ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘คลัง’ สั่ง ‘สรรพากร’ ดึง ‘Temu’ เข้าระบบภาษี ให้ ‘ศุลกากร’ ตรวจสินค้าเข้มข้น
    .
    “จุลพันธ์” มอบนโยบายสรรพากรเรียกถก “เทมู” แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน ดึงเข้าร่วมระบบภาษี หลังเปิดตัวเว็บไซต์ในไทยอย่างเป็นทางการ
    .
    นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีน “Temu” (เทมู) ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนั้น ได้มอบหมายกรมสรรพากร ได้ดูเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการประสานงานกับทางแพลตฟอร์มไปแล้วในเบื้องต้น กำลังอยู่ระหว่างประสานงานว่าให้เข้าสู่ระบบภาษี
    .
    ปัจจุบัน แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์จะมีกลไกของกรมศุลกากรที่เข้ามาช่วยเก็บภาษีแวตให้ก่อน ซึ่งในอนาคตแพลตฟอร์มเหล่านี้จะต้องมีการพัฒนาระบบเพื่อมาเชื่อมต่อกับระบบจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร และ “เทมู” เองก็จะเป็นหนึ่งในนี้ด้วย ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ รัฐก็ได้ประสานไปหมดแล้วเช่นกัน คาดว่าต้นปี 2568 ก็จะเรียบร้อย
    .
    ส่วนเรื่องของสินค้าที่นำเข้า หากเป็นประเภทที่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะของเล่น ของใช้ในบ้านจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานและตรามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งปัจจุบันก็มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
    .
    “ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ผมจะร่วมแถลงกับกรมศุลกากร เรื่องการตรวจจับสินค้าที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ทั้งสินค้าผิดกฎหมาย หรือแม้แต่สินค้าที่ไม่มี มอก. และอีกหลายอย่าง เพราะในช่วงนี้มีมาตรการเข้มงวดการตรวจสินค้าในชายแดน”
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจBusiness

    https://www.facebook.com/share/p/UAG8r85DquzPnXAU/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน! เปิดตลาดหุ้นสหรัฐทรุดดำดิ่งหนัก ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -1,077 จุด(-2.88%) ดัชนีหุ้นนาสแดค -1,053 จุด(-6.28%) ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -218 จุด(-4.10%) BTimes
    https://www.facebook.com/share/iRTAX4kRmFmeFRWV/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240805_203719.jpg
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บลิงเคนเตือนชาติตะวันตก “เตหะราน” ลงมือโจมตีเร็วสุด 24 ชม – 48 ชมข้างหน้า หลังมีรายงาน “มอสสาด” ลูบคมจ้างเอเยนต์ IRPG เอาระเบิดไปวาง(ชมคลิป)
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โทนี บลิงเคน วันอาทิตย์(4 ส.ค)แจ้งต่อชาติพันธมิตรกลุ่มชาติ G7 ว่าข่าวกรองที่อเมริกาได้มาคาดว่าอิหร่านจะเริ่มเปิดฉากโจมตีเร็วสุดในวันจันทร์(5 ส.ค)หลังสุดสัปดาห์มีรายงานอ้างหน่วยมอสสาดของอิสราเอล แอบจ้างเอเยนต์กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม IRPG เพื่อวางระเบิดลอบสังหาร แต่เตหะรานรีบปัดชี้ ผู้นำการเมืองฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ ตายเพราะหัวรบหนัก 7 กิโลของมิสไซลพิสัยใกล้
    .
    แอ็กซิออส( Axios)ของสหรัฐฯรายงานวานนี้( 4 ส.ค)ว่า อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิด 3 คนที่ให้ข้อมูล รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โทนี บลิงเคน วันอาทิตย์(4 ส.ค)ได้ส่งคำเตือนไปยังชาติพันธมิตรกลุ่ม G7 ถึงเวลาเร็วที่สุดที่การโจมตีจากอิหร่านจะเริ่มคาดว่าจะเกิดภายใน 24 ชม.- 48 ชม.เพื่อล้างแค้นต่ออิสราเอล
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า บลิงเคนย้ำว่า ฝ่ายสหรัฐฯเชื่อว่าทั้งอิหร่านและฮิซบัลเลาะห์จะลงมือทั้งคู่ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการตอบโต้อยู่ในรูปแบบใด และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศชาติอื่นใช้ช่องทางการทูตกดดันต่ออิหร่าน ฮิซบัลเลาะห์และอิสราเอลเพื่อการกดดันขั้นสูงสุด
    .
    ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานวันอาทิตย์(4)ว่า ในการรายงานของสถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอลค่ำวันเสาร์(3)โดยไม่อ้างอิงแหล่งข่าวใดๆระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนเดือดดาลสุดขีดถึงขั้นเอ่ยปากต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ว่า หยุดโกหกผมได้แล้วระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์วันพฤหัสบดี(1)
    .
    สอดคล้องกับการรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สค่ำวันเสาร์(3) ที่ว่า ผู้นำสหรัฐฯกล่าวในการโทรศัพท์วันพุธ(31 ก.ค)ว่า การลอบสังหารหัวหน้าฝ่ายการเมืองฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh)ในกรุงเตหะราน อิหร่าน นั้นเกิดขึ้นผิดช่วงเวลาที่ฝ่ายวอชิงตันกำลังคาดหวังจะสามารถปิดเกมส์สำหรับการเจรจาปล่อยตัวประกันและการหยุดยิง
    .
    ในการโทรศัพท์วันพุธ(31 ก.ค)ประธานาธิบดีไบเดนยังชี้ว่า จะทำให้ขยายวงสงครามให้กว้างออกไปเป็นสิ่งที่ฝ่ายสหรัฐฯพยายามไม่ให้เกิดขึ้น
    .
    หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันเสาร์(3)ว่า อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล เนทันยาฮูมีความมั่นใจมากขึ้นในการโจมตีอิหร่านนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.คที่ไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    แหล่งข่าวยิวเปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า ผู้นำอิสราเอลรู้ว่าสหรัฐฯรับปากปกป้องอิสราเอลโดยสมบูรณ์และรู้สึกมั่นใจมากว่าหากจะโจมตีศัตรูอิหร่านแต่เทลอาวีฟจะยังคงได้รับการคุ้มกันจากสหรัฐฯต่อไป
    .
    ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานว่า ผู้นำทางการทหารทุกระดับตั้งแต่ระฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ลอยด์ ออสติน ไปจนถึงผู้บัญชาการกลางสหรัฐฯหากไม่เดินทางเข้ากรุงเทลอาวีฟก็ต้องต่อสายคุยเพื่อเตรียมรับมือการโจมตี
    .
    ข่าวการลอบสังหารของหัวหน้าฮามาสยังสับสนในสุดสัปดาห์เพราะวันศุกร์(2)มีรายงานออกมาจากหนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟของอังกฤษว่า หน่วยข่าวกรองมอสสาดชื่อดังของอิสราเอลสามารถเจาะยางเตหะรานด้วยการแอบว่าจ้างเอเยนต์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม IRPG เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อให้ลอบนำระเบิดเข้าไปติดตั้งในห้อง 3 ห้องในอาคารที่พักแขกของ IRPG จนทำให้ฮานิเยห์เสียชีวิต
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้พบว่าเดินอย่างมีพิรุธเข้าไปตามห้องต่างๆ มือวางระเบิดหลังจากติดตั้งระเบิดของหน่วยมอสสาดแล้วได้หลบหนีออกนอกประเทศไป
    .
    แต่ทว่าข่าวขัดแย้งกับการรายงานวันอาทิตย์(4)จากสถานีโทรทัศน์อิหร่านอ้างอิงจากไทม์สออฟอิสราเอลที่ระบุว่า หัวหน้าฮามาสเสียชีวิตจากมิสไซล์พิสัยใกล้ โดยอ้างจากแถลงการณ์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม IRPG ที่กล่าวว่า หัวรบหนัก 7 กิโลกรัมทำให้เกิดระเบิด
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000071483

