ปรากฏการณ์หลังตาย-ผีหรือวิญญาณ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 24 พฤศจิกายน 2005.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    ปรากฏการณ์หลังตาย-ผีหรือวิญญาณ
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail>
    [​IMG]
    ไม่มีชนชาติใดเผ่าไหน ที่ชนในชาติไม่เชื่อเรื่องผี เพราะจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่คุ้นหูเป็นเรื่องธรรมดา ประจำวันในที่หนึ่งที่ใดเสียด้วยซ้ำ แม้แต่ประเทศตะวันตกที่ก้าวหน้าที่สุด จากการสำรวจผู้ที่เคยประสบกับปรากฏการณ์ลึกลับสามมิติ หรือการพบเห็นผีอย่างแท้จริงด้วยตนเอง ในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีสถิติจำนวนผู้ที่เชื่อเรื่องผี ทั้งที่ตัวเองไม่เคยเห็นเลย มากกว่าผู้ที่ไม่เชื่อ
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail>[​IMG]
    เซอร์โอลิเวอร์ ลอดจ์ นักฟิสิกส์คนสำคัญชาวอังกฤษ ได้กล่าวไว้ว่า ผีอาจเป็นไปได้จริง ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ผี คงอธิบายได้ว่าเป็นภาพ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากพลังงานทางจิตที่รุนแรง ของผู้ตายที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประทับเป็นร่องรอยเอาไว้สามารถทำให้บางคน ที่มีประสาทสัมผัสไวเป็นพิเศษ รับคลื่นพลังงานที่แปรเป็นสภาพของปรากฏการณ์นั้นๆ ขึ้นมาใหม่ได้


    [​IMG] คำอธิบายของเซอร์โอลิเวอร์ อาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง และดูจะสอดคล้องกับความคิดเห็น ของคนทั่วไปที่เชื่อว่า คนเมื่อตายแล้ว จะต้องกลายเป็นผีจนกว่าจะได้ไปเกิดใหม่ หรือไปสู่ภพใหม่ ส่วนปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า ผีหลอกนั้น คนส่วนมากเชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ผู้ที่ตายไปยังไม่ยอมจากโลกไปด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง เช่นได้รับความกดดันทางอารมณ์อย่างรุนแรง เป็นต้นว่า ความเจ็บปวด ความคับแค้นใจ อิจฉาหรือห่วงใยอาวรณ์ ที่ท่วมล้นจิตใ จก่อนที่ผู้ตายจะจากโลกไป เช่นเราเชื่อว่า คนที่ตายอย่างปวดร้าวกะทันหัน หรือคนที่มีห่วงมีใยอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น ผีตายโหง ผีตายทั้งกลม หรือ ผีที่เกิดจากแรงอาฆาต ความแค้น ความไม่เป็นธรรมต่างๆ ข้อสนับสนุนความเห็นดังกล่าวให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ได้แก่ สถานที่ที่พบเห็นปรากฏการณ์ลึกลับที่น่ากลัวนั้น มักจะเป็นสถานที่ที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือบริเวณที่มีการตายเกิดขึ้นอย่างทารุณ เช่น ฆาตกรรม อัตวิบาตกรรม หลุมศพโบราณ สนามรบ หรือวินาศภัยที่มีคนตายมากมาย
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=362>

    ในบ้านเราเอง เรื่องของผีอาจถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนคุ้นเคยได้ยินได้ฟังเป็นประจำ โดยเฉพาะสมัยก่อนที่บ้านเมืองยังไม่มีความเจริญทางวัตถุ ยังเต็มไปด้วยป่าไม้ทุ่งนา ที่เป็นธรรมชาติเช่นนั้นมานานนับร้อยๆปี แม้ในปัจจุบันนี้ก็มีหนังสือและภาพยนต์เรื่องผี และเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติธรรมดาให้เห็นอยู่มากมาย

