หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน ปราบลาวเก่งไสยศาสตร์ วัดเขาสะพานนาค

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน ปราบลาวเก่งไสยศาสตร์ วัดเขาสะพานนาค
    [​IMG]
    และอีกอันดับหนึ่งฉันจะเล่าให้ฟัง นี่เล่าไม่ได้อวดตัวฉันนะ ฉันถือว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อปาน เมื่อสมัยที่หลวงพ่อปานไปสร้างมณฑป สร้างบันไดที่เขาวงพระจันทร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ทางที่จะเข้าเขาวงพระจันทร์ก็คือทาง.... วัดเขาสะพานนาค

    วัดเขาสะพานนาคเดี๋ยวนี้ ถ้าใครไปรถยนต์จะไปทางลพบุรี ก็ผ่านโคกสำโรงแล้วทางซ้ายมือจะเห็น วัดเขาสะพานนาค วัดนั้นแหล่ะหลวงพ่อปานมาสร้างไว้ โดยทุนของ นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร ห้างขายยาตราใบโพธิ์เป็นคนทำ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นคนแรก เมื่อคาถาปรากฏว่าให้ผล ก็ได้เอาทุนของคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มาสร้างวัดนั้นเป็นวัดแรก

    เวลาที่สร้างวัดตามปกติหลวงพ่อปาน ท่านสร้างวัดแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาท่านเป็นช่างมาก พระเจ้าเป็นช่างกันทั้งวัด ฉันก็พลอยเป็นกับเขาด้วย ไอ้ฉันน่ะไม่เป็นช่างอะไร เป็นช่างยกคือประเภทยก ตอนนั้นฉันไม่ผอมอย่างนี้นะ ฉันอ้วนร่างกายแข็งแรง ฉันมาผอมเมื่ออายุ ๔๐ ปี โรคมันเล่นงานฉัน เมื่อตอนร่างกาย แข็งแรงไอ้ความหนาวความร้อน ฉันไม่ค่อยรู้

    หน้าหนาวใครเขาหนาวกันสั่นงัก ๆ ฉันบุกนํ้าโครมคราม ๆ ฉันไม่รู้จักหนาว เพราะกำลังร่างกายมันดี ฉันก็มาสร้างกับเขาด้วย ตอนนั้นกำลังทำศาลาการเปรียญ พวกพระก็ขึ้นไปอยู่บนหลังคาหมด ฉันก็ขึ้นไป ไปทำกันบนหลังคา ถ้าจะถามว่าทำอะไรน่ะไม่ต้องเล่า ไอ้เรื่องบนหลังคามันไม่มีอะไรมาก ก็รู้ ๆ กันอยู่ ทีนี้พอดีมีเจ้าลาวคนหนึ่ง เขาเดินผ่านมา ไอ้เจ้าลาวนี้ เป็นลาวคงแก่เรียนมีวิชา เป็นนักทำคุณไสยน่ะ ซึ่งตอนนั้นมีเยอะแถวนั้น ทีนี้เมื่อเดินผ่านมาก็บอกว่า หลวงพี่ครับระวังจะหล่นลงมานะ พระแกได้ยินแกก็โมโห พระที่ถือโชคถือลางมี ชื่อ ท่านผาด แกก็ด่าเอาหาว่า ไอ้ลาวขี้แกล้ง ไอ้ลาวกินปลาร้า มึงจะทำอะไรก็ทำ มึงจะทำอะไรกูก็ทำ ไอ้ลาวอย่างมึงไม่มีความหมายอะไร
    ด่าเอา..ด่าเอาหนัก ๆ หนา ๆ แกเป็นคนขี้โมโหนี่ พวกเราก็ห้าม แกกลับมาโกรธพวกเราเสียอีก หาว่าไปกลัวมันทำไมนะ ไอ้ลาวขี้แกล้งอย่าไปกลัวมันนะ เราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน ใครจะมาทำอะไรเราได้

    ไอ้เจ้าลาวโมโห ก็เลยเดินขึ้นไปหลังเขา มันเดินหายไปทางหลังเขา เขาไปทำอะไร ฉันก็ไม่ทราบ และไม่มีใครทราบ พวกเราก็ทำงานกันตลอด ไปพอถึงเวลาเพลก็ลง ลงมาอาบนํ้าอาบท่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ฉันข้าว พอฉันข้าวแล้วก็นอนพัก ตามบัญชาของหลวงพ่อปานที่เคยบอกว่า

