ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯเตือนจะไม่นั่งเฉยๆดูอิหร่านยิงจรวดขึ้นสู่อวกาศ เชื่อใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธ
    เผยแพร่: 4 ม.ค. 2562 01:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000100801.jpg

    ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
    รอยเตอร์ - สหรัฐฯออกคำเตือนดักหน้าอิหร่านในวันพฤหัสบดี(3ม.ค.) ต่อแผนยิงจรวดอวกาศ 3 ลูกซึ่งอาจเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สืบเนื่องจากพวกเขาใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธ

    ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบอกว่าอิหร่านเคยแถลงแผนจะยิงจรวด 3 ลูกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ที่เรียกว่า Space Launch Vehicles (SLV) ซึ่งเขาบอกว่ามันรวบรวมเทคโนโลยีที่เทียบเท่ากับที่ใช้ในขีปนาวุธข้ามทวีป

    "สหรัฐฯจะไม่ยืนดูและเฝ้าดูนโยบายล้างผลาญต่างๆของรัฐบาลอิหร่านที่ทำให้เสถียรภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง" พอมเพโอกล่าวในถ้อยแถลง "เราแนะนำให้รัฐบาลนี้ให้พิจารณาใหม่ต่อการยิงยั่วยุเหล่านี้และละเว้นกิจกรรมต่างๆที่สัมพันธ์กับขีปนาวุธ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจและการทูตอย่างลึกซึ้ง"

    สื่อมวลชนอิหร่านรายงานอ้างคำพูดของพลเอกกัสเซม ทากิซาเดห์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมอิหร่าน ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ระบุว่าอิหร่านมีแผนยิงดาวเทียม 3 ดวงขึ้นสูอวกาศเร็วๆนี้ "ดาวเทียมเหล่านี้สร้างโดยพวกผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศและจะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรต่างๆนานา"

    พอมเพโอบอกว่าการยิงจรวดเหล่านั้นจะละเมิดมติ 2231 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งรับรอบข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ระหว่างอิหร่านและเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่เรียกร้องอิหร่านไม่ดำเนินกิจกรรมใดๆที่สัมพันธ์กับขีปนาวุธซึ่งมีแสนยานุภาพนำส่งอาวุธนิวเคลียร์ ในนั้นยังรวมถึงการยิงด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามมันไม่ถึงขั้นห้ามอย่างชัดเจนต่อกิจกรรมดังกล่าว

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจถอนสหรัฐฯจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน

    พอมเพโอกล่าวว่าอิหร่านยิงขีปนาวธหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่มติยูเอ็นมีผลบังคับใช้ ในนั้นรวมถึงการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางแสนยานุภาพบรรทุกหัวรบหลายหัวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม

    "สหรัฐฯจะยังคงจับตาการยิงขีปนาวุธและ SLV ของรัฐบาลอิหร่าน ซึ่งบั่นทอนสเถีรภาพในภูมิภาคและไกลกว่านั้น" พอมเพโอระบุ "ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ และอีกหลายชาติทั่วโลก ต่างก็แสดงความกังวลใหญ่หลวงช่นดัน"

    เมื่อเดือนกรกฏาคม 2017 อิหร่านยิงจรวดลูกหนึ่งที่พวกเขาอ้างว่าสามารถส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ ความเคลื่อนไหวที่ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเรียกว่าเป็นการยั่วยุ ในขณะที่ช่วงต้นเดือนเดียวกันนั้น สหรัฐฯเพิ่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่เล่นงานอิหร่านต่อโครงการขีปนาวุธของพวกเขา

    อิกร่านบอกว่าโครงการอวกาศของพวกเขาคือโครงการเพื่อสันติ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญสงสัยว่ามันอาจการปิดซ่อนสำหรับพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธทางทหาร

    https://mgronline.com/around/detail/9620000000985
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    cnbc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F05%2F23%2F105227221-20160502-2319-2152.1910x1000.jpg
    (Jan 4) หุ้น“แอ๊ปเปิ้ล"ทรุดฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า 600 จุด: ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.9 หลังจากแตะระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย.

    ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (3ม.ค.)ปรับตัวร่วงลงกว่า 600 จุด เพราะผลพวงจากการที่นักลงทุนกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่บริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ เนื่องจากยอดขายไอโฟนชะลอตัวลงในจีน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยภาคการผลิตของสหรัฐที่ซบเซาในเดือนธ.ค.

    ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 660.02 จุดหรือ 2.83% ปิดที่ 22,686.22 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วงลง 62.14 จุดหรือ 2.48% ปิดที่ 2,447.89 จุด และดัชนีแนสแด็กลบ 202.43 จุดหรือ 3.04 % ปิดที่ 6,463.50 จุด

    ทั้งนี้ ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงเกือบ 9% ในการซื้อขายวันนี้ ขณะที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานเตือนว่า บริษัทแอ๊ปเปิ้ล มีแนวโน้มที่จะประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ของทั้งปีงบการเงิน 2562 หลังจากที่บริษัทเพิ่งประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2562 ของบริษัทซึ่งสิ้นสุดวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา

    บริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2019 จากเดิมที่คาดไว้ในช่วง 8.9-9.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงเหลือ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าแอปเปิลจะมีรายได้อยู่ที่ 9.15 หมื่นล้านดอลลาร์

    แอ๊ปเปิ้ล ระบุว่า การปรับลดคาดการณ์รายได้ดังกล่าวเป็นผลจากยอดขายไอโฟนที่ชะลอตัวลงในจีน นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่า อุปสงค์ของลูกค้าในประเทศอื่นไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่บริษัทคาดการณ์ไว้

    ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.8 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย.

