เสียงธรรม กฏแห่งกรรมของพระเวสสันดร

ในห้อง 'วัฏสงสารและกฎแห่งกรรม' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 11 กรกฎาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [​IMG]


    ในอดีดกาลนานมาแล้ว เมื่อพระนางผุสดีอัครมเหสีของพระอินทร์จะต้องไปจุติใหม่แล้วนั้น พระนางได้ขอพรวิเศษ ๑๐ ประการจากพระอินทร์ดังนี้
    ขอให้ได้เกิดในปราสาทราชวังเมืองมัทราช
    ขอให้มีดวงตาดำขลับดั่งนางเนื้อทราย
    ขอให้คิ้วโก่งดำเรียวงามดั่งสร้อยคอนกยูง
    ขอให้มีนามว่าผุสดี
    ขอให้มีโอรสยิ่งใหญ่กว่าพระยาทั้งหลายในชมพูทวีป
    ขอให้เมื่อทรงครรภ์ก็มีครรภ์ราบเรียบไม่นูนยื่นออกมา
    ขอให้ปทุมถันยังงามแม้มีโอรสแล้ว
    ขอให้เกศาดำขลับตลอดชีวิต
    ขอให้ผิวกายบริสุทธิ์ละเอียดอ่อน
    ขอให้ช่วยชีวิตผู้ที่ต้องพระราชอาญาได้
    พระอินทร์ได้พระราชทานพรทั้ง ๑๐ ให้ตามประสงค์ พระ-นางผุสดีจึงได้ไปจุติในราชวังมัทราช และอภิเษกกับพระเจ้าสัญชัยเมื่อมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา
    พระนางผุสดีทรงครรภ์และประสูติพระราชโอรสทรงพระนามว่า “พระเวสสันดร”
    พระราชโอรสของพระนางผุสดีกับพระเจ้าสัญชัยนั้นทรงมีบุญญาภินิหารอัศจรรย์นัก เมื่อประสูติแล้วก็ทรงเอ่ยถึงการทำทานในบัดดล
    พระราชาและพระมเหสีผุสดีจึงพากันทำบุญบริจาคทานให้แก่คนยากจนและสมณชีพราหมณ์ตามประสงค์ของพระเวสสันดร
    แม้ยังเพิ่งเจริญวัยได้ ๔-๕ ชันษา พระโอรสเวสสันดรก็ทรงโปรดการทำบุญบริจาคทานอย่างแรงกล้า ทรงเปลื้องเครื่องประดับอัน มีค่าประทานแก่พี่เลี้ยงนางนมถึง ๗ คราด้วยกัน
    เมื่อพระชนมายุครบ ๑๖ พรรษา พระเวสสันดรก็ได้เสด็จขึ้น ครองราชย์และอภิเษกกับพระนางมัทรี มีโอรส-ธิดาคู่หนึ่งคือชาลีและกัณหา
    พระเวสสันดรยังทรงยินดีในการให้ทานอยู่เป็นนิจ ทรงโปรดให้
    ตั้งโรงทานทั่วพระนครใน ๖ ทิศ นอกจากทรงถือศีลให้ทานแล้วยัง
    ทรงปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขอีกด้วย
    ทางฝ่ายเมืองกาลิงครัฐนั้น เกิดฝนแล้งจนราษฎรได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส บรรดาเสนาอำมาตย์จึงทูลพระราชาว่าถ้าได้ช้างเผือกปัจจัยนาเคนทร์ ซึ่งเป็นพญาคชสารคู่บารมีพระเวสสันดรมาให้พระราชาประทับเสด็จไปทั่วพระนครก็จะช่วยให้ฝนตกตามฤดูกาลได้
    เมื่อพราหมณ์ทั้ง ๘ มาถึงสีพีนคร และทูลขอช้างเผือกคู่บ้าน คู่เมือง พระเวสสันดรก็ทรงพระราชทานให้
    เมืองกาลิงครัฐเมื่อได้ช้างเผือกไปก็คลายความวิกฤตไปได้ เพราะฝนฟ้าตกตามฤดูกาล บ้านเมืองชุ่มชื้นรื่นรมย์ไม่ต้องผจญกับวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงอีก
    แต่ทางเมืองลพีกลับวิกฤต เพราะราษฎรและเสนาอำมาตย์จำนวนมากต่างก็ไม่พอใจที่พระเวสสันดรยกช้างคู่บัลลังก์ให้ผู้อื่นไปง่ายๆเช่นนั้น
