ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2332576" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">พุทธโกมุท<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2332576", true); </script>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: May 2007
    อายุ: 34
    ข้อความ: 275
    Groans: 5
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 7,417
    ได้รับอนุโมทนา 4,963 ครั้ง ใน 273 โพส
    พลังการให้คะแนน: 317 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2332576" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> <script type="text/javascript"><!-- google_ad_client = "pub-2576485761337625"; /* 300x250, created 21/07/09 */ google_ad_slot = "6922411748"; google_ad_width = 300; google_ad_height = 250; //--> </script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </script><script>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: inline-table; height: 250px; position: relative; visibility: visible; width: 300px;"><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: block; height: 250px; position: relative; visibility: visible; width: 300px;"><iframe allowtransparency="true" hspace="0" id="google_ads_frame3" marginheight="0" marginwidth="0" name="google_ads_frame" src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&dt=1249949941442&lmt=1249949940&prev_slotnames=6922411748%2C6296914428&output=html&slotname=6922411748&correlator=1249949940601&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2593%25E0%25B9%258C-%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2599-79471-47.html%23post2335641&cb=1&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fnewreply.php%3Fdo%3Dnewreply%26p%3D2333348&frm=0&ga_vid=1612662994.1249907913&ga_sid=1249946949&ga_hid=389375471&ga_fc=true&flash=10.0.22&w=300&h=250&u_h=900&u_w=1440&u_ah=866&u_aw=1440&u_cd=32&u_tz=420&u_his=15&u_java=true&u_nplug=22&u_nmime=113&ifi=3&dtd=4&xpc=0Q5ugaHnnq&p=http%3A//palungjit.org" style="left: 0pt; position: absolute; top: 0pt;" vspace="0" scrolling="no" width="300" frameborder="0" height="250"></iframe></ins></ins>
    คืนวันเสาร์ที่ผ่านมาหลวงปู่ปานท่านมาในฝัน

    ฝันว่าเรานั่งกราบอยู่ที่หิ้งพระ รู้สึกว่าท่านนั่งอยู่ด้านบนแต่ไม่เห็นองค์ท่าน ระหว่างสวดมนต์เห็นเชิงเทียนที่ล้มอยู่ค่อยๆตั้งขึ้นเอง ในฝันรู้สึกตกใจ ประกอบกับตื่นเต้นที่หลวงปู่แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็น จากนั้นท่านก็ให้เห็นภาพลูกโลก เป็นประเทศออสเตรเลีย ค่อยๆแยกออกจากกัน ส่วนหนึ่งเคลื่อนไปชนกับอีกประเทศ (จำชื่อไม่ได้)ส่วนหนึ่งจมลง และส่วนเล็กๆ เคลื่อนไปติดกับแผ่นดินส่วนอื่นๆ

    จากนั้น ฝันต่อว่าตัวเองอยู่ที่ทำงาน แล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ไฟดับหมดเหลือแต่ไฟฉุเฉิน ทุกคนรู้ว่ามีภัยใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ต่างคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างเดินสวนกับเพื่อนร่วมงานต่างคนก็ล่ำลากัน เหมือนอาจจะไม่ได้เจอกันอีก เราก็เดินไปตบไหล่คนโน้น คนนี้แล้วบอกให้โชคดี แต่ก็มีคนหนึ่งยังสบประมาทว่าภัยพิบัติแค่นี้เองเหรอ ไม่เห็นมีอะไร ยังไม่ตายเลย ขณะจะไปที่จอดรถเพื่อขับรถกลับ พบว่ารถติดตั้งแต่บนอาคาร เนื่องจากด้านนอก ถ.วิภาวดี รถติดขัดอย่างหนักทั้ง 2ฝั่ง ขณะนั้นคิดถึงแฟนว่าจะกลับอยย่างไร ก็ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ จึงตัดสินใจที่จะเดินกลับบ้านโดยทิ้งรถไว้ที่บริษัท ยังไม่ทันไรก็ตื่นขึ้น

    เมื่อตื่นแล้วก็คิดทบทวนว่าเราคงประมาทเกินไปที่คิดว่าหากมีเหตุขึ้น ก็ขนของใส่รถแล้วขับออกไปให้เร็วกว่าคนอื่นๆ หลวงปู่จึงมาจำลองสถานการณ์ให้เห็นว่า รถตัวเองยังเอากลับบ้านไม่ได้เลย ต้องเดินประมาณ 25กม จึงจะถึงบ้าน คงประมาณเที่ยงคืนจะถึง ขณะที่โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ แม้กระนั้นบางคนยังคิดว่าไม่มีอะไร ทั้งที่ภัยมาถึงจมูกแล้ว เหมือนกับทุกวันนี้เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โรคระบาดก็มีให้เห็น ยังไม่รู้ตัวว่าอะไรเกิดขึ้นก็มี

    สรุปว่า ท่านมาเตือนอีกครั้งแล้ว ต้องเตรียมแผนให้รัดกุมขึ้นกว่านี้ครับ


    </td></tr></tbody></table>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    จุดที่เกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ อยู่ใกล้ประเทศไทยมากนะครับ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวกันอีกต่อไปแล้ว และบริเวณนี้ก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5 ริกเตอร์ขึ้นไปบ่อยมากๆ ในช่วงหลายวันมานี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีอีกจุดหนึ่งที่เราลืมสนใจไป ก็คือ ภูเขาไฟทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลง เกิดแอคทีฟขึ้น จากระดับสีเหลืองขึ้นสู่ ระดับสีส้มกันทั่วโลกแล้วครับตอนนี้

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขตอเมริการใต้

    การแอคทีฟของภูเขาไฟมีส่วนสำคัญกับการเกิดแผ่นดินไหวและการเกิดสึนามิ จากระบบของธารลาวาใต้พิภพ

    ดังนั้นเราควรสนใจข้อมูลตรงจุดนี้ด้วยครับ
     
  4. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    อยากให้สึนามิหรือพายุ มากวาดล้างพวกคนชั่วในประเทศไทยไปเร็วๆ จัง
    ข้าราชการผู้ใหญ่ก็เอาแต่ตักตวงผลประโยชน์เข้ากระเป๋า นักธุรกิจก็ทำนาบนหลังคน
    คนเอาเปรียบผู้อื่นสมควรถูกขจัดไป
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    แผ่นดินไหว7.5ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะอันดามัน

        • [​IMG] 11 ส.ค. 52 07.31 น.
        • [​IMG] อ่าน<SCRIPT type=text/javascript src="http://app.sanook.com/weblog/counter/js/?site_id=71&weblog_id=21&entry_id=813955"></SCRIPT> 636 ครั้ง
      • เลือกขนาดตัวอักษร : [​IMG] [​IMG]
      <!-- http://btgsf1.fsanook.com/css/news/story_pictures/source/source_004.gif -->
    • [​IMG]สนับสนุนเนื้อหา
    [​IMG]
    แผ่นดินไหว7.5ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะอันดามัน

    แผ่นดินไหว 7.5 ริกเตอร์ที่หมู่เกาะอันดามัน สำนักวิทยาสหรัฐฯ เตือนภัยจับตาสึนามิ ในไทย-อินเดีย-พม่า-อินโดนีเซียและบังกาลาเทศ ด้านสำนักวิทยาไทยจับตา 3 ชั่วโมงหลักเกิดแผ่นดินไหว ก่อนประกาศยกเลิกเตือนภัยสึนามิ เผยตึกสูงในกรุงเทพ-ภาคใต้สั่นไหวบ้าง ขณะที่เวลาไล่เลี่ยเกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่น (11ส.ค.) เวลา 02.56 น. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ศูนย์กลางอยู่บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย หรือละติจูด 14.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 92.9 องศาตะวันออก ขนาด 7.5 ตามมาตาริกเตอร์ ในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย และแผ่นดินไหวครั้งนี้อาจมีคลื่นสึนามิขนาดเล็กบริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง

    ทั้งนี้ทางสำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ เตือนจับตาสึนามิ ในอินเดีย, พม่า, อินโดนีเซีย, ไทย และ บังกาลาเทศ โดยสำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานในเบื้องต้นว่าแผนดินไหวครั้งนี้มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองพอร์ทแบลร์ 160 กิโลเมตรทางเหนือของหมู่เกาะอันดามัน ลึกลงไปใต้พื้นดิน 20.6 กิโลเมตร ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกประกาศแจ้งให้จับตาดูสถานการณ์สึนามิในภูมิภาคนี้

    ขณะเดียวกัน ในเวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.6 ริกเตอร์ ใจกลางประเทศญี่ปุ่น รู้สึกได้ถึงกรุงโตเกียวและมีการประกาศเตือนภัยสึนามิ แต่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจมีความสูงเพียง 50 เซนติเมตรเท่านั้น

    ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง ฉบับที่ 1/52 ว่า เมื่อเวลา 02.55 น. วันที่ 11 ส.ค. เกิดแผ่นดินไหว 7.7 ริกเตอร์ ที่ความลึกใต้ผิวโลก 16 กิโลเมตร ศูนย์กลางที่ละติจูด 14.09 องศาเหนือ ลองติจูด 93.14 องศาตะวันออก ที่บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ระยะห่าง 876 กิโลเมตร จากชายฝั่งอันดามันของไทย

    ประเมินสถานการณ์คาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เป็นเกณฑ์เตรียมพร้อมเฝ้านระวัง โดยภัยคลื่นสึนามิ อาจเป็นอันตรายต่อพื้นที่บริเวณแนวชายฝั่ง จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล และตรัง

    ทั้งนี้หากเกิดคลื่นสึนามิจริง คาดว่าเวลาที่คลื่นสึนามิกระทบฝั่งตามหาดต่างๆดังนี้ จังหวัดระนอง พื้นที่บ้านทะเลนอก เวลา 05.56 น. บ้านประพาส เวลา 5.56 แหลมพ่อตา เวลา 6.29 น. ปากน้ำระนอง เวลา 6.26 น. หาดบางเบน เวลา 06.29 น.

    จังหวัดพังงา เกาะเมียง เวลา 04.44 น. ท้ายเหมือง เวลา 05.26 น. ทับละมุ เวลา 05.55 น. เกาะคอเขา เวลา 05.43 น. เกาะพระทอง เวลา 05.41 น. คุระบุรี เวลา 06.10 น. บ้านน้ำเค็ม เวลา 5.43 น. เขาหลัก เวลา 05.55 น. แหลมปะการัง เวลา 05.55 น.

    จังหวัดภูเก็ต หาดป่าตอง เวลา 05.22 น. บ้านท่าฉัตรไชย เวลา 05.26 น. ไนยาง เวลา 05.26 น. บางเทา เวลา 05.22 น.

    จังหวัดกระบี่ เกาะพีพี เวลา 06.23 น. เกาะลันตา เวลา 06.23 น. หาดนพรัตน์ธานี เวลา 06.50 น. ปากน้ำกระบี่ เวลา 06.50 น.

    จังหวัดตรัง หาดเจ้าไหม เวลา 07.26 น. กันตัง เวลา 07.26 น. หาดเจ้าสำราญ เวลา 07.26 น. ปะเหลียน เวลา 07.26 น.

    จังหวัดสตูล ละงู เวลา 07.24 เกาะตุรุเตา เวลา 07.24 บ้านตำมะลัง เวลา 07.50 น.

    ด้านนายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ ป้องกันและบันเทาสาธารณภัย จ.ระนอง กล่าวว่า แผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่ที่หมู่เกาะอันดามัน ประ เทศอินเดีย หรือละติจูด 14.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 92.9 องศาตะวันออก ขนาด 7.5 ริกเตอร์ แม้ว่าในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย แต่ขณะนี้ทางปภ.ระนองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สั่งการทางวิทยุให้มีการเตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะมีการคาดการณ์กันว่าอาจจะมีคลื่นสึนามิเกิดขึ้นนั้น

    ขณะนี้ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทางหอเตือนภัยจะสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยภายในเวลา 10 นาทีที่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัด และประชาชนในพื้นที่สามารถเคลื่อนย้ายอพยพได้ในทันที ซึ่งที่ผ่านมาทาง ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการซักซ้อมแผนอพยพจากภัยสึนามิมาอย่างต่อเนื่อง
    ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย น.ส.สุมาลี ประจวบ ผอ.สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กล่าวว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์หมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดียได้มีการเฝ้าระวังอาจเกิดคลื่นสึนามิ ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ใกล้จังหวัดระนอง 800 กิโลเมตร โดยมีอาคารในกรุงเทพ และภาคใต้ สั่นไหวบ้าง ทั้งนี้เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมงพบว่า ไม่มีการเกิดคลื่นสึนามิ จึงยกเลิกเตือนภัยสึนามิแล้ว เพราะหากเกิดคลื่นสึนามิ ก็จะเกิดหลังแผ่นดินไหวประมาณ 1 ชั่วโมง
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ระบุจุดที่น่าจะเกิดคลื่นยักษ์ประเภทคว่ำเรือได้ฉับพลัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นิวยอร์ก 10 ส.ค. - นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ระบุจุดและช่วงเวลาที่น่าจะเกิดคลื่นผิวน้ำขนาดใหญ่ประเภทคว่ำเรือและแท่นนอกชายฝั่งได้อย่างฉับพลัน

    ทิม แจนเซน จากมหาวิทยาลัยรัฐซานฟรานซิสโก และ โธมัส เฮอร์เบอร์ส จากบัณฑิตวิทยาลัยทางทะเลในรัฐแคลิฟอร์เนีย

    พัฒนาแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์พบว่า พื้นที่ชายฝั่งที่น้ำทะเลมีระดับความลึกหลากหลายและมีกระแสน้ำแรงเป็นจุดเสี่ยงเกิดคลื่นผิวน้ำขนาดใหญ่ฉับพลันมากที่สุด เรียกว่า freak waves หรือ rogue waves สูงกว่าคลื่นผิวน้ำทั่วไปประมาณ 3 เท่า โดยอาจสูงสุดถึง 18 เมตร หรือเท่ากับอาคาร 6 ชั้น คลื่นแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคลื่นธรรมดาเคลื่อนผ่านสันดอนทรายหรือกระแสน้ำแรงทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางและความเร็ว พลังงานของคลื่นไปรวมอยู่ที่จุดเดียวกลายเป็นจุดเสี่ยงให้เกิดคลื่นผิวน้ำขนาดใหญ่ฉับพลัน เปรียบเหมือนแว่นขยายที่รวมแสงไว้จุดเดียว และทำให้เกิดความร้อนถึงขั้นไหม้ได้ ท้องทะเลทั่วไปมีโอกาสเกิดคลื่นผิวน้ำขนาดใหญ่ฉับพลัน 3 ลูกจากคลื่นทุก 10,000 ลูก แต่ในจุดเสี่ยงโอกาสจะเพิ่มเป็น 3 ลูกจากคลื่นทุก 1,000 ลูก


    พวกเขาจะไปทดสอบกับจุดเสี่ยงเกิดคลื่นผิวน้ำขนาดใหญ่ฉับพลันที่รู้จักกันอยู่แล้วอย่างหาดคอร์เทซในรัฐแคลิฟอร์เนีย

    เพื่อดูว่าแบบจำลองคอมพิวเตอร์ถูกต้องหรือไม่ การรู้จุดเสี่ยงเกิดคลื่นแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดเส้นทางเดินเรือเพื่อเลี่ยงจุดเสี่ยง รวมทั้งการพยากรณ์อากาศในการเดินเรือและการออกแบบแท่นนอกชายฝั่งให้มั่นคงแข็งแรง. - สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทารกขาติดกันเหมือนนางเงือก 1ใน70,000ของการคลอด

        • [​IMG] 11 ส.ค. 52 03.31 น.
        • [​IMG] อ่าน<SCRIPT type=text/javascript src="http://app.sanook.com/weblog/counter/js/?site_id=71&weblog_id=21&entry_id=813942"></SCRIPT> 19,548 ครั้ง
      • เลือกขนาดตัวอักษร : [​IMG] [​IMG]
      <!-- http://btgsf1.fsanook.com/css/news/story_pictures/source/source_004.gif -->
    • [​IMG]สนับสนุนเนื้อหา
    [​IMG]
    ทารกขาติดกันเหมือนนางเงือก 1ใน70,000ของการคลอด

    คณะแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ต แถลงหลังผ่าทารกออกจากครรภ์แม่ชาวพม่า พบมีขาติดกันเป็นชิ้นเดียวเหมือนเงือก พบแค่ 1 ใน 7 หมื่นของการคลอด แพทย์ยอมรับโอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก เรื่องราวของทารกน้อยแรกเกิดมีขาติดกันเหมือนเงือก เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม คณะแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าว กรณีนางสุ่ย อายุ 36 ปี ชาวพม่าให้กำเนิดลูกคนที่ 3 ด้วยวิธีการผ่าท้อง พบทารกมีขาติดกันเป็นชิ้นเดียว ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เรียกว่า เมอร์เมด ซินโดรม (Mermaid syndrome หรือ Sirenomelia) พบได้เพียง 1 ใน 7 หมื่นของการคลอด และเป็นรายแรกของ จ.ภูเก็ต จากรายงานทางการแพทย์ทั่วโลกมีทั้งหมด 300 ราย
    นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการตติยภูมิ กล่าวว่า แพทย์ผ่าคลอดเมื่อเวลา 18.42 น. วันที่ 9 สิงหาคม ด้วยอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ เป็นการคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากแพทย์ตรวจพบว่าน้ำคร่ำมีน้อย เมื่อผ่าคลอดออกมาปรากฏว่าทารกขาติดกันเป็นชิ้นเดียว มีน้ำหนักตัว 2,240 กรัม ลำตัวยาวประมาณ 48 เซนติเมตร ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพศใด เนื่องจากไม่มีอวัยวะบ่งชี้ที่ชัดเจน และเนื่องจากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ไม่มีศัลยกรรมกุมารหรือแพทย์เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดเด็กโดยเฉพาะ จึงประสานงานกับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เพื่อส่งเด็กไปรักษาขั้นต้น เนื่องจากคาดว่าจะต้องมีการผ่าตัดอีกหลายครั้ง และจะได้ติดตามการรักษารวมถึงรับกลับมาดูแลต่อไป
    นพ.ศิริชัย กล่าวอีกว่า จะต้องมีการผ่าตัดเพื่อให้ทารกสามารถที่อุจจาระและปัสสาวะได้ก่อน หลังจากที่แข็งแรงพอแล้วก็จะผ่าตัดเพื่อแยกขา ส่วนจะพิการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดว่าเป็นอย่างไร หากเป็นพังผืดเพียงเล็กน้อย กล้ามเนื้อเส้นประสาทสัมผัสต่างๆ ที่มีอยู่ก็คงไม่มีปัญหา แต่หากติดมากก็จะมีความพิการตามมาได้ ซึ่งแพทย์จะประเมินอีกครั้ง นอกจากนี้ก็จะมีการตกแต่งอวัยวะเพศต่อไป
    "โอกาสในการรอดชีวิตของเด็ก ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของอวัยวะภายในอื่นๆ เช่น หัวใจ ไตทั้ง 2 ข้าง ระบบทางเดินปัสสาวะ เรื่องของขาไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช้เวลาในการแก้ไขได้ หากอวัยวะภายในผิดปกติไม่มากโอกาสรอดก็จะสูง ความผิดปกติแบบนี้พบได้ไม่บ่อยนัก จึงเป็นกรณีที่น่าสนใจเพื่อจะได้ติดตามกระบวนการรักษานำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาความผิดปกติในการคลอดอื่นๆ ได้อีก" นพ.ศิริชัยกล่าว
    นพ.ศิริชัย กล่าวอีกว่า เด็กที่ผิดปกติในลักษณะเช่นนี้มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก และจะเสียชีวิตหลังคลอดไม่นาน เนื่องจากมีความผิดปกติของหัวใจ นอกจากพิการจากขาติดกันแล้ว อวัยวะภายในก็จะพิการด้วย ที่พบบ่อยคือ ไม่มีทวารหนัก ไม่มีกระเพาะปัสสาวะ ไม่มีลิ้นหัวใจ บางรายไม่มีช่องหัวใจ ส่วนสาเหตุของความผิดปกตินั้นส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่มีบางรายที่แม่เป็นโรคเบาหวาน กรณีนี้ไม่พบโรคดังกล่าว แต่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าในขั้นตอนวิวัฒนาการของการเติบโตภายในครรภ์จะต้องมีการสร้างอวัยวะ หากวิวัฒนาการดังกล่าวถูกรบกวนด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่นมีเชื้อไวรัส เป็นต้น จะทำให้อวัยวะในส่วนที่จะต้องวิวัฒนาการเป็นไต กระเพาะปัสสาวะ หรือขาไม่สมบูรณ์ หรือสมบูรณ์ไม่ 100% จึงทำให้เนื้อติดกัน กรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดปกติน้อยกว่าเด็กมีหัวติดกัน
    ด้านนางสุ่ย แม่ของทารกน้อย กล่าวว่า แต่งงานอยู่กินกับนายกู้กู อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นชาวพม่ามาเป็นเวลา 10 ปีเศษ เข้ามาทำงานที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยทำงานรับจ้างประมงอยู่ที่แพปลาพิชัย ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก่อนหน้านี้เคยให้กำเนิดบุตรมาแล้ว 2 คน ครั้งนี้เป็นคนที่ 3 หลังจากผ่าคลอดแล้วก็ยังไม่ได้เห็นหน้าลูก ทราบจากสามีว่าลูกมีความผิดปกติ ขาทั้ง 2 ข้างติดกันคล้ายเงือก ผิวขาว น่ารัก แต่ไม่ทราบว่าเพศอะไร
    "วินาทีแรกที่ทราบว่าลูกขาติดกันคล้ายเงือก รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ คิดว่าตัวเองคงมีเวรกรรม เพราะเกิดลูกมาแล้ว 2 คน ก็เสียชีวิตทั้งหมด ครั้งนี้ก็มีความผิดปกติขาติดกันคล้ายเงือก ไม่อยากเห็นหน้าลูกเพราะยังทำใจไม่ได้" แม่ทารกน้อย กล่าว
    นางสุ่ย กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะผ่าตัดคลอดประมาณ 2 วัน ฝันว่ามีเด็กมาเล่นหยอกล้อกับตน มีท่อนล่างเป็นผู้ชาย ท่อนบนเป็นเด็กผู้หญิง มานอนบนอก จากนั้นเด็กคนดังกล่าวก็หายไป ไม่คิดว่าความฝันดังกล่าวจะเป็นจริง ขณะนี้ยังไม่คิดตั้งชื่อลูก หวังว่าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยจะสามารถช่วยเหลือลูกของตนได้
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าผู้ที่มีความผิดปกติในลักษณะดังกล่าว มีชีวิตรอดอยู่ปัจจุบันเพียง 2 ราย รายแรกเป็นชาวอเมริกัน ชื่อ ยอชท์ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1980 ไม่มีกระเพาะปัสสาวะ ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 5 ครั้ง รายที่ 2 เป็นชาวเปรู ชื่อ มิรากอรส เซอร์ร่อน ไม่มีไต อวัยวะเพศภายในกับทวารหนักข้างในเป็นอันเดียวกัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 2004 ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะมีความผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ไม่มีไต ทางเดินปัสสาวะผิดปกติ หัวใจผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้


    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฝนถล่มนครพนมเทศบาลเมืองจมบาดาล </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>คมชัดลึก :ฝนตกหนักข้ามคืน ทำน้ำท่วมเทศบาลเมืองนครพนม ถนนหลายสายจมใต้น้ำ การสัญจรลำบากร้านค้าในตลาดน้ำทะลักท่วมต้องขนของจ้าละหวั่น ด้านศูนย์อุตุฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตือน 7 จ.อีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลันจากน้ำป่าไหลหลาก


    (10ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ที่จังหวัดนครพนม หลังเกิดฝนตกหนักทั้งคืนได้เกิดน้ำท่วมหนักในเขตเทศบาลเมืองนครพนม

    เนื่องจากระบายลงสู่น้ำโขงไม่ทัน ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ การสัญจรเต็มไปด้วยความลำบาก ส่วนที่ท่วมหนักสุดอยู่ที่ถนนอภิบาลบัญชา เส้นกลางเมืองและเป็นถนนสายเศรษฐกิจ และที่หน้าโรงพยาบาลจังหวัด มีประชาชนกว่า 100 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนนอกจากน้ำจะทะลักท่วมบ้าน ขณะที่ตลาดสดเทศบาลเมืองระดับน้ำ 50 ซ.ม.ร้านค้าแม่ค้าต้องขนของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น

    นายนิวัติ เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวถึงสาเหตุน้ำท่วมหนักว่า เกิดจากฝนตกอย่างหนักหลายชั่วโมง

    ส่งผลให้น้ำในตัวเมืองระบายลงสู่น้ำโขงไม่ทัน ซึ่งขณะได้ระดมเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือประชาชนและระดมสูบน้ำลงสู่น้ำโขงอย่างเร่งด่วนคาดว่าถ้าฝนไม่กระหน่ำลงมาอีกคงควบคุมสถานการณ์ได้ รายงานข่าวแจ้งว่าน้ำท่ามเทศบาลเมืองนครพนมหนักครั้งนี้ เกิดจากระบบระบายลงสู่น้ำโขงมีปัญหาโดยเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่บริเวณจุดสำนักงานไปรษณีย์ซึ่งปกติจะเดินเครื่องสูบน้ำลงสู่น้ำโขงครั้งละ 2 เครื่อง แต่พบว่าเดินเครื่องเดียว โดยเจ้าหน้าที่บอกสาเหตุว่าเพราะมีคนมาขโมยเอามอเตอร์สูบน้ำไป จึงไม่สามาถสูบน้ำได้

    ขณะที่บริเวณจุดน้ำท่วมมีการวางท่อประปาและท่อบำบัดน้ำเสียทำให้น้ำไม่ไหลมาสู่เครื่องสูบน้ำริมโขง ขณะที่ระดับน้ำโขงยังทรงตัวที่ 9 เมตรซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำโขงล้นตลิ่ง


    นายประเสริฐ ปุราถานัง นักอุตุนิยมวิทยาชำนาญการ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า จากการพยากรณ์อากาศตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 10 ส.ค.ถึงเวลา 06.00 น.วันที่ 11 ส.ค. 2552 พบว่า มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองกระจาย ประมาณ 60เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อันเนื่องมาจากร่องความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง

    ดังนั้นจากสภาวะภูมิอากาศลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกกระจาย และฝนตกหนักบางพื้นที่

    จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มจังหวัดนครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะนี้ ไว้ด้วย สำหรับพื้นที่จังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ และสกลนคร ลักษณะอาการมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองกระจาย ประมาณ 50เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในส่วน จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ พบว่ามีฝนหรือฝนฟ้าคะนองกระจาย ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ช็อก!แม่บังคับลูกเสพยา-ขายตัว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>บราวน์ /แม็กฟาร์เลน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อ 9 ส.ค. นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ตีแผ่เรื่องราวสะเทือนใจของหญิงสาวชาวเมืองเอสเส็กซ์

    ที่ถูกแม่บังคับให้เสพยาตั้งแต่อายุ 12 ปีต้องออกจากโรงเรียนมาเลี้ยงน้อง และให้ถ่ายหนังโป๊ขายตัว โดยหนังสือพิมพ์เพิ่งเผยเรื่องราวหลังจากที่หญิงสาวเจ้าของเรื่องมีอายุครบ 18 ปี น.ส.แซฟไฟร์ แม็กฟาร์เลน วัย 18 ปี เปิดเผยว่า นางสเลซี่ บราวน์ แม่ของตนติดยาและบังคับให้ตนเสพเฮโรอีนและโคเคนจนติดตั้งแต่อายุ 12 ปี ครั้งหนึ่งแม่พาเข้ากรุงลอนดอนบอกว่าไปพบกับผู้ผลิตหนังชาวอเมริกันเพื่อถ่ายเรื่องราวชีวิตแม่และให้ตนแสดงเป็นแม่ตอนเด็ก แต่แม่พาไปพบผู้ชายคนหนึ่งอายุราว 45 ปี และมีเพศสัมพันธ์กันต่อหน้าตน จากนั้นให้ตนทำท่าร่วมเพศกับชายคนนั้น โดยแม่เป็นคนอัดวิดีโอ

    สาววัย 18 ปี ยังเผยด้วยว่า นางบราวน์เคยเป็นดาวโป๊ ถ่ายหนังโป๊กว่า 200 เรื่อง
    และเป็นแชมป์ยูโรเปียนแก๊งแบง ปี 2003 เพราะร่วมเพศกับผู้ชายถึง 466 คนบนเวที มักจะมีทีมหนังโป๊มาถ่ายทำที่บ้าน และบ่อยครั้งที่แม่จะให้ตนเข้าไปอยู่ในห้องขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มาหาไม่ซ้ำหน้า

    ชีวิตสาวน้อยแดงขึ้นเมื่อนางบราวน์ติดต่อช่างภาพเสนอให้ลูกสาว วัย 13 ปี แสดงเป็นดาวโป๊และขายพรหมจรรย์

    แต่ช่างภาพไม่เอาด้วยและแจ้งไปที่นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ซึ่งส่งผู้สื่อข่าวมาสวมรอย กระทั่งช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากขุมนรก ทั้งนี้ ศาลสั่งรอลงอาญานางบราวน์ 2 ปี ข้อหาค้าประเวณีเด็ก ด้านแม็กฟาร์เลนแต่งงาน มีครอบครัวอบอุ่น ส่วนน้องชายวัย 8 ขวบมีญาติรับไปเลี้ยง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ภาพยนต์หลายๆเรื่อง ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ครับ "รถติด" ทุกคนพยายามที่จะเอาตัวรอดเหมือนกัน

    ผู้ที่ได้เปรียบที่สุด คือ ผู้ที่ออกกำลังกาย และเดินบ่อยๆ นอกจากจะเดินเก่งแล้ว สุขภาพร่างกาย เรายังแข็งแรง ด้วยครับ

    หลักการเดินไกลๆ ที่ดี คือ อย่ารีบร้อน ต้องใจเย็น เดินไปคิดไป ก็ดี หรือเดินแบบมีสมาธิ ก็ดีครับ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ในญี่ปุ่น และเกิดแผ่นดินไหว 7.6 ริกเตอร์ในมหาสมุทรอินเดีย

    [​IMG]

    โตเกียว 11 ส.ค.-ช่วงเช้ามืดวันนี้ เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น และแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์ในมหาสมุทรอินเดีย มีการประกาศเตือนภัยสึนามิในหลายประเทศรวมทั้งไทย แต่ยกเลิกในเวลาต่อมา

    แผ่นดินไหวญี่ปุ่นเกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.07 น.ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 03.05 น. ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปในอ่าวซึรุงะ 20 กิโลเมตร ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 150 กิโลเมตร ทางการระงับการเดินรถไฟหัวกระสุนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ส่วนเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปิดเองโดยอัตโนมัติ ภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์เห็นขวดแก้วในร้านสะดวกซื้อตกแตก เทปในห้องข่าวหล่นจากชั้น และกระเบื้องหลังคาวัดร่วงแตกอยู่ที่พื้น มีรายงานผู้บาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ 9,100 ครัวเรือนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ หลังเกิดคลื่นสูง 60 เซนติเมตร แต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา

    ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์ในมหาสมุทรอินเดียนอกชายฝั่งหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ เมื่อเวลา 01.55 น.ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 02.55 น. ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไป 33 กิโลเมตร ห่างจากเมืองพอร์ทแบลร์ เมืองเอกของหมู่เกาะไปทางเหนือ 260 กิโลเมตร ชาวบ้านเล่าว่า ผู้คนตื่นกลัวพากันออกนอกบ้านเพราะทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไหวไปหมด ศูนย์เตือนภัยสึนามิมหาสมุทรแปซิฟิกของสำนักงานมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐประกาศเตือนภัยสึนามิหลายประเทศที่อยู่ในรัศมี 1,000 กิโลเมตรจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศ พม่า อินโดนีเซีย และไทย แต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 07:23:08

    มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน จากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 11 ส.ค. - มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ ที่เมืองชิสุโอกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว

    ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดจากถูกสิ่งของหล่นลงม าซึ่งรวมถึงสองคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เมืองชุสุโอกะ บอกว่า เกิดไฟไหม้ที่โรงงานเครื่องจักรแห่งหนึ่งแต่สามารถดับไฟได้ทัน นอกจากนี้ยังเกิดแผ่นดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวทำให้ทางหลวงบริเวณมากิโนฮารา ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้การจราจรติดขัด

    แผ่นดินไหวยังทำให้ไฟฟ้าดับ บ้านเรือนเกือบหนึ่งหมื่นหลังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนรถไฟความเร็วสูงชินกันเซนกลับมาให้บริการอีกครั้ง หลังหยุดให้บริการไปหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังเตือนประชาชนให้ระวังแผ่นดินถล่ม เพราะไต้ฝุ่นเอตาวกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาตามชายฝั่ง ซึ่งจะทำให้แถบกรุงโตเกียวเกิดฝนตกหนักและลมแรง.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 11:09:22

    ไต้ฝุ่นมรกตถล่มชายฝั่งตะวันออกของจีน ตาย 6 สูญหาย 3

    [​IMG]

    จีน 11 ส.ค.-มีรายงานผู้เสียชีวิต 6 คน และอีก 3 คนสูญหาย หลังพายุไต้ฝุ่นมรกตพัดถล่มชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีน

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นมรกตเคลื่อนขึ้นพัดถล่มหลายพื้นที่ทางชายฝั่งภาคตะวันออกของจีน ด้วยความเร็วลม 119 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งผลให้บ้านเรือนหลายร้อยหลังคาเรือนในหลายหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ ในจำนวนนี้กว่า 2,000 หลังได้รับความเสียหาย มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คนในมณฑลเจ้อเจียง ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 2 คนอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยนและเจียงซี

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเดินลุยน้ำแจกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดค้างตามบ้านเรือน หลายคนต้องหอบข้าวของหนีน้ำขึ้นไปบนหลังคาบ้าน ขณะที่ในหลายเมืองไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และถนนหนทางมีโคลนถล่มลงมาทับ
    ขณะนี้ ไต้ฝุ่นมรกตได้อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อนแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปที่นครเซี่ยงไฮ้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 04:13:24

    หน่วยกู้ภัยไต้หวันค้นหาเหยื่อในหมู่บ้านที่ถูกโคลนถล่ม

    [​IMG]

    ไทเป 11 ส.ค. - เจ้าหน้าที่ไต้หวันเผยว่า เฮลิคอปเตอร์หลายลำนำหน่วยกู้ภัยไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของไต้หวันในวันนี้ เพื่อค้นหาเหยื่อจากเหตุโคลนถล่มครั้งใหญ่ที่อาจฝังร่างชาวบ้านหลายร้อยคน

    ฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมรกตทำให้เกิดโคลนถล่มใส่บ้านเรือนหลายหลังที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเกาสง เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังมีชาวบ้านราว 600 คน ที่หาตัวไม่พบ และเกรงว่าอาจถูกฝังอยู่ใต้กองโคลน

