ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 เลขที่ออก! อินเทลเตรียมปลดครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ กว่า 15,000-17,400 คนเตะฝุ่นในสิ้นปีนี้ หวังประหยัดเงินกว่า 370,000 ล้านบาท ยอดขายยันกำไรย่ำแย่หนัก งดจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 4 ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งหนักกว่า 42% มูลค่าบริษัทหายกว่า 888,000 ล้านบาท คนวงการเทคโนโลยีในสหรัฐตกงานรวมเกิน 109,000 คนใน 7 เดือนแรกปีนี้

    อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิปชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุมา 56 ปี เปิดเผยว่า เตรียมแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยจะมีจำนวนพนักงานถูกปลดออก 17,475 คน หรือมากถึง 15% ของพนักงานในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ด้วย ขณะที่เมื่อวานนี้ อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า มีแผนจะปลดพนักงานออกเป็นจำนวนหลายพันคนขึ้นไปภายในก่อนสุดสัปดาห์นี้

    ข้อมูลเมื่อ 31 ธันวาคม 2023 อินเทลมีพนักงานอยู่ราว 124,800 คน ซึ่งรวมสายงานธุรกิจในเครือที่แยกออกไปดำเนินกิจการเอง อย่างไรก็ตาม หากไม่รับรวมสายงานธุรกิจที่แยกออกไปบริหารอย่างอิสระนั้น อินเทลมีพนักงานทั้งหมดถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2024 จำนวน 116,500 คน นอกจากนี้ ยังมีการตัดลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย เช่น ภายในปี 2025 ลดรายจ่ายจากการปฏิบัติงาน และลดงบประมาณการลงทุนรวมกันทั้งสิ้นคิดเป็น กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การปลดพนักงานรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นในครั้งนี้ จะทำให้อินเทลประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาทภายในปี 2025

    นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มทุนด้านการใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการวิจัยและพัฒนาโดยมุ่งเป้าหมายไปที่การปรับปรุงเทคโนโลยีของอินเทล ที่สำคัญ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้อินเทลเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลก หลังจากบริษัทเอเอ็มดี เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดไมโครชิปของอินเทล

    อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ในคืนผ่านมา พบว่าขาดทุนมากถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 59,200 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากในช่วงเดียวกันเมื่อปีผ่านมา ที่มีกำไรสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 55,500 ล้านบาท ด้านรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 ลดต่ำลง 1% เหลือเพียง 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 473,600 ล้านบาท จากเดิมที่ 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 477,300 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งลงมากกว่า -20% มาเหลือหุ้นละ 23.82 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 880 บาท นั่นหมายถึงมูลค่าบริษัทอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เสียหายมากถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 888,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงคืนผ่านมา ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งแรงกว่า -42% (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การเติบโตของอินเทลจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงยอดขายทั้งหมดในปีนี้ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 3% หรือราว 55,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.06 ล้านล้านบาท หากเป็นไปตามนี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ปี 2021 ที่อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น มีรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้น ข้อมูลถึงวันที่ 29 มิถุนายนผ่านมา อินเทลมีเงินสดรวม 11,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 417,730 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.18 ล้านล้านบาท

    ก่อนหน้านี้ อินเทลปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน หรือคิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมดในปี 2023 ทำให้เหลือพนักงานอยู่ประมาณ 124,800 คนในสิ้นปีผ่านมาหลังจากได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่แล้วว่าจะปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2024 มาถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2024 พบว่า บริษัทในอุตสาหกรรมและธุรกิจเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกามีจำนวน 380 แห่ง ได้ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 109,297 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 15,614 คน ส่งผลให้ผ่านไป 7 เดือน จำนวนพนักงานในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวตกงานคิดเป็น 41% ของจำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ตกงานในทั้งปีผ่านมา ขณะที่ในปี 2023 มีจำนวนบริษัททั้งหมด 1,192 แห่ง ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 264,180 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 22,015 คน

    #อินเทล #ไมโครชิป #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #สหรัฐ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/ja8ZvLnwHFBqNn1v/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 ฝ่าวิกฤต! สรุปภารกิจ 4 ปี กองทุนน้ำมันฯ บนภาวะวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง เร่งฟื้นฟูสภาพคล่อง จ่ายหนี้

    สรุปสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบต่อเนื่องจากการอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม(LPG) นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด กองทุนน้ำมันฯ ได้ตรึงราคาก๊าซ LPG หลังจากมีวัคซีนป้องกันโควิดได้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในปี 2564 แต่ก็เกิดวิกฤตสงครามการสู้รบรัสเซีย-ยูเครนปี 2565 และความไม่แน่นอนของราคาพลังงานในปี 2566 และการกลับมาตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร เข้าสู่สถานะปัจจุบัน 2567 ที่แม้จะขยับเพดานราคาดีเซลขึ้นมาที่ 33 บาท/ลิตรแล้ว แต่ก็ยังเกิดวิกฤตจากสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเอง จนทำให้ปัจจุบันติดลบระดับกว่า 1 แสนล้านบาทอีกระลอก หลังจากที่เคยออกกฎหมายให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้ยืมเงินให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นหนี้ถึง 105,333 ล้านบาท ซึ่งต้องทยอยจ่ายคืนเงินต้นให้สถาบันการเงินในช่วงปลายปี 2567 นี้

    นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2563 สถานการณ์พลังงานในขณะนั้นอยู่ในภาวะชะลอตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กิจกรรมด้านเศรษฐกิจมีความเคลื่อนไหวน้อยทำให้การบริโภคพลังงานลดลงตามไปด้วย ซึ่งในขณะนั้นฐานะกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกประมาณ 30,000 ล้านบาท เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายการบริโภคน้ำมันกลับมามีอัตราเติบโตทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น กองทุนน้ำมันฯ เริ่มชดเชยก๊าซ LPG ตรึงอยู่ที่ 318บาท/ถังขนาด 15 กก. เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพแก่ภาคครัวเรือน

    ในต้นปี 2565 เกิดสงครามสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเคยพุ่งทะลุระดับ 120 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล กองทุนน้ำมันฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในประเทศให้อยู่ที่ราคา 30 บาท/ลิตร โดยเคยชดเชยสูงสุดถึง 14 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันฯ ในเวลานั้นติดลบราว 130,000 ล้านบาทจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันไดถึง 35 บาท/ลิตร จึงได้มีการแก้ไขกรอบวงเงินกู้ ตามมาตรา26 วรรคสาม
    โดย ครม.มีมติขยายกรอบเป็น 150,000 ล้านบาท และขอให้รัฐบาลอนุมัติออกพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 เพราะกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ มีกรอบวงเงินกู้ยืมได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงิน ในการปล่อยกู้ให้กับกองทุนน้ำมันฯ ในวงเงินกู้ 105,333 ล้านบาท ซึ่งกำลังจะถึงกำหนดเวลาทยอยจ่ายคืนเงินต้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้

    ในช่วงต้นปี 2566 สถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มผ่อนคลาย กองทุนน้ำมันฯ ได้มีการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงจำนวน 6 ครั้ง เหลือ 32 บาท/ลิตร ในช่วงเดือนพฤษภาคมและในช่วงเวลาที่ลดการชดเชยก็เริ่มมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จนทำให้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบลดลงเหลือประมาณ 49,000 ล้านบาท ต่อมาเมื่อได้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้มีการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 30 บาท/ลิตร ขณะที่มาตรการลดภาษีสรรพสามิตที่เคยเข้ามาเป็นกลไกช่วยพยุงราคาดีเซลอีกทางหนึ่งได้หมดอายุลง ทำให้กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกหลักเดียวในการพยุงราคาน้ำมัน

