ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias



    ว้าว ดูที่ทะเล waterspout ใต้น้ำ



    Kike90...
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias



    สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหิมะละลายบนหลังคาเกิดขึ้นเมื่อวานในตุรกี

    11.01.2019


    Kike90...
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias



    นี่คืออลาสก้าว้าว


    Kike90...
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    127E32A8-DA98-4C8D-8F4D-7CB3DF9CBAB3.jpeg

    โต๊ะจีน 18: ทำไมจีนต้องอยากได้ไต้หวันขนาดนั้น?

    Jan 12, 2019

    Last update Jan 12, 2019 16:21


    ในท่ามกลางกระแสเมอรี่คริสต์มาส สวัสดีปีใหม่ แฮปปี้ฮอลิเดย์ของปีนี้ ชาวโลกได้ของขวัญพิเศษจากประชาชาติจีนด้วยการประกาศกร้าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงว่าไต้หวันต้องเป็นส่วนหนึ่งของจีน และถ้าเจรจากันอย่างศิวิไลซ์ไม่รู้เรื่องก็มีความเป็นไปได้ว่าจีนจะใช้กำลังทหารและยุทโธปกรณ์ร้ายแรงเพื่อบังคับให้ไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน

    ประกาศออกไปยังไม่ทันจะขาดคำประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวันก็ออกมาบอกว่า ไต้หวันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีน ไต้หวันไม่ยอมรับอำนาจของจีน ประเดี๋ยวประด๋าวก็มีชาวพื้นเมืองเกาะฟอร์โมซาแต่งชุดประจำชาติเต็มยศมายืนแถลงข่าวบอกกล่าวกับชาวโลกอีกว่าเกาะฟอร์โมซานี้ไม่เคยเป็นของจีนนะจ๊ะ ตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย?

    เกาะฟอร์โมซาที่เราส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “ไต้หวัน” นั้นจริงๆ แล้วแต่ก่อนแต่ไรมาก็ไม่ได้รับความสนใจใส่ใจจะยึดครองจากอำนาจบนผืนแผ่นดินใหญ่อะไรมากนักหรอก ยุคราชวงศ์นั้นโดยมากก็มองว่าเป็นแค่เกาะที่หยุดพักเรือของชาวประมงและเรือสินค้าต่างๆ


    ช่วงศตวรรษที่ 17-18 ก็มีชาวตะวันตกทั้งโปรตุเกสและดัตช์ไปตั้งสถานีการค้าอยู่บ้าง ปลายศตวรรษที่ 17 หลังจากที่ราชวงศ์หมิงล่มสลายไปแล้วก็มีกลุ่มชาวจีนฮั่นที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์เดิมพากันลี้ภัยไปตั้งฐานที่มั่นต่อสู้กับพวกแมนจูที่มาตั้งราชวงศ์ชิง (ราชวงศ์สุดท้ายของจีน) อยู่นานหลายสิบปีเหมือนกัน

    จนประมาณกลางศตวรรษที่ 18 นั่นแหละรัฐบาลบนผืนแผ่นดินใหญ่ของพวกแมนจูจึงสามารถปราบปรามกลุ่มกบฏบนเกาะฟอร์โมซาได้อยู่หมัด แม้กระนั้นก็ยังไม่ได้สนใจไปจับจองเป็นเจ้าของเกาะฟอร์โมซาอย่างเร่งด่วนอะไร กว่าจะมีการจัดการที่ดินออกโฉนดและส่งข้าราชการจากแผ่นดินใหญ่ไปปกครองอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ก็ปาเข้าไปต้นศตวรรษที่ 19 แล้ว และปกครองอยู่ไม่กี่สิบปีจีนก็แพ้สงครามจีนญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 1895 ก็ต้องเกาะฟอร์โมซาให้เป็นอาณานิคมญี่ปุ่นไปอีกห้าสิบปี กว่าจะได้โอนคืนกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลบนผืนแผ่นดินใหญ่อีกทีก็คือสิ้นสุดสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมรภูมิเอเชียนั่นเอง


    ดังนั้นตามหลักแล้วเกาะฟอร์โมซาหรือไต้หวันนั้นคุ้นชินกับการเป็นอาณานิคมเสียเป็นส่วนใหญ่เริ่มจากเป็นอาณานิคมโปรตุเกสกับดัตช์ แล้วก็มาเป็นอาณานิคมของราชวงศ์ชิง แล้วก็มาเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น

    พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรัฐบาลจีนคณะชาติของจอมพลเจียง ไคเช็กมายึดครองก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นรัฐบาลเจ้าอาณานิคมอีกเจ้าหนึ่งอยู่ดี เพราะชาวไต้หวันถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่มายาวนานถึงครึ่งศตวรรษเมื่อถูกญี่ปุ่นปกครอง ทั้งเครือข่ายการค้า เศรษฐกิจ ภาษา วัฒนธรรมตลอดจนระบบการศึกษาก็ใช้แบบญี่ปุ่นหมด ไม่ได้มีประวัติศาสตร์อะไรร่วมกับแผ่นดินใหญ่สักกี่มากน้อย ระหว่างสงครามก็ไม่ได้ถูกถล่มย่อยยับไม่มีชิ้นดีเหมือนกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ พอพ้นยุคสงครามมาก็ไม่ได้มีความรังเกียจญี่ปุ่นหรือรักชาติจีนอะไรมากขนาดที่จะทำให้มีความรู้สึกร่วมกับเพื่อนร่วมชาติชาวจีนได้สักกี่มากน้อย แต่กลับต้องกลายมาเป็นฐานที่มั่นสำคัญของรัฐบาลจีนคณะชาติเมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์มีชัยชนะบนผืนแผ่นดินใหญ่และสามารถสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมาได้เมื่อปี 1949 จนเป็นเหตุให้รัฐบาลจีนทั้งสองจีน (สาธารณรัฐจีนบนเกาะฟอร์โมซา และสาธารณรัฐประชาชนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่) ต้องแยกจากกันมาจวบจนทุกวันนี้นั่นเอง


    ทีนี้กลับมาที่คำถามตั้งต้นของเรา ถ้าเผื่อว่าไม่ได้มีประวัติศาสตร์ผูกพันอะไรกันมากมายปานนั้น รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนทำไมจะต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้ความปกครองของจีนมากมายหนักหนา ถึงขั้นขู่ทำสงครามทุกบ่อยทุกบ่อยอย่างนี้?


    อันนี้ต้องย้อนกลับไปนู้นนนนเลยค่ะ ฐานรากของอุดมการณ์ชาตินิยมจีนคือสิ่งที่เรียกว่า ศตวรรษแห่งความอัปยศ ซึ่งหมายถึงระยะเวลาระหว่างการพ่ายแพ้สงครามฝิ่นครั้งที่ 1 (อันเป็นเหตุให้ต้องเสียฮ่องกงให้อังกฤษนั่นแหละ) ในปี 1840 กว่าๆ ไปจนถึงการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ในปลายทศวรรษ 1940 ที่ประธานเหมาออกมาประกาศว่าประชาชาติจีนได้ลุกยืนขึ้นแล้ว ซึ่งหมายถึงการลุกยืนขึ้นจากศตวรรษแห่งความอัปยศ เพราะในช่วงประมาณร้อยปีดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่จีนถูกมองว่าเป็นประเทศล้าหลังด้อยพัฒนาในทุกๆ ด้าน ถูกจักรวรรดินิยมทั้งชาติตะวันตกและญี่ปุ่นรุกราน เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงสารพัด และการเมือง เศรษฐกิจ สังคมภายในประเทศก็สับสนวุ่นวายแตกแยกกันเองเป็นหลายฝ่ายไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่จีนอ่อนแอและน่าอับอายเป็นที่สุด

    ช่วงเวลาแย่ๆ นั้นก็จบลงด้วยการที่คนจีนสามารถสร้างชาติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ประชาชาติจีนที่ยืนขึ้นตามคำของประธานเหมานั้นก็ไม่ได้ลุกยืนขึ้นพรวดเดียวทั้งหมดนะคะ กระบวนการในการยืนขึ้นและลบล้างความอัปยศแห่งความเป็นจีนนั้นยาวนานมาก หลังจากสถาปนาประเทศแล้วก็ต้องฟืนฟูเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมที่ล่มสลายจากสภาวะสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานมาหลายสิบปีก่อนหน้านั้น ต้องสถาปนาโครงสร้างทางการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และก็ต้องล้มลุกคุกคลานผ่านกระบวนการทางสังคมและการเมืองต่างๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์มาพอสมควรตลอดยุคศตวรรษที่ 20 กว่าจะเข้มแข็งพอที่จะเรียกร้องอาณานิคมคืนจากชาติตะวันตกทั้งฮ่องกงคืนจากอังกฤษและมาเก๊าคืนจากโปรตุเกสก็ต้องรอจนปลายสุดเกือบจะสิ้นศตวรรษที่ 20 แล้ว

    สิ่งสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่เป็นมรดกของศตวรรษแห่งความอัปยศนั้นก็คือสาธารณรัฐจีนบนเกาะฟอร์โมซาหรือที่เราคุ้นชินกันในนามของ ไต้หวัน นั่นแหละค่ะ เพราะเกาะนี้คือสิ่งที่ญี่ปุ่นเอาไปเมื่อจีนแพ้สงครามตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 และแม้เมื่อจีนสามารถยืนหยัดต่อมาจนเอาชนะญี่ปุ่นได้ในสงครามมหาเอเชียบูรพาแล้วเกาะฟอร์โมซาก็ยังคงอยู่เป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของจีนอีก ไต้หวันเป็นฐานที่มั่นของพวกจีนคณะชาติที่เอาตัวรอดจากการกวาดล้างของคอมมิวนิสต์บนแผ่นดินใหญ่มาได้แล้วก็ยังอยู่เป็นเสี้ยนหนามแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของจีนจากมุมมองพรรคคอมมิวนิสต์มาจนถึงทุกวันนี้

    การจะเอาไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลบนผืนแผ่นดินใหญ่จึงเป็นเสมือนภารกิจศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีนทุกยุคสมัยต้องพยายามดำเนินต่อไปให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ในที่สุด ไม่ว่าจะต้องสู้ไปอีกยาวนานเท่าไรก็ตาม

    ตราบที่ไต้หวันยังไม่ตกอยู่ในอาณัติของรัฐบาลปักกิ่งก็เสมือนว่าศตวรรษแห่งความอัปยศนั้นยังไม่สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์


    ส่วนชาวไต้หวันที่อยู่แยกกันมาจากแผ่นดินใหญ่ยาวนานหลายชั่วอายุคน หรือแม้แต่ชาวพื้นเมืองของเกาะฟอร์โมซาซึ่งไม่เคยอยู่ใต้อาณัติของจีนเลยนั้น ก็ต้องนับว่าเป็นความซวยของพวกเขาโดยแท้ที่คงจะเจรจากับรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนให้รู้เรื่องได้ยาก เพราะการใช้เหตุผลของรัฐบาลปักกิ่งก็จะป่วงๆ พอๆ กับกรณีเรียกร้องสิทธิครอบครองทะเลจีนใต้ทั้งทะเลนั่นแหละ อย่างที่เคยเขียนไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ตอนนู้นนนนน... ว่าเมืองในทะเลจีนใต้ก็เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจมาโดยตลอด ในศตวรรษที่ 21 นั้นสาธารณรัฐประชาชนจีนย่อมมีความชอบธรรมยิ่งกว่ามหาอำนาจอื่นใดในโลก (ซึ่งไม่มีอาเซียนอยู่ในจำนวนนั้น) ที่จะครอบครองทะเลจีนใต้ ฉันใดก็ฉันนั้น... ในเมืองเกาะฟอร์โมซาก็เป็นอาณานิคมมาเกือบตลอดระยะเวลาสามสี่ร้อยปีที่ผ่านมา ณ ศตวรรษปัจจุบันนี้ก็ไม่มีมหาอำนาจอื่นในในโลกที่จะมีความชอบธรรมในการครอบครองไต้หวันมากไปกว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้


    https://voicetv.co.th/read/6_4ritdob
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2019
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora


    TIMES A-CHANGIN’

    January 11, 2019

    by Egon von Greyerz


    RISK GREATER THAN ANY TIME IN HISTORY


    เรารู้กันอยู่แล้วว่า ความเสี่ยงในทุกๆตลาดในระบบการเงินของโลกขณะนี้สูงกว่าทุกๆยุคในประวัติศาสตร์ เพราะขนาดของหนี้ทั่วโลกเท่ากับ $250 ล้านล้าน บวกกับหนี้ unfunded liabilities (หนี้ที่ไม่มีหลักประกัน) อีก $1,750 ล้านล้าน สิริรวมแล้วก็เท่ากับ $2 พันล้านล้าน


    เมื่อหนี้เหล่านี้เริ่มมีการประกาศชักดาบ ..จำนวนเงินที่ธนาคารกลางทั้งหลายกำลังเพิ่มเข้าระบบอยู่จะท่วมรวมกับเงินที่ทำ QE มาทั้งหมดในอดีต ....ความแตกต่างของสถานการณ์ตอนนี้กับเมื่อปี 2007-9 คือ เพิ่มเงินในระบบตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไรได้แล้ว ...ขนาดของปัญหาและจำนวนเงินเวลานี้เหมือนกับของประเทศที่กำลังจะเกิดเงินเฟ้อรุนแรงแบบ hyperinflation ...แต่ครั้งนี้ทั้งเงินดอลล่าร์และเงินเกือบทุกสกุลจะหมดค่ากันเห็นๆ


    THE GREATEST DEPRESSION EVER?


    แต่ในโลกการลงทุนเกือบทั่วโลก..ยังไม่แม้แต่จะเริ่มเข้าใจว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหนกันนะ เพราะการพังของตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ และตลาดการเงินอื่นๆ มันจะเป็น super bear ในเศรษฐกิจโลก ...เมื่อตลาดหุ้นตกไปถึง 75-95% และลูกหนี้เริ่มจะชักดาบ ....ตอนนั้นแหละที่จะเห็น greatest depression ไปทั่ว


    ตอนที่ตลาดการเงินเกิด collapse มันจะส่งผลกระทบถึงสังคมทุกระดับ ..เริ่มจากมันจะเกิดการว่างงานก่อนในทุกระดับชั้น ตอนนี้แทบทุกประเทศก็ยกเมฆตัวเลขการว่างงานหลอกๆกันอยู่แล้ว ในสหรัฐเองอัตราว่างงานจริงๆคือ ประมาณ 22% ..แต่มีการรายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจิ้บๆแค่ 3.9%