    รัฐบาลไต้หวัน ระบุว่า ยอดผู้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมรกตที่พัดถล่มไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 38 คน ทหารนายหนึ่ง เผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตชาวบ้านเกือบ 100 คน จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเกาสงที่มีประชากรราว 1,000 คน เจ้าหน้าที่อีกคน กล่าวว่า สามารถติดต่อชาวบ้านได้บางคน และยังมีบางส่วนที่ยังหาตัวไม่พบ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ

    ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาสร้างความเสียหายแก่ถนนหลายสายและสะพานในพื้นที่ประสบภัย ส่งผลให้การคมนาคมทางบกถูกตัดขาดเกือบทั้งหมด น้ำท่วมในพื้นที่ประชากรหนาแน่นทางภาคใต้ยังก่อให้เกิดความเสียหายที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรมราว 4,200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 4,352 ล้านบาท). -สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 10:28:20

    ไต้ฝุ่นมรกตทำชาวไต้หวันตายเกือบ 40 คน อพาร์ทเมนต์ในจีนถล่มอีก 6 หลัง

    [​IMG]

    ไทเป 11 ส.ค.- เจ้าหน้าที่กู้ภัยไต้หวันแจ้งว่า น้ำท่วมเพราะอิทธิพลของไต้ฝุ่นมรกตทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน สูญหายอีก 62 คน ขณะที่ในจีนเกิดดินถล่มขนาดใหญ่ทำให้อพาร์ทเมนต์พังถล่ม 6 หลัง ยังไม่ทราบจำนวนผู้เคราะห์ร้าย

    ทางการไต้หวันคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะเกิดดินถล่มกลบหมู่บ้านห่างไกลแถบเทือกเขา คาดว่ามีผู้เคราะห์ร้ายไม่ต่ำกว่า 400 คน เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยไม่สามารถลงจอดได้เพราะพื้นลื่นมาก จึงทำได้เพียงหย่อนอาหารให้แก่ผู้รอดชีวิต รัฐบาลไต้หวันตั้งงบฉุกเฉิน 20,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 20,400 ล้านบาท) บรรเทาทุกข์จากน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี

    ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ดินถล่มเกิดขึ้นที่เมืองเหวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศ สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักเพราะอิทธิพลของไต้ฝุ่นมรกต มีอพาร์ทเมนต์ 4 ชั้นอย่างน้อย 6 หลังพังถล่มเมื่อเวลา 22.30 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 21.30 น.วันจันทร์ตามเวลาในไทย เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตได้แล้ว 6 คน แต่ไม่ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีคนพำนักอยู่มากน้อยใด การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะติดก้อนหินและโคลนจำนวนมาก ไต้ฝุ่นมรกตทำให้ชาวจีนเสียชีวิตแล้ว 6 คน สูญหาย 3 คน ขณะที่ 1.4 ล้านคนต้องอพยพหนีภัย.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 09:10:13

    ตึก 3 ชั้นถล่มหลังไต้ฝุ่นพัดถล่มไต้หวัน

    [​IMG]

    ไต้หวัน 10 ส.ค.-ไปชมภาพของอาคารที่พักอาศัยความสูง 3 ชั้นในไต้หวัน ที่ถูกกระแสน้ำรุนแรงกัดเซาะจนพังถล่มลงมาทั้งหลัง

    สถานีโทรทัศนของไต้หวันแพร่ภาพอาคารที่พักอาศัยความสูง 3 ชั้นในหมู่บ้านเชี่ยหลานทางตอนใต้ของเกาะ ที่พังถล่มลงมาขณะที่เกิดน้ำท่วมหนักและกระแสน้ำเชี่ยวกรากในพื้นที่ แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับอันตราย เนื่องจากผู้คนได้อพยพออกจากพื้นที่แล้ว ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าหมู่บ้านเสี้ยวหลิน ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาทางภาคใต้ ถูกโคลนถล่มลงมาทับทั้งหมู่บ้าน ขณะนี้มีผู้คนสูญหายไปราว 400 คน แต่ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเชื่อว่า น่าจะสูญหายไปมากถึง 600 คน ทางการท้องถิ่นเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ออกค้นหาแล้ว

    ชาวจีนในนครเซี่ยงไฮ้เตรียมรับมือกับพายุโซนร้อนมรกต ที่ลดระดับความรุนแรงลงจากไต้ฝุ่นแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักถึง 90 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงในนครเซี่ยงไฮ้ รวมถึงในมณฑลเจ้อเจียง เจียงซู ชานตงและอันฮุยด้วย .- สำนักข่าวไทย

    2009-08-10 23:07:49

    ข่าวภายในประเทศ

    แรงสะเทือนแผ่นดินไหวหมู่เกาะอันดามันไม่กระทบไทย

    [​IMG]

    ภูมิภาค 11 ส.ค.- ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ ให้ความมั่นใจประชาชน 2 เขื่อนใหญ่ไม่ได้รับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวจากหมู่บ้านอันดามัน เช่นเดียวกับภูเก็ตยังไม่มีสิ่งผิดปกติ เตรียมจัดซ้อมใหญ่เตือนภัยสึนามิพร้อม 6 จังหวัด 21 ส.ค.

    นายกิตติ ตันเจริญ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย เมื่อเวลา 02.56 น. วันนี้ (11 ส.ค.) ว่า เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตรวจสอบข้อมูล จากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งทั้งสองเขื่อน ปรากฏว่าไม่สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ได้ เนื่องจากอยู่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวมาก ดังนั้น ประชาชนสบายใจได้ว่าทั้ง 2 เขื่อน ในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ได้รับผลกระทบ ยังอยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง

    ด้านนายโชตินรินทร์ เกิดสม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าววเช่นกันว่า จังหวัดภูเก็ตไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติยกเลิกการประกาศเตือนสึนามิไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจังหวัดได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่สังเกตระดับน้ำทะเลไว้ก่อน และล่าสุดไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงพักผ่อนตามชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ เป็นปกติ สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์แผ่นดินไหวและภัยพิบัติสึนามิ นั้น จังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมตลอดเวลา และวันที่ 21 สิงหาคม นี้ คณะกรรมการฝึกซ้อมระบบการเตือนภัยและอพยพหลบภัยสึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน มีมติเห็นชอบให้ฝึกซ้อมระบบเตือนภัยพร้อมกัน โดยจะฝึกซ้อมในพื้นที่ตั้งระบบเตือนภัยสาธารณะ (หอเตือนภัย) ซึ่งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะส่งสัญญาณเปิดเสียงหอเตือนภัยพร้อมกันทุกหอในเวลา 10.45 น.

    สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีพื้นที่ตั้งหอเตือนภัยที่ อ.เมือง ปลายแหลมสะพานหิน ต.ตลาดใหญ่ อ่าวยน ต.วิชิต หาดกะตะ หาดกะรน หาดกะตะน้อย ต.กะรน หาดราไวย์ หาดในหาน เกาะราชาใหญ่ เกาะโหลน ต.ราไวย์ อ่าวฉลอง ต.ฉลอง และแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา ในพื้นที่ อ.ถลาง หาดในยาง ต.สาคู หาดบางเทา-เลพัง ต.เชิงทะเล หาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว และอ่าวปอ ต.ป่าคลอก ส่วน อ.กะทู้ หาดกมลา ต.กมลา และหาดป่าตอง ต.ป่าตอง โดยจะใช้พื้นที่หาดป่าตอง เขตเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่หลักในการฝึกซ้อมฯ และถ่ายทอดแพร่ภาพไปทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 10:25:25

    ดร.สุเมธ ย้ำคนไทยต้องพอเพียง นักธุรกิจต้องมีคุณธรรม

    [​IMG]

    ตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 ส.ค.-“ดร.สุเมธ” ห่วงสภาวะสังคมเศรษฐกิจ ย้ำคนไทยต้องพอเพียง อย่าลืมง่ายให้นึกถึงวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ที่เคยเกิดขึ้น ส่วนนักธุรกิจต้องมีคุณธรรม คำนึงถึงสังคมและส่วนรวม

    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวในการสัมมนา กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่มีปัญหา แต่มีปัญหาทั่วโลก กลยุทธ์ที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจ จึงต้องมีคุณธรรม ความดี และรู้จักเสียสละเพื่อสังคมส่วนรวม เพราะระบบทุกอย่างที่สุดกู่ เช่น ระบบทุนนิยม หรือเสรีนิยมสุดกู่ หรือระบบสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ หากดำเนินไปอย่างสุดกู่ท้ายที่สุดก็ต้องล่มสลาย ดังนั้นระบบที่ดีคือต้องรู้จักความพอเพียง ตามแนวพระราชปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ดร.สุเมธ กล่าวอีกว่า คนไทยรู้จักการล่มสลายของเสรีนิยมและทุนนิยม จากวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งขณะนั้นตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง 3 ปี จากนั้น ก็แตก และทำให้ต้องเป็นหนี้ตามมา แต่คนไทยมักลืมง่าย เจ็บไม่ค่อยจำ ตอนนี้ก็เริ่มลืมอีกแล้ว จึงอยากฝากว่า การบริหารทุกอย่างต้องใช้ความระมัดระวัง มุ่งความยั่งยืนเป็นที่ตั้ง อย่าคิดทางลัด หรือเร็วเกินไป เพราะสิ่งใดที่มาเร็วก็ย่อมไปเร็วด้วย ส่วนภาคธุรกิจ ก็ขอฝากให้คิดถึงสังคม และรู้จัก “ทานัง” และ “บริจาคะ” ซึ่งหมายถึงการคืนกำไรให้ลูกค้า และการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงส่วนรวม เพราะทรัพยากรทั้งโลกพอสำหรับการเลี้ยงคนได้แค่ 4,000 ล้านคน แต่ปัจจุบันต้องเลี้ยงคนถึง 6,700 ล้านคน ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศสวรรค์ที่ไม่อดตาย หากทำเกษตรสมบูรณ์ จะร่ำรวยแบบช้า ๆ แต่มั่นคง การบริหารต้องคำนึงถึงคุณภาพ อย่าดูแต่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-10 16:18:47

    นายกฯ ชวนคนไทยเที่ยวงานวันแม่ ร่วมถวายความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติ

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 9 ส.ค. - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เชิญชวนคนไทยเที่ยวงานวันแม่แห่งชาติ เช่น งานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดโดยกระทรวงวัฒธรรม ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

    โครงการสิงหาพาแม่เที่ยว ซึ่งตนมีโอกาสพาคุณแม่ของหลายๆ คนไปเที่ยวงาน “ศิลป์แผ่นดิน” จัดที่สวนอัมพร เป็นการจัดงานที่แสดงถึงสิ่งที่ประชาชนผ่านการฝึกอบรมโครงการของพระองค์ และประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่างงดงามหาดูได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างประเทศมาชมนิทรรศการแล้ว ล้วนต้องทึ่งฝีมือคนไทย ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จนางจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานโอกาสอันล้ำค่าตามโครงการศิลปาชีพ ให้คนไทยได้แสดงฝีมือและเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำทักษะ ประเพณีที่ดีงาม ความสามารถของคนไทยแปลงเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางวัฒนธรรม

    ส่วนโครงการสิงหาพาแม่เที่ยว วัตถุประสงค์ต้องการให้ลูกใช้โอกาสวันหยุดพักผ่อนราชการ ช่วงวันหยุด พาแม่เที่ยวเสริมความผูกพันในครอบครัว กระตุ้นการเท่องเที่ยวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ย้ำอีกครั้งว่าในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมนี้ มาร่วมถวายความจงรักภักดี ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงสร้างประโยชน์ให้ประเทศอย่างมากมาย.- สำนักข่าวไทย

    2009-08-09 12:40:57

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 18:40 น. ข่าวสดออนไลน์


    พระราชเสาวนีย์พระราชินี เนื่องในวโรกาสครบ 77 พรรษา

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 11 ส.ค. สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา ทรงมีพระราชเสาวนีย์ตอบคณะบุคลคลที่เข้าเฝ้าถวายพระพรเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 77 พรรษา ใจความว่า

    ขณะนี้ในหลวงและข้าพเจ้าอยู่วังไกลกังวล ที่นั่นอากาศดีเหมาะกับพระสุขภาพ พระองค์ท่านสบายดีขึ้น ทรงพยายามออกพระกำลัง เสด็จพระดำเนินที่เฉลียงทุกวัน ทรงแข็งแรงขึ้น ปีนี้จะ 82 พรรษาแล้ว ได้ประกอบพระราชกรณียกิจได้ดังที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ บางครั้งเสด็จทอดพระเนตรโครงการใกล้ๆหัวหินบ้าง จะให้ตรากตรำเหมือนหลายสิบปีก่อนคงไม่ไหว

    หลายสิบปีก่อนเสด็จไปเยี่ยมประชาชนทุกภาคของประเทศ ทรงขับรถเอง หนทางกันดารไม่ใช่น้อย บางครั้งทรงขับรถข้ามแม่น้ำที่นราธิวาส ทรงขับรถไปดูเพื่อให้เห็นจริงจังของการอยู่กินของราษฎรตามเขตชายแดนต่างๆ แต่พระองค์ก็ยังทรงติดตามงานต่างๆตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องฝน ปริมาณน้ำในเขื่อน ทรงห่วงประชาชนมากเกรงจะมีน้ำท่วมอีก ถ้าพอจะหาแนวทางใดป้องกันได้ก็จะมีพระราชดำริให้เตรียมการไว้ก่อน

    ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมคนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาทำไร่ทำสวนเลี้ยงสัตว์ การเพาะปลูกที่ไม่อยู่ในเขตชลประทาน ต้องพึ่งพาอาศัยฝนฟ้าเป็นหลักปีใดฝนดีผลิตผลก็ดี ฝนมากไปน้ำก็ท่วม ปัญหาแต่ละภาคไม่เหมือนกัน ภาคเหนือดั้งเดิมปลูกฝิ่น เขาบอกไม่รู้จะทำมาหากินอะไรบางครั้งก็ทำไร่เลื่อนลอยทำให้มีปัญหายาเสพติด ปัญหาป่าไม้ถูกทำลาย บางครั้งชาวเขาบอกว่าเมื่อพ่อหลวงบอกว่าไม่ดีก็จะเลิกและจะทำการเพาะปลูก และเขาก็พูดว่าขออนุญาตได้ไหมให้มีที่ปลูกฝิ่นสักนิด เวลาปวดฟันปวดท้องนอนไม่หลับ เสพฝิ่นหน่อยเดียว พระเจ้าอยู่หัวฯบอกอนุญาตได้เล็กน้อยสำหรับแก้เจ็บปวดอะไรเช่นนั้น

    ภาคอีสานมีปัญหาขาดแคลนน้ำ ดินเป็นดินทราย ภาคใต้มีฝนตกชุกแทบทั้งปี เนื่องจากภูมิประเทศแคบยาว ด้านหนึ่งภูเขาด้านหนึ่งเป็นทะเล ที่ราบบางส่วนเป็นพรุมีน้ำเปรี้ยวขังอยู่ เพาะปลูกไม่ได้ ส่วนภาคกลางแม้จะโชคดีเป็นที่ราบแต่เนื่องจากเป็นทางผ่านน้ำจากภาคเหนือ ปีไหนฝนชุก น้ำท่วมไม่ลงเร็ว ถ้ามีน้ำทะเลหนุนกลายเป็นน้ำท่วมขัง เช่นบ้านเดิมบ้านพ่อแม่ข้าพเจ้า ริมน้ำเจ้าพระยาที่เทเวศร์ น้ำท่วมตลอด บางทีก็เข้าไปในบ้าน พื้นเสียหมดเลย ต้องย่ำน้ำกันไปในบ้านเป็นของธรรมดา

    ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีมา 59 ปี ได้ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวเยี่ยมในทุกภูมิภาคได้เห็นว่าทรงงานอะไรที่ไหนบ้าง และเห็นว่าทุกครั้งจะทรงขับรถเองมีแผนที่ใกล้พระองค์เสมอ ทำงานเกี่ยวกับเรื่องดินและน้ำตลอด ทรงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว ปี พ.ศ.2512 ระหว่างประทับที่ภาคเหนือ ทรงงานช่วยเหลือชาวเขาให้เปลี่ยนมาปลูกพืชผักผลไม้และไม้ดอกให้แทน จนเกิดเป็นโครงการหลวงทุกวันนี้ โดยมีม.จ.ภีศเดช รัชนี ช่วยเหลือดูแล จนชาวเขาไว้วางใจว่าต้องช่วยเขาได้แน่นอน หลังจากนั้นเขาเริ่มลดการปลูกฝิ่นมาปลูกผลไม้ ผัก ดอกไม้ตามโครงการหลวงถึงทุกวันนี้ ท่านภีศเดชเสด็จไปตามดอยต่างๆไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้งและตามเสด็จในหลวง ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุยังน้อยอยู่ยังเดินตามไปได้ ถึงจะเหนื่ออย่างไรก็ยังพอทนไหว ถ้าตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้ว