    https://www.facebook.com/share/p/PkQT7jP417Jib5xw/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวล่าสุดจากสำนักข่าวRFAรายงานว่า โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่สีทันดอน ที่แขวงจำปาสักได้หยุดชะงักลงแล้ว เพราะผู้ลงทุนขาดเงินมาก่อสร้างต่อ ขณะนี้คนงานก่อสร้างได้พากันหยุดงานจนหมด เพราะผู้รับเหมาโครงการมีการค้างจ่ายเงินค่าแรงให้ .ตอนนี้ถึงกับต้องประกาศขายรถแบ็คโฮเอาเงินมาจ่ายค่าแรงให้คนงาน.....ตามข่าว ตึกกระติ๊บข้าวเหนียวหลังนี้ก็หยุดการก่อสร้างแล้วเช่นเดียวกันครับ..

    จะจริงตามที่rfaรายงานหรือเปล่า..รอสำนักข่าวอื่นๆยืนยันอีกทีนะครับ

    https://www.facebook.com/share/v/WtieEHMzA5NktAPL/?mibextid=oFDknk
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากสำนักข่าวrfa

    งานก่อสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ศรีตันดน อำเภอโขง จังหวัดจำปาสัก หยุดชะงัก เนื่องจากเจ้าของโครงการไม่มีเงินดำเนินการต่อไป
    ติดตามรายละเอียดได้ที่ :

    https://www.rfa.org/lao/daily/econo...yPh2pb0KF4D_LYwPGQ_aem_DMN9PIrvDW5cq8w-PTPmxQ

    https://www.rfa.org/lao/daily/economy/ construction-sithandone-financial-champasak-laos-08032024214146.html
    ยูทูป ➡️ youtube.com/RFALAO
    อินสตาแกรม ➡️ instagram.com/rfalao
    เว็บไซต์➡️ rfa.org/lao

    ວຽກງານການກໍ່ສ້າງເຂດເສດຖະກິດໃໝ່ສີທັນດອນ ຢູ່ເມືອງໂຂງ ແຂວງຈໍາປາສັກ ຢຸດສະງັກໝົດ ຍ້ອນວ່າ ເຈົ້າຂອງໂຄງການບໍ່ມີເງິນມາສືບຕໍ່.
    ຕິດຕາມລາຍລະອຽດທີ່: https://www.rfa.org/lao/daily/econo...-financial-champasak-laos-08032024214146.html
    YouTube ➡️ youtube.com/RFALAO
    Instagram ➡️ instagram.com/rfalao
    Website➡️ rfa.org/lao