    คนวัยแรงงานอเมริกันถึง 96 ล้านคนไม่ได้อยู่ในตลาดแรงงาน แต่พวกนี้ไม่ถูกนำมานับรวมในตัวเลขที่รายงาน ...ในยุค Great Depression เมื่อช่วง 1930s มันอยู่ที่ 25% ...แต่ครั้งนี้ดูแล้วคงจะต้องมากกว่านั้น ...แล้วมันจะเกิดในทุกประเทศอุตสาหกรรม


    ONE PAY CHECK FROM MISERY


    ชาวโลกตะวันตกเกือบทั้งหมดมีชีวิตอยู่แบบเดือนชนเดือน (paycheck to paycheck) ส่วนใหญ่จะมีหนี้บัตรเครดิต หนี้จำนอง หนี้กยศ. และผ่อนรถยนตร์ ซึ่งถ้าเช็คเงินเดือนเริ่มจะชะงักล่ะก็ หนี้ทั้งหมดก็จะถูกชักดาบ ...เมื่อปี 1980 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีหนี้ประมาณ 2 เท่าของเงินเดือน ปัจจุบันเป็น 5 เท่า ...50% ของเด็กอเมริกันทุกวันนี้อยู่กับครอบครัวที่ต้องรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง


    แนวทางสังคมนิยมเริ่มเข้ามาดูแลสวัสดิการของผู้ที่ชักหน้าไม่ถึงหลังทั้งหลายแล้ว ในยุโรปสังคมนิยมแพร่ไปหลายประเทศมาหลายสิบปีแล้ว มาบัดนี้สหรัฐก็กลายมาเป็นประเทศสังคมนิยมบ้างแล้ว ...สังคมนิยมดูจะเป็นระบบการเมืองที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะสร้างความมั่งคั่งให้ได้ ..ปัญหาเดียวของมันก็คือ มันจะได้ผลดีตราบเท่าที่เงินของคนอื่นยังมีให้ใช้อยู่


    เมื่อหนี้ของรัฐบาลและอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาพร้อมๆกัน ก็ต้องเพิ่มการพิมพ์เงินเข้าไปอีกเพื่อช่วยบางส่วนที่ชักดาบไปแล้ว เช่นแบ้งค์ที่เจ๊ง ..สัญญาอนุพันธ์ส่วนที่มันล่ม ..หรือแม้แต่รายจ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลารวมถึงประกันสังคม ..กองทุนบำนาญที่เจ๊งไปแล้ว ..หรือรายรับภาษีที่เก็บได้น้อยลง ฯลฯ


    รูรั่วมันมากจนตามอุดกันไม่ไหว


    GLOBAL RESET WOULD FAIL


    เมื่อเกิด hyperinflation แล้ว จำนวนเงินมากมายในระบบนี่แหละที่จะไปทำให้เงินเกือบทุกสกุลในโลกหมดค่าลง ..เดาได้เลยว่ารัฐบาลทั้งหลายก็จะพยายามสร้างเงินคริปโตที่เป็นเงินอิเล็คโทรนิค แต่มันก็เป็นแค่อีกรูปแบบหนึ่งของเงิน fake แค่นั้นเอง แล้วมันก็ไปไม่รอด ..ผมไม่คิดว่าจะมีการรีเซ็ทเกิดขึ้นได้ง่ายๆหรอก มหาอำนาจยักษ์ใหญ่คงไม่เอาด้วย จีนรัสเซียคงทำไปของตนแบบหนึ่ง สหรัฐอเมริกาก็ไปอีกแบบ ...อียูและเงินยูโรนั่นแหละที่จะต้องมึยงงอย่างแรงในตอนนั้น ธนาคารในอิตาลี กรีก สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมัน ..จะต้องลากกันเจ๊งไปทั้งหมด...


    DON’T TRUST THE FINANCIAL SYSTEM


    เงินที่มีอยู่ในแบ้งค์ไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ก็ไม่รอดที่จะต้องสูญสลายจากการล้มละลาย ..หรือไม่ก็ถูกเอาไป bail-in ..หรือไม่ค่าของเงินก็เสื่อมจนเกือบไม่เหลือมูลค่าเดิม ....ทรัพย์สินกระดาษอื่นๆในแบ้งค์ก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน


    คนทั่วไปส่วนมากมักจะฉลาดหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ความเสี่ยงมันมีมาก และการป้องกันความเสี่ยงต้องทำก่อนเกิดเหตุ ...นั่นคือตอนนี้


    ต้องจำไว้เลยว่าตอนนี้คือ "ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง" ..มันจะมีอีเว้นท์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นมาได้อย่างคาดไม่ถึง (out of the blue) แล้วคุณพร้อมหรือเปล่ากับเรื่องอย่างนั้น บางเรื่องก็จะเดาเส้นทางของมันไม่ถูกเอาเลย ..บางทีก็จะมี panic moments เกิดขึ้น บางทีก็สงบมากๆ ...แต่เทรนด์ก็ดูจะสงบนิ่งซึ่งหมายถึงว่า พายุใหญ่แห่งโลกเศรษฐกิจการเงินกำลังรออยู่เงียบๆ ที่อาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ...ไม่มีใครรู้


