อาวุธพระพุทธเจ้าคือความเมตตา

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,393
    2C9927E7-C06C-4666-A1B2-924940DEF4FA.jpeg

    อวิชชา ความไม่รู้ ถ้ามีอยู่เราก็โง่เขลางมงาย หลงเชื่อผิด ๆ พอวิชชาคือความรู้เกิดขึ้น เหมือนกับแสงสว่างก็คือแสงแห่งดวงปัญญา มาขับไล่ความมืดออกไป เราก็จะรู้เห็นตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของสถานการณ์บ้านเมือง อุเบกขาเป็นไทยเฉยไว้จะปลอดภัยที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณอยู่ต่างประเทศก็ต้องมารายงานตัววันนี้

    จะเล่าเรื่องเมื่อคืนที่ถูกผีหลอกให้ฟัง ปกติอาตมาบ้าจนผีไม่หลอกมาหลายสิบปีแล้ว ปรากฏว่าด้วยความป่วย ก็คงทำให้สภาพจิตอ่อนแอลงไปหน่อย เมื่อคืนก็เลยมีผี ๓ ตัวโผล่มา เป็นเด็กนักเรียน ๒ คนกับเด็กวัยรุ่นไม่ได้แต่งชุดนักเรียนคนหนึ่ง คาดว่าเป็นเพื่อนของนักเรียนนั่นแหละ เขาตกน้ำตายตายแถว ๆ นี้ ที่รู้ว่าเป็นตรงจุดนี้ เพราะความเป็นทิพย์บอกว่าเขาตกน้ำตายแถวนี้

    แต่คราวนี้พอถามว่าเป็นใคร ? มาธุระอะไร ? ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ ยืนก้มหน้าเงียบ อาตมาเองสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนที่ยังปรารถนาพุทธภูมิอยู่ พอรู้ว่าเขาลำบากก็จะตะเกียกตะกายไปช่วย ต่อให้เขาว่าเสือกก็ยังจะช่วย แต่สมัยนี้ไม่ใช่ สมัยนี้ไม่เอาแล้วพุทธภูมิ เพราะว่าเหนื่อย เอาแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้า เคยประกาศไว้นานแล้วว่า ถ้าไม่ได้มาล้มทับตีนจนอาตมาเดินหนีไม่ได้นี่ไม่ช่วยหรอก

    ในเมื่อพูดแล้วไม่คุยก็เรื่องของเอ็งเถอะ จะไปไหนก็ไป เมื่อคืนก็ยังมีความรู้สึกเหมือนเดิมว่าเวลาผีมาแล้วขนสันหลังลุก เคยถามตัวเองมานานเนกาเลแล้วว่า นี่เรายังกลัวอยู่ใช่ไหม ? สรุปได้ว่าไม่ใช่กลัว เกิดจากเวลาผีเขาจะแสดงตัวตนให้เราเห็น เขาต้องดึงเอาธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เข้ามารวมกัน เพื่อปรากฏเป็นกายให้เราสามารถรู้เห็นได้ ตอนที่เขาดึงเอาสิ่งต่าง ๆ ไปทำให้อุณหภูมิลดลง เราจะขนลุกเหมือนตอนกำลังหนาว ฉะนั้น..ถ้ารู้สึกเย็นยะเยือกแล้วขนลุกเกรียว ๆ ก็อาจจะมีอะไรมาอยู่ใกล้ ๆ แล้ว เขาพยายามแล้วแต่ยังโผล่ไม่ได้ พวกฝีมือไม่ถึงนี่บางทีมาได้แต่กลิ่น มาได้แต่เสียง บางทีก็เห็นแวบ ๆ แล้วก็หายไปเพราะกำลังไม่พอที่จะทำได้นาน ส่วนที่ปรากฏได้ชัด ๆ นั่นไม่ค่อยลำบากหรอก เพียงแต่ว่าถ้าคุณไม่ค่อยลำบาก อยากได้ดี แต่ถามอะไรไม่พูดด้วยก็เรื่องของคุณเถอะ..!

