!! ร่วมบูรณะมณฑปประดิษฐานพระสารีริกธาตุ วัดพิชยญาติการาม !!

บูรณะมณฑปพระสารีริกธาตุ ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมบูรณะมณฑปประดิษฐานพระสารีริกธาตุ ธงชัยของพระพุทธศาสนา เพื่อให้พระสงฆ์ใช้สำหรับทำวัตร-สวดมนต์และประกอบศาสนกิจในช่วงเข้าพรรษา หน้าลานพระปรางค์ วัดพิชยญาติการาม

ทำบุญได้ที่บัญชี
วัดพิชยญาติการาม (กองทุนบุญนิธิสหกรณ์).
ธ. ไทยพาณิชย์. สาขา ลาดหญ้า.
เลขบัญชี 012-263-551-1


หมายเหตุ ทำบุญแล้วช่วยส่ง SMS
มาที่เบอร์ โทร. 089-039-5123 นะครับ
สอบถามรายละเอียดได้ที่
พระวิศิษฏ์สรการ โทร. 089-039-5123
หรือ สำนักงานวัดพิชยญาติการาม
โทร. 02-861-5425 อนุโมทนาบุญนะครับ
















ธงชัยของพระพุทธศาสนา

"...กิจกรรมต่างๆที่วัดพิชยญาติการาม เช่น การถวายมหาสังฆทาน การสวดมนต์ การเจริญภาวนา เพื่อให้ญาติโยมได้เดินตามทางของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา พยายามอย่างยิ่งให้ท่านทั้งหลายได้เดินถูกทางไม่ให้หลงทาง จึงได้นำหลักสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นหลักสำคัญให้ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติตาม ส่วนการถวายมหาสังฆทานก็เป็นกิจของพุทธบริษัทที่ต้องถวายพระสงฆ์ซึ่งเป็นธรรมทายาทของพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าขาดพระสงฆ์เสียแล้ว สัญญาลักษณ์แห่งธงชัยของพระพุทธศาสนาก็หายหมด แม้ในปัจจุบันจะมีฆราวาสที่ตั้งตนเป็นผู้รู้ผู้ปฏิบัติธรรมแต่พระพุทธศาสนิกชนก็จะขาดพระสังฆรัตนซึ่งเป็นสื่อบุญให้แก่ท่านทั้งหลาย
มีคำพูดของนักปราชญ์กล่าวว่า "...ให้หัดเข้าวัดด้วยตนเอง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่าไปเข้าวัดเมื่อตายแล้ว ตายแล้วเข้าวัดไม่มีประโยชน์ ตายแล้วเข้าวัดมีพระนำ..."
ขอให้ท่านทั้งหลายได้ฝึกอบรมจิตให้คุ้นเคยกับวัด ก่อนที่เราจะเข้าวัด โดยมีพระนำหน้า สุดท้าย วิถีทางของบุญเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายทั้งในชาตินี้และชาติหน้า การฝึกหัดการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ถือว่าเป็นปัจจัยสร้างอุปนิสัยของท่านทั้งหลาย ให้มีความใกล้ชิดกับบุญกุศล เพราะธรรมถือว่าเป็นความดี ทุกคนรักความดี ทุกคนเกลียดความชั่ว ฉะนั้น เราก็ต้องสร้างความดีให้ตนเอง..."

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์



ที่มา และรายละเอียด : https://th-th.facebook.com/TouDhamma?ref=stream

 

เพิ่มบัญชีร่วมบุญคะ

ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา ลาดหญ้า.

ชื่อบัญชี วัดพิชยญาติการาม (กองทุนบุญนิธิสหกรณ์)

เลขบัญชี 012-263-551-1

 

ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา

"...ปีนี้ก็เป็นปีมหามงคลที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชแห่งคณะสงฆ์ไทย ได้มีชนม์มายุครบ 100 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้
ซึ่งทางคณะรัฐบาลและทางคณะสงฆ์ก็ได้กำหนดพิธีเฉลิมฉลองในวโรกาสนี้ เพื่อให้สมพระเกียรติแก่พระองค์ท่านที่ได้บำเพ็ญศาสนกิจเป็นที่เคารพสักการะของมวลพุทธศาสนิกชนชาวไทย
และ เป็นปีที่ครบรอบ ๒๖๐ ปี ของพระสงฆ์สยามวงศ์ในประเทศศรีลังกา ประเทศศรีลังกานั้นได้รับพระพุทธศาสนาในคราวเดียวกันกับประเทศไทย คือ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งสมณฑูตก็คือพระโอรสของพระองค์เองไปเผยแผ่พุทธศาสนา ณ ประเทศศรีลังกา พุทธศาสนา ณ ประเทศศรีลังกาก็มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด ส่วนอีกสายหนึ่งที่มีทางสุวรรณภูมิ ก็คือ พระโสณะและพระอุตตระ ก็ได้มาปักหลักเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักฐานด้านโบราณคดี ก็ระบุว่าที่จังหวัดนครปฐมซึ่งมีพระปฐมเจดีย์เป็นสักขีพยานประจักษ์ พระพุทธศาสนาทั้งสองประเทศมีความเจริญและความเสื่อมเป็นธรรมดา แต่ว่าในทางประเทศไทยของเรานี้แม้จะมีความเสื่อมแต่ไม่ใช่เสื่อมแบบสูญหาย เสื่อมแบบเป็นไปชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็มีการสืบทอดต่อกันมา
จะเห็นได้ว่าพระพุทธศาสนาของเราไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด ๆ ก็ตามก็มีความเสื่อมและความเจริญเป็นไปตามกฎธรรมดา
แต่ในประเทศที่เรานับถือพระพุทธศาสนากันนั้นเราก็มีถ้อยทีถ้อยอาศัย อันประเทศใดเสื่อมประเทศที่เจริญก็เข้าไปช่วยปลุกช่วยแก้ให้ฟื้นกลับคืนมา..."


สมเด็จพระพุทธชินวงศ์

 

ขอแจมก่อนนะคะ

หนูและครอบครัว ร่วมบูรณะมณฑปประดิษฐานพระสารีริกธาตุ วัดพิชยญาติการาม จำนวน 200 บาทคะ

 

ตู้ธรรมขออนุโมทนาบุญกับคุณโยม อ.เสาวนีย์ บุนนาค และญาติธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมทำบุญบูรณะ มณฑปพระบรมสารีริกธาตุ วัดพิชยญาติการาม ในครั้งนี้ สาธุๆ

 

ควรหลีกเลี่ยงกรรมหนัก

ปุถุชนทั่วไปที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพของตนและครอบครัว มักไม่อาจหลีกเลี่ยงจากกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความทะนงตน เป็นต้น แต่เราควรหลีกเลี่ยงไม่ทำกรรมหนักด้วยอำนาจกิเลส ในขณะเดียวกัน ก็ทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ใจของเรายังมีความโลภ โกรธ หลงอยู่ กิเลสเหล่านั้นก็ไม่มีกำลังมาก โดยเฉพาะกรรมหนักเป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง เพราะมันอาจปรากฏในขณะใกล้ตาย และส่งผลให้เราตกอบายหลังจากตายแล้วได้

ดังนั้น ตามหลักพระอภิธรรมจึงกล่าวว่า อาจิณณกรรม คือ กรรมที่ทำเสมอๆ มีกำลังมากกกว่าอาสันนกรรม คือ กรรมที่ทำในเวลาใกล้ตาย เพราะเป็นสิ่งที่เราเสพคุ้นเป็นเวลานาน

ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรทำอาจิณณกรรมที่ดีๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ส่งผลต่อเราในเวลาใกล้ตายได้นั่นเอง

พระคันธสาราภิวงศ์ สาสนธชะ ธรรมจริยะ
เจ้าอาวาสวัดท่ามะโอ

 

"คนส่วนมากยังมีความเชื่อว่า มีผู้ดลบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้น แต่ทางพระพุทธศาสนาได้แสดงว่า คนมีกรรมเป็นของตน จะมีสุขหรือทุกข์เพราะกรรม ผู้คนเลยหันมากลัวกรรม กรรมจึงคล้ายเป็นผู้เคราะห์ร้าย ที่ถูกเข้าใจในทางร้ายอยู่เสมอ กรรมจึงกลายเป็นอดีตที่น่ากลัว พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนกลัวกรรม ไม่ได้สอนให้ตกเป็นทาสของกรรม หรืออยู่ใต้อำนาจของกรรม แต่สอนให้รู้จักกรรม ให้มีอำนาจเหนือกรรม ให้ควบคุมกรรมของตนในปัจจุบัน"