    ปรากฏการณ์เบื้องหลังความตายที่อธิบายว่า เห็นภาพวิญญาณ ของผู้ตายยังเป็นที่ถกเถียงกันมาก เพราะความเชื่อของคนทั่วไป ไม่ว่าจะถีอลัทธิศาสนาใดก็ตาม มักจะถือมนุษย์เท่านั้นที่มีวิญญาณ และวิญญาณก็ไม่ใช่ผี รูปที่เป็นผีนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่ ภาพร่างของมนุษย์ มีได้ทั้งผีในรูปของสัตว์และต้นไม้ หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิต
    [​IMG] มีเรื่องเล่าไว้ในหนังสือรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ของผีและเหตุการณ์ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผี มีทั้งสิ่งที่อยู่ในร่างคน สัตว์ สิ่งไม่มีชีวิต พันเอกแห่งกองทัพอังกฤษ และครอบครัวเพิ่งย้ายบ้านใหม่ เป็นบ้านโบราณและมีสนามหน้าบ้านที่กว้าง มีทางรถวิ่งโดยรอบ จากประตูใหญ่เข้ามา ตอนนั้นเป็นเวลาเริ่มจะโพล้เพล้ นายทหารดังกล่าวและภรรยาพร้อมบุตรอีกสองคน กำลังนั่งที่ระเบียงของคฤหาสน์หลังใหญ่ พลันมีรถเทียมม้าใหม่เอี่ยม และมีสีสันแพรวพราววิ่งเข้ามาตามทางวิ่ง ทั้งๆ ที่ขณะนั้นประตูใหญ่ที่รั้วหน้าบ้านก็ยังปิดอยู่รถม้าได้วิ่งมาอย่างช้าๆ และทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันที่นั่นได้ยินเสียงของกีบม้า และเสียงล้อรถที่บดลงบนถนนอย่างชัดเจน สักครู่รถม้าคนนั้นก็วิ่งมาหยุดลงที่ขอบสนาม ห่างจากตัวคฤหาสน์ไปไม่ไกลนัก เนื่องจากช่วงนั้นเป็นเวลาเริ่มจะค่ำ แม้ว่าทุกคนจะยังคงมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นผู้ที่นั่งมากับรถม้านั้นได้ และแม้เวลาจะผ่านมาอีกชั่วครู่ก็ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดลงจากรถม้า ในที่สุดบุตรชายคนหนึ่งของนายทหาร ก็เดินลงมาที่สนามไปยังรถม้าคันนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้พอที่จะเห็นร่างของสตรีแต่งตัวอย่างสูงศักดิ์ ผู้หนึ่งนั่งในรถม้า เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ทั้งรถและม้าเทียมก็พลันละลายหายไปในอวกาศ ไม่มีร่องรอยแต่อย่างใด
    เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่า บ้านหลังนั้นเคยเป็นบ้านของท่านลอร์ดและเลดี้ผู้สูงศักดิ์ ที่มีปัญหาเรื่องความรักสามเส้า ที่ทำให้ภรรยาท่านลอร์ดต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยความชอกช้ำระกำใจ หลังจากนั่งรถม้ากลับมาบ้านแต่ผู้เดียวในเย็นวันหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนหน้านั้น
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail>

    นักจิตวิทยาสาขาเหนือธรรมชาติ โดยทั่วไป เขาเชื่อว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการตาย และการสนองรับด้วยประสาทสัมผัสของผู้มีชีวิตอยู่เป็นเรื่องทางจิตที่ผู้ประสบนั้นๆ รับได้จริงๆ โดยไม่พยายามที่จะตอบคำถามว่าคนที่ตายไปแล้วกลายเป็นผี หรือผีเป็นเรื่องจริง เป็นสภาพหนึ่งหรือมิติหนึ่ง โลกหนึ่งของคนตาย นักจิตวิทยาจะแบ่งแยกประเภทปรากฏการณ์ที่เกิดหลังตายของผู้ที่กำลังจะตาย หรือตายไปแล้ว ที่มนุษย์ธรรมดาสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น ด้วยตา หู จมูก ไม่ว่าแยกกันหรือร่วมกัน ออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทลางสังหรณ์ กับ ประเภทผีหลอก

