.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เพิ่มเติม

    [​IMG]


    ‘มอม’ คือสัตว์ในนิยายทั้งของล้านนาและทางอีสาน ในพจนานุกรมล้านนา – ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง ได้ให้ความหมายของมอมไว้ว่า “รูปสัตว์ครึ่งลิงครึ่งเสือ มีแขนยาว ตัวดำ บางท่านว่าคล้ายสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง บางแห่งแปลว่าเสือดำ...”

    ส่วนใหญ่แล้ว มอม น่าจะครึ่งสิงห์ครึ่งลิงมากกว่า เพราะมอมมักจะพบว่ากล่าวคู่กันกับสิงห์อยู่บ่อยครั้ง ดังโคลงท้าวฮุ่งขนเจือง ว่าไว้ดังนี้


    “...แต่นั้นท้าวคาดผ้า .....ผืนดาย ดอกเครือ
    ของแพงมวลแม่เมือง..... ประสงค์ให้
    ลายเจือเกี้ยวสิงห์ ‘มอม’..... เมียงม่าน
    ทรงอยู่เค้าดูเข้ม .........ทบเหลียว...”

    มอมเป็นสัตว์ที่มีอำนาจมาก ดังจะเห็นได้ตามลายสักตามตัว ทั้งไทยวน ไทดำ ผู้ไทย ที่เรียกว่า ลายมอม ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์มากนั้น ทำให้มอมหยิ่งลำพอง จึงไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมขั้นสูงเพื่อก้าวล่วงสู่สวรรค์ชั้นฟ้า จึงได้มาเฝ้าอยู่ตามโบสถ์วิหาร หรือตามประตูเท่านั้น

    ลวดลายปูนปั้นรูปมอม สล่าผู้สร้างมักจะออกแบบตามจินตนาการของตัวเอง มอมบางตัวมีลักษณะคล้ายกับลิง บางตัวมองดูก็คล้ายแมว บางตัวก็ดูองอาจ ผึ่งผายราวสีหราช แต่บางตัวอาจมองคล้ายกับกิ้งก่าหรือตุ๊กแกไปก็มี มอมที่ปั้นเต็มตัวประดับตามบันได เช่นที่วัดบุพพาราม วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดป่าดาราภิรมย์ เป็นต้น

    และที่สำคัญ ประดับเป็นลวดลายปูนปั้นประดับที่หอไตรวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

    ที่นี้ จะมีกรอบปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น มอม กิเลน สิงห์ เงือก ช้าง ฯลฯ ทั้งที่เป็นสัตว์หิมพานต์ และสัตว์ทั่ว ๆ ไป กรอบนี้อยู่ล่างฐานเทวดายืน ที่รายรอบหอไตร

    ในนั้นจะมีกรอบที่เป็นรูปมอมอยู่ ๖ กรอบ หลากหลายอิริยาบท บางกรอบทำเป็นเหมือนมองจากด้านบน บางกรอบเป็นรูปมอมจับงู บางกรอบเป็นมอม ๒ ตัวไล่จับกัน

    เมื่อมองเลยกรอบรูปสัตว์ขึ้นไปจะเห็นเป็นเทวดายืนเรียงรายกันอยู่ ซึ่งทางด้านทิศตะวันตก จะเป็นรูปเทวดายืนอยู่บนหลังมอม ทำท่าตริภังค์ คือเอี้ยวสะโพก ซึ่งคาดว่าเทวดาองค์นี้ น่าจะเป็นปัชชุนนเทวบุตร ที่ประจำอยู่ทิศตะวันตก และมีมอม เป็นสัตว์พาหนะ

    มอม เป็นสัตว์พาหนะของปัชชุนนเทวบุตร เทพแห่งฝน จึงใช้มอม ในการขอฝนต่อปัชชุนนเทวบุตร โดยการ “แห่มอม”

    การแห่มอม มักจะทำในช่วงเข้าฝนต้นฤดูทำนา ราวเดือน ๘, ๙ หรือ ๑๐ เหนือ หากยามนั้นฝนยังไม่มา ก็ไม่สามารถที่จะไถนาหว่านกล้าได้ จึงต้องทำพิธีขอฝน

    การแห่มอม ก็ทำง่าย ๆ คือ นำมอมไม้แกะสลัก มาใส่ไว้ในชองอ้อย หรือกระบะที่บรรจุเครื่องไทยทานต่าง ๆ ก็จะนำมอมไปแห่ไปตามหมู่บ้านด้วยความครื้นเครง เสียงกลองเสียงฆ้องดังเป็นจังหวะสนุกสนาน เมื่อไปถึงบ้านใด ก็จะนำน้ำมาพรมใส่มอมไม้ในชองอ้อยนั้น พร้อมกับรดน้ำผู้ร่วมขบวนแห่ไปด้วย

    คล้ายกับเป็นการฝากสาร ฝากฎีกาความทุกข์อยาก ไปกับมอม เพื่อส่งไปยังปัชชุนนเทวบุตร แล้วจะได้ประทานฝนลงมาให้ชุ่มชื่น

    ต่อมา มอมไม้ถูกไฟไหม้บ้าง ถูกกว้านซื้อไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ หรือคอลเลคชั่นตามบ้านผู้มีเงินหนา กอปรกับฝีมือช่างการทำมอมก็หายไปด้วย ทำให้ไม่มีมอมไม้มาแห่ จึงนำ “แมว” มาแห่แทน มอม

    ข้อมูลจาก Pantip.com จ่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2013
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เรื่องที่ ๑๙


    Pai Mini Stories : Part 3
    หนาวไม่คลาย ห้วยน้ำดัง
    :z8


    วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๒

    ตื่นมาตีห้ากว่าๆ หันไปหันมายังไม่มีใครตื่นเลย นอนคลุมโปงกันหมด หนาวอากาศเย็น ก็ตั้งแต่เมื่อตอนมาถึง ปาย ใกล้ๆ อาทิตย์จะลับฟ้า พูดออกมาแต่ละคำ ควันก็ออกจากปากแล้วหล่ะ เลยขอนอนคลุมโปงอีกหน่อย แต่นอนไม่หลับไม่อยากออกไปไหนเลย แต่คิดไปคิดมา มาถึงที่นี่แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นมาดูบรรยากาศยามเช้าๆ ของ ปาย ที่มีหมอกปกคลุม โรแมนติค สุดๆ ก็เลยเที่ยวไปปลุกคนอื่นให้ลุก ก็ไม่มีใครลุกเลย บอกว่าหนาวกันหมด จะนอนต่อ ก็เลยปลุกแมงปอแก้วอีกทีให้ลุกไปเป็นเพื่อนตากน้ำค้างยามเช้ากัน ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็สะพายกล้อง สตาร์ทรถ สตาร์ทครั้งแรกไม่ติดสงสัยอากาศเย็นจัด สตาร์ทครั้งที่ ๒ ถึงจะติด พอใส่เกียร์รู้สึกเลยว่าน้ำมันเกียร์หนืดมากเพราะความเย็นของอากาศ


    [​IMG]
    ตื่นมาใส่บาตรก่อน สาธุ สาธุ สาธุ


    [​IMG]
    ถนนคนเดิน ยามเช้า แต่ของขายก็ยังมีทั้งสองฟากถนน


    [​IMG]
    อาหารใส่บาตร มีทั้งที่ปรุงแล้วและอาหารแห้งให้เลือก

    มาชมสายหมอกยามเช้าของ ปาย กัน ระหว่างนี้ก็จะขอเล่าประวัติของ ปาย ต่ออีกหน่อย


    [​IMG]



    [​IMG]
    กางเตนท์ริมน้ำปาย


    [​IMG]
    ถ่ายรูปไม่ชัดเลยอ่ะ หมอกลง ภาพมัวหมดเลยหล่ะ
    แล้วก็อีกอย่าง หนาวต้องสวมถุงมือ พอถอดถุงมือสักพัก ปวดกระดูกนิ้วเลยหล่ะ
    ยิ่งทำให้กดชัตเตอร์ยากไปใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
    เมืองปายเป็นเมืองที่มีคนตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในสมัยประวัติศาสตร์บริเวณที่ตั้งเมืองปายเป็นเมืองสำคัญของล้านนาในสมัยราชวงศ์มังรายซึ่งมีเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางต่อมาเมืองปายได้ร้างไปพร้อมกับเมืองเชียงใหม่ ประมาณปี พ.ศ.๒๓๑๘ - ๒๓๓๘เมืองปายได้ฟื้นฟูเป็นหมู่บ้านและพัฒนาเป็นอำเภอปายโดยมีผู้คนหลายกลุ่มชาติพันธุ์อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ ได้แก่ คนไทยวน (คนเมือง)ชาวไทใหญ่ ชาวปกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) และชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆทั้งนี้เนื่องจากเมืองปายตั้งอยู่ในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสายเหมาะสำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมปัจจุบันเมืองปายเป็นเมืองชุมทางที่สำคัญเมืองหนึ่งบนเส้นทางระหว่างเชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน



    [​IMG]



    [​IMG]




    สมัยก่อนประวัติศาสตร์
    อำเภอปายมีร่องรอยการอาศัยอยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์และมีชุมชนโบราณที่ปรากฏชื่อในตำนานคัมภีร์ใบลานหลายเมืองและมีประวัติสืบต่อกันมานับร้อยปีประกอบกับมีหลักฐานโบราณคดีปรากฏอยู่ในชุมชนโบราณดังกล่าวด้วยจากการศึกษาของพระครูปลัดกวีวัตน์ธนจรรย์ สุระมณี วัดเจดีย์หลวงอำเภอเมืองเชียงใหม่ มีรายงานการสำรวจว่าในเขตเมืองน้อย อำเภอปายมีหลักฐานโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ดังนี้


    [​IMG]
    สะพานไม้ไผ่ ถ่ายรูปลำบากมาก คนเต็มสะพานเลย....