"กรรม คือการอะไรทุกอย่างที่คนทำอยู่ทุกวัน ทุกเวลา ประกอบด้วยเจตนา คือความจงใจ หลักใหญ่ของพระพุทธศาสนามุ่งให้พิจารณา ให้รู้จักปัจจุบันกรรมของตนว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรหรือไม่ควร เพื่อที่จะได้เว้นกรรมที่ชั่วที่ไม่ควร เพื่อจะทำกรรมที่ดีที่ควร พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสไว้ว่า บุคคลสามารถที่จะละกรรมที่ชั่ว กรรมที่ไม่ดีได้ จึงได้ตรัสไว้ให้ละกรรมที่ชั่ว ทำกรรมที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่า คนมีอำนาจเหนือกรรมอาจควบคุมกรรมของตนได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ต้องควบคุมจิตเจตนาของตนได้ด้วย โดยตั้งมั่นแน่วแน่อยู่ในธรรม เช่น เมตตา สติ ปัญญา สัจจาธิษฐาน และศีล"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

การให้อภัยจะไม่เปลี่ยนอดีต แต่กำลังเปลี่ยนอนาคต...คมมาก
ตู้ธรรมนำข้อคิดดีมาฝากกัน ด้วยความปรารถนาดีครับ

• การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม
การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ

บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว
เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง
เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด

ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับ
พลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง
บนเส้นทางของเขาด้วย

• การผูกกรรมมีความพิสดารลึกซึ้ง
เราคาดไม่ถึงหรอก
เรานึกว่าแค่ผูกใจเจ็บก็เป็นเรื่องส่วนตัวในใจ

แต่ความจริงมันเกิด
กระแสเวรผูกพันระหว่างวิญญาณขึ้นมา
แม้เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขาก็ตาม
เขาเป็นฝ่ายกระทำต่อเราวันนี้
อนาคตจะต้องมีเรื่องมีราวให้เรามีอำนาจเหนือกว่า

และกรรมเก่า
จะยั่วยุให้เราคิดเอาคืนบ้าง
ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีโอกาสทำบาป
และรับผลจากบาปนั้นคืนในกาลต่อไป

• สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้น
แล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้

ขอให้จำไว้ว่า
คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

อย่างน้อยต้องมีสิ่งสะกิดใจ
หรือมีใจเปี่ยมเมตตาเป็นทุนอยู่ก่อน

• อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย

ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา "อภัยได้จริง"

ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง "มองหน้ากันได้ติด"

และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

ขอบคุณ ดังตฤณ DUNGTRIN

 

ขอร่วมบูรณะมณฑปประดิษฐานพระสารีริกธาตุ วัดพิชยญาติการาม

ได้โอนแล้ว ธนาคารไทยพาณิขย์ วันที่ 26 มิย 56 เวลา 12.00 น. จำนวน 100 บาท ข้าพเจ้านายธราภุช โพธิ์แสง และนางจิตรา โพธิ์แสง และครอบครัว ขอร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย

 

ผมได้เอาข่าวนี้ไปบอกต่อยัง facebook page ต่างๆที่ผมสร้างขึ้น ให้แล้วนะครับ คิดว่าคงจะช่วยอะไรได้บ้างครับ ผมขอร่วมบุญด้วยวิธีนี้อีกแรงครับ ส่วนท่านไดที่เล่น facebookแล้วอยากเป็นสะพานบุญ สามารถเข้าไปแชร์ ข่าวนี้จาก link page ด่านล่างนี้ได้เลยนะครับ ผมขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D108/381238551993580

 

อนุโมทนากับทุกท่านครับ คุณตา คุณแม่ ผมและน้องชาย ร่วมบุญ50บาทครับ



บัญชีผู้รับเงิน
เลขที่บัญชี 0122635511 - วัด พิชยญาติการาม (กองทุนบุญนิธิสหกรณ์)
จำนวนเงิน
จำนวนเงินที่ต้องการโอน 50.00 บาท
ค่าธรรมเนียม 0.00 บาท
วันที่ทำรายการ 26/06/2556 - 13:51:36