    อย่างไรก็ดี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ได้มีมาตรการการตรึงราคาน้ำมันดีเซล กำหนดเพดานเป็นไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ไว้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน ส่วนราคาก๊าซ LPG ตรึงไว้ที่ 423 บาท/ถังขนาด 15 กก. ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 ได้ขยายมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร เป็นรอบที่สอง ออกไปอีก 3 เดือน ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2567 โดยให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ แต่อัตราการชดเชยต้องไม่เกิน 2 บาท/ลิตร โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ติดลบ 111,663 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท ในส่วนของประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด มีรายรับประมาณวันละ 88.15 ล้านบาท แบ่งเป็นรายรับประเภทน้ำมันวันละ 81.76 ล้านบาท และรายรับก๊าซ LPG วันละ 6.39 ล้าน แต่กองทุนน้ำมันยังมีการชดเชยน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 0.40บาท/ลิตร คิดเป็นรายจ่ายประมาณวันละ 26.73 ล้านบาท

    “ผมเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งแรกช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งขณะนั้นฐานะกองทุนน้ำมันฯ ยังเป็นบวกอยู่ถึง 3 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาส่วนใหญ่มาจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมคือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ผันผวนก่อนสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด หลังจากมีวัคซีนโรคโควิดเริ่มผ่อนคลายลง เศรษฐกิจถูกกระตุ้นอัตราการเติบโตทำให้ราคาน้ำมันเริ่มเข้าสู่ขาขึ้น เรื่อยมาจนกระทั่งโลกต้องพบกับวิกฤตที่สั่นคลอนราคาน้ำมันครั้งใหญ่จากการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ในปี 2565 ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกินระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กองทุนน้ำมันถูกใช้เป็นกลไกหลักในการพยุงราคาดีเซลในประเทศไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ควบคู่กับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตในบางช่วง และแม้ว่าในปี 2566 สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย แต่ก็ยังมีความผันผวนด้านราคา จากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันฯ ยังคงต้องแบกรับการอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ต่อไปจนทำให้เริ่มเกิดวิกฤตอีกรอบในปี 2567 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบเกินกว่า 1 แสนล้านบาทอีกรอบ และครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ เองซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่วิกฤตมาจากปัจจัยภายนอก ผมกำลังจะ หมดวาระผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง ก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคนต่อไปเร่งฟื้นฟูสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ให้กระเตื้องขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค้าน้ำมัน ตลอดจนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน เจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด” ผู้อำนวยการ สนกช.กล่าวในท้ายที่สุด

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

    #กองทุนน้ำมัน #หนี้กองทุนน้ำมัน #ราคาน้ำมัน #พลังงาน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/e1dmNMFhyWzjzgBx/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย.-สมอ.ลุยสกัดสินค้าจีนทะลัก ระดมกำลังเพิ่มสุ่มตรวจคุณภาพ
    .
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนทยอยเข้ามาเปิดตัวในไทยอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Lazada , Aliexpress , Taobao , SHEIN และล่าสุด Temu ประกาศเปิดตัวในไทย โดยใช้กลยุทธ์ราคาสินค้าถูกที่สุดส่งตรงจากโรงงานในจีน ทำให้ภาคธุรกิจกังวลสินค้าจะทะลักเข้ามาส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไทย
    .
    รวมถึงอาจจะมีผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ภายในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่อยู่ในการควบคุมกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
    .
    ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้สัมภาษณ์ว่า โดยหลักทุกผลิตภัณฑ์ที่สั่งมาจากต่างประเทศส่งเข้ามาสู่ประเทศไทยผ่านทางไปรษณีย์ จะมีด่านไปรษณีย์ตรวจสอบทุกพัสดุจะต้องถูกเอกซเรย์
    .
    โดยหากด่านศุลกากรเห็นว่าใบแสดงเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพจะส่งมาให้เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาตรวจสอบ ซึ่งมีระบบตรวจสอบเข้มข้น ด้วยการเปิดพัสดุดูว่าตรงปกตามที่มีการแจ้งไว้หรือไม่ หากไม่ตรง ก็จะมีการดำเนินตามกฎหมายกับผู้ที่สั่งเข้ามา และศุลกากรก็จะยึดอายัดไว้เป็นของกลาง
    .
    ส่วนประเด็นหากสั่งสินค้าผ่าน Temu จำนวนมาก กำลังคนตรวจสอบจะเพียงพอหรือไม่ ภก.เลิศชาย กล่าวว่า Temu เพิ่งเปิดตัวในไทย ซึ่ง อย.กำลังวิเคราะห์หลังบ้านอยู่ว่าปริมาณงานที่เพิ่มเติมขึ้นจากการสั่งผลิตภัณฑ์สุขภาพมีขนาดไหน
    .
    รวมทั้งหากมีจำนวนมากแบบก้าวกระโดดก็จะส่งผลต่อภาระงานในการที่จะต้องตรวจสอบแน่นอน รวมถึงวิเคราะห์ว่ามีช่องว่างตรงจุดไหนที่เมื่อสินค้าเข้ามาแล้วจะหลุดจากการตรวจสอบ เพื่อวางแผนรองรับ เป็นสิ่งที่ต้องนำข้อมูลมาวางแผนต่อไป
    .
    พิจารณากำหนดปริมาณสั่งเข้าใช้ส่วนตัว
    .
    ภก.เลิศชาย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ถ้ามองตามเกณฑ์ของกฎหมายที่อย.ดูแลนั้น การสั่งเข้ามาผ่านอีคอมเมิร์ซ ไม่เข้านิยามว่าเป็นของติดตัวที่นำเข้ามาได้ในปริมาณที่กำหนดหลังกลับมาจากต่างประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่การสั่งเข้าผ่านทางอีคอมเมิร์ซจะต้องขออนุญาตนำเข้าหรือไม่
    .
    รวมถึงเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เป็นสิ่งที่อย.กำลังพิจารณาดำเนินการขีดเส้น เรื่องการกำหนดปริมาณผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สั่งเข้ามาส่งผ่านไปรษณีย์ที่เป็นการใช้ส่วนตัว ไม่เข้าข่ายเป็นการสั่งเข้ามาเพื่อจำหน่าย
    .
    “ส่วนตัวเชื่อว่าการสั่งผ่านอีคอมเมิร์ซเข้ามาเพื่อขายนั้น ไม่คุ้มและสู้ราคาต้นทุนไม่ได้ เพราะคนซื้อจะสั่งเองผ่านอีคอมเมิร์ซได้ราคาถูกกว่า”ภก.เลิศชายกล่าว
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1138424?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจupdate #กรุงเทพธุรกิจ