    [​IMG]



    [​IMG]
    หมอกลงจัดกลายเป็นหยดน้ำเกาะเลยหล่ะ


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    ถ้ำผีแมน บ้านห้วยหกตำบลเวียงเหนือ อยู่ห่างจากบ้านห้วยหกไปทางทิศตะวันตกราว ๑,๕๐๐ เมตรพบซากกระดูกและระแทะคล้ายรางไม้ให้อาหารสัตว์หลงเหลืออยู่บางส่วนถูกชาวบ้านเผาไปเกือบหมดแล้วถ้ำผีแมนซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์นี้มีอยู่หลายแห่งในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนเช่น
    ถ้ำป่าคาน้ำฮู ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]




    ถ้ำน้ำลอดอำเภอปางมะผ้า พบหลักฐานของใช้ของคนถ้ำในยุคนั้นคือ กำไลแขนทำด้วยโลหะหม้อดินลายเชือกทาบ ขวานหินขุด ระแทะไม้ ฯลฯ
    ถ้ำดอยปุ๊กตั้งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านห้วยเฮี้ย ตำบลเวียงเหนือใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าจากหมู่บ้านประมาณ ๑ ชั่วโมงพบเครื่องใช้ของมนุษย์ถ้ำมีลักษณะเช่นเดียวกันกับที่พบในถ้ำผีแมนแห่งอื่น ๆ


    [​IMG]

    หลังจากที่เดินชมหมอกแล้วก็ทำให้เห็นภาพและนึกสะทอนว่า คงอีกไม่นานนัก ปาย ก็คงสะเสื่อมโทรมตามจำนวนของนักท่องเที่ยวที่หลังไหลกันมามากมาย เพราะที่เห็นคือการปล่อยน้ำเสียจากตัวอาคารลงสู่แม่น้ำปาย และขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งอย่างไม่เป็นที่เป็นทาง...........คงอีกไม่นาน



    [​IMG]

    และแล้วก็ถึงเวลาอำลาที่พัก อำลาถนนคนเดินที่ยามค่ำคืนแสนจะคึกคัก ยามเช้าแสนจะสงบจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนเดินแทบจะไหลไปตามกระแสของฝูงชน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เก็บเสื้อผ้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ วัดน้ำฮู



    [​IMG]

    วัดน้ำฮู
    เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปาย ตั้งห่างจากอำเภอปายประมาณ ๓กิโลเมตร เมื่อมาถึงปายก็ควรเดินทางมานมัสการสักครั้งจากตัวเมืองให้ใช้ถนนเส้นชัยสงครามไปทางทิศทางตะวันตกจะพบวัดนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นวัดน้ำฮู เป็นสถานที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ “หลวงพ่ออุ่นเมือง” เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม ปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง ๒๔นิ้ว สูง ๓๐นิ้ว พร้อมกับสถูปเจดีย์ซึ่งอยู่หลังวิหาร เชื่อกันว่าสร้างในรัชสมัยของพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระพี่นางสุพรรณกัลยาอายุของหลวงพ่ออุ่นเมืองถึงปัจจุบันนับได้ประมาณ ๕๐๐ปีแล้ว



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
    หลวงพ่ออุ่นเมือง



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
    ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ผู้ใหญ่ทอน และนายเห็งพงษ์ พงษ์คำเต็ม พร้อมด้วยชาวบ้านน้ำฮูได้สร้างศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งอยู่โคนไม้พร้อมด้วยซากปรักหักพังของเจดีย์ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ครูบาศรีวิชัยนักบุญล้านนาไทยได้นำคณะศิษยานุศิษย์เดินธุดงค์มายังอำเภอปายได้มาเห็นสภาพทรุดโทรมของวัดและได้พบพระพุทธรูปดังกล่าวจึงได้สร้างวิหารขึ้นหนึ่งหลังสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปพร้อมกับสร้างเจดีย์ขึ้นด้านหลังวิหาร ๑ องค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]




    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้มีพระธุดงค์จากต่างจังหวัดมาพักที่วัดได้สังเกตเห็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปเป็นโพรงพระโมฬีถอดได้และในโพรงนั้นมีน้ำขังอยู่เต็ม จึงสอบถามชาวบ้านและเจ้าอาวาสก็ไม่มีใครทราบมาก่อนเป็นที่เล่าลือกันอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีใครกล้าพิสูจน์ความจริง

    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ร.อ.ประเสริฐ เรียมศรี นายอำเภอปาย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการอำเภอปายได้ร่วมทำการอธิษฐานของพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยความร่วมมือจากเจ้าอาวาสและศรัทธาได้ตักน้ำออกจากพระเศียรทั้งหมดใช้สำลีเช็ดจนแห้งสนิท ทำการปิดพระเศียรผูกเชือกประทับตราครั่ง ปิดหน้าต่างประตูทุกบาน ห้ามคนเข้าออก กำหนดเวลา ๕วันเมื่อครบกำหนดได้ทำการเปิดต่อหน้าคณะทำการพิสูจน์ชุดเดิมผลปรากฏว่ามีน้ำขังอยู่ในเศียรของพระพุทธรูปจริงนับเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งตั้งแต่นั้นมาก็มีประชาชนทุกสารทิศได้เข้ามากราบไหว้มิได้ขาด



    [​IMG]


    ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ นายอาณัติ บัวขาว นายอำเภอปายได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า"หลวงพ่ออุ่นเมือง"เป็นมิ่งขวัญให้ประชาชนอำเภอปายอุ่นอกอุ่นใจ


    ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖คนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ลักลอบขุดเจาะผนักวิหารทางด้านใต้เข้าไปขโมยสิ่งของเงินทองในวิหารทางวัดและศรัทธาจึงได้นำขึ้นไปประดิษฐานไว้บนศาลาการเปรียญเพราะเกรงขโมยจะลักเอาพระพุทธรูป อีกทั้งวิหารก็ชำรุดทรุดโทรมการย้ายมาอยู่ในที่ใหม่ทำให้น้ำในพระเศียรของพระพุทธรูปลดน้อยลงบางครั้งเหือดแห้งหายไป ประชาชนที่เคารพกราบไหว้ก็น้อยลง

    ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒หลวงปู่สมบัติ คุเณสโก วัดก้ำก่อ และนายประมวล รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มาเยี่ยมอำเภอปายและได้มานมัสการหลวงพ่ออุ่นเมืองที่วัดนี้เจ้าอาวาสและศรัทธาวัดได้แจ้งให้ทราบ หลวงพ่อสมบัติ จึงได้ตรวจสอบทางสมาธิทราบว่าการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปออกจากวิหารเดิม ผิดเจตนารมณ์ของครูบาศรีวิชัยแต่วิหารเดิมชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้มีมติให้รื้อถอนทำการปลูกสร้างวิหารใหม่โดยคงรูปแบบวิหารของครูบาศรีวิชัยเดิม ได้รับจัดหาทุนดำเนินการก่อสร้างครั้งแรกมีผู้ร่วมบริจาคเป็นเงิน ๘๐,๐๐๐บาท



    [​IMG]
    ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓พลโทวิเชียรวิชัยวัฒนะ พร้อมด้วยครอบครัวและคณะรับเป็นเจ้าภาพในการก่อสร้างวิหารโดยการนำกฐินมาทอดเพื่อเป็นทุนดำเนินการก่อสร้างวิหารใหม่จนสำเร็จและได้หลวงพ่ออุ่นเมืองไปประจำในวิหาร เป็นพระพุทธรูปสำคัญของเมืองปายต่อไปน้ำที่มีอยู่ในพระเศียรก็ยังคงมีอยู่เป็นที่น่าอัศจรรย์จนถึงปัจจุบัน

    และที่วัดน้ำฮูแห่งนี้มีพะเกษาของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาด้วยหากมองดูดีๆจะเห็นพระเจดีย์สีทองอยู่หลังวิหารหรือโบสถ์ของวัดน้ำฮูแห่งนี้และมองออกไปข้างกันนั้นก็มีศาลาประดิษฐานที่มีรูปพระพี่นางอยู่เนืองแน่นพระเจดีย์นี้ไม่มีบันทึกประวัติการสร้างอย่างชัดเจนเชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแต่ต่อมาได้ถูกปลงพระชนม์ที่พม่านั่นเองภายในพระเจดีย์นี้ยังบรรจุเส้นพระเกษาของสมเด็จพระพี่นางฯ ไว้ด้วยสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาเป็นวีรสตรีไทยที่ประวัติศาสตร์ควรจำรึกไว้หากไม่มีพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอาจไม่มีโอกาสกลับมากอบกู้เอกราชและอาจไม่ทรงทราบข่าวการเคลื่อนไหวของทัพพม่าก่อนทุกครั้งชาวไทยจึงควรระลึกถึงวีรกรรมของพระองค์และถวายสักการะดวงวิญญาณของพระองค์โดยทั่วกัน


    [​IMG]
    แมวหนาว....