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    - Dow tumbles more than 600 points on Apple plunge, rising fears of an economic slowdownhttps://www.cnbc.com/2019/01/03/tech-shares-dive-after-hours-after-apple-warning-nasdaq-etf-loses-nearly-2-percent.html

    - Spotlight: ตลาดหุ้นสหรัฐปี 61 ทำสถิติย่ำแย่สุดในรอบ 10 ปี ขณะนักวิเคราะห์คาดตลาดผันผวนต่อเนื่องปีนี้ : https://www.ryt9.com/s/iq29/2935470
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จังหวัดนครศรีธรรมราช
    49635153_2676567625694266_5209134480610033664_n.jpg?_nc_cat=106&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    ⚠️⚠️ ภาพ/คลิป เหล่านี้ ไม่เกี่ยว #พายุโซนร้อนปาบึก เตือนกลุ่มไลน์ให้งดส่งภาพเก่า/และภาพมั่ว คลิปมั่ว ถ้าไม่แน่ใจ ไม่ต้องส่ง https://t.co/pw6uAh3Aig — ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช
    49461858_2676486839035678_4328814193798021120_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg

    #กองทัพบก เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส รับมือ #พายุโซนร้อนปาบึก
    ขณะนี้ กองทัพภาคที่4 จัดกำลังพล&ยุทโธปกรณ์ 22 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย , 45 กองร้อยบรรเทาสาธารณภัย กำลังพล 6,000นาย , รถบรรทุก240 คัน , เรือ 115 ลำ , ชุดแพทย์เคลื่อนที่ 14ชุด , ครัวสนาม22คัน , ชุดเปิดเส้นทาง 4 ชุด พร้อมเข้าพื้นที่ทันที ⚠️⚠️⚠️
    https://t.co/EpdD0m3YjM
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ทรัมป์’ เย้ยผู้นำอินเดียสร้าง ‘ห้องสมุด’ ในอัฟกานิสถาน-จวก ‘ไร้ประโยชน์’
    เผยแพร่: 3 ม.ค. 2562 13:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    [​IMG]

    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย (แฟ้มภาพ)
    เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาพูดจาถากถางนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียที่บริจาคทุนสร้างห้องสมุดในอัฟกานิสถานเมื่อวานนี้ (2 ม.ค.) โดยระบุว่าสิ่งที่ผู้นำอินเดียทำนั้นไร้ประโยชน์ เพราะ "ไม่รู้ว่าจะมีใครใช้"

    ทรัมป์ อ้างถึงเรื่องเงินช่วยเหลือของอินเดียระหว่างการแถลงข่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเขาพยายามชี้ให้เหตุว่าเหตุใดสหรัฐฯ จึงควรจ่ายเงินอุดหนุนต่างแดนให้น้อยลง

    ทรัมป์ ระบุว่าตนกับ โมดี เข้ากันได้ดี แต่ขณะเดียวกันก็เล่าว่าได้ยินผู้นำอินเดีย “คุยซ้ำซากว่าเข้าไปสร้างห้องสมุดในอัฟกานิสถาน”

    “ห้องสมุด! พวกคุณรู้อะไรไหม? มันเหมือนแค่ 5 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับที่เราใช้ไป (ในอัฟกานิสถาน) แล้วเราก็ต้องพูดว่า ‘โอ้... ขอบคุณนะสำหรับห้องสมุด’ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะใช้มัน” ทรัมป์ กล่าว

    แม้จะไม่ชัดเจนว่า ทรัมป์ หมายถึงโครงการไหน แต่รัฐบาลอินเดียได้ให้สัญญาว่าจะมอบเงินช่วยเหลือ 3,000 ล้านดอลลาร์แก่อัฟกานิสถาน นับตั้งแต่ระบอบตอลิบานถูกกองกำลังนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ โค่นล้มตามหลังเหตุวินาศกรรม 11 ก.ย. ปี 2001

    โครงการช่วยเหลือของอินเดียนั้นยังรวมถึงการซ่อมแซมโรงเรียนไฮสกูลแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล และมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนชาวอัฟกันเดินทางไปศึกษาต่อในอินเดียปีละ 1,000 คน

    รัฐบาลอินเดียยังช่วยอุดหนุนการซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอัฟกานิสถาน ซึ่งในพิธีเปิดอาคารเมื่อปี 2015 นายกฯ โมดี ได้ให้สัญญาว่าจะสนับสนุนโครงการ “เพิ่มศักยภาพให้แก่เยาวชนอัฟกัน ด้วยการให้การศึกษาสมัยใหม่และทักษะอาชีพ”

    อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสนใจกับภารกิจของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานมากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลตอลิบานเคยให้ที่พักพิงแก่พวกกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านอินเดีย

    อย่างไรก็ตาม บทบาทของอินเดียได้สร้างความไม่พอใจต่อเพื่อนบ้านคู่อริอย่างปากีสถาน ซึ่งหน่วยข่าวกรองยังคงมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มหัวรุนแรงในอัฟกานิสถานเพื่อต้านทานอิทธิพลของนิวเดลี

    ทรัมป์ ประกาศเมื่อเดือน ธ.ค. ว่าจะถอนทหารอเมริกัน 2,000 นายออกจากซีเรีย และลดกำลังพล 14,000 นายในอัฟกานิสถานลงครึ่งหนึ่ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการปฏิบัติภารกิจทางทหารในต่างแดน

