายทะเล และกทม. จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำอาจมี
    ความสูงถึง 20 เมตร (สูงเกือบเท่าตึก 7 ชั้น) ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายเกือบครึ่ง
    โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปถึงปี 2560 ในที่สุดประชากรไทย จาก 65 ล้าน
    คน จะเหลือเพียง 18 ล้านคนในปี 2561
    ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ควร
    ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวัน
    ละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทาน
    มากขึ้นด้วยครับ เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่น
    สัตว์อื่น หรือ ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่น
    หรือ มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้
    จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่าน
    มีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน เป็นการลงทุนสร้างความ
    งามความดีในปัจจุบันขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาส
    อันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้




    <table class="key" width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><tr> <td valign="top">มงคล กริชติทายาวุธ</td></tr></tr></tbody></table>ที่มา ถอดรหัสจากพุทธทำนาย


    ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียง 10% บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่ นับถือพระพุทธศาสนาเพราะไม่เข้าใจการบำเพ็ญณานภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนเองให้มากนัก เพราะเมื่อเข้ายุคศิวิไลซ์ เงิน ทอง จะไม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้น วัดกันที่ความดี ศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ.2556 ปีระกา พ.ศ.2560 ปีกุน พ.ศ.2562

    ที่มา
    พิมพ์หน้านี้ - หนังสือพุทธทำนาย (ภัยพิบัติของโลกมนุษย์)


    20 อันดับภัยธรรมชาติที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
    อันดับที่ 1
    ปีที่เกิด : 1931
    สถานที่ : แม่น้ำแยงซี, แม่น้ำฮวงโห
    ประเภทภัยธรรมชาติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 2,000,000-4,000,000
    อันดับที่ 2ปีที่เกิด : 1887
    สถานที่ : แม่น้ำฮวงโห
    ประเภทภัยธรรมชาติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 900,000-2,000,000
    อันดับที่ 3ปีที่เกิด : 1201
    สถานที่ : ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 1,100,000
    อันดับที่ 4ปีที่เกิด : 1970
    สถานที่ : ปากแม่น้ำคงคา
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 500,000-1,000,000
    อันดับที่ 5ปีที่เกิด : 1556
    สถานที่ : มณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 830,000
    อันดับที่ 6ปีที่เกิด : 1976
    สถานที่ : เมืองถังซาน มณฑลเหอเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 242,000-655,000
    อันดับที่ 7ปีที่เกิด : 1839
    สถานที่ : เขตโคธาวารีตะวันออก รัฐอันตรประเทศ อินเดีย
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 300,000
    อันดับที่ 8ปีที่เกิด : 1881
    สถานที่ : เมืองไฮฟอง เวียดนาม
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไต้ฝุ่น
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 300,000
    อันดับที่ 9ปีที่เกิด : 1642
    สถานที่ : เมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 300,000
    อันดับที่ 10ปีที่เกิด : 2004
    สถานที่ : มหาสมุทรอินเดีย
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว, คลื่นสึนามิ
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 225,000-275,000
    อันดับที่ 11ปีที่เกิด : 526
    สถานที่ : เมืองโบราณแอนติโอก ตุรกี
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 250,000
    อันดับที่ 12ปีที่เกิด : 1975
    สถานที่ : เขื่อนปันเฉียว เมืองจูหม่าเตี้ยน มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไต้ฝุ่น (นีน่า), น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 242,000
    อันดับที่ 13ปีที่เกิด : 1920
    สถานที่ : เขตการปกครองตนเองหนิงเซียหุย สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000-240,000
    อันดับที่ 14ปีที่เกิด : 1138
    สถานที่ : เมืองอเลปโป ซีเรีย
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 230,000
    อันดับที่ 15ปีที่เกิด : 1927
    สถานที่ : เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000
    อันดับที่ 16ปีที่เกิด : 1856
    สถานที่ : เมืองดามกาน อิหร่าน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000
    อันดับที่ 17ปีที่เกิด : 1876
    สถานที่ : อ่าวเบงกอล
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000
    อันดับที่ 18ปีที่เกิด : 1893
    สถานที่ : เมืองอาร์ดาบิล อิหร่าน
    ประเภทภัยธรรมชาติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 150,000
    อันดับที่ 19
    ปีที่เกิด : 2008
    สถานที่ : พม่า
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไซโคลน (นาร์กีส)
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 146,000
    อันดับที่ 20ปีที่เกิด : 1991
    สถานที่ : บังกลาเทศ
    ประเภทภัยธรรมชาติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 138,000

    ที่มา 20
     
  4. เตารีด

    เตารีด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    คนที่เป็นหนี้ แล้วไม่ใช้คืน

    เดี๋ยวกฏแห่งกรรม เค้ามีวิธีเอาคืนครับ คือ ถ้าเราเป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืน แล้วมาเกิดในชาติต่อไป ผลที่ตามมาคือ...

    - ผู้เป็นหนี้ต้องเกิดมาเป็น วัว, ควาย, ม้า, ช้าง ฯลฯ (สัตว์ที่ต้องใช้แรงงาน) ต้องใช้แรงงาน เพื่อใช้หนี้ไปอีกหลายร้อยชาติเลยครับ
    - หรือถ้ามาเกิดเป็นคน ผู้เป็นหนี้ต้องมาเกิดเป็นทาสเค้า, คนรับใช้, ฯลฯ เพื่อทำงานใช้หนี้ไปอีกหลายร้อยชาติครับ
    - หรือถ้าไม่ได้เกิดเป็นทาส ผู้เป็นหนี้ ก็จะโดน อุทกภัย, วาตะภัย, อัคคีภัย, โจรภัย, ทำให้ทรัพย์สินของท่านต้องพินาศไป

    อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
    - ใครที่เกิดเป็นวัว, ควาย, ม้า, ช้าง ฯลฯ (สัตว์ที่ต้องใช้แรงงาน)
    - ใครที่เกิดมาเป็นทาสเค้า, คนรับใช้, ฯลฯ
    - ใครที่โดน อุทกภัย, วาตะภัย, อัคคีภัย, โจรภัย

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีบังเอิญนะครับ เมื่อมีผล ก็ย่อมต้องมีเหตุจากอดีตชาติ เกิดจากกรรม
    ที่เค้าเหล่านั้น เคยก่อหนี้ แล้วไม่ยอมใช้คืนทั้งสิ้นครับ


    ใครที่เป็นหนี้เป็นสินอยู่ ก็รีบๆใช้สติปัญญาหาวิธีเคลียร์ให้หมดก่อนตายนะครับ อย่าไปล้อเล่นกับกฏแห่งกรรมนะครับ

    ...อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไต้หวันส่งเฮลิคอปเตอร์ช่วยชาวบ้าน 700 คนที่รอดหลังดินถล่ม

    [​IMG]

    ไทเป 12 ส.ค. - กองทัพไต้หวันส่งเฮลิคอปเตอร์ 25 ลำ ไปอพยพชาวบ้าน 726 คน ที่รอดชีวิตหลังดินถล่มฝังหมู่บ้าน 3 แห่ง

    ทหารระดับสูงนายหนึ่ง เผยว่า พบชาวบ้านรอดชีวิต 700 คน เมื่อคืนวานนี้ และอีก 26 คน เมื่อเช้านี้ ก่อนหน้านี้สามารถลำเลียงชาวบ้านออกมาได้แล้ว 219 คน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า มีคนถูกฝังหรือเสียชีวิตกี่คน ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยสันนิษฐานว่า ชาวบ้านราว 100 คน ที่ถูกฝังทั้งเป็นในหมู่บ้านหนึ่ง น่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว ขณะที่ข่าวบางกระแสคาดว่า มีชาวบ้านถูกดินถล่มเสียชีวิตมากถึง 600 คน อันเป็นผลจากฝนตกหนัก เพราะไต้ฝุ่นมรกตที่พัดกระหน่ำไต้หวัน ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดจนถึงขณะนี้เพิ่มเป็น 66 คนแล้ว สูญหาย 61 คน และบาดเจ็บ 35 คน ด้านตำรวจยืนยันว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 คน เสียชีวิตหลังจากเฮลิคอปเตอร์ตกในแม่น้ำ ท่ามกลางหมอกลงจัด ขณะเดินทางไปช่วยผู้ประสบภัย

    กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เผยว่า ระดมกำลังทหารมากกว่า 17,000 นาย รวมทั้งยานยนต์หุ้มเกราะ เครื่องบินลงจอดบนผิวน้ำ และเรือบด ในปฏิบัติการกู้ภัย ไต้ฝุ่นมรกตสร้างความเสียหายให้แก่ผลผลิตการเกษตรในไต้หวัน คิดเป็นมูลค่า 7,200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 7,500 ล้านบาท) บ้านเรือน 30,000 หลัง ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และ 750,000 หลัง ไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 11:28:20