    https://www.facebook.com/share/p/QoeJGnrY63bJkH3Z/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240805_204929.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2024
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน! เปิดตลาดทองคำนิวยอร์ก ดำดิ่งหนัก ทองคำส่งมอบทันที(Spot)แตะ 2,438 ดอลล์ -44.66 ดอลล์(-2.0%) ทองคำล่วงหน้า(Future)แตะ 2,434.10 ดอลล์ -42.80 ดอลล์(-2.0%) BTimes
    https://www.facebook.com/share/FyFCMA5GU7bmRkLb/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240805_210543.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบงก์ชาติ ชี้หนี้เสียไหล เหตุติดต่อลูกหนี้ไม่ได้ 60%
    .
    แบงก์ชาติ ชี้หนี้เสียยังไหลเพิ่ม เหตุแบงก์ติดต่อลูกหนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะสินเชื่อไม่มีหลักประกันติดต่อไม่ได้ 60% โอดมาตรการแก้หนี้เรื้อรังล่าสุดคนเข้าโครงการแค่1-2% จากลูกหนี้ 5 แสนบัญชี ส่งผลแก้เกณฑ์ขยายปิดจบหนี้เป็น7ปี เปิดให้ใช้วงเงินบัตรได้ต่อไม่ต้องปิดบัตร
    .
    นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยงานฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปัจจุบันหากดูทิศทางหนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พบว่ายังมีสัญญาณเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้ว ภายใต้เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า ทั้งนี้พบว่าลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียส่วนใหญ่
    .
    ส่วนหนี้เสียที่เห็นในปัจจุบัน บางส่วนมาจาก ไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้ โดยพบว่า ไม่ติดต่อลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกันได้ถึง 60% ขณะที่ลูกหนี้ที่มีหลักประกัน เช่นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ ติดต่อไม่ได้ 30%
    .
    ทั้งนี้หากดูโครงการแก้หนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ เม.ย.ปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าปัจจุบันยอดเข้าโครงการยังอยู่ระดับต่ำ โดยเข้ามาเพียง 1-2% เท่านั้นหากเทียบกับลูกหนี้ทั้งหมดที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรังที่ 5 แสนบัญชี หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 1.44 หมื่นล้านบาท
    ซึ่งยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ธปท.ประเมินไว้ จึงนำมาสู่การปรับมาตรการเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้สามารถเข้าโครงการได้มากขึ้น โดยขยายระยะเวลาในการปิดจบหนี้จากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี บนอัตราดอกเบี้ยที่ 15% และยังขยายเกณฑ์ โดยเปิดให้ลูกหนี้ที่สามารถเข้าโครงการสามารถใช้วงเงินสินเชื่อบุคคลที่เหลือได้ จากเดิมที่กำหนดว่า เมื่อลูกหนี้เข้าโครงการแก้หนี้เรื้อรังจะต้องปิดบัตรฯทำให้ไม่สามารถใช้วงเงินสินเชื่อที่เหลือได้
    .
    ทั้งนี้มองว่า เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้ โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1ม.ค. ปี 2568 ลูกหนี้น่าจะเข้าสู่โครงการได้มากขึ้น โดยคาดหวังเห็นลูกหนี้เข้าโครงการที่ราว 20% ของลูกหนี้เรื้อรังทั้งหมดที่กว่า 5 แสนบัญชี
    .
    ด้านนายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อแก้ไขแก้หนี้ครัวเรือนล่าสุด หนึ่งในนั้น คือการคงการจ่ายผ่อนชำระขั้นต่ำ (Minimum payment) ของบัตรเครดิต อยู่ที่ 8%ต่อไปอีก 1ปี จนถึงสิ้นปี 2568 จากเดิมกำหนดปรับเพดานการผ่อนขั้นต่ำเป็น 10% ในต้นปีหน้า
    .
    โดยมาตรการดังกล่าวมี 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือ สำหรับลูกหนี้ที่สามารถผ่อนจ่ายขั้นต่ำมากกว่า 8% จะได้รับเครดิตเงินคืนรวมอยู่ที่ 0.75% โดยแบ่งเป็นครึ่งปีแรกที่ 0.50% และครึ่งปีหลังอีก 0.25% โดยลูกหนี้จะได้รับดอกเบี้ยคืนทุก 3 เดือน เพื่อจูงใจลูกหนี้ให้ปิดหนี้เร็วขึ้น โดยเบื้องต้นประเมินว่า ผู้ให้บริการหรือธนาคารจะสูญเสียดอกเบี้ย จากใช้สิทธิ “เครดิตเงินคืน”จากการผ่อนชำระขั้นต่ำมากกว่า 8% รวมทั้งสิ้น 1พันล้านบาทภายใน1ปีหลังจากมีผลบังคับใช้
    .
    สำหรับกลุ่มสอง คือ กลุ่มที่จ่ายขั้นต่ำบัตรเกิน 5% แต่ไม่ถึง 8% กลุ่มนี้หากลูกหนี้ผ่อนชำระไม่ไหว และเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีโอกาสคงวงเงินส่วนที่เหลือในบัตรเครดิตได้ จากเดิม ต้องปิดวงเงินทันทีหลังเข้าสู่การปรับโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม การคงวงเงินในบัตรไว้หลังปรับโครงสร้างต้องอยู่ในดุลพินิจของธนาคาร หรือผู้ให้บริการแต่ละแห่งบนความสามารถชำระหนี้
    .
    กลุ่มที่สามคือกลุ่มที่มีความสามารถชำระขั้นต่ำไม่ถึง 5% กลุ่มนี้ลูกหนี้สามารถเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ หรือหากเป็นหนี้เสีย สามารถเข้าสู่โครงการคลินิกแก้หนี้ได้
    .
    โดยมาตรการนี้นอกจากช่วยลูกหนี้ให้ได้รับการช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังสามารถได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น แต่กลุ่มนี้ไม่สามารถกลับมาใช้วงเงินบัตรได้ และหากเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้จะต้องปิดบัตรทันที
    .
    อย่างไรก็ตาม หากดูหนี้ค้างชำระสินเชื่อบัตรเครดิตที่ผ่านมา โดยเอ็นพีแอลในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.5% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่หนี้เสีย 2.8% ขณะที่ SM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.5% จาก 5.3%
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance

    https://www.facebook.com/share/p/HdEWR92cSqxCPCyQ/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทัศนคติที่คนลาวบางคนมีต่อไทยแย่มาก ถ้าจะเดินทางไปลาวต้องระวังตัวมากๆ ถ้าเลี่ยงไปประเทศนี้ได้ก็น่าจะดีครับ เพราะที่ไหนที่เจ้าของบ้านไม่ยินดีต้อนรับ จะไปทำไม ถ้าจำไม่ผิดเห็นมีคนประเทศนี้ ก็ออกมาต่อว่า ว่าการที่ค่าเงินไทยสูงกว่าลาว มีเงินไม่กี่พันบาทก็มาใข้ในประเทศเขา เป็นเศรษฐี พวกเขาคิดว่าเราไปอวดกัน ตอนนี้ความคิดแบบนี้ คงลามออกไปในเรื่องอื่นๆ

    ---
    “อย่าขี้โม้หลายคนไทย ขนาดได้เหรียญเงินเหรียญเดียว ขี้โม้กันทั้งประเทศ ถ้าได้หลายๆเหรียญเหมือนชาติอื่น คงขี้โม้ไม่หยุด”



