ติดตามสถานะการณ์

แปลกตรงเผาแต่ส่วนที่เก็บอาวุธปืน และส่วนหลังที่ต่อเติม แต่ไม่เผาทั้งหมด ทำไปทำไมแค่นี้ - ขบวนการนี้ชอบแบ่งหน้าที่กันทำ ลับ ลวง พราง เห็นเจ้าหน้าที่หลอกง่ายไม่ทันพวกเขา

เกรียน BRN


#แปลกๆไหมครับ

คนร้ายบุกเผาบ้านผู้ใหญ่บ้าน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขโมยปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนหลบหนี ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านพาครอบครัวไปร่วมงานแต่งลูกสาวที่ต่างอำเภอ คาดฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่


เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ร.ต.ท.ธรรมรัตน์ ภาระพิง รอง สว.สอบสวน สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายบุกเผาบ้านและขโมยอาวุธปืนของทางราชการที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านภักดี ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงรีบไปตรวจพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระพจน์ ยินดี ผกก. สภ.บันนังสตา และกำลังทหารพราน ตำรวจ ตชด.ฉก.ที่ 44 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เลขที่ 239/8 ของนายมูหามัด กาเต็ง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ถูกคนร้ายวางเพลิงบริเวณห้องนอนส่วนต่อเติมหลังบ้านได้รับความเสียหายไปทั้งหมด ตรวจในซากเพลิงพบอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ของกรมการปกครอง หมายเลขปืน PS 15688 H ซึ่งเก็บอยู่ในห้องเดียวกันถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังพบว่าอาวุธปืนชนิด M 16 A1 สั้น (แบบ M 4) หมายเลข 1463848 พร้อมแม็กกาซีนแบบยาว ชนิดบรรจุ 30 นัด จำนวน 6 อัน แม็กกาซีนแบบสั้น ชนิดบรรจุ 20 นัด จำนวน 1 อัน และกระสุนปืนขนาด 5.56 มม.จำนวน 500 นัด ได้สูญหายไปด้วย


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายมูหามัด กาเต็ง ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยภรรยาและญาติเดินทางไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวใน ต.คลองมานิง อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยใส่กุญแจบ้านอย่างแน่นหนา 2 ชั้น ต่อมาคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้งัดหน้าต่างบ้านเข้าไปลักเอาปืนไปก่อนหลบหนียังได้ลอบวางเพลิงเผาห้องเก็บอาวุธปืนและส่วนหลังของบ้านที่ต่อเติมได้รับความเสีย ส่วนอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ถูกขโมยไป เป็นปืนส่วนตัวของผู้ใหญ่บ้านที่นำมาขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในราชการรักษาความสงบเรียบร้อยในตำบล หมู่บ้านที่รับผิดชอบตามนโยบายของทางราชการที่อนุญาตให้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ครอบครองอาวุธปืนในการปฏิบัติหน้าที่นำมาขึ้นทะเบียนที่อำเภอ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา


ทั้งนี้เนื่องจากว่าในพื้นที่บ้านภักดี ต.เขื่อนบางลาง นั้น เป็นพื้นที่สีแดงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ผู้ใหญ่บ้านจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายจนเสียชีวิตหลายรายจนไม่มีใครกล้าที่จะทำหน้าที่ผู้ใหญ่บ้าน ทำให้เกิดเว้นวรรคไม่มีผู้ใหญ่บ้านถึง 3 ปี หลังจากอำนาจรัฐได้เข้าถึงในหมู่บ้านดังกล่าวได้มี นายมูหามัด กาเต็ง รับอาสามาเป็นผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับได้ติดอาวุธเพื่อนำมาใช้การป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่

 

Watchers


#SUNSET

(19/01/19)

ภาพพระอาทิตย์ จาก ทะเลทรายโซโนรา , ทะเลคอร์เตซและภูเขาไฟบาฮา ☀️ ซานคาร์ลอส, โซโนรา, ประเทศเม็กซิโก วันนี้

Cr: Leonel Garza Sanchez

#Watchers

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) แบงก์พาณิชย์แกร่งรับมือผันผวนอยู่หมัด : ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงาน การประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทย 2561 ด้านความเปราะบางระบบการเงินไทย ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงในระยะข้างหน้าว่า แม้ระบบการเงินของไทยโดยรวมจะมีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงบางจุดที่อาจสร้างความเปราะบางให้กับเสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต



ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินโลกจะมี ความเสี่ยงสูงขึ้น โดยเฉพาะภาวะ การเงินที่จะผันผวนมากขึ้นจากการดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักและผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าที่อาจกระจายตัวในวงกว้างและรุนแรงขึ้น จุดเปราะบางที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงในระยะข้างหน้า



ดังนั้น ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ไทย พบว่ามีความเสี่ยงจำกัดที่จะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) ของประเทศเศรษฐกิจหลัก



อย่างไรก็ตาม ธนาคารบางแห่งอาจมีความเสี่ยงจากการต่ออายุหนี้เงินกู้ยืมเดิมที่ครบกำหนดอายุ (Rollover Risk) และความเสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (Funding Cost Risk) โดยเฉพาะธนาคารที่เน้นพึ่งพาแหล่งเงินทุนระยะสั้นที่เป็นเงินตราต่างประเทศในสัดส่วนสูง



ธปท. ระบุว่า ระบบธนาคารพาณิชย์พึ่งพาแหล่งเงินทุนที่เป็นเงินตราต่างประเทศ (FX Funding) ค่อนข้างจำกัดโดยสัดส่วนของ FX Funding ต่อหนี้สิน ณ ไตรมาส 3 ปี 2561 อยู่ที่ 9.7% โดยการพึ่งพา FX Funding สอดคล้องกับสัดส่วนสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศ (FX Assets) ต่อสินทรัพย์ ซึ่งอยู่ที่ 10.5% และมีส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (FX Currency Mismatch) อยู่ 327 พันล้านบาท คิดเป็น 1.9% ของสินทรัพย์ทั้งระบบ