 

อนุโมทนาบุญนะคะ

ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นผู้มีมนุษย์สมบัติ หากคิดหรือปรารถนาสิ่งใด ขอให้สมพรปรารถนาคะ

 

คนแก่ลายคราม

ชีวิตมนุษย์มีสิ่งที่แก่ขึ้นทุกๆ วัน ๒ อย่าง คือ อายุ และคุณธรรม อายุเป็นสิ่งที่แก่เองอยู่เสมอโดยไม่ต้องตั้งใจ เราจะชอบหรือไม่ชอบ ว่างหรือไม่ว่าง ก็ถูกเชือกแห่งชราดึงไว้ตลอดเวลา ถึงไม่อยากแก่ก็ต้องแก่ เมื่ออายุที่ผ่านมาแก่ขึ้น อายุที่เหลืออยู่ก็น้อยลง

แม้อายุจะแก่ขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณธรรมของเราไม่ได้พัฒนาไปเองตามอายุ ถ้าเราไม่ได้พัฒนาคุณธรรมให้สุกงอม ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น อับอายต่อรูปโฉมที่ชราภาพมากขึ้น

คนที่พัฒนาคุณธรรมคือศีล สมาธิ และปัญญาอยู่เสมอ ยิ่งอายุมากขึ้น คุณธรรมของเราก็จะยิ่งสุกงอมมากขึ้น คุณธรรมดังกล่าวจะลดความทุกข์ใจของชีวิตได้ โดยที่อายุของเราไม่อาจลดความทุกข์นั้นได้เลย

คุณธรรมไม่ใช่สิ่งที่สุกงอมเองเหมือนอายุ แต่เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความเพียรปฏิบัติด้วยศรัทธา คนที่มีคุณธรรมประจำใจจะรู้สึกเคารพตนเอง และเป็นที่เคารพนับถือของผู้อื่น

ดังนั้น จงอย่าแก่ชราด้วยอายุเท่านั้น จงสุกงอมด้วยคุณธรรม เพื่อให้เราเป็นคนแก่ที่น่านับถือ เพื่อทำให้ชีวิตมีคุณค่า และเพื่อเพิ่มพูนบารมีอันเป็นทางพ้นทุกข์ต่อไป

พระคันธสาราภิวงศ์ สาสนธชะ ธรรมาจริยะ
วัดท่ามะโอ

 

เรื่อง "ไม่รักไม่ทุกข์"
เพราะความรักมีที่ไหน ความสะเทือนใจมีที่นั่น

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ ปิยะโต ชายะเต โสโก ความเศร้าโศกเสียใจเกิดจากความรัก ปิยะโต ชายะเต ภะยัง ภัยอันตรายจะมีขึ้นได้ก็เพราะอาศัยความรัก”

ก็รวมความว่า เราก็ยังมีทุกข์ ในเมื่อเรามีรักเราก็ยังมีทุกข์ ถึงแม้ว่าจะรักน้อย ๆ มันก็ทุกข์น้อย ๆ อย่าลืมนะว่า ถ้ารักบ่อย ๆ มันก็ทุกข์มาก ดูตัวอย่างน้ำฝน ตกทีละหยาด ๆ สามารถทำภาชนะให้เต็มได้ฉันใด ความรักเป็นปัจจัยของความทุกข์ แม้ว่ามันจะรักเบาๆ แต่รักทุก ๆ วัน มันไม่คลาย มันก็เพิ่มความหนัก

ความโกรธ ความไม่ชอบใจก็เหมือนกัน มันจะมีเบา ๆ ไม่หนัก แต่ว่ามันก็หนักอยู่บ้าง เหมือนกับเรามีแผลไม่โต แต่มีแผลสะกิดด้วยปลายเข็ม มันก็จะมีการเจ็บถ่วงจิตไม่ให้เป็นสุข ข้อนี้อุปมาฉันใด คนที่มีปัญญาก็คิดว่า ถ้าเรายังต้องเกิดเป็นคนอีกชาติหนึ่ง ถึงแม้จะได้ไปนิพพานมันก็ยังเป็นทุกข์ ทางที่ดีถ้ายังไปนิพพานไม่ได้ เราไปค้างแค่เทวดาหรือพรหมดีกว่า