    https://www.facebook.com/share/p/kncMWriL5BnuxNtK/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240806_053435.jpg
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงหนักในวันเดียว ย้อนรอย Black Monday
    .
    | เกาะกระแส | วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567 ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก ดัชนีหลัก ๆ ปรับตัวลดลงอย่างมาก ดัชนีหุ้น Nikkei ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในช่วงหนึ่งของวันทรุดลงมากกว่าที่เคยตกลงในสมัยที่เกิด “แบล็กมันเดย์” Black Monday ในปี 1987 ก่อนที่จะปิดตลาดลดลง 4,451.28 จุดหรือ 12.40% จาก 31,458.42 จุดในวันศุกร์
    .
    ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงติดต่อกันเป็นวันที่สาม ตั้งแต่เปิดการซื้อขายเช้าวันนี้ ในช่วง 15 นาที ของการซื้อขายดัชนี Nikkei 225 ดิ่งลง 2,225.41 จุดหรือ 6.20% มาที่ 33,684.29 จุด ส่วนดัชนี Topix ลดลง 178.27 จุดหรือ 7.03% มาที่ 2,359.33 จุดและตกลงทุนต่อเนื่องในช่วงบ่าย
    .
    “ถือว่าตลาดตกรุนแรง มันมีกลิ่นอายเหมือนปี 1987” - นีล นิวแมน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ Astris Advisory ในโตเกียวกล่าวกับ CNN โดยหมายถึง “Black Monday” ในเดือนตุลาคม 1987 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดโลกดิ่งลง และ Nikkei ร่วงไป 3,836 จุด
    .
    ดัชนี Nikkei ตกลง 3,836 จุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1987 หลังจากตลาดหุ้นล่มสลายในวัน Black Monday ได้หนึ่งวัน และยังเป็นการลดลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากเป็นอันดับสองนับตั้งแต่การลดลง 14.9% ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการขายในวันจันทร์ทมิฬ
    .
    ตลาดหุ้นอื่นๆของเอเชียต่างก็ปรับตัวลงทำลายสถิติ โดยดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ร่วงลงมากกว่า 9% ขณะที่ตลาด Taiex ของไต้หวันร่วงลง 8.4% ส่วนตลาดสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ก็ลดลงประมาณ 2% และ 3% เช่นกัน
    .
    การลดลงของดัชนีหลักทำให้มีการใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker หรือ การระงับการซื้อขายชั่วคราวเมื่อตลาดปรับลงมากกว่าปกติ) ในญี่ปุ่นมีการระงับการซื้อขายชั่วคราวสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี Topix และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี Nikkei ซึ่งเป็นการระงับการซื้อขายชั่วคราวของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี Topix เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2554 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น 4 วัน ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีก็ได้ใช้ circuit breaker เช่นกัน
    .
    แรงเทขายในเอเชียแปซิฟิกส่งผลกระเพื่อมไปทั่วโลก ดัชนี FTSE 100 ในตลาดหุ้นอังกฤษลดลง 2% ในช่วงแรกของการซื้อขายของวันจันทร์ ส่วนดัชนี FTSE 250 ลดลงกว่า 3% ตลาดยุโรปอื่นๆต่างอยู่ในแดนลบ โดย Euronext 100 ร่วงลง 3.5%
    .
    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีตลาดหุ้น NASDAQ (Nasdaq futures) ลดลงมากกว่า 4% ในขณะที่สัญญาซื้อขายดัชนีล่วงหน้า S&P 500 ลดลงประมาณ 3% ก่อนที่ตลาดหุ้นของสหรัฐฯจะเปิดการซื้อขาย หลังจากการเทขายหุ้นที่เริ่มต้นในญี่ปุ่นและแพร่กระจายทะเลสีแดงไปทั่วตลาดยุโรป
    .
    ดัชนี CBOE ที่วัดความผันผวนของตลาด พุ่งขึ้นกว่า 30 จุดมาอยู่ที่ 53.55 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2020
    .
    การเทขายของตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะนักลงทุนพากันเลี่ยงความเสี่ยง ด้วยความวิตกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่น่าผิดหวัง และจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ที่ส่งผลให้มีการเทขายหุ้น และส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ บวกกับความกังวลว่าฟองสบู่ AI จะแตก
    .
    เมื่อเวลา 17.00 น. ตามเวลาญี่ปุ่น เงินดอลลาร์ขยับขึ้นมาที่ 143.47-52 เยน เทียบกับ 146.43-53 เยนในนิวยอร์กและ 149.20-23 เยนในโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น. วันศุกร์
    .
    การขายออกทั่วโลกรุนแรงขึ้นจากการคืนเงินกู้ยืมในสกุลเยน (Unwind Yen Carry Trade) ซึ่งผู้ค้าได้ใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำของญี่ปุ่น ด้วยการ
    กู้เป็นเงินเยนและซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
    .
    “มันไม่ได้เป็นเพียงปัญหาในญี่ปุ่น แต่เป็นการตกลงทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึงการระเบิดของฟองสบู่สินทรัพย์ที่สูงเกินจริงจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่มากเกินไปหลังวิกฤตการณ์โควิด” โทโมอิจิโระ คูโบตะ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์มัตซุย กล่าว
    .
    นักลงทุนยังขายหุ้นเทคโนโลยีออก เนื่องจาก “ความคาดหวังที่สูงสำหรับ AI ได้ลดลง หลังจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาส (น่าผิดหวัง) จากบริษัทในสหรัฐฯ” คูโบตะ กล่าว
    .
    อ่านรายละเอียดย้อนรอย Black Monday ในปี 1987 รายงานฉบับเต็ม https://thaipublica.org/2024/08/nikkei-drops-past-black-monday-mark/
    .
    ที่มาภาพ: kyodonews
    .
    #ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วง #ตลาดหุ้นญี่ปุ่น #ดัชนีNikkei #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/LVAnbGXDAnHGap6F/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หรือฟองสบู่จะแตกจากวิกฤตซูชิ ? เงินเยนคือสาเหตุที่แท้จริง?

    หลายคนกำลังถามว่าทำไมตลาดหุ้นถึงร่วงลงอย่างหนัก และเหตุผลสำคัญที่หลายคนพูดถึงตอนนี้ คือ "Carry Trade" ของเงินเยน

    Carry Trade คืออะไร และไปเกี่ยวกับเงินเยนอย่างไร ?

    แยกอธิบายอย่างง่าย ๆ โดยการเปรียบกับร้านขายน้ำมะนาว ดังนี้

    1. การกู้ยืมในราคาถูกในญี่ปุ่น: ลองจินตนาการว่าคุณสามารถยืมต้นมะนาวจากเพื่อนของคุณในญี่ปุ่นได้ในราคาที่ต่ำมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นต่ำ คุณจึงได้มะนาวในราคาถูกสุดๆ

    2. การลงทุนในออสเตรเลีย: ตอนนี้คุณไปหาเพื่อนอีกคนในออสเตรเลียที่ชอบน้ำมะนาวและยินดีจ่ายในราคาสูง คุณใช้มะนาวที่ยืมมาในการทำน้ำมะนาวและขายในออสเตรเลีย ที่ซึ่งคุณสามารถทำกำไรได้มากกว่า อัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลียก็สูง ดังนั้นเงินของคุณสามารถทำกำไรได้มากยิ่งขึ้นที่นั่น

    3. การหากำไรจากความแตกต่าง: หลังจากขายน้ำมะนาวในออสเตรเลียและทำกำไรได้ดี คุณก็คืนต้นมะนาวที่ยืมมาจากเพื่อนในญี่ปุ่น เงินส่วนต่างที่คุณได้ ก็คือกำไรจากการ Carry Trade นั้นเอง

    ในโลกแห่งความเป็นจริงคือ นักลงทุนยืมเงินเยนจากญี่ปุ่นในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพราะอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นต่ำมาก จากนั้นพวกเขาแปลงเงินเยนเป็นดอลลาร์ออสเตรเลีย และลงทุนดอลลาร์ออสเตรเลียเหล่านี้ในสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรหรือตลาดหุ้นในออสเตรเลีย ที่ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาสามารถทำกำไรได้มากกว่า กำไรมาจากความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยต่ำที่พวกเขาจ่ายกับเงินเยนที่ยืมมาและผลตอบแทนที่สูงขึ้นที่พวกเขาได้รับจากการลงทุนในออสเตรเลีย

