หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง แบ่งปันประสบการณ์กันที่นี่นะครับ

ประวัติโดยสังเขปพระครูปทุมวรกิจ (ชำนาญ อุตตมปญโญ)<O</O
สถานเดิม<O</O
ชำนาญ นามสกุล พันธ์หว้า เกิดวันอาทิตย์ ชึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีชวด วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2515 บิดา นายชะโอด<O</O
มารดา นางสำเนียง บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 7 ตำบลบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
บรรพชา<O</O
ตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ปีขาล วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ณ วัดบางหลวง ตำบลบางหลวง อำเภอ<O</O
เมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
อุปสมบท<O</O
ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 7 ปีวอกวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2538 ณ วัดบางกุฎีทอง ตำบลบางกะดี อำเภอ<O</O
เมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
พระอุปัชฌาย์พระสุเมธาภรณ์ วัดบางหลวง ตำบลบางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี <O</O
พระกรรมวาจาจารย์ พระครูปทุมธรรมานุสิฐ วัดบางกุฎีทอง ตำบลบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
พระอนสาวนาจารย์ พระครูปทุมสุตคุณ วัดสังลาน ตำบลบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
วิทยฐานะทางการศึกษา<O</O
พ.ศ. 2527 สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดบางกุฎีทอง ตำบลบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี<O</O
พ.ศ. 2533 สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน จังหวัดปทุมธานี)<O</O
พ.ศ. 2548 สอบได้นักธรรมชั้นเอก<O</O
พ.ศ. 2549 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.)<O</O
พ.ศ. 2551 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาการจัดการเชิงพุทธจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง<O</O
กรณราชวิทยาลัย<O</O
มีความชำนาญการ<O</O
1. ด้านการแสดงพระธรรมเทศนา<O</O
2. ด้านนวกรรมาทิฎฐายี ควบคุมดูแลการก่อสร้างและบูรณะปฎิสังขรณ์ถาวรวัตถุ<O</O
3. ชำนาญการด้านภาษามอญ<O</O
สมณศักดิ์<O</O
พ.ศ. 2543 เป็นพระสมุห์ ฐานานุกรม ใน พระครูโสภณพิทักษ์ พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก <O</O
วัดโสภาราม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานีจังหวัดปทุมธานี<O</O
พ.ศ. 2549 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ชั้นโท ราชทินนามที่พระครูปทุมวรกิจ<O</O
<O</O
<O</O

 

หลวงพ่อชำนาญ

​

พระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและศรัทธายิ่งของมหาชน<O</O​

