เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ระยะนี้ความจริงมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในคณะสงฆ์ โดยเฉพาะในเรื่องส่วนที่ไม่ดีไม่งาม เพียงแต่ว่าคณะสงฆ์ของเรานั้น จะว่าไปแล้วก็คือหาบุคคลที่เป็นกระบอกเสียงให้ไม่ได้

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าประการที่หนึ่ง ไม่ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานประเภทนี้ ประการที่สองก็คือ การที่ไปพูดในลักษณะของปัจเจกบุคคล ก็คือตัวตนเฉพาะ ผลที่จะเกิดขึ้นก็มีน้อยมาก ประการที่สามก็คือ สิ่งที่ทำไปนั้น ถ้าหากว่ามีผลกระทบต่อเจ้าคณะปกครองแล้ว ก็อาจจะเกิดโทษานุโทษแก่ตนมากน้อยตามแต่เรื่องที่เกิดขึ้น

    แต่ในที่นี้ก็อยากจะบอก อยากจะกล่าวหลายอย่างแก่พระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมที่ได้ฟัง เรื่องหนึ่งคือการที่หมอปลา มือปราบสัมภเวสีชื่อดัง พาผู้สื่อข่าวบุกเข้าไปวัดโน้นวัดนี้ เพื่อที่จะปราบพระที่ทำผิด กระทำไม่ดีไม่งาม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสีกาคือผู้หญิง

    ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่ามีเจตนาดีต่อพระพุทธศาสนา วิธีการที่ทำก็ควรที่จะนุ่มนวลกว่านี้ เพราะว่ามีหลายต่อหลายวิธีที่จะจัดการอย่างชนิดที่โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย แต่ว่าหมอปลาเลือกที่จะพาผู้สื่อข่าวบุกเข้าไป ครั้นเมื่อไม่ได้มีเหตุการณ์อย่างที่ตนตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้เป็นข่าว อย่างในลักษณะที่สมัยนี้เขาเรียกกันว่า "หิวแสง" ก็ไม่ได้มีการขอโทษขอโพยอะไร ซ้ำยังพยายามที่จะไปกระทำเรื่องราวต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแนวทางที่ตนเองได้คิดได้วางแผนเอาไว้อีกด้วย

    ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าหวังดีต่อพระพุทธศาสนาจริง ย่อมไม่กระทำในลักษณะอย่างนั้น เหตุเพราะว่าสามารถที่จะแก้ไขได้หลายต่อหลายวิธีด้วยกัน วิธีแรกก็คือการแจ้งต่อเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น แต่ก็จะมีการแก้ตัวว่าแจ้งเจ้าคณะปกครองแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่า ท่านแจ้งได้ถูกต้องแล้วหรือไม่ ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    เนื่องเพราะว่าการปกครองคณะสงฆ์นั้น ท่านให้อำนาจกันเอาไว้แต่ละระดับชั้น ก็คือ ผู้ปกครองใกล้ชิดที่สุดต้องมีหน้าที่ดำเนินการ อย่างเช่นว่า

    ถ้าเป็นพระลูกวัดทำผิด เราต้องแจ้งแก่เจ้าอาวาส

    ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสทำผิด เราต้องแจ้งแก่เจ้าคณะตำบล

    ถ้าหากว่าเจ้าคณะตำบลทำผิด เราต้องแจ้งแก่เจ้าคณะอำเภอ

    ถ้าเจ้าคณะอำเภอทำผิด เราต้องแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดได้ทราบ