    ดังนั้นการ " Carry Trade " ระหว่างดอลลาร์ออสเตรเลียกับเยนคือการกู้ยืมราคาถูกในญี่ปุ่น การลงทุนในออสเตรเลียที่ผลตอบแทนสูงขึ้น และการทำกำไรจากความแตกต่างนี้ ตอนนี้ลองจินตนาการว่ามีเงินเป็นล้านล้านเหรียญที่ทำแบบนี้ทั่วโลกและลงทุนในหุ้นยอดนิยมไม่กี่ตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันหรือมีการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต มันจะสร้างคลื่นใหญ่ของความเสี่ยงเมื่อต้องคืนเงินที่ยืมมาและแผงขายน้ำมะนาวที่คุณเปิดต้องปิดลงอย่างรวดเร็วเพราะเพื่อนในญี่ปุ่นต้องการต้นมะนาวคืนนั่นเอง

    #BusinessTomorrow #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #ตลาดหุ้นสหรัฐ #ตลาดหุ้นเอเชีย

    https://www.facebook.com/share/p/z2A21RqhP1o9Gzq8/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1722897898160.jpg

    Black Monday เขย่าหุ้นเอเชียยับ!
    “วิกฤติสหรัฐ” สะเทือนหุ้นโลก เกิด Black Monday ตลาดหุ้นดิ่งหนักทั่วโลก นิกเกอิปิดลบวันเดียวมากกว่า 4 พันจุด
    .
    ตลาดหุ้นหลายประเทศทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา จนอาจเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ “Black Monday” จากความกังวลข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแออาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่องมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วต่อเนื่องมาจนเปิดตลาดสัปดาห์นี้
    .
    โดยเฉพาะ “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” เป็นตลาดที่ร่วงลงหนักที่สุดเมื่อวานนี้ ดัชนีนิกเกอิ 225 ปิดลบ 4,451.28 จุด หรือ 12.40% ปิดตลาดที่ระดับ 31,458.42 จุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นิกเกอิปิดลบวันเดียวมากกว่า 4 พันจุด หากนับเปอร์เซ็นต์ถือเป็นการลดลงมากสุดในรอบ 37 ปี หรือตั้งแต่เหตุการณ์แบล็กมันเดย์ ปี 2530 (1987) ซึ่งครั้งนั้นดัชนีนิกเกอิร่วงลงวันเดียว 14.9% หรือลดลง 3,836.48 จุด
    .
    ติดตามอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ใน “กรุงเทพธุรกิจ” ทุกช่องทาง 6 ส.ค. 67
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance #กรุงเทพธุรกิจStock

    https://www.facebook.com/share/p/s82P2i68aUX9G2mg/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 5, 2024 หุ้นตกสวรรค์! หุ้นยักษ์ 7 นางฟ้าเทคโนโลยีชั้นนำเสียหายรวมกันกว่า 36 ล้านล้านบาทในวันเดียว เซ่นตลาดหุ้นสหรัฐโคม่าจ่อดิ่งเหว 3 วันติด

    สถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐ ที่ดำดิ่งย่ำแย่ต่อเนื่องด้วยแรงเทขายหุ้นอย่างหนักทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่จดทะเบียนในดัชนีหุ้นนาสแดคนับตั้งแต่เริ่มเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาได้ 2 วันทำการติดกัน และเข้าสู่วันนี้ 5 สิงหาคมเป็นวันทำการที่ 3 นั้น ส่งผลให้ราคาหุ้นของ 7 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก หรือ Magnificent 7 (หุ้น 7 นางฟ้า) ได้แก่ แอปเปิล เอ็นวีเดีย อัลฟาเบธ(กูเกิ้ล) อเมซอน ไมโครซอฟท์ เมตา(เฟสบุ๊ก) และเทสลา มีราคาก่อนเริ่มเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดำดิ่งอย่างรุนแรงรวมกันถึง -12.2% ไปด้วย

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า มูลค่าของบริษัททั้ง 7 แห่งจะสูญหายรวมกันมากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทที่ผลิตไมโครชิปล้วนมีราคาหุ้นก่อนเปิดตลาดตกต่ำด้วยกันทั้งสิ้น เช่น เอเอ็มดี อินเทล เอสเอ็มซีไอ และบรอดคอมพ์ ทั้งหมดตกต่ำมากถึง -10.3%

    สาเหตุจากปัจจัยลบรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ในสัปดาห์ผ่านไป นักลงทุนไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจสหรัฐ และผิดหวังอย่างมากต่อผลประกอบการของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่หลายแห่ง เริ่มจาก ยอดจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากที่ระดับ 175,000 คน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ทำสถิติว่างงานสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีผ่านมา และยังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4% ต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2023

    #ลงทุน #การเงิน #หุ้น #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ ##btimes #สหรัฐ #ดาวโจนส์ #นาสแดค #เอสแอนด์พี500 #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ

    https://www.facebook.com/share/kcMwtNfvpLz9KL5V/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดยิ่งใหญ่! กัมพูชาจุดพลุเอาฤกษ์เอาชัยเริ่มโครงการประวัติศาสตร์คลองฟูนันเตโช
    .
    .
    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชาร่วมพิธีเปิดโครงการขุดคลองมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันนี้ (5) โครงการที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมเส้นทางน้ำสายใหม่จากแม่น้ำโขงไปสู่ทะเล
    .
    ในพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการที่จัดขึ้นในเมืองเปรกตาแก้ว ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงพนมเปญ ผู้นำเขมรระบุว่าโครงการคลองความยาว 180 กิโลเมตรนี้เป็นโครงการประวัติศาสตร์ ท่ามกลางเสียงกลองและพลุกึกก้อง
    .
    บรรดาผู้เข้าร่วมงานหลายพันคนต่างสวมเสื้อยืดที่มีรูปของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และฮุนเซน อดีตผู้นำที่ปกครองประเทศมาเกือบ 4 ทศวรรษ
    .
    “เราจะสร้างคลองสายนี้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม” ฮุน มาเนต กล่าว ที่เรียกเสียงโห่ร้องยินดีขณะกดปุ่มเปิดโครงการพร้อมกับภริยา
    .
    คลองฟูนันเตโชจะทอดยาวจากจุดหนึ่งบนแม่น้ำโขง ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 1 ชั่วโมง ไปจนถึงทะเลในอ่าวไทย และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2671
    .
    สินค้าประมาณ 1 ใน 3 ที่เข้าและออกจากกัมพูชาใช้ท่าเรือของเวียดนามผ่านแม่น้ำโขง แต่ทางการหวังว่าตัวเลขนี้จะลดลงเหลือประมาณ 10% เมื่อคลองเสร็จสมบูรณ์
    .
    ขนาดที่จำกัดของคลอง กว้าง 100 เมตร และลึก 5.4 เมตร ก่อให้เกิดคำถามว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้นั้นจะบรรลุได้หรือไม่
    .
    โครงการนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ที่รวมถึงวัตถุประสงค์หลักของโครงการไม่ว่าจะเป็นเพื่อการขนส่งสินค้าหรือการชลประทาน ใครเป็นผู้สนับสนุนทุน และโครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อการไหลของแม่น้ำโขง ที่เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของโลกอย่างไร
    .
    นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเตือนมานานแล้วว่าแม่น้ำโขงที่หล่อเลี้ยงแหล่งปลาน้ำจืด 1 ใน 4 ของโลกและผลผลิตข้าวครึ่งหนึ่งของเวียดนาม มีความเสี่ยงจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน มลพิษ การทำเหมืองทราย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    กัมพูชา ลาว เวียดนาม และไทย เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงแม่น้ำโขงปี 2538 ที่กำกับดูแลการกระจายทรัพยากรของแม่น้ำ
    .
    กัมพูชาได้แจ้งต่อคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ถึงแผนการสร้างคลองดังกล่าว แต่เวียดนามต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ
    .
    พนมเปญโต้แย้งว่าโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องการเพียงแค่การแจ้งเตือนที่กัมพูชาได้ส่งไปแล้ว
    .
    คลองฟูนันเตโช ที่เป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานลายเซ็นของฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นโครงการระดับชาติที่ช่วยส่งเสริมฮุน มาเนต ผู้สืบทอดตำแหน่งและลูกชายของเขา
    .
    ฮุนเซนกล่าวว่า คลองฟูนันเตโชเป็นดั่งจมูกที่ช่วยให้ประเทศหายใจได้คล่องขึ้น
    .
    รัฐบาลกัมพูชาระบุว่าโครงการจะเป็นทางเลือกสำหรับเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ที่ปัจจุบันต้องข้ามเข้าไปในเวียดนามก่อนจะมุ่งหน้าสู่ทะเล ซึ่งทำให้กัมพูชาสามารถเก็บรายได้จากการขนส่งไว้ในประเทศได้
    .
    รัฐบาลระบุว่ากำลังวางแผนสร้างเขตเศรษฐกิจริมแม่น้ำตลอดเส้นทาง ที่จะช่วยสร้างงานได้หลายพันตำแหน่งให้ประเทศ ที่เป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    .
    แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเส้นทางโครงการขุดคลองกล่าวถึงความทุกข์ใจของพวกเขาที่ต้องถูกเวนคืนบ้านในขณะที่การก่อสร้างกำลังดำเนินอยู่
    .
    บางคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับคลองกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน พวกเขาดูพิธีเปิดจากบ้านด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน
    .
    “เรารู้สึกทั้งดีใจและกังวล เพราะเราไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการชดเชยใดๆ” หญิงกัมพูชาอายุ 51 ปี กล่าว
    .
    สุ่น จันทอล รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหอกของโครงการกล่าวในงานว่า คลองจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน 1.6 ล้านคน และจะสร้างงานได้หลายพันตำแหน่ง เขาสัญญาว่ารัฐบาลจะให้ค่าชดเชยที่เป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ
    .
    นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการเวนคืนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ผู้คนต้องดิ้นรนย้ายถิ่นฐานโดยได้รับการชดเชยเพียงเล็กน้อย
    .
    เมื่อปีที่ผ่านมา China Road and Bridge Corporation (CRBC) บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของจีนที่จะจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในกัมพูชา ได้ตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
    .
    เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้เสนอว่าบริษัทของจีนอาจจัดหาเงินทุนสนับสนุนสำหรับการขุดคลองบางส่วน แต่ CRBC ยังไม่ได้เปิดเผยผลการศึกษาหรือให้คำมั่นใดๆ
    .
    แม้ว่ากัมพูชาจะเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับปักกิ่ง แต่ฮุนเซนปฏิเสธว่าคลองดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
    .
    โครงการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความกลัวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่คลองอาจถูกเรือรบจีนนำไปใช้
    .
    กัมพูชาและจีนจัดการฝึกซ้อมรบร่วมประจำปีครั้งใหญ่ที่สุดในเดือน พ.ค. โดยมีเรือรบจีนหลายลำและทหารหลายร้อยนายเข้าร่วม
    .
    ในเดือน ธ.ค. เรือรบจีน 2 ลำ ได้เข้าเทียบท่าฐานทัพเรือของกัมพูชาเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ระบุว่าอาจถูกใช้เพื่อเพิ่มอิทธิพลของจีนในอ่าวไทย แต่เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อข้อกังวลเหล่านั้น.

    https://www.facebook.com/share/p/JYjzczhBtB7SyRuu/?mibextid=oFDknk

    FB_IMG_1722898163836.jpg FB_IMG_1722898166472.jpg FB_IMG_1722898169583.jpg FB_IMG_1722898172717.jpg FB_IMG_1722898175671.jpg FB_IMG_1722898178067.jpg FB_IMG_1722898180432.jpg FB_IMG_1722898182630.jpg FB_IMG_1722898191109.jpg FB_IMG_1722898193200.jpg FB_IMG_1722898195295.jpg FB_IMG_1722898197472.jpg FB_IMG_1722898199664.jpg FB_IMG_1722898201790.jpg FB_IMG_1722898204033.jpg FB_IMG_1722898206359.jpg
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 6, 2024 เลือดท่วมตลาด! ตลาดหุ้นสหรัฐดำดิ่งรุนแรง 1 ปี 10 เดือน ตลาดหุ้นทั่วโลกเสียหายกว่า 230 ล้านล้านบาท ดัชนีหุ้นนาสแดคดำดิ่ง -15% จากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

    ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,703 จุด -1,033 จุด หรือ -2.60% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,186 จุด -160 จุด หรือ -3.00% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,200 จุด -576 จุด หรือ -3.43% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2022 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งกว่า 15% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction

    ขณะที่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาครบ 3 วันทำการ ยังพบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงแรง -6.2%, -7.0% และ -8.53% ตามลำดับ ส่งผลในแง่เปอร์เซ็นต์ทำสถิติดัชนีหุ้นดำดิ่ง 3 วันทำการติดต่อกันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2022 และในแง่จำนวนจุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020

    สถานการณ์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างรุนแรง จากในคืนผ่านมานั้น ดัชนีหุ้นนาสแดคกลายเป็นดัชนีหุ้นแรกที่เข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -6.5% และ -8.7% เทียบจากสถิติดัชนีหุ้นหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ที่สำคัญ ตลาดหุ้นทั่วโลกใน 3 สัปดาห์ผ่านมา เสียหายรวมกันกว่า 6.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 230.4 ล้านล้านบาท

    สาเหตุจากนักลงทุนไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจสหรัฐ และผิดหวังอย่างมากต่อผลประกอบการของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่หลายแห่ง เริ่มจาก ยอดจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากที่ระดับ 175,000 คน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ทำสถิติว่างงานสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีผ่านมา และยังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4% ต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2023 (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ด้านบรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ดำดิ่งรุนแรงกันทั่วโลก ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดเลวร้ายที่สุดในรอบ 37 ปี หรือตั้งแต่ Black Monday ในปี 1987 ตลาดหุ้นยุโรปทรุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 8 เดือน