    https://www.facebook.com/share/p/BGzKXsEd4vTcjAaC/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ไปกันใหญ่ หุ้นอินเทล มูลค่าตลาด market cap หายวับ 2.5หมื่นล้านดอลลาร์! หนักสุดตั้งแต่วิกฤติ "ดอตคอม" ปี2000! #ระส่ำ หุ้นร่วง 22%
    โอย เพิ่งโพสต์ไปเมื่อเช้าเองนะครับ ผลมันซัดซะกระเพื่อมมโหฬารเลยครับ
    อินเทล ถึงขั้นต้องปลดพนักงาน "เลย์ออฟ" 17,500 คน และลดค่าใช้จ่ายเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้าครับ
    นอกจากนี้ยังระงับการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอีกต่างหาก
    นั่นล่ะครับ ช่วง premarket ก่อนตลาดเปิด ก็วอดวายเลยทีเดียว หุ้นร่วง 21.5% ซึ่งถ้าตลาดเปิดมาแล้ว สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็เท่ากับว่ามูลค่าตลาด market cap จะปลิวไป 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติ "ดอตคอม" ฟองสบู่แตกตอนปี 2000 เลยล่ะครับ
    น่าสยดสยองทีเดียว
    https://www.cnbc.com/2024/08/02/int...-global-chip-stocks-from-tsmc-to-samsung.html
    https://www.reuters.com/technology/...ears-it-struggles-with-turnaround-2024-08-02/
    https://www.facebook.com/share/p/gWTQtVqUcCtzBWGT/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเทล (Intel) หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ โดยจะลดจำนวนพนักงานลง 15,000 ตำแหน่ง หลังผลกำไรปีต่อปีในช่วงไตรมาส 2 ลดลงถึง 85% สวนทางกับบริษัทคู่แข่งอย่าง AMD เพิ่งแถลงตัวเลขกำไรเป็นกอบเป็นกำจากอานิสงส์ยอดขาย “ชิปเอไอ” ที่กำลังมาแรง
    .
    ในระยะเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 29 มิ.ย. Intel ทำรายได้ทั้งหมด 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่ผลกำไรสุทธิลดฮวบถึง 85% ลงมาอยู่ที่ 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    ในทางกลับกัน AMD ประกาศตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นถึง 19% มาอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากยอดจำหน่ายชิปให้กับบรรดาศูนย์ข้อมูลเอไอ
    .
    “ผลกำไรในไตรมาส 2 ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ว่าโรดแมปในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการจะคืบหน้าอย่างต่อเนื่องก็ตาม” แพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel ระบุในรายงานผลประกอบการ
    .
    ด้าน เดวิด ซินสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ชี้ว่าผลกำไรที่ย่ำแย่ในไตรมาส 2 “เป็นผลมาจากการที่เราเร่งรัดพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอสำหรับ PC” ประกอบกับ “รายจ่ายที่สูงผิดปกติในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก (non-core businesses) และรายจ่ายที่เกี่ยวกับศักยภาพซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน”
    .
    Intel ยอมรับว่า การถูกถอดใบอนุญาตส่งออกผลิตภัณฑ์บางอย่างให้กับ “หัวเว่ย” (Huawei) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ส่งผลกระทบต่อรายได้ในช่วงไตรมาส 2 และการที่สหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มสินค้าส่งออกไปจีนก็คาดว่าจะ “ส่งผลในเชิงลบพอประมาณ” ต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.
    .
    หัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำควบคุมการส่งออกตั้งแต่ปี 2019 ทว่าบริษัทอเมริกันหลายๆ เจ้ารวมถึง Intel ยังคงได้รับการผ่อนผันให้สามารถขายชิปบางตัวที่ไม่ใช่ชิปขั้นสูงให้กับหัวเว่ยได้
    .
    เดิมทีใบอนุญาตที่ว่านี้จะหมดอายุในช่วงปลายปี 2024 ทว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งถอนใบอนุญาตก่อนกำหนดเมื่อเดือน พ.ค. หลังจากที่หัวเว่ยมีการเปิดตัวแลปท็อป MateBook X Pro ที่ใช้ซีพียู Core Ultra 9 รุ่นใหม่ของ Intel เป็นขุมพลังในการประมวลผล
    .
    ในขณะที่ Nvidia ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ผู้นำด้านชิปเอไออยู่ในตอนนี้ AMD และ Intel ก็แข่งกันอย่างหนักเพื่อที่จะเป็น “เบอร์ 2” โดยมุ่งเน้นพัฒนาเอไอที่ใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ทว่ายอดขายของ AMD นั้นยังเติบโตแรงกว่า Intel มากในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา
    .
    ด้วยเหตุนี้ Intel จึงตั้งเป้าที่จะ “เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน” ด้วยแผนปรับโครงสร้างเพื่อลดรายจ่ายลง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งรวมถึงการปลดพนักงานออก 15,000 คน หรือประมาณ 15%
    .
    Intel เป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันรายเดียวที่มีโรงงานผลิตชิป (fabs) เป็นของตัวเอง และบริษัทจะได้รับเงินอุดหนุน 8,500 ล้านดอลลาร์ รวมถึงวงเงินกู้อีก 11,000 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์รุ่นล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นเงินทุนสนับสนุนสูงสุดที่สหรัฐฯ มอบให้ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act
    .
    ที่มา: Nikkei Asia

    https://www.facebook.com/share/p/5h6QBEY8vzKmb4yJ/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 2, 2024 ตามที่คาด! สหพันธ์รถบรรทุกนั่งไม่ติด ขนส่งศูนย์เหรียญโผล่ในไทย จีนตั้งคลังส่งสินค้าพ่วงเปิดรถขนส่งของจีนเองในไทย ประเดิมเจอ 10,000 คัน หวั่นที่สุดผู้ประกอบการขนส่งไทยไม่มีที่ยืนถึงปิดตัวลง

    นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (คนใหม่) เปิดเผยว่า สหพันธ์ฯ กำลังประสานขอเข้าพบนาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางรับมือทุนจีน เข้ามาตั้งคลังส่งสินค้า แล้วเปิดกิจการขนส่งเองอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการนำเข้ารถบรรทุกจากจีนเข้ามาใช้งานเอง ส่งผลให้การจ้างงานผู้ประกอบการขนส่งไทยลดน้อยลง

    โดยเฉพาะหลังการเปิดเสรีการค้าอาเซียน-จีน ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยสินค้าเหล่านั้นมีการใช้รถขนส่งสินค้าของจีนเกือบทั้งหมดผ่านบริษัทนอมินี ซึ่งปัจจุบันประเมินว่า มีสัดส่วนราว 1% ของจำนวนรถบรรทุกในไทย หรือ ราว ๆ 10,000 คัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 10,000 คัน ซึ่งหากมีการดัมพ์ราคาขนส่งด้วย จะทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันไม่ได้ ซึ่งหากไม่เตรียมตัว หรือ มีมาตรการรับ มือที่ดีพอ จะทำให้ผู้ประกอบการไทยอยู่ไม่ได้

    นอกจากนี้ จะมีการพูดคุยเรื่องการเยียวยากลุ่มรถป้ายเหลืองขนส่งสาธารณะ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นด้วย ซึ่งจะขอเข้าหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ และการดูแลราคาน้ำมันดีเซลที่ขึ้นมาถึง 33 บาทต่อลิตรกระทบรถบรรทุกจนต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่า 50% ก่อนพิจารณแนวทางกการเคลื่อนไหวของคาราวานม็อบรถบรรทุกในเร็วๆ นี้

    #ขนส่งสินค้า #ขนส่งศูนย์เหรียญ #จีน #ไทย #โลจิสติกส์ #เศรษฐกิจ #ดีเซล #รถบรรทุก #สิบล้อ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/kE58LTruxsgb2g98/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครไปหลวงพระบางถ้าหลุดไปกินร้านอาหาร ริมโขง ที่พนักงาน ใส่เสื้อสีน้ำเงิน ร้านนี้ดีทุกอย่าง คนไม่เยอะ บรรยากาศดี แต่ตอนจ่ายเงินให้ระวังให้ดี ผมเช็คบิลมา 600,000 กีบปลายๆ จ่ายไปทั้งหมด700,000กีบ
    เป็นแบง100,000 กีบ 7 ใบ พนักงานเอาเล่มพับใส่บิลมาให้เราก็เอาเงินใส่ แล้วพับปิดไว้พนักงาน เดินไปเปิดแล้วเดินกลับมาบอกว่าเงินเราไม่พอ กลายเป็นแบงค์100,000 กีบ 5ใบ และ แบงค์10,000กีบ 2ใบ แต่เราก็จ่ายๆไป แต่มันไม่มีทางพลาดได้เพราะเราพึ่งกดเงินออกมาจาก atm 2ล้านกีบ แบงค์ 100,000 ล้วนๆ