บทนำ<O</O
พระครูปทุมวรกิจหรือนามที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงพ่อชำนาญ” แห่งวัดบางกุฎีทองยอดเกจิอาจารย์<O</O
ผู้เรืองเวทแห่งเมืองปทุม เป็นพระที่เก็บตัวเงียบอยู่ในกุฎี พูดน้อย ถือพระรัตนตรัยและครูอาจารย์เป็นใหญ่เหนืออื่น<O</O
ใดทั้งหมด ด้วยวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัด น่าเลื่อมใสและศรัทธาคงเอกลักษณ์พุทธบุตรในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง<O</O
พระครูปทุมวรกิจ นามเดิมชื่อ ชำนาญ นามสกุล พันธ์หว้า เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ.2515 ใน<O</O
ชุมชนชาวมอญ ณ บ้านเลขที่ 14 หมู่ 2 ตำบลบางกะดี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี บิดาชื่อ นายชะโอด มารดาชื่อ<O</O
นางสำเนียง พันธ์หว้า มีน้องชายร่วมบิดามารดา 3 คน ท่านจึงมีบรรพบุรุษที่สืบเชื้อสายมาจาก“ชาวมอญเมืองปทุม”<O</O
โดยแท้ การที่หลวงพ่อชำนาญ เกิดในชุมชนชาวมอญ ที่มาตั้งรกรากอยู่มาช้านานตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย และยังคง<O</O
ใช้ขนบธรรมเนียม ประเพณีและศิลปวัฒนธรรมแบบรามัญมาจนถึงปัจจุบัน แม้ในวัดบางกุฎีทอง เดิมเรียก<O</O
ว่าวัดบางกุฎีมอญ หลวงพ่อได้สร้างถาวรวัตถุภายในพระอารามวัดบางกุฎีทอง ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมลักษณะ<O</O
ศิลปวัฒนธรรมแบบรามัญที่เด่นชัด<O</O
ในวัยเด็ก หลวงพ่อท่านมีนิสัยเรียบร้อย ชีวิตหลวงพ่อจึงวนเวียนและผูกพันอยู่กับวัด เพราะส่วนใหญ่ใช้<O</O
ชีวิตในวัดมากกว่า ท่านมีความสุขเมื่อได้เข้าเขตวัด และเหมือนใจท่านมีจิตผูกพันอยู่กับวัดตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึง<O</O
ทำให้หลวงพ่อมีความรักและเมตตาสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็ก อุ้มชู ชุบเลี้ยง ให้ทุนการศึกษาและส่งเสริมเด็กที่ยากจน<O</O
แต่ขาดทุนทรัพย์ให้ได้รับการศึกษาสูง ๆ เป็นจำนวนมาก เมื่อเด็กและเยาวชนปิดภาคเรียนหรืออยู่เป็นศิษย์วัดหลวง<O</O
พ่อก็ได้ฝึกฝน อบรมให้รู้ระเบียบ ปฏิบัติและสนองงานหลวงพ่อและวัดเพื่อให้เด็ก ๆ มีหลักคุณธรรมเป็นคนดีมี<O</O
ศีลธรรม และช่วยเหลืองานสังคม<O</O
<O</O
การเข้าสู่ภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา<O</O
โดยที่บ้านของท่านอยู่ใกล้กับวัดบางกุฎีทอง ชีวิตของท่านจึงวนเวียนผูกพันอยู่กับวัด อาจกล่าวได้ว่าชีวิต<O</O
ของท่านส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในวัดมากกว่า เพราะท่านจะเข้าไปรับใช้หลวงปู่สุรินทร์ เรวโต(พระครูปทุมธรรมนุสิฐ)<O</O
เจ้าอาวาสวัดบางกุฎีทองในขณะนั้นอยู่เป็นประจำ จึงทำให้หลวงปู่สุรินทร์ มีความรักและเมตตาต่อท่านตั้งแต่เด็ก<O</O
เมื่อหลวงพีได้เรียนจบชั้นประถมศึกษาภาคบังคับแล้ว หลวงปู่สุรินทร์ ก็ได้ให้ท่านบรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ<O</O
ได้ 14 ปี เมื่อท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ทำให้ท่าน ได้รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่สุรินทร์ได้เรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติและ<O</O
และวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่สุรินทร์ ซึ่งหลวงปู่สุรินทร์ได้เรียนวิชาอาคมต่าง ๆ จากพระอาจารย์ของท่านโดย<O</O
เฉพาะสายรามัญคือท่านเจ้าคุณรามัญมุนี วัดบางหลวง จังหวัดปทุมธานี หลวงพ่อชำนาญ ท่านสนใจศาสตร์วิชาอาคม<O</O
และสักยันต์ตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งจากพระภิกษุสงฆ์ผู้เรืองเวทและฆราวาสผู้เชี่ยวชาญ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ไปศึกษา<O</O
วิชาถึงเมืองมอญประเทศพม่า ได้พบ และสนทนาธรรมกับหลวงพ่ออุตตม สาโร พระชาวมอญผู้มีวิชาอาคมขลังเป็น<O</O
ที่เคารพศรัทธาของชาวมอญและชาวพม่าทั่วไป<O</O
เมื่อใครได้ไปพบหลวงพ่อที่วัด จะเห็นได้ว่ารูปภาพด้านหลังที่ท่านนั่งอยู่นั้นจะเป็นรูปภาพครูบาอาจารย์ที่<O</O
ประสิทธิ์ประศาสน์วิชาความรู้ให้แก่หลวงพ่อท่าน ท่านถือความกตัญญูนั้นเป็นคุณธรรมสำคัญ เพราะเป็นคุณธรรม<O</O
ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนดี แสดงให้เห็นถึงความเป็นบุคคลที่โลกยกย่อง ชื่นชม นิยมบูชา ความกตัญญู คู่กับ<O</O
คำว่า กตเวที คำว่า กตัญญู แปล ว่ารู้ความดี กตเวที แปลว่า หาวิธีตอบแทนความดีของท่าน ใครก็ตามที่มีคุณธรรม<O</O
ความดีต่อเรา วิสัยคนดีย่อมจะต้องกตัญญู ย่อมจะต้องกตเวที ด้วยบทกวีที่ว่า<O</O
กตัญญูรู้คุณท่านสำคัญนัก นี้เป็นหลักคนดีมีครบถ้วน<O</O
ตอบแทนท่านให้งามตามสมควร คนดีล้วนใจมั่นกตัญญู<O</O
<O</O