    อาตมาขอยืนยันว่าปัจจุบันนี้ถ้าผีฝีมือไม่ถึงจะหลอกยากมาก เนื่องจากว่าแสงไฟฟ้าของเรากะพริบด้วยความถี่ประมาณ ๕๐ รอบต่อวินาที ในเมื่อมีการกะพริบกระแทกอยู่ตลอดเวลา เวลาผีเขาพยายามรวบรวมอณูของ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้ามา ก็ถูกกระแทกกระจายหมด ทำให้ไม่สามารถที่จะปรากฏตัวได้ พวกที่เปิดไฟนอนเพราะกลัวผีถือว่าถูกต้อง แต่ใช้ได้แค่ผีบางจำพวกเท่านั้น ผีระดับอนุบาลนะ ถ้าหากผีระดับมัธยม ระดับปริญญาความรู้เขาสูง เขาหลอกจนได้แหละ ถ้าระดับด็อกเตอร์ก็มาเที่ยง ๆ เลย แดดกูก็ไม่กลัว อาตมาโดนมาเยอะแล้ว

    แล้วบางท่านหนักกว่านั้นอีก แดดเปรี้ยง ๆ แท้ ๆ กลัวจะเล่นเราไม่ถนัด ทำให้มืดฟ้ามัวฝนได้ด้วย ถ้าประเภทนั้นต้องระวังนะ ส่วนใหญ่จะเป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย ถ้าเจรจากันไม่รู้เรื่องนี่เรามีสิทธิ์เดี้ยง กำลังเขาสูงมาก คล้าย ๆ เทวดาเลย

    พวกนี้ส่วนใหญ่เคยเป็นพ่อมดหมอผีมาก่อน แต่เมื่อเป็นมิจฉาทิฐิ ตายแล้วไปเสวยทุกข์ในนรก พ้นขึ้นมาก็มาเป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย มิจฉาทิฐิเต็มหัวอยู่ ถือตนเป็นใหญ่ ก็มักจะตั้งตนเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ พอเราไปในเขตของเขาถ้าไม่ชอบใจนี่เขาก็เล่นงานเลย

    ถ้าเจอผีระดับนั้นเที่ยง ๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก อาตมาเจอนี่..เที่ยง ๆ เดินทะลุข้างฝามาเลย ตัวใหญ่เกือบเท่าภูเขา เอื้อมมือกำอาตมาอย่างกับเด็กกำตุ๊กตา ไปนึกถึงตุ๊กตาขอฝนของญี่ปุ่น เหมือนตัวเราเหลือประมาณแค่นั้นเอง แล้วตัวเขาจะใหญ่แค่ไหน ? พยายามใช้อะไรก็สู้เขาไม่ได้ เพราะเขาอยู่ในความเป็นทิพย์ มีความคล่องตัวมากกว่า

    ท้ายสุดก็ตัดสินใจว่า “ตายก็ตายละวะ ในเมื่อตายก็ควรตายอย่างผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์” จึงแผ่เมตตาให้เขา ปรากฏว่าไปขี้ตรงร่องท่าไหนก็ไม่รู้ เขาแพ้เราตรงนี้ พอแผ่เมตตาตัวเขาก็หดเล็กลง ๆ ท้ายสุดเราก็ใหญ่กว่า แบบนี้เอ็งก็เสร็จข้าแหละ..!

    ฉะนั้น..พวกเราไปลองดูได้นะ ถ้าเราแผ่เมตตาด้วยความจริงใจ บางทีก็ชนะได้ทุกอย่าง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าเป็นอาวุธของท่าน ท่านเรียกว่า "อาวุธพระพุทธเจ้า" หลวงปู่ดู่ท่านเรียก "พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า" ก็คือบท เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปริมาณังฯ เรียกง่าย ๆ ว่าบทกรณีฯ ที่ขึ้นด้วย กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะฯ นั่นแหละ ไปไหนให้ภาวนาเอาไว้จะปลอดภัย อาตมาเสกพระขรรค์โสฬสก็ด้วยบทนี้แหละ ไม่มีคาถาอะไรมากกว่านี้หรอก
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...