    เตือนกันไว้ตอนจ่ายให้พนักงานเปิดดูที่โต๊ะเลย

    https://www.facebook.com/share/p/wBuz5ihd8RyJPSUV/?mibextid=oFDknk

    Screenshot_2024-08-02-19-11-08-18_a23b203fd3aafc6dcb84e438dda678b6.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย

    คิดเอาเองแล้วกัน ขนาดร้านรับแลกเปลี่ยนยังรับซื้อราคาขนาดนี้ แล้วเอาไปขายต่อในตลาดมืดราคาจะสูงขนาดไหน

    https://www.facebook.com/share/p/Hpr1fgrr5PU5Y7GV/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240802_191442.jpg
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FED พลาดไปแล้ว ลดดอกเบี้ยช้าไป ? ทำตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ พุ่งแตะ 4.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

    #เรื่องนี้น่าห่วง ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงต่อเนื่อง S&P500 Futures ดิ่งลงต่ออีกเกือบ -2% ในคืนนี้ หลังตัวเลข Nonfarm Payrolls สหรัฐเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง +1.14 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดไว้เยอะ และตัวเลขว่างงานสหรัฐพุ่งแตะ 4.3% (ตลาดคาดไว้แค่ 4.1%)

    การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น +114,000 ตำแหน่งต่อเดือน โดยต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ +175,000 ตำแหน่งอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 4.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.1%

    ทำให้โดยรวมแล้วหุ้นสหรัฐ S&P500 ได้ร่วงลงรวมเกือบ -4% แล้วภายในเวลา 2 วันหลังการประชุม FED

    แต่ก่อนตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอมักเป็นผลดีต่อหุ้น เพราะแสดงว่าเงินเฟ้อจะลดลงและมีโอกาสที่ FED จะยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

    แต่ตอนนี้ #ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า FED กำลัง Behind The Curve หรือไม่ ? หรือธนาคารกลางสหรัลดดอกเบี้ยช้าเกินไปหรือป่าว ?

    ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาจจะเกิดสิ่งที่ตลาดหุ้นกลัวที่สุด นั้นก็คือ Recession แบบ Hard Landing

    ข่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567

    #BusinessTomorrow #BizTMR #Japan #Stock #Topix #หุ้นญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน

    ฝากตั้งเพจเราเป็น "รายการโปรด" ไว้ เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นครับ ขอบคุณครับ

    https://www.facebook.com/share/Cc9b1XXPsqXpH3zo/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนลาวจะถูกสอนในบทเรียนว่า กษัตริย์ล้านช้างองค์สุดท้ายคือ เจ้าอนุวงศ์ เพื่อสร้างการปลูกฝังให้คนลาวเกลียดชังไทย

    แต่แท้ที่จริงแล้ว กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาวคือ สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ที่ถูกคอมมิวนิสต์ลาวฆ่าตายในค่ายสัมนา พระศพถูกเอาไปฝังไว้ที่ไหนยังไม่ถูกเปิดเผยความจริงมาถึงปัจจุบัน



    https://www.facebook.com/share/p/PnCRF6FsmzBjxSkY/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240802_214537.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แก้ไม่ยาก ก็อย่าไปเที่ยวลาว จะได้ไม่มีใครไปอวดรวย เหมือนคนพวกนี้คิด

