ร่วมทำบุญบูชา นัยน์ตาพระธรณีเจาะจำเพาะมหาถอดแสนมนต์(องค์ปฐมเปลื้องผ้ากาสา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. runkey

    runkey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,114
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ได้รับพระรูปหล่อสมเด็จครูรัศมีพรหมแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    มีแต่คนชมว่ารุ่นที่แจกไปน่ารักดีกำลังห้อยคอไม่หนัก ยังไงวันนี้ผมขอพักตาวันนึงนะ เดี๋ยวมาติดตามกันต่อ:cool:
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    วัตถุมงคลที่เช่ามาพี่บูชาแล้วก็มีช่วงแรก ๆ ที่ใส่บูชาจะรู้สึกเหมือนครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยเหมือนจะเป็นไข้ แต่พอ 3-4 วัน ก็หายไปเอง คงเป็นเรื่องของการปรับธาตุขันธ์ สำหรับพญางั่ง คล้ายที่คุณกรเคยบอกว่าผิวพรรณดูสว่าง รอยแผลเรียบจากลงจริง ๆ

    ก้อปมาให้อ่าน พญางั่งปรับธาตุขันธ์ กินเคราะห์กรรมดี บางทีก็ต้องใช้เวลานะเพราะเราสะสมอะไรไว้ในตัวเองบ้างก็ไม่รู้ คงเป็นไปไม่ได้ว่าจะห้อยวันเดียวแล้วสดใสเลย แต่พญางั่งรุ่นนี้ดีจริงๆ เมื่อคืนอาราธนาก็ได้เรื่องไม่ได้หลับได้นอนกัน แต่ผมถ้าไม่ได้นอนหน้ามันจะโทรมไง แบบมีสิวผื่นเล็กๆขึ้นกระจายเลย เป็นแบบนี้ทุกที วันนี้ก็เลยเพลียร์ส่งของสาย ค้างคำถามอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยตอบ ขอพักก่อน ส่วนพญางั่งเอาไปใช้ เซ่นไข่บ่อยๆจูนกันให้ติด ไม่ใช่เอาไปใช้เรื่องเสน่ห์อย่างเดียว หากินก็เก่งนะ ท้ายที่สุดมันก็อยู่ที่ตัวเราใจเราว่าต้องการอะไร เครื่องมงคลของท่านครอบจักรวาลอยู่แล้ว:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2015
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    กำไร

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้านะครับ มาต่อกันด้วยคำสอนวันละเล็กวันละน้อย

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าโลก คำๆนี้ทำให้เราคิดไปถึงอะไรได้หลายอย่าง ซึ่งแท้จริงแล้วโลกนี้เป็นของกลางอยู่ในตัวของมันเอง เมื่อสัตว์ทั้งหลายดำรงค์อยู่ในโลก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เดินไปตามวัฏจักรของมัน เราจะอยู่กับมันอย่างไร อยู่กับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร

    เราต้องเข้าใจก่อนว่าโลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ มันคือสิ่งธรรมดาของโลก ตามคำพระท่านสอนก็คือมีเกิดก็ย่อมมีดับ ไม่มีสิ่งใดจะจีรังยั่งยืน นี่เห็นมั๊ยมองกันให้ออก เมื่อเธอรู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่คงที่ เธอจะอยู่อย่างไร การอยู่นี้ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ

    สัตว์โลกที่ได้ชื่อว่าอาศัยอยู่ในโลกนั้น มีทั้งหมด 3 ประเภท ไม่ว่าจะสัตว์ใดๆก็มีอยู่สามประเภทจริงๆ นั่นคือ
    - อยู่อย่างมีกำไร
    - อยู่แล้วเท่าทุน
    - อยู่ไปก็ขาดทุน

    เห็นรึเปล่า นี่เราไม่ได้พูดถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์นะ เราพูดถึงองค์รวมของการดำเนินชีวิต เมื่อเรารู้เท่าทันโลก ใจเราอยู่กับสติ แบบนี้จะทำอะไรก็มีแต่กำไร สตินี่เป็นตัวกำหนดทุนรอนของชีวิตนะเธอทั้งหลายพึงจำเอาไว้ ถ้ามาๆหายๆก็เท่าทุน แต่ถ้าไม่มีเลยอันนี้แหละทั้งจมทุนและขาดทุน