ทั้งนี้ จากสภาพคล่องของดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้น อาจกระทบต่อการระดมทุน และส่งผ่านความเสี่ยงมายังระบบธนาคารพาณิชย์ไทยผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ ช่องทางที่ 1.ความเสี่ยงจากการไม่สามารถต่ออายุหนี้เงินกู้ยืมเดิมที่ครบกำหนด (Rollover Risk) ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากระบบธนาคารพาณิชย์พึ่งพาการกู้ยืมระยะสั้นน้อยกว่า 1 ปี ในสกุลเงินตราต่างประเทศในสัดส่วนที่ไม่สูงนัก คิดเป็นมูลค่าเพียง 1,082 พันล้านบาท หรือ 7.1% ของหนี้สิน ณ ไตรมาส 3 ปี 2561 ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่อาศัยเงินกู้ยืมระยะสั้นในสกุลเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์แม่เป็นหลัก ทำให้ผลกระทบหากสภาพคล่อง USD ในตลาดการเงินตึงตัวจึงมีไม่มาก



ช่องทางที่ 2.ความเสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (Funding Cost Risk) โดยรวมมีจำกัด หากพิจารณาฐานะสะสมสุทธิสำหรับธุรกรรมที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย (Repricing Gap) ในช่วงเวลา 1 ปี สะท้อนผลการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต่อรายได้ดอกเบี้ยในด้านสินทรัพย์ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในด้านหนี้สิน และรายได้หรือค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของธุรกรรมนอกงบดุล พบว่า ไตรมาส 3 ปี 2561 ระบบธนาคารพาณิชย์มีช่องว่าง (Gap) เป็นบวก คิดเป็นมูลค่า 244 พันล้านบาท หรือหากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 100 bps ระบบธนาคารพาณิชย์จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น คิดเป็น 0.1% ของเงินกองทุน



ช่องทางที่ 3.ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Risk) อยู่ในระดับต่ำ หากพิจารณาจากฐานะเงินตราต่างประเทศสุทธิ (Net Open Position : NOP) สะท้อนส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยรวมธุรกรรมนอกงบดุลที่ส่วนหนึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนผ่านการทำสัญญาอนุพันธ์ พบว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่จำกัด โดยมีฐานะเงินตราต่างประเทศสุทธิเป็นบวก คิดเป็นมูลค่าเพียง 54 พันล้านบาท หรือหากเงินบาทอ่อนค่าลง 1 บาท ระบบธนาคารพาณิชย์จะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 0.06% ของเงินกองทุน ณ ไตรมาส 3 ปี 2561



โดยสรุป ระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวมมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงจากสภาวะสภาพคล่อง USD ตึงตัว ซึ่งจำเป็นต้องติดตามผลกระทบของความเสี่ยงในการต่ออายุตราสารหนี้เดิมที่ครบกำหนดอายุ (Rollover Risk) และความเสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (Funding Cost Risk) รายธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารที่เน้นพึ่งพาแหล่งเงินทุนระยะสั้นที่เป็นเงินตรา ต่างประเทศ (Short-term FX Funding) ในสัดส่วนสูง


Source: Posttoday

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) สื่อเผยจีนเสนอเพิ่มนำเข้าสินค้าสหรัฐกว่า 1 ล้านล้านดอลล์ หวังแก้ปัญหาดุลการค้าสหรัฐ : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า จีนได้เสนอแผนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ โดยจีนได้เสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐเป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์


ทั้งนี้ จีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567 จากที่ขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวน 3.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว


รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนสหรัฐในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเปิดการเจรจากับสหรัฐรอบใหม่


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


- ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด หลังจีนเสนอเพิ่มนำเข้าสินค้าสหรัฐกว่า 1 ล้านล้านดอลล์ : https://www.ryt9.com/s/iq18/2942441

 

การยอมรับว่าสนามแม่เหล็กโลกผิดปรกติ เริ่มมีเผยแพร่มากขึ้น ทั้งๆ ที่กาอนหน้านี้แทบจะไม่มีการเอ่ยถึง แสดงว่าปัญหาเรื่องนี้เริ่มร้ายแรงแล้ว

Setiawan



ขั้วแม่เหล็กโลกที่กำลังขยับอาจทำให้โทรศัพท์มือถือของคุณสับสน


16 มกราคม 2562

หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วดู มหัศจรรย์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นบรรจุโค้ดหลายพันบรรทัด

หนึ่งในนั้นคือโปรแกรม World Magnetic Model (WMM) –a ที่ช่วยนำทางโทรศัพท์ของคุณ

และมันก็มีปัญหานิดหน่อย

นักวิจัยได้ประกาศว่า WMM ต้องการการอัพเดทฉุกเฉินเนื่องจากสนามแม่เหล็กของโลกกำลังเปลี่ยนแปลง


นักเดินทางไกลเขตทุรกันดารที่มีความรู้รู้มานานว่าเข็มของเข็มทิศไม่ได้ชี้ไปทางเหนือ

ขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กถูกแทนที่ด้วยระยะทางหลายร้อยไมล์จากขั้วเหนือจริงและเพื่อทำให้เรื่องแย่ลงเรื่อย ๆ

ในการหาทิศเหนือจริงในทวีปอเมริกาคุณต้องแก้ไขทิศทางของเข็มทิศให้มากถึง 20 องศาโดยใช้“ ตารางการผันค่าแบบพิเศษ”