    ประเภทลางสังหรณ์ ประเภทนี้จะเกิดเพียงครั้งเดียวและจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่สนิทชิดเชื้อ หรือเพื่อนที่ผูกพันธ์กันเป็นพิเศษ เช่นแม่ฝันเห็นภาพของลูกที่มีเลือดท่วมตัวอยู่ในสนามรบ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
    [​IMG] มีรายงานเกี่ยวกับการได้ยินเสียงเรียกหรือการได้กลิ่นศพ หรือกลิ่นธูป เมื่อประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว ขณะที่นายแพทย์ประสาน ต่างใจ ผู้เขียนหนังสือชีวิตหลังตาย อยู่ที่เมืองบราซอฟ ที่โรมาเนีย ที่เมืองนี้เป็นเมืองแปลก มีกลิ่นของน้ำมันคลุ้งไปทั้งเมืองตลอดเวลา และเป็นกลิ่นที่เขาไม่คุ้นเคย คือมันเหมือนเป็นกลิ่นที่ได้จากการเผาน้ำมันเบนซินที่ผสมกับกำมะถันเยอะๆ ดังนั้นเขาจึงปิดหน้าต่างห้องพักที่โรงแรมจนหมด ในวันหนึ่งหลังทานอาหารกลางวัน เขาก็กลับไปพักในห้อง ประมาณราวๆ บ่ายสองหรือบ่ายสามโมง เขาได้กลิ่นธูปอย่างแรงอบอวลไปทั้งห้อง ทั้งๆ ที่หน้าต่างปิดทุกบาน ทีแรกเขาคิดว่า ชาวเอเชียที่มาพักในโรงแรมเดียวกันกำลังทำพิธีอะไรอยู่ ก็เลยเปิดหน้าต่างออกไปดู ก็ได้แต่กลิ่นน้ำมันเหียนๆ จึงปิดหน้าต่าง แล้วเปิดประตูออกไปเดินสำรวจทั้งชั้นนั้น ก็ไม่มีกลิ่นอะไร แต่พอกลับเข้าห้อง ก็ยังได้กลิ่นอยู่เหมือนเดิม แถมยังมีกลิ่นธูปหอมด้วย มันอบอวลอยู่ชั่วครู่แล้วแล้วค่อยๆจางหายไป เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่ง 4 วันต่อมา เขากลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วจึงได้ทราบว่าคุณยายที่แก่มากแล้ว และผูกพันต่อเขาค่อนข้างมาก ได้สิ้นชีวิตไปที่บ้าน เวลาที่คุณยายตาย ตรงวันวันนั้นพอดี และเวลาเมื่อเทียบกันแล้วก็เป็นเวลาเดียวกัน</TD></TR><TR><TD class=frontdetail>
    อีกประเภทหนึ่งคือ ประเภทผีหลอกแท้ๆ ประเภทนี้เกิดจากการผูกพันกันสถานที่ บ้าน ห้องนอน เตียงนอน หลุมฝังศพ ถนน หรือผูกพันกับสาเหตุที่ทำให้เกิดมีการตายนั้นๆ ประเภทนี้จะเกิดซ้ำกับใครก็ได้

    สำหรับผู้ที่ศึกษาทางจิตศาสตร์ ศึกษาจิตที่เป็นวิญญาณ เช่น ผู้ทรงเจ้าเข้าเทพ ผู้นั่งทางในติดต่อกับวิญญาณ ผู้มีความสามารถพิเศษทางจิต ไม่ว่าโดยมีอยู่เองหรือฝึกฝนขึ้นมาภายหลัง ได้กลายเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อสังคมไม่น้อย เพราะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อในเรื่องแบบนี้ เช่นหนังสือที่เขียนโดย เซอร์ โอลิเวอร์ ลอดจ์ ถึงการติดต่อระหว่างตัวเขาเองกับวิญญาณของบุตรชาย ที่ตายไปในสงครามที่ประเทศเบลเยี่ยม เป็นหนังสือที่ประชาชนให้ความสนใจ
    มองในอีกแง่หนึ่ง ทั้งหมดเป็นเรื่องของจิต เป็นเรื่องของความคิดความเชื่อ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใด และไม่ว่าจะอยู่ดีมีจน ชาติตระกูลหรือการศึกษา ก็ล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ย่อมมีการทำงานของสมอง และความคิดในทำนองเดียวกันนี้ทั้งนั้น
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail>
    ที่มา ชีวิตหลังตาย นายแพทย์ประสาน ต่างใจ</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE borderColor=#999999 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=frontdetail>
    ตำนานความเชื่อ-หลังความตาย​
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>
    [​IMG] ความรู้ที่ลี้ลับที่จิตสัมผัสได้ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณในอีกระดับหนึ่ง ที่อยู่ต่างโลกต่างมิติ ไม่ใช่และไม่เกี่ยวกับศาสนา หรือคำสั่งสอนของศาสนา ที่เป็นเรื่องของมนุษย์กับพฤติกรรม ในสังคม และความรู้ที่ว่าไม่สามารถที่จะได้มาด้วยการปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศาสนา ด้วยการเข้าวัดเข้าวา ด้วยการเป็นนักบวชหรือพระ แต่ได้มาจากการสัมผัสกับจักรวาลแห่งจิตจากภายในของแต่ละคน