    สติก็คือความระลึกได้ หลายคนบอกเราว่าจะระลึกอะไรนักหนาให้ยุ่งยากซับซ้อน ก็ลืมตาหายใจกันอยู่ทุกวัน ผมก็รู้ตัวผมตลอด ก็ใช่ แต่สติมันช่วยให้เธอไม่ลืมตัว มันใช้กำกับคุณธรรมในใจของเธอ

    การใช้ชีวิตอยู่ให้มีกำไรชีวิตนั้น มันไม่ใช่เพียงต้องมีสติ เธอเอาสติประคองไว้การจะทำอะไรให้สำเร็จลุล่วงนั้น ต้องกอปรไปด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างมาก อันนี้ทั้งทางโลกและทางธรรมเลยนะ การทำงานทางโลกให้สำเร็จก็ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ทางธรรมก็เช่นกัน ใช้เหมือนกัน ทางโลกนั้นอาจจะแลกมาด้วยความเพียร แต่ทางธรรมนั้นบางทีก็จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลก

    เราถึงบอกทุกคนอยู่เสมอว่า ตื่นมาในตอนเช้า สิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนอย่างอื่นเลย นั่นคือเอาความเกียจคร้าน ความท้อแท้ทั้งหลายฝากไว้กับที่นอนเราก่อน เราต้องพึงตั้งสติก่อนในตอนเช้าทุกวัน และวันนั้นเราต้องกระทำกิจวัตรประจำวันของเราด้วยสติ ทำได้เช่นนี้ได้ชื่อว่าชีวิตเธอผ่านไปในแต่ละวันนั้นมีกำไรแน่นอน

    การจะต่อสู้กับกิเลสหรือกองทุกข์นั้น ตัวของตนเองต้องห้าวหาญมีความเด็ดขาด เพราะเมื่อเราเกิดมาในโลก เกิดมาอยู่บนความเปลี่ยนแปลง กระแสที่หมุนวนซ้ำไปซ้ำมาเหล่านี้ เธอรู้หรือไม่ว่าเธอเกิดมามิใช่เพื่อเสวยสุข ทุกคนเกิดมา แรกเริ่มลืมตานั้น ชีวิตน้อยๆก็ได้เข้าสู่ไฟสงครามไปหมดสิ้นแล้ว สงครามนี้เป็นสงครามเย็นมองไม่เห็นตัวผู้ใด ข้าศึกศัตรูที่มุ่งจะทำร้ายเราทั้งหลายนั้นก็คือกาม คือกิเลสเพลิงทุกข์ นี่คือสงครามที่ยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ในความเป็นธรรมดาของโลก จะอยู่ที่ใดก็มีทุกหนทุกแห่ง เกิดขึ้นกับทุกคนทุกหมู่สัตว์ทุกฐานะไม่ว่างเว้น

    สงครามนี้เราเล่นกับใจ และความรู้สึกของตัวเราเอง แม้พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายก็ล้วนมีไว้เพื่อขัดเกลาจิตใจทั้งสิ้น แล้วทีนี้หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ถ้าเช่นนั้นเพียงสติคุมไว้ก็ไม่น่าจะพอ เพราะคนบางกลุ่มบางพวกนั้นกำลังใจไม่สูง ความเห็นผิดชอบชั่วดีก็ต่างกัน จะเอาสติไปคุมสิ่งใดได้ถ้าความเข้าใจของตนนั้นยังตั้งอยู่ในอกุศลเป็นไปเพื่อความมัวหมอง

    นี่เราจะสอนวิธีง่ายๆให้พวกเธอมีกำไรชีวิตกันนะ ใครก็ทำได้ ทำตามนี้แล้วได้ชื่อว่าเกิดมาชาติหนึ่ง เอาว่าเธอไม่เสียชาติเกิดก็แล้วกัน แถมชาติหน้าเธอจะได้ดีกว่านี้อีกมากโขด้วย เอาล่ะ เธอทั้งหลายพึงรู้กันแล้วนะว่ากามกิเลศนี้เป็นข้าศึก เป็นธรรมดาของโลก การจะออกจากกามกิเลสนี้ เราก็ออกได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