    ส่วนหน้าวัดก็จะมีศาลาปลาให้ผู้คนมากราบไหว้เนื่องจากว่าศาลาปลาของวัดน้ำฮูนี้มีรูปปั้นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและรูปปั้นสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาไหว้ให้สักการบูชาไดอีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    จากนั้นพวกเราก็ขับรถออกจากวัดเลยวัดน้ำฮูขึ้นไปไม่ไกลนักก็จะเป็น ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน


    [​IMG]

    ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน บ้านสันติชล
    หมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมยูนานพื้นที่ที่เคยถูกมองว่าเป็นสีแดง เขตค้ายาเสพย์ติดของว้าแดงมาก่อนมีชาวเขาบ้านสันติชลเชื้อสายจีนพักพิงอยู่กว่า ๑,๐๐๐ชีวิต



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    หน้าหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมยูนาน ซึงมีบ้านดิน ที่ตั้งเรียงรายอยู่ร้านค้าของที่ระลึกที่ทำจากบ้านดิน อาคารร้านอาหารจีนยูนาน และมีก้อนหินสลักชื่อภาษาจีนตัวใหญ่ๆ วางเด่นเป็นสง่า ด้านหลังก้อนหินใช้เป็นเวทีกลางแจ้งที่จอดรถอยู่ด้านหน้าศูนย์ฯ



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    ถ้าเดินเลยเข้าไปภายในศูนย์ฯ จะพบว่า มีบริการที่พัก ที่สร้างจากบ้านดินภายในจัดเป็นบ้านเป็นหลังๆ วางอยู่หลายหลัง มีศาลากลางน้ำนอนพักผ่อนเย็นสบาย


    [​IMG]



    [​IMG]


    จุดที่สะดุดตาอีกอย่างหนึ่ง คือชิงช้า ที่ดูคล้ายชิงช้าสวรรค์ ที่ทำจากไม้ นั่งได้ครั้งละ ๔ คน ก็ได้แต่ยืนมองดูคนอื่นเล่น เพราะไม่กล้า กลัวความสูง


    [​IMG]


    มีม้าแคระให้ขี่ รอบก้อนหินใหญ่คิดราคาในการถ่ายรูป ๓๐ บาท ถ้าขึ้นขี่รอบๆ ๕๐ บาท ถ้าใครอยากขี่ม้าเข้าหมู่บ้าน สันติชล ๑ ชั่วโมง ๓๐๐บาท


    [​IMG]



    [​IMG]


    บรรยากาศในหมู่บ้านจำลองอยู่บนลานวัฒนธรรมยูนาน มีร้านอาหารยูนานเปิดให้บริการทุกวันมีครัวแบบเปิด สามารถมองเห็นวิธีปรุงอาหาร มีการแต่งกายที่ยังคงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประเพณี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ออกจากศูนย์วัฒนธรมจีนยูนาน สร้อยฟ้ามาลาและคณะก็ย้อนกลับมาเส้นทางเก่าเข้าตัวอำเภอปายอีกครั้งเพื่อหาอะไรทานกลางวันแต่ก็ไม่วายขับรถหลงในอำเภอสักพักหนึ่งทั้งที่เมือคืนเดินสำรวจแล้วนะนี่ เลยไปตั้งหลักที่ปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท. เข้า ๗ – ๑๑ เหมือนเดิมตุนขนมไว้ตอนกลางคืน จากนั้นเข้าตัวอำเภออีกรอบผ่านตลาดจึงแวะแต่ไม่รู้จะทานอะไรก็ข้าวกล่องก็แล้วกัน แล้วก็ข้าวเหนียวหนึ่งถุงใหญ่กับไก่ย่าง ๒ อย่างหลังนี้เอาไว้ทานตอนเย็น เมื่อซื้อของเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุแม่เย็น



    [​IMG]

    วัดพระธาตุแม่เย็น
    เป็นวัดแก่เก่าคู่เมืองปายมาช้านานตั้งอยู่บนภูเขาทางด้านทิศตะวันออกของอำเภอปายห่างจากที่ว่าการอำเภอปายประมาณ ๒กิโลเมตร เลยทางเข้าน้ำตกแม่เย็นไปประมาณ ๑๐๐เมตรจากปากทางเข้าสามารถเลือกขึ้นไปได้ ๒วิธี จะขับรถขึ้นก็สะดวกหรือจะเดินขึ้นบันไดพญานาค


    [​IMG]


    บริเวณวัดพระธาตุแม่น้ำเย็นเงียบสงบเหมาะสำหรับชมทัศนียภาพของอำเภอปายได้อย่างกว้างไกลสุดสายตาแบบพาโนรามาช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมคือช่วงยามเช้าและยามพระอาทิตย์ตก


    [​IMG]


    [​IMG]


    ประวัติของวัดพระธาตุแม่เย็นไม่มีปรากฏว่าสร้างขึ้นในสมัยใดภายในบริเวณวัดมีเพียงโบสถ์และเจดีย์ทรงระฆังสีขาวฐานกลม สูงประมาณ ๓เมตรโดดเด่นที่ยอดฉัตรแบบเจดีย์พม่านักท่องเที่ยวนิยมเดินทางขึ้นมาชมและกราบไหว้พระนอนเดินทางกลับ



    [​IMG]

    แต่สร้อยฟ้ามาลาขอเลือกที่จะขับรถขึ้นดีกว่า พอจอดรถบนลานวัดเสร็จแล้วก็พากันไปไหว้พระในพระอุโบสถและไหว้พระธาตุที่อยู่ทางด้านหลังกัน จากนั้นก็ปูเสื่อข้างรถนั่งจัดการอาหารกล่องที่ซื้อมาจากตลาดซึ่งขณะนี้เวลาก็จะเลยเที่ยงแล้วหล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เมื่อท้องอิ่มกันแล้ว คราวนี้คณะของเราก็จะอำลาตัวอำเภอปายกันจริงๆ เสียที ที่ๆ จะไปกันต่อและจะพักค้างแรมนั้นคือ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งเป็นทางย้อนกลับที่คณะของเราขึ้นมา เอาหล่ะ เตรียมตัวสนุกสนานกับโค้งหรรษากันอีกหลายร้อยโค้ง แต่ก่อนที่จะเริ่มเมามันกับโค้งนั้น จะขาดเสียไม่เลยที่จะต้องแวะสถานที่รายทางที่น่าสนใจโดยตั้งไว้สองที่ ที่แรกก็คือ ร้านกาแฟ Coffee In Loveffice


    [​IMG]

    ร้านกาแฟ Coffee in love
    เพิ่งเปิดมาไม่นานนี้เองโดยเปิดร้านในวันวาเลนไทน์วันแห่งความรัก ๑๔กุมพาพันธ์สิ่งที่น่าสนใจก็คือร้านนี้ตั้งอยู่บนสันเขาที่มีความสูงพอประมาณสามารถที่จะทำให้มองเห็นสายหมอกมองเห็นวิวด้านล่างที่เป็นสีเขียวสดของท้องทุ่งในฤดูหนาวและมองเห็นแนวเขาน้อยใหญ่ได้อย่างสุดลูกหูลูกตาด้านซ้ายขวาก็ไม่มีอะไรมาบดบังทำให้มองเห็นทิวทัศน์ได้ ๑๘๐ องศาแบบพาโนรามาเลย


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]

    ร้านกาแฟ Coffee in love กับ บ้านปายฟ้า ปายฝัน ตั้งอยู่ที่หลักกม ที่ ๙๕ บนทางหลวงหมายเลข ๑๐๙๕เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอนถ้าเข้ามาจากเชียงใหม่ก็จะเห็นร้านตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือก่อนถึงอำเภอปาย ประมาณ ๓กิโลเมตร ส่วนถ้ามาจากแม่ฮ่องสอน ก็ออกจาก ปาย ไป ๓กิโลเมตรอยู่ด้านซ้ายมือ


    [​IMG]



    [​IMG]

    บ้านปายฟ้า ปายฝันบ้านสีเหลืองที่ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นที่พักตากอากาศ สไตล์ยุโรป ขนาด ๒ชั้นมี ๓ห้องนอน ๓ห้องน้ำ รองรับครอบครัวขนาด ๘ – ๑๐ คนมีสระน้ำให้แช่น้ำมองเห็นวิวสวยๆของทุ่งนาและขุนเขาเบื้องหน้าได้บรรยากาศดีจัง



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ออกจากร้านกาแฟ Coffee In Love ที่ๆ จะแวะรายทางแห่งที่สองนั้นก็คือ สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย



    [​IMG]



    [​IMG]


    สะพานประวัติศาสตร์ (สงครามโลกครั้งที่๒)ท่าปาย
    สะพานประวิติศาสตร์เปรียบเสมือนประตูสู่อำเภอปาย สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่๒โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายและลำเลียงกำลังพล เสบียงและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ยุติลง อำเภอปายจึงกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่งโดยหลงเหลือไว้เพียงแต่สะพานแห่งนี้ว่า“สะพานประวัติศาสตร์”



    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    ในอดีตสะพานนี้เคยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินทางของประชาชนที่สัญจรไปมาแม้กระทั่งเราและชาวเขาจนกระทั่งได้มีการสร้างสะพานคอนกรีตขึ้นมาแทนอยู่ข้างๆ เนื่องจากการรองรับนักท่องเที่ยวที่หลังไหลมามากขึ้น จนสะพานประวัติศาสตร์ไม่สามารถที่จะรองรับได้อีกต่อไป แต่สะพานประวัติศาสตร์เก่าแก่แห่งนี้ก็ยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอำเภอปายอยู่เป็นประจำเพราะว่าใครไปใครมาก็ต้องแวะไม่ขาไปก็เป็นขากลับ


    [​IMG]
    คนกับขยะ ของคู่กัน ..... ซื้อมาทานได้ ทานหมดกลับทิ้งกันอย่างไม่ใยดี น่าเศร้า เกิดมาเป็นขยะ......