    ผู้นำสหรัฐฯ ได้เอ่ยถึงการที่สหภาพโซเวียตเคยยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อช่วงปี 1979-1989 โดยระบุว่า “รัสเซียเคยเป็นสหภาพโซเวียตมาก่อน แต่อัฟกานิสถานทำให้มันกลายเป็นรัสเซียทุกวันนี้ เพราะพวกเขาเสียเงินสู้รบในอัฟกานิสถานจนถังแตก”

    https://mgronline.com/around/detail...qZpsL54mzxkQjK7bTA5uhbIc670sSoHe_aKoRufBsv6N8
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Clips: ผู้ประท้วงซูดานโวย “คาร์ทูม” แบนโซเชียลมีเดีย กันก่อหวอดจลาจลรัฐขึ้นราคาขนมปัง - “กัวลาลัมเปอร์” สั่งพลเมืองเก็บตัวเงียบ เผยแพร่: 3 ม.ค. 2562 21:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000089201.jpg

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(2 ม.ค) พบเจ้าหน้าที่ซูดานปิดกั้นผู้ใช้เข้าถึงโซเชียลมีเดียที่ถูกใช้โดยองค์กรผู้ประท้วง หลังก่อนหน้าในวันศุกร์(28 ธ.ค)เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลต้องยิงแก๊สน้ำตา มีบางส่วนถึงขั้นใช้กระสุนจริง เพื่อสลายม็อบประท้วงการขึ้นราคาสินค้า สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานขาดแคลน ความตกต่ำของเศรษฐกิจ และขับไล่ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาซีร์(Omar al-Bashir)ที่อยู่ในอำนาจมานานถึง 29 ปีต้องสิ้นสุด ด้านสถานทูตกัวลาลัมเปอร์ประจำซูดานออกคำเตือนพลเมืองแดนเสือเหลืองในซูดานร่วม 150 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมุสลิมให้เก็บตัวเงียบ

    หนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทม์สของมาเลเซียรายงานวันนี้(3 ม.ค)ว่า สถานทูตมาเลเซียประจำซูดานได้ออกคำแนะนำแก่พลเมืองแดนเสือเหลืองที่อาศัยในซูดาน ให้หลบเลี่ยงการรวมตัวทางการเมือง และอยู่ให้ห่างพื้นที่สาธารณะในเวลานี้เนื่องจากอาจไม่ปลอดภัย

    “พลเมืองมาเลย์ทุกคนขอให้ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดในการปฎิบัติตามกฎหมายซูดาน และขอให้มาลงทะเบียนที่สถานทูตในกรุงคาร์ทูม” รายงานจากแถลงการณ์ของสถานทูตมาเลเซียประจำซูดาน

    และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “หากเป็นไปได้ พลเมืองเหล่านี้เห็นควรให้จำกัดการเคลื่อนไหวทุกประเภทจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง”

    ทั้งนี้อ้างอิงตัวเลขจากกงสุลมาเลเซียพบว่า มีพลเมืองแดนเสือเหลืองอาศัยอยู่ในซูดานจำนวน 150 คน

    พบส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมุสลิมศึกษาภาษาอารบิก ศาสนาอิสลาม และกฎหมายชะรีอะฮ์ตามหลักศาสนาอิสลามที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแอฟริกัน(International African University) และในส่วนที่เหลือเป็นพนักงานบริษัทน้ำมันเปโตรนาส เจ้าหน้าที่สถานทูต และนักธุรกิจมาเลย์อีกหยิบมือพร้อมครอบครัว

    นิวสเตรทไทม์สชี้ว่า ในเวลานี้มีบริษัทสัญชาติมาเลย์ดำเนินธุรกิจอยู่ในซูดานจำนวน 5 บริษัท ที่นอกจากบริษัทพลังงานแล้ว ยังมีบริษัทเหมืองแร่ และบริษัทด้านวิศวกรรม เป็นต้น

    การออกมาประกาศเตือนของแดนเสือเหลืองเกิดขึ้นหลังจากเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในวันศุกร์(28 ธ.ค)ที่มีการใช้กระสุนจริงเพื่อสลายการประท้วงกลางเมืองหลวงของซูดาน

    โดยรอยเตอร์รายงานว่า พบเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลซูดานได้ยิงแก๊สน้ำตา ระเบิดแสงเพื่อสลายการประท้วงต่อต้านการขึ้นราคาสินค้า การขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน และเศรษฐกิจตกต่ำ ที่กรุงคาร์ทูม และเมืองอื่นๆทั่วประเทศ

    ทั้งนี้ในรายงานของสื่อนิวส์24 ของแอฟริกาใต้ระบุว่า ประชาชนชาวซูดานต่างไม่พอใจที่รัฐบาลซูดานได้ประกาศขึ้นราคาขนมปังปอนด์จากแต่เดิมในราคา 1 ปอนด์ซูดาน (0.68 บาท) มาอยู่ที่ 3 ปอนด์ซูดาน (2.04 บาท) ส่งผลทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงและขยายตัวเป็นวงกว้างไปทั่ว

