มาทักทาย เน้อ น้องสาว... ไม่รู้ ไม่เห็น สักแต่ ว่า อุเบกขา... กายเราไม่ใช่ เรา เราไม่มีในกาย .. ปล่อยวาง อุเบกขา นำพา ดวงจิต สู่ ความว่างเปล่า...
[IMG] มีสิ่งหนึ่ง ที่ถูกทิ้ง ให้ผ่านเลย ดั่งเคย มิได้ตรึก นึกรักษา นั่นคือลม หายใจ ที่ผ่านมา ถูกปล่อยไป ดั่งไร้ค่า เวลาเพลิน อันชีวิต ลิขิตไว้ ให้สั้นนัก หากรู้จัก ว่าใกล้ตาย ไม่นานเนิ่น ลมหายใจ ที่ทิ้งไว้ อย่าได้เมิน เร่งสรรเสริญ มีปัญญา พาพ้นกัน
ทำกำลังใจว่าเราจะปล่อยวางจากร่างกายนี้ ขณะที่เราทำความดีอยู่นี้ ศีลห้าของเราบริสุทธ์ จิตเราเป็นสมาธิ ไม่ว่าพระพุทธองค์ท่านจะอยู่ณ ที่ใดก็ตาม เราจะใช้กายทิพย์ของเราไปกราบพระองค์บนพระนิพพานด้วยเทอญ" จิตสัมผัสรัศมีแห่งความเมตตาของท่านให้มากที่สุด ใช้ใจสัมผัส อารมณ์ในการปฏิบัติมีขึ้นมีลงขึ้นกับ - ความตั้งมั่นของจิต - สติความระลึกรู้ (ทันในอารมณ์ที่เข้ามาสัมผัส) - ความรุนแรงของอารมณ์ที่มากระทบ - สภาพแวดล้อม - กรรมที่ส่งผลขณะนั้น - เจ้ากรรมนายเวรบ้างมารบ้าง มาดลใจ ส่วนอารมณ์ใจของนักปฏิบัติ(ในด้านความนิ่งนั้น)ต้องการอารมณ์ใจ ที่เป็น อุเบกขา มีสติตั้งมั่น รู้เท่าทันอารมณ์(ของกิเลสที่มากระทบ) เป็นอารมณ์ที่สเตเบิ้ลหากเป็นกราฟก็เป็นกราฟเส้นตรงในแนวราบเรียบ... ;aa34 http://www.watthummuangna.com/player/
การถวายขันธ์ 5 " มอบกายถวายชีวิต " การถวายขันธ์5 แด่ องค์พระบรมธรรมบิดา พระพุทธเจ้า = จิตใจเต็มกำลังอยู่กับ ธรรมะพระอริยะเจ้า + เผยแพร่ธรรมะจากพระนิพพาน + มุ่งตรงสู่พระนิพพานเต็ม 100 % บุญบารมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว + เข้าถึงธรรมะของพระอริยะเจ้าได้อย่างรวดเร็ว + บารมีระดับชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย กำลังสูงด้วยบุญฤทธิ์จากพระนิพพาน + จิตใจแจ่มใสด้วยธรรมะแห่งอริยะ กลายเป็นยอดกัลญาณมิตรให้กับญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมวัฏฏะสังสาร ด้วยอาศัยคุณธรรมที่หลั่งไหลออกมาจากจิตใจ [IMG] แสงทิพย์ฯ คือ ศูนย์ถ่ายทอดแสงทิพย์ 24 ชั่วโมง รับและถ่ายทอดแสงทิพย์ทั้งวันทั้งคืน โดยการ ตั้งจิตอธิฐาน ขอถวายขันธ์5 กาย-ใจ ของเรา ต่อพระบรมธรรมบิดา พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ให้ท่านใช้ร่างกายขันธ์ 5 ของเราเป็นสื่อกลาง ช่วยเหลือมวลมนุษย์สัตว์ สรรพวิญญาณทั้งหลายทั้งสามโลก 24 ชั่วโมง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าเราจะทิ้งสังขารเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้เลย ;8 ผู้ที่จะถวายขันธ์ 5 นี้ ควรต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้.- 1.ถือศีล 5 ตลอดชีวิต มีศีลห้าครบ + เครพรพระรัตนตรัย + เป็นสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติรับแสงทิพย์ แผ่เมตตาไปสามโลกทุกวัน 2.รับแสงทิพย์แล้ว ถ่ายทอดสอนแนะนำผู้อื่นได้ ยิ่งถ้ามีความรู้พิเศษด้าน มหาสติปัฏฐาน 4(เพ่งลิ้นปี่) หรือพ่วงแบตเตอรี่ + รับพระ 7 พระองค์แล้วด้วย ถือว่าสมบูรณ์แบบ สามารถทำงานเป็นสถานีรับและถ่ายทอดแสงทิพย์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง เมิ่อได้ถวายชันธ์ 5 ต่อพระบรมธรรมบิดา พระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว 3.ถามว่าจะถวายขันธ์ 5 ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ต้องถวายดอกไม้ธูปเทียน ต้องทำในห้องพระหรือไม่ อย่างไร? ตอบได้ว่า ไม่จำเป็น ทำที่ไหน เมื่อไรก็ได้ แค่ตั้งจิตอธิษฐานดังกล่าวด้วยจิตมั่นคงแน่วแน่ ก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ในทันที หลังจากนั้น คุณก็จะได้บุญกุศลมหาศาลทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว ท่านจะไปนิพพานชาตินี้นั้น ไม่ยากเลย ขณะนี้ แสงทิพย์ขึ้นสถานีถ่ายทอดแทบทุกวันๆวันละหลายๆสถานี ต่อไป สถานีถ่ายทอดแสงทิพย์จะเต็มบ้านเต็มเมืองไทยไปหมด แสงทิพย์อริยธรรมนี่แหละจะเปลี่ยนสีชองเมืองไทยและโลกได้แน่นอน ในอนาคตที่ไม่นานเกินรอ...