    [​IMG]

    เดินข้ามสะพานเป็นที่สบายอกสบายใจแล้ว ก็พากันไป...... ซื้อของ(ตามประสา)



    [​IMG]
    อิจฉา ป่าว........อิ อิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เมื่อเริ่มร้อนได้ที่ เพราะตอนนี้พระอาทิตย์ทำงานเต็มกำลังแล้ว ก็ขึ้นรถฝ่าฟันกับโค้งหักศอกขึ้นเขาอันสูงชัน ลงเขาอันลาดชัดจนถึง.....จุดหมายสุดท้ายสำหรับวันนี้ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ทางเข้าอุทยานตลอดระยะทางที่แยกจากถนนหมายเลข ๑๐๙๕ เป็นทางที่แคบขนาดรถสวนกันพอเฉียดฉิว และชันตามแบบฉบับขึ้นภูเขา ในหลายๆ โค้งต้องระมัดระวังที่จะมีรถสวนทาง สร้อยฟ้ามาลารู้สึกโมโหรถหลายๆ คันที่วิ่งสวนลงมา ขับไม่ระมัดระวังเลย เห็นแต่ละคันวิ่งกินเลนและที่วิ่งกินเลนเพราะอีกมือหนึ่งก็มัวแต่หยิบโน่นหยิบนี่ใส่ปาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า อดทานไม่กี่นาทีจะขาดอาหารถึงแก่ชีวิตกันหรืออย่างไร...........


    a.jpg



    a.jpg


    อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
    มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนเป็นป่าต้นน้ำลำธารมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มรื่นโดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่าทะเลหมอกที่งดงามยิ่งมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทยอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมียอดดอยที่มีธรรมชาติงดงามอีกหลายแห่ง เช่น ดอยช้างดอยสามหมื่น รวมทั้งมีโป่งเดือดซึ่งเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติส่วนการล่องแพในลำน้ำแม่แต่งก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ๗๘๒,๕๗๕ไร่ หรือ ๑,๒๕๒.๑๒ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๘๐ ของประเทศ



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg


    ขณะที่เข้าไปติดต่อขอกางเต็นท์ ก็ไปเห็นเทอร์โมมิเตอร์บอกว่าขณะนี้อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ ๑๓ องศาเซลเซียส นี่เพิ่งจะบ่ายสามโมงครึ่งนะ แค่ ๑๓ เองเหรอ แล้วคืนนี้ ฉันจะเป็นอย่างไรหล่ะนี่

    a.jpg


    a.jpg

    พอหาที่จอดรถได้ หาลานกางเต็นท์เหมาะๆ ได้ ก็ขนสัมภาระ เสื้อผ้า ผ้าห่ม หมวก ถุงมือ ถุงนอน ถุงเท้า เต็มอัตราศึก พอกางเต็นท์ขนาด ๖ คนนอนเสร็จสรรพ ปูถุงนอนคนละใบ พระอาทิตย์เริ่มเหนื่อยแสงอ่อนแรงแล้ว เอาหล่ะถึงเวลาประหารไก่ย่างข้าวเหนียว แค็บหมู น้ำพริกหนุ่ม และของกินอีกหลายรายการจาก ๗ – ๑๑ สร้อยฟ้ามาลาขอแบ่งอาหารออกมาอย่างละนิดละหน่อยแล้วนำไปวางไว้ในที่โล่งๆ ตั้งจิตเซ่นสรวงและบอกกล่าวต่อเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง เทวาอาลักษณ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ ที่นี้ ขออนุญาตพักแรมสักคืน ขอให้อย่ามีสิ่งใดมารบกวน และช่วยคุ้มครอง ให้ปลอดภัยจากภยันอันตรายจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย

    a.jpg



    a.jpg


    อาหารเย็นในค่ำนี้ควันออกปากขโมงเลย ซึ่งขณะนี้เวลาประมาณเกือบ ๖ โมงเย็น สักพักท้องฟ้าก็มืดมิดอากาศไม่เย็นแล้วหล่ะ อากาศหนาวเลย ต้องใส่เสื้อหนาว ๒ ตัว ถุงเท้าสองชั้น หมวกไหมพรม พอทานอาหารเสร็จก็เกือบหนึ่งทุ่ม ปรากฏว่าน้ำไม่ได้อาบแล้วหล่ะ กระโดดเข้าเต็นท์กันเลย วันนี้ลมแรงมาก ทีแรกกะว่าจะกางเต็นท์อย่างเดียวไม่ปักสมอบก โชคดีที่คิดไปคิดมาปักสมอไว้ก่อนดีกว่าเผื่อไว้ ก็เป็นจริงอย่างที่คิด ทุ่มกว่าๆ แสงสุดท้ายหมดไปพระอาทิตย์หลับไปแล้ว คราวนี้ กองทัพดาวยึดท้องฟ้าเต็มไปหมด สวยมากๆ เลย แต่ออกมานั่งดูไม่ไหว มุดถุงนอนกันหมดแล้ว พยายามข่มตาให้หลับ แต่ยากจังเพราะอากาศหนาว..............


    a.jpg



    a.jpg

    อย่างที่บอกสมาชิกมีไซด์ XL สองคน ทำให้เต็นท์ที่ดูว่าใหญ่กลับแคบลงไปต้องนอนเบียดๆ กัน สร้อยฟ้ามาลานอนริมติดผ้าใบของเต็นท์ ตกดึกลมยิ่งแรงรู้สึกเต็นท์โยกไหวตามแรงลม ผสมกับน้ำค้างที่แรงและเกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำเกาะตามผนังเต็นท์ โชคดีที่ถุงนอนหนาทำให้หยดน้ำไม่สามารถซึมผ่านถึงด้านในถุงนอนได้แต่ถึงอย่างไรความเย็นของหยดน้ำก็สามารถส่งผ่านทะลุเข้ามาได้เหมือนกัน..........(ต่อตอนหน้าขอนอนก่อน)

    .......................................



    สรุปสถานที่การเดินทางในวันที่สาม
    ๑. อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    ๒. วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    ๓. ศูนย์วัฒนธรรมจีน ยูนาน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    ๔. วัดพระธาตุแม่เย็น
    ๕. ร้านกาแฟ Coffee In Love จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    ๖. สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    ๗. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดแม่ฮ่องสอน




    ..............................


    ข้อมูลอ้างอิง

    ปาย
    http://pai.sadoodta.com



    วัดน้ำฮู
    www.moohin.com
    school.obec.go.th

    ศูนย์วัฒนธรรมจีน ยูนาน
    pai.sadoodta.com

    วัดพระธาตุแม่เย็น
    school.obec.go.th

    สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย
    www.moohin.com.

    ร้าน Coffee In Love
    www.moohin.com.

    อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
    www.dnp.go.th

    ..............................


    สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เจ้านายทุกพระองค์ เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวร และขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน



    ภาพและเรียงร้อยถ้อยคำ
    โดย สร้อยฟ้ามาลา



    .......................
    [​IMG]





    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เรื่องที่ ๒๐

    Pai Mini Stories : Part 4
    รฤกความหลัง พระราชชายา
    :z8



    เวลาผ่านไปถึงเวลาประมาณตี ๓ ก็ต้องสะดุ้งตื่น ได้ยินเสียงกอกแกรกอยู่นอกเต้นท์ เอาหล่ะสิเสียงอะไรหล่ะนี่ หันไปหันมาในเต็นท์ก็ยังไม่มีใครตื่น ก็เลยนอนฟังพิจารณาไปเรื่อยๆ เป็นเสียงถุงพลาสติกเหมือนมีการคุ้ยหาของอะไรสักอย่าง ฟังไปฟังมาเสียงมาจากเต้นท์ข้างๆ ที่อยู่ห่างออกไปพอประมาณนั่นเองคงจะหนาวนอนไม่หลับ ได้ยินเสียงลุกขึ้นมาหาอะไรกิน มีเสียงติดไฟจากเตาด้วย สักพักก็เป็นเสียงชงอะไรสักอย่าง ทำให้เราต้องตื่นไปด้วย เพราะความเงียบสงัดของขุนเขา เสียงอะไรดังเบาๆ ก็ได้ยิน........พยายามข่มตาหลับต่อไป ตีสี่กว่าๆ แล้วพ่อเจ้าประคุณท่านดันลุกขึ้นมาสมทบอีกหนึ่งคนคุยกันอยู่นอกเต็นท์ คราวนี้ก็เลยต้องนอนฟังเขาคุยกัน (กรรม..... (-_-!).......) คนที่ตื่นก่อนมาทำเสียงดังกอกแกรกบอกกับคนที่สองว่า “นอนไม่หลับเลยลุกขึ้นมาหาอะไรกิน ก็เลยต้มน้ำร้อนชงโอวัลติน พอน้ำเดือด ชงเสร็จตั้งทิ้งไว้ไม่ถึง ๕นาที พอจะกินน้ำร้อนกลายเป็นน้ำเย็นไปแล้ว” อื๋อ อากาศหนาวขนาดนั้นเลยเหรอ! สักพักก็ได้ยินคนที่สองบอกว่า แสงพระอาทิตย์เริ่มมาแล้ว เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็จำเป็นต้องลุกแล้วหล่ะ เดี่ยวไปดูทะเลหมอกกับพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทัน........