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า การลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐที่หลายคนมั่นใจว่าจะลดครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้ เป็นการลดดอกเบี้ยที่ช้าเกินไปหรือไม่ ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่แน่นอน นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฏาคมของสหรัฐในคืนวันนี้

    ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนถึง 0.5% อยู่ที่ 86% จากเดิมที่ 88% และลดดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.25% มีโอกาสอยู่ที่ 14% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%

    สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ

    ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ

    #ลงทุน #การเงิน #หุ้น #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ ##btimes #สหรัฐ #ดาวโจนส์ #นาสแดค #เอสแอนด์พี500 #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ

    https://www.facebook.com/share/x37gdcdx6orf1d7C/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Green Tuesday

    หุ้นทั่วโลกดีดฟื้นแรงเช้านี้
    หุ้นญี่ปุ่นคืนชีพ +6%
    หุ้นเกาหลีใต้ +4%
    หุ้นสหรัฐ Nasdaq Futures +1.5%
    ลุ้นหุ้นไทย SET ดีดตาม

    https://www.facebook.com/share/p/D6RDjDrR1qnewvQF/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 6, 2024 ตลาดหุ้นร้าง! นักเศรษฐศาตร์ชำแหละ 4 เป้าแย่ตลาดหุ้นไทย ต่างชาติขายทิ้งกว่า 1 ล้านล้านบาท ส่อเป็นตลาดร้างที่ไม่ใครสนใจ สภาพคล่องตกต่ำ ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ไม่ใช่ทางพึ่งระดมทุนของเอกชนไทยต่อไป

    นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ เกียรตินาคินภัทร หรือ KKP โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์และสภาพตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีดังนี้

    เสน่ห์ของตลาดทุนไทยหายไปไหน? เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้มีโอกาสไปสิงคโปร์เพื่อพูดคุยสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนหลายท่าน ได้มีโอกาสเจอนักลงทุนมากกว่า 20 คน แต่ละคนรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะลงทุนในเอเชียและอาเซียนมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่านักลงทุนส่วนใหญ่ผิดหวังกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ที่ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ไม่มีใครมองว่า short sell หรือ high frequency trading เป็นปัญหาสักราย

    แต่ผมสรุปปัญหาที่นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลได้สี่เรื่องใหญ่ๆ

    หนึ่ง มองไปข้างหน้าประเทศไทยกำลังเจอความท้าทายจากปัญหาเชิงโครงสร้างเต็มไปหมด โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการแข่งขัน แต่เขายังไม่เห็นทิศทางและแนวทางการในแก้ปัญหาระยะยาวที่ชัดเจน นโยบายส่วนใหญ่เน้น quick win แต่แทบไม่เห็นแผนหรือกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการปฏิรูปด้านต่างๆที่ชัดเจน

    ที่น่าสนใจคือ ในการพูดคุยเกือบทุกการประชุม ตัวอย่างของประเทศมาเลเชียถูกยกขึ้นมาเปรียบเทียบตลอดเวลา เชื่อไหมครับว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว เวลาผมไปหานักลงทุน ตลาดไทยยังเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจมากๆ เวลามีใครยกเรื่องตลาดมาเลเซียขึ้นมา นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะพูดถึง

    แต่มาวันนี้ตลาดมาเลเซียกลับมาเป็นที่น่าสนใจ เพราะเขามีนโยบายปฏิรูปหลายเรื่องที่เริ่มทำมาหลายปีแล้ว และกำลังเริ่มผลิดอกออกผล มาเลเซียกลายเป็นหนึ่งใน supply chain ที่สำคัญของธุรกิจ semiconductor แม้ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นธุรกิจต้นน้ำแบบเกาหลี ไต้หวัน แต่ก็บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งให้ความสำคัญและมี fdi ไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ถึงจุดที่เวลาพูดถึงเมืองไทย นักลงทุนเริ่มเบือนหน้าหนี เริ่มตั้งคำถามว่า ยังมีเหตุผลที่เขาต้องลงทุนในเมืองไทยอยู่หรือไม่ เพราะทุกวันนี้มีทางเลือกเยอะกว่าสมัยก่อนมาก นักลงทุนบางรายก็ยังอยากลงทุนอยู่ แต่อยากเห็นพัฒนาการที่ดีกว่านี้ก่อนจะกลับมา ก็ประมาณว่าถ้าอะไรดีขึ้นแล้วมาเรียกก็แล้วกัน(มีต่อหน้า 2/3)

    (หน้า 2/3) สอง เขามองว่าการเมืองไทย มีความเสี่ยงสูง วิเคราะห์และคาดเดาได้ยาก สมัยก่อนนักลงทุนจะมีคำว่า Teflon Thailand คือไม่ว่าเมืองไทยจะวุ่นวายขนาดไหน แต่เมืองไทยก็ยังน่าลงทุน เหมือนกับใครโยนอะไรใส่มาในกระทะก็ไม่ติด เหมือนกระทะ Teflon สมัยนั้นเขาก็ไม่จำเป็นสนใจปัญหาการเมืองบ้านเรา เพราะอย่างไรตลาดก็น่าลงทุน

    แต่มาวันนี้ ตลาดไทยไม่ได้สวยหรูแบบสมัยก่อน ปัญหาการเมืองที่วุ่นวาย อธิบายตามหลักสากลไม่ได้ กำลังทำให้เกิดความไม่แน่นอนด้านนโยบายและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เวลาเราพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ถามกลับมาว่า เขาต้องพยายามเข้าใจปัญหาพวกนี้หรือ ในเมื่อเขามีทางเลือกให้ไปลงทุนตั้งมากมาย

    ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้ที่ศาลมีคดีการเมืองเต็มไปหมด และเกิดคำถามว่า เรามีระบบสามารถยุบพรรคการเมืองได้ และระบบที่สามารถปลดนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งได้โดยข้อหาประหลาดๆ มีความเสี่ยงในการเกิดความสับสนวุ่นวายได้ตลอดเวลา

    แล้วนักลงทุนจะเชื่อได้อย่างไรว่านโยบายที่พูดกันในวันนี้ จะได้รับการปฏิบัติในอีกสามเดือนข้างหน้า หรือวันนั้นนายกรัฐมนตรีจะยังอยู่หรือไม่ มีนักลงทุนตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอินโดนีเซียและอินเดีย ทำให้ความน่าสนใจของประเทศเปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตา ในขณะที่เมืองไทยนั้น….