    ตอนเช้าฉันข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ขึ้นทำงาน เมื่อฉันข้าวเพลเสร็จ ให้นอนพักชั่วครู่หนึ่ง สักบ่ายสองท่านกะไว้เลย ก่อนบ่ายสองโมงไม่ให้ขึ้นทำงานเพราะแดดกำลังกล้า แต่ท่านไม่ได้มาคุม พวกเรามากันตามลำพัง ทำกันเอง เมื่อท่านสั่งแล้วต้องเป็นผล

    เมื่อนอนไปสักครู่หนึ่ง ก็ยังไม่ทันจะถึง เวลาบ่ายสองโมง มีชาวบ้านวิ่งเข้ามาบอกว่า ท่านครับมีลาวหนุ่ม ๆ คนหนึ่งมันไปนอนตัวบวมทั้งตัว อยู่หลังเขา มันร้องครางฮือ ๆ มันอยากจะพบพระ พวกเราก็สงสัยพากันไปดู ไปทั้งหมดหลายองค์ด้วยกัน ๗ - ๘ องค์ เห็นไอ้เจ้าลาวคนนั้นเอง ไอ้ที่มันบอกว่าพวกเราจะหล่นจากหลังคา มันนอนร้องคราง ก็ถามว่ามันเป็นอะไร ถามว่างูกัด หรือตะขาบกัด มันบอกว่าเปล่า มันก็ยกมือไหว้บอกผมขออภัยด้วยครับ จึงถามว่าทำไม
    ลาวบอกว่า พอพวกท่านด่าผมแล้ว ผมโกรธ จึงไปหาเอาตะปู มาเยอะผูกไขว้เป็น ๔ มุม หมายความว่าไขว้กลางเป็นแหลน ๔ ทาง ผมจะทำตะปูนี่เข้าท้องพวกท่านครับ ผมจะให้ท่านหล่นศาลา
    แล้วจึงถามว่าทำไมไม่ทำ
    แกบอกทำแล้วครับ เริ่มทำพอตะปูเล็กลงไปเท่านั้นแหล่ะครับ ตะปูกระดอนเข้ามาถูกตัว ปั๊บเดียวผมก็หงายท้องแล้วก็ไม่รู้สึกตัว เพิ่งจะมารู้สึกตัวนี่แหล่ะครับ มันปวดไปหมดทั้งตัวเลยครับ แล้วก็บวมไปทั้งตัวเนี่ย ผมเห็นว่าพวกท่านมีดีจริง ๆ ผมขออภัยด้วยครับ ผมขอให้ท่านสงสารผมเถิด
    ท่านพาดแกเป็นคนเจ้าโมโห แกบอกกูจะสงสารอะไรมึง มึงตายเสียได้ก็ดี กูจะได้บังสุกุล กูไม่ค่อยมีสตางค์ใช้อยู่แล้ว นี่ไปเล่นกับพระเข้าซิ มองเห็นคนตายเป็นแหล่งทำมาหากิน ใครจะไปตายให้พระเห็นไม่ได้ ชาวบ้านเขากลัวการตาย ชาวบ้านรู้ข่าวคนตายเสียสตางค์ พระได้ยินข่าวคนตายได้สตางค์ อย่าไปพูดกับท่านเข้านะเรื่องสตางค์ พวกเราก็เลยสงสารบอกท่านพาด ให้อภัยเขาเสียเถอะ เขาผิดไปแล้ว เขาก็ทำแล้วโทษก็ถึงตัวเขาแล้ว แกก็แสดงท่าทางพิโรธโกรธเคืองอยู่พัก ผลสุดท้ายแกก็ใจอ่อน บอก เอ้า.. ในเมื่อมันมาขอให้อภัยก็ให้มัน แต่ต้องสัญญาไว้ว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าหายจากโรคแล้ว จะต้องมาช่วยทำงาน ๑ เดือน ถ้าไม่งั้นข้าไม่ให้อภัย ไอ้เจ้านั่นยอมทุกอย่าง
    แต่ว่าโรคทั้งหลายแหล่ มันก็ไม่หาย มันก็ยิ่งปวดใหญ่ ผลที่สุดพวกเราไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีใครเป็นหมอเลย ไอ้หมออย่างฉันก็ใช้อะไรไม่ได้ เพราะนั่นมันเรื่องของวิชาอาคม มันไม่ใช่หมอรักษาโรคด้วยยา ไอ้ฉันเองก็ไม่ได้เป็นหมอ เป็นขี้ข้าหมอ เรียนวิชาปรุงยาตามหมอสั่ง หมอเขาต้องการยาอะไร เราก็ให้อย่างนั้น