    [​IMG]


    สภาพภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เป็นเทือกเขาและหุบเขาสลับกันเป็นแนวยาวขนานกันในแนวเหนือ-ใต้ของเทือกเขาแดนลาว เทือกเขาถนนธงชัยและเทือกเขาผีปันน้ำ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีที่มีการแทรกดันของหินหนืดและแรงบีบอัดในแนวตะวันออก-ตะวันตก ทำให้พื้นผิวโก่งงอกลายเป็นภูเขาและเทือกเขาและมีหุบเขาที่เกิดจากรอยเลื่อนที่ทรุดต่ำลงรวมทั้งได้มีการสึกกร่อนที่เกิดจากกระบวนการทางฟิสิกส์และทางเคมีตลอดจนการทับถมของตะกอนน้ำพาทำให้เกิดเป็นที่ราบแคบๆระหว่างภูเขาทั้งสองฝั่งของลำน้ำ มีความสูงตั้งแต่ ๔๐๐ – ๑,๙๖๒ เมตรจากระดับน้ำทะเลมีภูเขาที่สูงที่สุดคือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธารของลำน้ำสายสำคัญ คือแม่น้ำแตงและแม่น้ำปาย จัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำตั้งแต่ชั้น A ถึงชั้น๑A มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย ได้แก่ ห้วยเหี้ยะ ห้วยแม่ยะ ห้วยฮ่อม ห้วยน้ำดังห้วยแม่สลาหลวง ห้วยโป่ง น้ำงุม ห้วยแม่แพลม ห้วยงู ห้วยแม่เย็นหลวง ห้วยน้อยห้วยฮ่อม ห้วยหก ห้วยแม่ฮี้ ห้วยขาน ห้วยแม่ปิง ห้วยแม่จอกหลวง เป็นต้น



    [​IMG]


    สภาพอากาศโดยทั่วไปเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ ๒๐องศาเซลเซียส อากาศหนาวเย็นในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ ๘องศาเซลเซียส ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยประมาณ ๒๓องศาเซลเซียสอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังคาบเกี่ยวพื้นที่ ๒จังหวัด คือจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ป่าอยู่ในเขตมรสุม คือพื้นที่นี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมสะวันตกเฉียงเหนือนอกจากนั้นยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมพายุไซโคลนด้วยจึงทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปมี ๓ ฤดูดังนี้


    [​IMG]


    ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนอุณหภูมิสูงสุดประมาณ ๒๔องศาเซลเซียสและ ต่ำสุดประมาณ ๑๐องศาเซลเซียสปริมาณฝนเฉลี่ยตลอดปี ๑,๑๓๔มิลลิเมตรทิศทางลมมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้


    [​IMG]
    พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว........

    ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิสูงสุดประมาณ ๒๐องศาเซลเซียสต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ ๒ องศาเซลเซียสทิศทางลมมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ


    [​IMG]

    ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนอุณหภูมิสูงสุดประมาณ ๒๘องศาเซลเซียส ต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ ๑๒องศาเซลเซียสทิศทางลมมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้


    [​IMG]

    อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังสภาพทางธรรมชาติยังคงความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้เกิดสังคมพืชหลากหลายชนิด ประกอบด้วย


    [​IMG]

    ป่าดิบชื้นขึ้นปกคลุมสองฝั่งของลำน้ำในพื้นที่ที่มีความสูง ๕๐๐ - ๘๐๐เมตรจากระดับน้ำทะเลพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ เติม อวบดำ หว้า งิ้วป่า ปอตูบหูช้าง ผ่าเสี้ยน มันปลาเปล้าใหญ่ ฯลฯ ไม้พุ่มและพืชพื้นล่างได้แก่ เอื้องหมายนา มันดง ม้าสามต๋อนเฒ่าหลังลาย หญ้าถอดบ้อง ตองกง เครือออน กลอย สายหยุด หัสคุณ ออสมันด้า และเล็บเหยี่ยว เป็นต้น


    [​IMG]

    ป่าดิบเขาพบในพื้นที่ทีเป็นหุบเขาและพื้นที่ลาดชันที่สภาพอากาศมีความชื้นค่อนข้างสูงตลอดปีในระดับความสูง ๑,๖๕๐ – ๑,๙๐๐เมตรจากระดับน้ำทะเล ชนิดไม้ที่สำคัญได้แก่ ก่อกระดุมก่อแดง สนสามใบ เม็ดชุนตัวผู้ ช้าส้าน มะมือ ก่วม เต้าหลวง จำปีหลวง มณฑาป่าเหมือดดง เดื่อปล้องหิน ตะไคร้ต้น สารภีป่า กำลังเสือโคร่ง กะทัง ฯลฯไม้พุ่มและพืชพื้นล่าง ได้แก่ กล้วย ต่างไก่ป่า พลูช้าง พญาดง หญ้าคมบาง ตองกงพริกไทย ดาดตะกั่ว และกาหลา เป็นต้น

    ป่าเบญจพรรณพบกระจายตัวเป็นพื้นที่กว้างที่ระดับความสูงต่ำกว่า ๙๐๐เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ กาสามปีก กุ๊ก แคหัวหมูแดง ตะคร้ำ ประดู่ มะเกลือ มะกอก ตังหน ชิงชัน โมก ฯลฯ ไม้พุ่มและพืชพื้นล่างได้แก่คนทา คัดเค้าเครือ เฒ่าหลังลาย เต่าร้าง ผักแว่น สะบ้าลิง สาบเสือ บุก ลิเภาชายผ้าสีดา เกล็ดปลา หญ้าขัด และพ่อค้าตีเมีย เป็นต้น ป่าเต็งรังพบโดยทั่วไปในพื้นที่ที่ระดับความสูงต่ำกว่า ๘๐๐เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางชนิดไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง เหียง พลวง รัง รกฟ้า พะยอม ตีนนก ติ้วขน สมอไทยส้านใหญ่ มะขามป้อม ยอป่า แสลงใจ เค็ด ฯลฯ ไม้พุ่มและไม้พื้นล่าง ได้แก่ กะตังใบโสมชบา กระมอบ หนาดคำ ตาฉี่เคย ข้าวสารป่า และยาบขี่ไก่เป็นต้น


    [​IMG]

    ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่า จึงชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดได้แก่ ช้างป่า กวางป่า หมีควาย เก้ง กระจงเล็ก เลียงผา หมูป่า แมวดาว ชะมดเช็ดลิงวอก ชะนีมือขาว พังพอน เม่นใหญ่ ไก่ป่า ไก่ฟ้าสีเงิน นกเขาเปล้า นกขุนทองนกขมิ้นท้ายทอยดำ นกปรอดคอลาย เหยี่ยวต่างสี กะท่าง เต่าปูลู เต่าใบไม้ กิ้งก่าแก้วแย้ ตะกวด งูเหลือม งูเขียวดอกหมาก งูเห่า กบทูด ปาด เขียดป่าไผ่ และอึ่งลายเป็นต้น ในบริเวณแม่น้ำและลำห้วยต่างๆ พบปลาจาด ปลามอน ปลาเลียหิน ปลาเวียน ปลาค้อปลาค้างคาว ปลาติดหิน และปลาก้าง เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    แล้วก็ถึงเวลาเก็บเต็นท์เสียที เก็บข้าวของ และสัมภาระ เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายอื่น นั่นก็คือ โป่งเดือด ซึ่งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าอาณาบริเวณของอุทยานกินพื้นที่ว้างถึง ๒ จังหวัด ฉะนั้น ณ จุดตรงนี้ถึงโป่งเดือดจึงไม่ใกล้เลยแต่ก็ยังดีที่เป็นทางบังคับต้องผ่านเพื่อไปสู่แม่ริม ใครที่ซื้อบัตรเข้าอุทยานไม่ว่าจะซื้อที่โป่งเดือดก็สามารถเข้ามาที่ห้วยน้ำดังได้ หรือใครที่ซื้อบัตรที่ห้วยน้ำดังก็สามารถเข้าไปที่โป่งเดือดได้โดยไม่ต้องเสียค่าบัตรผ่านอีก


    [​IMG]



    [​IMG]


    โป่งเดือด
    อยู่ในเขตบ้านแม่แสะ อำเภอ แม่แตง เป็น น้ำพุร้อนประเภทที่ทางธรณีวิทยาเรียกว่า 'กีเซอร์' (Geyser) หรือน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินเป็นช่วงๆ ตามแรงดันใต้ผิวดิน ซึ่งมีปริมาณมากกว่าบ่อน้ำร้อน (Hot pool) ซึ่งเป็นเพียงน้ำผุดขึ้นมาเท่านั้น โป่งเดือด มีบ่อขนาดใหญ่๓บ่อ และบ่อใหญ่สุดจะมีน้ำพุพุ่งสูงขึ้นมาประมาณ ๒เมตร ทุก ๓๐ วินาทีมีความร้อนประมาณ ๙๙องศาเซลเซียส ใกล้บ่อใหญ่มีห้องอาบน้ำซึ่งนำน้ำร้อนจากโป่งเดือด ผ่านท่อเข้ามา โดย น้ำพุร้อน มีคุณสมบัติบำรุงรักษาผิวพรรณได้ดีโป่งเดือด นี้เป็น น้ำพุร้อน ประเภทกีเซอร์ซึ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    น้ำพุร้อน จะพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตลอดเวลา มีกลิ่นของกำมะถันอ่อนๆเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ โป่งเดือด ซึ่งมีระยะทางไกลประมาณ๑,๕๕๐เมตร ความลาดชันปานกลาง ใช้เวลาประมาณ ๑ชั่วโมง มีจุดศึกษาธรรมชาติ ๑๑ จุดมีบริการ อาบน้ำแร่ เพื่อสุขภาพ มีบริการศูนย์บริการนักท่องเที่ยว



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
    เห็ดอะไรก็ไม่รู้.....



    [​IMG]
    เขาเรียกว่าอะไร ใครทราบบ้าง ช่วยบอกหน่อย....