    ในที่สุดพระเจ้าสัญชัยราชบิดาจึงจำต้องเนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครด้วยความโศกเศร้าพระทัยเป็นยิ่งนัก
    พระนางมัทรี พระมเหสีของพระเวสสันดรนั้นร่ำไห้ยืนยันที่จะนำ ๒ โอรส-ธิดาตามเสด็จเข้าป่าไปด้วยกันประสาพ่อแม่-ลูก ซึ่งก็ยังได้ทรงพระราชทานสัตสดกมหาทานคือการให้ทานอย่างละ ๑๐๐ ทั้งหมด ๗ อย่างก่อนจะเสด็จออกจากนครมุ่งสู่เขาวงกต
    ในระหว่างทางได้มีพราหม์มาขอม้า พระเวสสันดรก็ทรงพระราชทานให้โดยดี
    เทพยดาผู้อารักษ์ป่าเขาจึงนิรมิตกายเป็นละมั่งมาเทียมรถ
    ครั้นต่อมามีพราหมณ์อีกพวกหนึ่งมาทูลขอราชรถ พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ พระมเหสีมัทรีและชาลี-กัณหา ๒ โอรส-ธิดาองค์น้อยจึงต้องเดินป่าด้วยเท้าเพราะไร้ราชรถเป็นยานพาหนะดังเดิมอีก
    เมื่อถึงเขาวงกต พระเวสสันดรก็บวชเป็นดาบส พระนางมัทรีจึงอธิษฐานจิตขอบวชเป็นดาบสินีคอยปรนนิบัติรับใช้พระสวามีด้วยความจงรักภักดีอย่างลึกซึ้ง
    กล่าวถึงในเมืองกาลิงครัฐนั้น ยังมีวณิพกเฒ่าผู้หนึ่งนามว่า“ชูชก” ซึ่งได้นำเอาเงินจานวน ๑๐๐ กษาปณ์ไปฝากเพื่อนไว้
    ครั้นปีต่อมาชูชกกลับไปทวงขอเงินคืน ก็ปรากฏว่าเพื่อนผู้นั้นได้ใช้เงินของชูชกไปจนหมดสิ้นแล้ว เพื่อนจึงยก “นางอมิตดา” ลูก-สาวให้แก่ชูชกเป็นการทดแทน
    นางอมิตดาเป็นสาวสวย เมื่อต้องไปเป็นเมียชูชกก็ขยันทำงานบ้านและปรนนิบัติเอาใจชูชกสามีเฒ่าอย่างดีจนเมียของเพื่อนบ้านพากันอิจฉาริษยา
    เมื่อถูกค่อนขอดกระแนะกระแหนและกลั่นแกล้งราวีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นางอมิตดาก็ท้อแท้เหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะออกจากบ้านไปยังท่าน้ำเพื่ออาบน้ำ ซักผ้า และตักน้ำใส่หาบมายังเรือนอีกต่อไป
    ชูชกจึงเอาใจเมียสาวด้วยความลุ่มหลง ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อไปขอพระโอรส-ธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นบ่าวคอยรับใช้เมียของตนสืบต่อไป
    การเดินทางสู่เขาวงกตนั้นยากลำบากนัก เพราะเมื่อถามไถ่ผู้ใดก็จะถูกผู้คนขว้างปาด้วยก้อนอิฐบ้าง ถูกรุมทุบตีบ้าง เมื่อรู้ว่าวณิพกเฒ่าใจชั่วคิดจะไปขอพระโอรส-ธิดา ชาลี-กัณหาของพระเวสสันดร
    ครั้นพอเดินทางถึงหน้าด้านเข้าเขตเขาวงกต ชูชกก็พบเจตบุตรยืนกุมธนูหน้าตาดุดันประจำอยู่ที่ด่าน
    เจตบุตรผู้นี้เป็นคนของพระเจ้าเจตราชซึ่งได้เคยเสด็จออกมาต้อนรับพระเวสสันดรที่เดินทางแรมรอนผ่านมาในกาลก่อน
    พระเจ้าเจตราชเคยทูลขออัญเชิญให้พระเวสสันดรขึ้นครองเมืองเจตราชด้วย เพราะเลื่อมใสในคุณธรรมอันวิเศษของพระองค์
    แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธ พระเจ้าเจตราชจึงรับสั่งให้เจตบุตรเฝ้าด่านทางเข้าเขาวงกตไว้ เพื่อมิให้มีผู้ใดเข้าป่าไปรบกวนพระเวสสันดรได้