    ถ้าเจ้าคณะจังหวัดทำผิด เราต้องแจ้งกับเจ้าคณะภาค

    ถ้าเจ้าคณะภาค เราต้องแจ้งแก่เจ้าคณะใหญ่

    และถ้าหากว่าเจ้าคณะใหญ่ทำผิด เราต้องแจ้งต่อมหาเถรสมาคม

    แต่ส่วนใหญ่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อมีบุคคลทำผิด อันดับแรกเลย ญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรก็ตาม มักจะแจ้งข้ามขั้น อย่างที่เคยปรากฏขึ้นก็คือ พระลูกวัดทำผิด ไปแจ้งต่อเจ้าคณะจังหวัด หรือว่าพระลูกวัดทำผิด ชาวบ้านก็ชุมนุมกันยกขบวนกันไปหาเจ้าคณะภาค ในลักษณะที่จะใช้พลังมวลชนไปกดดัน


    ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าวิธีการนั้นผิดพลาดและข้ามขั้นตอนมาก ถ้าเป็นเจ้าคณะปกครองที่ท่านเอื้อเฟื้อ อย่างสมัยก่อน ทางคณะสงฆ์ภาค ๑๔ พระเดชพระคุณพระเทพสุธี เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ท่านเป็นเจ้าคณะภาค ๑๔

    เมื่อมีบุคคลยกขบวนไปร้องเรียนท่าน ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เกรงว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทางคณะสงฆ์ ท่านก็เมตตามีหนังสือลงมาถึงเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะจังหวัดก็ต้องแทงหนังสือลงไปที่เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอแทงหนังสือลงไปถึงเจ้าคณะตำบล เพื่อที่จะให้เจ้าคณะปกครองใกล้ชิดที่สุดเข้าไปดูแล และจัดการตามอำนาจหน้าที่ของตน ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ตามมติ กฎ หรือคำสั่งมหาเถรสมาคม เหล่านี้เป็นต้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    แต่ในเมื่อทำผิดขั้นตอนอย่างหนึ่ง ทำให้เจ้าคณะปกครองบางท่านปล่อยวาง ว่ายังไม่ใช่หน้าที่ของตน หรือว่าทำผิดขั้นตอนแล้ว กว่าที่เจ้าคณะปกครองข้างบนจะแทงหนังสือลงไปตามลำดับชั้น เกิดความรู้สึกว่าไม่ทันการอย่างหนึ่ง ไม่ทันใจอย่างหนึ่ง ไม่ถูกใจอย่างหนึ่ง ก็ไปกล่าวหากันว่าทางคณะสงฆ์นั้นปกป้องกันเอง แล้วก็เลยไปฟ้องมือปราบสัมภเวสีแทน

    ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพอยากจะถามว่า ท่านทั้งหลายที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพระภิกษุสามเณรนั้น ท่านมีความรู้เกี่ยวกับพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองดีแค่ไหน ?


    เนื่องเพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงมอบวิธีการจัดการระงับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์เอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว เรียกว่า อธิกรณสมถะ ไล่ตั้งแต่สัมมุขาวินัย เป็นต้น

    เมื่อมีวิธีการจัดการแล้ว บางท่านก็อาจจะไม่พอใจว่าลงโทษกันเบาบางเกินไป ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าญาติโยมทั้งหลายจะเอาแต่ใจของตนเองไม่ได้ เราต้องศึกษาว่าในเรื่องของพระธรรมวินัยนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงวางกฎระเบียบในการปรับโทษเอาไว้หนักเบาต่างกันอย่างไร


    พระองค์ทรงตั้งกฎระเบียบเอาไว้ว่า ให้ปรับโทษตั้งแต่ปาราชิก คือขาดความเป็นพระไปเลย ไล่ลงไปถึงสังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ไปจบลงที่ทุพภาษิต ซึ่งถ้าหากว่าเป็นช่วงท้าย ๆ ก็มักจะปรับอาบัติทุกกฎ

    คำว่า ทุกกฏ หรือ ทุกกฏะ ก็คือความชั่วที่เราจำเป็นจะต้องสารภาพผิดต่อบุคคลหรือว่าคณะสงฆ์ เพื่อให้ตนเองพ้นจากโทษนั้นชั่วคราว โดยมีคำปฏิญาณว่า