หลวงพ่อชำนาญ : ผู้เป็นที่รักและที่พึ่งของมหาชน<O</O
หลวงพ่อชำนาญคือ ภิกษุหนุ่มผู้ยิ่งในศรัทธามหาชน มีดีอะไร จึงทำให้ศิษย์และประชาชนทั่วไป เมื่อมี<O</O
ปัญหา เดือดร้อนเรื่องใดก็มาปรึกษากราบขอบารมีให้หลวงพ่อ ขจัดปัดเป่าและบรรเทาปัญหาต่าง ๆ จนท่านไม่มี<O</O
เวลาพักผ่อน แต่ดูเหมือนท่านไม่เคยแสดงความเหนื่อย เพียงท่านปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ และได้รับ<O</O
ความสบายใจกลับไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาปรากฏยังไม่มีใครสักคน ที่หลวงพ่อแก้ปัญหาให้ไปแล้ว บอกกล่าวว่าไม่<O</O
ประสบความสำเร็จ มีแต่จะเพิ่มศรัทธายิ่งและมาหาท่านบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ <O</O
ลูกศิษย์ของท่านคนแล้วคนเล่า หรือคนเพิ่งเคยมาหาท่านครั้งแรกเพียงแค่เดินขึ้นมาหาท่านบนหอสวดมนต์<O</O
เมื่อท่านได้เห็นหน้าก็สามารถบอกกล่าวปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องทันทีจนทำให้หลายคนที่มาพบท่านเป็นครั้ง<O</O
แรกถึงกับนั่งงงเป็นไก่ตาแตกจนเกิดความสงสัยว่า “ท่านรู้ได้อย่างไร” โดยที่ยังไม่ได้พูด ไม่ได้บอกเลยสักคำ<O</O
จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อ ท่านได้ศึกษาวิชาทั้งด้านสมถกัมมัฎฐานและวิปัสสนากัมมัฎฐาน ซึ่งเป็นหลัก<O</O
พุทธธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา และได้ปฏิบัติตามหลักสมถะและวิปัสสนาในการเดินธุดงค์ไปอำเภอสังขละ<O</O
บุรี จังหวัดกาญจนบุรี และได้เข้าไปศึกษาธรรมถึงเมืองมอญ ประเทศพม่า จึงทำให้จิตและสมาธิของท่านมั่นคง<O</O
อันเป็นผลจากการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาเวลาที่ท่านได้รับนิมนต์นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นต่าง ๆ
<Oทั่วประเทศ หลวงพ่อจึงนั่งสมาธินิ่งมาก จนบางที่ ท่านนั่งกำหนดจิตภาวนาขณะพิธีดับเทียนชัย และพระเถระที่มา<O</O
ก็กลับหมดแล้ว แต่หลวงพ่อยังคงนั่งเข้า สมาธิ อธิษฐานจิตตลอด<O</O
อนึ่ง การที่หลวงพ่อชำนาญมีความเชี่ยวชาญทั้งวิชาการสักยันต์ และการทำตะกรุด ท่านได้เรียนวิชาจาก<O</O
อาจารย์อยู่ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านอาจารย์อยู่บอกหลวง<O</O
พ่อว่า ถ้าท่านอยากได้วิชาอาคมดังกล่าว ท่านต้องพิจารณาซากศพที่เน่าเหม็นนั้น ให้เห็นเป็นซากศพที่ไม่เหม็นไม่<O</O
มีกลิ่นเหมือนท่อนไม้ จึงจะเรียนวิชาได้ผลจากการปฏิบัติเช่นนี้ จิตใจของหลวงพ่อ จึงเย็นและสงบนิ่ง โดยเฉพาะ<O</O
อิริยาบถการเดินของท่านเบาและเสมือนไร้ร่องรอย ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไกลไร้พรหมแดน แต่แปลก<O</O
ท่านไม่มีแม้ทั้งวิทยุและโทรทัศน์<O</O
สิ่งหนึ่งท่าครองใจศิษย์ไม่เสื่อมคลาย คือท่านเป็นที่รัก และเป็นที่พึ่งของศิษย์ โดยเฉพาะความรักลูกศิษย์<O</O
ของท่านที่มีมากจนรู้ซึ้งในน้ำใจของศิษย์ทุกคน ใครที่น้อมเข้ามาเป็นศิษย์ของท่านแล้ว ท่านจะช่วยเหลือจนถึงที่สุด<O</O
ดังคำสอนของหลวงพ่อที่บอกต่อศิษย์เสมอว่า<O</O
อันครูบาอาจารย์ไม่เคยทอดทิ้งศิษย์ มีแต่ศิษย์นั้นแหละที่ลืมและทอดทิ้งอาจารย์<O</O
หากศิษย์ไม่ลืมครูบาอาจารย์ มีหรือจะทิ้งศิษย์ต้องช่วยกันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง<O</O
<O</O
หลวงพ่อชำนาญกับงานสังคมสงเคราะห์<O</O
