ขอเชิญบูรณะวัดที่เสียหายจากอุทกภัยลพบุรี

วัดสิงหล จังหวัดลพบุรีวัดนี้นะครับเป็นวัดร้างเก่าแก่ตอนนี้กำลังทำเรืื่องขึ้นทะเบียนเป็นวัด สมัยก่อนมีอดีตกำนันในตำบลทะเลชุบศร จังหวัดลพบุรีเป็นผู้ดูแลวัดมาโดยตลอดแต่เนื่องจากท่านเสียชีวิตไปเมื่อก่อนเกิดอุทกภัย เมื่อเกิดอุกภัยน้ำท่วมสูงสองเมตร เมื่อน้ำลดทำให้ไม่มีผู้ดูแลวัด มีเพียงลูกสาวของกำนันที่คอยดูแลอยู่ซึ่งเธอก็ได้เล่าให้ผมฟังว่าตอนนัำลดไม่มีผู้มาบูรณะวัดเลย วัดเสียหายสภาพน้ำเป็นใงปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ให้เห็น พระในวัดมีอยู่ประมาณ หกรูปจากการสอบถามท่านบอกว่าขัดยังใงก็ไม่ไหวไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร พระในวัดก็ไม่มีกิจนิมนต์เนื่องจากอยู่ในที่ลึกและทางเข้าวัดก็ขนาบข้างไปด้วยใหญ่ในจังหวัดลพบุรีสองวัด พระเลยไม่มีกิจนิมนต์อาศัยอยู่ด้วยการบิณทบาตร เงินดูแลวัดก็ไม่มีเจ้าอาวาสก็ป่วยหนักคนดูแลวัดมีเพียงลูกสาวกำนันซึ่งเธอก็เล่าให้ผมฟังว่าตอนนี้มีเงินอยู่เพียงเจ็ดหมื่นซึ่งญาตของพระองค์หนึ่งได้ให้ไว้เพื่อสร้างกุฎทดแทนกุฎิที่เสียหายเํธอบอกว่าแค่ค่าไฟก็เดือนละสองพันเข้าไปแล้วเงินแค่นี้จะสร้างได้หรือ ผมเลยอยากจะขอให้ผู้ที่มีจิตรศรัทธาที่ได้อ่านแล้วโปรดช่วยบริจาคเงินหรือถ้าใครกลัวว่าเงินจะไม่ถึงก็บริจาคเป็นสีกระป๋องมาทาวัดเพื่อบูรณวัััดหรือใครที่อยากช่วยด้านใดก็โืททรหาผมไดที่เบอร์โทรศัพท์นี้นะครับ
0843374677 ผมขอรับรองว่าผมไม่เคยจะหลอกหลวงเอาเงินพวกท่านประการใดผมอยากช่วยเหลือวัดจริงๆครับ
ผมถ่ายรูปมาให้ดูครับ
xs011.jpg [1,632x1,224px] - ฝากรูป
9h0y2.jpg [1,632x1,224px] - ฝากรูป
ufxo3.jpg [1,632x1,224px] - ฝากรูป
glmo4.jpg [1,224x1,632px] - ฝากรูป
tygl5.jpg [1,632x1,224px] - ฝากรูป
hvz76.jpg [1,224x1,632px] - ฝากรูป

 

ทางกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านไม่แจ้งให้ทางเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ดูแลเหรอคะ

 

ผมได้ติดต่อไปที่สำนักพุทธศาสนาก็ฌได้รับคำตอบว่าวัดยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดทำอะไรไม่ได้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต บอกจะมาช่วยเหลือเป็นปีก็ยังไม่ได้รับคำตอบ

 

ถ้ามีโอกาสจะแวะไปวัดนี้ค่ะ

 

