42 พรหมอักษร และสุธนกุมาร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 13 ตุลาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,441
    Manjushri_at_Buddha_Tooth_Relic_Temple_and_Museum.JPG

    42 พรหมอักษร และสุธนกุมาร


    คราหนึ่งสุธนกุมาร หรือ องค์ซ่านไฉ
    ได้กลับจากเทวมณเฑียร และมุ่งตรงไปยังเมืองวีรสนะ
    ที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำคงคาและยมุนาซึ่งเป็นที่อาศัยของ
    มหาทักษะกุมาร

    เมื่อเข้ากราบคารวะทักษะกุมาร จึงได้ถามว่า
    ท่านได้บำเพ็ญโพธิสัตวมรรคด้วยวิธีเช่นไร
    โปรดแนะนำ เพื่อเป็นหนทางแห่งการมุ่งสู่อนุตรมรรค

    มหาทักษะกุมาร จึงกล่าวว่า ตนนั้นได้ภาวนา
    สี่สิบสองมารดาแห่งอักษร อยูเป็นนิจ เป็นต้นกำเนิดแห่งปัญญาบารมีทั้งหลายถึงสี่สิบสองประการ
    ขอสุธนกุมารผู้เป็นยอดปราชญ์ได้โปรดสดับ

    อะ
    คือ อักษรแห่งความเสมอภาค จะปรากฏปัญญาบารมี
    ที่ทำให้ไร้ซึ่ง การเกิดภพชาติ

    ตะ
    คือ อักษรแห่งความเป็นอจินไตย์ จะปรากฏปัญญาบารมี
    ที่ทำให้ไกลจากธุลีแห่งมลทินทั้งมวล

    ปะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงธรรมธาตุ จะปรากฏปัญญาบารมี
    ที่ทำให้เกิดความเที่ยงธรรมในการพิจารณา

    จะ
    คือ อักษรแห่งการขับเคลื่อนจักรโดยกว้างขวาง
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่ทำให้เกิด การประพฤติธรรม
    อันหาคำจำกัดมิได้

    นะ
    คือ อักษรแห่งอนุปาลยะ คือ มิมีสิ่งใดฉุดรั้งได้
    จะปรากฏปัญญาบารมีที่ทำให้เกิด
    การเข้าถึงลักษณะแห่งสภาวะทั้งมวล

    ละ
    คือ อักษรแห่งความวิมล จะปรากฏปัญญาบารมี
    อันเป็นต้นกำเนิดแห่งการโค่นต้นราคะ ซึ่งเป็นรากเหง้าแห่งสังสารวัฏ จะถูกทำลาย

    ตะ
    คือ อักษรแห่งการทำลายความไม่ก้าวหน้า
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่ทำให้ปราศจากอคติทั้งมวลในตรีกาล

    พะ
    คือ อักษรแห่งวัชระมณฑล จะปรากฏปัญญาบารมี
    อันเป็นความสำเร็จ แห่งความเห็นพ้องในธรรมะที่มีร่วมกัน

    ฑะ
    คือ อักษรแห่งความรอบด้านในการขจัดความโกรธ
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่ทำให้ไกลจากความขุ่นเคืองทั้งมวล

    ษะ
    คือ อักษรแห่งความไกลจากกำหนัด จะปรากฏปัญญาบารมี
    ที่นำไปสู่ มหาสมุทรแห่งคุณธรรมอันซ่อนเร้น

    วะ
    คือ อักษรแห่งความชำนาญในการสถิตย์อยู่ในศานติ
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่นำไปสู่สัมมามรรคอย่างไรข้อกังขา

    ตะ
    คือ อักษรแห่งการทำลายการติฉินนินทา
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่นำไปสู่ความไม่หวั่นไหว

    ยะ
    คือ อักษรแห่งการออกจากความยึดมั่นในตัวตน
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการเข้าถึงสภาวะความจริง

    ฏะ
    คือ อักษรแห่งการขจัดความขุ่นเคืองของอารมณ์
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการเข้าใจในการไม่เกิดอีก

    คะ
    คือ อักษรแห่งความปรารถนาดี
    จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งความปรองดอง
    และไมตรีที่ไม่อาจเสื่อมลงได้

    สะ
    คือ อักษรแห่งธรรมพิรุณ จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งความเสมอภาค ดุจฝนธรรมที่ตกต้องได้ทุกที่ มอบความตื่นขึ้นให้สรรพสัตว์โดยทั่วไป

    มะ
    คือ อักษรแห่งการยกระดับภูมิของสรรพสัตว์
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการจำแนกสันดานของสรรพสัตว์

    ฆะ
    คือ อักษรแห่งความรอบด้านในการพลักดันความสำเร็จ
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการอุทิศตนเพื่อไปสู่ความไม่ถดถอยในธรรม

    ถะ
    คือ อักษรแห่งความกลมกลืนในสัตยะ
    จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งทักษะในการสาธยายธรรม
    ที่มิมีผู้ใดเสมอเหมือน

    ชะ
    คือ อักษรแห่งความมุ่งมั่น ทวนกระแสแห่งโลก
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งความสามารถในพละ

    ฆะ
    คือ อักษรแห่งการระลึกถึง ความอลังการแห่งพระพุทธเจ้า
    จะปรากฏปัญญาบารมี ในการเข้าถึงคลังแห่งวิมุติ
    ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในตรีกาล

    ขะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงโพธิมณฑล
    จะปรากฏปัญญาบารมี ในการลุถึงที่สถิตย์แห่งความรู้แจ้ง
    ทั้งมวลในตรีกาล และรักษา พิทักษ์ธาตุมณฑลให้สถิตย์อยู่อย่างรุ่งเรือง

    ฌะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงการบ่มรมสรรพสัตว์
    จะปรากฏปัญญาบารมี ที่สามารถระงับ สั่งสอนสรรพสัตว์ให้ตื่นขึ้นตามความเป็นจริง

    ชะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงปัญญาญาณ อันซ่อนเร้นในการพิจารณาเหตุผล จะปรากฏปัญญาบารมี เพื่อเข้าถึงความว่างในทุกลำดับขั้น

    ฌะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าใจในอกุศลที่ซ่อนเร้นในสันดานของสรรพสัตว์ จะปรากฏปัญญาบารมีที่เข้าถึงวิธีการแก้ไขสันดานของหมู่สัตว์

    สะตะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงแสงประภาสแห่งความบริสุทธิ์จากกิเลส จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งความไม่ถดถอย
    ต่อการมุ่งสู่อนุตรสัมมาสัมโพธิ

    ลวะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงจุดสิ้นสุดแห่งโลกีย์วิสัย
    จะปรากฏปัญญาบารมี ในการเข้าใจความเป็นไปของโลก

    หะละตะ
    คือ อักษรแห่งการทรยศต่อโลก เป็นผู้แหกคุกของการเกิดตาย จะปรากฏปัญญาบารมี ที่เข้าถึงความต่อเนื่องของการไม่เกิดและพ้นจากความตาย

    พะ
    คือ อักษรแห่งการรังสรรค์โพธิมณฑล(อาจหมายถึงวัดวาอารามต่างๆ) ให้อลังการ สมฐานะของพระบรมศาสดา
    จะปรากฏปัญญาบารมี โดยใช้วิหารเหล่านั้นทำลายความเลวทรามในใจสรรพสัตว์ ให้เข้าถึงโพธิมณฑลเมื่อได้ย่างกรายเข้ามา

    ฉะ
    คือ อักษรแห่งการกำตัดความโต้แย้ง ข้อขัดใจ ความบาดหมางใจกันแม้เรื่องเล็กน้อย จะปรากฏปัญญาบารมี
    เพื่อเข้าถึงการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุข

    สะมะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในทศทิศ
    จะปรากฏปัญญาบารมี บังเกิดมหาสติ อย่างต่อเนื่อง ชัดเจน

    อะสะ
    คือ อักษรแห่งการมอบสิทธิแห่งปัญญาณให้แก่สรรพสัตว์
    จะปรากฏปัญญาบารมี ในการให้ความสำเร็จแห่งโพธิมรรค

    ฆะ
    คือ อักษรแห่งการเข้าถึงมหาสมุทรเมฆ
    ในที่นี้คือ คุณธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งศานติ และความเสมอภาคแห่งธรรม

    ฏะ
    คือ อักษรแห่งการระลึกถึงปณิธาน
    ที่ปรารถนาต้องการพบพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการอุบัติในพุทธประเทศต่างๆ
    ได้พบพระพุทธองค์ ได้สอบถาม และบรรลุธรรมยังเบื้องหน้าพระพุทธองค์

    ณะ
    คือ อักษรแห่งการสร้างสมความยุติธรรมอันบริสุทธิ์
    จะปรากฏปัญญาบารมี ในการสถิตย์ยังการไม่กลับไปกลับมาแห่งอารมณ์ ยังให้มีความเที่ยงตรงต่อทัศนะ

    สะพะ
    คือ อักษรแห่งการนำพาสรรพสัตว์บรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งโพธิมณฑล จะปรากฏปัญญาบารมีในความสมบูรณ์แห่งมรรคผล