    Egon von Greyerz

    Founder and Managing Partner

    Matterhorn Asset Management

    Zurich, Switzerland

    *******************************


    TIMES A-CHANGIN’ – BUT GOLD PERMANENT

    January 11, 2019

    by Egon von Greyerz


    RISK GREATER THAN ANY TIME IN HISTORY

    What we do know is that risk in asset markets and in the financial system is now greater than any time in history due to the size of global debt of $250 trillion, plus unfunded liabilities and derivatives of another $1.75 quadrillion giving a total risk of over $2 quadrillion. Once this risk starts to manifest itself in defaults, the money printing undertaken by central banks will dwarf any QE programme of the past. The big difference between today and 2007-9 is that next time the fake money created will have no effect. The magnitude of the problem and the money creation will have the same consequences as in any hyperinflationary economy. It will totally debase the dollar and other currencies until they are all worthless.


    THE GREATEST DEPRESSION EVER?

    So now is the time to “start swimmin” as the greatest wealth destruction in history is beginning. But most of the investment world hasn’t even begun to understand how serious it will become. Because the coming implosion of stocks, bonds, property and virtually all other asset markets is just one aspect of the coming super bear in the world economy. Still, it will be enough to create the greatest depression ever as stocks decline by 75-95% and debtors default.


    The coming collapse of financial markets will have a major impact on all aspects of society. Firstly there will be mass unemployment. Most countries massage the employment figures. US real unemployment is around 22%. The 3.9% unemployment reported last week is pure fiction. There are 96 million Americans capable of working who are not in the workforce. But they are conveniently excluded from the fake statistics. The real figure in the coming depression is likely to be well above the 25% that the US experienced during the 1930s. The same will happen in all industrialised countries.


    ONE PAY CHECK FROM MISERY

    Most people in the West live from pay check to pay check. With credit card, mortgage, student and car debt to finance, they would quickly default once their pay check stops coming in. In 1980 the average American had a debt which was 2x his monthly wage. Today it is 5x. Over 50% of US children live in a home that receives help from the Federal government.


    Until now socialism has taken care of virtually everyone who couldn’t make ends meet. In Europe we have had socialism in most countries for decades. Gradually the US has now also become a socialist country. And socialism has appeared to be the perfect political system for creating eternal wealth and buying votes. The only problem is that socialism only works until you run out of other people’s money.


    As government debt and interest rates rise together, more and more money needs to be printed to finance defaults, failing banks, derivatives exploding, rapidly rising government expenditure including social security payments, imploding pension funds, collapsing tax revenues etc.The list of holes to plug will be endless.


    GLOBAL RESET WOULD FAIL

    As hyperinflation takes hold and money printing makes most currencies worthless, governments will attempt to create crypto based electronic money but this will just be another form of fake money and won’t succeed. I don’t think there will be a global orderly reset because major powers will not agree. China and Russia will do their own thing and so will the US. The EU will probably be in a total mess at that time as will the Euro. Banks in Italy, Greece, Spain, France, UK and Germany etc will all fail.


    DON’T TRUST THE FINANCIAL SYSTEM

    Any money in the bank anywhere in the world will either be lost through insolvency, bail-ins, or total debasement of the currency. Many of the other assets held in a bank could face a similar fate.

    Cassandras are never liked, neither before the event they predict nor after it has happened. I have often stated that I hope that my forecasts are wrong because if they come true it will be devastating for the world. Most people will only be wise after the event. What is clear is that the risks are massive and wealth protection means taking steps before the event and that time is now.


    The most important asset human beings have been gifted with is their brain and their genes, including their health. Anything material we can lose, however well we protect it. But survival depends mostly on how you use your brain, as long as you are healthy of course. Even the best plans can go wrong. Remember “The times they are a-changing” and unforeseen events will happen out of the blue. Thus we must be prepared for the unexpected and react as necessary. It will not be a static and easily predictable course of events. There will be panic moments and there will be seemingly quiet times. But the trend will be very clear which means strongly down of the world economy and financial markets. It might take ten years or longer. Nobody knows. What is important is to surround yourself with a supportive group of friends, family as well as other people who will be useful like trusted financial experts, doctors, farmers, tradesmen etc. And remember that: THIS TOO SHALL PASS


    Egon von Greyerz

    Founder and Managing Partner

    Matterhorn Asset Management

    Zurich, Switzerland

    Phone: +41 44 213 62 45


    Matterhorn Asset Management’s global client base strategically stores an important part of their wealth in Switzerland in physical gold and silver outside the banking system. Matterhorn Asset Management is pleased to deliver a unique and exceptional service to our highly esteemed wealth preservation clientele in over 60 countries.