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ออกจากโป่งเดือดพวกเราก็มุ่งหน้าลงจากขุนเขาผ่านนานาโค้ง สู่อำเภอแม่ริม แต่รู้สึกว่าขากลับลงมาทำไมเร็วกว่าขาขึ้น ระหว่างทางลงมาตามโค้งต่างๆ จะเห็นหินตกอยู่เกลื่อนถนนซึ่งรถบรรทุกได้ทำตกหล่นไว้ เห็นแล้วกลัวจะเกิดอุบัติเหตุได้โดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ที่ขับขี่ด้วยความเร็วทั้งขาขึ้นและขาลง ถ้าไม่เห็นหรือเบรคไม่ทันมีโอกาสล้มสูง

    คณะของพวกเราก็ผ่านหุบเขาและเหวลึกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ต่างคนเริ่มจะหิวแต่ยังหาร้านอาหารแวะไม่ได้ ก็เลยต้องเข้าไปที่พระตำหนักดาราภิรมย์ก่อน


    [​IMG]


    พระตำหนักดาราภิรมย์
    สร้างขึ้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เสด็จกลับมาประทับที่เชียงใหม่


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]

    หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชชายา เจ้าดารารัศมีทรงใช้พระตำหนักองค์นี้ปฏิบัติพระกรณียกิจอันเป็นคุณูปการทั้งด้านการเกษตร ศิลปวัฒนธรรม อา ทรงบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมล้านนาให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวเหนือ ทรงสร้างสวนทดลองการเกษตรชื่อ “สวนเจ้าสบาย” เนื่องจากทรงสนพระทัยในการเกษตรและทรงหวังที่จะช่วยการกสิกรรมของภาคเหนือ ทรงทดลองปลูกดอกกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ ที่ทรงได้มาจากสมาคมกุหลาบแห่งอังกฤษที่ทรงเป็นสมาชิกและพันธุ์ที่ทรงโปรดที่สุดเป็นกุหลาบดอกใหญ่สีชมพู กลิ่นหอมเย็น จึงทรงตั้งชื่อเพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบรมราชสวามีว่า “จุฬาลงกรณ์” พระราชายา เจ้าดารารัศมีทรงเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมากพระองค์หนึ่ง เพราะนอกจากพระอัธยาศัยอันงดงาม ยังทรงเป็นผู้เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระบรมราชวงศ์จักรีกับดินแดนล้านนา


    [​IMG]



    [​IMG]


    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ได้ทรงทำพินัยกรรมประทานที่ดินบริเวณพระตำหนักดาราภิรมย์เป็นมรดกแก่ทายาท ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ซื้อที่ดินดังกล่าวต่อจากทายาท พระตำหนักดาราภิรมย์ในพระราชชายา เจ้าดารารัศมีเป็นมรดกอันล้ำค่าของแผ่นดิน ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการบูรณะพระตำหนักขึ้นใหม่ให้สมบูรณ์งดงามใกล้เคียงกับสภาพเดิมเมื่อกาลก่อน และจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างบรรพชนในอดีตกับอนุชนรุ่นหลังเพื่อให้ได้ทราบถึงพระปรีชาสามารถและพระกรุณาธิคุณของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ขัตติยนารีผู้ทรงอุทิศพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อความวัฒนาแห่งดินแดนล้านนา นอกจากนี้พระตำหนักดาราภิรมย์ยังเป็นพระตำหนักที่ประทับสุดท้ายที่พระราชชายา เจ้าดารารัศมีทรงรักและผูกพันอย่างยิ่ง


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เมื่อสักการะ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี และขึ้นไปบนพระตำหนักดาราภิรมย์แล้ว พวกเราก็บ่ายหน้าเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังสถานที่สุดท้ายในการมาเที่ยวครั้งนี้ ก็คือ วัดบุบผา หรือ วัดสวนดอก สร้อยฟ้ามาลาไม่ขอลงรายละเอียดของวัดสวนดอก เพราะเคยลงไว้แล้วในกระทู้ก่อนๆ แล้ว แต่จะขอลงเรื่องราวบางส่วนของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี แทน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    พ.ศ.๒๔๕๗ เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระเชษฐาต่างพระมารดาของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ขึ้นครองนครเชียงใหม่แทนเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ที่ถึงแก่พิราลัยไปเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๒ ได้ลงไปเผ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


    [​IMG]


    [​IMG]




    พระราชชายา เจ้าดารารัศมีจึงถือโอกาสกราบถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเสด็จคืนมาประทับอยู่นครเชียงใหม่เป็นการถาวรดังที่ตั้งพระทัยไว้ ซึ่งก็ทรงมีพระบรมราชานุญาต


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    การที่พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เสด็จมายังนครเชียงใหม่ครั้งที่ ๒ เป็นการมาประทับอย่างถาวรทำให้พระประยูรญาติ สมณะชีพราหมณ์ พ่อค้าคหบดีและประชาชนต่างมีความปิติยินดี พากันสมโภชรับรองอย่างใหญ่โต

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]




    ตั้งแต่เสด็จมาประทับอยู่นครเชียงใหม่ ได้ทรงอุปการะพระประยูรญาติทั้งทางเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ได้ทรงสืบหาผู้ที่มีอายุที่รู้จักเครือญาติ เชิญมาซักไซ้ไล่เลียงด้วยพระองค์เอง หมายจะรวบรวมพิมพ์ไว้เป็นหลักฐานและแจกจ่ายไปให้ทราบโดยทั่วกัน แต่การยังไม่ทันแล้วเสร็จก็มาสิ้นพระชนม์เสียก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ทรงแสดงอัธยาศัยไมตรี เมตตากรุณากว้างขวางต่อชนทุกชั้น ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน
    ทรงเอาพระทัยสอดส่องช่วยเหลือกิจการของรัฐบาล เพราะทรงรอบรู้ระเบียบแบบแผนประเพณี ทรงทราบประวัติศาสตร์และพงศาวดารของเมืองเหนืออย่างถ่องแท้ ถึงกับได้ทรงเรียบเรียงบางเรื่องส่งถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพอยู่เนืองๆ



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg


    ทรงเข้าพระทัยในอักษรศาสตร์ ทรงสามารถแต่งโคลงกลอนตลอดจนบทละครได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังสนพระทัยในวิชาศิลปะศาสตร์ เช่น การออกแบบทอผ้าไหมเงินทองเป็นลวดลายชั้นเชิงต่างๆ และทรงชำนาญในการเย็บปักถักร้อย และการทำดอกไม้สดทุกอย่าง
    ยิ่งไปกว่านั้นทรงเข้าพระทัยในวิชานาฏศิลป์ได้เป็นอย่างดี ทั้งกิจการเกี่ยวกับการแสดงละคร ฟ้อนรำ จนเป็นที่นิยมชมชอบของผู้ได้พบเห็นทั่วไป เจ้านายหรือข้าราชการที่ได้เสด็จหรือมาสู่นครเชียงใหม่ เช่น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี สมเด็จพระปิตุลาบรมพงศาพิมุข สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ ได้รับความพอพระราชหฤทัยและพอพระทัยเป็นอันมาก




    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงเป็นขัตติยนารีโดยแท้ มีพระวรกายแข็งแรง กล้าหาญ อดทน เคยทรงม้าเสด็จไปทอดพระเนตรภูมิประเทศอันทุรกันดาร เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทางตั้งแต่อำเภอปายถึงขุนยวม ทรงเรือเล็กล่องตามลำน้ำสาละวินถึง ๓ ราตรี เสด็จขึ้นประทับบ้านใหม่ในเขตยางแดง แล้วเสด็จกลับทางอำเภอแม่สะเรียง


    a.jpg



    เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดของประเทศสยาม น้อยคนนักที่จะไปได้ถึง เพราะต้องใช้ม้าเป็นพาหนะ และความหนาวเย็นของอากาศบนยอดดอยนั้นต่ำถึง ๕๐ องศาฟาเรนไฮด์ ประทับอยู่ ๒ ราตรี ได้ทรงทำเครื่องหมายเป็นที่ระลึกไว้ซึ่งยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้
    จนกนั้นได้เสด็จไปยังอำเภอฝาง เหนือสุดของสยาม ซึ่งมีพรมแดนติดกับพม่าโดยขบวนช้างและม้า ทอดพระเนตรบนดอยอ่างขางและไร่ฝิ่นของชาวเขาเผ่าแม้ว แล้วเลยไปนมัสการพระพุทธรูปทองทิพย์ที่อำเภอแม่สรวย ไปเชียงรายเพื่อทอดพระเนตรการโพนช้างที่อำเภอกระทิง การจับช้างในเพนียดที่อำเภอเชียงแสน
    เสด็จลงเรือประทับล่องลงมาตามลำน้ำโขงทอดพระเนตรการจับปลาบึกและวิว ๒ ฝั่งโขง เสด็จทอดพระเนตรและนมัสการพระธาตุดอยตุง เสด็จกลับเชียงใหม่ทางอำเภอร้องกวาง ต้องขึ้นและลงห้วยรอนแรมอยู่ในป่าเป็นเวลาหลายวันหลายคืน