    เพียงเจ้ารักษาศีลเอาไว้อย่าให้พร่องให้ขาด หมั่นภาวนาพิจารณาขันธ์ 5 ธาตุ 4 อยู่เป็นนิจ จนเกิดเป็นสมาธิแล้ว สติมันก็จะวิ่งเข้าไปทำให้ใจเธอบริสุทธิ์ สติที่มากับสมาธินี่แหละมันใช้แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ นี่เราให้ใช้สติตอนใจบริสุทธิ์มีกำลังใจเต็มเปี่ยมนะ

    ก็หลายคนอาจจะแย้งว่าทำไมล่ะ ทำไมต้องภาวนาให้เกิดสมาธิก่อน ค่อยประคองสติขึ้นมาพิจารณา ก็เพราะแต่เดิมนั้นวงจรชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ประกอบอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง ทุกสิ่งในชีวิตเรา มองออกไปนี่มันตั้งอยู่กับเรื่องสมมติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ การที่ให้ภาวนาเพื่อให้ใจเกิดสมาธิมันคือการเข้าไปแก้ที่จิตใจ เราจะไปแก้ตอนใจเต็มไปด้วยกิเลสไม่ได้ ต้องละต้องวางต้องคลายมันเสียก่อน ถ้ายังถือไว้แล้วไปแก้มัน มันก็จะยุ่งเหยิง ยิ่งมีทุกข์เพิ่มเข้าไปอีก ว่าทำไมเราทำไม่ได้

    ธรรมที่แท้นั้นอยู่ที่ใจ รากของใจนั้นอย่าไปยึดติดกับสิ่งสมมติอันเป็นธรรมดาของวัฏฏสงสารทั้งหลาย ยึดไว้เพียงปัจจุบัน รู้ทัน นำออก วางให้ได้ ทีนี้เราก็จะตัดกามกิเลสออกไปได้ เพียงเท่านี้เราก็ทรงอารมณ์เอาไว้ให้มั่น หมั่นรักษาศีลเจริญภาวนาให้เกิดสมาธิเช่นนี้เสมอ ถ้าทำได้ตามนี้กามกิเลสนั้น ย่อมไม่ใช่ศัตรูและอุปสรรคของเราอีกต่อไป เพราะเราตั้งมั่นอยู่ในสติ ไม่ว่าสิ่งใดจะกระทบเข้ามา จะเป็นความรู้สึก รูป รส กลิ่น เสียง ต่างๆ ไม่ว่าสิ่งธรรมดาโลกอันใดจะกระทบเราเข้ามา เรารู้ทัน เรานำออกได้ เราวางได้ เราไม่เสพย์ ไม่ไปรับ ไม่ต้องการ เพียงเท่านี้มันก็มากวนใจเราไม่ได้

    นี่เป็นบทเรียนของโลก เป็นกฏของวัฏฏสงสาร จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีกำไร จะย่อยยับหรือรุ่งโรจน์ ก็อยู่ที่ปัญญาของใครจะพิจารณาและลงมือกระทำ แนวทางนั้นเราวางไว้ให้ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านวางไว้ให้ พระพุทธองค์ท่านวางเอาไว้ให้ดีแล้ว ดุจผลไม้ที่สุกงอม ผู้ใดจะปรารถนาปลิดผลออกมาเสพย์ก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่ชนผู้นั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2015
  5. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    สาธุ จะพยายามฆ่ากิเลสให้หมด ทำได้กำไรครับ
    อริยมรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย..........

    ๑. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ
    ๒. สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ
    ๓. สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ
    ๔. สัมมากัมมันตะ คือ ทำการงานชอบ
    ๕. สัมมาอาชีวะ คือ เลี้ยงชีพชอบ
    ๖. สัมมาวายามะ คือ มีความเพียรชอบ
    ๗. สัมมาสติ คือ ระลึกชอบ
    ๘. สัมมาสมาธิ คือ ตั้งใจชอบ

    ความหมายของอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่

    ๑. สัมมาทิฏฐิ คือ มีปัญญาอันเห็นชอบ ได้แก่ เห็นในอริยสัจ ๔
    ๒. สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ ได้แก่
    - ดำริที่จะออกจากกาม เนกขัมมะหรือการออกบวช รักษาศีล
    - ดำริในการไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น
    - ดำริในการไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    ๓. สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ ได้แก่ เว้นจากวจีทุจริต ๔ คือ ไม่ประพฤติชั่วทางวาจา ได้แก่
    - มุสาวาทา ไม่พูดเท็จ
    - ปิสุณายวาจาย ไม่พูดส่อเสียด ยุยงให้เขาแตกร้าวกัน
    - ผรุสายวาจาย ไม่พูดคำหยาบคาย
    - สัมผัปปลาปา ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ
    ๔. สัมมากัมมันตะ คือ ทำการงานชอบ โดยประกอบการงานที่ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม และเว้นจากกายทุจริต ๓ ได้แก่
    - ปาณาติบาต เว้นจากการเบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    - อทินนาทาน เว้นจากการลักขโมย และฉ้อฉลคดโกงแกล้งทำลายผู้อื่น
    - กาเมสุมิจฉาจาร เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
    ๕. สัมมาอาชีวะ คือ เลี้ยงชีวิตชอบ ได้แก่ เว้นจากการเลี้ยงชีพในทางที่ผิด ประกอบสัมมาอาชีพ คือ
    - เว้นจากการค้าขายเครื่องประหารมนุษย์และสัตว์
    - เว้นจากการค้าขายมนุษย์ไปเป็นทาส
    - เว้นจากการค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร
    - เว้นจากการค้าขายน้ำเมา
    - เว้นจากการค้าขายยาพิษ
    ๖. สัมมาวายามะ คือ มีความเพียรชอบ ๔ ประการ ได้แก่
    - เพียรระวังมิให้บาปหรือความชั่วเกิดขึ้น
    - เพียรละบาปหรือความชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว
    - เพียรทำกุศลหรือความดีให้เกิดขึ้น
    - เพียรรักษากุศลหรือความดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คงอยู่
    ๗. สัมมาสติ คือ ระลึกชอบ ได้แก่ การระลึกวิปัฏฐาน การระลึกในกาย เวทนา จิต และธรรม ๔ ประการคือ
    - พิจารณากาย ระลึกได้เมื่อรู้สึกสบายหรือไม่สบายพิจารณาลมหายใจเข้าออก
    - พิจารณาเวทนา ระลึกได้เมื่อรู้สึกสุขหรือทุกข์ หรือเฉย ๆ มีราคะ โทสะ โมหะ หรือไม่
    - พิจารณาจิต ระลึกได้ว่าจิตกำลังเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว รู้เท่าทันความนึกคิด
    - พิจารณาธรรมให้เกิดปัญญา ระลึกได้ว่าอารมณ์อะไรกำลังผ่านเข้ามาในใจ
    ๘. สัมมาสมาธิ คือ ตั้งใจชอบ ทำจิตให้สงบ ระงับจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ให้มีอารมณ์แน่วแน่เป็นอันเดียว เพื่อให้จิตจดจ่อไม่ฟุ้งซ่าน หาอารมณ์อันไม่มีโทษให้จิตมีที่ยึด จะได้ไม่พร่าไปหลายทางได้แก่ การเจริญฌานทั้ง ๔ คือ
    - ปฐมฌาน ฌานที่ ๑
    - ทุติยฌาน ฌานที่ ๒
    - ตติยฌาน ฌานที่ ๓
    - จตุตถฌาน ฌานที่ ๔
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ คือ เห็นชอบ ดำริชอบ สงเคราะห์เข้าในปัญญาสิกขา
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ คือ เจรจาชอบ ทำการงานชอบ การเลี้ยงชีพชอบ สงเคราะห์เข้าในศีลสิกขา
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คือความเพียรชอบ ตั้งสติระลึกชอบ ตั้งจิตใจมั่นสงเคราะห์เข้าในจิตตสิกขา หรือกลุ่ม สมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2015
  6. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    สัมมาทิฏฐิ 10 ครับ
    1) ทานที่ให้แล้วมีผล (อตฺถิ ทินฺน)

    2) การสงเคราะห์ที่ทำแล้วมีผล
    (อตฺถิ ยิฏ)

    3) การเซ่นสรวงมีผล (อตฺถิ หุต)

    4) ผลคือวิบากของกรรมที่ทำดีและทำ
    ชั่วมี (อตฺถิสุกตทุกฺกฏาน กมฺมาน ผล
    วิปาโก)

    5) โลกนี้มี (อตฺถิ อย โลโก)

    6) โลกหน้ามี (อตฺถิ ปโร โลโก)