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บีบีซีไทย - BBC Thai


    คนกลุ่มนี้อาจยังไม่ทราบว่า ระบบจีพีเอสและการนำร่องเดินเรือสมัยใหม่ ถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานความรู้ที่ว่า “โลกกลม”


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7530.JPG
    (Jan 12) หวั่นไอเดีย'ทรัมป์' ครอบงำธนาคารโลก : การประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารโลกอย่างกะทันหันของ "จิม ยอง คิม" อาจปลุกกระแสกังวลที่มีมายาวนานเกี่ยวกับระดับอิทธิพลที่สหรัฐใช้ในการเลือกประธานคนใหม่สำหรับสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งนี้

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สหรัฐซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เป็นฝ่ายเลือกประธานธนาคารโลกอยู่เสมอ และหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้งบุคคลที่มีความคิดเห็นเหมือนกับเขา อาจทำให้ ชื่อเสียงของธนาคารโลกและโครงการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตกอยู่ ในความเสี่ยง

    คิมซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศลาออก จากตำแหน่งในสัปดาห์นี้ มีผลวันที่ 1 ก.พ. หรือก่อนครบวาระดำรงตำแหน่งในปี 2565 ถึงกว่า 3 ปี และบอกว่า หลังลาออก เขาจะไปร่วมงานกับกองทุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภาคเอกชน

    แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นความต้องการของคิมเอง ไม่ใช่เพราะถูกกดดันจากรัฐบาลสหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่า คิมซึ่งมีสัญชาติเกาหลี-อเมริกัน ลาออกเนื่องจากมีจุดยืนแตกต่างกับรัฐบาลของทรัมป์เกี่ยวกับ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

    "เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าคิมไม่ได้ยินข้อความจากรัฐบาลสหรัฐแม้แต่น้อย" ปีเตอร์ แมคคอว์ลีย์ อดีตประธานสถาบันธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบีไอ) ระบุในรายงานที่ตีพิมพ์โดยสถาบันโลวีของออสเตรเลียเมื่อเร็วๆ นี้ และเสริมว่า ตำแหน่งประธานธนาคารโลกมักมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังสหรัฐ

    อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ สหรัฐซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของธนาคารโลก และบรรดาชาติยุโรป มีข้อตกลงที่เปิดทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายแยกกันเลือกผู้นำของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะที่บรรดานักวิจารณ์ได้เตือนเกี่ยวกับข้อตกลงนี้มาโดยตลอด

    "นับตั้งแต่ก่อตั้งไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ธนาคารโลกอยู่ใต้การบริหารของชาวอเมริกันและไอเอ็มเอฟบริหารโดยชาวยุโรปมาตลอด" มาร์ค โซเบิล ประธานสหรัฐของการประชุมทางการเงินและสถาบันการเงิน ซึ่งเป็น กลุ่มคลังสมองอิสระ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (7 ม.ค.) และว่า "ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว"

    มิเรียม เบรตต์ ผู้จัดการฝ่ายโครงการการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของ บริษัทเบรตตัน วูดส์ โปรเจค องค์กรนอกภาครัฐในสหราชอาณาจักรซึ่งสนับสนุนให้มีการปฏิรูปในธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นกัน

    "ข้อตกลงลูกผู้ชายเกี่ยวกับการเลือกผู้นำไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ระบุว่า ประธานธนาคารโลกควรเป็นชาวอเมริกัน" เบรตต์ทวีต และว่า "แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะแทนที่ข้อตกลงนั้นด้วยการเลือกแบบประชาธิปไตย"

    บรรดานักวิเคราะห์มองว่า บรรดา ตัวเต็งที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานธนาคารโลก รวมไปถึงรากูราม ราจัน อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย, ศรี มุลยานี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย, เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังไนจีเรีย และโฮเซ อันโตนิโอ โอคัมโป ศาสตราจารย์ชาวโคลอมเบีย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และ การเมือง

    "หากธนาคารโลกได้ประธานที่ไม่ใช่ทั้งชาวอเมริกันหรือยุโรป จะช่วยเพิ่มชื่อเสียงขององค์กรนี้ไปทั่วโลก และเป็นการแหวกแนวปฏิบัติที่มีความภูมิภาคนิยม" โซเบิล ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังสหรัฐและอดีตผู้แทนสหรัฐในไอเอ็มเอฟ ระบุ

    โซเบิล เสริมว่า การปล่อยสินเชื่อที่มีความซับซ้อนของจีนกำลังท้าทายการเงินพหุภาคีและบั่นทอนความยั่งยืนทางการคลังในหลายประเทศ และเป็นเรื่องจำเป็นที่ธนาคารโลกต้องเป็นทางเลือกที่เชื่อถือได้นอกเหนือจากรัฐบาลปักกิ่งในเรื่องนี้

    "หากประธานธนาคารโลกคนใหม่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ พยายามที่จะใช้วาระอนุรักษนิยมแบบเข้มข้นขับเคลื่อนธนาคารโลก สถาบันแห่งนี้ก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในไม่ช้า" แมคคอว์ลีย์ระบุ และว่า "บทบาทของธนาคารโลกในการให้เงินช่วยเหลือประเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของตน ลดน้อยลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศจำนวนมากขึ้นหันไปพึ่งตลาดทุนเอกชนแทน"