    สำหรับการประท้วงเมื่อวันศุกร์(28 ธ.ค)มีผู้ประท้วงบางส่วนอ้างว่า ตำรวจซูดานใช้กระสุนจริงกับผู้ประท้วง ซึ่งอ้างตัวเลขทางการพบมีผู้เสียชีวิต 19 คน รวมถึงทหาร 2 นายจากการประท้วงที่รวมไปถึงวันที่ 19 ธันวาคมปีที่แล้วที่กรุงคาร์ทูม แต่ทางแอมเนสตีสากลออกมาชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็น 2 เท่าของตัวเลขทางการสูงถึง 37 ราย

    ในรายงานตัวเลขทางการยังพบว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้(2) ผู้ใช้อินเตอร์เนตในซูดานออกมาเปิดเผยว่า "ในเวลานี้" ไม่สามารถเข้าใช้งานระบบโซเชียลมีเดียได้ ซึ่งระบบโซเชียลมีเดียถูกใช้เพื่อเป็นการรวมตัวประท้วงรัฐบาลล่าสุด

    ทั้งนี้พบว่าผู้ใช้ระบบของผู้ให้บริการโทรคมนาคม 3 เจ้าใหญ่ของซูดานได้แก่ บริษัท Zain บริษัท MTN และบริษัท Sudani ต่างออกมาชี้ว่า การเข้าล็อกออนเพื่อใช้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และว็อทแอพ นั้นทำไม่ได้เลย เว้นแต่จะเข้าจากระบบ VPN (virtual private network) ซึ่งมีนักเคลื่อนไหวได้ใช้ช่องทางนี้ทำการติดต่อและจัดการประท้วง

    โดยซาเลห์ อับดุลเลาะห์ (Salah Abdallah) หัวหน้าสำนักงานข่าวกรองซูดานได้กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมล่าสุดว่า

    “รัฐบาลมีการหารือถึงการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย และในท้ายที่สุดอาจจะมีการตัดสัญญาณอินเตอร์เนต”

    หนึ่งในผู้บริหารบริษัทโทรคมนาคมใหญ่ของซูดานออกมายอมรับกับรอยเตอร์ว่า ประชาชนชาวซูดานอาจไม่สามารถเข้าใช้บางเว็บไซต์ได้

    โดยบาเดอร์ อัล-คาราฟี( Bader al-Kharafi ) ซีอีโอบริษัท Zain Group กล่าวว่า “อาจมีบางเว็บไซต์ถูกห้ามเข้าเนื่องมาจากเกิดปัญหาความขัดข้องทางเทคนิก ที่อยู่เหนือเกินความเชี่ยวชาญของบริษัท”



    562000000089202.jpg


    562000000089203.jpg


    562000000089204.jpg


    562000000089205.jpg


    562000000089206.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000000943
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Gossipสาสุข

    ทำไมโมเดล “โรงพยาบาลออกนอกระบบ” แบบ รพ.บ้านแพ้ว ถึงขยายไปที่อื่นไม่ได้?


    หนึ่งในการปฏิรูประบบสาธารณสุขที่เป็นรูปธรรม ก็คือการตัดสินใจ "นำร่อง" แยกโรงพยาบาลบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จากการเป็นโรงพยาบาลอำเภอขนาด 30 เตียง ไปสู่การออก พ.ร.ฎ.จัดตั้งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เมื่อปี 2543
    เป็นการตัดสินใจในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเอามา "คุย" จนถึงทุกวันนี้

    (หมายเหตุ กรณีการเอา รพ.บ้านแพ้วออกนอกระบบนั้น เป็นสิ่งที่ สธ.ไม่อยากจะทำ แต่จำต้องทำ

    เนื่องจากเมื่อครั้งไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 และต้องกู้เงินมาแก้ปัญหาสภาพคล่อง มีงบก้อนหนึ่งที่กู้มาจาก ADB และมีเงื่อนไขว่าต้องแปรรูปอะไรบ้าง ส่วนของ สธ.ก็เสนอว่าจะเอา รพ.ออกนอกระบบหลายแห่ง เช่น รพ.สระบุรี รพ.ขอนแก่น รพ.หาดใหญ่ รพ.นครพิงค์ และ รพ.บ้านแพ้ว แต่หลังจากได้รับเงินกู้แล้วก็ไม่ยอมทำ จึงเกิดการทวงถาม สธ.จึงยอมให้เอา รพ.บ้านแพ้ว ซึ่งเป็น รพ.ที่มีขนาดเล็กที่สุดออกนอกระบบไป เพื่อรักษาสัญญาทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้น)

    แต่ รพ.บ้านแพ้วก็ออกนอกระบบ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เป็นผลงานที่ใช้คุยอวดอ้างได้จนทุกวันนี้ เพราะในปี 2561โรงพยาบาลบ้านแพ้ว นอกจากจะมีเตียงถึง 300 เตียง และกำลังสร้างอาคารผู้ป่วยเพิ่มเพื่อขยายเป็น 500 เตียงแล้ว แต่ละปี ยังมีรายได้มากถึงปีละ 1,600 ล้านบาท

    แม้ "รายจ่าย" จะอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับรายได้ แต่รายจ่าย ก็นำไปสู่การขยายการบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง "โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว" หรือการกระจายศูนย์การรักษา ไปยังที่ต่างๆ จนมีสาขาอีก 9 แห่ง

    กลายเป็นหน่วยงานราชการ ที่มี "นวัตกรรม" มากที่สุด และเจริญรุดหน้าจนหลายโรงพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุขอิจฉา

    แต่การเจริญรุดหน้าของบ้านแพ้ว ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