    ที่ภาคอีสานโปรดให้สร้างพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ปี 2519 ทรงใช้เป็นศูนย์กลางเพื่อดูว่าที่ไหนเหมาะในการสร้างเขื่อนเก็บน้ำ ภาคใต้เหนื่อยหน่อยแรกเสด็จมีประชาชนมาคอยรับเสด็จเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตี 2 ตี 3 ข้าพเจ้าแอบดูเห็นประชาชนมาคอยรับเสด็จแน่นขนัด แต่เงียบกันหมดไม่อยากให้รบกวนพระองค์ เพียงแต่ให้ได้เห็นรถไฟที่ทรงหลับ แต่ไม่ได้หลับทรงแอบมองเขาอยู่ ที่ภาคใต้ต้องใช้คำว่าทรงลุยงานมาโดยตลอด ภาพที่พระองค์ประทับเรือไปในเขตพรุ น้ำในพรุใสแจ๋ว มองด้วยตาจะนึกว่าน้ำสะอาด แต่เมื่อวัวไปกินน้ำปากเปื่อยนานกว่าจะหาย เพราะน้ำเป็นกรด พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปกับผู้เชี่ยวชาญกรมชลประทาน ทรงหาวิธีการให้น้ำเปรี้ยวระบายออกทะเล ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทุกข์พระทัย แต่เดี๋ยวนี้น้ำหายเปรี้ยวแล้ว ตอนหลังขุดคลองระบายน้ำเปรี้ยวระบายน้ำ กักน้ำเปรี้ยวบางเค็มบ้าง จนเดี๋ยวนี้น้ำเปรี้ยวในพรุก็หายไปแล้ว ดินเปรี้ยวก็ใช้วิธีการแกล้งดินคลายความเปรี้ยวลง จนสามารถปรับปรุงที่นาที่ถูกทิ้งร้าง 20-30 ปีมาใช้ประโยชน์ได้นับแสนไร่ พื้นที่นอกเขตพรุในบางส่วนเมื่อก่อนปลูกข้าวได้ไร่ละแค่ 4-5 ถัง เดี๋ยวนี้ปลูกได้มากกว่า 50 ถัง แต่กว่าชาวบ้านจะแจ่มใสทรงเหนื่ออยู่หลายปี มีผู้สนใจวิธีการของท่านก็ได้ไปศึกษาที่โครงการศูนย์ศึกษาพิกุลทองที่จ.นราธิวาส ซึ่งทรงสร้างตั้งแต่ ปี 2525

    ทุกโครงการพระราชดำริจะทรงติดตามผลตลอดเวลา โครงการมูโนะทรงได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวนไม่น้อยว่าเขาไม่มีที่ดินทำกิน ยากจน ก็ทรงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ทรงรู้จักหลายคน ทรงตั้งโครงการเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน ปัญหาน้ำเปรี้ยวในพรุโต๊ะดิน ครอบคลุมสุไหงโก-ลก และตากใบ ให้ประชาชนมีทางทำมาหากิน ทดลองจัดตั้งหมู่บ้านปศุสัตว์ พัฒนาอาชีพ ชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสลิม ทรงส่งเสริมให้เลี้ยงโค เป็ดไก่ ทำไร่นาสวนผสม

    ภาคกลางที่ทรงห่วงมากก็ปัญหาน้ำท่วม ปัจจุบันที่ทรงมีโครงการแก้มลิง ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง ผลงานสำคัญตามพระราชดำริในภาคกลางเข้เขื่อนป่าสัก เขื่อนขุนด่านปราการชล อย่างเขื่อนป่าสักหลังสร้างเสร็จแล้วข้าพเจ้าได้ยินว่ากรุงเทพยังไม่มีน้ำท่วมใหญ่เลย นับว่าเป็นการแก้ปัญหาอย่างประหยัด คุ้มค่าในการก่อสร้างเขื่อนแล้วจากนี้ไปก็เป็นกำไรของประเทศชาติเท่านั้น

    ทรงมีโครงการพระราชดำริมากกว่า 3 พันโครงการ มุ่งให้ราษฎรกินดีอยู่ดีทุกภาค ทรงทำงานไม่มีวันหยุดมากว่า 60 ปี ไม่เบื่อหน่าย เพราะพระองค์ทรงรักประชาชน ในห้องทรงงานทรงมีแต่แผนที่ประเทศไทยทุกภาคเต็มไปหมด ทรงดูแลความเจ็บป่วยของประชาชนพวกที่ลูกมากยากจน ขาดการศึกษา ข้าพเจ้าก็ชวนเขามาที่ภาคกลางมาอยู่ในวังหลวง แล้วก็มาฝึกศิลปาชีพ การฝีมือต่างๆ ซึ่งได้ผลดีมาก ขณะนี้แสดงอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าพเจ้าปลื้มมาก เพื่อนต่างชาติเขามาแล้วก็ชม เห็นฝีมือแล้วเขาบอกว่านี่เป็นฝีมือ 1 ของโลก จากเด็กยากจน ข้าพเจ้าจะนำมาครอบครัวละ 2 คน อยู่ในวังหลวง ตอนเช้าให้นั่งรถพามาที่สวนจิตรลดา ฝึกงานและให้เงินเขาทุกวัน เขาก็เก็บเงินมาให้พ่อแม่ เดี๋ยวนี้พวกที่ยากจนที่สุดจบป.3 บางคนไม่ได้เรียน กลายเป็นคนที่ชาวต่างชาติมาดูแล้วบอกว่า นี่เป็นมือหนึ่งของโลก ข้าพเจ้าภาคภูมิใจศูนย์ศิลปาชีพที่เข้าพเจ้าตั้งมา หากไม่ได้ตั้งจะไม่มีวันรู้ว่าคนไทยของเราเก่งเช่นไร ถ้าได้โอกาสในชีวิตแล้วก็จะพุ่งไปไกล คนไทยนี่เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะหยิบจากภาคไหนก็เก่งทั้งนั้น คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจว่ามีเพื่อนร่วมชาติที่เก่ง ขอโอกาสเขาสักนิดจะกลายเป็นมือหนึ่งของโลก

    ข้าพเจ้ายังปลื้มมากถ้าท่านยังสงสัยให้ไปดูผลงานคนไทยที่เขาสามารถประดิษฐ์ แกะสลักสวยงามเหลือเกิน เด็กเล็กๆของข้าพเจ้าเป็น งานแกะสลักยุคต่างๆ ด้วยไม้สลัก มี 4 ยุค แบ่งเป็นกฤตยุค” ยุคที่สองมีชื่อว่า ไตรดายุค ยุคที่สาม ชื่อว่า ทวาปรยุค ความดีและไม่ดีเสมอกันครึ่งต่อครึ่ง มาถึงยุคที่ 4 กลียุค ความดี 1 ส่วนความชั่ว 3 ส่วน เป็นยุคปัจจุบันที่ข้าพเจ้ากับพวกท่านทั้งหลายอยู่ จากนั้นจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ใครอยากรู้ต่อไปให้อ่านจากไตรภูมิพระร่วง

    ผลงานศิลปาชีพแม้จะอยู่ในกลียุคก็ยังเป็นฝีมือที่ชาวต่างประเทศจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ของโลก ดังภาพที่ข้าพนเจ้านำมาให้ดู สามารถชมได้จัดแสดงที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ามีโอกาสออกนอกประเทศจะให้เด็กหนุ่มสาวจับฉลากกัน ให้ส่วนหนึ่งได้ตามเสด็จได้ ตอนนั้นข้าพเจ้าได้รับเชิญจากประธานาธิบดีฝรั่งเศส ให้แสดงที่หอไอเฟล มียอดผู้เข้าชมประมาณ 1 แสน 5 หมื่นคนจัดข้างบนสวยและปลื้มใจมาก ภรรยาประธานาธิบดีไปจับมือกับเด็กศิลปาชีพทุกคน ทำให้ข้าพเจ้าปลาบปลื้มมาก โรงฝึกอาชีพขณะนี้มีเด็กที่ยากจนแต่ไม่ยากจนสติปัญญา จำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพที่สวนอัมพร ตั้งแต่ 18 ก.ค. -2 ส.ค. น่าปลื้มใจที่คนไทยไปช่วยกันสนับสนุนไปดูไปซื้อของเท่าที่จะช่วยซื้อได้ ที่พัทลุง นำผักต่างๆมาทำเป็นข้าวเกรียบ คนมาเข้าคิวยาว เขาทอดข้าวเกรียบขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนคนขายตะโกนบอกว่าอย่าเข้าคิวเลยวันนี้ไม่อร่อย แต่ประชาชนก็มาช่วยเหลือ เพราะเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพเป็นฝีมือของชาวไร่ ชาวนาที่ยากจน เหมือนคนไทยมาช่วยคนไทย เงินทองกลับมาช่วยคนไทยด้วยกัน ทั่วประเทศหลายแสนครัวเรือน ข้าพเจ้าปลื้มมากที่ท่านทั้งหลายได้ไปชมงานที่สวนอัมพร แสดงให้เห็นว่าชื่นชมศิลปาชีพจริงๆ เขาแต่งกายด้วยผ้าศิลปาชีพ ถือกระเป๋า ตะกร้าฝีมือศิลปาชีพ เมื่อพบกันก็ชื่นชมซึ่งกันและกัน ชวนกันอุดหนุนสินค้าชิ้นใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ศิลปาชีพก็จำได้จนคุ้นหน้ากัน

    ขอคุยอีกเรื่อง เรื่องโขน เมื่อเดือนมิ.ย. ชุดพรหมมาศ เรื่องโขน สมเด็จพระเทพฯเป็นห่วงเหลือเกินว่า โขนไมค่อยได้แสดง เสื้อผ้าทรุดโทรมเก่าหมด ทั้งที่มีคนฝีมือดีแสดงแต่ก็ไม่ได้แสดง พระเทพฯก็พระราชทานให้สร้างชุดโขนขึ้นใหม่ มีการซ้อมลูกศิษย์แสดงให้ประชาชนดูเมื่อเร็วๆนี้ พระเทพฯเป็นห่วงมาก โขนเป็นของวิเศษ ของเรานับวัน เสื้อผ้ามันแพง นับวันจะไม่ได้แสดงก็กลัวว่าจะหายไปจากความนิยมของคนไทย ปรึกษาอาจารย์สมิทธิ์ ศิริพัฒน์ รวบรวมผู้รู้ศึกษาค้นคว้า จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขน ได้งดงามมาก นับว่าคุ้มค่าการรอคอยจริงๆ แสดงโขนเมื่อเร็วๆ นี้ เห็นว่าประชาชนมาชมกันแน่นขนัด เพิ่มรอบก็ยังไม่พอ น่ารักที่ลูกพาคนแก่ ปู่ย่าตายายจูงมือไปดูโขนที่ทำเสร็จใหม่ เจ้าหน้าที่ชื่นใจได้รับคำชมจากประชาชนมากเลย

    การแสดงโขนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เผยแพร่การแสดงศิลปชั้นสูงเท่านั้น แต่พวกเราได้สร้างช่างฝีมือรุ่นใหม่เอี่ยมที่เข้าใจศิลปการสร้างเครื่องแต่งกายโขนและเห็นความสัมพันธ์ครอบครัว การแสดงความรักเอื้ออาทรต่อกันในครอบครัว และเสียงที่เรียกร้องให้จัดการแสดงโขนอีกนั้นข้าพเจ้าก็รับฟังและกำลังตรึกตรองว่าจะเลือกตอนไหนมาจัดแสดงอีก ขอให้แฟนๆโขนคอยติดตามข่าวต่อไป รับรองว่าต่อไปต้องมีให้ชมแน่นอน ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอขอบคุณ กทม. สำนักนายกัฐมนตรี ที่จัดนิทรรศการโขนชุดพรหมมาศ ซึ่งประชาชนได้รับชมความงดงามเครื่องแต่งกายโขนทุกชนิด

    ต่อไปจะขอเล่าเรื่องแนวปะการังเทียมที่อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ชาวบ้านมาขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือ ออกเรือไปจับปลาได้เงินเลี้ยงชีพ ปลาในเขตน้ำตื้นร่อยหรอ ข้าพเจ้าจนปัญญาจึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้รับคำแนะนำให้สร้างแนวปะการังเทียม ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยรู้มาก่อน ให้สร้างปะการังเทียม เปิดโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล พ.ศ.2544 ที่ จ.นราธิวาส มีหลายหน่วยงานช่วยเหลือ กรมประมง กองทัพเรือ การรถไฟ กรมทางหลวง กทม. โครงการนี้ ช่วยยกระดับชีวิตที่ยากจน ประชาชนมาบอกข้าพเจ้าว่าสบายจับปลาได้ดี ปลาต่างๆที่หายากก็เข้ามา

    เมื่อไม่นานมานี้ได้รับรายงานว่าได้เห็นปลาที่หายากที่สุด ปลาหมอทะเลตัวใหญ่ขนาด 2-3 เมตร ก็เข้ามาหาที่อยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าได้ยินแล้วก็มหัศจรรย์ใจ ปลาจาละเม็ดสีเทา ปลาช่อนทะเล ปลากุเลาก็เข้า ชาวประมงพื้นบ้านมาบอกว่าดีท่านเดี๋ยวนี้ไม่ต้องออกไปไกลก็หาปลาได้มีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละหมื่นกว่าบาท แปลว่าคนที่มีความรู้ของเรามีมากพร้อมจะช่วยเหลือบ้านเมือง ปีนี้กลุ่มประมงพื้นบ้านเขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าเซ็นชื่อยาว ขอให้ข้าพเจ้าจัดทำปะการังเทียมเพิ่มเติมอีก ข้าพเจ้าจึงนำมาเล่าให้ฟังว่า ปะการังเทียมใช้ได้ผลดีจริงๆ ข้าพเจ้าขอถือโอกาสส่งข่าวถึงกลุ่มประมงฯที่เขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะขอร้องกระทรวงเกษตรฯและทุกแห่งช่วยกันประสาน อีกไม่นานจะจัดสร้างพื้นที่ปะการังเทียมได้อีกนะคะท่านนายกฯ

    คราวนี้เรื่องพระราชทานพันธุ์ข้าว นายกสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกร มหาสารคาม แจ้งว่านาของเกษตรกร 19 จังหวัดประสบภัยและโรคแมลง ราษฎรมีจดหมายขอข้าวพันธุ์ดีจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ส่งเรื่องไปที่กรมการข้าว ที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรงเขาจะได้เป็นธุระ กรมการข้าวได้รับจัดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ และข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6 ข้าวเป็นอาหารหลักมาแต่โบราณข้าพเจ้าไม่เคยทราบว่ามีประโยชน์อย่างเหลือหลาย พอโตขึ้นเขาสอนว่ากินข้าวมากพุงจะป่อง

    ตอนนี้ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือนิวสวีกและไทม์ พูดถึงข้าวว่า เป็นอาหารยอดเยี่ยมที่สุดของนุษย์เป็นแป้งคาร์โบไฮเดรตที่น้อยที่สุดเทียบกับขนมปัง สปาเก็ตตี้ ส่วนที่มีประโยชน์จริงๆอยู่ที่ผิวหุ้มเมล็ดและจมูกข้าว ข้าพเจ้าจึงขอร้องพวกประชาชนสมาชิกศิลปาชีพให้ตำข้าวมาถวายพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้า เพราะเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยม มีข้อมูลว่าคนที่อายุ 25 ปี เซลล์จะเริ่มเสียไปเรื่อยๆ หมอที่อเมริกาจากทุกหนแห่งพูดว่าเราควรจะรับประทานวิตามินรวมเพื่อช่วยให้เซลร่างกายเสื่อมช้า และพูดถึงข้าวถ้าเข้าโรงสีมากมายจะได้แค่แป้ง แต่ถ้าเรากระเทาะเปลือกออกนิดเดียวจะมีคุณค่าเหนือพรรณนา ช่วยซ่อมแซมเซลที่ชำรุดทรุดโทรม ขอให้ทุกคนทราบเถอะ ข้าวยอดเยี่ยมที่สุดมี วิตามินบี 1 บี 2 ธาตุเหล็ก แคลเซียม มีสารช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ทุกคนกลับไปรับประทานข้าวเลยนะ

    อีกเรื่องที่ข้าพเจ้าชื่นชมเหลือเกินที่เยาวชนที่เก่งของเรา น.ส.นพวรรณ เลิศชีวกานต์ จากเชียงใหม่ชนะเลิศเทนนิส เยาวชนวิมเบิลดัน และนักเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่งได้รับรางวัลแข่งขันโอลิมปิกวิชาการต่างๆ ทีมจากจุฬาฯได้รับรางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยโลก โรงเรียนสุรนารี และโรงเรียนต่างๆ มากมายได้รับรางวัลวงโยธวาทิตระดับโลก มั่นใจว่าคนไทยทั้งประเทศปลื้มใจที่คนไทยของเราเก่งมากจริงๆ ขอให้มีโอกาสในชีวิต ข้าพเจ้าได้เห็นตัวอย่างจากสมาชิกศิลปาชีพมาแล้ว

    เรื่องพระบวรพุทธศาสนาที่หลายคนเป็นห่วง ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยสนใจพุทธศาสนาไม่จริง ทราบว่าสนใจมากขึ้นไปนั่งปฏิบัติธรรม เข้าค่ายธรรมะเป็นแถว ข้าพเจ้าอายุ 70 ปีก็นึกอยากฟังพระเทศน์ วันพระใหญ่จะไปวัดหนึ่งวัดใด ขอให้พระท่านช่วยเทศน์ให้ฟัง เปลี่ยนไปเรื่อย ไปแล้วก็ตกใจเห็นประชาชนมานั่งรอเป็นแถว ถ้าใครว่างก็ชวนไปฟังเทศน์กับข้าพเจ้าได้ คราวที่แล้วฟังที่วัดที่หัวหิน

    ในที่สุดนี้ขอขอบพระคุณทุกท่านซาบซึ้งน้ำใจทุกท่านเป็นกำลังใจเหลือเกินที่ 77 ปีจะได้กำลังใจอย่างนี้และจะไปได้ฉิวอีก

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ศาลพม่าตัดสินซูจีผิด! กักบริเวณ18เดือน