    อินเดียวอนประชาชนอย่าตื่นตระหนกหวัดใหญ่ 2009 ระบาด

    [​IMG]

    มุมไบ 12 ส.ค. - ทางการอินเดียวอนประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังเกิดกระแสตื่นกลัวในบางพื้นที่ จนก่อให้เกิดความวิตกถึงความสามารถของระบบสาธารณสุขอินเดีย ในการรับมือกับคลื่นประชาชนที่แห่ไปโรงพยาบาล

    กระแสตื่นกลัวไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แพร่ระบาด เริ่มขึ้นนับแต่เด็กหญิงวัย 14 ปี เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ในเมืองปูเน่ ห่างจากนครมุมไบไปราว 120 กม. เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ระบุเมื่อค่ำวานนี้ว่า มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เสียชีวิต 8 คน ในจำนวนนี้ 4 คน อยู่ในเมืองปูเน่ และมีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้ออีกกว่า 1,000 คน

    ด้าน การัน โจฮาร์ ผู้กำกับหนังบอลลีวูดชื่อดัง ถึงกับยกเลิกแผนการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ในเมืองปูเน่ ซึ่งเป็นจุดพบการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ต้องปิดสถานศึกษา โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้าลงชั่วคราว เพื่อป้องกันการระบาด ขณะที่โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งเนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ตื่นกลัว

    จากกระแสตื่นตระหนกดังกล่าว ทำให้ทางการอินเดียต้องขอร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ขณะที่นายกูลาม นาบี อาซาด รัฐมนตรีสาธารณสุข ย้ำว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ควรจัดรวมอยู่กับความเสี่ยงด้านสาธารณสุขอื่น ๆ ของอินเดีย เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่ได้เป็นไวรัสชนิดเดียวที่พบในประเทศ เพราะมีโรคอื่นที่ร้ายแรงและมีค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่านี้ ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงในนครมุมไบ เรียกร้องไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และว่า การที่สื่อมวลชนมุ่งรายงานแต่ข่าวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่วันละหลายชั่วโมงนั้น จุดกระแสให้เกิดความตื่นกลัวในสังคม

    จากการที่ผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้ทางการอินเดียดำเนินมาตรการคัดกรองนักเดินทางจากประเทศที่พบการติดเชื้อตามท่าอากาศยานนานาชาติ 22 แห่งของประเทศ มีการเปิดสายด่วนและเว็บไซต์ให้ความช่วยเหลือ 24 ชม. ขณะที่โรงพยาบาลรัฐต้องรับผิดชอบเรื่องการตรวจ การแยกผู้ป่วย และจัดการกับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังมีการจัดส่งยาต้านไวรัสทามิฟลู 100,000 ชุด ไปยังเมืองที่พบการระบาด

    องค์การอนามัยโลก ระบุวานนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกพุ่งเฉียด 1,150 คน และอีกกว่า 177,000 คน ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ นับแต่พบโรคแพร่ระบาดในเม็กซิโกและสหรัฐ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 11:39:32

    อนามัยโลกแนะใช้ทามิฟลูรักษาผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 อาการหนัก

    [​IMG]

    เจนีวา 12 ส.ค. - องค์การอนามัยโลก (WHO) ย้ำข้อแนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสทามิฟลูกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีอาการหนัก แม้จะมีผลการศึกษาเตือนเรื่องการใช้ยาทามิฟลูในเด็ก

    องค์การอนามัยโลก แถลงว่า ยังคงแนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสทามิฟลูในการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีอาการหนัก หรือผู้ป่วยที่เสี่ยงจะเกิดอาการแทรกซ้อน อย่างไรก็ดี ย้ำว่าไม่ควรใช้ยาทามิฟลูกับผู้ที่แสดงอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการไม่รุนแรง

    ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์บริติช เมดิคัล เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่ควรให้ยาทามิฟลูกับเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพราะอาจส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากกว่าผลดี อย่างไรก็ดี การศึกษาไม่ได้ครอบคลุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน แต่แนะว่า ยาต้านไวรัสอาจไม่ช่วยย่นเวลาของการป่วย หรือป้องกันอาการแทรกซ้อนในเด็กที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1

    องค์การอนามัยโลกรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกอยู่ที่ราว 1,462 คน นับแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 19:47:18

    มุมไบสั่งปิดสถานศึกษาทุกแห่งจำกัดหวัดใหญ่ 2009 ระบาด

    [​IMG]

    มุมไบ 12 ส.ค. – ทางการอินเดียสั่งให้ปิดทำการเรียนการสอนที่สถานศึกษาทุกแห่งในเมือง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากความวิตกเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    โฆษกมุขมนตรีรัฐมหาราษฏระ ระบุว่า ทางการตัดสินใจสั่งปิดโรงเรียน วิทยาลัย และโรงเรียนกวดวิชาทุกแห่งในนครมุมไบ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ทั้งยังสั่งให้ปิดโรงภาพยนตร์ และโรคละคร เป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากพบว่า ยอดผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในรัฐเพิ่มขึ้น และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน ในเมืองปูเน ห่างจากนครมุมไบราว 120 ก.ม. ดังนั้นทางการจึงต้องใช้มาตรการเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน นอกจากนี้ยังแนะให้ประชาชนจัดงานฉลองเทศกาลสำคัญ 2 งาน ในเดือนนี้อย่างเรียบง่าย ไม่มีผู้ร่วมงานมากนัก

    สำนักข่าวเพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดของอินเดียอยู่ที่ 15 คน และมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 1,000 คน.- สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 17:32:17

    เผยซู จี กลับไปใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมที่บ้านพัก

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 12 ส.ค. - เจ้าหน้าที่พม่าและคนใกล้ชิดเผยว่า นางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า กลับมาดำเนินชีวิตประจำวันแบบเรียบง่ายตามปกติที่บ้านพัก ด้วยการสวดมนต์ อ่านนิยายแนวสืบสวนสอบสวน และรับประทานช็อกโกแลตของโปรด หลังถูกตัดสินกักบริเวณต่ออีก 18 เดือน

    นางซู จี วัย 64 ปี ถูกกักบริเวณในบ้านพักมาร่วม 10 กว่าปี ไม่มีโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตไว้ติดต่อกับโลกภายนอก และแทบไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เยี่ยม ยกเว้นแพทย์และทนายความ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเผยรายละเอียดชีวิตประจำวันของเธอว่า เธอตื่นแต่เช้าทุกวัน เริ่มต้นวันด้วยการสวดมนต์ เดินออกกำลังกายภายในบ้าน รับประทานอาหารเช้า จากนั้นจะนั่งอ่านหนังสือหรือชมต้นไม้ในสวน มีบางครั้งที่ฟังวิทยุหรือเล่นโยคะ

    นางซู จี เคยเผยในหนังสือเรื่อง “จดหมายจากพม่า” เล่าเรื่องราวเมื่อครั้งถูกกักบริเวณในบ้านพักครั้งแรก ช่วงปี 2532-2538 ว่า ต้องสร้างนิสัยประจำวันและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เธอตื่นตี 4 ครึ่งทุกวัน และเข้านอน 3 ทุ่มทุกคืน เริ่มต้นแต่ละวันด้วยการนั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ถือเป็นวันหยุดที่เธอจะใช้เวลาซ่อมแซมของใช้ในบ้าน ยิ่งวันอาทิตย์ถือเป็นวันพิเศษมาก เพราะเธอจะมีเวลาต้มไข่เองเป็นมื้อเช้า เธอชอบอ่านนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนของ อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ ผู้แต่ง “เชอร์ล็อก โฮล์มส์” และ จอห์น เลอ คาร์เร ผู้แต่งเรื่อง The Spy Who Came In From The Cold หรือ “จารกรรมลับครั้งสุดท้าย” นักการทูตต่างชาติหลายคนที่รู้จักเธอเผยนิสัยที่น้อยคนจะทราบว่า ผู้นำฝ่ายค้านพม่าชอบรับประทานช็อกโกแลตมากอย่างไม่น่าเชื่อ. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 16:38:52

    ไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกในปาปัวนิวกินี

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 12 ส.ค. - นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย กล่าววันนี้ว่า ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 13 คน เสียชีวิตหมดบนเครื่องบินเช่าเหมาลำที่ประสบอุบัติเหตุตก ขณะมุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวดังในปาปัวนิวกินี

    นายกรัฐมนตรีรัดด์ กล่าวต่อรัฐสภาออสเตรเลียว่า เจ้าหน้าที่ปาปัวนิวกินีแจ้ง นายสตีเฟน สมิธ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ว่าไม่มีผู้รอดชีวิตจากจุดที่พบซากเครื่องบินตกในเมืองโคโคดา เมื่อเช้าวันนี้

    เครื่องบินของสายการบินแอร์ไลนส์ พีเอ็นจี ลำนี้ มีชาวออสเตรเลีย 9 คน ชาวปาปัวนิวกินี 3 คน และชาวญี่ปุ่น 1 คน บนเครื่องได้สูญหายไปเมื่อเช้าวานนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายขณะเดินทางใกล้ถึงท่าอากาศยานในเมืองโคโคดา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของปาปัวนิวกินี .- สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 12:01:11

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  6. เตารีด

    เตารีด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    น่าแปลกใจครับ ทำไมคำทำนายนี้ ถึงกล่าวไว้ใกล้เคียง กับที่หลวงปู่ที่ผมเคารพเคย
    พูดกับลูกศิษย์บ่อยๆว่า ประขากรโลกจะเหลือราวๆ 10-20% และเหตุการณ์จะเกิด
    ไม่เกิน พ.ศ. 2560


    ....มันใกล้เคียงกันมากเลยครับ ทั้งๆที่หลวงปู่ท่านจำวัดอยู่ในป่าลึก
    รับรองได้เลยว่าหลวงปู่ท่าน ไม่เคยอ่านคำทำนายมาจากที่ไหนแน่ๆครับ แต่หลวงปู่ท่าน
    ก็ทำนายได้ใกล้เคียงกับ
    "หนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัส" อย่างไม่น่าเชื่อครับ

    ทำให้ผมเชื่อมั่นมากขึ้น อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "หนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัส" นี้เซฟเก็บเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทุกๆ ท่านได้เลยครับ เพราะพุทธทำนายเป็นหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีคำว่าผิดพลาดคลาดเคลื่อนกันอีกต่อไปแล้ว ไม่มีคำว่าภัยพิบัติได้ถูกเลื่อนออกไปอีกแล้ว ในปี พ.ศ. 2560 จึงเป็นปีที่เมืองมนุษย์จะไม่มีแสงอาทิตย์ให้เห็นเป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน ตามพุทธทำนาย จะเป็นปีสุดท้ายของภัยพิบัติล้างโลก หลังจากนั้นโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคของชาวศิวิไลซ์ อย่างแท้จริงครับ

    ถอดรหัสจากพุทธทำนาย


    - ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา มีคุณยายผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้นำหนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัสมา ให้อ่าน ในขณะที่ผู้เขียนได้จัดสรรเวลาของตนเอง ไปฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่วัดเพลง แขวงและเขต บางพลัด ซึ่งพระอาจารย์ พระมหาฉัตรชัย รักขิตจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสสอนนำการทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่กระชับ และกระทัดรัดดี

    - เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่ามีเนื้อหาแปลกดี แต่ไม่แน่ใจว่า ข้อความทั้งหมดที่คัดลอกต่อๆ กันมามีการตกหล่นจากความเดิมจนถ้อยคำเปลี่ยนไปหรือไม่เพียงไร

    - ในหนังสือเล่มนี้ อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัดอัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ

    1. ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

    2. พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาน จารึกให้นำไปท่องว่า “ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติ” โดยท่านแนะให้นำไปเขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขันจะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้ มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี 10 ประการ ได้แก่

    1. วาตภัย (ลมพายุ)
    2. ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด
    3. อัคคีภัย (ไฟไหม้)
    4. อุทกภัย (น้ำท่วม)
    5. ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู
    6. อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป
    7. สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน
    8. เกิดโรคระบาดต่างๆ
    9. เกิดข้าวยาก – หมากแพง
    10. เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร จองล้าง จองผลาญ

    3. ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัดในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทย จะมีประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น

    4. เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา(ปี 2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมดสภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

    5. ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัยในอนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาป กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง ผู้ที่สร้างสมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดหยาก ลูกไฟจะตกจากฟ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน(เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า “ชา ตะ มะ สะ ละ วา” เขียนใส่กระดาษใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น

    6. ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคตคัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนาว่า “นะ สัจ จัง ทะ คะ ยัง สะ สัม คำ ปัง” โดยจะเริ่มพบเห็นได้ ตั้งแต่ปีระกา (ปี 2560) เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ดังกล่าว “จะต้องหมั่นฝึกภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้

    7. สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง (2556) ตลิ่งริมฝั่งน้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ 6 ปีข้างหน้า หากเข้าสู่สถานการณ์นั้นๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า “สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ” จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง

    8. โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟและเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจและทำสงคราม รวมทั้งใช้อาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน

    9. ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี 2556 จังหวัดชายทะเล และกทม. จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำอาจมีความสูงถึง 20 เมตร (สูงเกือบเท่าตึก 7 ชั้น) ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายเกือบครึ่ง โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปถึงปี 2560 ในที่สุดประชากรไทย จาก 65 ล้านคน จะเหลือเพียง 18 ล้านคนในปี 2561

    ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ควรดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวันละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทานมากขึ้นด้วยครับ เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่นสัตว์อื่น หรือ ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่นหรือ มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน

    สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่านมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน เป็นการลงทุนสร้างความงามความดีในปัจจุบัน ขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาสอันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้

    <TABLE class=key cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TR><TD vAlign=top>มงคล กริชติทายาวุธ</TD></TR></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา ถอดรหัสจากพุทธทำนาย<!-- google_ad_section_end -->

    หมายเหตุ

    ปีนักษัตร ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน
    เริ่มนับจากเดือนเมษายน เป็นเดือนที่ 1 ของปี เดือนสุดท้ายของปีจึงเป็นเดือนมีนาคมของปีถัดไป ดังนั้นปีระกาในพุทธทำนาย จึงหมายถึงตั้งแต่เดือนเมษายนของปี พ.ศ.2560 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ.2561 นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  8. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    ดูจากสถิติการเกิดภัยธรรมชาติแล้วปรากฏว่าจีนประสบเหตุภัยพิบัติมากที่สุดเลย
    รองลงมาก็อินเดียซึ่งเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาทั้งสองประเทศ
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ต้องพูดให้ถูกว่า เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรือง มาครั้งหนึ่งในอดีตครับ เพราะปัจจุบันทั้งจีนและอินเดีย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้าแล้วครับ เขาจะนับถือเทพเจ้าต่างๆ และลัทธิต่างๆ ที่ไม่ใช่ของพระพุทธศาสนา จึงไม่ได้รับพลังบารมีธรรมของพระพุทธองค์คุ้มครองอีกต่อไป เหมือนเครื่องรับเครื่องส่งวิทยุ ที่มีคลื่นวิทยุที่ไม่ตรงกัน แม้เครื่องส่งจะพยายามส่งคลื่นแห่งบารมีธรรมลงมาช่วยสักเพียงไหน แต่เครื่องรับคือจิตใจของคนทั้งสองประเทศไม่เปิดรับเสียแล้ว จึงต้องรับกรรมไปโดยขาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือครับ

    บางส่วนจากพุทธทำนาย

    ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิมวัจนะ ของอาตมา ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่ เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์ จะได้รับวิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น

    ที่มา http://www.4floor.com/nextcom/sawasdee3/2000/book1-2.html
     
  10. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    ข้ออนุญาตแก้ไขนิยามของ planet x เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

    มารู้จักกับความลับของPlanetX กัน (ดาวปริศนาNibiru)และมันเกี่ยวอะไรกับปี2012...



    เนื่องด้วยเรื่องราวของดาวปริศนา(Planet X)ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาทางพิสูจน์กันอยู่ว่า ไอ้ดาวลึกลับในตำนานบทนี้มันมีอยู่จริงหนือไม่? และถ้ามี ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?
    และเนื่องด้วยมันยาวมากๆ ผมจึงต้องแบ่งหัวข้อย่อยออกเป็นสองส่วนคือ ภาคตำนานในอดีต และภาคข้อเท็จจริงในปัจจุบัน

    เอาล่ะ..พล่ามมาซะยืดยาว ผมจะนำเสนอภาคข้อมูลเท็จจริง ณ ปัจจุบันก่อนละกันนะครับ...(ปล.ก็อปเค้ามาอีกทีและแก้ไขใหม่ ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น)

    เนื่องด้วยความสงสัยของตัวผมและใครอีกหลายๆคนว่าทำไมปี 2012 จึงมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน!!!
    บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจ หลีกเลี่ยงไม่ได้

    เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล (นับตามแบบของชาวสุเมเรียน)
    ถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)

    และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...
    สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

    แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ ที่อาจสำคัญมากๆๆ ทำไมผมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น?

    ิสิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....


    ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว
    แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้

    แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ

    ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย

    เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ มีความเป็นไปได้ที่มันจะโคจรมาทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลกเลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกใด้!!



    มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?

    เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าถ้าเมื่อก่อนเราส่องดูดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นมัน แต่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลช่วย

    แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว!!

    และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับ
    แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

    แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ
    นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน หลายหมื่นปีก่อน และหลายพันปีก่อน (ในช่วงพระคริสต์นั่นเอง)

    หากดาวดวงนี้โคจรมาที่ระบบสุริยะของดวงอาทิตย์อีกครั้ง ซึ่งกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ มันจะทำให้เกิดมหันตภัยชนิดโหดสุดยอด
    เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ ซึ่งมันจะทำปฎิกิริยากับสนามแม่เหล็กโลก อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนครั้งใหญ่ เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน ซุปเปอร์สึนามิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดพายุต่างๆ นาๆ และอื่นๆนับไม่ถ้วน!!

    และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่าในปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

    ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ยังปิดข่าวอยู่ แต่นักดาราศาสตร์ชั้นนำของประเทศต่างๆออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้ กันอย่างจ้าละหวั่น

    ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และบางแห่งบอกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ประมาณดาวพฤหัส!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

    ปล. งานนี้ก็ถึงเวลาที่ธรรมชาติเลือกเราของแท้แล้วละนะครับ ;D

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Data of Nibiru

    คาดหมายว่าเป็นสมาชิกของระบบสุริยะ ตามการคาดหมายเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9(นับตามแบบสากล โดยได้ตัดดาวเคราะห์แคระพลูโตออกไป) เนื่องจากนักดาราศาสตร์ได้ศึกษาการโคจรของดาวยูเรนัสและพบว่าวงโคจรของ ยูเรนัสมีลักษณะที่ผิดปกติอยู่พอสมควรจึงคาดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ ที่สามารถส่งแรงโน้มถ่วงรบกวนการโคจรของยูเรนัส จึงได้มีการพยายามค้นหา และได้พบดาวเนปจูนแต่การค้นพบนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติทั้งของ ยูเรนัสและเนปจูนจึงได้มีการพยายามค้นหาเพิ่มเติมและได้พบพลูโต แต่พลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กมากทำให้ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติ ของการโคจรของยูเรนัสและเนปจูนได้จึงได้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ ดวงที่ 9ของระบบสุริยะอีกครั้ง ความพยายามครั้งนี้ไม่เพียงแต่แค่ค้นหาโดยการสังเกตเทหวัตถุในท้องฟ้าเท่า นั้น ยังมีความพยายามในการค้นหาโดยการศึกษาบันทึกโบราณที่อาจจะบันทึกถึง ปรากฏการณ์ที่อาจจะสรุปได้ว่ามีการเคยพบเห็นดาวเคราะห์ลึกลับดวงนี้อีกด้วย (Planet X นี้เป็นชื่อที่ผู้คนหลงใหลเพราะนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ดวงที่ 9 อีกนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ลึกลับที่ไม่เคยมีใครพบเห็น)

    ขนาด: ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า = ประมาณดาวพฤหัสบดี

    มวล: ไม่ทราบ

    บริวาร: ไม่ทราบ

    คาบการโคจร: ประมาณ 3,600 ปี วงโคจรคล้ายดาวหาง จุดที่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ในแถบกลุ่มเฆมออร์ด จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์น่าจะเป็นบริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดี และดาวอังคาร

    จุดกำเนิด: ไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมของระบบสุริยะ แต่ถูกดวงอาทิตย์จับไว้เป็นบริวารเมื่อ 500,000 ปีก่อน คาดว่าน่าจะหลุดมาจากระบบสุริยะของดาวซีรีอุสA

    ลักษณะพิเศษ: เป็นดาวเคราะห์ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลก

    ผลกระทบที่มีต่อโลก: ในอดีตมีความเป็นไปได้สูงเคยโคจรเฉียดใกล้โลกทำให้ดวงจันทร์น้อยที่เป็นดาว บริวารชนโลกทำให้เกิดเป็นมหาสมุทรแปซิฟิค ปัจจุบันน่าจะมีวีถีโคจรที่แน่นอนแล้ว คาดว่าไม่ถึงกับชนโลกแค่เฉียดๆ แต่จะสร้างหายนะให้โลกอย่างมหาศาล

    ***ข้อมูลเวอร์ชันเต็มจะอยู่ในเว็บของ BBC ที่จะมีการพูดถึงข้อจำกัดของการใช้วิธีการหาอายุด้วยคาร์บอน-14 ด้วยครับ




    -นี่ก็คือทั้งหมด ของข้อมูลที่ผมได้มา ซึ่งมันมีความยืดหยุ่นสูง และอัพเดทได้ตลอดเวลาหากใครสนใจเพิ่มเติม สามารถค้นหาข่าวสารใหม่ๆได้จากทางอินเตอร์เน็ต!

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ขอโต้แย้งนิดนึงครับ planet x ตัวอักษร x เป็นเลขโรมัน มีค่า 10 ดังนั้น planet x คือ ดาวเคราะห์ดวงที่ 10 ที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่ามีอยู่จริง เนื่องจากเกิดผลกระทบกับการกระเพื่อมของวงโคจรดาวเสาร์ ยูเรนัส เนปจูน
    ตามข้อมูลเมื่อปี 2005 Gaia mission ได้ตรวจพบวัตถุมีมวลมากกว่าดาวพฤหัส 3 เท่า อยู่ห่างไป 2000 A.U. (2000 เท่าระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์) คาดว่าน่าจะเป็น Brown dwarf ดูรายละเอียดบทความวิจัยได้จาก

    [astro-ph/0506426v2] Astrometric Microlensing Constraints on a Massive Body in the Outer Solar System with Gaia

    ถึงแม้ว่าจะดูว่าอยู่ห่างไกล แต่เนื่องจากวงโคจรเป็นวงรีเยื้องศูนย์ระนาบเอียงเกือบฉาก (retrograde orbit) ระยะทาง 2000 A.U. อาจจะเหลือ 20 A.U. ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี (ประมาณว่าเคลื่อนที่ได้ระยะทางปีละ 6 A.U.) และ Brown dwarf สังเกตุเห็นได้ยาก ต้องใช้ infarred telescope จึงต้องระวังไว้ สิ่งที่น่าสังเกตุ คือ ดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เกือบ 3 km ที่เพิ่งค้นพบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2009 HC82 ที่มีวงโคจรย้อนศรและมี retrograde orbit ด้วย ทำให้น่าประหลาดใจยิ่งนัก ว่าแรงดึงดูดจากแห่งใดทำให้มันโคจรพิลึกอย่างนั้น ??? ดูรายละเอียดได้จาก

    Nearby asteroid found orbiting sun backwards - space - 01 May 2009 - New Scientist
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่นและ 5.6 ริกเตอร์ฟิลิปปินส์

    [​IMG]

    โตเกียว 13 ส.ค.-สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.7 ริกเตอร์ทางตอนกลางของญี่ปุ่น รวมถึงกรุงโตเกียว เมื่อเวลา 07.49 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 05.49 น.ตามเวลาประเทศไทย

    จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 325 กิโลเมตร แต่ไม่มีคำเตือนการเกิดคลื่นสึนามิ

    ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 03.04 น.ตามเวลาประเทศไทย ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลาง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.6 ริกเตอร์ ในเขตเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองเจเนอรัล ซานโตส ไปทางตะวันออก 130 กิโลเมตร และไม่มีคำเตือนการเกิดคลื่นสึนามิเช่นกัน
    ก่อนหน้านี้เมื่อต้นสัปดาห์ได้เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.4 ริกเตอร์ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีกกว่า 120 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-13 07:26:34

    ไต้หวันส่งทหารอีกกว่า 4,000 นาย ช่วยผู้ประสบภัย

    [​IMG]

    ไต้หวัน 13 ส.ค.-ไต้หวันส่งกำลังทหารอีกกว่า 4,000 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่หลายหมู่บ้านที่ถูกโคลนถล่มทับจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นมรกตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดมีรายงานว่าได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 107 คน สูญหาย 61 คน

