หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอบปัญหาธรรม ตอน ปัญหาเรื่องการบริจาคทาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 4 มกราคม 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอบปัญหาธรรม ตอน ปัญหาเรื่องการบริจาคทาน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง) ตอบปัญหาธรรม
    [​IMG]
    การให้เงินขอทาน

    ผู้ถาม :- "เวลามีคนมาขอทานหน้าบ้าน เขามักจะขอโดยการร้องเพลงยาวๆ ฟังแล้วอดสงสารไม่ได้ค่ะ แต่บางทีก็รำคาญต้องรีบบอกให้หยุดร้อง ให้สตางค์แล้วก็ให้เขารีบไปเร็วๆ อย่างนี้จะเป็นไรไหมคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ไม่เป็นไรหรอกหนู เมื่อสมัยบวชใหม่ๆ หลวงพ่อปานบอกว่า ถ้าจะให้ทานคนขอทาน อย่าให้เขาพูดมาก หมายความว่าพอมาถึงไม่ต้องยกมือไหว้พูดขอ ถ้าเขาจะขอก็บอกไม่ต้อง ฉันให้แล้ว ฉันเต็มใจให้แล้ว คือว่าเราจะให้ใคร อย่าให้เขาพูดมาก อย่าให้เสียเวลา ให้เร็วๆ ที่สุด ตั้งใจเป็นการสงเคราะห์จริงๆ แล้วผลมันให้ชาตินี้ ฉันทดสอบมาแล้ว เป็นความจริง

    ถ้าเกิดไปชาติหน้าจะได้ลาภสองแบบ หมายความบุญที่มีการเตรียมการ จะร่ำรวยจากการประกอบอาชีพ และที่ถือของไปตามทางเจอะที่ไหนให้ที่นั่น โดยไม่ตั้งใจไว้ก่อนจะได้ ลาภลอย คือ ถูกล็อตเตอรี่

    การให้ทานโดยไม่เตรียมการไว้ก่อน ใครมาก็ได้เราให้ได้ ถ้าทำอย่างนี้เสมอๆ คนมาขอทาน เราไม่ยอมให้พูดขอ รีบควักเลย แล้วมันจะมีผลในชาตินี้ คือ สิ่งที่เราขัดข้องคิดว่าจะไม่ได้มันจะโผล่ เราก็ให้เท่าที่เราจะให้ได้ เขาไม่บังคับเรานี่ พอทำไปไม่กี่ปีก็เริ่มให้ผล ของที่จะได้มามันมีการคล่องตัวมากขึ้น

    แต่ว่าเวลาให้ เราอย่าไปคิดถึงผลอันนี้นะ ต้องให้ด้วยการสงเคราะห์จริงๆ คือตัดไปเลย มันได้เท่าไรก็ช่าง ถ้าไปคิดว่าเราต้องการให้เพื่อต้องการผลตอบแทน ผลจะถูกตัด เพราะเป็นการให้ทานประกอบด้วยความโลภ

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ตุลิตะ ตุลิตะ สีฆะ สีฆัง ธรรมของเรามิใช่เป็นเครื่องเนิ่นช้า ต้องเร็วๆ ไวๆ อย่างของสังฆทาน พอเราบอกพระไปว่าขอถวายเป็นสังฆทาน พระเขาจะจัดของนั้นเป็นสังฆทานโดยตรง จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่น คนรับก็ไปนรกซิ ผู้ให้ไปสวรรค์"

    การถวายสังฆทาน

    ผู้ถาม :- "แต่เราไม่ได้ไปประเคนพระด้วยตนเอง อย่างนี้จะได้บุญไหมคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "มันได้ตั้งแต่ให้ พอนึกก็ได้แล้ว ถ้าตั้งใจจริง ยังไม่ทันจะนำมาถวาย คิดว่าจะถวายสังฆทานก็ได้แล้ว ถ้าตายเสียตอนนั้น ได้อานิสงส์เต็มที่เลย"

    ผู้ถาม :- "หลวงพ่อคะ เวลาถวายสังฆทานกับบุพการีต้องระบุชื่อไหมคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "เวลาเราให้ถึงระบุ คือเวลาอุทิศส่วนกุศลนะ แต่ว่าเวลาถวายสังฆทานไม่ต้องระบุชื่อ"

    ผู้ถาม :- "เวลาอุทิศส่วนกุศลถ้าไม่ระบุชื่อ ทุกคนจะได้รับหรือเปล่าคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ก็ไม่แน่ ถ้ากรรมบางเขาได้ ญาติหรือไม่ใช่ญาติก็ตาม ถ้ากรรมที่เป็นอกุศลส่วนหนึ่งเขามีอยู่ เขามีสิทธิ์ได้รับ ถ้าหนาไปนิดเขาก็ไม่ได้รับ อย่าไปคอยเอาตอนเป็นผีเลย ก่อนเป็นผีทำไว้ก่อนเถอะ จะกินอะไรบ้างก็เอาทำทานไว้ก่อน"

    การให้ทาน ต้องแบ่งเป็น ๔ ส่วน

    ผู้ถาม :- "แล้วที่เขาบอกว่าก่อนจะเอาเงินทำบุญทำทานต้องแบ่งเป็น ๔ ส่วนเสียก่อน หมายความว่าอย่างไรคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ในเรื่องพระเวสสันดร การให้ทาน พระพุทธเจ้าบอกว่า ต้องแบ่งเป็น ๔ ส่วน คือ ๑. ชำระหนี้เก่า ๒. เป็นเจ้าหนี้ใหม่ ๓. ฝังไว้ ๔. ทิ้งเหว