    7) มารดามี (อตฺถิ มาตา)

    8) บิดามี (อตฺถิ ปิตา)

    9) สัตว์ผุดขึ้นเกิดมี
    (อตฺถิ ตฺตา โอปปาติกา)

    10) ในโลกนี้มี มณพราหมณ์
    ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ
    ชนิดที่ทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่งเอง
    แล้วประกาศ โลกนี้ และโลกหน้า
    (อตฺถิ โลเก มณพฺราหฺมณา
    มฺมคฺค ตา มฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ
    โลก ปรฺจ โลก ย
    อภิฺา จฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ)
     
  7. mm1150

    mm1150 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +249
    ได้รับพระแล้วนะครับ องค์จริงสวยมาก
     
  8. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    ได้รับพญางั่งนั่งแพะแล้วครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ก็อธิบายโดยรวมนะครับ

    เห็นถามกันมาหลายท่านว่าผงสีแดงที่พ่ออาจารย์ท่านเจิมไว้ที่พญางั่งหลุด ถามว่าเป็นไรมั๊ย ก็คือว่าหลังจากเราเซ่นไข่ เราล้าง อะไรพวกนี้ รอยเจิมอะไรเหล่านั้นก็จะหลุดจะหายไปอยู่แล้วไม่ใช่ปัญหาอะไรครับ เป็นปกตินะ หมั่นเซ่นบ่อยๆแล้วกัน พญางั่งต้องการการใช้งานจริง ไม่ต้องดูแลรักษาหรือทนุถนอมมาก ใช้แบบลุยๆไปเลย:cool:
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    เห็นมีถามกันเข้ามาเรื่องกุมารทองบ่อย ก็แจ้งไว้ล่วงหน้าว่ามีแจกอยู่นะ เอาไว้ติดตามช่วงต้นปีหน้า เพราะผมยังหาโอกาสแจกไม่ได้
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    คาถาวันละนิด

    อะนะภะจิตติ จุตติ มะนุตะอะ

    พระคาถานี้พ่ออาจารย์ท่านให้ลงไว้เป็นวิทยาทาน ใช้สำหรับเสกของกินโดยเฉพาะ แต่มิใช่ว่าเสกให้ตัวเองกิน

    พระคาถานี้ใช้เสกของกินให้แก่ผู้อื่น เมื่อบุคคลใดได้บริโภคสิ่งที่เราให้อันเสกด้วยพระคาถานี้เค้าจะรักเราหนักหนา ปานประหนึ่งว่าเราคือบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเขา

    ต้องทำความเข้าใจประการหนึ่งว่า ความรักนั้นมีหลายรูปแบบ จะชู้สาวก็ได้หรือแบบพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ก็ได้ ซึ่งพระคาถาบางบทที่เคยลงไว้แล้ว ไว้เสกของกินให้เค้าหลงรักเราทางชู้สาวก็มี หากแต่บทนี้จะต่างกันไปเพราะใช้เสกให้กินเพื่อที่เขาจะรักเราปานประหนึ่งว่าเราเป็นบุพการีเขาฉะนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นพระคาถาที่ทรงคุณวิเศษมากอีกบทหนึ่ง เพราะความรักใคร่ฉันบุพการีนี้ ได้ชื่อว่าทั้งรัก ทั้งเคารพ และยำเกรงเลยในทีเดียว ต่างจากความรักฉันชู้สาวทั่วไป ซึ่งพระคาถาบทนี้ให้เรียนและจดจำกันไว้ จะใช้เสกของฝากให้เพื่อน หรือเจ้านาย ตลอดจนผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้ เค้าจะได้รักและเคารพยำเกรงเราดุจบุพการี ไม่หาเรื่องเดือดร้อน กลั่นแกล้งนำความเสื่อมเสียมาสู่ตัวเรา

    หากผู้ใดเป็นครูบาอาจารย์จะใช้เสกข้าวเสกขนมแจกแก่เด็กน้อยนักเรียนทั้งหลายก็ได้ ที่ว่าดื้อว่าซนว่าพูดยาากนัก เค้าจะได้เชื่อฟังเกรงใจเราดุจเคารพบิดามารดาเขาฉันใดก็ฉันนั้น