    ชูชกนั้นฉลาดเจ้าเล่ห์ เมื่อพบเจตบุตรก็แกล้งโป้ปดว่านำราชสาสน์มาจากสพีนครเพื่อทูลเชิญพระเวสสันดรเสด็จกลับพระนครเจตบุตรหลงเชื่อจึงเปิดทางให้แก่ชูชกพร้อมทั้งบอกทางสู่อาศรมของพระเวสสันดรแต่โดยดี
    ราตรีนั้นพระนางมัทรีทรงฝันร้าย ว่ามีบุรุษร่างใหญ่น่ากลัวถือดาบคมกริบเข้ามาแทงพระอุระของพระนางแล้วควักเอาหัวใจไป
    พระนางมัทรีกรีดร้องและร่ำไห้จนตกพระทัยตื่นขึ้นสัญชาตญาณของผู้เป็นแม่นั้นสัมผัสได้ถึงลาร้ายที่จะเกิดขึ้น
    พระเวสสันดรเมื่อทรงทราบก็ตระหนักได้ทันทีว่าจะมีผู้มาทูลขอพระโอรส-ธิดาในวันรุ่งขึ้น แต่ก็มิกล้าจะเอื้อนเอ่ยออกโอษฐ์บอก
    ความจริงแก่พระนางมัทรีซึ่งกำลังหวาดหวั่นขวัญเสียวันรุ่งขึ้น พระนางมัทรีจำต้องเข้าป่าไปหาเผือกมันตามปกติแม้ดวงพระทัยจะมีสังหรณ์ เข้ากอดจูบล่ำลาลูกน้อยทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็จำต้องออกจากอาศรมไปในที่สุด
    เมื่อชูชกเข้ามาทูลขอพระโอรส-ธิดาไปเป็นข้ารับใช้ให้แก่เมียของตนยังเมืองไกล พระเวสสันดรก็พระราชทานให้แต่โดยดี
    พระโอรสชาลี และพระธิดากัณหา พากันไปแอบอยู่ในสระบัว
    เมื่อชูชกตามไม่พบก็ด่าทอทั้งพระเวสสันดร และชาลี-กัณหา
    พระเวสสันดรจึงเสด็จไปที่ริมสระ ตรัสแสดงธรรมโอวาทต่อ๒ ลูกน้อย ชาลีจึงชวนกันหาขึ้นจากสระมากราบลาพระบิดาด้วยน้ำตาแล้วก็ติดตามชูชกไปอย่างโศกาอาดูรนัก
    ทางฝ่ายพระนางมัทรีก็ได้พบแต่เหตุวิปริตผิดแปลกอันเป็นลางร้ายอยู่ในป่า จิตใจนั้นระส่ำระสายมิสงบนิ่ง
    เมื่อจะออกจากป่ากลับอาศรมก็พบเสือ สิงห์ นอนขวางทางให้ต้องรั้งรอล่าช้าจนมืดค่ำจึงกลับมาถึงอาศรมได้
    พระนางมัทรีออกตามร้องเรียกหาพระโอรสธิดาพลางร่ำไห้จนสิ้นสติ ไป
    เมื่อฟื้นคืนสติแล้ว พระเวสสันดรก็จำต้องบอกตามความจริงว่าทรงพระราชทานพระโอรส-ธิดาเป็นทานแก่ชูชกเฒ่าไปแล้ว
    พระนางมัทรีแม้จะทรงโทมนัสประหนึ่งดวงพระทัยแหลกสลายแต่ก็ได้ทรงอนุโมทนาด้วยความยินดีต่อการบริจาคทานในที่สุด
    ข้างฝ่ายพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ให้บังเกิดร้อนอาสน์เมื่อเล็งทิพยเนตรส่องดูก็รู้ความเป็นไปทั้งสิ้น
    พระอินทร์จึงทรงจำแลงแปลงร่างเป็นพราหมณ์เฒ่าไปยังอาศรมพระเวสสันดรแล้วแกล้งทูลขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็ทรงพระราชทานให้แต่โดยดี
    พระอินทร์จึงทรงเฉลยแก่พระเวสสันดรว่าพระองค์เป็นใคร
    พระองค์ยกพระนางมัทรีให้แก่เราแล้ว เราขอฝากไว้ก่อน พระองค์จะยกพระนางให้ผู้ใดอีกก็ได้แล้ว”
    พระอินทร์ตรัสแล้วก็ให้พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ
    พระเวสสันดรได้ขอพรดังนี้
    ขอให้พระบิดาหายพิโรธ
    ขอให้มีปัญญาปลดปล่อยผู้ต้องถูกประหารได้
    ขอให้มีเมตตากรุณาแก่ชนทั่วหล้าและให้ชนทั้งปวงเป็นสุขอยู่ใต้บารมีตนสืบไป