หลวงพ่อชำนาญเป็นพระเถระหนุ่มประกอบด้วยศีลาจารวัตรดีงานรับภารธุระพระพุทธศาสนา บำเพ็ญคุณ<O</O
ณูปการแก่คณะสงฆ์ สังคม ประเทศชาติ<O</O
<O</O
ด้านดำเนินกิจการอันเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่สังคม คือ เมื่อหลวงพ่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส<O</O
วัดบางกุฎีทอง ท่านจึงใช้กำลังสติปัญญาและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวัด โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ท่านได้ดำเนิน<O</O
การสร้างเขื่อนกันบริเวณริมคลองกับโรงครัว สร้างกุฏิสงฆ์ทรงไทย จำนวน 4 หลัง หอฉัน 1 หลัง หอเจริญพระ-<O</O
พุทธมนต์ 1 หลัง ห้องสุขา 10 ห้อง โรงครัว 1 หลัง สร้างกำแพงคอนกรีตรอบวัด สร้างวิหารหลวงปู่ทวด วิหาร<O</O
พระสังกัจจายน์ สร้างหอระฆัง 2 หลัง หอกระจายข่าว 1 หลัง สร้างณาปนสถานพร้อมเตาเผาปลอดมลภาวะ เป็น<O</O
ผู้วางแผนและปรับปรุงกุฏิสงฆ์ทรงไทยด้วยไม้สักลวดลายสถาปัตยกรรมไทยและรามัญ ปฏิสังขรณ์อุโบสถ และ<O</O
บรรจุพระพิมพ์ 108 พิมพ์ จำนวน 108 โอ่ง ไว้ใต้ฐานอุโบสถ สร้างรั้วโรงเรียน โรงอาหาร โรงเรียนวัดบางกุฎีทอง<O</O
โรงอาหาร โรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี รวมทั้งสนับสนุนและอุปถัมภ์การก่อสร้างถาวรวัตถุของวัดต่าง ๆ ในเขต<O</O
จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพิจิตร และจะมีโครงการสร้างพระธาตุเจดีย์ด้วยงบประมาณ สี่สิบห้าล้านบาท เพื่อ<O</O
ถวายต่อพระพุทธศาสนา<O</O
ด้านการศึกษาสงเคราะห์ หลวงพ่อได้สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกธรรม และแผนกบาลี<O</O
ตั้งทุนและมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดบางกุฎีทองและ<O</O
โรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี<O</O
ด้านสาธารณสงเคราะห์ ได้บริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทยสมทบทุนมูลนิธิสงเคราะห์บุคคลเป็น<O</O
โรคเรื้อน สมทบทุนตั้งทุนโรงพยาบาลปทุมธานี สำหรับพระสงฆ์อาพาธ บริจาคเครื่องอุปโภค บริโภคแก่ประชาชน<O</O
ที่เดือดร้อนและยากจนเขตวัดบางกุฎีทอง และบริเวณใกล้เคียง บริจาคเพื่อสมทบทุนสถานีอนามัยตำบลบางกะดี<O</O
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หลวงพ่อให้การสนับสนุนกิจการมหาวิทยาลัย อุปถัมภ์<O</O
อุปกรณ์การศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ปบ.ส.) ณ วัดพิชญาติการาม มอบเครื่อง<O</O
โปรเจ็กเตอร์ และอุปกรณ์การศึกษาแก่คณะครุศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์<O</O
นับได้ว่าพระครูปทุมวรกิจ (ชำนาญ อุตตมปญโญ) เป็นพระเถระที่ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่ประ-<O</O
เทศชาติ พระพุทธศาสนา และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเป็นอเนกประการ ควรแก่การยกย่อง<O</O
ประกาศเกียรติคุณ<O</O
สภามหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยจึงมีมติให้ถวายปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์<O</O
สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ เพื่อประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏไพศาลเป็นทิฎฐานุคติแก่อนุชนสืบไป<O</O
<O</O