    ชำระหนี้เก่า คือ บิดามารดา และผู้มีคุณ ต้องสงเคราะห์ท่านตามกำลัง

    เป็นเจ้าหนี้ใหม่ ลูกสาวลูกชาย เราต้องสงเคราะห์ใช่ไหม

    ฝังไว้ สร้างความดีในส่วนกุศล

    ทิ้งเหว คือกิน

    ทั้ง ๔ อย่างนี้ใช้ ๔ หารไม่ได้นะ ต้องดูความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห่วงให้มากคือทิ้งเหว ตัวนี้ถ้าน้อยไปมันเดือดร้อน มันเบียดเบียนตัวเอง ต้องแบ่งส่วนให้เหมาะสม"

    เกิดเป็นเทวดามีบริวาร ๕๐๐ องค์ได้อย่างไร?

    ผู้ถาม :- "แล้วที่เขาบอกว่าสร้างกุศลอย่างโน้น สร้างกุศลอย่างนี้ แล้วจะเกิดเป็นเทวดา จะมีบริวาร ๕๐๐ องค์ สงสัยว่าบริวาร ๕๐๐ องค์ มายังไงครับ...?"

    หลวงพ่อ :- "คุณสงสัยแค่ ๕๐๐ ฉันตอบไม่ได้ ของฉัน ๑,๐๐๐ องค์ ถ้าคุณอยากจะรู้ต้องไปเป็นเทวดาก่อน ฉันเคยเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันก็ลืมแล้ว

    แต่บริวารน่ะไม่ใช่ภรรยานะ ที่นั่นเขาไม่สถาปนาเรื่องยศเรื่องศักดิ์กันหรอก พวกที่ทำบุญ แต่ไม่ได้ทำบุญส่วนวิหารทาน พวกนี้เกิดไปแล้วก็ไม่มีวิมานอยู่ ต้องอาศัยบุญเขาอยู่ แต่ว่าการอาศัยบุญเขาอยู่ ที่เป็นพวกเดียวกันนะ ในฐานะที่คุณเป็นมนุษย์ คุณชอบกับใครบ้าง คุณมีเพื่อนกับใครบ้าง เคยทำบุญร่วมกัน แต่พวกนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างที่อยู่ ทั้งหมดเรียกว่า วิหารทาน

    อย่างคุณทำบุญในเมื่อเป็นมนุษย์ วันนี้ขอร่วมสร้างกุฏิ ๑ บาท หรือเขาสร้างโบสถ์เราขอเข้าร่วมด้วย ๑ บาท วิมานจะปรากฏทันที ทีนี้พวกที่ร่วมกับคุณแต่ไม่ได้ร่วมในด้านนี้ ชอบพอกันไปใส่บาตรด้วยกัน ไปฟังเทศน์ด้วยกัน หรือว่าไปให้ทานด้วยกัน แต่ว่าไม่เกี่ยวกับวิหารทาน เมื่อเขาตายไปก่อน เขาจะไปอยู่ที่นั่นคอยอยู่ก่อน ในฐานะเป็นบริวาร"

    การสร้างพระไตรปิฎก

    ผู้ถาม :- "หลวงพ่อคะ เห็นเขาว่าสร้างพระไตรปิฎก แล้วไม่ตกนรกหรือคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ถ้ากำลังสร้างอยู่ไม่ตกนรก จะตกยังไง ยังไม่ตาย

    สร้างพระไตรปิฎก จิตก็ต้องนึกถึงพระไตรปิฎกไว้เสมอ จัดเป็น ธัมมานุสสติกรรมฐาน ถ้าสร้างพระไตรปิฎกแล้วก็ไปลักเขาบ้าง ขโมยเขาบ้าง ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตบ้าง อันนี้ลงนรก"

    เอาดอกเบี้ยเงินฝากมาทำบุญ

    ผู้ถาม :- "หลวงพ่อคะ ถ้าเราฝากเงินไว้กับธนาคาร ถ้าเอาดอกเบี้ยมาทำบุญ จะได้อานิสงส์ไหมคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ได้ เงินฝากธนาคารมันเป็นเงินตามกฎหมาย เขาให้มาตามระเบียบ เราไม่ได้โกงเขา เป็นเงินบริสุทธิ์แท้ อันนี้ไม่เป็นไรนะ"

    บวชวิญญาณคนตาย

    ผู้ถาม :- "หลวงพ่อคะ บวชวิญญาณคนที่ตายไปแล้วได้ไหมคะ...?"

    หลวงพ่อ :- "ถ้าฉันบวชวิญญาณคนที่ตายไปเมื่อไร ฉันก็ไปอยู่กับพระเทวทัตเมื่อนั้น เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านยังบวชให้ไม่ได้ บวชไม่ได้หรอก"

    ผู้ถาม :- "คือว่าเขามาเข้าฝันว่าเขาอยากบวชค่ะ"

    หลวงพ่อ :- "ถ้าเขาจะบวชก็ถามเขาซิว่า จะบวชวิธีไหน แต่ว่าฝันมันก็ลำบากนะ อยากจะบวชก็ไม่ยากอะไรนี่นะ เอาแบบง่ายๆ เอาพระพุทธรูปถวายเป็นของสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้ไป นั่นคือการบวช"

    หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๖๙-๗๔
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
    ที่มา http://palungjit.org/posts/9887488
     

แชร์หน้านี้

Loading...