    จำคุกชายมะกันถึง 7 ปี

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เอพีรายงานว่า เมื่อ 10 ส.ค. ศาลพม่าในนครย่างกุ้ง ตัดสินให้นางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า มีความผิดฐานละเมิดกฎกักบริเวณของทางการ มีโทษถูกกักบริเวณในบ้านพัก 18 เดือน จากโทษเต็มจำคุก 3 ปีและใช้แรงงานหนัก โดยรัฐมนตรีมหาดไทย พล.อ. หม่อง อู เป็นผู้อ่านคำลดหย่อนผ่อนโทษจากนายพลอาวุโส ตาน ฉ่วย

    ส่วนนายจอห์น ยีตทอว์ ชายชาวอเมริกันวัย 53 ปี ผู้ก่อเหตุว่ายน้ำข้ามทะเลสาบอินยา บุกเข้าไปในบ้านที่ถูกกักบริเวณอยู่ มีความผิด ต้องโทษจำคุก 7 ปี ในจำนวนนี้ต้องใช้แรงงานหนักในเรือนจำเป็นเวลา 4 ปี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางซู จี มีท่าทางเตรียมพร้อม แต่ก็ดูเหนื่อยล้า ระหว่างกระบวนการศาล 90 นาที ซึ่งหลังศาลอ่านคำตัดสินแล้ว นางซู จี ลุกขึ้นแล้วกล่าวขอบคุณบรรดานักการทูต ที่มาร่วมฟังในศาลครั้งนี้

    "ดิฉันหวังว่า เราจะทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ" นางซู จี กล่าวกับนักการทูตที่อยู่ใกล้ ก่อนถูกนำตัวออกจากศาล

    ด้านปฏิกริยาจากนานาชาติ อังกฤษเป็นชาติแรกที่ประณามผลการตัดสินของพม่า ตามด้วยสหภาพยุโรป ส่วนอาเซียน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ต้องรอรายละเอียดของคำพิพากษาทั้งหมดจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงย่างกุ้งเพื่อนำมาพินิจพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ น่าจะได้ข้อสรุปท่าทีของอาเซียนว่าจะทำอย่างไรต่อไป


    เมียบ่น-ตี๋โดดน้ำหนี



    เมื่อ 10 ส.ค. ไชน่าเดลี่รายงานว่า เกิดเหตุชายวัย 45 ปี แซ่หู กระโดดจากเรือลงไปในแม่น้ำแยงซี ทำให้ผู้คนบนเรือพากันตกใจเพราะคิดว่าคงจมน้ำตาย แต่สุดท้ายชายคนนี้ว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งได้ ตำรวจในท้องถิ่น เมืองฉงชิ่งพบตัวเข้า จากการสอบสวนชายคนนี้ทนไม่ไหวที่ถูกภรรยาบ่นว่าไม่หยุด ประโยคที่พูดสุดท้ายก่อนกระโดดลงแม่น้ำคือ "ฉันขอความสงบบ้างเถอะ" ด้านภรรยาเมื่อรู้ว่า สามีรอดมาได้ ก็วิ่งไปกอดและสัญญาว่าจะไม่พูดมากอีก


    พบ"เซลล์ประสาท"ต้นตออาการคัน



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>คณะนักวิจัยอเมริกันและจีนค้นพบ "เซลล์ประสาท" ที่ส่งผลให้เกิดอาการคัน และตั้งความหวังว่าความรู้ที่ได้จะเปิดทางนำไปสู่การบำบัดรักษาโรคผิวหนังของคนเราดียิ่งขึ้น

    ผลการทดลองกับหนู แสดงให้เห็นว่าหนูมีเซลล์ประสาทที่สามารถส่งสัญญาณเฉพาะอาการคัน นับเป็นข้อมูลใหม่ที่แตกต่างไปจากที่รับรู้กันมาว่าอาการคันและความเจ็บปวดมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด

    งานวิจัยชิ้นดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันของนักวิจัยมหาวิทยาลัยการแพทย์วอชิงตัน สหรัฐ อเมริกา กับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ยูนิเวอร์ซิตี้ เธิร์ด ฮอสปิตอล ของจีน นักวิทยาศาสตร์ได้ตัดต่อพันธุกรรมสร้าง "หนูพันธุ์ใหม่" ที่ปลอดอาการคัน โดยใช้วิธีเข้าไปฆ่าเซลล์ประสาทที่ส่งสัญญาณอาการคันโดยเฉพาะ เซลล์ประสาทชนิดนี้แยกต่างหากจากเซลล์ประสาทที่ส่งสัญญาณอาการเจ็บปวด การค้นพบครั้งนี้มีประโยชน์ต่อการรักษาและจัดการอาการคันเรื้อรัง ซึ่งที่ผ่านมาให้ผลเพียงการรักษาในเบื้องต้น

    ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ.2550 นักวิจัยค้นพบ "ยีน" หรือหน่วยทางพันธุกรรมชนิด "GRPR" ที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นครั้งแรก โดยทำงานอยู่ในเส้นประสาทไขสันหลัง

    เทคโนโลยี"เรือเมฆา" 1ทางออกสู้วิกฤตโลกร้อน?



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    กล้องจากสถานีอวกาศนานาชาติ "ไอเอสเอส" ถ่ายภาพเหตุภูเขาไฟ "ซารีเชฟ" ระเบิดเหนือหมู่เกาะคูริล พ่นควันและเถ้าถ่านปกคลุมชั้นบรรยากาศ ทำให้อุณหภูมิโลกลดลง และเชื่อว่าโครงการเรือสร้างเมฆสู่ชั้นบรรยากาศจะประสบความสำเร็จด้วยวิธีเดียวกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>นักวิทยาศาสตร์อเมริกันและอังกฤษ จับมือกันคิดค้นรูปแบบ "วิศวกรรมดาวเคราะห์" (Geoengineering) ใหม่ล่าสุดเพื่อแก้วิกฤตการณ์โลกร้อน

    โครงการนี้มีชื่อเรียกชั่วคราว ว่า "คลาวด์ ชิป"

    ถ้าจะแปลให้สละสลวยหน่อยอาจเรียกว่า "เรือเมฆา"

    เป็นแนวคิดสุดขั้วที่เสนอให้มีการลงทุนสร้าง "เรือพลังงานลม" ประมาณ 2,000 ลำ ออกทดลองแล่นเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก

    เพื่อดูดเอา "น้ำทะเล" ใต้ลำเรือมาแปรสภาพกลายเป็นไอน้ำและเมฆ ปล่อยให้ล่องลอยไปปกคลุมชั้นบรรยากาศ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ศาสตราจารย์เอริก บิกเคล และศาสตราจารย์ลี เลน ผู้นำเสนอทฤษฎีเรือเมฆา อธิบายว่า

    พลันที่หมู่เมฆจากปากปล่อยเรือลอยไปปิดกั้นผืนฟ้า ก็จะช่วย "สะท้อน" แสงอาทิตย์กลับไปสู่ห้วงอวกาศ

    ผลลัพธ์ที่ตามมา ก็คือ อุณหภูมิบนพื้นโลกจะเย็นลง!

    ทฤษฎีนี้จำลอง-ลอกเลียนแบบมาจากเมื่อครั้งโลกเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่

    ส่งผลให้กลุ่มควันมหาศาลฟุ้งกระจายปกคลุมบรรยากาศ ปิดกั้นแสงอาทิตย์ไม่ให้ทะลุลงมายังพื้นโลกนั่นเอง

    "ศูนย์ฉันทามติโคเปนเฮเกน" องค์กรสนับสนุนการวิจัยของบิกเคลและเลน ชี้ว่า <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ความเป็นไปได้ของโครงการเรือเมฆามีสูงกว่าแผนวิศวกรรมดาวเคราะห์ และแผนลดก๊าซปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์อื่นๆ

    เพราะเรือเมฆาใช้เงินลงทุนแค่ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 315,000 ล้านบาท

    ขณะเดียวกัน กลุ่ม "ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ" ทั่วโลกต่างต้องหมดเปลืองงบประมาณไปกับโครงการลดคาร์บอน ไดออกไซด์ ถึง 2.5 แสนล้านเหรียญ หรือ 8.75 ล้านล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่คัดค้านไม่เห็นด้วยชี้ว่า เทคโนโลยีเรือเมฆา "ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ" นั่นก็คือการที่มนุษย์โลกยังไม่พยายามหาทางหยุดยั้งพฤติกรรมระดมปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งเป็นตัวการก่อวิกฤตโลกร้อนตัวจริงเสียงจริง

    ทั้งยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ รับประกันได้ว่า ในระยะยาว การอุตริไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างชั้นบรรยากาศจะส่งผลร้ายอะไรตามมาบ้าง

    แนวทางบรรเทาภัยโลกร้อนจึงต้องอาศัยองค์ประกอบ -ปัจจัย-เทคโนโลยีหลายอย่างทำงานไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการร่วมมือร่วมใจของคนทั้งโลก

    "อีกา"เจ้าปัญญา

    คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>หนึ่งในนิทานสอนคติธรรมประจำในเรื่องอมตะของ "อีสป" ก็คือ "อีกากับเหยือกน้ำ" ซึ่งสะท้อนว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

    เนื้อหานิทานดังกล่าวเล่าถึงบรรยากาศช่วงฤดูร้อนแล้ง ทำให้ "แม่กา-ลูกกา" 7 ตัวต้องตระเวนบินหาแหล่งน้ำดื่มไปทุกหนแห่งด้วยความยากลำบาก

    ในที่สุดก็บินไปพบเหยือกใบใหญ่ แต่มีน้ำเหลือติดก้นอยู่ไม่มาก และแล้วในที่สุดด้วยความฉลาด บวกกับความอุตสาหะ ฝูงกาทั้งหมดก็ช่วยกันบินเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าคาบหินก้อนเล็กก้อนน้อยหย่อนต๋อมลงไปในเหยือก ช่วยให้น้ำค่อยๆ เอ่อล้นมาถึงปากเหยือกจนใช้จะงอยปากกินน้ำได้สำเร็จ

    หลายพันปีผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบัน เว็บไซต์ข่าวเดอะไทม์ส ประเทศอังกฤษ รายงานว่า "คริสโตเฟอร์ เบิร์ด" จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และ "เนธาน เจ. เอเมอรี่" จากมหาวิทยาลัยควีนแมรี่ ทดลองจนทราบว่า "อีกา" เป็นสัตว์ปีกที่มีความเฉลียวฉลาดมาก และเรียนรู้การใช้ "เครื่องมือ" อย่างรวดเร็ว

    เพราะจากการทดสอบปล่อยตัวหนอนเอาไว้ในหลอดแก้วที่มีน้ำราวครึ่งหลอด พร้อมกับเอาก้อนหินไปวางในกรงอีกา 4 ตัวพบว่า กาทั้งหมดรู้วิธีค่อยๆ จิกหินหย่อนลงไปในหลอดแก้ว เพื่อให้มวลของหินเข้าไปแทนที่น้ำ ส่งผลให้ตัวหนอนลอยสูงขึ้นจนพวกมันใช้ปากจิกกินได้ในที่สุด

    เบิร์ดกล่าวว่า เชื่อว่าอีสปคงเคยสังเกตเห็นพฤติกรรมแสนรู้ของอีกามาก่อน จึงนำมาแต่งเป็นนิทานที่มีเนื้อหาตรงเป๊ะกับการทดลองครั้งนี้นั่นเอง



    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]..

    [​IMG]

    ++" โดน ReVerse-Enginering ซะและ...เรากลั่น เขาระเหย...

    พี่หะนุมาน ไหนว่า น้ำมาจากดาวหาง ....มาจากเรือชัดๆ !! :D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2009
  11. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    9 ส.ค. 52 Doom’s Man
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    Doom’s Man เป็นนิยายเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ผมได้จากความฝัน ในช่วงเวลาต่างวันกัน ขอเล่าให้ฟังเลยนะครับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    25 พ.ค. 52 ตอนที่ 1 ปรับแต่ง
    <O:p</O:p
    ชายฉกรรจ์ หลายคนได้จับชายคนหนึ่งให้นอนคว่ำลงแล้วทำการเหยียดแขนให้กางออกตั้งฉากกับลำตัวทั้งสองข้างและทำการดัดมือให้ตั้งฉากทั้งสองข้าง ทำเหมือนชายคนนั้นเป็นเครื่องบิน<O:p</O:p
    จากนั้นร่างของชายที่ถูกปรับแต่งได้พุ่งลงสู่บ่อน้ำที่ใสสะอาดบ่อแรก คราบสกปรกได้หลุดออกจากร่างกายตกลงนอนก้นในบ่อแรก ร่างได้พุ่งผ่านบ่อน้ำบ่อที่สองและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    24 ก.ค. 52 ตอนที่ 2 สองกุมาร
    <O:p</O:p
    เด็กน้อยสองคนเพิ่งเกิดไม่กี่เดือน นอนอยู่บนเตียงนอน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    9 ส.ค. 52 ตอนที่ 3 Doom
    <O:p</O:p
    จากนั้นร่างกุมารทั้งสองก็ละลายกลายเป็นเยลใส ร่างแรกเป็นเยลสีแดงส่วนร่างที่สองเป็นเยลสีเขียว หล่อหลอมหุ้มร่างกายของชายผู้นั้น อย่างกลมกลืนกัน ก่อนที่ร่างกุมารจะหลอมเหลว เขาบอกว่าเขาคือ Doom
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ร่างของชายผู้นั้นก็กลายเป็น Doom ‘sMan อย่างสมบูรณ์
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นับจากนี้เป็นต้นไป ผู้ที่มีหน้าที่เป็นผู้นำทั่วโลก คงต้องถูกปรับแต่งเป็น Doom’s Man กันทุกคน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมคิดว่าคงจะเริ่มติดอาวุธให้กับผู้นำทั่วโลกแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2009
  12. เตารีด

    เตารีด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    ผมไปกราบหลวงปู่ผู้มีจักษุทิพย์ีแถบภาคกลางนี่เองครับ เมื่อปี พ.ศ. 2547
    ท่านพูดถึงภัยพิบัติใหญ่ว่า ช่วงเวลานั้น จะไม่มีสิ่งต่อไปนี้ี


    - ไม่มีีไฟฟ้า
    - ไม่มีน้ำประปา
    - ไม่มีโทรศัพท์
    - ไม่มีการคมนาคมทุกอย่าง (รถ, เรือ, เครื่องบิน)

    เป็นภัยพิบัติที่รุนแรงป่าเถื่อนโหดร้ายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่
    โหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่โลกเคยประสบมา


    หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ามันคงจะเป็นภัยธรรมชาติเล็กน้อยๆ จิ๊บๆจ๊อยๆ คงเป็นภัยธรรมชาติ
    แบบกระจอกๆทั่วไป ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย ถ้าคุณคิดแบบนั้น คุณกำลังคิดผิดแล้วครับ


    เอาแบบนี้นะครับ คุณลองนึกถึงยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ มันสูญพันธุ์เพราะอะไร
    ต้องมีภัยพิบัติอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงนั้นแน่ๆ จึงทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์หมดโลก


    ภัยพิบัติที่กำลังจะมาในอีกไม่กี่ปี (คงไม่เกิน พ.ศ. 2560) นั้นร้ายแรงกว่าภัยพิบัตในยุค
    ไดโนเสาร์เป็นสิบๆเท่า ถึงขนาดในพุทธพยากรณ์ยังทำนายไว้เลยว่า "ดูกรอานนท์
    เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยมาก"


    หลวงปู่ผู้มีจักษุทิพย์ีแถบภาคกลางที่ผมเคารพสูงสุด ท่านยังพูดอีกว่า ประชากรโลก
    จะเหลือเพียง 10-20% เท่านั้น
    (ประชากรโลกปัจจุบันราวๆ 7 พันล้านคน เพราะฉนั้น
    10-20% = 700- 1,400 ล้านคน ที่จะรอด) และผู้ที่รอดชีวิตเกือบทั้งหมด จะเสีย
    สติสัมปชัญญะ สูญเสียความทรงจำ เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดขีด


    นั่นหมายความว่าผู้ที่รอดตายและยังคงสติสมบูรณ์จะมีไม่กี่ 10 ล้านคนเท่านั้น และใน
    10 ล้านคนกลุ่มนี้ คือผู้ที่ เจริญสติ เจริญภาวนาอยู่เป็นประจำนั่นเอง
    จะเห็นได้ว่าการ
    ให้ทาน รักษาศีล ไม่เพียงพอนะครับ คุณจะต้องเจริญสติ เจริญภาวนาอยู่เป็นประจำด้วย


    มีหลายคนสบประมาทภัยพิบัติในครั้งนี้ว่ามันคงไม่น่ากลัวเท่าไรหรอก คงเหมือนพายุ
    ทั่วไปมั้ง ไม่เห็นจะกลัวเลย บางคนบอกเดี๋ยวเตรียมมาม่าไว้ต้มกิน ผมบอกเลยว่าคนพวก
    นี้ จะตายเป็นกลุ่มแรกๆของโลก เพราะประมาทเหลือเกิน


    ช่วงเวลานั้นไม่มีไฟฟ้า, ไม่มีน้ำประปา ไม่มีอุปกรณ์ยังชีพอะไรทั้งนั้น สรรพสิ่งในโลกจะถูก
    กวาดลงทะเลทั้งหมด รวมทั้งมนุษย์ด้วย
    ใครที่ยังคิดว่าภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นภัยประเภท
    กระจอกๆ เหมือนภัยธรรมชาติทั่วไปละก็ คุณกำลังคิดผิดพลาดอย่างมาก คุณกำลังคิด
    ไปเอง และคุณเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด

    นี่คือเรื่องจริงครับ ที่ผมได้ไปพบหลวงปู่ผู้มีจักษุทิพย์ีแถบภาคกลางมาจริงๆ แล้วท่าน
    ก็ย้ำเตือนลูกศิษย์ถึงภัยพิบัติใหญ่บ่อยครั้ง เพราะเรื่องนี้น้อยคนที่จะรู้ คนส่วนมากใน
    โลกนี้ รวมถึงคนไทยด้วย ยังไม่รู้เรื่องนี้ครับ เพราะเป็นกรรมของสัตว์ครับ


    ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า
    การให้ทาน รักษาศีล ไม่เพียงพอนะครับ คุณจะต้องเจริญสติ เจริญภาวนาอยู่เป็นประจำด้วย ถึงจะอยู่รอดได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  13. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ตายก็ดี หมดเวรหมดกรรม หมดหนี้หมดสิน ใครผ่อนบ้าน ก็ไม่ต้องผ่อนต่อ ใครผ่อนรถ ก็ไม่ต้องผ่อนต่อ สบายไป

    อยู่รอดไป ให้ทรมานเปล่าๆ ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ การเดินทางไม่สะดวก ไม่มีอะไรเลย มีรถไป ก็ขับไม่ได้ ไม่รู้ใครจะเอาน้ำมันมาให้เติม

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ หรือไม่เกิด ก็เป็นไปได้

    อยู่แบบมีสติ ไม่ตื่นตระหนก ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ทำบุญ ให้ทานเป็นปกติ

    "ทำใจให้สงบ จะพบความสุขที่เยือกเย็น"
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    [​IMG]

    อ่านดูจากที่คุณ k_isara ได้ฝันถึงเรื่อง Doom’s Man ผมมาลองวิเคราะห์ดูจากข้อมูลคำทำนายจากคัมภีร์ไบเบิ้ลแล้ว น่าจะหมายถึง การกำเนิดแอนตี้ไครส์(Antichrist) คนที่ 3 ที่จะมาทำลายล้างโลกมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้มากกว่า เพราะคำว่า Doom แปลเป็นภาษาไทยหมายถึง เคราะห์ร้าย การตัดสิน ชะตากรรม Doom’s Man จึงหมายถึงบุรุษที่จะนำเคราะห์ร้ายมาสู่มวลมนุษย์โลกนี้นั่นเอง

    คำทำนายของพระเยซู จากคัมภีร์ไบเบิ้ล

    พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ใครหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นพระคริสต์' และจะหลอกลวงคนจำนวนมากให้หลงผิด ท่านทั้งหลายจะได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามทั้งใกล้และไกล จงระมัดระวัง อย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย ชนชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง ความอดอยากและแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นหลายแห่ง ทั้งหมดนี้จะเปรียบเหมือนความทุกข์ที่เริ่มต้นในการคลอดบุตร

    “ต่อจากนั้น ท่านจะถูกจับไปทรมานและถูกประหาร ชนทุกชาติจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา ในเวลานั้น หลายคนจะละทิ้งความเชื่อ จะทรยศและเกลียดชังกัน ประกาศกเทียมจำนวนมากจะต้องเกิด และจะหลอกลวงคนมากมาย เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง แต่ผู้ใดยืนหยัดอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ผู้นั้นก็จะรอดพ้น “ข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรนี้จะประกาศไปทั่วโลกเพื่อเป็นพยานสำหรับนานาชาติ เมื่อนั้น วาระสุดท้ายจะมาถึง

    คำทำนายของนอสตราดามุส ที่ได้เขียนจดหมายทูลกษัตริย์อังรี่ที่ 2 แห่งฝรั่งเศษที่กล่าวถึงแอนตี้ไครส์

    "แอนตี้ไครส์เป็นเจ้าแห่งอเวจีที่มาในโลกมนุษย์ คริสต์ศาสนาจะสั่นคลอน จะมีสงครามน้อยใหญ่เกิดขึ้นจนถึงสงครามขั้นรุนแรง เมืองเล็กเมืองใหญ่ตึกรามบ้านช่องจะถูกไฟเผา ผู้หญิงจะถูกข่มขืน ทารกที่เพิ่งเกิดใหม่จะถูกโยนทิ้งและจับฟาดกับกำแพงเมืองให้ตาย จะมีคนมากมายประกอบกิจอันชั่วช้า ซึ่งก่อนเหตุการ์ณนี้ จะมีนกประหลาดส่งเสียงร้องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนบนท้องฟ้า"


    คำทำนายของนักบุญบริเจต์ แห่งสวีเดน

    "ยุคของปรปักษ์พระคริสต์จะเข้ามาใกล้เมื่อความบาปท่วมท้น ความชั่วจะแพร่อย่างมหาศาล เมื่อคริสต์ชนถือนอกรีตและคนอธรรมเหยียบย่ำคนรับใช้ของพระเป็นเจ้า ในท้ายยุคนี้ antichrist จะถือกำเนิดขึ้นจากสตรีที่ถูกสาปแช่ง แม่ของมันจะแสร้งทำเป็นผู้รู้ซึ่งเรื่องวิญญาณ และพ่อของมันก็ถูกสาปแช่งด้วยเพราะลูกของมันคือปีศาจ ความชั่วและความไร้ศรัทธาจะแพร่ขยายไปทั่ว คนชั่วจะครองอำนาจ และมันจะมีอำนาจควบคุมโลกอยู่ 3 ปี "

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข้อความข้างบนนี้คงไม่ต้องตีความกันมากนะครับ เพราะหมายถึงบุคคลสามัญธรรมดาคนหนึ่ง ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจมาเป็นผู้นำโลกอย่างรวดเร็ว เหมือนเครื่องบินที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีภาพพจน์เป็นคนใสสะอาด ซื่อสัตย์ เป็นที่เชื่อถือของคนทั้งโลก เป็นความหวังของคนทั้งโลก ผู้คนทั้งหลายจึงให้ความนิยมชมชอบเขาอย่างมาก เปรียบเหมือนดั่งพระเจ้าเลยทีเดียว

    แต่ในภายหลังบุคคลท่านนี้ กลับนำพามวลมนุษย์ไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งความทุกข์ยากครั้งยิ่งใหญ่ ที่มวลมนุษยชาติไม่เคยได้ประสบพบเจอมาก่อนเลยตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นช่วงเวลาแห่ง 7 ปีกลียุค ก่อนที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มวลมนุษย์ทั้งโลกจะได้พบกับสันติสุขอย่างแท้จริงไปนานอีกนับพันปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  16. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    เหอ เหอ ไม่ค่อยมั่นใจในความดีของตัวเองซักเท่าไหร่เลย
    กลัวจะถูกหางเลขไปด้วยน่ะสิคะ
     
  17. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    โห คุณเกษม แปลได้เยี่ยมเลย
    ทีแรกอ่านของคุณอาk ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ

    เห็นคุณเกษม รวบรวมข้อมูล
    ดึงมาได้ฉับไว อย่างนี้น่ายกให้เป็น wiki man
    หรือมนุษย์สารานุกรมนะคะ น่าชื่นชม
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความหมายของตราทั้ง 7 ในพระธรรมวิวรณ์

    [​IMG]

    ตราที่ 1 (6:1-2) ม้าขาวและผู้ที่ขี่ม้านั้นถือธนู

    ดูแล้วเหมือนภาพพระเยซูคริสต์ที่เสด็จมาพร้อมกับชัยชนะ เพราะทรงม้าขาวและได้รับพระราชทานมงกุฎ (19:11) แต่ไม่ใช่ เพราะชัยชนะของพระคริสต์นั้นไม่ได้อยู่ที่เริ่มต้น และพระองค์จะทรงพระแสง คือ พระวจนะ ไม่ใช่ธนู ภาพที่เห็นคือผู้ที่อ้างตนเป็นพระคริสต์ ปลอมตัวเหมือนพระคริสต์มาสร้างสันติให้กับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่คริสเตียนถูกรับไปแล้ว (rapture) คงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นทั่วโลก และผู้ขี่ม้าขาว คือพระคริสต์ปลอมได้มาจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนได้รับการยกย่องซึ่งเท่ากับประสบชัยชนะและได้รับพระราชทานมงกุฎ ​

    ตราที่ 2 (6:3-4) ม้าสีแดงสดและผู้ที่ขี่ม้านำสันติสุขไปจากโลก

    จากสันติสุขที่ได้รับไม่นาน พระคริสต์เทียมเท็จก็ได้แสดงธาตุแท้ของมันออกมา โดยเปลี่ยนความสงบสุขเป็นการรบราฆ่าฟัน เปลี่ยนธนูที่ไม่มีลูกศรเป็นดาบใหญ่ และสีแดงสดเป็นสัญลักษณ์ของเลือดที่ท่วมทั่วปฐพี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงมาจากประชาชนที่ถูกหล่อหลอมมากับระบบเสรีประชาธิปไตย ยอมรับระบบเผด็จการของพระคริสต์ปลอมไม่ได้จึงเกิดสงครามฆ่าฟันผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักด์ ​

    ตราที่ 3 (6:5-6) ม้าดำและผู้ที่ขี่ม้าถือตราชู

    หลังจากสงครามสิ่งที่ตามมาคือ ทั่วโลกตกอยู่ในความมืดเพราะขาดแคลนอาหาร ทำให้เกิดความอดอยากหิวโหยไปทั่วแผ่นดิน ข้าวสาลีทะนานละหนึ่งเดนาริอัน หมายความว่าทำงานวันหนึ่งจะเพียงพอกับอาหารหนึ่งมื้อเท่านั้น ส่วนน้ำมันและน้ำองุ่นเป็นเครื่องหมายของเศรษฐกิจและความร่ำรวย ซึ่งเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปที่กำลังอดอยาก เพราะอำนาจของเศรษฐกิจทั้งหมดอยู่ในมือของพระคริสต์ปลอมหรือผู้ต่อต้านพระคริสต์ ​

    ตราที่ 4 (6:7-8) ม้าสีกะเลียวและผู้ที่ขี่ม้าซึ่งได้ชื่อว่ามัจจุราช สีกะเลียวคือสีคนตาย

    สภาพต่อมาของโลกในขณะนั้นคือความตายได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก เกิดสงครามแย่งชิงอาหารกันเพื่อความอยู่รอดอันเนื่องด้วยความอดอยาก มีผู้คนจำนวนมากมายล้มตายเพราะคมดาบ เพราะความอดยาก เพราะโรคระบาดและเพราะสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน จำนวนผู้ที่เสียชีวิตรวมแล้วเป็นหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ​

    ตราที่ 5 (6:9-11) ดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา

    ดวงวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าเพราะยืนหยัดในพระวจนะของพระเจ้าในช่วงภัยพิบัติ ร้องเรียกให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกนี้โดยเร็ววัน แต่พระเจ้าทรงตอบให้รอคอยอีกหน่อย จนกว่าจะครบจำนวนผู้ที่รอดตามที่กำหนดไว้ น่าสังเกตที่ก่อนหน้านี้พระเจ้าอนุญาตให้มีภัยพิบัติคร่าชีวิตคนไปถึงหนึ่งในสี่ของประชากรโลก คนทั่วไปอาจเข้าใจว่าพระเจ้าลงโทษหนักเกินไป แต่ที่นี่วิญญาณของผู้ชอบธรรมกลับเร่งเร้าให้พระเจ้าพิพากษาโลกนี้โดยเร็ว ​

    ตราที่ 6 (6:12-17) การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

    ดวงอาทิตย์จะไม่ส่องแสง เพราะฉะนั้นความมืดมิดจะเข้ามาครอบงำ และดวงจันทร์วันเพ็ญจะกลับเป็นสีเลือด ดวงดาวจะตกจากฟากฟ้า ท้องฟ้าจะหายไป (โยเอล 2:10-11) แผ่นดินไหว ภูเขาจะสั่นเทือนและเลื่อนจากที่เดิม มนุษย์ต่างต้องการหาที่ซ่อนตัวในถ้ำและโขดหินตามภูเขาเพราะเกิดความหวั่นกลัว​

    ตราที่ 7 (8:1-5) ซึ่งได้เป็นแตรทั้ง 7

    ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ ได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคันเตรียมพร้อมที่จะเป่า และก่อนที่จะเป่าแตร พระเจ้าทรงให้ทูตสวรรค์อีกองค์ถือกระถางไฟทองคำถวายคำอธิษฐานของธรรมมิกชน สู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า หลังจากนั้นให้โยนกระถางไปนั้นลงบนพื้นดินโลกซึ่งทำให้เกิดเสียงฟ้าร้อง เสียงต่างๆ ฟ้าแลบ และแผ่นดินไหว

    ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=165250
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4Horsemen.jpg
      4Horsemen.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.2 KB
      เปิดดู:
      1,720
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไต้ฝุ่นมรกตทำคนตายอย่างน้อย 85 คน

    [​IMG]

    ไทเป 12 ส.ค. - ไต้ฝุ่นมรกตที่พัดกระหน่ำเอเชียตะวันออก ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 85 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยในไต้หวันกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุดินถล่มที่อาจมีผู้ถูกฝังทั้งเป็นราว 100 คน

    ไต้หวันยืนยันพบผู้เสียชีวิตแล้ว 62 คน สูญหาย 58 คน ยังไม่รวมผู้ถูกฝังใต้ดินโคลนถล่ม หลังจากไต้ฝุ่นมรกตทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี เพราะฝนตกหนักสูงถึง 3 เมตร ถนนหนทางและสะพานจมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านหลายพันคนใน 3 เมืองของมณฑลผิงตุง ทางตอนใต้ของไต้หวัน ยังคงไม่มีน้ำดื่มและไฟฟ้าใช้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนทางตอนกลางและตอนใต้ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ส่วนที่จีนมีผู้เสียชีวิต 6 คน สูญหาย 3 คน บ้านเรือนเสียหายมากกว่า 6,000 หลัง

    ด้านญี่ปุ่นส่งทหาร 400 นาย ออกช่วยเหลือประชาชน หลังจากไต้ฝุ่นเอตาวทำให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 15 คน สูญหายหลายสิบคน ชาวบ้านหลายพันคนต้องอาศัยในที่พักพิงชั่วคราวเมื่อคืนวานนี้ และอีก 4,600 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะนี้พายุกำลังเคลื่อนตัวออกจากญี่ปุ่นไปทางตะวันออก ด้วยความเร็วลมที่ศูนย์กลางสูงสุด 105 กม./ชม. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 10:00:09

    ไต้หวันเร่งช่วยเหลือผู้รอดชีวิต จากไต้ฝุ่นมรกตพัดกระหน่ำ

    [​IMG]

    ไต้หวัน 12 ส.ค. - ทางการไต้หวันเร่งช่วยชีวิตชาวบ้าน 700 คน ที่คาดว่าเสียชีวิตแล้วแต่กลับพบว่ายังมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ที่ถูกดินถล่มหลังพายุไต้ฝุ่นมรกตพัดกระหน่ำ

    กองทัพไต้หวัน นำเฮลิคอปเตอร์เร่งออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ราว 700 คน ตามหมู่บ้าน ในเมืองเกาชุง ที่ถูกดินโคลนถล่มเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมรกต โดยขณะนี้สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว 300 คน ด้านเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ เผยยังไม่ทราบแน่ชัดว่านักบิน 2 คน และช่างเทคนิค 1 คน บนเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยที่ชนภูเขาและตกลงในแม่น้ำในเขตปิงตุ้งจะรอดชีวิตหรือไม่ ขณะที่ทางการไต้หวัน เผยตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันขณะนี้ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 66 คน และมีที่สูญหายอีก 61 คน ด้านสำนักงานดับเพลิงของไต้หวันเผยว่า มีชาวบ้านถูกโคลนถล่มฝังทั้งเป็น 100 คน แต่ชาวบ้านระบุว่าตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้มากอาจถึง 600 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 11:03:50

    ทหารญี่ปุ่นรุดช่วยผู้ประสบภัยไต้ฝุ่น พบผู้เสียชีวิต 14 คน

    [​IMG]

    โตเกียว 11 ส.ค. - ทหารญี่ปุ่นหลายร้อยนายร่วมปฏิบัติการกู้ภัยภายหลังเกิดดินถล่มและน้ำท่วมจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นเอตาว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และสูญหาย 18 คน

    เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น แถลงว่า ฝนตกหนักในญี่ปุ่นนับตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน ทำให้เกิดน้ำท่วมโดยเฉพาะที่เมืองซาโยะในจังหวัดเฮียวโหงะ ซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิต 12 คน หลังน้ำท่วมแม่น้ำล้นตลิ่งสองฝั่ง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ออกประกาศเตือนว่าอาจเกิดดินถล่มตามมา โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ฝนตกหนักซึ่งอาจยุบตัวลงจากแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์เมื่อเช้านี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 18:08:46

    มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน จากแผ่นดินไหวรุนแรงในญี่ปุ่น

    [​IMG]

    ยาอิสุ, ญี่ปุ่น 11 ส.ค. - เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเผยว่า แผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ ทางภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน และเกิดดินถล่ม โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และรถไฟหัวกระสุนต้องหยุดทำงานชั่วคราว

    สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.07 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 03.07 น.ในไทย ในอ่าวซุรุงะ ทางชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 170 กม. และอยู่ลึกลงไป 27 กม. หลังจากนั้นก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกที่รู้สึกได้ตามมาอีก 13 ครั้ง

    เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 101 คน ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากสิ่งของที่ตกลงมาใส่ เช่น ชุดเครื่องรับโทรทัศน์ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในจังหวัดชิซูโอกะ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ระบุว่า กรุงโตเกียว จังหวัดคานางาวะ และไอจิ มีผู้บาดเจ็บ 7 คน