    นะ ปุเนวัง กะริสสามิ ข้าพเจ้าจักไม่ทำเช่นนั้นอีก
    นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ ข้าพเจ้าจักไม่พูดเช่นนั้นอีก
    นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ ข้าพเจ้าจักไม่คิดเช่นนั้นอีก

    อยู่ในลักษณะของคำปฏิญาณหรือว่าคำรับรองต่อบุคคลอื่น ว่าเรารู้ตัวแล้วว่าได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง ต่อคณะสงฆ์ เมื่อสารภาพแล้วจึงปฏิญาณว่า จะไม่คิด จะไม่พูด จะไม่ทำเช่นนั้นต่อไป
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ในส่วนนี้ ถ้าญาติโยมไม่ได้ศึกษา ก็จะเที่ยวไปกล่าวหาว่าทางคณะสงฆ์ปรับโทษน้อยเกินไป เบาเกินไป โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นอัจฉริยบุคคล เป็นผู้รู้รอบ รู้ทั่ว รู้จริง ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก่อให้เกิดโทษแก่ตนเองด้วยการปรามาสพระรัตนตรัย

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านทั้งหลายได้ศึกษากฎหมายบ้านเมืองดีแล้วหรือยัง ? อย่างเช่นว่า ถึงเวลาก็พานักข่าวบุกรุกเข้าไปยังสถานที่ คือวัดวาอาราม ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสแจ้งความว่าท่านบุกรุก แล้วถ้ายิ่งกันเป็นจำนวนมากด้วยกัน ถึงเวลาก็ไปทุบประตูเรียก พรวดพราดเข้าไปข่มขู่ตะคอกเสียงดัง ใช้สื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป กล้องทีวี โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเอาไว้ เท่ากับว่าท่านกำลังล่วงละเมิดต่อเจ้าพนักงาน คือเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเต็มในสถานที่นั้น เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย

    ขณะเดียวกัน ท่านก็กำลังเสี่ยงต่อการหมิ่นประมาทซึ่งหน้าต่อผู้อื่น ที่จะทำให้เกิดโทษได้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่วันใดก็วันหนึ่งจะต้องมีบุคคลประเภท "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" มีการฟ้องกลับขึ้นมา แล้วก็จะเกิดโทษต่อท่านทั้งหลายที่ไปทำแบบนั้นกับผู้อื่น

    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านมีเจตนาดีต่อพระพุทธศาสนา มีวิธีการต่าง ๆ ที่จะกระทำให้ก่อความเสียหายน้อยที่สุดต่อวงการสงฆ์ ทำให้ไม่บอบช้ำ ทำให้บุคคลไม่เสื่อมศรัทธามากต่อมากวิธีด้วยกัน

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของท่านทั้งหลายว่ามีความเป็นพุทธศาสนิกชนเท่าไร มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่าไร และท้ายที่สุดมีความเข้าถึงธรรมเท่าไรในจิตใจของท่าน


    ท่านต้องไม่ลืมว่า คนโบราณที่สภาพจิตมีความละเอียดลออมากกว่า ท่านใช้คำหนึ่งก็คือว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" ก็คืออยู่ในลักษณะของการปล่อยให้พระท่านดำเนินการจัดการกันเอง


    ตรงส่วนนี้ ทางพระภิกษุสามเณรของเราก็อย่าเพิ่งดีใจ อย่าเพิ่งได้ใจ คิดว่ากระผม/อาตมภาพออกมาปกป้องท่านทั้งหลายแบบ "ไม่ดูตาม้าตาเรือ"
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเห็นกฎระเบียบของวัดท่าขนุนแล้ว ท่านก็จะรู้ว่า กระผม/อาตมภาพไม่เคยปกป้องคนผิด มีทั้งตำหนิโทษ มีทั้งภาคทัณฑ์ มีทั้งให้ออก มีทั้งไล่ออก มีทั้งจับสึกสิ้นสภาพพระภิกษุสามเณรไป หนักเบาตามโทษานุโทษที่เกิดขึ้น