The World Magnetic Model เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำให้การแก้ไขเรื่องนี้สำหรับคุณ ปรับปรุงการนำทางของอุปกรณ์ ตั้งแต่เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ไปจนถึงสมาร์ทโฟนทั่วไป


“ WMM เป็นโมเดลแม่เหล็กมาตรฐานที่ใช้สำหรับการนำทางโดยองค์กรต่าง ๆ เช่น NATO กระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน เช่น Android และ iOS” Will Brown จาก Geomagnetism สำรวจธรณีวิทยาของอังกฤษ ทีมซึ่งสร้างแบบจำลองร่วมกับ NOAA ของสหรัฐอเมริกา


“ เมื่อคุณเปิดแอปแผนที่สมาร์ทโฟน คุณอาจเห็นลูกศรชี้ทิศทางที่คุณหันหน้าไปและมีบางสิ่งที่ค่อนข้างฉลาดที่จะดำเนินการภายใต้” เขากล่าวต่อ

“ โทรศัพท์ของคุณมีสนามแม่เหล็กที่วัดสนามแม่เหล็กของโลก เพื่อให้เข้าใจถึงข้อมูลนี้ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ใช้ WMM เพื่อแก้ไขการวัดให้เป็นทิศเหนือจริง”


Earth’s Shifting Magnetic Pole May be Confusing Your Cell Phone


Jan. 16, 2019:

Pick up your cell phone and look at it. That rectangular marvel of modern technology contains thousands of lines of code.

Among them is the World Magnetic Model (WMM)–a program that helps your phone navigate.

And it’s in a bit of trouble.

Researchers have announced that the WMM needs an emergency update because Earth’s magnetic fieldis changing.


Savvy backcountry hikers have long known that compass needles don’t really point north.

The magnetic north pole is displaced hundreds of miles from the true north pole and, to make matters worse, it wanders unpredictably from year to year.

To find true north in the continental USA, you have to correct compass directions by as much as 20 degrees using a special “declination table.”


The World Magnetic Model is a computer program that makes this correction for you. It improves the navigation of devices ranging from nuclear submarines to common smartphones.


“The WMM is the standard magnetic model used for navigation by organizations such as NATO, the Ministry of Defence, andthe US Department of Defense, and also by smartphone operating systems such as Android and iOS,” explains Will Brown of the British Geological Survey’s Geomagnetism Team, which produces the model in collaboration with NOAA of the USA.


“When you open your smartphone’s map app, you may see an arrow pointing which way you’re facing, and there’s something quite clever going on underneath,” he continues.

“Your phone contains a magnetometer that is measuring the Earth’s magnetic field. In order to make sense of this information, Android and iOS operating systems use the WMM to correct the measurements to true north.”

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) พบคนวัย 65 ปี แชร์ข่าวปลอมมากที่สุด : ผู้สูงอายุชาวอเมริกันเป็นกลุ่มประชากรที่มีการแชร์เนื้อหาซึ่งเป็นข่าวปลอมมากที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่น อายุจึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงพฤติกรรมการแชร์ข่าวปลอมอย่างมีนัยสำคัญ



FAKE NEWS หรือ 'ข่าวปลอม' กำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ในทางหนึ่งมันหมายถึง ข่าวปลอมที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้เสพจนถูกแชร์กันแล้วกันเล่า ขณะที่อีกมุมยังหมายถึงสำนักข่าวหรือข่าวที่ต้องการบิดเบือนข้อมูลเพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าข้อมูลที่ว่ามานั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด แต่ก็ยังจงใจนำเสนอเพื่อให้เกิดผลกับสังคมในวงกว้าง



โลกปัจจุบันทำให้ใครๆ ก็มีแอคเคาท์ โซเชียลสำหรับการสื่อสาร และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Science Advances ที่ระบุข้อมูลผลการสำรวจในสหรัฐอเมริกาได้อย่างน่าสนใจ



ผลวิจัยดังกล่าว ซึ่งถูกวิจัยโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน และมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันมากกว่า 3,500 คนเกี่ยวกับข้อเขียนที่พวกเขาแชร์ลงในเฟซบุ๊ค พบว่ากลุ่มคนอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไปเป็นกลุ่มประชากรที่แชร์ข้อเขียนที่เป็นข่าวปลอมมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่นดังนั้นการศึกษานี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า อายุเป็นตัวบ่งชี้ถึงพฤติกรรมการแชร์ข่าวปลอมอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่การศึกษา เพศ เชื้อชาติ รายได้ หรือจำนวนลิงก์เว็บที่พวกเขาแชร์ออกไป



งานศึกษาวิจัยดังกล่าว ยังทำการสำรวจพฤติกรรมการแชร์ข่าวในช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2559 ผ่านทาง เฟซบุ๊ค ซึ่งระบุว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.5 แชร์ข้อมูลที่เป็นข่าวปลอมผ่านทาง เฟซบุ๊ค โดยในกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้จำนวนมากเป็นผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันและไม่ฝักใฝ่พรรคใดมีสถิติแชร์ข่าวปลอมมากกว่า ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต แต่นักวิจัยในเรื่องนี้ก็เตือนว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจจะเป็นเพราะข่าวปลอมจำนวนมากเป็นข่าวปลอมในทำนองสนับสนุนทรัมป์ก็เป็นไปได้



ส่วนเมื่อพิจารณาแต่เฉพาะผู้ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบไม่ฝักใฝ่พรรคใดก็พบว่าผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไปจะแชร์ข่าวปลอมมากกว่ากลุ่มที่อายุน้อยกว่าถึงเกือบ 7 เท่า นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่าน่าจะเป็นเพราะการขาดความเข้าใจรู้เท่าทันทางดิจิทัล ซึ่งผู้สูงอายุจะมีทักษะการใช้ดิจิทัลที่น้อยกว่ากลุ่มผู้มีอายุ น้อยกว่า