    Screenshot_25670804_144214.jpg

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อนอกชี้ รบ.ไทยจุดไฟเผา "ฮับอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศ" แจกเงินอุดหนุนให้ปชช.แห่ซื้อ “รถอีวี” ทำรง.ปิดเพียบค่ายรถญี่ปุ่นหนี “มาเลเซีย”ผงาดแซงขึ้นแท่นแชมป์อันดับ 2 แทน
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ฺ - รัฐบาลไทยทำอุตสาหกรรมผลิตรถในประเทศที่เคยเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” กลายเป็นตำนานหลังให้เงินอุดหนุนเพื่อซื้อรถไฟฟ้าอีวีอานิสงค์ส่งรถไฟฟ้าจีนยอดพุ่งทำยอดขายรถสันดาปใช้น้ำมันค่ายญี่ปุ่นที่ผลิตภายในประเทศฟุบลงทันที บรรดาค่ายแห่ย้ายฐานกลับกระทบโรงงานผลิตชิ้นส่วนของไทยต้องปิดตัวหรือปลดคนงาน ส่งมาเลเซียผงาดขึ้นแชมป์กลายเป็นเบอร์ 2 แทนที่ไทย พบรถยนต์น้ำมันและรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้ายอดพุ่ง รุ่นวิออสต่ำสุดแค่ 770,700 บาท
    .
    นิกเกอิเอเชียของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 28 ก.คว่า เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำนักงาน BOI นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เมื่อไม่นานมานี้ได้ขอร้องต่อค่ายรถจีน GAC Aion ว่า
    .
    “มันคงจะดีมากหากว่าคุณจะสามารถให้การสนับสนุนต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนของเราด้วยการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยบริษัทไทย”
    .
    เกิดขึ้นหลังความเสียหายได้แพร่กระจายไปทั่วซัพพลายเชนส์ที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่ต่ำกว่า 12 แห่งในไทยต้องปิดตัวไปเนื่องมาจากค่ายรถอีวีจีนที่ได้รับการอุดหนุนจากโครงการรัฐบาลไทยไม่ได้ซื้อชิ้นส่วนรถส่วนใหญ่จากบรรดาผู้ผลิตไทย
    .
    อ้างอิงจากกรมสรรพสามิตพบว่ามีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาไทย 185,029 คันนับตั้งแต่โครงการแจกเงินอุดหนุนรถไฟฟ้าเริ่มเมื่อปี 2022 แต่ทว่าตัวเลขใหม่จากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า การจัดทะเบียนรถอีวีใหม่อยู่ที่ 86,043 คันชี้ให้เห็นว่ามีรถไฟฟ้านำเข้าไม่ต่ำกว่า 90,000 คันเป็นกลุ่มที่ล้นความต้องการ
    .
    ในบรรดาค่ายรถจีนพบว่าค่าย BYD คู่แข่งค่ายรถอเมริกัน เทสลา ของ อีลอน มัสก์ นั้นมีการตลาดที่ดุเดือดมากที่สุดจากค่ายอีวีจีนทั้งหมดหั่นราคาลง 37% จากราคาเปิดขาย 899,000 บาท ขณะที่ค่ายรถ Neta ของจีนได้ลดราคารุ่น V-II ลงราว 50,000 บาท หรือ 9% จาก 549,000 บาทในราคาเริ่มต้น
    .
    นิกเกอิดเอเชียกล่าวว่า ผลกระทบจากการให้เงินอุดหนุนรถไฟฟ้าที่เริ่มมาตั้งแต่ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชาในปี 2022 และต่อมาจนถึงรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน อ้างอิงจากเว็บไซต์รัฐบาลไทยเมื่อ 21 ก.พ ปีนี้ ต่อยอดขยายรถไฟฟ้าที่กำลังล้นตลาดในประเทศให้ไปสู่ภาคอุตสหกรรมขนส่งด้วยการเสนอแนวทางให้ไทยหันมาเปลี่ยนใช้รถรรทุกไฟฟ้าและรถบัสโดยสารไฟฟ้าแทน
    .
    ผลกระทบจากการแจกเงินประชาชนเพื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์กลายเป็นสึนามิไปทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในไทยที่มีแรงงานไม่ต่ำกว่า 750,000 คน คิดเป็น 11%ของตัวเลขจีดีพีของไทยซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของเศรษฐกิจไทยขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 18%
    .
    นิกเกอิเอเชียเปิดข้อมูลว่า ยอดขายรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มตกไปตั้งแต่โครงการให้เงินสนับสนุนซื้อรถอีวีทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำลง ส่งผลทำให้บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนใหญ่จากการที่ราว 90% ของรถเหล่านี้ล้วนผลิตอยู่ในไทยทั้งสิ้น
    .
    บวกกับความอ่อนแอเป็นวงกว้างในเศรษฐกิจไทยเองยังเป็นปัจจัยส่งให้บรรดาผู้บริโภคยกเลิกการซื้อที่มีราคาสูงกว่า สมาพันธ์อุตสาหกรรมไทยกล่าวว่ามีรถขายไป 260,365 คนต่ำไป 23% จากปี 2023 และถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปีทีเดียว
    .
    บริษัทรถฮอนด้า มอเตอร์ ที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อต้นเดือนนี้ประกาศจะหยุดการผลิตรถยนต์ที่โรงงานจังหวัดอยุธยาภายในปี 2025 และทำให้สายการผลิตแข็งแกร่งที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดลดการผลิตประจำปีในไทยลงมาอยู่ที่ 120,000 คัน/ปีจากแต่เดิม 270,000 คัน/ปี
    .
    บรรดาผู้ผลิตค่ายญี่ป่นรายอื่นต่างหยุดการผลิตเช่นกัน ค่ายซูบารุสั่งประกาศหยุดการประกอบรถในไทยภายในสิ้นปีนี้ขณะที่ซูซุกิกล่าวว่า จะยุติการผลิตในปี 2025
    .
    แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนรัฐบาลไทยจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายและยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนรถไฟฟ้าที่ค่ายรถจีนได้เปรียบเมื่อเทียบจากค่ายรถอีวีอื่นจากทั้งฝั่งอเมริกาและยุโรปต่อไป
    .
    สื่อญี่ปุ่นกล่าวว่า เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำนักงาน BOI นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ได้พูดเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ว่า
    .
    “พวกเรารู้สึกยินดีที่มีค่ายรถจีนเพิ่มมากขึ้นมาลงทุนที่นี่ในไทยซึ่งมันสะท้อนถึงความมั่นใจในนโยบายของพวกเราในการสนับสนุนรถอีวี”
    .
    ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถได้รับผลกระทบหนัก คำสั่งซื้อชิ้นส่วนหายไป 40% ในปีนี้ ประธานสมาพันธ์กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถไทย สมพล ธนาดำรงศักดิ์ เปิดเผยกับนิกเกอิ พร้อมเสริมว่าผู้ประกอบรถยนต์ตัดกำลังการผลิตไปราว 30%-40% ในปี 2024
    .
    และชี้ว่า การเข้ามาของค่ายรถอีวีจีนไม่เอื้อต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนรถของไทยเพราะมีบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถจากไทยแค่ 12 แห่งจากทั้งหมด 660 แห่งนั้นสามารถส่งให้กับค่ายอีวีจีนที่บริษัทรถแดนมังกรดเหล่านี้หากไม่นำเข้าจากจีนหรือไม่ก็นำมาจากซัพพลายเชนต้นทุนต่ำของตัวเองแทน
    .
    ประธานสมาพันธ์เปิดเผยว่า “ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถในไทยต่างลดการผลิตลงเหลือแค่ 3 วันต่อสัปดาห์เนื่องมาจากยอดความต้องการลด” และเปิดเผยว่า มีบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนร่วม 12 แห่งต้องประกาศเลิกกิจการ
    .
    ทั้งนี้นิกเกอิเอเชียเคยรายงานก่อนหน้าเมื่อวันที่ 15 พ.ค ว่า มาเลเซียขึ้นแซงหน้าไทยในฐานะตลาดรถใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน
    .
    สื่อญี่ปุ่นชี้ว่าไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” นั้นถูก “มาเลเซีย” ที่เคยครองอันดับ 3 ยาวนานด้านยอดเขายปัจจุบันขึ้นแซงไทยมาอยู่ที่อันดับ 2 เป็นรองแค่อินโดนีเซีย
    .
    มาเลเซียสามารถเอาชนะไทยได้ถึง 3 ไตรมาสติดต่อกันโดยไตรมาสล่าสุดเป็นไตรมาสแรกของปีนี้(ม.ค -มี.ค) ซึ่งเมื่อเทียบกับไทยที่ ยอดขายรถยนต์รายเดือนเปรียบเทียบกับปีอื่นพบว่ายอดขายรถในไทยลดลงติดต่อกันตั้งมิถุนายนปี 2023 ที่พบว่าปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากหนี้เสียสินเชื่อซื้อรถยนต์ที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้นมาก และบวกกับสภาพปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เห็นผู้บริโภคไทยชะลอการจับจ่าย
    .
    แต่ทว่ามีการเติบโตมีให้เห็นเฉพาะแค่กลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าผลจากการเข้าสู่ตลาดไทยของรถอีวีรุ่นหลากหลายจากจีนที่อาจเป็นผลมาจากโครงการอุดหนุนรถไฟฟ้ารัฐบาลไทยที่ลากยาวไปจนถึงปี 2570
    .
    อ้างอิงจากสื่อธุรกิจในประเทศ เป็นต้นว่า ขนาดแบตเตอร์รีตั้งแต่ 50 kwh ผู้ซื้อในไทยจะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาทหากซื้อรถอีวีในปี 2024 และปีหน้าผู้ซื้อจะได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐราว 75,000 บาท
    .
    สื่อญี่ปุ่นชี้ว่า ผลจากมาตรการยกเว้นภาษีการขาย( sales tax) ของมาเลเซียนอกจากจะทำให้รถญี่ปุ่นแบบใช้น้ำมันขายดีแล้วยังทำให้รถแบรนด์ของมาเลเซียเองคือ เปอโรดัว( Perodua ) และโปรตอน (Proton) ขายดีตามไปด้วย
    .
    ด้าน อีวาน กู่ (Ivan Khoo) ตัวแทนขายรถค่ายโตโยตาในกรุงกัวลาลัมเปอร์ให้สัมภาษณ์ว่า ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024 ดีกว่าที่คิด
    .
    รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับตลาดค่ายรถโตโยตาในมาเลเซียคือ รุ่นวิออส ที่มีราคาต่ำกว่าคันละ 1 แสนริงกิต หรือ ราว 770,700 บาท
    .
    พร้อมกันนี้คาดการณ์ว่า ทั้งรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปแบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและรถยนต์ไฮบริดจะยังคงทำยอดขายได้ดีในแดนเสือเหลือง
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่....https://mgronline.com/around/detail/9670000071081

    https://www.facebook.com/share/p/TBExgdBcR8DVgom5/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์…

    1) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงหนักที่สุดในโลก หนักสุดเท่าที่เคยเจอมา

    2) หุ้น "7 นางฟ้า" สูญเสียมูลค่าตลาด "50 ล้านล้านบาท" ภายในวันเดียว

    3) ตลาดคริปโต มูลค่าสูญหายไป "15 ล้านล้านบาท" ภายใน 24 ชั่วโมง

    4) ตลาดเปลี่ยนใจให้โอกาส 60% ที่ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน

    5) เกาหลีใต้ ต้องสั่งระงับคำสั่งขายทั้งหมดในตลาดหุ้น

    6) ดัชนี Nasdaq Futures ลดลงสูงสุด -7% ในวันเดียว แบบไม่เคยเห็นมาก่อน

    7) "ตลาดหุ้นไทย" ทำ New Low ใหม่ SET ต่ำสุดในรอบ 4 ปี

    #BusinessTomorrow #BizTMR

    https://www.facebook.com/share/p/izaJowkceLs16gm6/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักลงทุนหลายคนกังวลใจ สหรัฐฯ จะเกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจหรือไม่ ทุกสินทรัพย์ทั่วโลกร่วงดิ่งทั้งกระดาน

    คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง Live สด กับ Business Tomorrow เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2567 เวลา 18.00 น. โดยให้มุมมองเกี่ยวกับวิกฤตฟองสบู่และการเกิด Hard Landing

    วันนี้ Business Tomorrow จะพาทุกคนมาเจาะลึกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเกิดการถดถอยหรือไม่ มาให้ทุกคนได้อ่าน และหากใครสนใจฟังเทปสัมภาษณ์เต็ม ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์ในคอมเมนต์

    1️⃣ อย่างที่เราทราบกันว่า ตั้งแต่การประกาศดัชนี Nonfarm Payrolls เดือนกรกฎาคม เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างเพิ่มขึ้น 1.14 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดไว้เยอะ และตัวเลขว่างงานสหรัฐพุ่งแตะ 4.3% แต่ผลตอบรับของทุกสินทรัพย์กลับร่วงดิ่งหมด ทันทีหลังประกาศตัวเลข ดัชนี Dow Jones ร่วง -1,000 จุด ลงหนักในรอบ 2 ปี, Nasdaq -3%, Dollar Index -1%, ทองคำ -0.5% และ Bitcoin -2% ค่ำคืนนั้นไม่มีสินทรัพย์ไหนที่ตอบรับเชิงบวกเลย แล้วพอถึงวันนี้ วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ทุกสินทรัพย์ก็ตอบรับเชิงลบมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตลาดหุ้นไทยเปิด -22 จุด วันนี้ ต่ำกว่า 1,300 จุดอีกครั้ง

    2️⃣ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ การที่ตัวเลขว่างงานสูงขึ้น การตอบรับของสินทรัพย์ที่ร่วงทุกตัว และปัจจัยของ FED ทุกปัจจัยที่กล่าวมาเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยหรือไม่? คุณธีระชัย มองว่าน่ากังวล เพราะมีปัจจัยต่าง ๆ เริ่มบ่งชี้แล้วว่า Hard Landing กำลังจะมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นปีหน้า หรือเร็วกว่านั้นก็เป็นไปได้

    3️⃣ คุณธีระชัย มองว่าสิ่งที่เกิดในตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาอย่างหนัก สาเหตุหลักคือสภาพคล่องในระบบ เพราะในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ตลาดทุนทั่วโลกได้อานิสงส์จากสกุลเงินเยนเป็น Funding Currency เพราะดอกเบี้ยสกุลเงินเยนต่ำมาก นักลงทุนจึงกู้เงินสกุลเงินเยน แล้วนำเงินกู้ไปลงทุนในตลาดสหรัฐ แล้วมีกำไรมากมาย หรือที่เราเรียกว่า Yen Carry trade นั่นเอง โดยเป็นการจ่ายดอกเบี้ยต่ำ และประกันความเสี่ยงได้เต็มจำนวน

    4️⃣ แต่สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในระดับ 0.25% ดังนั้นต่อจากนี้นักลงทุนที่กู้เงินจากสกุลเงินเยน แล้วนำเงินเหล่านี้ มาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หรือตลาดหุ้น ต้องมี “ต้นทุนทางการเงิน” แล้ว สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนบางคนเริ่มมองว่าไม่คุ้มเสียแล้ว คุณธีระชัยเพิ่มเติมว่า บางคนที่กู้เงินเยนแล้วมาลงทุนหุ้นเจ็ดนางฟ้าสหรัฐฯ แล้วได้กำไรมาตลอด แต่หลังจากญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ย ต้นทุนก็สูงขึ้น+หุ้นใหญ่ก็เริ่มปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนสาย Yen Carry trade ต้องออกจากตลาดไป ด้วยเหตุนี้เองทำให้สภาพคล่องในตลาดก็หายไปมากพอสมควร ซึ่งนี่เป็นแรงกระเพื่อมที่สำคัญ ที่อาจส่งผลต่อการปรับตัวของตลาดประมาณ 1 -2 สัปดาห์โดยประมาณ

    5️⃣ แต่ปัญหาใหญ่สุดตอนนี้ของสหรัฐฯ คือ อัตราดอกเบี้ยสูงที่คงอยู่เป็นเวลานานกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่จะทำให้เกิดปัญหาของหนี้สูญ และส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ คงต้องติดตามว่าท่าทีของ FED จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ เพราะจากการดิ่งลงของสินทรัพย์ทุกประเภทในตอนนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนกังวลใจไม่น้อยเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการตัดสินใจของ FED ในครั้งต่อไปจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด

    เรียบเรียงจาก Business Tomorrow

    ผู้เขียน ปฏิพัทร์ ปรมัตถ์วรโชติ

    ข่าวเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567

    #BusinessTomorrow #BizTMR #FED #HardLanding #ดอกเบี้ย #ญี่ปุ่น #เศรษฐกิจ #การลงทุน #ข่าวต่างประเทศ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน

    ตั้งเพจเราเป็น "รายการโปรด" เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็น ขอบคุณครับ

    https://www.facebook.com/share/p/baq1z6gjKVoYzsmV/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240805_182124.jpg
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 5, 2024 ฟื้นฟู! ภูมิธรรมเล็งลดค่าเช่าตลาดนัด 3 เดือน ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก และจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ ทุกเดือน เริ่ม 20 ส.ค. หวังฟื้นเศรษฐกิจ ระหว่างรอเงินดิจิทัล

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ในช่วงก่อนที่จะมีการคิกออฟโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ตามที่ได้มีการหารือร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มดำเนินการช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการรายเล็กแล้ว โดยได้ทำการงดการจัดเก็บค่าใช้พื้นที่รายเดือนให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าในศูนย์อาหารสวัสดิการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 43 ร้านค้า และงดเก็บค่าเช่าแผงตลาดนัดสวัสดิการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 993 แผง และผู้ประกอบการร้านค้าในอาคารของสำนักงาน และลานชั้นสาม อีก 1,047 ร้านค้า เป็นเวลา 3 เดือน ส่วนตลาดที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงอื่น ๆ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ

    สำหรับการจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ ขณะนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ได้เริ่มเตรียมความพร้อม โดยอยู่ระหว่างการกำหนดวัน เวลา ในการจัดตลาดนัดพาณิชย์ทุกเดือน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ระยะเวลา 3 เดือน โดยกำหนดสถานที่จัด เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้า ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้า และช่วยให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเริ่มคิกออฟได้วันที่ 20 ส.ค.2567 นี้ โดยจะมีการนำสินค้าธงฟ้า เช่น ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมันพืช ข้าวสาร สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าชุมชนราคาถูก อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ไปจำหน่าย เพื่อลดค่าครองชีพ

