เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 มิถุนายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทันทีที่เสียงระฆังบิณฑบาตดังขึ้น ฝนก็กระหน่ำลงมาเป็นฟ้ารั่ว แต่กระผม/อาตมภาพไม่เคยกลัวเรื่องฟ้าเรื่องฝนอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่าทหารในกองทัพธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ดินเหนียว จะได้โดนฝนแล้วละลาย แล้วก็ไม่ใช่ขี้ผึ้ง จะได้โดนแดดแล้วละลาย จึงออกบิณฑบาตตามปกติ มีญาติโยมบางท่านถามว่า "หลวงพ่อไม่กลัวฝนหรือเจ้าคะ ?" ก็ตอบไปว่า "ถ้ากลัวฝนก็แปลว่าต้องไม่อาบน้ำด้วย" เล่นเอาอีกฝ่ายหนึ่งทำหน้าพิกล..!

    ความจริงแล้วเรื่องนี้กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี วันนั้นฝนตกหนักมาก โดยเฉพาะมีน้ำป่าไหลหลาก น้ำป่าจาก "บึงทับแต้" หลากออกมาทาง "คลองยาง" แล้วก็พุ่งไปตาม "ลำน้ำสะแกกรัง" ถ้าถามว่ารุนแรงขนาดไหน ? ก็ต้องถามทิดประสิทธิ์ดู ทิดประสิทธิ์ ลิ้มอิ่ม หรือในตอนนั้นก็คือพระประสิทธิ์ สุธมฺมยาโน จะว่าไปแล้ว ก็บวชพรรษาเดียวกันกับกระผม/อาตมภาพนี่เอง แต่ว่าคนละรุ่นกัน

    รุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้นบวชรุ่นพิเศษ เพื่อแก้บนตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านได้บนกับพระเอาไว้ แล้วถัดมาก็เป็นรุ่นบวชเข้าพรรษา ก็คือรุ่นของท่านอาจารย์ตี๋ (พระนิติ สุธมฺมสุนฺทโร) ดังนั้น..พวกเราอายุพรรษาเท่ากัน เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นแก่เดือนกว่า เนื่องเพราะว่าบวชในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ส่วนอีกหลายท่านที่บวชในพรรษานั้น ท่านบวชในช่วงเข้าพรรษา ก็คือประมาณต้นเดือน ๘

    วันนั้นน้ำหลากออกจากบึงทับแต้มาตามคลองยาง แล้วก็พุ่งไปตามแม่น้ำสะแกกรัง ท่านประสิทธิ์เอาเรือออกบิณฑบาตตามปกติ ทันทีที่เรือเข้าไปถึงบริเวณนั้น ก็โดนน้ำดูด..วูบเดียวเท่านั้น..ไปไกลลิบเลย..! ขนาดทุกคนที่เห็นยังบ่นว่า "ทำไมแจวเรือได้เร็วขนาดนั้น ?" แต่ปรากฏว่า ๘ โมงครึ่งแล้ว ท่านประสิทธิ์ยังไม่กลับมา พวกเราทุกคนก็จำเป็นต้องรอ เพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านกำหนดเอาไว้ว่า ให้สายบิณฑบาตทุกสายกลับมาพร้อมกันแล้วถึงจะฉันได้

    จนกระทั่งเกือบจะ ๙ โมงเช้า ท่านประสิทธิ์ถึงได้แจวเรือกลับมาถึง พร้อมกับทำท่าจะเป็นลม..! ถามว่าทำไมถึงช้าขนาดนี้ ? ท่านบอกว่าน้ำหลากแรงมาก ขากลับต้องแจวเรือสวนน้ำขึ้นมา แจวเท่าไรก็ไม่ขยับเสียที จนกระทั่งต้องใช้วิธีเกาะชายตลิ่งดึงตัวเองมาทีละนิ้ว..ทีละนิ้ว..! กว่าจะมาถึงวัดอย่างที่เห็นนี่แหละ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นออกบิณฑบาตทางสายใต้ มีพระที่ติดตามไปก็คือพระสมปอง สุธมฺมสนฺตจิตฺโต หรือภายหลังก็คือท่านจิตโตนั่นเอง สองคนพี่น้องเดินฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำอย่างชนิดฟ้ารั่ว ไปจนกระทั่งถึงหัวสะพาน ซึ่งฝั่งเลยหัวสะพานนั้น ภายหลังหลายสิบปีมีร้านอาหารชื่อดัง คือศาลาโค้ก เป็นช่วงที่ถ้าวิ่งตามเส้นทางเก่าก็จะไปออกท่าเรือมโนรมย์ แต่ว่ามีการเวนคืนพื้นที่ตัดตรงไป ขึ้นสะพานมโนรมย์ในปัจจุบันนี้เลย