    บทเรียนสำคัญก็คือ แม้ว่าการกระจายโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ออกเป็น "องค์การมหาชน" เป็นสิ่งที่ สธ.ไม่อยากจะทำ แต่นี่เป็นหลักการที่ถูกต้อง และการเริ่มต้นในระยะแรกจนยืนหยัดมาได้ถึงปัจจุบัน ต้องให้เครดิตคนจากตระกูล ส. นั่นคือ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และแพทย์ "ชั้นยอด" ที่เป็นผู้อำนวยการคนแรกอย่าง นพ.วิทิต อรรถเวชกุล

    น่าเสียดาย ที่เวลาต่อมา นพ.วิทิต โดน "การเมือง" เล่นงานซะยับ เมื่อไปดำรงตำแหน่ง ผอ.องค์การเภสัชฯ

    ส่วนผู้อำนวยการคนปัจจุบันอย่าง นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ก็เป็นผู้บริหารฝีมือยอดเยี่ยมอีกเช่นกัน

    โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จัดบริการโดยมี บอร์ดใหญ่ ซึ่งมีตัวแทนแบบ "ไตรภาคี" มีทั้งแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนชุมชน และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นผู้ตัดสินใจ

    ขณะเดียวกัน ก็หาจุดเด่น-จุดด้อย ของตัวเองให้ชัด แล้วขยายการบริการออกไป ไม่ต้องรอให้เขตบริการสุขภาพ หรือ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้คอยตัดสินใจให้

    และยังขยายตัว แตกไลน์ออกไปเป็น "โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว" ซึ่งเป็นการเอา "จุดเด่น" ของตัวเอง มาขยายบริการ ซึ่งได้ประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะบ้านแพ้วเท่านั้น แต่ประชาชนในจังหวัดโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสงคราม นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ก็ได้ประโยชน์ทั้งหมด

    ขณะเดียวกัน ก็จัดงบประมาณให้คล่องตัวกับปัญหา และความต้องการของลูกค้าที่มารับบริการได้ชัดเจน ไม่ต้องตกอยู่ในความซับซ้อนของระบบงบประมาณ ที่ต้องแยกหมวดหมู่ เช่น งบเครื่องมือแพทย์ หรืองบก่อสร้างอาคาร

    เมื่อปลดแอกจากปัญหาเหล่านี้ ก็ทำให้โรงพยาบาลเหลือเวลาเอาไปสร้าง "นวัตกรรม" ใหม่ๆ และขยายการบริการได้อีกเยอะ

    สมัยรัฐบาลจากรัฐประหาร คมช.ปี 2549-2550 เมื่อครั้งที่ สธ.มี รมว.ชื่อ นพ.มงคล ณ สงขลา มีความพยายามผลักดันเรื่องนี้ แต่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ.ยุคนั้นไม่เห็นด้วย จากที่มีแผนการจะออกนอกระบบอีกหลาย รพ. จึงเหลือแค่ รพ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต แห่งเดียวที่พร้อมและยืนหยัด ทั้งด้วยตัวของ ผอ.รพ.ป่าตองยุคนั้น คือ นพ.ทวีศีกดิ์ เนตรวงศ์ ที่พร้อม และบุคลากรใน รพ.ที่ยินดีจะออกนอกระบบ หลังจากเห็นความสำเร็จของ รพ.บ้านแพ้ว ดำเนินการจนถึงขั้นร่าง พ.ร.ฎ.โรงพยาบาลป่าตอง จนสำเร็จ

    แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน หมอปราชญ์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเซ็นเอกสารส่ง ครม. จนฝ่ายหมอมงคลต้องให้รองปลัดเซ็นแทน แต่ก็ไปติดตรงรองนายกรัฐมนตรี โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ไม่เห็นด้วย เรื่องจึงไม่ได้เข้า ครม. และจนถึงทุกวันนี้ผ่านมากว่า 10 ปี รพ.สังกัด สธ.ออกนอกระบบแห่งที่ 2 ของไทยก็ยังไม่เกิด

    คำถามสำคัญที่ปกคลุมกระทรวงสาธารณสุขตลอด 18 ปี หลังจากโรงพยาบาลบ้านแพ้วออกนอกระบบก็คือ ทำไมถึงไม่มี "บ้านแพ้วโมเดล" ขยายไปยังโรงพยาบาลอื่นบ้าง

    ทั้งที่ความเป็นจริง มีหลายโรงพยาบาลเติบโตด้วยตัวเอง และก็น่าจะมีความพร้อมในการแยกตัวออกจากเป็นโรงพยาบาลที่กระทรวงหมอดูแลอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ออกไปเป็นอิสระ เช่น รพ.ป่าตอง ที่มีความพยายามมาแล้วจนถึงขั้นร่าง พ.ร.ฎ.โรงพยาบาลป่าตอง

    คำตอบก็คือ กระทรวงสาธารณสุข ยังยึดติดกับมุมมองเดิมๆ ว่า กระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นเจ้าของ รพ. และหากปล่อยออกไป โรงพยาบาลจะไม่สามารถ "อยู่รอด" ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงยังต้องมี สธ.คอยคุมการบริหารจัดการและงบประมาณให้

    อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่ง เคยปรารภไว้ว่า "บ้านแพ้ว" ยังอยู่ยาก และต้อง "วิ่งรอก" หาเงินด้วยการจัดศูนย์บริการเพิ่ม หรือการตระเวนตั้งรถโมบายล์ตรวจสุขภาพ