คราวนี้ทำยังไง ก็ต้องใช้กำลังใจสูงหน่อย แต่สำหรับท่านที่ได้ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นของไม่หนัก ก็ใช้อตีตังสญาณได้ ดูเรื่องราวของคนอื่นด้วยอตีตังสญาณ ดูเรื่องราวของเราด้วยปุพเพนิวาสานุสติญาณ

ดูว่า ความรักในระหว่างเพศทุกชาติที่เรามีอยู่ มันมีความสุขหรือความทุกข์ ร่างกายของคนทุกชาติมันมีความสะอาดหรือมันมีความสกปรก แล้วเวลาที่เราจะแต่งงาน เราก็เลือกผู้หญิงต้องลักษณะอย่างนี้ ผู้ชายต้องลักษณะอย่างนี้ มีนิสัยอย่างนั้น มีนิสัยอย่างนี้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายต้องมีคุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้เราจึงจะชอบใจ เราเลือกเอาคนที่สวย คนที่สง่าตามที่เราชอบ

แต่ว่าความสวยความสง่ามันทรงตัวไหม ไม่กี่วันมันก็เสื่อม ทีนี้พอหมดสวย หมดสง่าทำอย่างไร ก็จำใจจำกลืน ถ้ายังมีอารมณ์หลงอยู่ในกามารมณ์เข้าสนับสนุนเราก็ทุกข์ เราอยู่กับความสกปรก แต่เราไม่ฉลาด ไม่มีปัญญา เราก็มีความเข้าใจว่า ไอ้ความสกปรกทั้งหลายเหล่านั้นมันเป็นของสะอาด หลงความสกปรกว่าเป็นของสะอาด ชื่นชมยินดีกับความสกปรก แต่ความจริงบางขณะก็รู้สึกว่าสกปรก พอหน้ามืดขึ้นมา เห็นขี้เป็นทองคำ และเห็นอุจจาระเป็นน้ำหอม มันเป็นอย่างนี้

ทีนี้คนที่มีปัญญาท่านคิดว่าไม่เอา ตัดมันไปเสียเลย ไอ้การตัดไปเสียเลยใช้อะไร ความรักใช้ กายคตานุสสติกับอสุภกรรมฐาน บวก สักกายทิฏฐิ เห็นว่าร่างกายของเราเต็มไปด้วยความสกปรก แล้วผลที่สุดไอ้ร่างกายที่เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครกนี้มันไม่มีอะไรดี ความจริงไม่ใช่ร่างกายของเรา มันเป็นร่างกายที่กิเลส ตัณหา อุปาทาน สร้างขึ้น ไม่มีอะไรดีเลย

ตัดกำลังใจทิ้งมัน คิดว่าสภาวะความสกปรกอย่างนี้เราไม่ต้องการมันอีก จิตก็สลัดจากความรักในร่างกายของเรา ในเมื่อสลัดจากความรักในร่างกายของเราได้ มันก็สลัดจากความรักในร่างกายคนอื่นได้ เพราะความรักจริง ๆ นะ เรารักร่างกายเรามากที่สุด แทนที่จะรักคนอื่น เมื่อตัดได้อย่างนี้อารมณ์มันจะเป็นสุขมาก อารมณ์ความรักความดิ้นรนมันจะไม่มี ไม่มีจริง ๆ

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤๅษี)

 

มรณานุสติกรรมฐาน : แด่ปิยมิตรเฟสบุ๊คทุกท่าน
แผ่บุญกุศล "แด่..เพื่อนร่วมตาย"

" มองสุสาน เบื้องหน้า บุบผาล้อม
ได้เกลากล่อม ขัดใจ ใคร่ไหลหลง
แลแผ่นหิน ดินกลบหน้า คราตายลง
พระยืนปลง"กรรมฐาน"สุสานจริง

ขอกุศล ผลบุญ ที่เคยสร้าง
มอบแด่"ร่าง"เพื่อนร่วมตายทั้งชายหญิง
ขอบุญดล ผลเด่นดี มีธรรมอิง
โปรยแต่สิ่ง"เสริมสวรรค์"นิรันดร

" ที่นอนตาย"หงายร่าง อำพราง"รู้"
ดูเป็นครู คอยฝึกใจ ไว้พร่ำสอน
ที่ตายตาย ใครหนอเล่า เฝ้ารอนอน..
ต่างจำจร มาเจอะเจอ "เธอ-ฉันตาย".