    บริษัทจูบุ อิเล็กทริค พาวเวอร์ ระบุว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฮามาโอกะ ในจังหวัดชิซูโอกะ ปิดทำงานอัตโนมัติที่โรงปฏิกรณ์ 2 แห่งขณะเกิดแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่มีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมา แต่ทำให้บ้านเรือนราว 9,500 หลัง ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะที่บริษัทเซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์ ระงับให้บริการรถไฟหัวกระสุนชิงคันเซน ในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวลงชั่วคราว แล้วกลับมาให้บริการอีกครั้งในอีกหลายชั่วโมงถัดมา

    แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มสร้างความเสียหายแก่ทางด่วนโทเมอิ ในจังหวัดชิซูโอกะ ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว และยังทำให้กำแพงหินอายุ 424 ปีที่ปราสาทซุนปุพังถล่มลงมา ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวไม่นานนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ได้ตั้งศูนย์ฉุกเฉินขึ้นให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่มีความเสี่ยงเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ หลังตรวจพบคลื่นสูงราว 40 ซม. ที่จังหวัดชิซูโอกะ. -สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 16:17:02

    เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยตกในไต้หวัน

    [​IMG]

    ไต้หวัน 11 ส.ค. – สถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอสรายงานในวันนี้ว่า เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์บรรทุกเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งปฏิบัติหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่น ตกท่ามกลางหมอกหนาทึบทางตอนใต้ของไต้หวัน

    หัวหน้าหน่วยกู้ภัยในเขตผิงตงได้ออกมาเปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวชนภูเขาและตกลงไปในแม่น้ำ เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 14.30 น.ตามเวลาในไทย โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด 6 คน รวมนักบินและพยาบาล 1 คน ด้านสถานีโทรทัศน์เอสอีทีวีรายงานว่า มีเพียง 3 คน เท่านั้นที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ขณะที่ทางรัฐบาลยังไม่ได้ยืนยันความถูกต้องของรายงาน -สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 16:30:59

    พบซากเครื่องบินที่หายไปในปาปัวนิวกินีแล้ว

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 12 ส.ค. - เจ้าหน้าที่เผยว่า เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยพบซากเครื่องบินเช่าเหมาลำที่หายไปพร้อมคนบนเครื่อง 13 คน ขณะมุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของปาปัวนิวกินีแล้ว ในวันนี้

    หัวหน้าหน่วยการบินพลเรือนปาปัวนิวกินี ระบุว่า พบซากเครื่องบินในภูมิประเทศที่ยากลำบากมีป่าหนาทึบในบริเวณที่เป็นเทือกเขา และยังไม่ชัดเจนว่ามีผู้รอดชีวิตหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยพยายามจะเข้าไปยังจุดที่พบซากเครื่องบิน

    ด้านนายสตีเฟน สมิธ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า พบซากเครื่องบินจากการบินค้นหาที่ระดับความสูง 1,676 เมตร (5,500 ฟุต) ขณะที่สภาพอากาศก็เลวร้ายลงอีกครั้ง จนทำให้การนำเฮลิคอปเตอร์หรือเดินเท้าเข้าไปยังจุดที่เครื่องบินตก เป็นไปอย่างยากลำบาก และทางการออสเตรเลียเป็นห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของชาวออสเตรเลีย 9 คน ชาวปาปัวนิวกินี 3 คน และชาวญี่ปุ่น 1 คน ที่อยู่บนเครื่องอย่างยิ่ง

    ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย ได้โทรศัพท์ถึงครอบครัวของชาวออสเตรเลียที่อยู่บนเครื่อง พร้อมรับปากว่า ทางการออสเตรเลียจะใช้เงินทุนทั้งหมดที่ทำได้เพื่อค้นหาเครื่องบิน

    เครื่องบินชนิด 2 เครื่องยนต์ของสายการบินแอร์ไลน์ส พีเอ็นจี พร้อมผู้โดยสาร 11 คน และลูกเรือ 2 คน สูญหายไปเมื่อเช้าวานนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย ขณะเดินทางใกล้ถึงท่าอากาศยานในเมืองโคโคดา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของปาปัวนิวกินี โดยชาวออสเตรเลีย 8 คน ที่อยู่บนเครื่อง เป็นนักท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ 1 คน ซึ่งมีแผนจะเดินสำรวจเส้นทางโคโคดา แทร็ก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัทนำเที่ยว No Roads Expeditions โดยบริษัทฯ แถลงว่า นอกจากมัคคุเทศก์ชาวออสเตรเลียแล้ว ยังมีมัคคุเทศก์ชาวปาปัวนิวกินีอยู่บนเครื่องด้วยอีก 1 คน. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 10:42:55

    โอบามาและทั่วโลกประณามพม่า

    [​IMG]

    วอชิงตัน 12 ส.ค. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ และผู้นำทั่วโลก ร่วมกันประณามพม่าที่ตัดสินโทษนางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า และเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอโดยเร็วอย่างไม่มีเงื่อนไข

    ประธานาธิบดีโอบามา เรียกร้องให้พม่าปล่อยตัวนางซู จี โดยเร็วอย่างไม่มีเงื่อนไข และประณามคำตัดสินที่ไม่เป็นธรรม หลังจากศาลพม่าสั่งกักบริเวณในบ้านพักต่อไปอีก 18 เดือน ทำให้ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าได้ ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกประชุมฉุกเฉิน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องออกแถลงการณ์ประณามพม่า ขณะที่นายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็น แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของพม่า และเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอโดยเร็วอย่างไม่มีเงื่อนไข

    สวีเดน ในฐานะประธานสหภาพยุโรป (อียู) วาระปัจจุบัน เผยว่า อียูจะตอบโต้ด้วยมาตรการลงโทษแบบเจาะจงเพิ่มเติมต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำตัดสินนางซู จี ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เห็นว่า คำตัดสินนี้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมืองและประชาธิปไตยในพม่า ส่วนประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส มองว่าเป็นเรื่องทางการเมือง หวังสกัดไม่ให้นางซู จี เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย

    สำหรับปฏิกิริยาของประเทศในเอเชีย มาเลเซียเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประชุมฉุกเฉิน ขณะที่อินโดนีเซียแสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง และฟิลิปปินส์ระบุว่า พม่าไม่ต้องการให้นางซู จี ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ด้านอินเดียเลี่ยงการประณาม โดยขอให้พม่าปฏิรูปการเมืองและดำเนินกระบวนการปรองดองแห่งชาติ ส่วนจีนและไทยยังไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-12 09:34:55

    มาเลเซียขอให้อาเซียนประชุมฉุกเฉินเรื่อง ซู จี

    [​IMG]

    กัวลาลัมเปอร์ 11 ส.ค. - มาเลเซียขอให้สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประชุมฉุกเฉิน หลังจากรัฐบาลพม่าสั่งกักบริเวณนางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้าน อีก 18 เดือน ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษแสดงความโกรธและเสียใจต่อการตัดสินดังกล่าว

    นายอะนิฟาห์ อามาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนควรต้องประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง การตัดสินกักบริเวณ 18 เดือน ทำให้นางซู จี ไม่มีโอกาสได้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ทั้งที่ควรเป็นการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและครอบคลุมทุกฝ่าย รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวด้วยว่า รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลพม่าตัดสินว่านางซู จี มีความผิด ขอให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวเธออย่างไม่มีเงื่อนไขและจัดการเลือกตั้งที่เธอและนักโทษการเมืองอื่น ๆ สามารถมีส่วนร่วม

    ด้านนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ ระบุว่า ทั้งโกรธและเสียใจต่อคำตัดสินนางซู จี ในการพิจารณาคดีอันหลอกลวง และขอเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศมาตรการห้ามทั่วโลกจำหน่ายอาวุธให้แก่พม่า เพราะสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงจะประกาศมาตรการลงโทษเศรษฐกิจพม่าที่รุนแรงกว่าเดิมแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 15:24:03

    มาเลเซียยืนยันผู้เสียชีวิตไข้หวัดใหญ่เอช1 เอ็น1 อีก 6 ราย

    [​IMG]

    กัวลาลัมเปอร์ 11 สค. - รัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อีก 6 คนที่เสียชีวิตลง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เอช1 เอ็น1 ในมาเลเซียมีจำนวนรวม 38 คนแล้ว

    แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ระบุว่า ผู้ป่วย 6 คนเสียชีวิตลงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะยานขึ้นถึง 269 คนนับตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ทำให้มาเลเซียมียอดรวมผู้ติดเชื้อจำนวน 2,252 คนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย

    2009-08-11 13:53:42

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    <table class="tablebg" width="100%" cellspacing="1"><tbody><tr><th>Author</th> <th>Message</th> </tr> <tr class="row1"> <td valign="middle" align="center"> โนวา สิงห์เอี่ยม ณ พลังช้าง</td></tr></tbody></table>
    เรื่อง ของเรื่อง จากการที่โนวาได้แวะไปที่ กว้านพะเยามา แล้วก็ถามอาว่า ที่นี่มันเป็นแอ่งน้ำ ไช่ไหม เรื่องเลยยาว อาเค้าก็บอกว่า จำได้ไหมว่า ในประเทศไทยเรามีวัดใต้น้ำ โนวาก็พอนึกออกว่า "อืม มันมี " อาก็เล่าความเป็นมาขอ แอ่งกว้านพะเยาให้ฟัง ไปเรื่อยๆๆๆๆ จนมาถึง ซึนามิ เค้าบอกว่า มีหนังสือเริ่มหนึ่ง เขียนบอกไว้ ของพระชื่อดังรูปหนึ่ง โนวาก็จำชื่อไม่ได้นะ พระท่านเขียนเล่า ถึง พญานาค กับ ยักษ์จะสู้กัน เรื่องของเรื่องคือ การเกิดซินามิเนี่ย เกิดจาก พญานาค แค่ พลิกตัวเท่านั้น แต่ถ้าคนเริ่มชั่วขึ้น ศาสนาเริ่มเสื่อม ยักษ์จะตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาหลายสิบตัว แล้วมันจะตีกัน ตีกัน จนพญานาคตื่นขึ้นมาปราบยักษ์ เมื่อมันตื่น มันตื่นขึ้นมาจากน้ำ น้ำก็จะสูงขึ้น นี่คือความเชื่ออย่างหนึ่ง แต่ประเด็นคือ

    ญาติทางเหนือบอกว่า มีคนมาซื้อที่เยอะนะ เห็นเค้าบอกว่า จะหนีน้ำกัน น้ำมันจะท่วมโลก อาก็ต่อยอดให้ฟังว่า พระรูปนี้เคยกล่าวไว้ว่า กรุงเทพจะจม ภาคใต้ น้ำสูงถึงเท้าย่าโม้ น้ำจะท่วมสุดถึงจังหวัดแพร่ ภาคอิสาน จะเห็นแค่ไหนจำไม่ได้น่ะ หรือ โรคห่า ที่หายมานาน จะกลับมา แต่มันมาอย่างเงียบๆ พระท่านทำนายไว้ว่า น้ำจะท่วมอยู่ประมาณ 6-7 เดือน แต่ 6-7 เดือนนี่แหละ เค้าบอกว่า ถ้าคนที่รอดมาได้ ห้าม! ห้ามเลยนะ ห้ามเปิดประตูรับคนแปลกหน้า หรือแม้ๆๆๆๆกะทั้งญาติตัวเอง เข้าบ้านเด็ดขาด เพราะเค้าจะมากับโรคห่า คนที่เค้าเชื่อนะ อาบอกว่า เค้าเตรียมขนสเบียง เสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็นขึ้นไปไว้ทางเหนือกันเยอะ ต้องคำนวนให้ใช้ได้ถึง 1 ปี เมื่อเหตุการ์ณนี่เกิดขึ้น คนที่มีสมาธิ จิตสะอาด จะเห็นสิ่งเหล่านั้น คือ น้ำท่วมโลก และหลังจากน้ำลดลง อาบอกว่าดูข่าวที่ อิตาลี แผ่นดินไหวได้ดูไหม ธรรมชาติมันเริ่มนับ 1 กับเราแล้ว

    นี่คือความเชื่อนะฮะ โนวาไม่ได้มาเล่าเพื่อสนุกปาก แต่แค่อยากให้ทุกคนเพื่อนในนี้เตรียมพร้อมเสมอ ถ้า ณ ตอนนี้ มันอาจจะสายไป สำหรับการ รณรงค์เรื่องรักษาสภาพแวดล้อม ก็ควรจะคำนึงถึงเหตุการ์ณที่จะเกิดกับเราแน่นอน ในไม่ช้านี้ นะฮะ


    [​IMG]

    ที่มา http://www.t-pageant.com/phpbb3/viewtopic.php?f=8&t=123260


    21 December 2012 นับถอยหลังสู่วันสิ้นโลก ?????

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012

    โลกจะอวสานจริงหรือ ?????

    1.ทางวิทยาศาสตร์ NASA ออกมาบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
    2.ทางโหราศาสตร์ บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
    3.ทางโบราณคดี ชาวมายามีปฏิทินถึงเพียงแค่ปี 2012 และระบุวันจุดจบของโลกไว้
    4.ทางการทำนาย นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับทางโหราศาสตร์
    5.ทาง UFO ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ)
    6.ทางความคิดผมเอง ศาสนาพุทธและคริส ได้ระบุวันจุดจบไว้แล้วในปี พุทธศักราชและคริสศักราช
    คำ ทำนายเรื่องวันสิ้นโลกนี้ มาจากวันในปฏิทินของชาวเผ่ามายัน (ชาวเผ่าโบราณที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาตอนกลาง) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคม ปีคศ. 2012
    ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล


    [​IMG]

    2.Planet X NIBIRU
    Planet X NIBIRU ที่มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลกเราจะตัดผ่านมาใกล้โลกอีกครั้ง ดาวดวงนี้จะผ่านมาที่วงโคจรของเราทุกๆ3600 ปี
    นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทวีปแอตแลนติกหายไป นั่นอาจเป้นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องโนฮากับเรือสมัยน้ำท่วมโลก
    ดาวดวงนี้จะเข้ามาใกล้โลกเรื่อยๆปี 2009 จะสามารถมองเห็นทางขั้วโลกใต้ด้วยกล้องส่องดาว
    ปี 2011 จะสามารถมองเห้นด้วยตาเปล่า ขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา ดาวดวงนี้เป็นสีแดง
    ปี 2012 จะเริ่มมีปฏิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินในอวกาศที่มากับดาวนิบิรุจะตกลงมาบนพื่นโลก เป็นฝนดาวตกอันตรายต่อมวลชีวิตทั้งโลก
    วันที่ 21 ธันวาคม 2012 หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดิน อย่างใครไม่เคยคาดคิดมาก่อน
    วัน14 กุมภาพันธ์ 2013 วันนั้นเป็นวันที่ โลก +นิบิรุ+ดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่แนวแกนเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนไป
    โลก จะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยง น้ำทะเลจะเป็นคลื่นมหาอภิสึนามิ ถล่มตามเมืองชายทะเลทุกแห่ง เมื่อแผ่นดินเคลื่อนตัวตามเปลือกโลก ลาวาก็จะถลักขึ้นมาเกิดเป็นภูเขาไฟมากมาย

    ** สามารถดูตำแหน่งการโคจรของ Planet X ได้จาก Microsoft WorldWide Telescope
    Download ได้ที่
    http://www.worldwidetelescope.org

    ตำแหน่งมันอยู่ตรงไหนดูได้ที่ : [ame="http://www.youtube.com/watch?v=mvq9BY8E0Fs"]YouTube - Broadcast Yourself.[/ame]



    [​IMG]

    3.ทาง UFO

    ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตาแมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

    [​IMG]

    [​IMG]

    เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

    โอ ลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเพดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว

    โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

    ค่ำ วันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

    เขา เล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้งลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

    ที่มา :



    มารู้จักกับความลับของPlanetX กัน (ดาวปริศนาNibiru)และมันเกี่ยวอะไรกับปี2012...



    เนื่องด้วยเรื่องราวของดาวปริศนา(Planet X)ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาทางพิสูจน์กันอยู่ว่า ไอ้ดาวลึกลับในตำนานบทนี้มันมีอยู่จริงหนือไม่? และถ้ามี ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?
    และเนื่องด้วยมันยาวมากๆ ผมจึงต้องแบ่งหัวข้อย่อยออกเป็นสองส่วนคือ ภาคตำนานในอดีต และภาคข้อเท็จจริงในปัจจุบัน

    เอาล่ะ..พล่ามมาซะยืดยาว ผมจะนำเสนอภาคข้อมูลเท็จจริง ณ ปัจจุบันก่อนละกันนะครับ...(ปล.ก็อปเค้ามาอีกทีและแก้ไขใหม่ ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น)

    เนื่องด้วยความสงสัยของตัวผมและใครอีกหลายๆคนว่าทำไมปี 2012 จึงมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน!!!
    บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจ หลีกเลี่ยงไม่ได้

    เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล (นับตามแบบของชาวสุเมเรียน)
    ถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)

    และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...
    สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

    แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ ที่อาจสำคัญมากๆๆ ทำไมผมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น?

    ิสิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....


    ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว
    แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้

    แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ

    ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย

    เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ มีความเป็นไปได้ที่มันจะโคจรมาทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลกเลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกใด้!!



    มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?

    เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าถ้าเมื่อก่อนเราส่องดูดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นมัน แต่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลช่วย

    แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว!!

    และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับ
    แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

    แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ
    นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน หลายหมื่นปีก่อน และหลายพันปีก่อน (ในช่วงพระคริสต์นั่นเอง)

    หากดาวดวงนี้โคจรมาที่ระบบสุริยะของดวงอาทิตย์อีกครั้ง ซึ่งกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ มันจะทำให้เกิดมหันตภัยชนิดโหดสุดยอด
    เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ ซึ่งมันจะทำปฎิกิริยากับสนามแม่เหล็กโลก อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนครั้งใหญ่ เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน ซุปเปอร์สึนามิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดพายุต่างๆ นาๆ และอื่นๆนับไม่ถ้วน!!

    และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่าในปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

    ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ยังปิดข่าวอยู่ แต่นักดาราศาสตร์ชั้นนำของประเทศต่างๆออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้ กันอย่างจ้าละหวั่น

    ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และบางแห่งบอกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ประมาณดาวพฤหัส!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

    ปล. งานนี้ก็ถึงเวลาที่ธรรมชาติเลือกเราของแท้แล้วละนะครับ ;D

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Data of Nibiru

    คาดหมายว่าเป็นสมาชิกของระบบสุริยะ ตามการคาดหมายเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9(นับตามแบบสากล โดยได้ตัดดาวเคราะห์แคระพลูโตออกไป) เนื่องจากนักดาราศาสตร์ได้ศึกษาการโคจรของดาวยูเรนัสและพบว่าวงโคจรของ ยูเรนัสมีลักษณะที่ผิดปกติอยู่พอสมควรจึงคาดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ ที่สามารถส่งแรงโน้มถ่วงรบกวนการโคจรของยูเรนัส จึงได้มีการพยายามค้นหา และได้พบดาวเนปจูนแต่การค้นพบนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติทั้งของ ยูเรนัสและเนปจูนจึงได้มีการพยายามค้นหาเพิ่มเติมและได้พบพลูโต แต่พลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กมากทำให้ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติ ของการโคจรของยูเรนัสและเนปจูนได้จึงได้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ ดวงที่ 9ของระบบสุริยะอีกครั้ง ความพยายามครั้งนี้ไม่เพียงแต่แค่ค้นหาโดยการสังเกตเทหวัตถุในท้องฟ้าเท่า นั้น ยังมีความพยายามในการค้นหาโดยการศึกษาบันทึกโบราณที่อาจจะบันทึกถึง ปรากฏการณ์ที่อาจจะสรุปได้ว่ามีการเคยพบเห็นดาวเคราะห์ลึกลับดวงนี้อีกด้วย (Planet X นี้เป็นชื่อที่ผู้คนหลงใหลเพราะนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ดวงที่ 9 อีกนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ลึกลับที่ไม่เคยมีใครพบเห็น)

    ขนาด: ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า = ประมาณดาวพฤหัสบดี

    มวล: ไม่ทราบ

    บริวาร: ไม่ทราบ

    คาบการโคจร: ประมาณ 3,600 ปี วงโคจรคล้ายดาวหาง จุดที่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ในแถบกลุ่มเฆมออร์ด จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์น่าจะเป็นบริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดี และดาวอังคาร

    จุดกำเนิด: ไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมของระบบสุริยะ แต่ถูกดวงอาทิตย์จับไว้เป็นบริวารเมื่อ 500,000 ปีก่อน คาดว่าน่าจะหลุดมาจากระบบสุริยะของดาวซีรีอุสA

    ลักษณะพิเศษ: เป็นดาวเคราะห์ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลก

    ผลกระทบที่มีต่อโลก: ในอดีตมีความเป็นไปได้สูงเคยโคจรเฉียดใกล้โลกทำให้ดวงจันทร์น้อยที่เป็นดาว บริวารชนโลกทำให้เกิดเป็นมหาสมุทรแปซิฟิค ปัจจุบันน่าจะมีวีถีโคจรที่แน่นอนแล้ว คาดว่าไม่ถึงกับชนโลกแค่เฉียดๆ แต่จะสร้างหายนะให้โลกอย่างมหาศาล

    ***ข้อมูลเวอร์ชันเต็มจะอยู่ในเว็บของ BBC ที่จะมีการพูดถึงข้อจำกัดของการใช้วิธีการหาอายุด้วยคาร์บอน-14 ด้วยครับ




    -นี่ก็คือทั้งหมด ของข้อมูลที่ผมได้มา ซึ่งมันมีความยืดหยุ่นสูง และอัพเดทได้ตลอดเวลาหากใครสนใจเพิ่มเติม สามารถค้นหาข่าวสารใหม่ๆได้จากทางอินเตอร์เน็ต!

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เอาล่ะครับเพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่า เรามาติดตามความเป็นมาของอภิมหาตำนานสะท้านโลกนี่กันนะครับ ผมคัดลอกเค้ามาอีกทีจึงไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นตำนานของชนเผ่าโบราณเผ่าไหน กันแน่ ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นของเผ่ามายันนะครับ ตำนานนี้ มีอยู่ว่า...

    **คำเตือนโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านและคิด วิธีที่แนะนำควรจะลองทำใจให้เป็นกลางก่อนอ่าน เพราะมีอยู่ไม่น้อยที่หมิ่นเหม่ต่อระบบศาสนาเป็นอย่างมาก**




    เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปีล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่งเทียมัตเป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้น เชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือไกอาเป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนเทียมัตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำ ให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัยได้เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูป ของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดย สิ่งกระตุ้น

    ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วงซึ่ง ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิง ธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรจจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์ กลางกาแลกซี่ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ.2012) โปรดเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหนือความคาดหมาย!!!

    วกกลับมาคุยถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบันมาก ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียกคือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดก หนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นภิภพ เหล่าชาวภิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อ เท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพแต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอนได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและ มุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะโดยที่มีวงโคจรที่รี คล้ายวงโคจรของดาวหางซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่ปกครองโดยชนชั้นปกครองที่ เรียกว่า “เนฟิลิม” (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคำภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู

    ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับ ภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลูได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้ สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โดยการสร้างโล่ห์ความร้อน ที่ทำขึ้นมาจากทองเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อนซึ่งจะเป็น ผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอก เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พวกเขาได้เริ่มทำการสำรวจระบบสุริยะใหม่นี้ทันที กองยานอวกาศได้ถูกส่งไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งเทียมัตเพื่อค้นหาทอง

    ผู้บังคับการมกุฏราชกุมาร อนู พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสอง เอนกิ และ เอนลิล และราชธิดา นินคูซัคได้ร่อนลงในบริเวณที่ปัจจุบันคืออ่าวเปอร์เซียและย่างเท้าบนฝั่งใน ดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศคูเวต ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งท่าจอดยานอวกาศในบริเวณเมโสโปเตเมียในตำแหน่งที่มี ตำนานว่าเป็นสวนอีเดน โดยความช่วยเหลือชาวพื้นเมืองเทียมัตพวกเขาได้พบกับขุมทองบนเทียมัตและ สามารถนำทองนี้เป็นสร้างเป็นโลห์กักความร้อนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีโลห์นี้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัตเพื่อทำหน้าที่ขุดทอง และส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ

    ครั้งนึงอันแสนเนิ่นนานมาแล้วในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบบดวงอาทิตย์มีอยู่ครั้ง หนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัตนิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัตทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง


    ลักษณะของประชากรนิริบุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมากเพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัวซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตทำหน้าที่ขุดทองหรืออยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขา รู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิริบุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมืองเริ่มกระด้างกระเดื่องจนในที่สุดได้นำไปสู่ การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินีนันคูซัคซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้า หน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิริบุกับ ชาวเทียมัตเพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้ายและในที่สุดก็ได้เป็นสิ่ง มีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัติกับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น โดยที่ชาวนิริบุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”

    และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิริบุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องมาอุ้มท้องพวกอดามู ดังนั้นชาวนิบิรุจึงได้ประท้วงและปฏิเสธที่จะอุ้มท้องอีกต่อไป ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุป ว่าให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย

    แต่ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมันเนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิต นี้เป็นลูกผสม ครั้งนี้ราชนีนินคูซัคได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่ง มีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลาน และเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะ กระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้น มา

    ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยองได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่อง จากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ ครอบครองเทียมัต

    ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวก เขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าใน อินเดียที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่าคณะแพทย์ที่พยายามจะรักษา ผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วยพบว่าผิวหนังของงูนี้ คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์ ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมและอีฟทำให้สิ่งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่ กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิริบุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้า กับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)


    เรื่องที่ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของเราเอง คือครั้งหนึ่งนิริบุได้เฉียดเข้าใกล้เทียมัตและทำให้เกิดภัยภิบัติทั้งน้ำ ท่วมและแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ซึ่งในครั้งนี้สวนอีเดนและท่าจอดยานอวกาศได้จมไปในน้ำและถูกทำลายไปจนสิ้น เจ้าชายอูตูแห่งเนฟิลิมจึงได้รับบัญชาให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ใน บริเวณแหลมไซนาย และวิถีชีวิตบนเทียมัตก็ดำเนินไปตามปกติอีกครั้ง แต่ในไม่นานก็ได้เกิดสงครามปิรามิดขึ้น

    พระราชกุมารีเจ้าฟ้าหญิงอินันนาซึ่งเป็นหนึ่งในที่รักยิ่งของจักรพรรดิ์อนู ได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้ปกครองดูแลบริเวณที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน พระองค์มีพระนามอีกพระนามคือพระลักษมี ซึ่งเป็นพระนามที่ได้รับการสักการะนับถืออยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่พระสวามีคือดยุคดูมูซิ (พระวิษณุหรือเปล่า)ได้มีเรื่องทะเลาะกับบารอนมาดุคจนในที่สุดได้นำไปสู่สง ครามปิรามิด ในสงครามชิงอำนาจระหว่างพระราชกุมารีอินันนาและดยุคดูมูซิกับบารอนมาดุคและ บารอนเนสศาพานิต ดยุคดูมูซิได้ถูกสังหาร ทำให้เจ้าชายอูตู และพระราชกุมารีอินันนาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่บังควรโดยการทำลายท่าเทียบยาน อวกาศที่แหลมไซนายพร้อมทั้งศูนย์วิจัยและผักผ่อนคือเมืองบริวารโซดอมและโกโม ราซด้วย (The satellite R&R cities ไม่ทราบว่า R&R แทนอะไรอาจจะเป็น Research and Development หรือ Research and Recreation) ทำให้เหมืองทองในเขตแอฟาริกาใต้เข้าสู่ความวุ่นวายด้วยเมื่อดยุคเนกอลและดัส เชสอีเรสกิกอลเข้าเป็นพันธมิตรกับบารอนมาดุค และทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะผู้ปกครองแห่งเนฟิลิม

    จักรพรรดิ์อนูจึงจำต้องโปรดให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่โดยครั้งนี้ พระองค์มีพระบัญชาให้เจ้าชายเอนกิและเจ้าหญิงนินกิเป็นผู้ดูแล ทั้งสองพระองค์จึงได้ย้ายสถานที่ไปเป็นบริเวณทะเลสาบติติคาคา (Titicaca Lake) ในเปรู และที่ตรงนี้ก็คือบริเวณที่ราบนาซคาซึ่งมีทองคำจำนวนมหาศาลอยู่ในเทือกเขาแอ นดีส ดังนั้นศูนย์การผลิตทองที่แอฟริกาใต้จึงถูกย้ายไปที่ทะเลสาบติติคาคาด้วย

    และนี่ก็เป็นเรื่องในอดีตหลายพันหลายหมื่นปีก่อน ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมชาวนิริบุจึงดูเหมือนจะทิ้งเทียมัตไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าโลห์กักความร้อนนั้นสามารถคงรูปได้อย่างถาวรแล้วทำให้พวก เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทองจากเทียมัตอีกต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล แต่แน่นนอนถึงแม้ดาวเคราะห์ของพวกเขาจะมุ่งหน้าไปสู่การหลับไหลที่ยาวนานใน กลุ่มเฆมออร์ดพวกเขาจะยังคงการติดต่อกับเทียมัตไว้บ้างบางส่วน อาทิเช่นสิ่งก่อสร้างใต้ดินในเทือกเขาแกรนด์เททอน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ภิภพที่อเมริกาใต้ ในห้องเปล่าที่ซาอุดิอาระเบีย ในภูเขาหิมาลัย หรือแม้แต่ห้องโถงใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิดแห่งอียิปต์ที่ชาว เนฟีลิมสร้างไว้เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศที่แหลมไซนาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาให้ถกเถียงกันว่ามีไว้เพื่อให้มนุษย์ต่างดาว ได้ใช้หรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าคำตอบสำหรับทุกปริศนาจะได้รับการเฉลยในอนาคตอันใกล้นี้

    ในขณะนี้คงจะมีคนจำนวนมากถามว่าแล้วดาวเคราะห์นิริบุอยู่ที่ใด แน่นอนมันต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในระบบสุริยะเป็นแน่ บางครั้งนักดาราศาสตร์จะบังเอิญไปพบมันแต่อาจะไม่รู้และเรียกมันว่าวัตถุลึก ลับ อย่างเช่นกาแลกซี่ขนาดเล็ก บางทีรัฐบาลเองก็สงสัยว่าเจ้าสิ่งนั้นคือนิริบุเองแต่มีความเห็นว่าจำเป็น ต้องปิดบังข้อมูลนี้จากการรับรู้ของสาธารณชน ผู้ที่เฝ้าสังเกตท้องฟ้าในสมัยโบราณทั้งในตะวันออกกลาง หรือชาวมายาในเมกซิโกต่างก็ได้พูดถึงการมาของนิริบุในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งมันจะมาปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยที่ดูเหมือนว่ามันจะจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งจะมีสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว มีหางยาวคล้ายดาวหาง และมีบริวารโคจรอยู่รอบๆ และจะลอยให้เห็นดังอัญมณีที่ขั้วโลกเหนือของเทียมัตคล้ายกับการมาถึงของยุค แห่งพระเจ้า

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระเจ้าองค์สำคัญๆของชาวสุเมเรียนได้แก่ เอนกิ(Enki) เทพแห่งน้ำ, กิ(Ki) เทพแห่งผืนแผ่นดิน, เอนลิล(Enlil) เทพแห่งห้วงอวกาศ หรือบรรพเทพ อัน(An) ผู้ปกครองสรวงสวรรค์เป็นต้น ชาวสุเมเรียนศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า และเชื่อกันว่าพระเจ้าของพวกเขาเสด็จลงมาจากท้องฟ้าที่แสนไกล ท้องฟ้าที่หมายถึงท้องฟ้าเบื้องบนนะคับ หาได้หมายถึงสวรรค์แต่ประการใดไม่นะคับ

    อีกอย่างนึงนะ จะเห็นได้ว่ามีการเอ่ยถึง Anunnaki อันนี้ ค่อนข้างบ่อย มาดูกันซิ มีความหมายยังงัยเอ่ย!!

    Anunnaki (อ่านว่า AN.UNNA.KI) แปลให้ตรงตัวคือ who from heaven to Earth came ซึ่งในบางครั้งชาวสุเมเรียนบรรยายถึงพระเจ้าเหล่านี้ด้วยอักษรภาพ โดยคำสำคัญที่เป็นส่วนประกอบเสมอคือคำว่า GIR เช่น DIN.GIR และ KA.GIR โดยไอ่เจ้าตัว GIR เป็นอักษรภาพที่มีรูปพรรณสันฐานคล้ายจรวดในปัจจุบันมากค่ะ โดยรวมแล้วความหมายของ GIR เมื่อประกอบเข้ากับคำอื่นๆแล้วก็อาจแปลความได้ว่า The Righteous one of the blazing rockets ไปเลย วู๊... เท่ห์ไม่ใช่เล่น น่าเสียดายที่สมัยนั้นนักโบราณคดีของเราไม่รู้จักจรวด หรือต่อให้รู้จักเค้าก็อาจคิดว่าเหลวไหลที่คนโบราณจะไปรู้จักหรือจินตนาการ ถึงจรวดไปได้ ความหมายของคำพวกนี้เมื่อถ่ายทอดออกมาในวงการโบราณคดี จึงเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นเทพนิยายไปนู่นเลย (แบบที่ใครๆหลายคนแถวๆนี้คิดกันด้วยล่ะ)



    เรื่องการผิดเพี้ยนของศัพท์เมื่อแปลจากตำนานโบราณนั้นหาใช่เรื่องใหม่แต่ อย่างใดเลย บางครั้งคำที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ก็มาจากการแปลที่ผิดความหมาย หรือการตีความอย่างไม่รู้ของผู้แปล เช่นคำว่า Nefilim ในไบเบิล ซึ่งภาคภาษาไทยใช้คำว่ายักษ์ นั้น เป็นคำที่มีความหมายเดียวกับ Anunnaki ของชาวสุเมเรียน และคำว่าเอโลฮิมอันเป็นพระเจ้าของชาวฮีบรูว์โบราณ ปัจจุบัน พวกเรารู้จักความหมายของศัพท์พวกนี้ในคำว่า Giants ไปซะฉิบ อย่างว่าแหละนะ ภาษามันดิ้นได้นี่นายจ๋า... อ้อ แล้ว Nefilim น่ะ แปลเป็น eng. แล้วมันจะมีรูปเป็นพหูพจน์ด้วยนะ แบบว่า Gods น่ะจ่ะ (อะไร มีพระเจ้าองค์เดียวไม่ใช่เหรอ ไบเบิ้ลอะ...??? เอาแล้วไง)


    ที่มา http://atcloud.com/stories/39176
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...