    อีกทั้งอยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงกลาโหม นำรถทหารมาทำเป็นรถโมบาย นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพไปขายในฟื้นที่ห่างไกล เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงสินค้าราคาถูก รวมทั้งมีแผนที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงห้างค้าส่ง-ปลีก และห้างท้องถิ่น จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพด้วย

    #ค่าเช่าที่ #ตลาด #สินค้าธงฟ้า #ตลาดนัดพาณิชย์ #เศรษฐกิจ #พาณิชย์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/cdVN1VWwz5GQzzMH/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 5, 2024 ช่วยรวมหนี้! คลัง จับมือ กรุงไทย ออกสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการ พร้อมลดดอกเบี้ยพิเศษ ยืดหนี้ผ่อนชำระจากอายุ 60 ปี เป็นถึงอายุ 80 เพิ่มสภาพคล่องช่วยลูกหนี้

    นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือใน “โครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง” ระหว่างธนาคารกรุงไทย และกระทรวงการคลังโดย 9 หน่วยงานในสังกัด และ 7 สหกรณ์ในสังกัด รวมมีข้าราชการภายใต้หน่วยงานในสังกัด ประมาณ 3.6 หมื่นคน มุ่งช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบาง ลดภาระทางการเงิน โดยมัดรวมหนี้ทุกประเภทไว้ที่ธนาคารกรุงไทย ในอัตราดอกเบี้ยต่ำและคงที่ตลอดอายุสัญญา รวมถึงขยายระยะเวลาการผ่อนชำระนานสูงสุดจนถึงอายุ 80 ปี โดยที่เมื่อหักเงินผ่อนชำระออกไปแล้ว ข้าราชการรายนั้นๆ จะต้องมีเงินเหลือไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน

    โดยปัจจุบันปัญหาของข้าราชการกลุ่มเปราะบาง คือ มีเจ้าหนี้มากกว่า 1 ราย ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ มีเงินเดือนเหลือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ภายใต้ความร่วมมือใน “โครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง” จะช่วยให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง สามารถรวมหนี้ทุกประเภทมาไว้ที่ธนาคารกรุงไทยที่เดียว โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดอายุสัญญา และมีระยะผ่อนชำระยาวขึ้น จากที่ถึงแค่ อายุ 60 ปี ก็ขยายให้ถึง 80 ปี ทำให้มีเงินได้รายเดือนคงเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ ส่งเสริมวินัยทางการเงิน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

    ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่รวมหนี้รายย่อยทุกประเภท ทั้งสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ จากทั้งธนาคารกรุงไทยและสถาบันการเงินอื่นๆ มารวมไว้ที่ธนาคารกรุงไทย โดยมีรูปแบบดังนี้
    1. สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งสินเชื่อบ้าน (พร้อมขอกู้เพิ่ม) และสินเชื่อบ้านแลกเงิน (พร้อมขอกู้เพิ่ม) อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3.50% ต่อปี 3 ปีแรก หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา (อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา 4.49% ต่อปี โดยคำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญาสูงสุด 40 ปี ผ่อนชำระ 4,700 บาท/เดือน) โดยได้รับยกเว้นค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ประกัน และ 2. สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

    ธนาคารกรุงไทย ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อสำหรับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับข้าราชการ 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้ให้กับข้าราชการได้ 5หมื่นคนปัจจุบันข้าราชการทั้งประเทศมีประมาณ 3 ล้านคน มีภาระหนี้รวมกันกันราว 3 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เกือบครึ่ง คือ 1.4 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ในส่วนของข้าราชการครู ,สำหรับกระทรวงการคลัง มีข้าราชการรวมกันราว 3.6 หมื่นคน

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการ #สินเชื่อ #ข้าราชการ #กรุงไทย #คลัง #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/VKnwd2vZ1s7XCN62/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 5, 2024 แก้ศูนย์เหรียญ! ขนส่งทางบก จ่อถกกระทรวงการคลังและพาณิชย์ หาทางแก้“ขนส่งศูนย์เหรียญ ” ตัดวงจรนอมินีจีน ยึดธุรกิจคลังสินค้า นำเข้า-ส่งออก ครบวงจร ไม่ให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบ

    จากกรณีมีการนำเสนอประเด็นข่าวทุนจีนยึด “ขนส่งศูนย์เหรียญ” นั้น การขนส่งทางบกชี้แจงว่า ตามกฏหมายการขนส่งทางบก ผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกต้องจดทะเบียนตามกฏหมายไทยและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศประเทศไทย มีกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง และต้องมีสัญชาติไทย ซึ่งกรมการขนส่งได้มีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด

    ส่วนในประเด็นการดำเนินธุรกิจที่เป็นนอมิจีนแบบครบวงจร ทั้งคลังสินค้าและการนำ-ส่งออกนั้น เตรียมหารือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง เพื่อหาทางแก้ปัญหาไม่ให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าไทยเสียเปรียบ

    สำหรับกรณีที่รถบรรทุกจากจีนวิ่งในประเทศไทยนั้น ขนส่งระบุว่า การจดทะเบียนรถขนส่งสินค้า ไม่ได้จำกัดสัญชาติของผู้ผลิตรถ แต่รถเหล่านั้นต้องมีขนาดและอุปกรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งมีมีการนำเข้าที่ถูกต้อง โดยในปัจจุบันมีรถขนส่งสินค้าจากจีนจดทะเบียน 8,473 คัน ซึ่งการเลือกใช้รถบรรทุกก็เป็นสิทธิ์ของผู้ใช้บริการ ที่จะพิจารณาทั้งเรื่องต้นทุนค่าขนส่ง ลักษณะงาน และและการบริหารจัดการขององค์กร

    #ขนส่งทางบก #คลัง #พาณิชย์ #ขนส่งศูนย์เหรียญ #นอมินีจีน#ธุรกิจคลังสินค้า #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/v8f5BTMrmDsKsZye/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 5, 2024 ฟื้นฟู! ภูมิธรรมเล็งลดค่าเช่าตลาดนัด 3 เดือน ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก และจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ ทุกเดือน เริ่ม 20 ส.ค. หวังฟื้นเศรษฐกิจ ระหว่างรอเงินดิจิทัล

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ในช่วงก่อนที่จะมีการคิกออฟโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ตามที่ได้มีการหารือร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มดำเนินการช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการรายเล็กแล้ว โดยได้ทำการงดการจัดเก็บค่าใช้พื้นที่รายเดือนให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าในศูนย์อาหารสวัสดิการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 43 ร้านค้า และงดเก็บค่าเช่าแผงตลาดนัดสวัสดิการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 993 แผง และผู้ประกอบการร้านค้าในอาคารของสำนักงาน และลานชั้นสาม อีก 1,047 ร้านค้า เป็นเวลา 3 เดือน ส่วนตลาดที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงอื่น ๆ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ

    สำหรับการจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ ขณะนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ได้เริ่มเตรียมความพร้อม โดยอยู่ระหว่างการกำหนดวัน เวลา ในการจัดตลาดนัดพาณิชย์ทุกเดือน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ระยะเวลา 3 เดือน โดยกำหนดสถานที่จัด เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้า ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้า และช่วยให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเริ่มคิกออฟได้วันที่ 20 ส.ค.2567 นี้ โดยจะมีการนำสินค้าธงฟ้า เช่น ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมันพืช ข้าวสาร สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าชุมชนราคาถูก อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ไปจำหน่าย เพื่อลดค่าครองชีพ

    อีกทั้งอยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงกลาโหม นำรถทหารมาทำเป็นรถโมบาย นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพไปขายในฟื้นที่ห่างไกล เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงสินค้าราคาถูก รวมทั้งมีแผนที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงห้างค้าส่ง-ปลีก และห้างท้องถิ่น จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพด้วย