    ท่านว่ามีประโยชน์มากนักแล สุดแท้แต่จะพลิกแพลงใช้กันเถิด ใช้ได้หมดในทุกสังคม ไม่เป็นภัยและอันตรายกับใคร ช่วงนี้คนทะเลาะกัน เกลียดกันเพิ่มมากขึ้น มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหาคนอิจฉาริษยากลั่นแกล้งกัน ท่านว่าให้จำไปใช้เถิด พ่ออาจารย์ท่านว่า สังคมใดมีความรักความปรองดองกันเกิดขึ้น สังคมนั้นชนทั้งหลายย่อมอยู่รวมกันโดยปรกติสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2015
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    เล่ากันแก้เงียบนะครับ

    เรื่องเมื่อวัน-สองวันก่อน ทีแรกที่นำพญางั่งนั่งแพะออกมาให้บูชานึกว่าจะไม่มีเรื่องปรับธาตุกันแล้ว แต่ผิดคาด มีพี่คนหนึ่งได้ไป รายนี้ปรับธาตุแรงมาก สองวันติดๆกันเลย ธาตุกายสิทธิ์อย่างไรเสียก็เป็นกายสิทธิ์ ยิ่งพ่ออาจารย์ท่านทำเป็นพ่องั่งนั่งแพะกินเคราะห์รับกรรมแทนตัวเราด้วย ก็เลยปรับกันหนักหน่อย

    ปกติหลายๆท่านหลังจากได้เครื่องมงคลที่เป็นธาตุกายสิทธิ์ของพ่ออาจารย์ไปมักจะมาเล่าให้ผมฟังกันเรื่องปรับธาตุอยู่บ่อยๆแต่รุ่นพญางั่งเรายังไม่ได้ยินใครพูดจนถึงพี่ท่านนี้แหละ รู้สึกจะปรับแบบรุนแรงเลย พี่ท่านบอกว่าพออาราธนาแล้วหลับตาไม่ลงเห็นเหมือนแสงฟ้าผ่าฟ้าแล้ปตลอดนอนไม่ได้ทั้งคืนเลย พี่เค้าว่ามือเท้าเย็นแต่ข้างในตัวร้อนระอุเหงื่อไม่มีซักหยด เราฟังดูก็เหมือนอาการไข้นะ พี่เค้าบอกว่าเป็นถึงตีสองอาการก็หายไปกลายมาเป็นไข้แทน หลังจากนั้นก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว พี่เค้าว่าแบบมันสยิวขนลุกติดๆกันทั้งคืนเลย พอเช้ามาก็อ้วก พออ้วกเท่านั้นแหละหายเลย ทุกอาการที่กล่าวมาไม่เป็นอีก ไม่มีอาการใดๆอีก หายเหมือนไม่เคยเป็นอะไร

    พี่เค้าว่าดีที่ทนเพราะคิดว่าเป็นการปรับธาตุแล้วมันก็เป็นจริงๆ แต่ว่าเป็นคืนที่ผ่านไปได้แบบทรมานมาก เพราะในตัวมันร้อนระอุแต่ข้างนอกเย็น คือเค้าก็เล่ามาแบบนี้ แต่รายนี้ถือว่าเป็นอีกรายที่มีการปรับที่ค่อนข้างรุนแรงจริงๆ เคยมีเล่ามาแรงกว่านี้ก็มีอยู่ สองถึงสามท่าน แต่นี่ก็ถือว่าแรงอยู่ แต่ก็ดีที่กินเวลาแค่คืนเดียวพอเช้าอีกวันหายรวมๆก็เกือบสองวัน เพราะถ้าปรับกันทรมานขนาดนี้ติดกันหลายๆวันร่างกายคนรับจะแย่เอาแน่ๆ

    เราก็ถามว่าทำไมหายเร็วจัง แค่คืนเดียวเช้ามาอ้วกหายเลย เพราะในกรณีคนที่ปรับแรงๆ เคยเห็นเค้าบอกอย่างน้อยสองสามวัน บางคนเป็นอาทิตย์ก็มี พี่เค้าว่าเค้ารู้สึกสยิวพอหลับตาก็เห็นแต่แสงเหมือนฟ้าแลบฟ้าผ่าตลอด ก็เลยขอพ่องั่งแล้วทำสมาธิ อาการขนลุกรู้สึกขนพองสยองเกล้าต่างๆุทุกอย่างถึงหายไปเป็นปกติ

