ขอสอบถามผู้รู้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย นักท่องเวลา, 5 กันยายน 2020.

  1. นักท่องเวลา

    นักท่องเวลา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    หากกรณี ที่เราบวชเป็นพระ แล้วได้ปัจจัยมา เราควรจัดการมันยังไงให้ไม่มีบาปติดตัว
     
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ตระหนี่หวงแหนถึงจะเกิดอกุศล

    ที่นี้ศีลพระข้อ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ เรื่องเงินทอง
    ต้องมีความตระหนี่หวงแหนที่จะเอามาเป็นแต่ของตน
    มันถึงจะเป็นอกุศลเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์

    หากรับแล้วไม่เกิดความตระหนี่หวงแหนที่จะต้องเป็นแต่ของตนเท่านั้น
    ก็ไม่นับเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ หากรับปัจจัยมาแล้วเงินหายก็ไม่ซีเรียส
    มีคนในวัดเดือดร้อนต้องการปัจจัย อาจจะค่าเดินทางต้องไปสถานที่ต่างๆ
    หรือเจ็บป่วยต้องใช้เป็นค่าซื้อยาเฉพาะทางที่วัดไม่มีพอดี ก็ให้โดยไม่หวง
    ช่วยรักษาทรัพย์ที่ฆราวาสถวายมาเฉยๆ โดยไม่หวงสามารถพร้อมให้ตลอดเวลา

    จีวร บาตร เป็นสิ่งที่ถือครองเพื่อช้วยรักษา
    ช้วยใช้ให้เกิดประโยชน์และถือครองชั่วคราวแต่เพียงแค่นั้น

    สิ่งของต่างๆก็เป็นของพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว
    และศาสนาพุทธก็ไม่ได้มีสภาพเป็นของๆตน

    หากไม่ไว้วางใจตัวเองก็ให้เจ้าอาวาสหรือไวยาวัจกรเป็นผู้ถือครอง
    มีเหตุจำเป็นต้องใช้บลาๆๆ ก็ค่อยไปบอกกล่าวเอา จบ

     
  3. นักท่องเวลา

    นักท่องเวลา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบพระคุณครับ
     
  4. ก็ว่ากันไป...

    ก็ว่ากันไป... สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +11
    ถ้าจะยึดถือคำสอน ของพระพุทธเจ้า...ก็ตามนี้ พิจารณา เอา (บวช เพื่อ อะไร)

    พระวินัยบัญญัติข้อภิกษุ เกี่ยวกับเงินทอง ที่ภิกษุทุกรูปไม่ว่ารูปใดหรืออยู่วัดใด วัดในเมือง วัดชนบท ต้องประพฤติปฏิบัติตามเมื่อบวชเป็นบรรพชิต

    พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐

    พระบัญญัติ
    ๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

    ***เมื่อเราตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจถูกต้องตรงกัน คือ ตามพระธรรมวินัย ไม่ใช่ตามความคิดชอบใจของตนเองแล้ว สมกับเป็นชาวพุทธที่กล่าวว่ามีพระธรรมเป็นที่พึ่ง และ เคารพคำของพระพุทธเจ้า ก็จะสามารถกล่าวไปแต่ละประเด็นในความเข้าใจผิดและความเข้าใจถูกของพระรับเงินทอง***

    เข้าใจผิด

    ๑.พระรับเงินไม่อาบัติ(อาบัติ คือ การตกไป ตกไปจากความดี เป็นโทษ ที่เกิดเพราะความละเมิดพระวินัย)

    เข้าใจถูก

    ๑.พระรับเงิน หรือ แม้ยินดีในเงินที่เขาเก็บมาไว้เพื่อตนต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ เป็นโทษ พระพุทธเจ้าและบัณฑิตทั้งหลายผู้เข้าใจพระธรรม ย่อมติเตียน ส่วนฝ่ายภิกษุอลัชชี(ผู้ไม่ละอาย) และ คฤหัสถ์ผู้ไม่ได้ศึกษาพระธรรม หรือ เข้าใจพระธรรมผิด ย่อมไม่ติเตียนการรับเงินของพระภิกษุ

    คฤหัสถ์ไม่ควรถวายเงินพระและใบปวารณา แต่ ให้เงินกับไวยาวัจกรของวัดที่ดีมีคุณธรรม ดูแลเงินนั้น ไวยาวัจกร คือ คฤหัสถ์ผู้มีศรัทธา เสียสละเพื่อทำประโยชน์ต่อพระภิกษุตามพระธรรมวินัย และ ภิกษุมีเหตุจำเป็นตามธรรมวินัย จึงขอปัจจัยที่เหมาะสม ที่ไม่ใช่เงินทอง กับ ไวยาวัจกร เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมให้กับพระภิกษุนั้น โดยคฤหัสถ์ทำการซื้อมาให้ มี บาตร จีวร เป็นต้น

    เข้าใจผิด

    ๒.ยุคสมัยเปลี่ยนไป พระภิกษุรับเงินทองได้

    เข้าใจถูก

    ๒.สัจจะ ความจริงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเลย อกุศล ความชั่วเป็นอกุศลเป็นความชั่วไม่เปลี่ยนแปลง กุศล ความดีเป็นกุศลเป็นความดี ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ไม่ว่าเกิดกับใคร และ ช่วงเวลาไหน แม้ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

    เข้าใจผิด

    ๓.คฤหัสถ์ถวายเงินพระภิกษุได้บุญ

    เข้าใจถูก

    ๓.คฤหัสถ์ถวายเงินพระไม่ได้บุญ เพราะความไม่รู้และพระภิกษุต้องอาบัติเป็นโทษกับตัวท่าน

    ก็ว่ากันไป...


     
  5. นักท่องเวลา

    นักท่องเวลา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...