    ทีนี้ไอ้ยาประเภทที่เรารู้ ก็ไม่มีในป่า เอามาทำอะไรไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าทำได้ เครื่องสกัดก็ไม่มี ถ้ามัวไปนั่งสกัดตัวยาอยู่ ก็พอดีคนไข้ตาย ก็เลยหมดทาง ต้องนำไปวัดบางนมโค ให้หลวงพ่อปานแก้ไข ให้ตาช่วยเป็นคนนำไป และทางไปวัดบางนมโคสมัยนั้น จาก เขาสะพานนาค มันก็แสนระกำ ต้องเดินมาขึ้นรถไฟที่ สถานีหนองเต่า ที่ ตลาดหนองเต่า นี่พระมาเป็นลูกเขยเสียตั้งหลายคน

    เขามาสร้างวัดที่วัดเขาสะพานนาคบ้าง เขาวงพระจันทร์บ้าง แล้วต้องเดินไปขึ้นรถที่สถานีหนองเต่า เมื่อไปก็ต้องไปพักที่ตลาดหนองเต่าก่อน ไป ๆ มา ๆ ก็ไปชอบพอกันเข้า ก็ใครต่อใครรู้จักกันเข้า หนัก ๆ เข้าเขามีลูกสาว ไอ้เจ้าของลูกสาว ก็ไม่หวงลูก ไอ้เจ้าพระก็ไม่ห่วงผ้าเหลือง ผลที่สุดก็เลยเป็นผัวเป็นเมียกันที่นั่นหมด แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นระหว่างเป็นพระนะ เขาสึกก่อน นั่นเป็นเรื่องของเขา

    ไอ้ฉันน่ะไม่มีล่ะ เพราะฉันหาคนสวยกับเขาไม่ได้ ฉันมองใครทีไร ก็เห็นสวยสู้แม่ศรีไม่ได้สักคน ฉันเอาไปเทียบกับแก แกเป็นนางฟ้า ไอ้ฉันจะไปแคร์อะไรกับมนุษย์ ในเมื่อคู่ครองของฉัน เป็นนางฟ้ารูปร่างออกสวย แล้วฉันจะไปต้องการคนที่สวยไม่เท่า เพื่อประโยชน์อะไร ถ้าหากว่าฉันต้องการคนสวยอย่างนั้นจริง ฉันก็รีบตายไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ฉันก็ไปอยู่กับคู่ครองฉันหมดเรื่อง นี่ฉันโม้ให้ฟังนะ
    ทีนี้เมื่อนำเจ้าลาวคนนั้น มาหาหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานก็รู้ บอกว่าไม่ไหวไอ้หนู เอ็งมาที่นี่ข้ารักษาไม่หาย เพราะเป็นของที่เอ็งทำเอง เอ็งต้องกลับไปใหม่ กลับไปที่วัดเขาสะพานนาค เอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาพระพวกนั้นเสียเท่านั้นแหล่ะ แล้วตาช่วยก็บอกว่า พระให้อภัยแล้ว ต้องขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัย
    ท่านบอกยังไม่ถูก การให้อภัยด้วยวาจาอย่างนั้นไม่ถูก เพราะว่าการคุ้มครองพระพวกนั้นเป็นพระรัตนตรัย และเทวดา ต้องให้คนนี้จัดดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาพระรัตนตรัย เทวดาและครูบาอาจารย์เจ้าของยันต์เกราะเพชร แล้วจะหาย ผลที่สุดก็ต้องนำไป คือนำกลับมาอีก ไอ้การกว่าจะไปกว่าจะมานี่ ทรมานไปตั้ง ๗ วัน ไอ้เจ้านั่นก็บวมตาปิดอยู่แบบนั้น นอนครางแบบนั้น ๗ วัน ผลที่สุดเขากลับมาขอขมาก็หาย

    เมื่อหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แกก็รักษา สัจจะจริง ๆ แกอยู่ช่วยทำงานอยู่เดือน เมื่อครบเดือนเข้า แกรำคาญแกก็เลยขอบวช บวชเป็นพระช่วยสร้างวัดตลอดไป นี่เป็นอานิสงส์ ผลที่สุดหลวงพ่อปานก็ให้เลิกวิชานั้น และท่านก็ให้เจริญกรรมฐาน ผลที่สุดแกก็ได้อภิญญา เอ้า ดีกว่าเราไปเสียอีก พวกนี้ถ้ากลับเข้ามาแล้วเป็นผลอย่างนี้ นี่เป็นอานุภาพของยันต์เกราะเพชรนะ เล่าให้ฟัง ฉันก็โม้เรื่องอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อยไปอีก มันอดเติมไม่ได้ อดต่ออดเติมไม่ได้
    ที่มา http://palungjit.org/posts/9611700
     

แชร์หน้านี้

Loading...