    ก็เอามาแนะนำกันไว้เผื่อใครเจอกรณีปรับธาตุแรงๆ สุดท้ายก็คือสติ ใช้สมาธิ ตั้งสติ เพียงแค่นั้นก็ถือว่าเอาอยู่ ถ้าท่านใดเจอกรณีปรับธาตุหนักๆอีกแนะนำนั่งสมาธิเลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2015
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ปีใหม่นี้ก็ไปพักผ่อนกันนะครับ ขอให้เดินทางปลอดภัยสุขภาพแข็งแรงกันทุกท่าน :cool: มีอะไรก็PM เข้ามาถามกันไว้ได้นะครับจะทยอยตอบให้
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความรู้วันละนิด

    เนื่องจากมีเรื่องเกี่ยวกับการตั้งศาลพระภูมิผิดกันเข้ามามาก โดนหลอกบ้าง แก้ไม่หายบ้าง ซึ่งก็เพื่อหวังปัจจัยในการทำพิธีต่างๆ สุดท้ายผู้รับกรรมก็คือเจ้าของบ้านเอง

    ซึ่งสำหรับพระภูมินั้น ถ้าสถานที่ไม่อำนวยจริงๆพ่ออาจารย์ท่านว่าก็อย่าไปตั้ง ให้ถอนออกไปเสียเลย ท่านว่าไม่มียังจะดีซะกว่า

    ซึ่งก่อนจะถอนนั้น ให้ทำน้ำมนต์ขึ้นก่อน หยดเทียนขี้ผึ้งลงในน้ำนั้น ว่าคาถาดังนี้
    นะโม เมตตรัย โยยา มหาวีโร มะยาพุทธา อนาคตา สวัตตีลาภะวันตุเม สะวะระ ปะมะระยะ สวัตตีลาภะวันตุเม นะกูจะถอด โมกูจะถอน โอมพระเพชรสมรเอย กูจะถอนหัวสูนออกมา ทุติยะกัง ตะติยะกัง สัพเพพุทธาปะรายันติ สัพเพธัมมาปรายันติ สัพเพสังฆาปรายันติ อัปเปหิ อัปเปหิ อะกุสะลาธัมมา อัพพยากตาธัมมา อะสุติอะสุรังอีมัง กัมมัทฐานังพาเวติ อะหังพัคคะเว อนัตตาสูญหาย

    เมื่อทำน้ำมนต์เสร็จแล้วก็ให้นำไปราดรดบริเวณศาลพระภูมินั้น หลังจากนั้นก็ให้จุดธูป 9-12-16 ดอก อ่านคาถาดังนี้ ทำการขับพระภูมิออกจากศาล
    มะนะตุตา เมมะจักร อาเลพุตะปิสาเจวะ พะมีเตหัง นะละพะติ คัชชะอะมุมหิโอกาเสติฏฐาหิ

    หลังจากนั้นก็ทำการขุดรื้อถอนศาลพระภูมิ ท่านว่าให้เป็นวิทยาทานไว้ ทำกันได้ด้วยตัวเองจะได้ไม่ต้องไปจ้างใครหรือโดนใครเขาหลอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2015
  15. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ ที่พ่ออาจารย์เมตตามา

    ผมขออนุญาตออกความคิดเห็นนะครับ

    ผมเป็นบุคคลหนึ่ง ที่สอบถามไปเรื่องการตั้งศาลพระภูมิที่ผิดฮวงจุ้ย อยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสม ที่บ้านผมเองครับ

    อ่านดูแล้วขั้นตอนการถอนไม่ยาก แต่ทว่าในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ถ้าสื่อไม่ได้ จิตไม่ถึง สมาธิไม่มี (เช่นผม เป็นต้น) จะทำเองได้เหรอครับ เผลอๆ จะโดนคนที่บ้านด่าเอาด้วยครับ ว่าถอนเองได้อย่างไร ถ้ามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น