    รัฐบาลไต้หวันระบุว่าทหารอีก 4,000 นาย จะเร่งค้นหาชาวบ้านอีกนับร้อยคนที่เชื่อว่ายังถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังและโคลนกองมหึมาที่พังถล่มทับหมู่บ้าน 3 แห่งในเมืองเกาชุง แม้ว่าขณะนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกมายังที่ปลอดภัยได้แล้วเกือบ 1,000 คน แต่ทางการเชื่อว่ายังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก และผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อย ๆ คน โดยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 107 คน

    อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านประมาณ 6,500 คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งในตอนแรกมีรายงานว่าถูกฝังจากโคลนถล่มทางตอนใต้ ล่าสุดพบว่ายังมีชีวิตรอด ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปฏิบัติการกู้ภัยดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะทางเดียวที่จะเข้าไปสู่หมู่บ้านได้ในขณะนี้คือโดยทางเฮลิคอปเตอร์
    เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพได้ช่วยลำเลียงผู้รอดชีวิตไปยังสถานที่ปลอดภัย ล่าสุดมีรายงานยืนยันว่า ลูกเรือทั้งหมด 3 คนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยซึ่งประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันอังคารเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี ได้เสียชีวิตแล้ว

    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่ว ผู้นำไต้หวัน ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ประสบภัย พร้อมประกาศว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาเพิ่มงบประมาณช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไต้หวันคาดว่า ไต้ฝุ่นมรกตสร้างความเสียหายให้กับภาคเกษตรอย่างน้อย 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บ้านเรือนเกือบ 30,000 หลังยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ และอีก 750,000 หลังไม่มีน้ำใช้ อิทธิพลของไต้ฝุ่นที่พัดเข้าจีนทำให้ประชาชนประมาณ 1.4 ล้านคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ และ 8 คนเสียชีวิตจากน้ำท่วม บ้านเรือนประมาณ 10,000 หลังถูกทำลาย.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-13 04:22:29

    เครือข่ายสื่อสารในเอเชียที่ชะงักจากไต้ฝุ่นมรกตจะใช้การได้ในวันนี้

    [​IMG]

    ไทเป 13 ส.ค. - เจ้าหน้าที่อาวุโสของบริษัท จงหวา เทเลคอม ในไต้หวัน ระบุว่า ร้อยละ 90 ของบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในหลายพื้นที่ของเอเชียตะวันออก ซึ่งเกิดความชะงักงันจากไต้ฝุ่นมรกตที่สร้างความเสียหายแก่สายเคเบิลใต้ทะเล จะเริ่มใช้งานได้อีกครั้งภายในวันนี้

    ผู้ใช้บริการเครือข่ายการสื่อสารในไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ประสบปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตล่าช้าในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสายเคเบิลใต้ทะเลที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ในสหรัฐได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นมรกต

    ล่าสุดประธานบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส กรุ๊ป ในเครือบริษัท จงหวา บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ระบุว่า งานซ่อมแซมสายเคเบิลที่ได้รับเสียหายทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกราว 2 เดือน ขณะนี้บริษัทฯ ซึ่งใช้สายเคเบิลใต้ทะเลร่วมกับบริษัทโทรคมนาคมอื่น เพื่อให้บริการในภูมิภาคเอเชียตะวันออก กำลังทำงานร่วมกับบริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับผลกระทบ เพื่อใช้ช่องทางเลือกอื่นในการเชื่อมต่อเครือข่ายการสื่อสารที่สะดุดลง อย่างไรก็ดี คาดว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะกลับมาทำงานได้ในระดับเกือบปกติภายในวันนี้ โดยจงหวาจะแบ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมกับบริษัทอื่น โดยเงินในส่วนที่จะจ่ายต้องไม่เกิน 3 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 3.1 ล้านบาท)

    ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเอเชียตะวันออกประสบปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อันเป็นผลมาจากภัยธรรมชาติครั้งล่าสุดเมื่อปี 2549 ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งไต้หวัน ส่งผลให้สายเคเบิลใต้ทะเลได้รับความเสียหาย. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-13 14:38:01

    ผู้นำไต้หวันเผชิญหน้าผู้รอดชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นมรกต

    [​IMG]

    ไทเป 13 ส.ค. – ประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่วของไต้หวันเผชิญหน้าบรรดาผู้รอดชีวิตจากเหตุพายุไต้ฝุ่นมรกตพัดถล่มขณะตรวจเยี่ยมพื้นที่ภาคใต้ในวันนี้ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 108 คน

    สถานีโทรทัศน์ไต้หวันแพร่ภาพ ขณะประชาชนหลายสิบคนรายล้อมประธานาธิบดีหม่า ในขณะเยือนเขตไทหนาน ที่ซึ่งมีประชาชนอย่างน้อย 23 คนเสียชีวิตจากน้ำท่วมที่เกิดจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมรกตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งกล่าวแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยล่าช้า

    นายหม่า ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันของเขาพยายามขัดขวางไม่ให้ผู้รอดชีวิต 2 คนเข้าพบในระหว่างการลงพื้นที่ในเขตไทตุงเมื่อต้นสัปดาห์ ด้านหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้นำออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณชนต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
    พายุไต้ฝุ่นมรกต ซึ่งเป็นพายุลูกที่รุนแรงที่สุดอีกลูกหนึ่งที่พัดกระหน่ำไต้หวันในรอบ 50 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 108 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้สูยหายไปอีก 62 คน และบาดเจ็บอีก 45 คน -สำนักข่าวไทย

    2009-08-13 13:40:59

    คนญี่ปุ่นหวั่นจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลังแผ่นดินไหวเมื่อต้นสัปดาห์

    [​IMG]

    โตเกียว 13 ส.ค. - คนญี่ปุ่นต่างหวั่นวิตกว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใกล้กับกรุงโตเกียว เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จะเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่าตามมา สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน

    ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเชื่อว่า แผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ เมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา และมีศูนย์กลางนอกชายฝั่งห่างจากกรุงโตเกียว 170 กม. นั้น เป็นเพียงการซักซ้อมให้คนญี่ปุ่นเตรียมพร้อมรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงกว่า และเป็นหายนะอย่างแท้จริง ซึ่งพ้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

    โดยคณะกรรมการศึกษาแผ่นดินไหวญี่ปุ่น เตือนว่า มีโอกาสร้อยละ 87 ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์ ซึ่งมีความรุนแรงกว่าที่เกิดเมื่อวันอังคาร 100 เท่า ในบริเวณเดียวกันภายในช่วง 30 ปีข้างหน้า ส่วนบริเวณที่ราบคันโต ซึ่งอยู่ใกล้เคียงมีโอกาสร้อยละ 70 ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน

    แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงโตเกียว คือ แผ่นดินไหวที่ราบคันโต เมื่อปี 2466 คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 140,000 คน ก่อนหน้านั้น ก็เกิดแผ่นดินไหวอันเซอิ เอโด เมื่อปี 2398 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กรุงโตเกียว เช่นกัน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นตั้งอยู่บนรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เรียกว่า วงแหวนไฟในมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก ส่วนกรุงโตเกียว ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่อันตรายจากภัยแผ่นดินไหวมากที่สุด. -สำนักข่าวไทย

    2009-08-13 13:52:09

    มาเลเซียจะยกเลิกโครงการศึกษาเรื่องกรองอินเทอร์เน็ต

    [​IMG]

    กัวลาลัมเปอร์ 12 ส.ค. - แหล่งข่าววงในเผยว่า มาเลเซียจะยกเลิกโครงการศึกษาเรื่องระบบกรองอินเทอร์เน็ต หลังจากถูกนักการเมืองฝ่ายค้านและธุรกิจอินเทอร์เน็ตตำหนิ

    คณะกรรมาธิการการสื่อสารและสื่อผสมมาเลเซีย ซึ่งกำกับดูแลอินเทอร์เน็ต เคยแถลงว่า โครงการดังกล่าวเป็นการศึกษาการใช้งานอินเทอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับมาเลเซียในอินเทอร์เน็ต แต่สำเนาโครงการที่สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างถึง ระบุว่า โครงการนี้เป็นการประเมินความพร้อมและความเป็นไปได้ในการใช้ระบบกรองที่อินเทอร์เน็ตเกตเวย์ หรือทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยจะศึกษาระบบกรองที่ใช้ในประเทศอื่น เพื่อปรับให้เข้ากับมาเลเซีย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับโครงการเผยว่า โครงการจะถูกยกเลิก และเผยด้วยว่า กระทรวงสารสนเทศเสนอโครงการนี้เมื่อเดือน เม.ย. แต่ดูเหมือนถูกนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค คัดค้าน

    มาเลเซียตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2553 จะเพิ่มจำนวนผู้ท่องอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์อีก 2 เท่า ให้ครอบคลุมประชากรครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 27 ล้านคน เป้าหมายดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนเข้าถึงภาพลามกอนาจารมากขึ้น และฝ่ายค้านแข็งแกร่งขึ้น เพราะเมื่อปีก่อนฝ่ายค้านใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางแพร่กระจายข่าวสาร เลี่ยงสื่อหลักที่ถูกทางการควบคุม จนเป็นเหตุให้รัฐบาลแพ้เลือกตั้งท้องถิ่นยับเยินมาแล้ว ข่าวเรื่องโครงการศึกษาระบบกรองอินเทอร์เน็ตนี้ มีขึ้นหลังจากรัฐบาลกวาดจับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเกือบ 600 คน เมื่อต้นเดือน. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 14:44:34

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  12. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงของ Planet x ระวังอย่าตื่นตระหนกกับข้อมูลลวง

    ขอความกรุณานำเสนอข้อมูลที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับด้วยครับ
    เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเกินความจริง links ข้างล่างเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลจากในหนังสือของ Sitchin ขอให้เป็นแค่นิยายเถอะครับ
    ข้อมูลเมื่อปี 2005 Gaia mission ได้ตรวจพบวัตถุมีมวลมากกว่าดาวพฤหัส 3 เท่า อยู่ห่างไป 2000 A.U. (2000 เท่าระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์) คาดว่าน่าจะเป็น Brown dwarf ดูรายละเอียดบทความวิจัยได้จาก

    [astro-ph/0506426v2] Astrometric Microlensing Constraints on a Massive Body in the Outer Solar System with Gaia

    ถึงแม้ว่าจะดูว่าอยู่ห่างไกล แต่เนื่องจากวงโคจรเป็นวงรีเยื้องศูนย์ระนาบเอียงเกือบฉาก (retrograde orbit) ระยะทาง 2000 A.U. อาจจะเหลือ 20 A.U. ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี (ประมาณว่าเคลื่อนที่ได้ระยะทางปีละ 6 A.U.) และ Brown dwarf สังเกตุเห็นได้ยาก ต้องใช้ infarred telescope จึงต้องระวังไว้ สิ่งที่น่าสังเกตุ คือ ดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เกือบ 3 km ที่เพิ่งค้นพบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2009 HC82 ที่มีวงโคจรย้อนศรและมี retrograde orbit ด้วย ทำให้น่าประหลาดใจยิ่งนัก ว่าแรงดึงดูดจากแห่งใดทำให้มันโคจรพิลึกอย่างนั้น ??? ดูรายละเอียดได้จาก

    Nearby asteroid found orbiting sun backwards - space - 01 May 2009 - New Scientist
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แผนที่โลกใหม่ กรุงเทพหายไป เรื่องจริงที่รอเวลาการตัดสิน?

    [​IMG]

    แผนที่นี้ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) นาย Gordon ได้มองเห็นภาพอนาคตของโลกเป็นครั้งแรก โดยก็มองเห็นตัวเอง อยู่สูงขึ้นไปในอวกาศแล้วมองกลับลงมาบนโลก

    หลังจากนั้นอีกหลายปีก็เห็นภาพเดิมอีกครั้ง ทำให้เข้าสามารถสร้าง แผนที่โลกในอนาคตขึ้นมาและพิมพ์ในปี พ.ศ.2525 โดยนาย Grodon เชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012(พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) โดยเหตุการณ์จะเกิดจากต้นเหตุสำคัญคือแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อันเนื่องมาจาก แผ่นทวีปของเปลือกโลกเคลื่อน โดยสภาพการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในแต่ละพื้นที่ดังนี้ ​

    ...เอเชีย -- เนื่องจากมีวงแหวนไฟ(Ring of Fire)ผ่าน Asia (แนวเขตรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก(Plate boundary) โดยส่วนแนวเขตนื้เรียกว่า riff ) ทำให้เป็นเขตเกิดแผ่นดินไหวสูง ยังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเขตนี้ โดยจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ ฟิลิปปิน ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง(เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับรัสเชีย) ​

    รวมทั้งหมู่เกาะคูรินและเกาะแซคาลิน(เป็นของรัสเชีย อยู่ใกล้กับ ฮอกไกโด ญี่ปุ่น) เนื่องมาจากแผ่นแปซิฟิกเคลื่อน(Pacific Plate shift)ไป 9 องศา เกาะญี่ปุ่นจะจมเหลือไวเพียงแค่ 2-3 เกาะเล็กๆเท่านั้น ไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะหายไปในทะเล และด้วยเหตุที่แผ่นโลกเคลื่อนตัวนี้ แนวฝั่งของจีนจะเลือนร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ อินโดนีเซียจะถูกทำลาย ถึงแม้ว่าจะมีเกาะใหม่เกิดขึ้นมาด้วยก็ตาม ฟิลิปปินส์จะถูกกลืนหายลงไปในทะเล ​

    เอเซียจะได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ และจะมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นด้วย สิ่งที่ความพิจารณาจากคำทำนายนี้ก็คือ เอเชียอยู่บน 3 แผ่นทวีปคือ ​

    1.แผ่นฟิลิปปินส์ ​

    2.แผ่นอินโด-ออสเตรเลียน ​

    3.แผ่นยูเรเซียน(ไทย - จีน อยู่บนแผ่นนี้) ​

    บริเวณที่ไทยและจีนอยู่เป็นเขตแผ่นดินยกตัว ดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้นจริง น่าจะเป็นไปในทางที่ทำให้แผ่นดินยกตัวสูงขึ้นมากกว่า ​

    โดยที่แผ่นแปซิฟิกที่ว่าเคลื่อนไป 9 องศานั้น ทิศทางการเคลื่อนที่ตามปกติ ก็จะเคลื่อนที่ในทิศทาง มุดตัวลงใต้แผ่นทวีป ยูเรเซียน บริเวณ ประเทศญี่ปุ่นและมุดตัวลงใต้แผ่นฟิลิปปิน และ แผ่นอินโด-ออสเตรเลียนมุดตัวใต้แผ่นยูเรเซียน ​

    บริเวณเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งการมุดตัวดังกล่าวจะทำให้ทวีปยกตัวขึ้น ข้อพิสูจน์นี้ก็ได้แก่ที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย และ อีสานของไทย ซึ่งถูกยกตัวสูงขึ้นจากเมื่อ 60-20 ล้านปีก่อน สำหรับในส่วนของประเทศอื่นๆ ขออนุญาตไม่วิจารณ์นะครับ แต่จะเอามาให้ดูและคิดกันเอาเอง ​


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_456136", true); </SCRIPT> สมาชิก

    จากในแผนที่ของคุณ Falkman ถ้าปริมาณน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 5 เมตร กรุงเทพกับปริมณฑล ก็เกือบมิด ถ้า 20 เมตร น้ำทะเลก็เข้าไปถึงขัยนาทแล้ว อย่าให้ถึงเลยครับ สัก 5-10 เมตร แค่นี้ก็เยอะมากแล้ว

    อ.ปริญญา เคยบอกว่ากรุงเทพจะถูกน้ำท่วมราว 3-6 เมตร แต่จะได้คืนกลับมา อาจเพราะแผ่นดินถูกแรงผลักให้ยกตัวสูงขึ้น

    จะมีที่น่าห่วงก็คลื่นยักษ์ ที่พัดเข้าไปในแผ่นดินได้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม อย่างที่คุณคนานันท์กล่าวถึงภูเขาไฟใต้ทะเลเกิดระเบิดขึ้น ก็เป็นไปได้ครับ ที่จะทำความเสียหายได้ถึงภาคเหนือตอนล่าง กับภาคอีสานบางส่วนนะครับ ในส่วนของภาพนี้ก็เอาไว้เป็นแนวทางศึกษา เพื่อมองหาจุดที่ปลอดภัยกันได้ครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ประมาณการณ์ น้ำทะเลท่วมระดับ 20, 30, 40, 50, 75, 100 เมตร