    #ค่าเช่าที่ #ตลาด #สินค้าธงฟ้า #ตลาดนัดพาณิชย์ #เศรษฐกิจ #พาณิชย์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/cdVN1VWwz5GQzzMH/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'กฎของซาห์ม' ตัวชี้วัดเศรษฐกิจถดถอยที่แม่นยำตั้งแต่ 1970 ชนวนเหตุทำหุ้นโลกดิ่งหนักในรอบนี้
    .
    เสียงระฆังเตือนเศรษฐกิจโลกดังขึ้นอีกครั้ง จาก ‘กฎของซาห์ม’ หรือ 'Sahm Rule' ส่งสัญญาณเตือนว่า สหรัฐเสี่ยงเผชิญเศรษฐกิจถดถอย กฎนี้มาจากไหน และสามารถฟันธงอนาคตเศรษฐกิจปัจจุบันได้หรือไม่
    .
    ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหนัก โดยดัชนีหุ้นไทยดิ่งหลุด 1,300 จุด ขณะที่ราคาพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น ความเสี่ยง “เศรษฐกิจถดถอย” ได้กลับมาเป็นกระแสขึ้นอีกครั้ง โดยตัวชี้วัดที่ถูกพูดถึงในอันดับต้น ๆ นี้ คือ “กฎของซาห์ม” หรือ “Sahm’s Rule” ตัวชี้วัดโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยการนำ “อัตราการว่างงาน” (Unemployment Rate) มาคำนวณ
    .
    ที่น่าสนใจ คือ ตัวชี้วัดนี้สามารถทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา
    .
    กฎของซาห์มถูกเสนอโดย เคลาเดีย ซาห์ม (Claudia Sahm) นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นการใช้ค่าเฉลี่ยของอัตราการว่างงานย้อนหลัง 3 เดือน ลบด้วยอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน หากส่วนต่างนี้เกิน 0.5% แปลว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
    .
    เมื่อกฎของซาห์มดังขึ้น
    .
    ล่าสุด อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ในเดือนกรกฎาคม ทำให้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือนของอัตราการว่างงานทะลุผ่าน 0.5 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกในรอบวัฏจักรเศรษฐกิจนี้ จนหลายคนถามถึงเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานเฟดถึงกฎของซาห์ม พาวเวลตอบกลับว่า “ผมเรียกสิ่งนี้ว่า ความสม่ำเสมอทางสถิติ ไม่เหมือนกับกฎเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่าอะไรบางอย่างจะต้องเกิดขึ้น”
    .
    ด้านเคลาเดีย ซาห์ม ก็มองว่า ตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น กฎของซาห์ม เป็นความสม่ำเสมอเชิงประจักษ์จากอดีต “ไม่ใช่กฎธรรมชาติ”
    .
    เธอเสริมต่อว่า กฎนี้อาจใช้ไม่ได้ผลในครั้งนี้ เนื่องจากช่วงการระบาดของโควิด-19 ไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบปกติของวัฏจักรธุรกิจ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการฟื้นตัว มีความเป็นไปได้สูงว่า การเพิ่มขึ้นของการว่างงานบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา อาจเกิดจากการขยายตัวของแรงงาน ซึ่งนำโดยการย้ายถิ่นฐาน โดยอาจทำให้ตัวบ่งชี้นี้มีประสิทธิภาพลดลง
    .
    อย่างไรก็ตาม มีการเพิ่มขึ้นของการว่างงานแบบปกติเกิดขึ้นจริงบางส่วนด้วย ซาม์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นนี้จึงไม่สามารถมองข้ามได้
    .
    นอกจากนี้ แม้ว่าการเลิกจ้างจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ตามการยื่นขอรับประโยชน์ว่างงาน แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ เหตุผลหลักคือ นายจ้างส่วนใหญ่ลังเลที่จะลดจำนวนพนักงาน หลังจากเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงดังกล่าว โดยไรอัน สวีท (Ryan Sweet) นักเศรษฐศาสตร์อเมริกาประจำ Oxford Economics กล่าวว่า อัตราการว่างงานก็ต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นกัน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้น
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/1138838?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
    https://www.facebook.com/share/p/XAMPGqw2kSgMWg5x/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,705
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกมพลิก!แบงก์เข้มกู้ซื้อบ้านคนหันมาสร้าง-รีโนเวทบ้านแทน
    .
    แบงก์เข้มกู้ซื้อบ้านยาก คนซื้อพลิกเกมหันมาสร้าง-รีโนเวทบ้านแทนโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ปริมณฑล และกรุงเทพฯ รอบนอกส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณการก่อสร้างไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนงบปรับปรุงใช้เงินออมประมาณ 1.1-3 แสนบาท
    .
    สอดคล้องกับผลสำรวจของSCB EIC ที่ระบุว่า บ้านสร้างเองระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ได้รับความสนใจจากผู้ที่มีแผนสร้างบ้านซึ่งเป็นอุปสงค์ที่มาจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ท่ามกลางภาวะที่ความต้องการซื้อจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมายังซบเซา ราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อจำกัดด้านพื้นที่บ้านในโครงการบ้านจัดสรร ประกอบกับความต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยในอนาคต
    .
    ส่งผลให้ผู้ที่มีที่ดินเป็นของตัวเองหันมาสนใจสร้างบ้านเองแทนการซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ปริมณฑล และกรุงเทพฯ รอบนอก ที่สะดวกต่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง แม้ว่าผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเองส่วนใหญ่ยังคงตั้งงบประมาณการก่อสร้างไว้ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่สัดส่วนของผู้ที่ตั้งงบประมาณก่อสร้างไว้เกิน 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทั้งนี้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน ยังคงต้องการสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้าน และมีแนวโน้มการผ่อนชำระคืนสินเชื่อเกิน 30 ปี
    .
    การปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้านส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสภาพบ้านที่ทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน สะท้อนการใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านตามความจำเป็น ในช่วงที่ยังเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายที่อยู่ในระดับสูง ผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้านส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณไว้ที่ 1.1-3 แสนบาท โดยใช้เงินออมเป็นหลัก สำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมทั่วไป เช่น การปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน เปลี่ยนหลังคา กระเบื้องปูพื้น สุขภัณฑ์ การทาสี
    .
    อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้าน ซึ่งเป็นความต้องการปรับปรุงที่มากกว่าความจำเป็นพื้นฐาน เช่น เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เปลี่ยนรูปแบบบ้านให้ถูกใจ รวมถึงเพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะ เช่น พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง เด็ก ผู้สูงอายุ ปรับปรุงเป็นพื้นที่ทำงาน หรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่น ๆ มากกว่า 40% มีงบประมาณที่ตั้งไว้มากกว่า 3 แสนบาท สะท้อนว่ายังมีกลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นตลาดปรับปรุงซ่อมแซมบ้านได้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
    .
    ทั้งค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ที่ตั้งงบประมาณสำหรับปรับปรุงซ่อมแซมบ้านไว้สูงกว่า 1 แสนบาท มีแนวโน้มลดงบประมาณลงจากเดิมผู้บริโภคพิจารณาเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ช่าง รวมถึงแหล่งเลือกซื้อวัสดุก่อสร้าง จากความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ ราคาและความคุ้มค่าของเงินที่จ่าย รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจร
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/property/1138676?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness #กรุงเทพธุรกิจRealestate
    https://www.facebook.com/share/p/1wvWFic9CchCj2ek/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...