เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีหลายเรื่องที่น่าจะพูดถึง ก็ต้องแล้วแต่เวลาว่าจะอำนวยหรือไม่

    เรื่องแรกก็คือการที่สำนักงานเลขาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า การแต่งตั้งฐานานุกรมตามตำแหน่งเจ้าคณะปกครองนั้นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ? ปกติแล้วก่อนหน้านี้ ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอจะแต่งตั้งฐานานุกรมเพื่อเป็นผู้ช่วยงานของท่านได้ ๓ รูป ก็คือ พระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา

    ส่วนตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดจะแต่งตั้ง พระครูปลัด พระครูธรรมธร พระครูวินัยธร พระครูสมุห์ พระครูใบฎีกา พระสมุห์ พระใบฎีกา รวมแล้ว ๗ ตำแหน่ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรมาก เพราะว่าตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดก็คือต้องดูแลทั้งจังหวัด อย่างของกาญจนบุรีก็มีถึง ๕๗๘ วัดและอีกกว่า ๙๐ สำนักสงฆ์ หรือว่าทองผาภูมิของเราก็มี ๕๓ วัด กับ ๒๑ สำนักสงฆ์

    ปรากฏว่าทางด้านสำนักงานเลขาธิการส่งเรื่องไปตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เพิ่งจะได้รับคำตอบกลับมาเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ นี่เอง ก็ใช้เวลาในการหาข้อมูลแล้วตอบกลับประมาณ ๓ เดือนกับ ๒ วัน ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า การแต่งตั้งฐานานุกรมตามตำแหน่งเจ้าคณะปกครองนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ ก็คือปีพุทธศักราช ๒๔๔๕ ก็เป็นร้อยปีมาแล้ว..!

    พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ โดนยกเลิกด้วยพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ก็คือมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ มายกเลิกในสมัยรัชกาลที่ ๘

    พระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ โดนยกเลิกด้วยมาตรา ๓ ของพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๐๕ คำว่าฉบับที่ ๑ ฉบับที่ ๒ ก็คือเป็นฉบับที่ ๑ ในรัชกาลที่ ๙ แล้วต่อมายังมีฉบับที่ ๒ อีกด้วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    แต่คราวนี้ในพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ สั่งยกเลิกพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ ปี ๒๔๘๔ อย่างเดียว ไม่ได้ระบุว่าควรที่จะแต่งตั้งฐานานุกรมหรือไม่ ? ก็แปลว่าการแต่งตั้งฐานานุกรมในปัจจุบันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คือใครที่ถือตราตั้งฐานานุกรมเจ้าคณะอำเภอ หรือว่าฐานานุกรมเจ้าคณะจังหวัด ก็แปลว่าได้รับการแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้เผยแพร่จดหมายเพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบโดยทั่วกัน

    ยังโชคดีที่ว่าฐานานุกรมของหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร กับฐานานุกรมของครูบาหน่อแก้วฟ้า (พระครูสมุห์เจษฎา โชติปญฺโญ) ประธานที่พักสงฆ์ลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้าโพธิญาณ จังหวัดนครราชสีมา เป็นฐานานุกรมของพระเทพปริยัติโสภณ ก็คือเป็นฐานานุกรมของเจ้าคุณชั้นเทพ ไม่ใช่ฐานานุกรมของเจ้าคณะจังหวัด เป็นอันว่ารอดตัวไป..!

    ในเรื่องของฐานานุกรม ท่านเชื่อหรือไม่ว่า กระผม/อาตมภาพยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณกับใครเลย แต่มีคนจองตำแหน่งฐานานุกรมมาจนล้นแล้ว..! มั่นใจกันขนาดนั้นเลยหรือ ? ก็คือแต่ละคนถ้าหากว่าเป็นฐานานุกรมของใคร ส่วนใหญ่เขาก็มองว่าเป็น "เด็ก" ของคนนั้น พูดง่าย ๆ ว่า "เอ็งจะตีหมาก็ดูหน้าเจ้าของด้วย" ถึงได้ว่ามีการวิ่งเต้นกันมาก

    มีวันหนึ่งหลวงปู่ชุ้น - พระธรรมเสนานี (ชุณณห์ กิตฺติวณฺโณ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และอดีตเจ้าคณะจังหวัด ท่านบอกว่า "วันนี้ข้าแต่งตั้งฐานานุกรม ก็คือพระครูปลัดชั้นธรรมให้กับเจ้าอาวาสวัด....ไป ท่านใส่ซองถวายมา ข้าก็ไม่ได้สนใจ แต่ตอนที่ให้ไวยาวัจกรไปเปิดซองเพื่อที่จะลงบัญชี เขารายงานว่าท่านถวายมา ๕๐,๐๐๐ บาท..!"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก..! นั่นยังดีนะว่าหลวงปู่ชุ้นท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ในเมื่อเจอเข้าในลักษณะอย่างนั้น โดยที่ท่านไม่เคยเจอมาก่อน ท่านจึงเอามาเล่าให้ฟัง