    นอกจากนั้นได้เสด็จอำเภอเถิน อำเภอลี้ ออบหลวง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด พระบาทสี่รอย น้ำตกแม่กลาง น้ำตกแม่ยะ
    ทางใต้ก็ได้เสด็จไปถึงเมืองปีนัง ซึ่งอยู่ในความปกครองของอังกฤษ เมื่อเสด็จไปแห่งหนตำบลใด ปรากฏว่าพบผู้คนอดอยากแร้นแค้นก็จะทรงบริจาคเงินและข้าวของหรือช่วยเหลือตามสมควร น้ำพระทัยอยู่ในการกุศลมิเสื่อมคลาย
    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงได้บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างและปฏิสังขรณ์สถานี่ต่างๆ ในนครเชียงใหม่มากมายหลายแห่งเท่าที่ประมวลมาได้ก็มี
    ๑. ปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุ วิหาร ลานโบสถ์ วัดต่างๆ
    ๒. สร้างและฉลองพระวิหารวัดไชยมงคล (ป่ากล้วย) อำเภอสารภี
    ๓. สร้างและฉลองวิหาร วัดขุนเส อำเภอหางดง
    ๔. สร้างและฉลองวิหารวัดพระบรมธาตุ อำเภอจอมทอง
    ๕. สร้างและฉลองวิหาร วัดขี้เหล็ก อำเภอแม่ริม
    ๖. ยกตำหนักบนดอยถวายเป็นของวัดพระธาตุดอยสุเทพ
    ๗. สร้างตึก “ณ เชียงใหม่” ในบริเวณโรงพยาบาลแมคคอร์มิค
    ๘. บริจาคเงินซื้อรถยนต์ประทานสถานีอนามัยเชียงใหม่ ๑ คัน
    ๙. ทรงรับเป็นเจ้าภาพอุปสมบทภิกษุสามเณรเสมอ ทั้งอุปฏฐากไม่ทอดทิ้ง อนึ่งเมื่อประทับอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ได้ปวารณาและช่วยเหลือภิกษุสามเณรที่มาจากภาคเหนือลงไปศึกษาเล่าเรียนทุกๆ รูป
    ๑๐. ได้ประทานที่ดินสร้างโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และสโมสรคณะราษฏร์(สโมสรนวรัฐ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นในเชียงใหม่ และโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ทรงเป็นกรรมการด้วยผู้หนึ่งก็ได้ทรงช่วยเหลือให้ความสะดวกจนเรียบร้อยทุกประการ ทั้งยังทรงอุดหนุนค่าเล่าเรียนแก่เด็กหลายคน ต่อมาเมื่อย้ายโรงเรียนไปรวมกับวชิราวุธวิทยาลัย นักเรียนเก่าจึงพร้อมใจกันเชิญเสด็จเป็นสมาชิกพิเศษของสมาคม เพื่อเทิดพระเกียรติคุณพระองค์ท่านไว้จนกระทั่งบัดนี้
    ได้ทรงอุปถัมภ์โรงเรียนดาราวิทยาลัย ทั้งชวยเหลือการศึกษาของกุลบุตรกุลธิดาตลอดเวลาที่ทรงพระชนม์ชีพ
    ทรงสนพระทัยในการกสิกรรม ทรงซื้อเครื่องมือในการทำสวนและพันธุ์พืชต่างๆ ให้ครูโรงเรียนกสิกรรมมาเป็นหัวหน้าที่สวนเจ้าสบาย อำเภอแม่ริม ซึ่งบัดนี้เป็นกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๓๓ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ราษฎร




    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงใช้ชีวิตในบั้นปลายในบ้านเกิดเมืองนอน แวดล้อมด้วยประยูรญาติและบ่าวไพร่อย่างมีความสุขเป็นเวลานานถึง ๒๐ ปี ณ ตำหนักดาราภิรมย์ สวนเจ้าสบาย อำเภอแม่ริม
    ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๖ ได้เริ่มประชวรด้วยพระโรคพระปัปผาสะพิการ นายแพทย์ทั้งในและต่างประเทศได้พยายามถวายการรักษาพยาบาล พระอาการทีแต่ทรงกับทรุด เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ผู้เป็นพระเชษฐา จึงเชิญเสด็จมาประทับที่คุ้มรินแก้วในเมืองเชียงใหม่ เพื่อสะดวกกับพระประยูรญาติผลัดเปลี่ยนกันเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการและเป็นการง่ายที่แพทยฺจะถวายการรักษา



    ความทราบถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน อัญเชิญด้ายสายสิญจน์มาผูกพระกรตามประเพณีชาวเหนือ และพระราชทานเงิน ๕,๐๐๐ บาท ช่วยในการรักษาพยาบาล โปรดเกล้าฯ ให้ถวายรายงานของแพทย์เป็นประจำวัน

    พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ สั่งให้หลวงสุริยพงศ์พิสุทธินายแพทย์กรมรถไฟขึ้นมาประจำร่วมมือกับแพทย์ทางเชียงใหม่

    เจ้าแก้วนวรัฐ และพระประยูรญาติรวมทั้งข้าราชบริพาร รวมทุนกันซื้อเครื่องเอกซเรย์ชนิดย้ายที่ได้จากชวา ส่งมาทางเครื่องบินเป็นเงิน ๔,๒๐๐ บาทเศษ เพื่อฉายดูพระปัปผาสะ เป็นการช่วยแพทย์แผนปัจจุบัน พระอาการก็มิบรรเทา



    [​IMG]


    ทรงประชวรอยู่นาน ๕ เดือนเศษ พระราชชายา เจ้าดารารัศมีก็สิ้นพระชนม์ ในวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๖ เวลา ๑๕.๑๔ นาฬิกา รวมพระชนมายุได้ ๖๐ พรรษา ๓ เดือน ๑๓ วัน

    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงมีพระราชโทรเลขแสดงความเศร้าสลดพระราชหฤทัยมายังพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ

    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ซึ่งประทับอยู่ที่ชวาได้ประทานเงินมาช่วยทำบุญด้วย ๓,๐๐๐ บาท พระบรมวงศานุวงศ์ เจ้าจอม และข้าราชการ พ่อค้า คหบดีตลอดจนชาวต่างประเทศที่เคยได้รู้จักและเฝ้าแหนพระราชชายา ก็ได้มีโทรเลขมาแสดงความเสียใจด้วยเป็นอันมาก



    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชโกษา เป็นหัวหน้าพนักงานกองสนมพลเรือน ๘ กองภูษามาลา ๖ กองพระราชกุศล ๒ แผนกอภิรมย์ราชยาน ๑ กรมวังนอก ๒ แผนกกระบวน ๕ รวม ๒๕ นาย นำน้ำพระสุคนธ์สรงพระศพ กับพระโกศกุดั่น เครื่องสูง ๑๐ สังข์ ๑ แตรฝรั่ง ๑ แตรงอน ๑ กลองชนะ ๒๐ เสลี่ยง แว่นฟ้า พระกลด พระราชทานเป็นเกียรติยศ และโปรดเกล้าฯ ให้ราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย ๗ วัน

    พระราชทานผ้าไตรของหลวง ๒๐ ไตร ของสมเด็จพระราชินี ๒ ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระราชาคณะแสดงพระธรรมเทศนา ๑ รูป พระฐานานุกรม ๔ รูป สวดธรรมกถาทั้งกลางวันและกลางคืน ฉันเช้าวันละ ๘ รูป ฉันเพลวันละ ๔ รูป กำหนด ๑๕ วัน พระราชเป็นส่วนพระองค์ ตลอดทั้งการพระเมรุด้วย


    เมื่อยังทรงพระประชวรและพระอาการไม่มีวันดีขึ้น เหมือนพระราชชายา เจ้าดารารัศมีจะทรงรู้ว่าจะทรงไม่รอดแล้ว พระองค์ได้รับสั่งกับพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ พระเชษฐาที่เฝ้าดูพระอาการ พร้อมทั้งพระประยูรญาติว่า

    หากเมื่อใดพระองค์สิ้นพระชนม์ก็ขอให้บรรดาพระญาติวงศ์นับตั้งแต่เจ้าแก้วนวรัฐลงไป ได้โปรดนำสิ่งของต่างๆ ที่บรรจุอยู่ในหีบกาไหล่ทอง ในหีบเหล็กใบใหญ่อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่เหนือพระทานบรรทมของพระองค์ท่าน ขอให้นำสิ่งของเหล่านั้นบรรจุลงในกู่ร่วมกับพระอัฐิของพระองค์ด้วย
    ทุกคนต่างก็แปลกใจ คิดไม่ออกว่าภายในหีบกาไหล่ทองใบนั้นมีอะไรบรรจุอยู่ รู้กันก็เพียงว่าทรงหวงแหนนัก ไม่บอกให้ใครรู้ว่าเป็นอะไรเท่านั้น
    ภายหลังจากพระราชชายา เจ้าดารารัศมีสิ้นพระชนม์ เมื่อความโศกเศร้าค่อยบรรเทาเบาบางลง พลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ทรงเป็นประมุขของเจ้านายในสกุล “ณ เชียงใหม่” ได้เป็นองค์ประธานพร้อมด้วยเจ้านาย ญาติพี่น้อง ได้นั่งเป็นสักขีพยานในการเปิดหีบเหล็กใบใหญ่ออก ก็พบหีบกาไหล่ทองสีดำขนาดกว้างยาว ๑๒ นิ้ว
    บนฝาหีบนั้นมีเครื่องหมายตราสกุล “เจ้าเชียงใหม่” แห่งราชวงศ์ “ทิพย์จักราธิวงศ์” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างขึ้นพระราชทานแด่พระราชชายา เจ้าดารารัศมีโดยเฉพาะ โดยสร้างขึ้นเป็นตราของสกุลวงศ์ “ณ เชียงใหม่” เป็นรูปพระอินทร์มีพระวรกายสีขาวประทับอยู่ในปราสาท มีทับทิมเม็ดใหญ่และมีเพชรล้อมรอบมีมูลค่ามหาศาล
    หีบกาไหล่ทองใบนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จ้างช่างชาวฝรั่งเศสสร้างขึ้นในคราวเสด็จประพาสยุโรป พระราชชายา เจ้าดารารัศมีเคยตรัสเล่าให้บรรดาญาติผู้ใกล้ชิดฟังเสมอว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานหีบกาไหล่ทองนี้ให้ ได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า
    “เครื่องหมายพระอินทร์ขาวประทับอยู่ในปราสาทนี้ นับเป็นเครื่องหมายสำหรับสกุล “เจ้าเชียงใหม่” ที่ประทานให้เจ้าน้อยในฐานะเป็นพระธิดาของพระเจ้าเชียงใหม่ และเป็นเจ้าจอมมารดาของลูกฉัน ด้วยความรักเป็นที่สุด”