นอกจากนี้ยังพบสถิติที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ร้อยละ 11 ของผู้ใช้อายุ 65 ปีขึ้นไป แชร์ข่าวลวงที่บิดเบือนความจริง ในขณะที่ผู้ใช้อายุ 18 -29 ปีมีเพียงร้อย 3 เท่านั้นที่แชร์ข่าวลวง



สำหรับประเทศไทยเรื่องทักษะการใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่คือสิ่งที่พูดถึงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่นในช่วงปลายปี 2561 ได้มีการเสวนาเวทีสาธารณะเรื่อง 'เรียนรู้ อยู่เป็น ได้เช่นไร ในยุคดิจิทัล' ในการประชุมประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ซึ่งเนื้อหาตอนหนึ่งที่ถูกเน้นย้ำคือการพิจารณาข้อมูลออนไลน์ก่อนส่งต่อ โดยมีองค์ประกอบ อาทิ การตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแชร์ การพิจารณาว่าข้อมูลเหล่านี้ จะสร้างประโยชน์และเสียประโยชน์กับผู้ใดบ้าง รวมไปถึงความจำเป็นในการที่บอกต่อ เพราะข้อมูลที่ควรจะส่งต่อควรจะเป็นข้อมูลที่ดีและช่วยสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม มากกว่าจะแชร์ข่าวอะไรก็ได้เพียงเพราะกลัวจะตกกระแสความนิยม



โลกทุกวันนี้จึงต้องพิจารณาให้รอบด้านและแยกให้ออกว่าอะไรคือ Fact (ความจริง) อะไรคือ Fake (การหลอกลวง) เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่ในวงจรของการส่งต่อข้อมูลผิดๆ...จริงไหม?


โดย อรรถภูมิ อองกุลนะ


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- Fake news shared by very few, but those over 65 more likely to pass on such stories: https://phys.org/news/2019-01-fake-news-stories.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) ใกล้ยุคสืบทอดธุรกิจ ชี้ชะตาอนาคตเศรษฐกิจจีน : นับตั้งแต่จีนเริ่มปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อ 40 ปีที่แล้ว บริษัทเอกชนมากมายได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้ระบบทุนนิยม ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มจำนวนชนชั้นกลางของจีน อย่างไร ก็ดี เอกชนเกือบทั้งหมดจากยุคนั้นเติบโตได้จากน้ำพักน้ำแรงของ "ตัวบุคคล" ซึ่งปัจจุบันมีอายุมากแล้ว และเข้าใกล้เวลาเกษียณอายุมากขึ้นทุกขณะ



ซ่ง ฉิงฮุ่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ฉิงฮุ่ย รีเสิร์ช บริษัทวิจัยในเมืองเสิ่นเจิ้น กล่าวกับเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ว่า การสืบทอดของธุรกิจเอกชนมีความสำคัญอย่างมากกับเสถียรภาพและสภาพทางเศรษฐกิจของจีน เพราะผู้ประกอบการเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจจีนตลอด 40 ปี ที่ผ่านมา และความสำเร็จของการสืบทอดธุรกิจอาจจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของเศรษฐกิจจีนในทศวรรษต่อไป



ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ วินด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัทด้านการตลาด เปิดเผยผลสำรวจจากบริษัทเอกชนราว 2,000 แห่ง ในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ พบว่า 1 ใน 3 ของบริษัทเอกชนทั้งหมดมีประธานบริษัทอายุเกิน 55 ปี และอีก 15% มีประธานอายุเกิน 60 ปี



นอกจากนี้ ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส (PwC) เปิดเผยผลการศึกษาธุรกิจครอบครัวในจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว พบว่า เอกชนเพียง 21% มีแผนสืบทอดธุรกิจไว้แล้ว ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจครอบครัว ทั่วโลกถึง 28%



อย่างไรก็ดี โรเจอร์ คิง ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและผู้ประกอบการเอเชียของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง กล่าวว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของยุคนี้ คือ การดึงคนรุ่นใหม่ให้กลับเข้ามาสู่ธุรกิจครอบครัว เนื่องจากจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากในด้านเทคโนโลยี และคนรุ่นใหม่ก็เลือกมุ่งสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากขึ้น



พีดับเบิลยูซี พบว่า ผู้ประกอบการจีนมีแผนส่งต่อตำแหน่งหรือสิทธิในบริษัทให้กับคนในครอบครัวน้อยกว่าทั่วโลก โดยผู้ประกอบการจีนเพียง 42% ระบุว่าจะส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อไปในครอบครัว ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 57%



ผลสำรวจระบุว่า คนรุ่นใหม่มองว่าธุรกิจครอบครัวมีมูลค่าน้อยกว่า และไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เมื่อเทียบกับการไปทำงานที่อื่นในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธนาคาร การลงทุน และเทคโนโลยี



ตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่เลือกเมินธุรกิจครอบครัว คือ หลิ่วฉิง ลูกสาวของ หลิ่วฉวนจื้อ ผู้ก่อตั้งเลอโนโว บริษัทคอมพิวเตอร์รายใหญ่ โดยหลิ่วไปทำงานกับโกลด์แมน แซคส์ ในปี 2002 หลังได้รับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ ตีตี้ ชูซิง(Didi Chuxing) สตาร์ทอัพบริการเรียกรถรับส่งในปี 2014