    สะพานบริเวณคลองเล็ก ๆ นั่นแหละ คุณยายอายุ ๘๐ กว่า ผมขาวทั้งหัว ถือขันข้าวพร้อมกับใบกล้วยบังหัวรอพระมารับบาตร กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วรู้สึกจุกขึ้นมาถึงคอหอย เนื่องเพราะว่าคุณยายกลัวว่าลูกพระจะอด ฝนฟ้าตกขนาดนี้ บ้านอื่นคงจะไม่ใส่บาตรกัน ก็เลยต้องทนฝนทนหนาวออกมารอใส่บาตร กระผม/อาตมภาพมองหน้ากับท่านสมปองแล้วคิดในใจเหมือนกันว่า "วันนี้ถ้าไม่มา..กูหมาแน่เลย..!"

    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว มีส่วนทำให้กระผม/อาตมภาพถือวัตรปฏิบัติเคร่งครัดมาตลอด ในเรื่องของการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน เนื่องเพราะครูบาอาจารย์บอกว่า นี่จึงเป็นงานหลักของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา งานอื่นถึงจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลา ให้วางมือมาทำงานหลักของเราก่อน ดังนั้น..วันนี้ในการตากฝนของกระผม/อาตมภาพ ก็ต้องบอกว่า ตลอดระยะเวลา ๓๗ ปีเต็ม ขึ้น ๓๘ ปีที่บวชมา กระผม/อาตมภาพน่าจะตากฝนมาหลายร้อยหลายพันครั้ง เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่วัดจะไม่เคยขาดบิณฑบาตเลย

    โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่าขนุน สมัยที่ท่านอาจารย์พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต หรือปัจจุบันคือทิดสมพงษ์ มณีรัตน์ ยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ กระผมไปในฐานะอาจารย์ของเจ้าอาวาส จึงต้องทำทุกอย่างให้เป็นแบบอย่างแก่พระเณรอื่น ๆ ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสทำตาม พระภิกษุสามเณรก็จะไม่มีปัญหา จึงได้พาพระภิกษุสามเณรลุยฝนบิณฑบาตอยู่ทุกวันตลอดพรรษา

    กลายเป็นภาพชินตาที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายเห็น พอหลายปีผ่านไป ทุกคนก็รู้แล้วว่า ฝนฟ้าจะตกหนักขนาดไหนก็ตาม พระวัดท่าขนุนจะออกบิณฑบาตตามปกติ จึงเป็นเรื่องที่ทำจนเป็นแบบธรรมเนียมประเพณีไปแล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ส่วนวันนี้ตามปกติแล้วก็จะมีโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" แต่วันนี้นั่งแคร่ไม้ไม่ได้ เพราะว่าจะกลายเป็นนั่งกลางฝน ทุกคนจึงใส่บาตรในร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนแทน

    อีกเรื่องคือ..เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมานั้นเป็นวันเสาร์ มีบุคคลที่ผู้เมตตาส่งสิ่งของที่กระผม/อาตมภาพก็ไม่พึงปรารถนาที่จะรับมาให้ ซึ่งของเหล่านี้ที่ส่งมานั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก เนื่องเพราะว่าทำไปแล้วก็ไม่มีผล แต่ก็อยากจะทำกัน..! เพราะว่าระยะไม่นานที่จะมาถึง จะเป็นงานบวงสรวงไหว้ครู เป่ายันต์เกราะเพชรของทางวัดท่าขนุน บรรดาผู้ที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ก็มักจะ "ลองของ..!"

    ท่านทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านก็เคยคบหาสมาคมกันมาเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าเวลาออกพุทธาภิเษกตามงานต่าง ๆ ก็ได้เจอะได้เจอกัน แล้วก็มีการทดสอบกันเป็นปกติ กระผม/อาตมภาพนั้นไม่เล่นกับใคร อยากจะทดสอบก็ทดสอบไป จนกระทั่งทุกวันนี้หลายท่านก็ยังสงสัย "ตกลงว่าพระอาจารย์เล็กมีความสามารถแน่จริงหรือเปล่า ? เพราะว่าทำอะไรไปก็เฉย ๆ ไม่ตอบไม่โต้อะไรทั้งสิ้น..!"

