เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๓ : ฌานค้าง

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 สิงหาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    43.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๓ : ฌานค้าง

    ฌาน คือ อารมณ์เคยชิน หากแต่เป็นความเคยชินในด้านดี เมื่อทุกคนฝึกหัดภาวนากัน ในระยะเวลาไม่นาน ถ้าท่านมีความเข้าใจพอ ท่านก็สามารถทรงฌานในระดับใดระดับหนึ่งได้ และถ้าท่านมีความพยายามจริง ๆ ก็อาจทรงได้ทั้งรูปฌาน และอรูปฌานในเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าทำได้แล้วจะเป็นเครื่องอาศัยที่ดีที่สุดของเรา...

    ปกติคนเรามีจิตฟุ้งซ่านไปในความชั่ว แม้ว่าจะพยายามหักห้ามจิตใจขนาดไหน ก็อดจะคิดชั่วทำชั่วไม่ได้ ถ้าเราเป็นผู้ทรงฌาน อำนาจของฌานที่ทำให้จิตสงบ จะเป็นผู้กดความฟุ้งซ่านในราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ให้สงบลงชั่วคราว เหมือนกับใช้ก้อนหินทับหญ้าไว้ หญ้าก็ไม่สามารถงอกงามได้...

    จิตใจที่ปลอดจากนิวรณ์อันเป็นอารมณ์เลวต่าง ๆ เป็นจิตที่มีความสุขอย่างยิ่ง เมื่ออารมณ์เลวถูกกดลง ปัญญาก็เกิดขึ้น แหลมคมขึ้น สามารถพิจารณาหาต้นตอความเลว และตัดละไปทีละน้อย ในที่สุดก็พ้นจากความเลวได้...

    ดังนั้น...ฌานสมาบัติ แม้ว่าไม่สามารถยึดเกาะเป็นที่พึ่งได้ตลอดไป เพราะมีขึ้นมีลงก็ตาม ก็ควรจะทำให้มีขึ้นเกิดขึ้นแก่เรา เพื่อความเป็นสุขชั่วคราว และมีสติรู้อยู่เสมอว่า รูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี เป็นอนิจจัง หาความเที่ยงแท้แน่นอนอย่างใจเราไม่ได้ ถ้าเราไปหมายมั่นปั้นมือไปยึดเกาะ เมื่อไม่ได้อย่างใจก็ทุกขังเป็นทุกข์ เพราะมันเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความต้องการไม่ได้ คืออาศัยมันแต่อย่ายึดเกาะมันก็แล้วกัน...

    อารมณ์ที่ชินแล้วนั้น จะอยู่ในสถานการณ์ใด ก็มีสติกว่าผู้อื่นเสมอ คล้ายกับเป็นคนความรู้สึกช้า ไม่ตื่นเต้นตกใจอะไรง่าย ๆ เพราะจิตใจไม่ได้ล่องลอยเคว้งคว้างอย่างคนทั่วไป หากแต่มีหลักยึดเหนี่ยวอย่างเหนียวแน่น ยิ่งพบอารมณ์กระทบจากภายนอกมากเท่าไร ก็ยิ่งดิ่งลงสู่อารมณ์ชินมากเท่านั้น...

    อาตมามีกรรมอย่างหนึ่งคือ บริวารรอบข้างเป็นหญิงซะร้อยละเก้าสิบเก้า แม้อาตมาจะขีดวงป้องกันตัวดีอย่างไร ในที่สุดก็พบคนหัวรั้นพยายามฝ่าฝืนกฎส่วนตัวจนได้ “เธอ” ผู้นั้นเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ถ้าหวังอะไรต้องได้อย่างนั้น...

    “เธอ” เกาะติดอาตมา กีดกันคนอื่นออกห่างจนหมด แสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกหน้าออกตา แต่การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง “เธอ” จึงใช้เล่ห์กลมารยาหญิง พยายามดึงให้อาตมาไปตบมือร่วมกับเธอให้ได้...

    เดชะบุญคุณพระคุ้ม อาตมาทราบกลมารยาที่ “เธอ” วาง เพื่อล่ออาตมาให้ตกหลุมทันท่วงที จึงเกิดความรังเกียจ “เธอ” ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พบ “เธอ” ทีไรจิตจะมุดดิ่ง หนีจากอารมณ์ภายนอกทั้งหมด ลงสู่อารมณ์ที่ฝึกมา ให้สูงที่สุดที่ทำได้ทันที...

    ใจมันอยู่กับอารมณ์เดียวตลอด ไม่ว่า “เธอ” จะงัดเล่ห์มารยาออกมากี่ร้อยเล่มเกวียน ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวไปด้วย “เธอ” ยิ่งเห็นแบบนั้น ยิ่งต้องการเอาชนะมากขึ้น พยายามบุกฝ่าในทุกที่ ที่คิดว่าจะทำลายกำแพงส่วนตัวได้ แต่ก็ไร้ผล...

    ความจริงอาตมาต้องขอบคุณ “เธอ” อย่างมาก หลายเดือนที่ “เธอ” พยายาม “จัดการ” อาตมาให้ได้ เท่ากับเป็นผู้ซ้อมให้อาตมามีความคล่องตัว ในการหนีโลกภายนอกที่วุ่นวายมากขึ้นทุกที กว่า “เธอ” จะหมดความพยายาม อาตมาก็คล่องในขบวนยุทธรบกิเลสเพลงนี้ซะแล้ว “อารมณ์ค้าง” อยู่ในระดับนั้นเป็นเดือน ๆ ทั้งที่ก่อนนี้ทำได้คราวละพักเดียว...!

    “ปมาโท มจฺจุโน ปทํ” ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ฌานสมาบัติเป็นเพียงเครื่องนำทางของเรา ที่จะไปสู่พระนิพพานเท่านั้น หาใช่ที่พึ่งอันแท้จริงไม่ อย่าหลงคิดว่าเราดี เราเก่ง จงเร่งทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะถึงจุดหมายเถิด...!

    ๓ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...