    ทั้งที่แท้จริงแล้ว "บ้านแพ้ว" ไม่ได้วิ่งรอก แต่เป็นการขยายบริการออกไปให้ครอบคลุมมากขึ้น ซ้ำยังมีรายได้เข้ามาเติมให้เกิดการพัฒนาตัวเองได้อีก

    ที่น่าตกใจคือข้าราชการระดับกลาง-ระดับสูง ส่วนใหญ่ของกระทรวงนี้ ก็คิดแบบเดียวกัน

    อดีต รมช.สาธารณสุข อีกคนหนึ่ง เคยพูดว่า หากจะมี "บ้านแพ้ว" อีก 10 แห่ง ก็ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยจะมี บอร์ดองค์การมหาชน มากขึ้นอีกถึง 10 บอร์ด และต้องมีกฎหมายเฉพาะมากขึ้นอีกถึง 10 ฉบับ ซึ่งจะเทอะทะ เกินความจำเป็น
    ด้วยเหตุนี้ การเกิดขึ้นของโรงพยาบาลบ้านแพ้วรอบใหม่ จึงเป็นแค่ "ความฝัน" ไม่สามารถทำได้จริง

    แต่ถามว่าทิศทางต่อไป ควรหาทางสร้าง "บ้านแพ้ว" ใหม่ๆ หรือไม่ คำตอบก็คือควรจะสร้างอีก

    อย่างน้อยๆ ในแต่ละ "เขตสุขภาพ" ที่กระทรวงสาธารณสุขภูมิใจนักหนา ก็ควรจะมีโรงพยาบาลที่เป็น "ดาวเด่น" พร้อมจะออกนอกระบบอยู่บ้าง

    ยิ่งหากกระทรวงหมอ อ้างว่าโรงพยาบาลขาดทุน ได้งบเครื่องมือแพทย์ - ได้งบก่อสร้าง หรือได้งบบัตรทองมาไม่เพียงพอ

    ยิ่งต้องหาทางแยกตัวออกมา เพื่อหาระบบใหม่ที่เป็นคุณกับทั้งบุคลากร ทั้งประชาชน

    แต่ปัญหาก็คือ หากกระทรวงสาธารณสุข เฉือนโรงพยาบาลที่มีออกไป แน่นอน อำนาจก็จะถูกลดทอน งบประมาณก็จะถูกลดทอน และความรู้สึกเป็นเจ้าของ ก็จะหายไปด้วย

    ดูเหมือนเรื่องความ "หวงอำนาจ" จะเป็นปัจจัยหลักที่อยู่เหนือความ "ไม่พร้อม" ด้วยซ้ำ

    หากกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่สามารถ "ปลดแอก" ตัวเองจากการเป็น "เถ้าแก่" เจ้าของโรงพยาบาล

    เราก็จะยังต้องฟังเสียงบ่นจากพื้นที่อยู่เรื่อยๆ ว่าด้วย "งบประมาณ" ไม่พอ "ค่าตอบแทน" ของบุคลากร น้อยเกินไป และ “สวัสดิการ” เพื่อบุคลากรที่น้อยนิด เหลื่อมล้ำจากข้าราชการสายอื่นๆ

    ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจที่ในยุค "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" ไม่สามารถผลักดันการเอาอำนาจออกจากรัฐ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ มีแต่จะทำให้อำนาจรัฐราชการรวมศูนย์ แข็งแรง แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

    แต่สำหรับรัฐบาลที่กำลังจะมาใหม่หลังจากเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 นี้ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะเป็นใคร ลุงตู่คนเดิม หรือคนใหม่ๆ Gossipสาสุขมีข้อเสนอว่า ให้ใช้เวลา 4 ปีจากนี้ ทำ Model แบบ รพ.บ้านแพ้วใน 4 ภาค ปีละภาค โดยใช้รูปแบบเดียวกับ รพ.บ้านแพ้ว แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของแต่ละพื้นที่

    ข้อดี..

    1. รัฐลดงบประมาณด้านบุคลากรที่นับวันจะโป่งพองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ายังอยู่ในระบบรัฐก็จำต้องดูแลเพราะต้องดึงบุคลากรให้ทำงาน แต่ทุกวันนี้ทำได้แย่และเหลื่อมล้ำกับข้าราชการสายอื่นๆ

    2. รัฐลดการอุดหนุนงบประมาณลงได้มาก ยกเว้นงบลงทุนที่จะให้ก็ต่อเมื่อมีการก่อสร้าง และก็อุดหนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    3. ประชาชนเป็นเจ้าของ ให้ประชาชนช่วยเหลือกันเอง

    #โรงพยาบาลออกนอกระบบ #โรงพยาบาลบ้านแพ้ว#องค์การมหาชน

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Gossipสาสุข

    รัฐอุ้มค่ารักษาข้าราชการปีละ 7 หมื่นล้าน
    เรื่อง "ต้องห้าม" ที่ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลง


    รู้กันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทย มีระบบ "ประกันสุขภาพ" อยู่ 3 ระบบ

    หนึ่งคือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หนึ่งคือ ประกันสังคม และ สุดท้ายคือ สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ

    แน่นอน งบประมาณที่สูงที่สุด คืองบประมาณที่ใช้ดูแล "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" เพราะมีคนอยู่ในระบบเกือบ49 ล้านคน ใช้งบประมาณกว่า 1.8 แสนล้านบาท

    และเป็นงบประมาณที่หลายคนกังวลมากที่สุด เพราะข้อครหา มีทั้งว่า หากให้งบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากไป ประเทศจะ "ล้มละลาย" แบบ "เวเนซุเอลา"