พี่ขอน้อมนำเอาพวงมาลัยแก้วนี้ถวายเป็นเครื่องบูชาต่อองค์พระรัตนตรัย... โดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นองค์ประธาน... และขอตั้งจิตอาราธนาบารมีพระท่าน... ขอช่วยสงเคราะห์น้อมนำดวงจิตของเจนให้เป็นสัมมาทิฐิ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาปฏิบัติ... รู้จักการควรและไม่ควร, มีปัญญาเฉียบแหลม, มีความเจริญทั้งทางโลกทางธรรม... สามารถผ่านพ้นอุปสรรคนานาประการได้อย่างที่ใจหวัง... มีดวงตาเห็นธรรม... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรม... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยด้วยเทอญ
(good)ที่มาของคำบูชาพระบรมศาสดา (นะโม ตัสสะฯ) มีเรื่องเล่าว่า ณ แดนหิมวันต์ประเทศ มีเทือกเขาชื่อว่า สาตาคิรี เป็นที่ร่มรื่น รมณียสถาน เป็นที่อยู่ของพวกยักษ์ที่เป็นภุมเทพยดา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรียักษ์ มีหน้าที่เฝ้าทางเข้าหิมวันต์ ทางทิศเหนือ เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ สาตาคิรียักษ์ได้มีโอกาสสดับ พระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคำยกย่องบูชาด้วยคำว่า "นะโม" หมายถึง พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นใหญ่กว่า มนุษย์ เทพยดา พราหมณ์ มาร ยักษ์ และสัตว์ทั้งปวง กล่าวฝ่ายอสุรินทราหู เมื่อได้สดับพระเกียรติศัพท์ ของพระบรมศาสดา ก็มีจิตปรารถนาที่จะได้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาบ้าง แต่ด้วยกายของตนใหญ่โตเท่ากับโลก จึงคิดดูแคลน พระบรมศาสดาว่า มีพระวรกายเล็กดังมด จึงอดใจรั้งรออยู่ พอนานวันเข้า พระเกียรติคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ยิ่งขจรขจายไปทั้งสามโลกจนทำให้อสุรินทราหูอดทนรออยู่มิได้ จึงเหาะมาในอากาศ ตั้งใจว่าจะร่ายเวทย่อกาย เพื่อเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอฟังธรรม แต่พอมาถึงที่ประทับ อสุรินทราหู กลับต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า เพื่อจะได้ทัศนาพระพักตร์พระบรมศาสดาพระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงพระสัทธรรม ชำระจิตอันหยาบกระด้าง ของอสุรินทราหู ให้มีความเลื่อมใสศรัทธาแสดงตนเป็นอุบาสกผู้ถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แล้วกล่าวสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า "ตัสสะ" แปลว่า ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ เมื่อครั้งที่ท้าวจาตุมหาราช ทั้ง ๔ ผู้ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นแรก มีชื่อเรียกว่า ชั้น กามาวจร มีหน้าที่ปกครองดูแลประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ พร้อมบริวาร ได้พากันเข้ามาเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหา พระบรมศาสดา ทรงแสดงธรรมตอบปัญหา แก่มหาราชทั้งสี่พร้อมบริวาร จนยังให้เกิดธรรมจักษุแก่มหาราชทั้งสี่ และบริวาร ท่านทั้ง ๔ นั้น จึงเปล่งคำบูชาสาธุขึ้นว่า "ภะคะวะโต" แปลว่า พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้จำแนกธรรมอันยิ่ง อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า อะระหะโต เป็นคำกล่าวสรรเสริญ ของท้าวสักกะเทวราช เจ้าสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ท่านสถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกะเทวราช ได้ทูลถามปัญหา แด่พระผู้มีพระภาคพระพุทธองค์ทรงตรัสปริยายธรรม และ ทรงตอบปัญหา จนทำให้ท้าวสักกะเทวราช ได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาปัตติผล จึงเปล่งอุทานคำบูชาขึ้นว่า "อะระหะโต" แปลเป็นใจความว่า อรหันต์ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ไกลจากเครื่องข้องทั้งปวง สัมมาสัมพุทธัสสะ เป็นคำกล่าวยกย่องสรรเสริญ ของท้าวมหาพรหม หลังจากได้ฟังธรรม จนบังเกิดธรรมจักษุ จึงเปล่งคำสาธุการ "สัมมาสัมพุทธัสสะ" หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยพระองค์เอง ทรงรู้ดี รู้จริง รู้ยิ่ง กว่าผู้รู้อื่นใด รวมเป็นบทเดียวว่า "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" แปลโดยรวมว่า ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น