พระราชสิทธิมุนี วิ.
ณ สุสานใกล้โบสถ์ Bruder Klaus
เมือง Haenglinggen ประเทศ Switzerland
ฤดูใบไม้ผลิ 2556

 

"...ท่านประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์เคยสอนว่า
คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีกรรมเป็นของตนเอง
คนทุกคนล้วนมีปัญหาชีวิตด้วยกันทั้งนั้น
คนทุกคนล้วนแล้วแต่หาทางอยู่รอดด้วยกันทั้งนั้น
แต่คนทุกคนลืมไปว่า เราต้องหาทางสงบที่แท้จริง
นั้นคือ วิปัสสนาภาวนา การหันหน้าถือศีลปฏิบัติธรรมจะพบความสงบและทางออกแห่งปัญหาได้อย่างถูกต้อง

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนฟังโอวาทธรรมจากสมเด็จพระพุทธชินวงศ์และถือศีลปฏิบัติธรรม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ณ ศาลาปฏิบัติธรรมพระชินวงศ์สภา วัดพิชยญาติการาม..."

พระครูวิศิษฏ์สรการ (พระครูไทย)

 

ช่วยกันห่อผ้าอาบน้ำฝน วันเข้าพรรษา
ใกล้วันเข้าพรรษา...ตู้ธรรมชวนเพื่อนกัลยาณมิตรรวมพลังบุญห่อผ้าอาบน้ำฝน เพื่อถวายพระสงฆ์ในเทศกาลวันเข้าพรรษา ณ ศาลาเจ้าแม่กวนอิ่ม บริเวณลานพระปรางค์ ตั่งแต่เวลา 9.00 น. ถึง. 16.00. น....มาร่วมบุญได้ทุกวันนะคะ มากันเยอะยิ่งดีคะ สาธุ

 

คุณความดีและคุณธรรมของพระธรรมธีราชมหามุนี

ในอดีตการสอนกรรมฐานของสำนักวัดมหาธาตุฯ มีความรุ่งเรื่องเป็นอย่างมาก พุทธศาสนิกชนต่างหลั่งไหลพากันมาปฏิบัติธรรม แม้สมเด็จย่าก็มาสมาทานวิปัสสนากรรมฐาน มาสอบอารมณ์
จากสมเด็จพระธรรมธีรราชมหามุนี งานวิปัสสนากรรมฐานขอวัดมหาธาตุฯ เมื่อเกิดแล้วก็มีเสื่อม เมื่อเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีมรณภาพลง งานก็ยังดำรงอยู่แต่ไม่ถึงกับเจริญ

บัดนี้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมสุธี อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ มีความเห็นว่า จะต้องรักษาและทำนุบำรุงงานวิปัสสนากรรมฐานให้กลับฟื้นคืนสภาพเหมือนสมัยที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ อาจ อาสภมหาเถระ ได้พยายามที่จะดำรงรักษาให้เจริญ จึงได้ดำริที่จะสร้างศาลาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยเฉพาะ ซึ่งความได้ทราบถึงเบื้องสูง ได้รับอุปการะในการสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ซึ่งต่อไปในภายหน้า วัดมหาธาตุฯ ก็จะกลับเจริญรุ่งเรืองคืนสภาพเดิม

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ พระเดชพระคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี ได้วางรากฐานหรือหว่านพันธุ์พืชวิปัสสนาปัญญาให้เกิดมีขึ้นในดวงจิตของศิษย์ทั้งหลาย อยู่ตลอดมา..."

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์
เจ้่าอาวาสวัดพิชยญาติการาม

 

"คนที่น่ากลัวที่สุด คือ คนที่ โลภ โกรธ หลง สามอย่างนี้แหละ
ที่ทำให้คนเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ยิ่งใครมีมันมากเท่าไรก็จะเปลี่ยนคนนั้นมากไปเท่านั้น นี้แหละคือตัวกำหนดกรรม"

หลวงพ่อชา สุภทฺโท