    รวมถึงการให้งบบัตรทอง และการรักษาที่ดีเกินไป จะทำให้ประชาชน "ไม่รักษาสุขภาพ" และเข้าโรงพยาบาล "พร่ำเพรื่อ"

    อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจ และไม่เคยมีใครถกเถียงกันจริงจังคืองบประมาณ ที่ใช้ในซีกของ "สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ"

    ปัจจุบัน มีข้าราชการ, ลูก-เมีย ข้าราชการ และ พ่อ-แม่ ข้าราชการ อยู่ภายใต้สิทธิ์นี้ รวม 6 ล้านคน

    งบประมาณที่ใช้ดูแลสวัสดิการข้าราชการ แน่นอนว่า ต่างจากทั้งบัตรทอง ต่างจากทั้งประกันสังคม

    เพราะคิดด้วยฐานที่ว่า รักษาไปเท่าไหร่ ก็เอาบิลมาเบิกกับกรมบัญชีกลาง

    ตัวเลขล่าสุดเมื่อปี 2560 คือ 6 ล้านคนนี้ ใช้งบประมาณรายจ่ายจากรัฐ รวมทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านบาท

    เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2559 มากกว่า 2,692 ล้านบาท

    หรือคิดเป็นประมาณ หัวละ 1.2 หมื่นบาท ต่อหัว

    หากคิดเป็น "รายหัว" จะสูงกว่างบประมาณเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง และสูงกว่าประกันสังคมราว 4 เท่าตัว

    ทั้งยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ที่เพิ่มขึ้น

    อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หลายแห่ง กลับได้ "กำไร" จากสวัสดิการข้าราชการ

    เพราะนี่คือสวัสดิการเดียว ที่โรงพยาบาลสามารถ "เก็บเงิน" จากกรมบัญชีกลางได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

    และกรมบัญชีกลางเอง ก็ไม่ได้มีความรู้เท่าทันการบริการสุขภาพมากเพียงพอ เพราะทำหน้าที่ "รับเบิก" อย่างเดียว

    ข้าราชการและญาติเบิกมาเท่าไหร่ กรมบัญชีกลาง ก็จ่ายไปเท่านั้น

    ปีที่ผ่านมา จึงมีความพยายามหาช่องว่างของระบบ ด้วยการเอาค่า "ฟิตเนส" มาเบิกบ้าง หรือเอาค่า "สปา" มาเบิกบ้าง จนเป็นข่าวใหญ่โต

    ต่างจากสิทธิ์บัตรทอง และสิทธิ์ประกันสังคม ที่จ่ายให้โรงพยาบาล ในอัตราเหมาจ่าย หรือรูปแบบของประกันสุขภาพ

    ที่มีกำหนดชัดเจนว่า อะไรเบิกได้ อะไรเบิกไม่ได้ หรือยา-เวชภัณฑ์ อะไรที่ใช้ได้-ใช้ไม่ได้บ้าง

    ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลาง พยายามหาทางจำกัดงบประมาณที่ใช้ในสวัสดิการรักษาพยาบาล

    ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแนวคิด เพื่อหาบริษัทเอกชน มาเป็นผู้บริหารจัดการ หรือการพยายามเปลี่ยนแนวคิดการจ่ายตามที่เบิก มาเป็นการจ่ายแบบระบบ "ประกัน" คือจ่ายเหมาเป็นก้อนๆ

    แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะมีทั้งชมรมพิทักษ์สิทธิ์ข้าราชการ และข้าราชการน้อยใหญ่ ออกมาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เสมอ

    ซ้ำยังมีข้าราชการจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าราชการซีก "สุขภาพ" ที่ประกาศว่าจะลาออกไปทำงานในองค์กรเอกชนแทน หากรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลที่มีอยู่เดิม

    แนวคิดปฏิรูประบบสุขภาพของสวัสดิการข้าราชการ จึงต้องถูกพับไว้ทุกครั้ง

    ว่ากันจริงๆ ประเทศไทย เป็นประเทศที่ "ระบบราชการ" ใหญ่เทอะทะมาก หลายกรม หลายหน่วยงาน ไม่มีภารกิจชัดเจน ซ้ำยังไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพการทำงานได้

    ขณะเดียวกัน การที่บอกว่าข้าราชการ "เงินเดือนน้อย" กว่าภาคเอกชนนั้น ในปี 2561 ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากอีกต่อไป

    เพราะข้าราชการ นอกจากจะมีความมั่นคง มีอัตราการเติบโตของเงินเดือน ที่ชัดเจน แม้กระทั่งหากตัดสวัสดิการรักษาพยาบาล ก็ยังมีบำเหน็จบำนาญ ยามเกษียณอายุราชการ ซึ่งภาคเอกชนหลายแห่งยังอิจฉา

    ในยุคสมัยรัฐบาล คสช. มีการ "ขึ้นเงินเดือน" ไม่รู้กี่ครั้ง ซ้ำยังมี "โบนัส" ให้อีก

    มิหนำซ้ำ ข้าราชการบางซีกอย่าง ข้าราชการตำรวจ - ข้าราชการทหาร ยังมีอัตรากำลังจำนวนมากที่ "ซ้ำซ้อน"

    บางตำแหน่งเป็น "ผู้ทรงคุณวุฒิ" ที่ไม่ได้มีภาระหน้าที่ชัดเจน แต่เงินเดือนหลายหมื่นบาท