    ขอให้มีน้ำใจมั่นคงในพระชายาเดียว
    ขอให้ได้สืบสันตติวงศ์รุ่งเรืองเลื่องลือไกล
    ขอให้มีเงิน-ทองและอาหารในการบริจาคทานตลอดไป
    ขอให้ทานที่ให้นั้นไม่มีวันหมดสิ้นไป
    ขอให้ได้ไปจุติบนสวรรค์เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว
    ฝ่ายชูชกเฒ่านั้น เมื่อนำตัวพระกัณหา-ชาลีไปแล้วก็เอาเชือกมัดล่ามจูงไปเพื่อกันมิให้วิ่งหนี
    ตลอดทางชูชกคอยแต่จะโบยตีพระกัณหา-ชาลี พร้อมทั้งดุด่าเอ็ดตะโรจนพระโอรส-ธิดาหวาดผวาร่ำไห้เป็นที่น่าเวทนานัก
    ยามค่ำคืนชูชกก็ปล่อยให้เด็กน้อยนอนหลับอยู่ใต้โคนต้นไม้ในขณะที่ตนขึ้นไปผูกเปลนอนบนต้นไม้เพื่อให้พ้นอันตรายจากสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ
    เทพยดาต้องพากันมาคอยดูแลรักษา พระกัณหา-ชาลีมิให้เสียขวัญไปมากกว่านั้น และได้สำแดงฤทธาทำให้ชูชกเดินทางผิด แทนที่จะกลับกาลิงครัฐก็ให้มุ่งเข้าสู่นครสีพีในที่สุด
    ราตรีนั้นพระเจ้าสัญชัยทรงสุบินว่ามีผู้นำดอกบัวมาถวาย ๒ดอก โหรหลวงจึงทำนายว่าจะได้พบพระญาติพระวงศ์
    วันรุ่งขึ้นมีผู้มาทูลว่า วณิพกเฒ่าผู้หนึ่งจูงเด็กชาย-หญิง ๒ คนเข้ามาในเมือง พร้อมคุยอวดว่าพระเวสสันดรพระราชทานให้พระเจ้าสัญชัยจึงทรงให้นำชูชกเข้าวังโดยด่วน เมื่อสอบถามความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดแล้ว พระเจ้าสัญชัยก็ให้ตื่นเต้นดีพระทัยนักที่ได้พบพระนัดดาอีกครั้ง
    พระองค์ทรงเรียกหลานปู่ทั้งสองเข้าไปกอดจูบด้วยสะเทือนพระทัยที่หลานตัวน้อยๆ ต้องประสบความระกำลำบากพระเจ้าสัญชัยทรงขอไถ่ตัวพระนัดดาด้วยทรัพย์อันมีค่ามากมาย และยังได้จัดอาหารคาว-หวานอย่างดีให้แก่ชูชกเป็นการตอบแทนอีกด้วย
    ชูชกเฒ่าใจชั่วเพลินกับอาหารชาววังอย่างตะกละตะกลาม แม้อิ่มแล้วก็ยังไม่ยอมหยุดกิน
    จนกระทั่งในที่สุด ชูชกก็ท้องแตกสิ้นใจตายทันทีฝ่ายพระนางผุสดีเมื่อได้หลานรักพระกัณหา-ชาลีกลับคืนมาก็กราบทูลให้พระเจ้าสัญชัยทรงอภัยโทษแก่พระเวสสันดรโอรสด้วย
    พระเจ้าสัญชัยจึงทรงให้จัดพิธีเฉลิมฉลองรับขวัญพระกัณหา-ชาลี แล้วให้จัดแต่งขบวนช้าง-ม้า ออกจากนครไปรับพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับคืนเวียงวังดังเดิม
    พระเจ้าสัญชัยและพระนางผุสดีเมื่อได้พบพระเวสสันดรก็ปิติยินดีเป็นยิ่งนัก พระนางมัทรีเมื่อได้พบหน้า ๒ ลูกน้อยก็ตรงเข้ากอดจูบพลางร่ำไห้ด้วยโสมนัส
    ทั้ง ๖ ต่างร่ำไห้ยินดีจนสิ้นสติกันไปในที่สุด
    พระอินทร์จึงทรงบันดาลให้ฝนทิพย์ตกโปรยปรายลงมาให้ความชุ่มชื่นแต่ไม่เปียกปอนแก่ผู้คนทั้งปวงในที่นั้น
    พระเวสสันดรจึงลาจากเพศดาบส กลับสู่พระนครไปครองแผ่นดินให้ร่มเย็นเป็นสุขสืบต่อไป พร้อมทั้งยังทรงบริจาคทานไปจนสิ้นพระชนมายุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...