    เมื่อเจ้าแก้วนวรัฐเปิดฝาหับกาไหล่ทองออกก็ได้พบเอกสารอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นจดหมายอันประทับใจระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระราชชายา เจ้าดารารัศมียามอยู่ห่างไกลกัน ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์เองรวมกันหลายฉบับ พับอย่างเรียบร้อยห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าพรมน้ำหอม
    อีกรายการหนึ่งเป็นห่อผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์มีกระดาษเขียนอักษรภาษาไทยกลัดไว้ด้วยมีข้อความว่า “อัฐิตรงส่วนนิ้วพระหัตถ์ก้อยของพระเจ้าชีวิตอินทวิไชยยานนท์ พระเจ้าเหนือหัว” เมื่อคลี่ออกดูก็พบว่ามีกระดูกก้อนเล็กๆ สีขาวมัวๆ อยู่ ๒ ก้อน
    รายการที่ ๓ มีสภาพเหมือนรายการที่ ๒ มีอักษรไทยบอกไว้ว่า “อัฐิพระนิ้วก้อยของพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันประสูติจากพระราชชายา เจ้าดารารัศมีพระธิดาของพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่”
    รายการที่ ๔ เป็นเอกสารที่บรรจงห่อด้วยกระดาษ ๒ – ๓ ชั้นพับไว้อย่างดี เมื่อแก้ออกมาก็ทราบว่าเป็นลายมือเขียนด้วยอักษรเป็นภาษาพื้นเมือง เมื่อพินิจพิเคราะห์ดูแล้วผู้ครองนครถึงกับอุทานออกมาว่า
    “ลายมือตัวหนังสือของพ่อเจ้าชีวิตอินทวิไชยยานนท์”
    เมื่อเรียกขุนนางพื้นเมืองที่รู้หนังสือล้านนาให้เข้ามาอ่านข้อความนั้นให้ฟังก็ทราบว่า พ่อเจ้าชีวิตอินทวิไชยยานนท์เขียนไปตามความรู้สึกของพ่อที่มีไปถึงลูก ที่ประสบความสูญเสีย “หลาน” ในอก เนื่องในคราวที่พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสีพระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระราชชายา เจ้าดารารัศมีสิ้นพระชนม์
    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงถวายตัวเป็น เจ้าจอม ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนม์ ๑๔ พรรษา
    ทรงเป็น เจ้าจอมมารดา เมื่อพระชนมายุ ๑๗ พรรษา
    ทรงเป็น พระสนมเอก เมื่อพระชนมายุ ๒๑ พรรษา
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น “พระราชชายา” เมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา



    พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงมีพระคุณสมบัติเพียบพร้อมสมเป็นขัตติยนารี โดยแท้จริง...........




    [​IMG]



    อาหารกลางวันพวกเราได้ทานที่ร้านแถวๆ หน้าวัดสวนดอกนั่นเอง ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่อำเภอสันกำแพง เพื่อไปเอาไส้อั่วที่คุณแม่ของเพื่อนทำไว้ให้ แล้วคณะของเราก็เลยร่ำลาท่าน และขอขอบคุณที่ให้ที่พักอาศัยแก่คณะของเราในคืนวันแรก พวกเราออกจากอำเภอสันกำแพงประมาณเกือบห้าโมงเย็น โดยใช้เส้นทางกลับย้อนทางเดิมเหมือนคราวที่ขึ้นมา แต่ไม่เข้าห้างฉัตร จังหวัดลำปาง แล้วก็แวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือนิดหน่อย(รถเต็มแล้ว ซื้อเยอะไม่ได้) มีถนนบางช่วงกำลังปรับปรุงถ้าจำไม่ผิดน่าจะแถวๆ จังหวัดตากพอเข้ามาถึงกำแพงเพชรถนนดีบ้างไม่ดีบ้างสลับกันไป พอเข้ามาถึงนครสวรรค์ถนนพังขรุขระมาก มาถึงนครสวรรค์ก็ประมาณ ๓ ทุ่มครึ่ง แวะบ้านนครสวรรค์นำของฝากไปให้คุณแม่ ออกจากบ้านนครสวรรค์ห้าทุ่มเศษ แวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ตัวเมือง ออกจากตัวเมืองนครสวรรค์เกือบเที่ยงคืน ก็ขับรถยาวเข้าบ้านเลยถึงบ้านประมาณเกือบ ๐๒.๐๐ น. ของวันจันทร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๒.... รวม ๔ คืน ๓ วัน เอ นับดีๆ น่าจะไม่ใช่แล้วสิ เพราะวันเวลาคาบเกี่ยวกันอยู่ ตีสองขึ้นวันใหม่แล้วนี่หน่า ช่างเถอะไม่คิดแล้ว ปวดศีรษะ สรุปรวมระยะทางที่ล้อหมุนทั้งสิ้น ๑,๙๙๐.๖ กิโลเมตร........จบการเดินทาง ...... ลืมไม่ได้ ต้องขอกราบขอบคุณเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง เทวาอารักษ์ ที่ช่วยคุ้มครองให้เดินทางทั้งไปและกลับอย่างปลอดภัย.............

    ......................................



    .........................

    สรุปสถานที่การเดินทางในวันที่สี่
    ๑. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
    ๒. โป่งเดือด
    ๓. พระตำหนักดาราภิรมย์
    ๔. วัดสวนดอก


    ..............................


    ข้อมูลอ้างอิง

    อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
    www.dnp.go.th

    โป่งเดือด
    www.ontotour.com

    พระตำหนักดาราภิรมย์
    www.chula.ac.th/histry/darabhirom_th.html

    พระประวัติ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
    จาก หนังสือ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เรียบเรียงโดย หนานอินแปลง


    ........................................................


    สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เจ้านายทุกพระองค์ เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวร และขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน

    ........................................................

    ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม Pai Mini Stories ทั้ง ๔ ตอน




    ภาพและเรียงร้อยถ้อยคำ
    โดย สร้อยฟ้ามาลา





    .......................



    [​IMG]






    ..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เรื่องที่ ๒๑

    เสี้ยวหนึ่งในเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ

    ครั้งนี้ไม่ขอบรรยายอะไรมาก แต่ยกข้อมูลมาจาก http://www.paknampho-chinesenewyear.com เป็นตำนานความเป็นมาของเทศกาลตรุษจีนเมืองปากน้ำโพ นครสวรรค์


    ภาพมีอยู่สองช่วงตอนเช้ากับตอนค่ำ ณ สถานที่เดียวกันคือ ปากน้ำโพ ต้นน้ำเจ้าพระยา


    a.jpg
    ตอนเช้าออกจ่ายตลาดซื้อของไหว้ ....



    a.jpg


    a.jpg



    นครสวรรค์ เมืองต้นแม่น้ำเจ้าพระยา มีชื่ออีกชื่อที่คนทั่วไปรู้จักคือ 'ปากน้ำโพ' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นครสวรรค์นับว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ ส่วนปากน้ำโพจัดเป็นศูนย์ลางทางการค้า เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด


    a.jpg


    a.jpg


    a.jpg



    ชาวจีนหลายเชื้อสายที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินจะอาศัยอยู่ตามริมแม้น้ำ น่าน เรียกว่า 'แควใหญ่' และบริเวณ 'ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา' คือตลาดปากน้ำโพ ซึ่งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตก


    a.jpg


    บรรพบุรุษของชาวจีนนับถือเทพเจ้า เมื่อมาตั้งรกรากที่ใด ได้อัญเชิญเอาเทพเจ้าที่ตนนับถือติดตัวมาด้วย ชาวจีนในตลาดปากน้ำโพก็เช่นกัน พากันนับถือ เจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าพ่อกวนอู-เจ้าแม่ทับทิม-เจ้าแม่สวรรค์ เมื่อมาอยู่ได้จัดตั้งศาลเพียงตาสำหรับเป็นที่ประทับของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ เพื่อกราบไหว้บูชา โดยตั้งขึ้น ๒ ศาล คือ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออกของตลาดปากน้ำโพ และศาลเจ้าแม่หน้าผา ริมฝั่งแม่น้ำปิงที่บ้านหน้าผา ขึ้นไปทางเหนือของตลาดปากน้ำโพ


    a.jpg
    องค์นี้ดุจัง....


    a.jpg




    เมื่ออดีตประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว ตลาดปากน้ำโพได้เกิดโรคอหิวาตกโรค ระบาดครั้งใหญ่ ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก บรรดาชาวจีนในปากน้ำโพ ได้นำเอา 'กระดาษฮู้' (กระดาษยันต์) จากศาลเจ้าไปเผาไฟแล้วเอาเถ้ากระดาษมาชงน้ำดื่มทำให้หายจากโรคระบาด เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว


    a.jpg

    a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...