    เรื่องพวกนี้สมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุงนั้น กระผม/อาตมภาพโดนมามากต่อมากแล้ว คือทันทีที่เราตอบโต้ ถ้าเขาสู้ไม่ได้ เขาจะไปหาคนที่เก่งกว่ามา ถ้าคนที่เก่งกว่าสู้ไม่ได้ เขาก็จะไประดมพรรคพวกมา กระผม/อาตมภาพเคยเจอระดับ ๓๐ ต่อ ๑ มาแล้ว..! เพียงแต่ว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นชุด ๆ รวมทั้งหมด ๕ ชุดด้วยกัน แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีเวลาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับใคร ก็แปลว่าเขามีเวลาพัก แต่เราทั้งกลางวันกลางคืนไม่ได้พัก ท้ายที่สุดก็ต้องเผลอสติโดนจนได้

    ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพรับยันต์เกราะเพชรไปเป็นสิบครั้งแล้ว จากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจัดเป่ายันต์ให้ แล้วขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาตนเองจัดเป่ายันต์ ก็รับเองด้วย แล้วทำไมยังโดนไสยศาสตร์ได้อีก ?

    ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทุกคนได้เข้าใจว่า ไสยศาสตร์นั้นเหมือนอย่างกับไฟกองใหญ่ ยันต์เกราะเพชรเหมือนกับผนังที่กั้นเรากับกองไฟเอาไว้ ถ้าหากว่าไฟกองใหญ่มาก ความร้อนก็ยังลามมาถึงเราได้ แต่เปลวไฟแผดเผาทำอันตรายเราโดยตรงไม่ได้ สรุปว่ายันต์เกราะเพชรกันไสยศาสตร์ได้ แต่ไม่ได้กันในลักษณะที่ไม่โดนอะไรเลย ถ้าหากว่าของเขาแรงมาก ก็มีผลกระทบต่อเราได้เช่นกัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    กระผม/อาตมภาพขอสรุปสั้น ๆ ว่า ยันต์เกราะเพชรป้องกันการตายจากไสยศาสตร์ ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้โดนไสยศาสตร์โดยสิ้นเชิง ใครก็ตามถ้าหากว่าดวงตก กุศลขาดช่วงลง อกุศลกรรมเข้าสนองพอดี อย่างไรเสียก็ต้องโดนจนได้..!

    สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพพอรับยันต์เกราะเพชรไปก็ห้าวมาก ลุยทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำโดยที่ไม่พกวัตถุมงคลอะไรเลย เพราะว่ากำหนดใจดูเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรสว่างไสวอยู่กลางร่างกาย จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาเตือนว่า "หลวงปู่ปานท่านเก่งขนาดไหน ยังโดนไสยศาสตร์จนเกือบมรณภาพ แกเองจะประมาท ไม่พกวัตถุมงคลติดตัวบ้างเลยหรือ ?"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้สติ หันมาพกวัตถุมงคลติดตัว เนื่องเพราะว่า ถ้าเราอาราธนาวัตถุมงคลแล้ว ตัวเราเผลอสติได้ แต่พรหมเทวดาที่รักษาวัตถุมงคลท่านไม่เผลอ เราขอให้ท่านช่วยอะไร ท่านก็จะช่วยเรื่องนั้นให้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกท่านต้องสังวรระวังเอาไว้

    สมัยก่อนที่มีไสยศาสตร์มาก ๆ นั้น ที่กระผม/อาตมภาพเลื่อมใสที่สุด คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี ผู้สร้างพระขรรค์เขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย ซึ่งมีชื่อเสียงเกรียงไกรจนกระทั่งเป็นที่เคารพนับถือกันทั้งประเทศ ถ้ากระผม/อาตมภาพเป็นผู้ที่จัดอันดับ "๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน" อย่างไรเสียก็ต้องเอาเครื่องรางอย่างใดอย่างหนึ่งของหลวงพ่อโสกท่านเข้าทำเนียบไว้ด้วย
    เนื่องเพราะว่าวัตถุมงคลของท่านนั้น นอกจากจะคัดของได้แล้ว ยังถอนของได้อย่างเด็ดขาดมาก..!