หลิ่วได้เลื่อนขั้นเป็นประธานของ ตีตี้ ชูซิง ในปี 2015 และช่วยปั้นตีตี้ให้เป็นยักษ์ใหญ่ด้านบริการเรียกรถรับส่งของจีน ทั้งยังเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ มูลค่าสูงที่สุดของโลกด้วยมูลค่า ระหว่าง 5-5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.58-1.64 ล้านล้านบาท) สูงกว่ามูลค่าตลาดรวมกันของ เลอโนโว กรุ๊ป และเลเจนด์ โฮลดิ้งส์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในเลอโนโว ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันที่ 1.11 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 4.48 แสนล้านบาท)



คนดังเริ่มวางมือ



ปี 2018 เป็นปีที่มีผู้ประกอบการชื่อดังประกาศแผนสืบทอดธุรกิจหรือสืบทอดอำนาจมากขึ้นกว่าเดิม



ตลอดปีที่ผ่านมา มีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ของจีนอย่างน้อย 7 คน ที่ประกาศส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ เช่น แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป เหริน เจิ้งเฟยผู้ก่อตั้งและประธานหัวเว่ย หยาง กั๋วเฉียง ผู้ก่อตั้งและประธาน คันทรี การ์เด้น อู๋ หยาจุน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ ลองฟอร์ พร็อพเพอร์ตี จู กงซาน ประธาน จีซีแอล พาวเวอร์ เฉา เต๋อว่าง ผู้ก่อตั้งและประธาน ฟูเย่า กลาซ และ ว่าน หลง ประธานและซีอีโอ ดับบลิวเอช กรุ๊ป



ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของทั้ง 7 คน อยู่ที่ 65 ปี และเป็นการสืบทอดธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน โดยผู้บริหาร 6 ใน 7 คนดังกล่าวได้ประกาศแผนส่งต่อธุรกิจให้กับคนในครอบครัว มีเพียงแจ็คหม่าเพียงคนเดียวที่ส่งต่อให้กับคนนอกครอบครัว



ยุค 4.0 ปัจจัยท้าทาย



อีกหนึ่งความท้าทายสำหรับธุรกิจครอบครัวของจีน คือ การดำเนินธุรกิจในยุค 4.0 ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาในธุรกิจมากขึ้น โดย เจเรมี เฉิง ผู้จัดการศูนย์ศึกษาธุรกิจและผู้ประกอบการครอบครัวเอเชีย กล่าวว่า รูปแบบธุรกิจที่เคยได้ผลดีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นใช้ไม่ได้ผลในปัจจุบันแล้ว เนื่องจากมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาทำลายธุรกิจเดิม



"แทนที่จะคิดเรื่องการส่งไม้ต่อให้กับคนรุ่นต่อไป ครอบครัวควรคิดเรื่องการใช้ความสามารถของคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนที่อยู่ภายใต้ธุรกิจเดิมหรือธุรกิจใหม่" เฉิง กล่าวเฉา เต๋อว่าง จาก ฟูเย่า กลาซ คือ ตัวอย่างหนึ่งในเรื่องนี้ หลังจากที่ปล่อยให้ เฉา ฮุย ลูกชายของตัวเองที่ทำงานกับบริษัทมา 9 ปี ลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัวในปี 2015 จากนั้น จึงประกาศเข้าซื้อบริษัทของลูกชาย ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อิสระของฟูเย่า ในวงเงิน 224 ล้านหยวน (ราว 1,048 ล้านบาท) เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับได้ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ออกไปพิสูจน์ความสามารถ และท้ายที่สุดก็ผนวกเข้ามาเป็นธุรกิจของครอบครัว และได้ปูทางสู่การรับตำแหน่งประธานของฟูเย่าในอนาคตไปพร้อมกัน



ฉิงฮุ่ย รีเสิร์ช ยังระบุว่า อีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจครอบครัวในจีน คือ แผนสืบทอดธุรกิจเกิดขึ้นพร้อมกับช่วงการเปลี่ยนผ่านและยกระดับอุตสาหกรรมขึ้นพอดี โดยธุรกิจครอบครัวในจีนส่วนใหญ่เป็นบริษัทในภาคการผลิต และมีพื้นที่เติบโตอย่างจำกัดในอนาคต ดังนั้น จึงนับเป็นโจทย์ใหญ่ท้าทายคนรุ่นต่อไปที่เข้ามารับไม้ต่อว่า จะทำให้กิจการขยายตัวไปพร้อมกับสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจได้อย่างไร


โดย ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์


Source: Posttoday


- China faces tidal wave of exits by ageing tycoons. Their succession plans will shape China’s future

https://www.scmp.com/business/compa...al-wave-exits-ageing-tycoons-their-succession

 

Dailynews


เด็ดขาด!...กองทัพเมียนมาสังหารนักรบกบฏยะไข่13ศพ #กองทัพเมียนมา #สังหารนักรบกบฏยะไข่ #เดลินิวส์

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) สหภาพยุโรปเตรียมเปิดเจรจากับสหรัฐฯ ในประเด็นด้านการค้า : คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นผู้ประสานงานด้านนโยบายการค้าของสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 28 ประเทศ ได้เปิดเผยแนวทางที่จะใช้สำหรับเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยร่างแนวทางการเจราจาดังกล่าวจะประกอบไปด้วยประเด็นเรื่องการยกเลิกภาษีศุลกากรของสินค้าอุตสาหกรรมและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการค้าขายสินค้าในทั้งสองตลาด


นาง Cecilia Malmstrom - European Trade Commissioner กล่าวว่า สหภาพยุโรปพร้อมจะหารือร่วมกับ นาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นข้อตกลงด้านภาษีศุลกาการของสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในข้อตกลงที่ได้มีการเห็นชอบร่วมกันเมื่อเดือน ก.ค. 2018 รวมถึงเพื่อให้มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.ค. 2018 เสมือนเป็นการวางแนวทางสำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ทวีป (Transatlantic Trade) หลังจากที่ นาย Trump ขู่ว่า จะปรับขึ้นภาษีศุลกากรรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรปมูลค่ากว่า 40 พันล้านยูโร