    ดังนั้น...บุคคลสองส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อสิ่งที่ไม่ดีไม่งามอันเกิดขึ้นในคณะสงฆ์ จะระงับยับยั้งให้เกิดขึ้นน้อยลง จนกระทั่งไม่เกิดขึ้นเลยนั้น ก็อยู่กับ หนึ่ง...เจ้าอาวาส ผู้มีอำนาจเต็มในสถานที่นั้น ว่ามีความเข้มงวดกวดขัน มีความรักในพระพุทธศาสนามากกว่าตนเองเท่าไร

    เนื่องเพราะว่าหลายท่านก็เกรงใจญาติโยมที่มีอำนาจ มีชื่อเสียง มียศศักดิ์ มีเงินทอง เมื่อบุตรหลานของท่านทั้งหลายเหล่านั้นมาบวช แล้วก่อให้เกิดความผิดพลาด เสียหายต่อพระพุทธศาสนา ท่านทั้งหลายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้าง ลงโทษแบบไม่เจ็บไม่คันบ้าง ตรงส่วนนี้ก็จะก่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาแก่บุคคลส่วนใหญ่ที่พบเห็น

    ส่วนที่สองก็คือ องค์พระอุปัชฌาย์ ผู้ทำหน้าที่อุปสมบทให้กุลบุตรทั้งหลายได้เป็นพระภิกษุสามเณร ว่ามีความเข้มงวดกวดขันในการคัดเลือก ในการอบรมสั่งสอนเท่าไร มีกฎเกณฑ์กติกาอย่างไรต่อสัทธิวิหาริกอันเตวาสิกของตนบ้าง

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มงวดกวดขัน อย่างสมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงปู่สาย อคฺควํโส ยังทำหน้าที่เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิอยู่ รู้ว่าลูกศิษย์ที่ท่านบวชให้ไปทำผิดทำพลาดอยู่ถึงจังหวัดอ่างทอง หลวงปู่สายก็เดินทางไปถึงจังหวัดอ่างทอง ทั้งที่การเดินทางสมัยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องเพราะว่ารถยนต์ยังมาไม่ถึงอำเภอทองผาภูมิ ต้องลงเรือไปขึ้นบกที่แก่งระเบิด แล้วนั่งรถไฟต่อไปจนกระทั่งถึงกรุงเทพฯ จากนั้นค่อยหายานพาหนะอื่นไปยังจังหวัดอ่างทอง

    แต่ท่านก็ติดตามไปจนถึง แจ้งต่อเจ้าคณะปกครองที่นั่นว่า ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของพระภิกษุรูปนั้น ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบ ท่านตั้งใจจะลงโทษอย่างนี้ แล้วก็จับสึกเสีย เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนา เป็นต้น
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,581
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    หรือว่าสมัยที่ท่านที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ในสมัยนั้นวัดท่าขนุนมีชื่อเสียงเลื่องลือมาก ในส่วนของความเข้มงวดกวดขันต่อกุลบุตร ไม่ว่าจะเป็นลูกของเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหนมาก็ตาม จะเจอมาตรฐานวัดท่าขนุนเดียวกันหมด

    ในปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพก็พยายามทำให้เกิดความเข้มงวด แม้ว่าจะไม่เทียบเท่าสมัยหลวงปู่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ก็ตาม แต่ว่าก็ก่อให้เกิดความสุขความสงบในวัดได้ระดับหนึ่ง จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีพระภิกษุสามเณรรวมแล้ว ๔๐ กว่ารูป ต้องบอกว่าพอที่จะเป็นที่ไว้วางใจของญาติโยมได้บ้าง

    เรื่องเหล่านี้ ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ร่วมกันเข้มงวดกวดขันเสียตั้งแต่ต้นมือ ความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาอย่างที่เป็นไปในทุกวันนี้

    วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...