เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 พฤษภาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,637
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,637
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ระยะนี้เราท่านทั้งหลายก็น่าจะเสียกำลังใจไปกับข่าวคราวที่ไม่ดีไม่งาม โดยเฉพาะในส่วนของวงการพระพุทธศาสนา และความเชื่อต่าง ๆ แม้กระทั่งล่าสุดที่มีการจับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น "พระบิดา" ซึ่งรักษาโรคด้วยการให้กินของเสีย แล้วพวกเราก็ยังสงสัยว่าเขาเชื่อกันไปได้อย่างไร !??

    เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าเป็นบุคคลที่สร้างบารมีไว้ดี สร้างบุญไว้ดี ก็จะพบเจอกับครูบาอาจารย์ที่ดี สิ่งนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพว่ากล่าวด้วยตัวเอง แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี ฯ วัดท่าซุง ท่านได้ยกตัวอย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเอาไว้


    เนื่องจากว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคนั้น พระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดพระสุปฏิปันโนทั้งสิ้น แล้วท่านยังแนะนำพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ให้ไปกราบ ให้ไปหาพระสุปฏิปันโนอีกเป็น ๑๐ รูป ไม่มีที่จะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบ "พระบิดา" เหมือนกับคนเหล่านี้

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราสร้างเวรสร้างกรรมสืบเนื่องกันมา ก็จะเชื่อถือและยึดถือตามกัน ดังนั้น...เราจะเห็นว่าบรรดาหลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ก็จะมีลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพรัก เลื่อมใสในองค์ของท่านต่าง ๆ กันไป นั่นคือ บุคคลที่เคยสร้างบุญร่วมกับท่านมาในอดีต


    เมื่อมาถึงปัจจุบัน ได้พบได้เจอกันตามแรงบุญแรงกรรม โดยที่บางคนใช้คำว่า "บุญสัมพันธ์, กรรมสัมพันธ์" ก็จะทำให้เกาะเกี่ยวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน จนบางทีเขาก็ไปแยกว่าเป็นสายนั้นสายนี้


    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บุคคลที่เคยสร้างบุญสร้างกรรมร่วมกับ "พระบิดา" ท่านมา ก็จำเป็นอยู่ดีที่แรงบุญแรงกรรมนั้น ย่อมที่จะพาให้วงโคจรไปคาบเกี่ยวกัน แล้วก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างที่เห็น ก็คือเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ พอบอกกล่าวก็เชื่อฟังกัน แล้วถ้าคนอื่นบอกกล่าวก็ไม่ฟังเสียด้วย นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในสังคมไทยของเรา

    ที่สำคัญก็คือว่าพระภิกษุสามเณรของเรา ในฐานะปูชนียบุคคลในพระพุทธศาสนา และอุบาสกอุบาสิกาของพวกเรา ในฐานะพุทธบริษัททั้ง ๔ ต้องเข้มแข็งและมั่นคง ยิ่งสถานการณ์เลวร้ายเท่าไร เรายิ่งต้องหมั่นฝึกฝนขัดเกลาตนเองให้มากขึ้นเท่านั้น เพื่อที่จะพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นของจริง เป็นของแท้ เป็นที่อาศัยได้ในทุกยุคทุกสมัย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,637
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    ท่านทั้งหลายอาจจะบอกว่า "ผมไม่ใช่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค" "ดิฉันไม่ใช่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จะได้เป็นอย่างนั้น" ถ้าคิดแบบนั้น สมัยก่อนก็อยู่วัดท่าซุงไม่ได้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านพูดอยู่เสมอว่า "ถ้าสิบนิ้วเท่ากัน แล้วคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ และถ้าเราทำได้ ต้องทำให้ดีกว่าเขาด้วย" ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงสำคัญที่ว่า พวกเรามีความอดทน พากเพียร และสติปัญญาเท่าไร

    ดังที่กระผม/อาตมภาพเองเคยกล่าวเอาไว้หลายครั้งว่า ในเมื่อเป็นหางราชสีห์ไม่ได้ อย่างน้อยเราต้องเป็นหัวหมาให้ได้ ก็คือในเมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดของพญาสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งป่า เราเป็นไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องเป็นส่วนสำคัญของสัตว์อื่นที่สำคัญน้อยกว่า เพียงแต่ว่าเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทุ่มเทความเพียรพยายามของเราจนถึงที่สุด ไม่ใช่เจออะไรหน่อยหนึ่งก็ถอยแล้ว