    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=119>

    [​IMG] เฮโรโดตัส บิดาแห่งประวัติศาสตร์ นักปราชญ์ชาวกรีก นับว่าป็นบุคคลแรก ที่ได้บันทึกการเดินทางและเรื่องราวต่างๆอย่างเป็นระบบ เป็นผู้เดียวที่ได้บรรยายความวิจิตรพิสดาร ของปิรามิดแห่งกูฟู ที่อียิปต์ และเปรียบเทียบกับหอคอยแห่งบาเบล ในเมโสโปเตเมีย ทั้งสองได้ถูกสร้างขึ้น ในยุคใกล้เคียงกัน แต่น่าเสียดายที่หอคอยแห่งบาเบล เล่ากันว่า พระราชาได้บังคับเอาเลือดเนื้อของทาสและประชาชนผู้ยากไร้ มาก่อสร้างหอคอยที่วิจิตรพิสดารที่สูงเสียดฟ้า ด้วยความประสงค์ที่จะได้พบกับพระผู้เป็นเจ้า แต่พระเจ้าไม่พอใจ หอคอยแห่งบาเบลจึงได้ถูกทำลายไปเมื่อประมาณ 2,200 ปี เสียก่อน


    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>
    [​IMG] ในระหว่างที่อียิปต์ในสมัยรัชกาลสุดท้าย เฮโรโดตัสบันทึกไว้ว่า รอบๆบึงเล็กในอาณาเขตของวัดแห่งซาอีส อันเป็นสถานที่ต้องห้าม ในยามค่ำคืน พระและสานุศิษย์ได้สาธิตจำลองการเดินทาง และประสบการณ์ของเทพโซิริสผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ นั่นคือ ประสบการณ์ของชีวิต การเกิด การตาย และการฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ทั้งหมดเป็นศาสตร์ลี้ลับที่สุดของอียิปต์



    [​IMG] นักประวัติศาสตร์โบราณเข้าใจ และพอที่จะอธิบายได้ดังนี้ ในรูปจำลอง ฟาโรห์แรมซีนีตัส ได้ถือกำเนิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง หลังจากที่เป็นพระอดีตกาลร่วมสามพันปีมาแล้ว จิตวิญญาณหลังจากออกจากร่างก็อยู่ในลักษณ์ โปร่งแสง เช่นรูปกายเดิม แต่รูปกายที่เป็นเนื้อหนังภายนอกผุพังเสื่อมสลายบ้างก็กลายเป็นร่างของพืช บ้างก็กลายเป็นร่างของสัตว์ต่างๆ หมุนเวียนเปลี่ยนสภาพในตลอดช่วงของเวลา 3,000 ปีนั้นๆ ส่วนจิตวิญญาณก็ได้เดินทางไปในนรก รับโทษทัณฑ์จนหมดสิ้น ด้วยการกลับกลายเป็นสัตว์ชั้นต่ำจากชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่ง ทนทุกข์ทรมาน เมื่อครบเวลา 3,000 ปี จิตวิญญาณก็เป็นอิสระ และรวบรวมเอาอนุภาคที่เป็นส่วนต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนของร่างตนเองก่อนที่จะถึงแก่ความตายในอดีต ที่อยู่ในร่างใหม่และสถานที่ใหม่ต่างๆ กันเข้ามาไว้ด้วยกัน จากนั้นก็สร้างรูปใหม่ด้วยพลังงานที่เป็นเช่นนิสัย เหมือนพลังจิตที่นกใช้สร้างรังตน กลายเป็นร่างใหม่และเกิดขึ้นมาใหม่

    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>[​IMG]


    ตำนานที่เล่าถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากอดีตที่ยาวนานของชนเผ่า และเชื้อชาติต่างๆ ทั่วโลก มีบันทึกไว้มากมาย น่าแปลกใจที่ไม่ว่าจะเป็นนิยายปรัมปราของชนเผ่าไหนก็ตาม เนื้อหาสาระที่เป็นประเด็นหลัก ล้วนคล้ายๆ หรือ เหมือนกัน ในเรื่องของเจ้าเข้าทรง หรือการนั่งทางใน เป็นศาสตร์ที่แม้ว่าบางคนจะถือเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ที่ไร้เหตุผล แต่ก็ไม่มีใครสามารถนำเหตุผลและความเป็นวิทยาศาสตร์มาตอบได้