ที่มา หนังสือที่ระลึกเนื่องในโอกาสพิธีฉลองปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการเชิงพุทธ โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย<O></O>

 

ประสบการณ์จากกำไรล.พ.ชำนาญ
เรื่องมีอยู่ว่าดิฉันเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำเปิดมา 3 ปีแล้วค่ะ เป็นร้านขายส่ง มีเสื้อผ้าและกางเกงจำนวนมากค่ะ เมื่อก่อนขายได้วันละ 50,000-60,000 บาทเลยนะคะ ร้านดิฉันเป็นร้านที่ขายดีมากค่ะ แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรยอดขายลดลงมาเกือบ 70%ค่ะ ซึ่งไม่น่าเชื่อค่ะ แล้วเป็นอย่างนี้มาตลอดค่ะ จนดิฉันท้อใจไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ เพราะแต่ละเดือนก็ดึงเงินเก็บออกมาใช้จนจะหมดอยู่แล้ว จนเมื่อเดือนสิ้นพฤศจิกายนนี้ค่ะเพื่อนดิฉันแนะนำให้ไปเช่ากำไรล.พ.ชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จากร้านคุณเอ๋นี่แหละคะ ดิฉันได้ไปเช่าเนื้อเงินทั้งเล็ก และ ใหญ่ มาอย่างละ 1 แล้ววันรุ่งขึ้นดิฉันไปเปิดร้านตามเดิมแต่ก็ลองขอบารมีหลวงพ่อชำนาญและบอกกล่าวท่านว่าขอให้ได้กำไรเท่านี้นะ แปลกแต่จริงค่ะ ปรากฏว่าวันนั้นดิฉันขายของได้เท่ากับกำไรที่ขอหลวงพ่อพอดีเป๊ะค่ะดีใจมากค่ะ กำลังใจเริ่มมีมากขึ้นค่ะ แล้ววันต่อๆ มาดิฉันก็จะทำแบบนี้เรื่อยมาค่ะ แล้วก็ได้อย่างนี้ตลอดค่ะ ดิฉันกับแฟนดีใจอย่างสุดซึ้งค่ะเพราะไม่คิดว่าที่ร้านจะกลับมาดีเหมือนเดิม แล้วก็ปีใหม่นี้ดิฉันก็ตั้งใจจะไปกราบหลวงพ่อชำนาญที่วัดด้วยค่ะ จะไปทำบุญกับท่านจะ แค่พูดน้ำตาก็จะไหลค่ะ เพราะตื้นตัน สุดซึ้งค่ะ หากใครมีปัญหาแบบดิฉันลองหามาบูชาดูสิค่ะ บารมีหลวงพ่อช่วยได้จริง จริงค่ะ

จากเว็บพรหมธาดา

 

หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ดีครับ กราบไหว้สนิทใจ ใครจะว่าพระหนุ่มๆ ไม่ดี

ต้องเจอองค์นี้ครับ

 

ต้องใช้ใจ บูชาดูครับ... แม้กระทั่งของที่ท่านแจกดูเหมือนธรรมดาแต่ มีค่าไม่ต่างจากของที่แพงๆ เลย คับท่าน ....