    ตัวอย่างก็คือเสือขาว ลูกศิษย์หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ได้ลูกอมเจ็ดพญาช้างสารไปแล้วก็อาละวาดหนัก ตำรวจกี่รายก็ทำอะไรเสือขาวไม่ได้ เนื่องเพราะว่ายิงไปก็ไม่ออก ยิงออกก็ไม่ถูก จนกระทั่งต้องไปกราบขอร้องหลวงพ่อดิ่งท่านช่วยถอนของให้ที หลวงพ่อดิ่งท่านบอกว่า ท่านถอนไม่ได้ แต่ว่าหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครกนั้น ท่านสร้างพระขรรค์และวัตถุมงคลทุกชิ้น ท่านลงคาถาคัดของเอาไว้แล้ว ไม่ว่าของนั้นจะเป็นคาถาอาคม วัตถุอาถรรพ์หรือว่าไสยศาสตร์อะไรก็ตาม ถ้าหากว่าใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อโสก แล้วอาราธนาเป็นประจำทุกวันจะป้องกันได้

    ตำรวจมือปราบพลตระเวนชุดนั้น จึงไปขอหลวงพ่อโสก โดยที่ท่านก็เอาพระขรรค์เขาควายเผือกนั่นแหละ..จารหัวลูกปืนให้ เป็นอันว่าเสือขาวถึงแก่สิ้นชีพ เพราะว่าเมื่อตำรวจยิงด้วยลูกปืนที่จารจากพระขรรค์เขาควายเผือก เสือขาวที่ว่าหนังเหนียวแสนเหนียวก็พรุนเป็นกระชอน..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    แล้วหลวงพ่อโสกท่านยังทำวัตถุมงคลที่ป้องกันไสยศาสตร์อิสลามโดยเฉพาะ ใครที่ศึกษาเรื่องการสร้างวัตถุมงคลจากเขาควายเผือกฟ้าผ่าตายของท่าน จะเห็นว่าถ้าในเรื่องของการถอนคุณไสยอิสลามนั้น หลวงพ่อโสก ท่านจะทำเป็นกริชเล่มเล็ก ๆ ที่เรียกว่าสาลิกาให้ติดตัว ถ้าหากว่าโดนไสยศาสตร์อิสลาม สามารถใช้ทำน้ำมนต์ถอนของได้ หรือว่าจี้ไล่ตามตัวเพื่อถอนของได้ แต่ถ้าหากว่าป้องกัน ท่านจะทำเป็นแผ่นยันต์ แขวนติดตัวอยู่แล้วอาราธนา รับประกันได้ว่าไสยศาสตร์อิสลามมีเท่าไรก็ทำไปเถอะ ถึงเรานอนตีพุงอยู่เฉย ๆ อย่างเดียวก็ไม่เป็นไร..!

    หรือว่ามารุ่นถัดมาก็คือหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ท่านทำตะกรุดกระดอนสะท้อน หรือว่าลูกสะกดกระดอนสะท้อน นั่นก็ใช้ป้องกันไสยศาสตร์โดยตรง โดยที่มีวลีสำคัญว่า "คนทำมาสะท้อนตัวตาย สัตว์ทำมาสะท้อนสูญหาย ผีทำมาสะท้อนมลาย" เหล่านั้นเป็นต้น หรือถ้าหากว่าเป็นทางสายเหนือ ก็มีตะกรุดกาสะท้อน เอาไว้ป้องกันเรื่องไสยศาสตร์ทั้งหลายเหล่านี้เช่นกัน

    จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านจัดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรให้กับลูกศิษย์ พวกเราจึงมีวัตถุมงคลที่ต่อต้านอำนาจไสยศาสตร์โดยตรง ไม่ต้องไปเสาะหาจากครูบาอาจารย์สายอื่นอีก

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่เมตตาส่งของมาทุกวันอังคารและวันเสาร์ในระยะนี้ กระผม/อาตมภาพขอขอบใจและขอเจริญพรขอบใจทุกคน แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้ต้องการ ท่านทั้งหลายทำมาก็โปรดรับคืนไปด้วย ถ้าหากว่าถึงเวลารับคืนแล้ว ท่านทำไว้เองหนักเท่าไร ก็ต้องรับคืนไปหนักเท่านั้น จึงอาจจะต้องเดือดร้อนกันบ้าง แต่ก็อย่าได้ถือสาหาความกันเลย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้ทำอะไร เป็นเรื่องบารมีของพระหรือว่าครูบาอาจารย์ท่านช่วยสงเคราะห์เท่านั้น

    สำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายนั้น ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้องเอาไว้ทุกวัน พอใจสงบนิ่งแล้วกลืนน้ำลาย ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ก็จะป้องกันสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ทั้งวัน ถ้าไม่แน่ใจ ก่อนนอนก็ทำเสียอีกรอบหนึ่ง พวกเราก็จะปลอดภัยจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ไปโดยปริยาย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...