    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>

    ชนเผ่าพื้นเมืองในออสเตรเลียตะวันตก มีวิธีติดต่อกับคนที่ได้ตายไปแล้ว ด้วยวิธีการเข้าทรง ด้วยการสะกดจิตตนเอง และสามารถเดินทางไปพบกับผู้ตายในปรโลก ทั้งยังสามารถพูดคุยไต่ถามเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับผู้ตายหรือตอบคำถามญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างถูกต้อง

    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>
    [​IMG] ชนเผ่าอินเดียนแดงแห่งลุ่มแม่น้ำเอมะซอน เปรู เผ่าดั้งเดิมมากเผ่าหนึ่ง เชื่อว่า เผ่าคอนนิโบ ได้มีการเข้าทรงเจ้า จากการศึกษาโดย ไมเคิล ฮาร์เนอร์ นักโบราณคดีแห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งอเมริกา ด้วยการที่เขาต้องยอมเข้าเผ่าโดยดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สกัดจากพืชชนิดหนึ่ง หลังจากดื่ม สักครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกเหมือนฝันไปว่าเขาได้ล่องลอยตัวผ่านมาสู่สถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นที่อยู่ของเทวดา และภูตผีปิศาจ ปิศาจบางตัวมีหัวเป็นจระเข้กำลังอ้าปาก เขาได้เห็นสสารที่เป็นพลังงานของตนเอง ออกจากร่าง ลอยไปยังเรือที่มีหัวรูปมังกร บนเรือมีร่างมนุษย์ที่แต่งตัวเหมือนชาวอียิปต์ แต่มีหัวเป็นนกกางเขนหลายตน ทันทีเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายไปจากโลกอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองเขาก็เห็นมังกรตัวน้อยๆมีปีก พากันมุดออกมาจากกระดูกสันหลัง และติดต่อกับเขาทางกระแสจิต บอกว่า แท้จริงแล้ว พวกมัน มังกรน้อยๆทั้งหลายนั่นเองที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นพิภพแห่งดาวเคราะห์ดวงที่เรียกว่าโลกนี้

    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>
    [​IMG] แคลไวท์เชื่อว่า ในสังคมของชนที่พวกชาวตะวันตกถือว่าเป็นชนที่ไร้อารยธรรม มนุษย์ยังมีความผูกพันธ์กับธรรมชาติและจิตเป็นอิสระ ไม่ถูกจำกัด หรือถูกบังคับไว้ภายใต้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ ที่เป็นวัตถุ จิตที่เป็นอิสระจึงสามารถติดต่อกับโลกแห่งจิตที่แท้จริงแล้ว ก็เป็นโลกแห่งความจริงในอีกมิติหนึ่ง ความเห็นของแคลไวท์ดูอธิบายความคล้ายคลึง ของผู้ที่มีประสบการณ์การพบเห็นหรือฝัน ภูตผีปิศาจและ เทวดาที่มักจะเกิดกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาตลอด และมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาวัตถุกันจนสมองไม่มีเวลาว่าง มีความผูกพันธ์กับความเป็นความตายด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ คนที่อยูในชนบทตามชายป่าชายเขา ไม่ว่าที่ใด หรือคนที่เชื่อในสิ่งลี้ลับ จึงมักมีโอกาสที่จะพบเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ เจ้าที่ ผีสางนางไม้ ได้มากและบ่อยกว่าคนที่อยู่ในเมือง ผู้ร้อนรนและรีบเร่งในการดำรงชีวิตเป็นประจำวันกับตนเองและครอบครัว จนจิตถูกบังคับอย่างสิ้นเชิง จึงยากนักที่คนในเมืองโดยทั่วไปสัมผัสกับปรากฏการณ์ทางจิต เรื่องของความตาย และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความตาย คนที่ไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ แม้บางคนที่เกิดอยากจะเชื่อ อยากจะเห็นก็ยากที่จะสมประสงค์
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=47>