 

ใครมีประสบการณ์มาแบ่งปันกันนะครับ

 

วันที่ผมไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ ผมซื้อสังฆทานไปถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อได้แจกรูปหล่อลอยองค์ หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง รุ่น ๒ ฐานเรียบพร้อมรอยจาร แล้วหลวงพ่อก็ใช้เทียนจารอีกครั้งครับ

เรื่องมีอยู่ว่าวันที่28-12-10 ไปดื่มสุราฉลองกับเพื่อน ขากลับขี่มอไซด์หลับใน
แล้ววูบมาประมาณ80-100 ชนเกาะกลางถนนบนสะพานกระเด็นข้ามไปอีกฝั่งทั้งรถทั้งคน มอไซด์ล้อดุ้งทั้งสองข้างต้องเปลี่ยนใหม่ นอนรู้สึกตัวอยู่แต่ลุกไม่ขึ้นรอกู้ภัยส่งโรงพยาบาล คือ หัวแตกเย็บ15 เข็ม แต่ตามตัวไม่มีบาดแผลเลยครับ ไม่รู้ว่าบารมีหลวงพ่อหรือเปล่าแต่ผมศัทธามีติดตัวแล้วสบายใจครับ
ที่คอคล้องรูปหล่อที่หลวงพ่อแจก ที่แขนใส่กำไลรุ่น2 อัลปาก้า

 

พระผงบัวผุด ของ พระครูปทุมวรกิจ (ชำนาญ อุตตมปัญโญ)
วัดบางกุฎีทอง ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี​

เช้าตรู่ของวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2542 หลังจากที่หลวงพ่อชำนาญทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในอ่างน้ำมนต์เนื้อดินเผาใบใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าแท่นบูชาพระในห้องส่วนตัวของท่าน ปรากฏมีดอกบัวหลวงสีขาวซึ่งยังตูมอยู่ลอยวนไปมาช้า ๆ อยู่ในน้ำมนต์จำนวน 3 ดอก เมื่อลูกศิษย์และพระในวัดเรียนถามท่านถึงดอกบัวปริศนาทั้ง 3 ดอกนี้ว่ามาจากไหน ? เพราะปกติแล้วจะไม่มีใครเอาดอกไม้เข้าห้องส่วนตัวของหลวงพ่อ ยกเว้นแต่เอาธูปเทียนเข้าไปเท่านั้น และห้องนี้ก็ปิดล็อคตลอดโดยหลวงพ่อเองไม่มีใครเข้าไปได้ หากท่านไม่ยอมตอบ ได้แต่หัวเราะหึ ๆ แล้วก็ช้อนเอาดอกบัว 3 ดอกนี้มาใส่พานแล้ววางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชาอันเป็นสถานที่ท่านนั่งปลุกเสกพระเครื่อง ทุกคนต่างสงสัยถึงที่มาของดอกบัวดังกล่าว จะว่าหลวงพ่อไปเอามาลอยเองก็ไม่ใช่วิสัยที่ท่านเคยทำ ถ้าท่านทำท่านก็ต้องบอก หากท่านไม่ได้ทำคนอื่นก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะเป็นห้องของท่าน กุญแจอยู่ที่ประคตเอวท่าน ใครจะลอบลักเข้าไปไม่ได้แน่นอน แล้วอยู่ดี ๆ ดอกบัวจะมาลอยอยู่ในอ่างน้ำมนต์ของท่านโดยก็ไม่ปรากฏตัวบุคคลว่า เป็นใครที่เอามาใส่ ? ใครเป็นเจ้าของ ? เป็นไปได้อย่างไร ?

ต่อมา เมื่อเห็นทุกคนฉงนใจกันมาก หลวงพ่อจึงพูดเปรย ๆ ขึ้นว่า...