นาง Malmstrom ระบุว่า แม้การหารือร่วมกันในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแผนจะเจราจากันในประเด็นเรื่องภาษีศุลกากรของสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ยานยนต์เป็นหลัก แต่ทางสหภาพยุโรปได้เตรียมที่จะหยิบยกประเด็นเรื่องภาษีศุลากรของสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ขึ้นมาหารือร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งแนวทางการเจรจาในประเด็นดังกล่าวจะเป็นไปในทิศทางใดนั้นขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่สหภาพยุโรปไม่ได้ต้องการให้สหรัฐฯ ปรับลดภาษีรถบรรทุกปิคอัพลงอย่างรุนแรง เพราะเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน


อย่างไรก็ตาม นาง Malmstrom เน้นย้ำว่า สหภาพยุโรปพร้อมจะดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อท่าทีของสหรัฐฯ ในทันที หากสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการด้านภาษีศุลกากรกับสินค้าจากสหภาพยุโรป ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะนำเสนอรายงานต่อประเด็นที่ว่า การนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรปนั้นกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือไม่ ในช่วงกลางเดือน ก.พ. 2019 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจบังคับใช้มาตรการด้านภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ


ปัจจุบันอัตราภาษีศุลกากรสินค้าอุตสาหกรรมของ Transatlantic Trade อยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 4.2 สำหรับสินค้านำเข้าสู่ยุโรป และเฉลี่ยร้อยละ 3.1 สำหรับสินค้านำเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่นาง Malmstrom มีความเห็นว่า การปรับลดอัตราภาษีด้านการค้าระหว่างกันลงอีกจะยังช่วยสนับสนุนให้เกิดผลลัพท์ในเชิงบวกมากขึ้น เนื่องจากการค้าขายระหว่างกันของทั้ง 2 ฝ่าย มีมูลค่าที่สูงมาก


Source: BOTSS


- EU open to discussing cars, not farming in U.S. trade talks: https://www.reuters.com/article/us-...ing-out-of-u-s-trade-talks-idUSKCN1PC13B?il=0

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 19) 'ทรัมป์-คิม'เตรียมพบกันครั้งที่2 ช่วงปลายเดือนก.พ.นี้: การพบหารืออย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนก.พ. นี้ ส่วนสถานที่จะมีการประกาศอีกครั้ง


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ว่าทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ยืนยันการพบหารืออย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนก.พ. นี้ โดยจะมีการประกาศกำหนดการที่รวมถึงประเทศเจ้าภาพให้ทราบอีกครั้ง


แถลงการณ์ดังกล่าวของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังการพบหารือเป็นการภายในนานประมาณ 90 นาที ระหว่างทรัมป์กับนายคิม ยอง-ชอล รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคคนงานเกาหลี ซึ่งถือเป็น "มือขวา" ของนาย คิม จอง-อึน โดยการเยือนกรุงวอชิงตันของนายคิม ยอง-ชอล ถือเป็นการส่งสัญญาณตอบรับขั้นแรกจากกรุงเปียงยางว่าท่านผู้นำตกลงพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ "ภายในอีกไม่นานนี้" เนื่องจากหลังการเยือนกรุงวอชิงตันเป็นครั้งแรกของนายคิม ยอง-ชอล เมื่อปลายเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว มีการประกาศกำหนดการสิงคโปร์ซัมมิตภายในเวลาไม่นานหลังจากนั้น


ทั้งนี้ ก่อนเข้าพบผู้นำสหรัฐที่ทำเนียบขาว นายคิม ยอง-ชอล พบหารือกับนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนายสตีเฟน บีกัน ทูตพิเศษด้านกิจการเกาหลีเหนือของรัฐบาลวอชิงตัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศเป็นไปในทางเดียวกันในประเด็นที่ว่า สหรัฐจะยังคงมาตรการคว่ำบาตรรัฐาลเปียงยางไว้ต่อไป จนกว่ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ "จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์"


แม้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าประเทศใดจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดซัมมิตครั้งที่ 2 หลังสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ปีที่แล้ว แต่นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวเมื่อวันศุกร์ ว่ารัฐบาลฮานอยมีความพร้อมอย่างยิ่งในการต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐและเกาหลีเหนือ และได้มีการเตรียมงานเบื้องต้นในด้านโลจิสติกส์แล้ว ด้านหลายฝ่ายคาดการณ์กรุงฮานอย หรือเมืองดานังซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ( เอเปก ) เมื่อปี 2560.


Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/688585

 

Severe Weather Europe



พายุลูกเห็บในเยรูซาเล็มในวันที่ 16 ม. ค. - ขอบคุณ Tamer Qumhieh สำหรับรายงาน!


Hailstorm in Jerusalem on Jan 16th - thanks to Tamer Qumhieh for the report!

 

อีจัน

#ปิตุฆาต

ฆ่าพ่อ...เพราะโดนปลุกไปกินข้าว


"ฆ่าพ่อเพราะถูกพ่อบ่นด่าทุกวัน" นี่คือคำสารภาพ พร้อมรอยยิ้มเเสยะ ของ ลูกชายที่เพิ่งก่อเหตุ ใช้อีโต้ฟันหน้าพ่อเละ เสียชีวิตคาบ้าน

 

Setiawan


ทอร์นาโดใน Wajo, South Sulawesi 19 มกราคม 2562

 

Setiawan


อุณหภูมิที่ร้อนจัดยังคงมีอยู่ทั่ว NSW (นิวเซาท์เวลส์)ส่วนใหญ่โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐ สภาพความร้อนจะถูกสร้างขึ้นอีกครั้งผ่าน WA (รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย) ซึ่งมีการคาดการณ์ความรุนแรงอย่างรุนแรงเหนือเขตพยากรณ์ Pilbara และ Central West ในช่วงไม่กี่วัน เรตติ้งอันตรายจากไฟยังคงเพิ่มขึ้นผ่าน WA และ NSW