    โดยเฉพาะหลายท่านที่บวชแล้วบวชอีก แล้วยังหาความดีไม่ได้ ถ้าหากว่าให้กระผม/อาตมภาพเปรียบไว้ ก็เหมือนอย่างกับมวยเก็บคะแนน ถึงเวลาบวช ๓ วัน ๗ วันก็สึก ๓ วัน ๗ วันก็สึก คุณจะหาความสำเร็จได้ยากมาก เพราะเท่ากับว่าเราเป็นคนจับจด ไม่จริงจัง

    กระผม/อาตมภาพเองรับปากหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่าจะบวชแค่ ๗ วัน แต่ ๗ วันนั้น ผมตัดทางถอยของตัวเองหมดเลย เงินฝากทั้งหมดในบัญชีที่มีอยู่ กระผม/อาตมภาพแบ่งให้น้อง ๒ คนกับหลาน ๑ คนที่ส่งเรียนอยู่ เพื่อที่ให้เขามีทุนเรียนจนจบ เพราะถือว่าเป็นภาระที่กระผม/อาตมภาพรับผิดชอบมาตั้งแต่ต้น ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าอาภรณ์ทุกอย่างยกให้พี่น้องผู้ชายที่เหลือ กระผม/อาตมภาพตั้งใจว่า "ถ้าสึกออกมา กูจะเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่" พวกท่านกล้าทำหรือไม่ ?

    เมื่ออยู่ในวัดท่าซุงจนกระทั่งกลายเป็น "มาเฟีย" พี่น้องตอนช่วงนั้นมีอยู่ ๔๐ กว่ารูป ถ้า
    กระผม/อาตมภาพเรียกซ้ายหัน ขวาหัน น่าจะหันตามมาถึง ๓๐ รูป..! กระผม/อาตมภาพก็ออกป่าเลย เพราะว่าการที่อยู่ในลักษณะอย่างนั้น คนอื่นเขาดันเราขึ้นไปสู่ที่สูงแล้ว ถ้าเราอยู่ตรงจุดนั้น จะหาความก้าวหน้าไม่ได้ ไปต่อไม่ได้ คุณขึ้นถึงยอดเขาแล้วจะไปต่อ มีทางเดียวคือต้องลงจากยอดเขานั้น ถ้าหากว่ากลยุทธ์ของซุนวูก็คือ ตายแล้วกลับฟื้นใหม่
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,637
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    ถ้าท่านทั้งหลายอยู่ในฐานะของกระผม/อาตมภาพ กล้าหรือไม่ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ? จากสุดยอดเลยแล้วลงมาที่ศูนย์ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เราวัดกันตรงนี้ก็พอ แล้วก็อย่าคิดอีกว่า กระผม/ดิฉันไม่ใช่หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน..!

    มีผู้รู้ท่านบอกเอาไว้ชัดเจนมากว่า
    แม้มิได้เป็นดอกกุหลาบหอม.......จงยอมเป็นเพียงดอกลดาขาว เป็นราชินีดอกไม้ไม่ได้ ก็เป็นดอกมะลิ

    แม้มิได้เป็นจันทร์อันสกาว..........จงเป็นดาวดวงสว่างกระจ่างตา

    แม้มิได้เป็นหงส์ที่ทรงศักดิ์.........ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา เป็นพญาหงส์ไม่ได้ ก็เป็นนกแก้วจ้อไปทุกวัน

    แม้มิได้เป็นสมุทรสุดสายตา.........จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น เป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นสายน้ำเล็ก ๆ เป็นให้ได้ก็แล้วกัน

    แม้มิได้เป็นภูผาหิมาลัย..............จงเป็นจอมปลวกใหญที่แลเห็น ท่านต้องเปรียบเทียบนะครับว่าปลวกนั้นตัวเล็กแค่ไหน กว่าที่จะสร้างรังสูงท่วมหัวเราได้ ต้องใช้ความเพียรพยายามเท่าไร ?

    แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ...........จงเป็นวันแรมแจ่มมิจาง

    แม้มิได้เป็นต้นสนระหง................จงเป็นพงอ้อสะบัดมิขัดขวาง

    แม้มิได้เป็นนุชสุดสะอาง...............จงเป็นนางที่มิใช่ไร้ความดี

    การจะเป็นสิ่งใดนั้นไม่แปลก..........แต่ผิดแผกที่ดูงามตามวิถี

    ขอแต่เพียงเราเป็นให้เด่นดี............ในสิ่งที่ตนเป็นเช่นนั้นเทอญ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,637
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    โลกนี้ขาดเราไม่เป็นไร แต่ถ้าหลังคาบ้านขาดกระเบื้องไปแผ่นหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้น ? เราอาจจะเป็นแค่เศษฝุ่นในโลกนี้ แต่ถ้าเราเป็นกระเบื้องแผ่นหนึ่งบนหลังคา ความสำคัญจะทวีขึ้นกี่เท่าตัว ? แล้วทำอย่างไรที่เราจะเป็นแผ่นกระเบื้องนั้นได้ ? ฝึกครับ..ฝึกฝนทุกอย่างแบบจริงจังและทุ่มเท อย่าใช้โอกาสเปลือง

    อย่าลืมว่าทุกคนสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน ในเมื่อสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน วงจรกรรมก็ไม่เท่ากัน ตอนนี้ท่านทั้งหลายมีโอกาสอยู่ในวงจรแห่งความดี ก็ต้องรีบเร่งทำให้เต็มที่ เพราะว่า
    ถ้าเราหลุดไป กว่าวงจรนี้จะวนเวียนกลับมาใหม่ อาจจะหลายชาติ อย่างสถานเบาก็หลายปี หรือถ้าหากว่าอย่างดีที่สุดก็อาจจะหลายเดือน แต่ก็เสียเวลา เพราะว่าเราจะตายลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ !!?

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสก็มีแล้ว หลักธรรมทุกอย่างก็มีแล้ว สำคัญตรงที่ว่า ทำอย่างไรเราจะปฏิบัติจนกระทั่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นของจริง เป็นของแท้ ก่อประโยชน์ให้แก่ผู้ประพฤติปฏิบัติ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในอนาคต และทั้งประโยชน์สูงสุด คือล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ?


    ถ้าเราสามารถพิสูจน์ตรงนี้ได้ ถึงเวลาเราจะบอกกล่าวคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำ โดยเฉพาะบอกไปแล้วขลัง บอกไปแล้วคนเชื่อ เพราะว่าท่านทำมาด้วยตนเอง ย่อมรู้ว่าตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ตรงไหนง่าย ตรงไหนยาก ก็จะบอกทางที่ง่ายที่สุด ถูกต้องที่สุด ให้แก่ญาติโยมที่สนับสนุนเรา


    เราอยู่ในฐานะของพระภิกษุสามเณร ไม่ได้ทำมาหากิน ก็ตั้งหน้าตั้งตาขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ถึงที่สุด พยายามตั้งเป้าเอาไว้สูงสุด คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน


    ถ้าตั้งเป้าไว้สูงสุด และเพียรพยายามจนถึงที่สุด ต่อให้เป็นหัวหมาไม่ได้ หางหมาอย่างท่านทั้งหลาย อย่างน้อยก็ต้องเป็นพระเณรที่ทรงสมาธิสมาบัติ ยังเป็นเนื้อนาบุญอย่างมหาศาล ที่ญาติโยมอาศัยสร้างบุญสร้างกุศลได้ ญาติโยมทั้งหลายทำมาหากินอยู่ เวลามีน้อย จะมาทุ่มเทศึกษาก็ยาก เราทำได้แล้วบอกทางถูก บอกทางตรงให้ โยมทั้งหลายก็ไม่ต้องเสียเวลานาน สามารถที่จะตามมาในหนทางที่ถูกต้อง

    ถ้าทำอย่างนี้ได้ พระพุทธศาสนาของเราจะเจริญรุ่งเรือง ต่อให้มีสิ่งมากระทบ ตั้งใจบั่นทอนขนาดไหนก็ตาม ก็เหมือนกับแสงเทียนกลางลมพายุ พัดไปเถอะ มีปัญญาก็พัดไป แต่เทียนดวงนั้นจะไม่มีวันดับ เพราะว่าเป็นของแท้ ท้าพิสูจน์ได้ทุกเวลา

    วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...