“ดอกบัวนี้วิเศษนัก มาจากที่สูงสุด”

แสดงให้เห็นว่าท่าน "รู้" ว่าดอกบัวนี้มาอย่างไร แต่ท่านไม่ยอมพูด
สำหรับบล็อกแม่พิมพ์และมวลสารที่ใช้สร้างนั้น หลวงพ่อได้แกะบล็อกด้วยตนเองอย่างบรรจงแบบโบราณด้วยหินมีดโกน และท่านให้ใช้ผงดอกบัววิเศษที่เกิดเองในอ่างน้ำมนต์ทั้ง 3 ดอกนี้เป็นมวลสารหลัก โดยนำมาผสมกับผงพุทธคุณของท่านที่เก็บสะสมไว้ อาทิ ผงวิเศษของท่านเจ้าคุณรามัญมุนี, ผงวิเศษของหลวงปู่สุรินทร์, ผงวิเศษที่ท่านเขียน - ลบไว้ ซึ่งแรงมากจนต้องฝังไว้ใต้ฐานพระประธานในโบสถ์, ผงเนียฮะวา, ผงอิทธิเจซ้อนรูป, ผงนะทั้ง 108 ยันต์ ตามตำราเก่าซึ่งต้องเสกแบบเดินหน้า 108 ถอยหลัง 108 ย้ายรูป 108, ปูนเสก, ยานัตถ์, ผงตะไบพระกริ่งรุ่นแรก และ เส้นเกศาของหลวงพ่อ
การสร้างทุกขั้นตอนตั้งแต่ นวดผง ตำผง ตลอดจนถึงการกดพิมพ์เป็นองค์พระนั้นล้วนทำกันเองภายในวัดโดยมีหลวงพ่อเป็นประธานและรู้เห็น ควบคุมอยู่ตลอด เมื่อสร้างพระชุดนี้เสร็จเรียบร้อยท่านก็ทำการปลุกเสกพระสำคัญพิมพ์รูปเหมือนบัวผุดนี้และขุนแผนบัวผุดนี้ด้วยตนเองอย่างที่เรียกว่า "เสกเดี่ยว" หลวงพ่อปลุกเสกในกุฏิของท่านทุกวันโดยท่านจะเลือกฤกษ์ดีที่สุดของวันในแต่ละวัน ท่านชอบพระพิมพ์นี้มาก ถึงกับออกปากว่า

“เล็กดีแต่ก็พริกขี้หนู เผ็ดร้องไม่ออกเชียวล่ะนี่”

ท่านอุปมาว่า ดอกบัวเกิดจากโคนตม แต่มีวาสนาได้มาบูชาพระรัตนตรัยอันเป็นของสูงที่สุด ดอกบัวนี้มีวาสนามาก หากใครมีพระบัวผุดของท่าน ให้ตั้งจิตอธิษฐานเอาเถิดจะไม่มีวันตกอับตกต่ำกว่าใคร คำว่าอดอยากยากจนหม่นหมองจะไม่เกิดเลย
หลวงพ่อชำนาญกล่าวย้ำว่า

"ให้คนใช้มั่นคงในพระรัตนตรัยนะ อธิษฐานเอาจะได้ผลยิ่งกว่าแก้วสารพัดนึกอีก ดอกบัวดอกนี้เป็นสื่อดี ถ้าเดือดร้อนมีทุกข์ภัยไข้เจ็บอย่างไรก็เอาพระอธิษฐานทำน้ำมนต์กินอาบเอา ปราบได้หมด พระพิมพ์นี้วิเศษตั้งแต่มวลสารดอกบัว 3 ดอกนี้แล้ว..."

 

ช่วยเล่าประสพการพระพรหมรุ่นแรกและวิธีบูชาให้ผมด้วย

 

ประสบการณ์ ที่เคยได้ยิน จะเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรือง และแก้ดวงตกดีครับ

 

ส่วนตัวมีเหรียญบาทน้ำมนต์รุ่นแรก, ตะกรุดหนุนดวง 2 อัน บูชามานานแล้วรู้สึกดีจังค่ะ กราบๆ ๆ

 

ดีๆครับ หลวงพ่อชำนาญผมศรัทธาท่านเหมือนกำลัง

 

ของผมต้องตะกรุดสยบไมยะราบครับ ระงับเรื่องหนักให้เบา ขึ้นโรงขึ้นศาลใช้ได้ดีมากครับ ผมว่ากันไว้ดี่กว่าแก้เยอะครับ หลวงพ่อไม่พูดมากครับอยากให้หลวงพ่อช่วยเรื่องอะไรบอกหลวงพ่อตรงได้เลยครับ แค่หลวงพ่อพยักหน้าหรือได้ยินที่เราบอกท่านแค่นั้นพอครับ กลับบ้านมาสิ่งที่เราบอกท่านจะได้รับการแก้ไขครับในทางที่ดีขึ้นครับ