Photo: พระอาทิตย์ตกเหนือเมืองเพิร์ทโดย Kane Artie Photography 8 มกราคม 2019

 

Watchers


#สภาพอากาศ

19/01/19

13:00 แผนที่อากาศของ JMA ระบุการก่อตัวของพายุดีเปรสชันลูกใหม่ (รหัส 01W ของทาง WMO) ทางตะวันตกของเกาะปาเลา ทิศทางมุ่งไปขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์

Cr: paipibut

 

Sayan Rujiramora


ZeroHedge

Gold hits an all time high in 72 currencies

Bullionboy2020. Jan 15, 2019

ราคาทองคำแตะ all-time-high ใน 72 สกุลเงิน


ไม่ว่าเราจะวัดมาตรฐานของอะไรก็ตาม เรามักจะใช้ไม้วัด (yardstick) ที่เราคุ้นเคยอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งมันมักจะเป็นเพราะความมักง่าย ที่ทำให้เราถูกหลอกได้


ทองคำ..yardstick ที่เรายังไม่เคยใช้.....

มีความเชื่อที่ว่าทองคำไม่มีการ perform ที่ดีโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกแบบทุกวันนี้....


แต่ลองไปดูในประเทศที่ใช้เงินสกุลตามลิสต์เหล่านี้เอง ทองคำกำลังอยู่ในระดับราคาที่สูงสุดหรือไม่ก็เกือบแล้ว..แต่ที่ยังไม่อยู่ในลิสต์นี้คือ เงินปอนด์ ..ฟรังก์สวิส ..ยูโร หรือหยวน รวมทั้งอีกหลายสกุล (บาทไทยด้วย)


มีแต่ยูเอสดอลล่าร์เท่านั้นแหละ ที่ไม่เคยแพ้ทองคำเลย ......เมื่อเราวัดค่าของทองคำด้วยดอลล่าร์ เราก็จะเห็นแต่ภาพลวงตามาตลอด


การใช้ไม้วัดที่ผิดก็ทำให้เราเดินผิดทางในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของเรา ..ส่วนใหญ่เราจะวัดมูลค่าทรัพย์สินของตนด้วยสกุลเงินของเราเอง ซึ่งนั่นทำให้เรายินดีในทรัพย์สินที่ที่มีราคาที่เพิ่มขึ้น..บางคนก็ชื่นชมความเก่งของตนที่ทำกำไรในตลาดสินทรัพย์กระดาษ


แต่ไม่ว่าจะใช้สกุลไหนมาเป็นตัววัด....มันก็ไม่นิ่งหรอก มันกำลังหดตัว และบางครั้งมันหดตัวเร็วมาก ...นี่คือเรื่องธรรมดาของการด้อยค่าจากเงินเฟ้อ


รัฐบาลส่วนใหญ่รู้ดี จึงสร้างมาตรวัดเงินเฟ้อมาให้เราๆได้ใช้กันเช่น CPI (Consumer Price Index หรือดัชนีราคาผู้บริโภค) หรือ RPI (Retail Price Index) โดยให้ตัวเลขหลอกต่ำๆ ดูดี..มาบอกเรา


แต่ในสหรัฐเอง จากดัชนี Chapwood Index ...(ดัชนี Chapwood ...โดยการนำราคาสินค้า 500 รายการรวมเป็นตะกร้ามาใช้เป็นมอนิเตอร์..จาก 50 เมืองใหญ่ในสหรัฐ ...คำนวนจากปี 2002 ถึงปี 2014 ได้ผลเงินเฟ้อออกมาเฉลี่ยที่ 8% ..เขาใช้ตัวเลขจากค่าใช้จ่ายปกติของคนทั่วๆไป ..ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร ฯลฯ ...แต่จากค่าเงินเฟ้อของทางการที่ประกาศยกเมฆออกมา ประมาณ 1-3% ..ทำให้ เงินเฟ้อในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา น้อยกว่าความเป็นจริงถึง 22% เมื่อเทียบกับของ Chapwood Index...ผู้แปล). ดัชนีนี้สะท้อนว่าตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา มูลค่าทรัพย์สินของชาวอเมริกันหายไปถึงครึ่ง


นี่คือสิ่งที่ ปธน.โรนัลด์ รีแกน เรียกว่า "the thief in the night" เป็นสิ่งที่เตรียมการมานานแล้ว ...มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่คืนเดียว ..แต่เกิดต่อเนื่องมานานจนบางคนคิดว่าตัวเองรวยขึ้นจากราคาทรัพย์สินของตนที่สูงขึ้นเมื่อวัดด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ...แต่มันไปแสดงให้เห็นชัดในต้นทุนของผู้ใช้แรงงานอื่นๆ


แต่จากปี 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี มันสามารถ off-set กับเงินเฟ้อที่เกิดมาตั้งแต่ตอนนั้นได้.....นี่แสดงให้เห็นชัดว่าทองคำนี่แหละคือไม้วัด yardstick ที่เชื่อถือได้ของจริง .....หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทองคำเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกกันว่า purchasing power parity (PPP) ที่เป็นมานับพันปี ...นอกจากจะใช้เป็นตัววัดที่ดีแล้ว เรายังเป็นเจ้าของมันได้อีกด้วย


วิกฤติที่เกิดมาหลายครั้งแล้ว มักจะเริ่มต้นจากเงินเฟ้อที่แอบซ่อนจนเราแทบไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งค่าเงินอ่อนตัวลงกระทันหัน จากนั้นราคาทองคำก็จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวัดกับค่าของสกุลเงินท้องถิ่น ...ซึ่งเราหลายคนก็จะรู้สึกเหมือนขึ้นรถไม่ทัน..มันออกจากสถานีไปแล้ว


คนฉลาดบางคนที่รู้เรื่องค่าเงินดี ก็มักจะคิดว่า "ซื้อทองคำเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อต้องการ" แต่มักจะรู้เมื่อสายแล้ว ....ลองถามประชาชนใน 72 ประเทศตามรายชื่อนี้ดูก็พอจะรู้ได้


....ถ้าบ้านไฟไหม้อยู่ โบรคเกอร์ขายประกันคงไม่ยอมขายประกันอัคคีภัยให้คุณหรอก อย่าเสียเวลาถาม...