    ส่วนข้าราชการสายสุขภาพ รอแล้วรออีกก็ยังไม่ได้รับการบรรจุ

    ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมีปัญหา ทั้งการจัดการจำนวนข้าราชการ ประสิทธิภาพของข้าราชการ กระทั่งความเหลื่อมล้ำระหว่างข้าราชการต่อข้าราชการด้วยกัน

    ดีเสียอีก หากจะมีใคร "ลาออก" เพราะ "ไม่พอใจ" สวัสดิการที่น้อยลง จะได้สังคายนาระบบราชการที่เทอะทะ กันใหม่เสียที

    น่าเสียดาย ที่รัฐบาล คสช. ไม่กล้าริเริ่มทำอะไร เพราะเห็นว่าหากข้าราชการไม่เอาด้วยแล้ว ระบอบ คสช. ก็คงเดินไปได้ยาก

    และหากจะหวังพึ่งรัฐบาลเลือกตั้ง ก็ยากไปใหญ่ เพราะหากข้าราชการใส่ "เกียร์ว่าง" หรือประกาศบอยคอตไม่ทำงานด้วยแล้วก็จะทำให้รัฐบาลพังพาบไปด้วย ร้ายที่สุดอาจเปิดช่องให้เกิดการ "รัฐประหาร" ขึ้นอีก

    การพูดถึงวิธีการปฏิรูปสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ จึงเป็นเรื่อง "ต้องห้าม" ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน

    หากค่ารักษาพยาบาลจะสูงขึ้น จาก 7 หมื่นล้าน ขึ้นไปจนถึง 1 แสนล้าน ก็ต้องจำยอมให้สูงไป

    แล้วไปลดงบประมาณ ลดสวัสดิการ "บัตรทอง" แทน เพราะผู้สันทัดกรณีบางคนห่วงว่าจะทำให้ประเทศ เป็นแบบ "เวเนซุเอลา"

    ตราบใดที่ยังไม่กระจายอำนาจ ตราบใดที่ระบบราชการยังเป็นตัวนำ และตราบใดที่ยังมองว่าข้าราชการคือผู้เสียสละ และเป็นผู้ที่มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนทั่วไป

    ระบบสุขภาพ 3 ระบบ ที่มีอยู่ ก็ไม่อาจเท่าเทียม และทัดเทียมกัน ในเวลาอันใกล้นี้....

    #สวัสดิการข้าราชการ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    Earthquake m: 5.2occurs in Sichuan, China

    แผ่นดินไหว m: 5.2 เกิดขึ้นในเสฉวน, จีน





     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    Cyclone Pabuk in Malaysian oil platform offshore

    ไซโคลน pabuk ในแพลตฟอร์มน้ำมันมาเลเซียต่างประเทศ







     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จังหวัดนครศรีธรรมราช


    สดจาก แหลมตะลุมพุก เจอหนักทั้งลมทั้งฝน ผู้ว่าฯเมืองคอนประกาศเป็นพื้นที่สีแดง รับมือพายุปาบึก
    บรรยากาศสด พายุโซนร้อนปาบึกขึ้นฝั่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง ทางผู้ว่าฯนครศรีธรรมราชได้ประกาศเป็นพื้นที่สีแดง


    ซึ่งล่าสุดได้เกิดคลื่นลมแรง เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางคืน ขณะที่บรรยากาศเงียบเหงา เพราะประชาชนส่วนใหญ่อพยพไปยังศูนย์พักพิงที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ให้ ขณะที่ประชาชนบางส่วนราว 100 คนโดยเฉพาะผู้ชาย ยังอยู่ที่แหลมตะลุมพุก เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินและบ้านเรือน โดยจะไปหลบภัยที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ



    ตัวแทนชาวบ้านเล่าว่าเมื่อครั้งพายุแฮเรียตถล่มแหลมตะลุมพุก เมื่อปี 2505 ตอนนั้นอายุได้ 2 ขวบ แต่ความรู้สึกว่าไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ ขณะที่ทางผู้ว่าฯได้เตรียมพร้อมรับมือในทุกภาคส่วน พร้อมแจ้งให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุที่เกิดขึ้น

    https://morning-news.bectero.com/regional/04-Jan-2019/136150
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงานแผ่นดินไหวบริเวณประเทศไทยและใกล้เคียง

    upload_2019-1-4_8-2-34.png

    แผ่นดินไหวขนาด 4.0
    จุดศูนย์กลาง : มณฑลยูนนาน ประเทศจีน (Yunnan, China)
    วันที่ - เวลา (ประเทศไทย) : 04 มกราคม 2562 05:18 น.
    วันที่ - เวลา (UTC) : 03 มกราคม 2562 22:18 Z.
    ละติจูด, ลองจิจูด : 22.23, 100.02
    ลึกจากผิวดิน : 10 กิโลเมตร
    รายงานแผ่นดินไหวในประเทศและใกล้เคียง

    https://www.tmd.go.th/earthquake.ph...rB5RX26icA2SjvbnVLRL8wJJ0xQOcu_itc8SfI8_ln1sQ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    พายุทรายใหญ่กวาด ริยาร์ด
    ซาอุดีอาระเบีย 3 มกราคม 2562



     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อีจัน ได้แพร่ภาพสด

    LIVE

    สวัสดีเช้าศุกร์ 4 ม.ค.61 กับสถานการณ์ ความตึงเครียดกับ #พายุโซนร้อนปาบึกศูนย์อพยพผู้ประสบภัยเทศบาลเมืองปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

    กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...