ประวัติวัดสิงหล

​

แต่เดิมพื้นที่บริเวณวัดสิงหลเต็มไปด้วยป่ารก มีต้นตะโกและสะแกขึ้นเป็นจำนวนมาก จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษได้เล่าสืบทอดกันมาว่าเคยมีพระธุดงค์มาปักกดและมีพ่อโสดาผ่านมาพบแล้วเกิดศรัทธาจึงปรึกษากับนายพูน ปานพรหมมาศ ให้มาทำบุญเพราะบริเวณป่ารกร้าง มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ใต้ฐานพระเต็มไปด้วยอิฐศิลาแลง หลังคามุงด้วยสังกะสี ชาวบ้านบริเวณนั้นจึงเรียกนามท่านว่า หลวงพ่อใหญ่ ต่อมานายพูน ได้ให้ลูกชาย ชื่อนายเขียว ปานพรหมมาศให้ช่วยบูรณะทำเป็นศาลา ขณะขุดทำศาลาได้ค้นพบพระพุทธรูปหินทรายปรางค์นากปรก พระพุทธรูปองค์เล็ก โอ่งไหโบราณที่แตกหินศิลาแลง และ ของเก่าเป็นจำนวนมากได้กระจายอยู่เต็มบริเวณนั้น แต่ ณ ปัจจุบันของที่ถูกค้นพบได้กระจายไปตามที่ต่าง ๆ เหลือเพียงแต่ พระพุทธรูปหินทรายปรางค์นากปรกและหินศิลาแลง จากการขุดพบของโบราณและพระพุทธรูปจึงสันนิษฐานว่าเป็นวัดร้างมาแต่ก่อน นายเขียว ปานพรหมมาศ จึงได้ร่วมกับชาวบ้านบริเวณนั้น บูรณะบริเวณดังกล่าวเป็นวัดโดยใช้ชื่อว่าวัดสิงหล
ทางคณะกรรมการวัดสิงหลได้ขอให้สำนักงานศิลปากรจังหวัดลพบุรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรีดำเนินการตรวจสอบพบหลักฐานว่าบริเวณนี้เคยขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้างในทะเบียนของสำนักงานพระพุทธศาสนาและจากการตรวจสอบของสำนักงานศิลปากรสันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้น่าจะเคยเป็นวัดร้างในสมัยก่อนแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าในสมัยใด แต่ลักษณะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ( หลวงพ่อใหญ่ ) ฐานพระก่อสร้างด้วยอิฐศิลาแลงพร้อมด้วยใบเสมาโบราณนั้นน่าจะมีลักษณะเป็นโบสถ์ในสมัยเมื่อประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ ปีก่อนซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง และ พระพุทธรูปหินทรายปรางค์นาคปรกจากการสันนิษฐานแล้วมีอายุประมาณ ๗๐๐ – ๘๐๐ ปี
ในปี ๒๕๕๔ ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณวัดสิงหลวัดระดับน้ำได้ประมาณ ๔ เมตร ทำให้ศาลาการเปรียญ อุโอสถ ได้รับความเสียหายโดยที่กุฎิพระได้รับความเสียหายเนื่องจากปลูกสร้างมานานกว่า ๔๐ ปี จนพระได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ต้องไปพำนักอยู่ในวิหารแทน ทางคณะกรรมการวัดจึงได้จัดงานทอดกฐินเพื่อสร้างกุฎิหลังใหม่ตลอดจนบูรณะศาลาการเปรียญ พระอุโบสถและทัศนียภาพบริเวณวัดให้มีสภาพดังเดิมเพื่อให้ประชาชนที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้เข้ามาทำบุญ ณ วัดสิงหล
สุดท้ายนี้ทางคณะกรรมการวัดขอแสดงความขอบคุณผู้ที่มีจิตรศรัทธาได้ร่วมกันทำบุญขอบารมีของหลวงพ่อใหญ่จงประทานพรให้ผู้ที่มีจิตรศรัทธาประสบแต่ความสุข เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ สมความมุ่งหมายทุกประการเทอญ