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- google_ad_section_end -->​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • asia1.JPG
      asia1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.1 KB
      เปิดดู:
      97
    • asia2.jpg
      asia2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.9 KB
      เปิดดู:
      2,419
  14. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    13 ส.ค. 52
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    Doom’s Man ฉบับ k_isara
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การแปลความหมาย ถ้ามีหลายความคิด ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ผมขอแปลความหมายของผมให้ดูอีกแบบ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    25 พ.ค. 52 ตอนที่ 1 ปรับแต่ง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อผู้นำที่มีหน้าที่ในการนำผู้คนไปหลบภัยอยู่ในพื้นที่ๆถูกกำหนดไว้ ก่อนที่เหตุการณ์รุนแรงจะเกิด ร่างกายของผู้นำจะต้องถูกชำระล้างจากอีกมิติให้สะอาดเสียก่อน เพื่อให้เกิดช่องว่างในร่างกาย จากนั้นอีกมิติจะเติมหรือเพิ่มสิ่งที่จำเป็นเข้าไปในตัวผู้นำเพื่อที่ผู้นำจะนำไปใช้ในโอกาสที่จำเป็น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    24 ก.ค. 52 ตอนที่ 2 สองกุมาร
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สองกุมาร ในที่นี้คือของที่อีกมิติจะเติมหรือเพิ่มเข้าไปในร่างของผู้นำ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    9 ส.ค. 52 ตอนที่ 3 Doom
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คำว่า Doom ในที่นี้หมายถึง ภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดในอนาคต เมื่อนำมารวมกับคำว่า Man ซึ่งหมายถึงผู้นำที่ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่ ดังนั้น Doom’ Man ก็จะหมายถึง บุคคลที่ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่พาผู้คนไปหลบภัยในยามที่ภัยพิบัติจะเกิด
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ส่วนกุมารที่มีร่างสีแดงและเขียว สีสองสีนี้จะหมายถึงตัวแทนขององค์เทพชั้นเทพและพรหมตามลำดับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้นสิ่งที่ผมได้รับรู้มาก็จะไปตรงกับบทความในเว็บฯ ที่เคยลงไปก่อนหน้านี้ว่า ช่วงเข้าพรรษา จะมีการติดอาวุธให้กับเหล่าผู้นำ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    13 ก.ค. 52 เตียงผ่าตัดเสียหายหนัก
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ภาพนี้น่าจะหมายถึง จะเกิดปัญหากับโรงพยาบาล น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  15. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    เป็น อีเมล์ที่ส่งต่อๆ กันมาครับ โปรดใช้วิจราณญาณในการชม


    ลิลี่แพดเมืองลอยน้ำ
    คอลัมน์ Technology
    เรื่อง Nobit

    [​IMG]

    สมใจคนชอบ Experimental Design สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ " ลิลี่แพด" ( Lilypad City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อน ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม

    การออกแบบเมืองนี้ คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้ เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 ลูก เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยน วิวทิวทัศน์ ไม่ซ้ำซากจำเจ

    สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ

    ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบกที่ไม่จำเป็นต้องมีรถหรือมีถนนใดๆ สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์ หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก

    [​IMG]


    ที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้ แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล

    แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครอง ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร (เกือบ 3 ฟุต) ภายในปี 2643 และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ ของโลก เช่น กรุงลอนดอนในอังกฤษ นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์ ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้ แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืด อันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย

    นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อีกประมาณ 30 ปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว
    [​IMG]

    [​IMG]

    [FONT=Arial, Helvetica]










    [/FONT]
     
  16. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    เป็น อีเมล์ที่ส่งต่อๆ กันมาครับ โปรดใช้วิจราณญาณในการชม


    ลิลี่แพดเมืองลอยน้ำ
    คอลัมน์ Technology
    เรื่อง Nobit

    [​IMG]

    สมใจคนชอบ Experimental Design สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ " ลิลี่แพด" ( Lilypad City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อน ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม

    การออกแบบเมืองนี้ คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้ เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 ลูก เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยน วิวทิวทัศน์ ไม่ซ้ำซากจำเจ

    สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ

    ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบกที่ไม่จำเป็นต้องมีรถหรือมีถนนใดๆ สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์ หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก

    [​IMG]


    ที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้ แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล

    แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครอง ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร (เกือบ 3 ฟุต) ภายในปี 2643 และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ ของโลก เช่น กรุงลอนดอนในอังกฤษ นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์ ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้ แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืด อันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย

    นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อีกประมาณ 30 ปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว
    [​IMG]

    [​IMG]

    [FONT=Arial, Helvetica]










    [/FONT]
     
  17. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ตอนนี้ยังโชคดี อยู่ครับ ไม่ได้เป็นหนี้ใคร ไม่ชอบหนี้ ไม่ชอบบัตรเครดิต หากยืมเงินใคร ผมใช้ทันที ติดอยู่นาน อารมณ์มันกระสับกระส่าย อยากรีบใช้คืนโดยเร็ว

    แต่ตอนนี้มีแต่ หนี้บุญคุณพ่อแม่ อยู่ครับ ขอให้ไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น ผมก็อยากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ให้มากที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประชา ลั่น จับตาอีก 3 เดือนมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริง

    [​IMG]
    นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ​

    เกิดสงคราม จลาจล รัฐประหาร เปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่

    ส.ส.พท.มั่นใจเกิดการเปลี่ยนแปลงการเมือง ครั้งใหญ่ เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริงใน 3 เดือนข้างหน้า อาจเกิดสงคราม จลาจลรากหญ้าหรือรัฐประหาร และเดือน ธ.ค.จะมีการเลือกตั้ง ลั่นรัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่มีใครแก้วิกฤตได้ อยู่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น

    เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริงภายใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งตรงกับภายในเดือนพ.ย.นี้ และจะมีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม โดยเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดสงคราม เกิดจลาจลรากหญ้า และอาจเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง เพราะสถานการณ์ของเวลานี้รัฐบาลวันนี้ลำบาก ไม่มีบุคคลที่สามารถแก้ไขวิกฤตได้ รัฐบาลอยู่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น

    นายประชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะไม่เดินทางกลับประเทศไทยก่อนเลือกตั้งแน่นอน แต่จะกลับมาหลังการเลือกตั้งใหญ่ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็จะกลับมาอย่างแน่ นอน

    “วันนี้รองเท้า เสื้อผ้าก็เตรียมพร้อมแล้ว อาจจะเป็นการอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรมก็ได้ ต้องล้างทุกอย่างให้หมด จึงอยากให้จับตาดูเหตุการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า นี้ให้ดี” นายประชา กล่าว

    ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก [​IMG] มติชนออนไลน์

    ข่าว - ประชา ลั่น จับตาอีก3เดือนมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ของจริง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pacha.jpg
      pacha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.7 KB
      เปิดดู:
      1,147
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตุลาอาถรรพ์ วันมหาสงคราม เจ้ากรรมนายเวร

    [​IMG]

    นักวิชาการสัมผัสพิเศษชี้ “ตุลาอาถรรพ์ วันมหาสงคราม เจ้ากรรมนายเวร” มั่นใจเหตุร้ายเกิดแน่ แนะสร้างสมาธิหมู่เตรียมรับมือ

    อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมจิตปัญญาเพื่อพัฒนาพฤติกรรมศาสตร์ นักวิชาการสัมผัสพิเศษและผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต ได้เตือนคนไทยทั้งประเทศว่า จากประวัติศาสตร์ทางการเมืองในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คนไทยได้เผชิญเรื่องร้ายๆมาหลายครั้ง และเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

    คนไทยจะเผชิญกับวิกฤติทางการเมืองอีกครั้ง ที่สาหัสกว่าครั้งที่ผ่านๆมาอย่างไรบ้าง? ถนนสีเลือดจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่? ใครเป็นผู้เริ่มและมันจะจบลงอย่างไร? นอกจากนี้วิกฤติเชื้อโรคร้ายกลายพันธุ์ H1N1 ที่มนุษย์ทั้งโลกพ่ายแพ้ ซึ่งเป็นชนวนเหตุแห่งความทุกข์ยากขั้นรุนแรงและการตายหมู่ของชาวโลก มันเกิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์หรือว่าเป็นชะตากรรมของมนุษย์กันแน่ ทั้งหมดนี้มนุษย์เองไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง !

    ที่มา http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=2890424.0

    คำทำนายจากหมอนิด

    สีเขียว เป็นสีที่มีอำนาจและพลังอันลี้ลับ...สีเขียวเป็นสีที่ดูแล้วสดชื่นสบายตา...สีเขียวบางครั้งก็ทำให้คนหวาดกลัว...ในขณะเดียวกันสีเขียวก็ให้ความอบอุ่นใจได้ในบางโอกาสเช่นกัน... “สีเขียว”ที่เคยรวมกันอยู่เป็นหมู่เหล่าเป็นกอไผ่...รักใคร่กลมเกลียวกันมาตลอดเวลา...บางครั้งพายุลมแรงพัดกระหน่ำก็ไสวเอนไปมาพร้อมๆกันดูเหมือนไปไหนไปด้วยพร้อมร่วมบรรเลงเสียงเพลงให้ฟัง... “เอี๊ยด...อ๊าด...เอี๊ยด...อ๊าด”

    แต่ในเร็วๆนี้อยากจะให้ระวัง.. “สีเขียวเสียดสี”...กันอย่างรุนแรงจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดและผลจากการเสียดสีกันในครั้งนี้จะเกิด “ประกายไฟ” ขึ้นอย่างน่ากลัว...บ้านเมืองคงต้องบอบช้ำที่เกิดจากการ “เสียดสี” กันของ “สีเขียว”...เศรษฐกิจช้ำหนักขึ้น...ตลาดหุ้นสะเทือนอย่างรุนแรง... “คนเป็นใหญ่”จะเสียชีวิต... “ตะขาบเหล็ก”จะวิ่งพล่านทั่วเมือง...เสียงปืนดังไปทั่ว...เสียงระเบิดเกิดขึ้นเป็นแห่งๆ กองกำลังไม่ปรากฏสัญชาติจะร่วมกับแดงไม่ธรรมดา...ผู้คนจะล้มตาย...บุคคลระดับ VIP จะบินออกนอกประเทศ...ความชุลมุนวุ่นวายจะเกิดไปทั่ว...มองหาคน “รูปหล่อ” ไม่เห็นไม่รู้ใครเป็นใคร...หากมัวแต่ทะเล่อทะร่าก็จบสิ้นทั้งอินทรีย์...ตาอินกะตานา...มัวแต่ทะเลาะกัน...ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียวคว้าพุงปลาไปกิน

    คงต้องรอดูต่อไปสักระยะหนึ่งก่อนว่า...ลมจะพัดไปทางไหน...จะไปทางเหนือหรือจะลงไปใต้? เพราะจะมีผลต่อการเดินทางภายในประเทศเกิดขึ้นในอนาคตได้...เผลอๆอาจจะต้องขอ “วีซ่า” เข้าเมืองเหนือหรืออีสาน...รวมทั้งจะล่องใต้ก็ต้องมี “วีซ่า” อนุญาตให้เข้าเมืองไทย...เข้าไทย!? ย้ำขอดูทิศทางลมก่อน

    “โปรดฟังอีกครั้ง” เปิดทีวีไปช่องไหนก็เหมือนกันหมดทุกช่อง...ประเทศไทยจะคล้ายๆกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ...นักลงทุนต่างชาติจะขยาด...สยามเมืองยิ้ม...จะมีเพียงไม่กี่คนที่ยิ้มร่า...บางกอกจะชอกช้ำถ้า “สีอ่อนซ้อม”...การเลือกตั้งจะยังไม่มีต้องหยุดปรับปรุงชั่วคราว... “สีเขียว” จะครองเมืองระยะหนึ่งก่อน...แต่ถ้า “สีเขียวเข้มแข็ง” ประเทศชาติพ้นภัย

    “คลื่นยักษ์” จะถล่มประเทศไทย “ภัยทางทะเล” ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจะสูญเสียใหญ่หลวง...เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...กระหน่ำประเทศไทย! เจอแน่...เตรียมตัวระวังไว้! พี่...พี่...ตื่นได้แล้ว 8 โมงแล้วนะ..ตื่นๆ อ้าวผมฝันไปหรือนี่...แต่ความฝันครั้งนี้ทำให้ผมเหงื่อแตกท่วมตัว...น่ากลัว “จริงๆ” ไม่เอาไม่พูด(แต่เป็นห่วง) ผมตั้งสติได้ก็รีบสวดมนต์บท...ยันทุนนิมิตตัง...ทันทีเพราะโบราณว่า...ฝันร้ายจะกลายเป็นดี...ผมก็ขอให้ทุกๆคนโชคดี ในขณะนี้หลังผมปวดมาก กระดูกสันหลังทรุดและเสื่อม ผมจึงไม่ค่อยมีเวลาเขียนนั่งนานก็ไม่ได้...เดินมากก็ไม่ไหว...ผมเหนื่อยครับต้องขอโทษที่ห่างการเขียนไปนานเพราะสุขภาพที่ทรุดโทรม แต่ก็คิดถึงทุกๆท่าน

    ความจริงผมตั้งใจว่าจะเขียนให้ละเอียดทุกแง่ทุกมุมรวมทั้งจะเขียนถึงเหตุและผลถ้ามันเกิดเหตุขึ้น อีกทั้งเรื่องรัฐบาลนี้ “พัง” อยู่ได้อีกไม่นาน...ยังมีหลายประเด็นที่สำคัญๆอีกหลายจุดที่ไม่ได้เขียนเพราะผมนั่งนานไม่ไหว...จึงเขียนลวกๆเพียงคร่าวๆมาเพียงเท่านี้ซึ่งอาจจะมีการผิดพลาดบกพร่องไปและบทความวันนี้รู้สึกว่าขาดสีสันและขาดอรรถรสไปมาก...หากมีผิดพลาดไปผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)

    ที่มา http://konthaiuk.com/cgi-bin/smf/index.php?topic=74.0

    คำเตือนจากโหรภิญโญ พงศ์เจริญ

    เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงกรณีที่จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติ สุริยุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ซึ่งในทางโหราศาสตร์ ได้มีการคำนวณผลกระทบที่เกิดจากการเกิดสุริยุปราคาพบว่า จะเกิดเหตุสำคัญๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านการเมือง การปกครอง เนื่องจากการเกิดสุริยุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีกรกฎ ธาตุน้ำ พิจารณาจากราศีเกิดคือกรกฎเป็นจรราศี ก่อให้เกิดผลอย่างรวดเร็วและผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

    ที่สำคัญการทางด้านต่างประเทศนำความยุ่งยากให้กับรัฐบาล ตลอดจนเรื่องผลผลิตทางการเกษตร ทำให้เกิดการผันแปรสำคัญทางการเมือง การค้า จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากราศีกรกฎอยู่ในธาตุน้ำ จะเกิดอุทกภัย อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำมีคนตาย เรืออัปปาง มีความยุ่งยากทางน่านน้ำอาณาเขต อาชีพเกี่ยวกับน้ำ การประมง โรคระบาดที่มากับน้ำ อีกทั้งราศีกรกฎเป็นภพที่ 4 ของดวงเมือง เมื่อเกิดสุริยุปราคาแล้วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ปกครองหรือรัฐบาล สวัสดิภาพของประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน มีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย

    “ที่สำคัญดวงเมือง มีดาวจันทร์อยู่ราศีกรกฎดวงเดิม อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญระดับสูง หรือ สตรีผู้สูงศักดิ์ที่ประชาชนเคารพนับถือ นอกจากนี้การเกิดสุริยุปราคานี้อยู่ในราชาฤกษ์ ให้ระวังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเจ็บป่วยหรือเกิดปัญหาอุปสรรค อีกทั้งสุริยุปราคาเกิดตอนตรียางค์ที่ 1 ทำให้เกิดความปั่นป่วนดินฟ้าอากาศปวนแปร เพราะฉะนั้นควรจะระวังในเรื่องอุบัติภัย เพราะหลังจากเกิดสุริยุปราคาแล้ว มักจะตามด้วยภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ แผ่นดินไหว หรือวันที่ดาวอังคารเข้าราศีกรกฎในวันที่ 2 - 3 – 4 ต.ค.52 นี้จะเกิดอุบัติภัยทางธรรมชาติที่รุนแรง

    อยากเตือนรัฐบาลว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้จะเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญที่ประชาชนเคารพนับถือ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในราศีกรกฎควรจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพ และความปลอดภัย เช่นเดี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดในราศีเดียวกัน”นายภิญโญ กล่าวและว่า นายอภิสิทธิ์ จะจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ และเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วย

    ที่มา http://www2.nurnia.com/27557/07/unbelievable-amazing-jokes-humor/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ต้องขออภัยด้วยครับ วันที่ได้อ่านเรื่อง Doom’s Man ก็ไปค้นเจอสองภาพข้างล่างนี้เข้าพอดี ก็เกิดสองจิตสองใจอยู่เหมือนกัน ว่าจะตีความไปในด้านดีหรือด้านร้ายกันแน่ เพราะภาพหนึ่งเป็นภาพของมารร้าย อีกภาพหนึ่งเป็นภาพของพระเอกพร้อมผู้ช่วยอีก 2 คน บังเอิญผมมีข้อมูลเรื่องแอนตี้ไครส์คนที่ 3 เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องร้าย ก็เลยแปลความหมายออกมาอย่างที่ได้อ่านกัน แต่เรื่องแอนตี้ไครส์คนที่ 3 นี้เป็นเรื่องจริงนะครับและเขากำลังจะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่อง Doom’s Man นี้ก็ตาม

    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...