    สาม เรามีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ และนโยบายเยอะมาก ลองนึกถึงการ “ขอบริจาค” เงินจากบริษัทขายปลีกน้ำมันเพื่ออุดหนุนราคาน้ำมัน หรือแนวนโยบายการปรับระบบราคาพลังงานที่สร้างภาระให้กับภาคเอกชน หรือการปรับรายได้สนามบินแบบไม่รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น (รายย่อย)

    คำว่า “national services“ กลายเป็นความกังวลที่ถูกยกขึ้นมาเกือบทุกการประชุม และนี่ไม่ใช่เคสแบบการเก็บ windfall tax ที่บริษัทได้กำไรเยอะ แล้วรัฐมาขอแบ่งด้วยซ้ำ แต่เป็นการสร้างความไม่แน่นอนในการประเมินผลตอบแทนของการลงทุนแบบงงๆ ประมาณว่า growth ก็ไม่ค่อยมีแล้วยังมาดูดเงินจากนักลงทุนรายย่อยไปอีก (ต่อหน้า 3/3)

    (หน้า 3/3) สี่ เรามีปัญหา corporate governance ที่มากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีการจัดการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว จนกลายเป็นแบบอย่างให้ทำกันมากขึ้น เพราะคุ้ม ทำแล้วโอกาสโดนจับน้อย ยิ่งนักลงทุนต่างประเทศออกจากตลาดไป ปัญหายิ่งเพิ่มขึ้น เราเห็นเคสการปั่นหุ้นจำนวนมากค้างอยู่ในระบบ เราเห็นพฤติกรรมการสร้างราคา ลากขึ้นไปเชือดแบบนิ่มๆ เราเห็นการไซฟ่อนเงินออกจากบริษัทแบบที่ใช้เวลานานมากกว่าจะจัดการได้ หรือการสร้างบัญชีเท็จแบบหลอกตาคนทั้งอุตสาหกรรม

    จนกลายเป็นคำถามว่า ในฐานะนักลงทุน เขาจะเชื่อใจได้อย่างไรว่าระบบการตรวจสอบทั้งภายใน และภายนอกจะรักษาผลประโยชน์ของนักลงทุน และเขาจะไม่ถูกหลอก หรือโดนเอาเปรียบทั้งจากรัฐ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเมื่อเกิดการกระทำความผิดแล้ว จะมีการดำเนินคดีให้เป็นเยี่ยงอย่าง อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

    ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่สำคัญมากในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน แม้ว่าบริษัทในตลาดหุ้นไทยหลายๆตัว ยังมีโอกาสและศักยภาพที่น่าสนใจ ในหลายๆมิติ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพใหญ่ดูน่ากังวล ถ้าเราดู EPS หรือกำไรต่อหุ้นเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย ที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยในรอบสิบปีที่ผ่านมา ในขณะที่กำไรในตลาดหุ้นอื่นๆ เติบโตได้ สะท้อนให้เห็นว่า ผลตอบแทนของระดมทุนใหม่ ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า

    คงพออธิบายได้ว่าทำไมต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องมากว่าสิบปี เป็นเงินกว่าหนึ่งล้านล้านบาท (ไม่ต้องถามนะครับว่าเขาเอาจากไหนมาขาย เพราะขายไปขนาดนี้ ต่างชาติยังถือหุ้นไทยมูลค่าอีกกว่า 4 ล้านล้านบาท)

    และ long sell แบบนี้ โหดร้ายกว่า short sell หลายเท่านัก เพราะเขาไม่ซื้อคืนด้วยนะครับ ถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ มัวแต่แก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุด ตลาดไทยอาจจะกลายเป็นตลาดร้างที่ไม่ใครสนใจ สภาพคล่องหดหาย ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับภาคเอกชนของไทยในการระดมเงินลงทุน และเราอาจจะเห็นบริษัทดีๆของไทยต้องไประดมทุนในตลาดทุนต่างประเทศก็ได้

    #ตลาดหุ้น #ไทย #โกง #อื้อฉาว #เศรษฐกิจ #ต่างชาติ #ดัชนีหุ้นไทย #BTimes

    https://www.facebook.com/share/ssdnVdVxf2udgDdb/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Carry Trade เงินเยน สร้างปรากฎการณ์ประวัติศาสตร์ระเบิดตลาดทั่วโลก

    การซื้อขายสกุลเงินเยนด้วยการกู้ยืม หรือ Carry Trade กลไกเป็นอย่างไรและทำไมถึงทำให้ตลาดร่วงได้ในเวลาอันสั้น?

    เริ่มต้นหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด BOJ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นประมาณ 0.25% ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองนับตั้งแต่ปี 2007 ทำให้สิ้นสุดนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบมาหลายปี

    นักลงทุนใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากนี้ โดยนักลงทุนจะกู้ยืมเงินเยนที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมากประมาณ 0.4% และใช้เงินเยนนี้แปลงเป็นดอลลาร์สหรัฐหรือสกุลเงินอื่น ๆ และได้รับมาร์จิ้นที่เกือบจะฟรี

    ส่วนต่างที่กว้างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐและประเทศอื่น ๆ กับอัตราดอกเบี้ยติดลบในญี่ปุ่นทำให้เป็นไปได้

    อย่างไรก็ตาม เมื่อ BOJ เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดการยกเลิกการซื้อขายสกุลเงินเยนด้วยการกู้ยืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐและ EU เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ผลที่ตามมาคือค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นและคู่สกุลเงิน USD/JPY ตกต่ำที่สุดตั้งแต่ธันวาคม 2023

    ซึ่งตอนนี้คุณจะได้รับ 142 เยนสำหรับทุกดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 160 เยนสำหรับทุกดอลลาร์สหรัฐเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

    แต่จุดสำคัญคือเมื่อค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น การซื้อขายสกุลเงินเยนด้วยการกู้ยืมหลายรายการกำลังถูกเรียกหลักประกัน ยุคของการกู้ยืมเงินเยนที่ "ฟรี" กำลังจะสิ้นสุดลง เมื่อหลักประกันเหล่านี้ถูกเรียกคืน ทรัพย์สินพื้นฐานก็ถูกขายออกและทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ

    การแก้ไขปัญหานี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันมากจากการตกต่ำของตลาดในครั้งก่อน ๆ ดังนั้นจึงต้องติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกกันต่อไป

    #BusinessTomorrow #BizTMR #เยน #BOJ #ญี่ปุ่น #ดอกเบี้ย #ข่าวต่างประเทศ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน

    ตั้งเพจเราเป็น "รายการโปรด" เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็น ขอบคุณครับ

    https://www.facebook.com/share/p/gamAxrZbhiW1M4Qv/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Screenshot_25670807_000612.jpg

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150

แชร์หน้านี้

Loading...