    พวกเราต้องเข้าใจว่าพระภิกษุสามเณรก็คือฆราวาสที่เปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกาย เปลี่ยนกฎเกณฑ์กติกาในการยึดถือดำเนินชีวิต เข้ามาเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส ก็ย่อมหวังในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ต่าง ๆ เป็นปกติ แต่คราวนี้เราต้องดูขอบเขตด้วย ถ้าอย่างกระผม/อาตมภาพทุกวันนี้ก็ยังถือเหมือนเดิม ก็คือถ้าให้มาก็เต็มใจรับไว้ แต่ให้ไปดิ้นรนขอนี่ไม่เอา..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    แม้กระทั่งสมณศักดิ์พระครูวิลาศกาญจนธรรมที่ได้รับอยู่นี้ ก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ตอนนั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภออยู่ บอกให้กระผม/อาตมภาพส่งประวัติเพื่อขอสมณศักดิ์มาหลายปีแล้ว แต่ไม่ยอมส่งเสียที ท่านก็เลยขอให้ช่วยสแกนลายเซ็นส่งไปด้วย แล้วก็ไปทำประวัติส่งให้เอง

    กระผม/อาตมภาพก็ยังเรียนท่านไปว่า "ผมบอกแล้วว่าให้คนอื่นเขาไปเถอะ ตัวผมเองถึงไม่มีตำแหน่งแห่งที่อะไรเลย ก็ยังคงเต็มใจทำงานให้คณะสงฆ์" ท่านบอกว่า "ไม่ได้ครับ เพราะเวลาส่งชื่อคนอื่นไป แล้วผู้ใหญ่เขาถามมาว่า แล้วหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนอยู่ที่ไหน ?" ท่านโดนกดดันบ่อยจนทนไม่ไหว ท้ายสุดก็ทำให้เองไปเลย

    แม้กระทั่งล่าสุด เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ท่านก็ยังทำเรื่องเพื่อเลื่อนสมณศักดิ์เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษให้ คือกระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ไม่ขอใครเกี่ยวกับเรื่องยศเรื่องตำแหน่ง คิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าสมควรก็จะได้มาเอง

    ตอนที่ขอฐานานุกรมของหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ก็คือพระเทพปริยัติโสภณให้หลวงพ่อนิลกับครูบาหน่อแก้วฟ้า หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านยังปรารภว่า "ถ้าอาจารย์เล็กขอผมต้องรีบให้ เพราะว่าท่านไม่เคยขออะไรให้กับตัวเองเลย"

    ก็คือท่านเห็นกระผม/อาตมภาพมาตั้งแต่ท่านยังเป็นพระมหาปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙ เป็นเลขานุการให้กับหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ. ๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แล้วท่านก็ค่อย ๆ เจริญงอกงามในตำแหน่งหน้าที่ขึ้นมา เป็นเจ้าคุณพระศรีวิสุทธิโสภณ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี เป็นพระราชวิสุทธิเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพระราชวิสุทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แล้วขึ้นเป็นพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ต้องบอกว่าเห็นกันมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว ท่านก็ยังยืนยันว่ากระผม/อาตมภาพไม่เคยขออะไรให้กับตัวเองเลย ก็คือเป็นที่รู้กันว่าถ้าจะให้ก็ส่งมา ถ้าไม่ให้ก็ไม่ขอ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นนี่กระผม/อาตมภาพจะขอให้ เนื่องเพราะว่าหลายท่านต้องการกำลังใจจาก ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหล่านี้ เมื่อได้ไปแล้ว รู้สึกกระตือรือร้นทำงานมากขึ้นก็เอาให้ท่านสักหน่อย แต่ถ้าขอให้ตัวเองไม่ต้อง กระผม/อาตมภาพมีไฟพออยู่แล้ว ดูท่าเวลาจะไม่พอ เอาอีกนิดหนึ่ง

    เมื่อเช้าตอนช่วงบิณฑบาต ส.ท.จูน (นางสาวกฤติกา มาโนช) สมาชิกสภาเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ถวายปัจจัย ๑๐๐ บาท ร่วมสร้างหุ่นจำลองเรือพระราชพิธีทั้ง ๓ ลำในพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพยังแซวเล่นว่า "ลำละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท แกถวายมาร้อยเดียวแค่นี้..!"

    แต่คราวนี้ท่านมนูรักษ์ ฐิตคุโณ ถามว่า "แล้วแบบนี้จะจัดการอย่างไรครับ ?" กระผม/อาตมภาพตอบว่า "ถ้าถวายไม่ถึง ๒๕๐,๐๐๐ บาท อย่างไรก็รับเอาไว้ได้ เพราะว่าเท่ากับเขาเป็นเจ้าภาพร่วมในการสร้าง เพียงแต่ว่าเงินส่วนนั้นเราก็เอาเข้าบัญชีวิหารทานไว้ มีการก่อสร้างอย่างอื่นก็โยกไปใช้งานต่อได้เลย แต่ถ้าหากว่าเขาให้มาเต็ม ๒๕๐,๐๐๐ บาทต่อลำ ก็เท่ากับว่าเขาเป็นเจ้าภาพสร้างเอง เราก็นั่งตาปริบ ๆ อนุโมทนาไปกับเขาก็แล้วกัน..!"

    เรื่องพวกนี้บางท่านไม่มีประสบการณ์ก็ดำเนินการไม่ถูก จึงนำมาบอกเล่ากันเอาไว้ เผื่อว่าท่านจะเจอปัญหาแบบนี้กันบ้าง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...