    ต้องขออภัยด้วยนะครับ

    ผมได้อธิษฐานขอบางอย่าง ที่ไม่ยากเกินความเป็นจริง ต่อเครื่องมงคลของพ่ออาจารย์ที่ได้บูชาไปหลายชิ้น ด้วยความศรัทธา แม้จะยังไม่เกิดผลใดๆ อาจเพราะเวรกรรมผมเอง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมว่าควรต้องเกิดผลและได้แน่นอน ตอนนี้ผมรอดูอยู่ครับ ว่าจะเป็นอย่างไร หรือเป็นเพราะจิตผมจะสื่อไม่ถึงเครื่องมงคลเหล่านั้นอีกแล้ว เพราะเหมือนจะผิดหวังอีกแล้ว เรื่องหลังนี่คืออะไรรู้ไหมครับ อาจไม่เหมาะสมที่จะกล่าวในที่นี้ครับ ถ้าเกิดผลแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังเป็นประสบการณ์นะครับ
     
  16. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    ได้รับพระแล้วนะครับ ขอบคุณมาก และขออภัยที่ตอบช้าครับ พอดีเพิ่งมาถึง
     
  17. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ในกรณีที่มีจอมปลวกขึ้นบริเวณบ้าน (แต่ก่อนบริเวณนี้ทำอู่จึงเป็นโรงที่จอดรถโล่งๆ พื้นเป็นดินแข็งๆ) ตำแหน่งอยู่ตรงกลางพื้นที่ ที่เป็นรูปตัวแอลของบ้าน

    จอมปลวกนี้ตอนเล็กๆ แม่มาเด็ดทิ้ง 1-2 ครั้ง ก็งอกมาใหม่ มีคนมาเดินชนอีก 2-3 ครั้ง ก็งอกมาอีกปัจจุบันจึงไม่กล้าเอาออก ขอคำแนะนำในการดูแลจอมปลวก จากท่านอาจารย์เพราะขึ้นอยู่บริเวณบ้านที่พักอาศัยค่ะ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    พอดีเห็นมีบทความที่เป็นความรู้มีคนเคยอธิบายไว้ ก็ขอยกมาเลยแล้วกัน ให้ไปดูทิศก่อน ถ้าเกิดเป็นมงคลก็รับขวัญไปเลย

    จอมปลวกที่เกิดขึ้นในบริเวณบ้าน คนโบราณสามารถนำมาตีความหมายได้ดังต่อไปนี้ จอมปลวกอยู่ทางทิศใดของบ้าน
    1. ทิศตะวันออก หมายถึง จะมีข้าวของ เงินทองมากมาย
    2. ทิศใต้ หมายถึง จะได้กินของกำนัล ได้รับของขวัญจากผู้สูงศักดิ์
    3. ทิศตะวันตก หมายถึง เรื่องหยุมหยิม จะมีเรื่องเดือดร้อน
    4. ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง จะมีความสุข มีสมบัติมาก มีคนยกย่องในทรัพย์เรา
    5. ทิศเหนือ หมายถึง จะเป็นใหญ่เป็นโตมีชื่อเสียง
    6. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง ผู้มีอำนาจ มีบารมี จะมาชื่นชอบ
    7. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง ระวังไฟจะไหม้บ้าน
    8. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง มีความสุข ได้หญิงที่รู้ใจ ได้ทรัพย์สินเงินทอง

    อย่างไรก็ตามลักษณะความเชื่อจอมปลวกเป็นเนินดิน ไม่มีต้นไม้หรือหญ้าขึ้นเลย ภายในมีตัวปลวกสีออกดำตัวเล็ก ไม่กัด ซึ่งเรียกจอมปลวกชนิดนี้ว่า ปลวกหัวล้าน หรือปลวกหมูสี เชื่อว่าถ้าขึ้นอยู่ใกล้บริเวณบ้านใดเจ้าของบ้านทำพิธีรับขวัญปลวก โดยเอาผ้าแดงใหม่ๆพันรอบ ทัหลังคากันแดดกันฝนให้ปลวก ทำพิธีเซ่นไหว้ เชื่อว่าจเกิดสิริมงคลแก่บ้าน และปลวกนั้จะให้ลาภต่างๆนานา

    * อีกนิด การทำลายจอมปลอกไม่ดี อย่าทำ
     
  19. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    อิทธิฤทธิ์พญางั่ง...รูปซ้ายตอนได้มาทีแรก รูปขวาหลังจากเซ่นไข่ สีแดงที่อกจะชัดเจนขึ้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,146
    ค่าพลัง:
    +16,536
    มาทำบุญนะครับ กลับไปเอาบุญไปฝาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...