Ross Norman

Sharps Pixley, London


Biography

Ross is an entrepreneur in the precious metals markets and is the CEO of Sharps Pixley Ltd, London Bullion Brokers - a company with a long history in precious metals whose name goes back to 1778. Ross started his bullion career at Johnson Matthey, before becoming a bullion trader at NM Rothschild & Sons and later as a senior dealer at Credit Suisse.

Ross is the CEO of Sharps Pixley in London and the Group is said to be the largest retailer of physical bullion in Europe.

Ross has consistently been the leading gold price forecaster over the last 20 years amongst London Bullion Market Association members and he is frequently quoted in the media on his views on the precious metals markets.

 

Sayan Rujiramora


Beware the Useful Idiots

Submitted by Garret Geer


Saul Alinsky เป็นนักเขียนและนักจัดการชุมชนแนว Radical ..เขียนหนังสือชื่อ "Rules for Radicals" ซึ่งบอกถึงกฏ 8 ข้อ ในการสร้างสังคมแบบที่นักปกครองอเมริกันต้องการ ...ฮิลารี่ คลินตันเคยใช้ข้อมูลของเขาในการทำวิทยานิพนธ์ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ โอบาม่าก็เคยอ้างถึงในหนังสือของเขา

Saul Alinsky เสียชีวิตเมื่อปี 1972


ในการสร้างสังคมในแบบของ Saul Alinsky จำเป็นต้องควบคุมกฏ 8 ข้อเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งในสหรัฐขณะนี้ก็เกือบครบแล้ว


1- Healthcare ควบคุมระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติให้ได้ แล้วจะควบคุมประชาชนได้อย่างง่ายดายทั้งหมด


2- Poverty เพิ่มระดับความยากจนในหมู่ประชาชนให้อยู่ในระดับที่มากที่สุด คนยากจนจะง่ายต่อการปกครอง และจะไม่คิดต่อต้านตราบใดที่ยังได้รับความช่วยเหลือให้อยู่รอดได้


3- Debt สร้างหนี้ให้ประชาชนจนถึงระดับที่ความเป็นอยู่ขาดเสถียรภาพ อาจทำได้โดยการเพิ่มภาระภาษีซึ่งจะเพิ่มความยากจนขึ้นอีก


4- Gun Control ทำให้ประชาชนหมดหนทางต่อสู้กับฝ่ายรัฐ โดยการหาทางยึดอาวุธจากประชาชน จนสามารถสร้างเป็นรัฐตำรวจได้


5- Welfare สร้างสวัสดิการในทุกด้านในการดำรงชีวิต (อาหาร..บ้าน..รายได้) จนทุกคนอยู่ในอาการเสพติดและต้องขึ้นอยู่กับสวัสดิการ


6- Education ควบคุมทุกสิ่งที่ประชาชนเขียนหรืออ่าน ควบคุมการเรียนของเด็กที่โรงเรียน


7- Religion การศาสนา ปลูกฝังให้เลิกเชื่อในพระเจ้า


8- Class Warfare แบ่งแยกคนออกเป็นกลุ่มให้มีความแตกแยกจากกัน ระหว่างคนรวยกับคนจน เพื่อสร้างความไม่พอใจกันและกัน


..ทั้งหมดนี้มีกี่ข้อแล้วที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริกา ...Alinsky เพียงแค่อธิบายแนวคิดคอมมิวนิสม์ของเลนินให้ง่ายขึ้น สตาลินเรียกคนเหล่านี้ว่า "โง่แล้วขยัน"


พวกที่มีแนวคิดแบบนี้ได้เคยทำลายชาติที่พวกเขาเคยมีอำนาจปกครองมาแล้วในอดีต และมันกำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐ....(ไทยแลนด์ตามไปติดๆ)

 

ข่าวช่อง 8


ออสเตรเลียร้อนจัดทะลุ50องศาฯ -ถนนละลาย


คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุม ประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้อุณหภูมิสูงระอุต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 5 โดยเฉพาะภาคตะวันออกของประเทศ ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี บางพื้นที่อุณหภูมิพุ่งแตะ 50 องศาเซลเซียส นอกจากการดื่มน้ำให้พอเพียงพอทางการยังประกาศเตือนประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้ยวดยาน เพราะพื้นถนนหลายเส้นหลอมละลาย ความร้อนและความแห้งแล้งยังทำให้เกิดไฟป่ามากกว่า60จุด สัตว์ป่าจำนวนมากขาดน้ำล้มตาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะทุเลาลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ #ข่าวต่างประเทศช่อง8 #ข่าวช่อง8 #ออสเตรเลีย

 

Candy Bella


ร้านขายเหล้ายุคแรกๆในเมืองไทย เป็นร้านขายเหล้าฝรั่งโดยเฉพาะ จะเห็นว่ามีเฉพาะเหล้าประเภทต่างๆ และบุหรี่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นสินค้าคู่กัน (ภาพจาก “สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ”)

 

นอร์เวย์ นี่มันปรากฏการณ์ อะไร