    ษะฆะ
    คือ อักษรแห่งขันติ เป็นแสงสว่างแห่งความอดทน
    จะปรากฏปัญญาบารมีแห่งการลุถึงตบะทั้งหลาย

    ยะสะ
    คือ อักษรแห่งการอาราธนาให้พระพุทธเจ้าในโลกธาตุต่างๆปรากฏพระวรกาย จะปรากฏปัญญาบารมีในการกำจัดความอ่อนแอ ความพ่ายแพ้

    ทะจะ
    คือ อักษรแห่ง ธรรมเมฆชลธรครรชิตโฆษะ
    จะปรากฏปัญญาบารมี แห่งการล่วงรู้ความลับในการโปรยปรายสายฝนแห่งสัทธรรม พร้อมทั้งบรรลือสีหนาทอย่างมิได้หวั่นเกรง

    ฐะ
    คือ อักษรแห่งการทำลายอัตตา เปิดประตูแห่งอนัตตา
    จะปรากฏปัญญาบารมี เพื่อเข้าถึงการใช้กฏเกณฑ์และการยุติ
    กฏเกณฑ์ทั้งมวล

    ทะ
    คือ อักษรแห่งความสำเร็จของปัญญาบารมีทั้งมวล
    จะปรากฏซึ่งความรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันหาที่สุดประมาณมิได้
    จึงพึงสาธยายด้วยความสำรวม ระมัดระวัง

    สุธนกุมาร ได้เรียนรู้มารดาแห่งอักษร จากมหาทักษะกุมาร
    เพื่อการดำเนินตามโพธิสัตวมรรค และบรรดาพระโพธิสัตว์
    มหาสัตว์ทั้งหลาย ต่างก็เรียนรู้คุณแห่งมารดาอักษรทั้ง42พยางค์ เพื่อเข้าถึงปัญญาบารมี
    อันไร้ขอบเขต ไร้ประมาณโดยทั่วกัน

    มนตรา คาถา บทสาธนะ ในพุทธศาสนา
    แม้กระทั่งอักษรต่างชาติต่างๆ
    ก็มาจากรากเหง้าของสี่สิบสองมารดาอักษรสถิตย์อยู่

    การถ่ายทอดธรรมแต่ละยุคสมัย
    ก็ล้วนประกอบขึ้นจากมารดาแห่งอักษรเหล่านี้ทั้งสิ้น
    เพื่อเปิดทางให้สรรพสัตว์เข้าถึงปัญญาทั้งมวล

    สี่สิบสองอักษรมารดานี้
    สามารถผสมกลับไปกลับมา จะได้อักษรทั้งหมด 546 ตัว

    แต่มีพระคาถาของพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง
    ที่พวกเรารู้จักกันดี
    คือ คาถาหัวใจของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ " อา รา ปา จา นา "

    ทั้งห้าตัวนี้ได้ถอดความจากสายตระกูลแห่งปัญญาทั้งมวล
    ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด 546 แบบ ได้รวมไว้ใน " อา รา ปา จา นา "
    ส่วนคำว่าโอม คือ การน้อมบูชา
    และคำว่า ดี คือ หฤทัยอักษรของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์

    ในอินเดียโบราณจึงยกให้ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์
    เป็นยอดแห่งบรมครูทางด้านอักษร
    เป็นผู้ทรงพลังแห่งปัญญาทั้งมวลในตรีกาล
    นักปราชญ์และสัตปุรุษทั้งหลายจึงนิยมขอพลังปัญญาจากท่าน

    สี่สิบสองพรหมอักษรมารดา มีดังนี้

    " อะตะปะ จะนะ ละตะ พะฑะ ษะวะ ตะยะ ฏะคะ
    สะมะ ฆะถะ ชะฆะ ขะฌะ ชะฌะ สะตะละวะ
    หะละ ตะพะ ฉะสะมะ อะสะ ฆะฏะ
    ณะสะ พะษะ ฆะยะสะ ทะจะ ฐะทะ "
    (สำเนียงก็แล้วแต่สำนัก นั่นก็สุดแท้แต่แต่ผมว่าอ่านด้วยสระอะจะเข้าใจง่ายมากกว่า)


    แปลถวายเป็นพุทธบูชา โดย อี้จู๋หลิน

    #ถ้าขี้เกียจท่องก็ท่องโอมอาราปาจานาดี
    #ถ้าขยันและอยากประลองเสียงและความสนุก
    #ก็ท่องพรหมอักษรท่องไปท่องมาท่องมาท่องไป
    #สุดท้ายก็จะหันมาท่อง " โอม อา รา ปา จา นา ดี "
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...