    ด้านโซเบิล กล่าวว่าหากทำเนียบขาว เดินหน้าเสนอชื่อบุคคลที่มีกระแสคัดค้าน ก็อาจจุดชนวนขัดแย้งระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับประชาคมโลกได้ "ประเด็นนี้อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกคัดค้านและความไม่ลงรอยกัน อย่างรุนแรง รัฐบาลวอชิงตันตระหนักดีว่า ประเทศอื่นๆ กังขาความพยายามของสหรัฐในการรักษาตำแหน่งประธานธนาคารโลก"

    จุดยืนของธนาคารโลกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจมี การเปลี่ยนแปลง หลังจากสหรัฐถอนตัวจาก ข้อตกลงปารีสแล้ว ทรัมป์ได้ประกาศชัดเจนว่า ไม่เห็นว่าปัญหาโลกร้อนเป็นประเด็นสำคัญ และเคยกล่าวด้วยว่า ปัญหานี้เป็น "เรื่องลวงโลก" ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนธ.ค. 2558

    "การแต่งตั้งบุคคลใดก็ตามที่สนับสนุนแนวคิดของทรัมป์เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน จะกลายเป็นหายนะสำหรับธนาคารโลก" จูเลียน วินเซนต์ กรรมการบริหารบริษัทมาร์เก็ต ฟอร์เซสของออสเตรเลียซึ่งทำงานสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม ระบุ

    นอกจากนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่บุคคลที่ทรัมป์แต่งตั้งอาจมีผลสะเทือนไปถึงปักกิ่ง

    กระทรวงการคลังสหรัฐมักวิจารณ์ธนาคารโลกว่าปล่อยให้จีนกู้ยืมเงินหลายพันล้านต่อปี แม้ว่าจีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกและเป็น ผู้สนับสนุนเงินทุนเศรษฐกิจเกิดใหม่ หลายแห่ง และด้วยอิทธิพลของทรัมป์ ประธานธนาคารโลกคนใหม่อาจลดการปล่อยกู้ เป็นจำนวนมหาศาลแก่ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้

    หากปธ.ธนาคารโลกคนใหม่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ พยายามที่จะใช้วาระอนุรักษนิยมขับเคลื่อนธนาคารโลก สถาบันแห่งนี้ก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในไม่ช้า


    Source: กรุงเทพธุรกิจ


    เพิ่มเติม

    - ลือหึ่ง! 'อิวองกา ทรัมป์' ติดโผรายชื่อตัวเก็ง 'ประธานเวิลด์แบงก์' คนใหม่: https://mgronline.com/around/detail/9620000004093


    - United States must preserve the presidency of the World Bank: https://thehill.com/opinion/finance...ust-preserve-the-presidency-of-the-world-bank
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เหมืองถล่มในจีน ตาย 19
    หมวดข่าว:ต่างประเทศ วันที่ 13 ม.ค. 62 เวลา 10:32:50 น.
    news85384_855.jpg
    relate239294.jpg relate239295.jpg
    เกิดเหตุเหมืองลีเจียงโก่วถล่มที่เมืองเซิ่นหมู่ ในมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเมื่อเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้คนงานเหมืองเสียชีวิตเเล้ว 19 ราย รายงานระบุว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีคนงานเหมือง ทำงานอยู่ใต้ดินทั้งหมด 87 คน สามารถช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัยเเล้ว 66 คน เเต่ยังสูญหายอีก 2 คน ส่วนสาเหตุเหมืองถล่มอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน

    relate239295.jpg

    http://news.ch3thailand.com/abroad/85384
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

    IMG_7534.JPG
    เตือน!! กทม. ปริมณฑล วิกฤติค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานพุ่งสูง ประสานกรมฝนหลวงช่วย แนะประชาชนใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น

    .

    กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ประจำวันที่ 13 ม.ค.62 ว่าช่วงเช้า อากาศยังคงลอยตัวไม่ดี สภาพอากาศปิด มีเมฆเป็นส่วนมากและมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาหลายพื้นที่ ส่งผลทำให้สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริ มณฑล ในวันนี้คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ‘เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ’ ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดย

    .

    พื้นที่ริมถนน สถานีวัดคุณภาพอากาศแสดงผลค่าฝุ่นละออง PM2.5 โดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีค่าเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) อยู่ 19 พื้นที่

    .

    พื้นที่ทั่วไป (ห่างจากริมถนนสายหลัก) โดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีค่าเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) อยู่ 17 พื้นที่

    .

    คาดการณ์ว่า คุณภาพอากาศในวันพรุ่งนี้จะอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และจากโมเดลพยากรณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงวันที่ 13 - 14 ม.ค.62 อากาศยังคงลอยตัวไม่ดี สภาพอากาศค่อนข้างปิด

    .

    ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้ประสานงานกับ กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างต่อเนื่อง

    .

    กทม. ได้มีคำสั่งให้ทุกเขตดำเนินการกวาดล้างถนนอย่างเข้มงวดทุกวัน พร้อมทั้งจัดอุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง ตรวจวัดควันดำ และรณรงค์ลดฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง

    .