    <HR>ที่มา ชีวิตหลังตาย วิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนายแพทย์ประสาน ต่างใจ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=frontheadmain>
    การเกิดใหม่และการกลับชาติมาเกิด
    </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=367> การเกิดใหม่และการกลับชาติมาเกิด รวมถึง การระลึกอดีตได้ เป็นเรื่องที่อยู่คู่กันมากับความคิดของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เช่นจากการขุดพบโครงกระดูก พร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ภายในหลุมศพด้วย แสดงถึงความเชื่อที่ว่า เมื่อตายไปจะได้นำไปใช้ หรือ จะได้นำไปใช้ในภพหน้า
    <TABLE borderColor=#336666 cellSpacing=2 cellPadding=0 width=350 align=center border=1><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ความเชื่อในเรื่องการเกิดใหม่ และการระลึกชาติ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบางศาสนาเท่านั้น แต่แทบทุกศาสนา เช่น ศาสนาคริสต์ไม่ได้สอนเรื่องการเกิดใหม่และการระลึกชาติ แต่เชื่อในเรื่อง การฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ศาสนาพุทธและพราหมณ์ เชื่อว่าชีวิตจะต้องมีการเกิด การตาย และการเกิดใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นวงจรการเวียนว่ายตายเกิด

    ในเรื่องการระลึกชาติได้นั้น มีรายงานการค้นคว้าติดตาม ผู้ที่สามารถระลึกชาติได้ ในหลายประเทศ มีประสบการณ์ที่รู้เห็นได้ด้วยตนเองหลายราย
    [​IMG] เด็กชายชาวศรีลังกา อายุ 9 ขวบ สามารถระลึกชาติได้ว่า ชาติก่อนเขาเกิดเป็นพี่ชายของพ่อของเขาในปัจจุบัน ก่อนที่พ่อเขาจะแต่งงานกับแม่ ประมาณ 10 ปีก่อน เขายังเป็นหนุ่ม และชอบสาวอยู่คนหนึ่งโดยทั้งคู่ให้สัญญากันว่า จะแต่งงานกัน แต่คู่รักของเขาเกิดเอาใจออกห่าง ไปชอบกับคนที่มีฐานะดีกว่า เขาได้พยายามขอร้องคู่รักหลายครั้งหลายหน จนการพบกันครั้งสุดท้าย ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เขาได้แทงคู่รักด้วยมีดปลายแหลมเข้าที่ทรวงอกด้านซ้าย เธอจึงถึงแก่ความตายในทันที เขาถูกจับ และถูกแขวนคอตาย ด้วยเขาถือว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นจากชายที่เป็นคนที่มาทีหลังเป็นคนก่อเรื่องขึ้น ดังนั้น ก่อนตายเขาได้ตะโกนว่า เขาจะกลับมาเกิดใหม่ และตามล้างตามผลาญชายคนที่มาแย่งความรัก และเป็นต้นเหตุให้เขาต้องถูกแขวนคอ ตอนนั้นน้องชายของเขา ซึ่งก็คือพ่อของเขาในปัจจุบัน ก็ได้ไปดูการแขวนคอ และขอรับศพ เขาสามารถจดจำเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง และบอกชื่อ ที่อยู่ เมื่อ 10 ปีก่อน ได้หมดโดยไม่ผิดเพี้ยน เด็กชายผู้นี้เกิดมาด้วยมือข้างขวาตั้งแต่ข้อศอกลงมาพิการงอแข็ง มือขวากำแน่นเหมือนกับถืออะไรอยู่ นิ้วทั้งห้ายึดติดกันโดยมีผังผืดอยู่ระหว่างนิ้ว ที่คอโดยรอบทางด้านหน้า มีรอยเป็นแผลลึก เห็นเป็นเกลียวเหมือนเชือกชัดเจน ที่หน้าอกซีกซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจมีแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม เหมือนกับแผลเป็นที่หายจากรอยแทงด้วยของมีคม </TD></TR><TR><TD class=frontdetail height=255> เด็กชายชาวอเมริกัน อายุ 4 ขวบ สามารถระลึกชาติได้ว่าชาติก่อนเขายิงตัวตาย ที่ขมับขวาและกระสุนทะลุออกมาทางขมับซ้าย เขาให้รายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุการตัดสินใจยิงตัวตาย ซึ่งได้รับการยืนยันจากพ่อแม่เด็กในชาติก่อน ที่อยู่คนละรัฐกับเด็กที่เกิดในชาติปัจจุบัน ได้ไม่ผิดเพี้ยน เด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับแผลเป็นที่ขมับทั้งสองข้าง ซึ่งแพทย์ยืนยันว่ามีลักษณะเกิดจากทางเข้าและรอยออกของกระสุนปืนเท่านั้น