 

กราบหลวงพ่อชำนาญ กราบ กราบ กราบ

 

กราบหลวงพ่อ ครับ

มีวัตถุมงคลท่านหลายอย่างครับ
เพราะ มีน้องที่เป็นศิษย์ท่านมอบให้

พูดได้เลยว่า
สุดยอด

 

ตะกรุดหนุมานเกี้ยวนางสุพรรณมัจฉา ของหลวงพ่อ เด่นด่านค้าขายเป็นเลิศครับ

 

พระมเหศวร, ตะกรุดถักเชือกแดงครับสุดยอดครับ!!!!!

 

ทำไมถึงเล่นหากันแค่เฉพาะกลุ่มล่ะคับ แปลกจัง น่าสงสัย

 

อ่านแล้วงงครับ เค้าเล่นวัตถุมงคลแบบไหนเฉพาะกลุ่ม(เช่นตะกรุด,เครื่องราง,ฯลฯ) หรือหมายถึงทั้งหมดของหลวงพ่อชำนาญ(รวมพระเครื่องด้วย) ท่านดังมาก ทำไมถึงเล่นเฉพาะกลุ่ม??? ตั้งแต่ท่านย้ายวัดผมก็ไม่ค่อยเห็นข่าววัตถุมงคลท่านอีกเลย แล้วถ้าผมไม่ขับรถจากกรุงเทพไปที่วัดท่านเพื่อสำรวจทางล่วงหน้าเพื่อจะมางานเป่ายันต์พรหมสี่หน้า ผมก็จะไม่รู้เลยว่าท่านย้ายวัดไปนานแล้ว เวปบอร์ดวัดบางกุฎีทองก็ไม่มีแล้ว ใครช่วยสรุปให้ทีว่ากลุ่มศิษย์เค้ามีอะไรกันเหรอครับ ทำไมต้องมารุมคนเห็นต่างด้วย งง :boo:

 

ศูนย์พระเครื่องชื่อดังขึ้นต้นด้วย ส เสือ จากที่โปรโมทว่าเป็นสายตรงหลวงพ่อมาหลายปีในหนังสือ เดี่ยวนี้หายไปเลยครับ เหมือนมีเรื่องขัดแย้งกันภายใน ผมเคยอ่านข่าววงในเขาเเสดงความเห็นกัน

เมื่อมันมีกลิ่นโชยมา ต้องมีซากสิครับ กลิ่นจะมาเองได้ไง อิอิ

เเล้วหลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ทำไมถึงย้ายวัด มาอยู่ที่นครสวรรค์ล่ะครับ จากใต้มา ภาคกลางเลย ตอนนี้กลับหรือยังไม่ทราบนะ ตอนนั้นคือ งง ไปหมด ตำนานแห่งปลายขวานเลยนะครับ

ศูนย์พระเครื่องบางทีมันก็โหดเกินไปนะ แบ่งเปอรเซนต์ให้วัดเท่าไหร่เอง ครูบาอาจารย์ผมทางเหนือ ได้พระที่ศูนย์สร้า่งกล่องเล็กๆ พระไม่กี่องค์ ไม่เต็มกล่องด้วยซ้ำ กับเงินซองขาวไม่กี่บาท ที่เหลือศูนย์พระหอบไปโฆษณาเอง เชียร์เอง ปั่นเอง สงสารหลวงพ่อมาก วัตถุมงคลบางอย่างท่านยังไม่รู้เลยมีอะไรบ้าง ท่านเมตตาเสกให้หมด จะบ้าตาย จิ้งจอกเก้าหาง นางพญางูขาว(ตอนนี้คงกลับมาฮิต กระแสนาคี) ...... คนทำมันสนุกกัน คนบูชาก็บ้าตาม

มีอาจารย์บ้าสำนักหนึ่งครอบหัวสุนัขจิ้งจอก ฟรุ้งฟริ้งดีนะครับ 5555++ ระดับนายพัน นายพล ไปครอบกัน เจริญ วัฒนธรรมอันดีงาม