    รวมทั้งประสานกับกรมฝนหลวงฯ จัดให้มีการตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมปฏิติการในวันที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยในการทำฝนเทียม

    .

    ทั้งนี้ คพ.ได้ประสานเพื่อบูรณาการการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กทม. บก.จร. ขนส่ง กองทัพฯ กรมอุตุนิยมวิทยา ผู้ว่าฯ ปริมณฑล ทั้ง 5 จังหวัด ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

    .

    ✅✅ ข้อแนะนำสำหรับการปฎิบัติตนในพื้นที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ คือ

    .

    1. ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด จากกรมควบคุมมลพิษ

    .

    2. หมั่นสังเกตอาการทางสุขภาพเบื้องต้น เช่น ไอ ระคายเคืองตา

    .

    3. สำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่นละลองหนาแน่น ให้พี่น้องประชาชนอยู่ภายในบ้าน หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยคุณภาพดี ที่สามารถป้องกันฝุ่นได้ในระดับสูง แต่ถ้าจะสวมหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาที่มีขายทั่วไปก็ได้ ก็สามารถป้องกันได้ดีระดับหนึ่ง

    .

    อย่างไรก็ตาม โรคพวกนี้ไม่ใช่โรคมีผลเฉียบพลัน หากผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่มีโรคประจำตัว ก็จะไม่เกิดผลกระทบในทันที ทั้งนี้ ให้ดูอาการภายใน 24-72 ชั่วโมง อาจมีการระคายเคืองในระบบหายใจ หากเป็นไม่มากอาการจะหายไปเอง

    .

    ✴✴ สำหรับผู้มีผลกระทบ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ ผู้มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่สูบบุหรี่ประจำ ต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยได้

    .

    ☎☎ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามที่ ายด่วนกรมควบคุมโรค 1142


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias

    IMG_7535.JPG IMG_7536.JPG IMG_7537.JPG
    คนที่ถูกทำลายด้วยความตายโดยการปล่อยแก๊สโซลีน


    #CD_MEXICO


    ผู้คนที่ประท้วงด้วยสัญญาณที่แสดงถึงการขาดแคลนน้ำมันในบางรัฐของสาธารณรัฐเม็กซิกัน และคุกคามประธานาธิบดีอันเดรมานูเอลโลเปซโอเบรโด


    ประเทศกำลังพังทลายบางคนพูดว่าหนึ่งในผู้โพสต์ที่พวกเขาสามารถเห็นภัยคุกคามที่กล่าวว่า "นี่คือสิ่งที่ไม่ใช่ เวเนซูเอล่า ที่เราต้องการเรนนูกาของคุณหรือเราต้องการคุณเพราะสาเหตุทางธรรมชาติ"


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias


    พร้อมไหม???



    เหลืออีก (ไม่กี่) วันสำหรับซูเปอร์มูนแห่งเลือดและจันทรคราสที่คุณสามารถเห็นในแม็กซิโก ❤❤❤
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เลี้ยงปลาดุก แต่มีอาร์กา เพื่อเอกราชจากสยาม
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    บราซิล



    ช่วงเวลาที่เกิดฟ้าผ่าขึ้นใกล้บ้านบางหลังทางด้านใต้ของชายฝั่ง Pernambuco
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    สเปน



    คลื่นลูกแรกของขั้วโลกเย็นมาถึงสเปน


    คลื่นความเย็นขั้วโลกได้แทรกซึม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจะขยายตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าสำหรับคาบสมุทรส่วนใหญ่และหมู่เกาะแบลีแอริกได้ทำการวัดอุณหภูมิ ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ มีอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 8 องศา เป็นศูนย์ ประกาศวันพฤหัสบดี ใน 30 จังหวัด
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อาร์เจนติน่า



    ฝูงวัวในแม่น้ำในซานตาเฟ่ สำหรับน้ำท่วมในอาร์เจนติน่า
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    รัสเซีย



    หิมะและน้ำแข็งจำนวนมาก ใน saratov รัสเซียที่เอาชนะสถิติที่บันทึกตลอดสามทศวรรษในสัปดาห์นี้
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    อารูบา



    น้ำหมุนใต้มหาสมุทรในอารูบา, ดัตช์แคริบเบียน
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    แอลจีเรีย



    คลื่นความเย็นที่กระทบศูนย์กลางของยุโรปและทางเหนือมาถึงพายุหิมะทางตอนเหนือของแอฟริกาในเช้าวันนี้ ในเอลอีลัมมา ทางตอนเหนือของแอลจีเรีย
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    แอฟริกาใต้



    หลังจากฝนตกหนักที่โดน Polokwane วันนี้บางส่วนจม และเกิดหลุม
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    แอฟริกาใต้



    น้ำท่วมในห้างซาแวนน่า ใน polokwane, แอฟริกาใต้ วันนี้วันที่ 12 มกราคม
     

แชร์หน้านี้

Loading...