    [​IMG]
    ในประเทศพม่า มีการสัมภาษณ์เด็กที่ระลึกชาติได้หลายราย ว่าชาติก่อนเป็นนักบินชาวอังกฤษและอเมริกันที่เครื่องบินตก หรือถูกยิงตก และนักบินได้ถึงแก่ความตายที่พม่า ทั้งหมดเมื่อหาหลักฐาน ชื่อและที่อยู่ของนักบินเหล่านั้นก็เป็นจริงและตรงกับที่เด็กเหล่านั้นอ้าง และที่น่าพิศวงก็คือ เด็กเหล่านั้น ทุกคนล้วนมีผิวพรรณ สีตาและสีผม ไปทางเด็กชาวตะวันตก และทุกคนมีแผลฉกรรจ์ในตำแหน่งสำคัญ ที่ตรงกับตำแหน่งจริงของนักบินผู้ที่ตาย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทางการได้บันทึกไว้ด้วย

    เด็กชายชาวไทยคนหนึ่ง สามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ พออายุ 15 ก็ได้บวชเป็นเณร ด้วยความตั้งใจจะใช้ชีวิตเยี่ยงบรรพชิตในพุทธศาสนา และต่อมาก็ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางขมิ้นที่พระประแดง ชื่อว่า พระปลัดโสภิต ทีฆะปาโณ ท่านได้เล่าว่า เมื่อชาติก่อนได้เกิดเป็นนายท้ายเรือ ทำงานอยู่กับบริษัทแม่น้ำเรือยนต์ และมีลูก 6 คน ในปี พ.ศ.2480 ภรรยาได้ป่วยหนักและตายไป ทำให้คิดมาก และหันมากินเหล้าเมา คืนหนึ่งได้ นำเรือไปรับแม่ม่ายที่รู้จักกัน เพื่อพาไปเที่ยวงานวัด แต่เกิดไปลวนลามและพยายามปล้ำ จึงถูกแม่ม่ายแทงเข้าครั้งหนึ่งที่อกด้านซ้าย แต่ไม่ตายทันที พยายามวิ่งไปที่งานวัด เพื่อขอความช่วยเหลือ และล้มลงที่นั่น ซึ่งการกลับชาติมาเกิดใหม่นี้มีความรู้สึกกลัวผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทุกคน เพราะจำได้ว่าถูกผู้หญิงแทงตาย ตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ ก็จำชื่อของลูกๆทุกคนในชาติก่อนได้ทั้งหมด และยังไปเยี่ยมลูกสาวที่บ้านเก่า ที่น่าแปลกคือ พระโสภิต เกิดมาพร้อมกับรอยบุ๋มคล้ายรอยแผลเป็นจากของแหลมมีคม ที่อกด้านซ้าย

    [​IMG] การค้นคว้าวิจัยการระลึกชาติได้ยังมีอีกมากมาย หลายพันราย ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่เพียงแต่ศาสนาหลายศาสนาเท่านั้น เพราะยังเป็นความเชื่อของชาวเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่ในที่ต่างๆของโลก เช่น อเมริกาใต้ อัฟริกา เช่น ชนเผ่าต่างๆ ในอัฟริกา แถบซีกตะวันออกของทวีป เชื่อว่า คนตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้ทั้งนั้น ชีวิตในโลกมนุษย์เป็นเพียงส่วนขยายของอดีต ไม่ได้เป็นอิสระอย่างที่คิดกัน การเกิดใหม่และการระลึกชาติ จะเกิดได้แต่ในครอบครัว หรือเผ่าพันธุ์ที่ร่วมสายเลือดเดียวกันมาก่อนเท่านั้น นอกจากนี้ ชนบางเผ่า เช่น พวกซิมบับเว เชื่อว่า คนที่เกิดใหม่และระลึกชาติได้จะต้องเกิดเป็นเพศตรงกันข้ามกับเพศเดิม ขณะที่ชาวเผ่าเซเนกัล เชื่อว่า คนเราเมื่อตายแล้ว สามารถไปเกิดใหม่ได้ 4 ครั้งสำหรับผู้ชาย และ 3 ครั้งสำหรับผู้หญิง</TD></TR><TR><TD class=frontdetail>

    <HR>ที่มา ชีวิตหลังตาย โดยนพ.ประสาน ต่างใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=539 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    คนตายแล้ว
     
  3. sanya

    sanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,687
    ต้องเรียกว่า....สุดยอด
     

แชร์หน้านี้

Loading...