เทคนิคและประสพการณ์การเอาตัวรอดในต่างแดนยุคเก่า..ของคนรุ่นก่อน..

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย modpong, 29 เมษายน 2015.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......
    ..หวัดดีครับ..พี่SUPATORN ..คุณมากิ...และน้อง THONGchatเจ้าเก่า
    ..........
    ...ที่ผมหยุดเขียนไปทีแรก..ประมาณ ๑ อาทิตย์..เพราะมันมีเรื่องอื่นเข้ามา
    รบกวนจืตใจ..ให้ต้องคิด..ผมก็เลยไม่มีmood..ในการเขียน..ต้องขอ..
    บอกก่อนว่า..ผมนี่ไม่ได้เป็นประเภท..เขียนไว้แล้ว..ทยอยลงเอามา
    เป็นตอนๆนะครับ..เขียนสด..วันต่อวัน(..น้องthongchat แฟนบทความเก่า..ของผม
    นั้นจะทราบดี..อยู่ก่อนแล้ว..)
    ...เขียนเสร็จครั้งนึง..ก็เอามาลงเลย..เป็นแบบนั้น...
    ..ผมก็เลยไม่ได้ลงเรื่องเป็นอาทิตย์..หลังจากสติดีขึ้น...
    ..ผมก็เข้ามา..ที่ห้องนี้..ปรากฎว่า..ไม่มีความเตลื่อนไหว..อะไร
    ...แทบไม่มีคนเข้ามาอ่านด้วยซ้ำ..โดยเฉพาะสมาชิก..
    ...ผมนะไม่สนใจ..บุคคลทั่วไป..ที่เข้ามาอ่านหรอกครับ...
    .....วิว..ดูสมาชิก..ที่เขาอ่าน..แทบไม่มี..ผมก็เลยคิดว่า...
    ...เอ้..ถ้าสมาชิกเอง..เขายังไม่สนใจ..ผมจะเขียนต่อไปทำไม..
    ....เพราะผม..ไม่ใช่พวกเด็ก..แบบที่อยากเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้..
    ....แล้วให้..คนมากด LIKE..แล้วดีใจ..ผมเห็น(ของผมเอง)ว่า..
    ....เรื่องราวของผม..น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ..สมาชิกที่ชอบการเดินทาง
    บ้าง...ก็เลยมาเขียน...ผมก็เลยสรุปเอาเองว่า..งั้นหยุดเขียนไปก่อน
    แล้วกัน...รอไปก่อน..ถ้ามีคนอยากให้ผมเขียนต่อ..และคิดว่ามีคุณค่าพอ..
    ...เขาก็ต้องPOSTมา..ผมก้เลยไม่เข้ามาอีก..เกือบอาทิตย์...
    ....พอดีเข้ามาวันนี้..เห็น..ชื่อคุณมากิ..เข้ามาPOST..ผมก็เลย
    เข้ามาอ่าน..ก็พบว่า..มี สมาชิก ๓ ท่าน..ที่ยังอยากอ่านเรื่องของผมต่อ
    ....ก็..โอเค..ครับ..งั้นผมก็จะเขียนต่อ..โดยเริ่มคืนนี้..เป็นต้นไป..
    ........ขอบคุณ.....
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......................................
    ........ เรามาเริ่มกันเลย......คุณจำไว้อย่างเดียว..ไม่ว่า..ตำแหน่งตึกหรืออาคาร..ของคุณ
    จะตั้งอยู่บน..ถนนที่โค้ง..ก็ตามเมื่อคุณดูจากแผนที่...คุณเขียนเส้นเดี่ยว..ตรงๆ..ไม่มีความหนา
    ..เช่นเดียวกับ..ถนนอีก ๒ เส้นที่มาตัด..ก็เป็นเส้นเดี่ยวตรงๆเช่นกัน..การตัดนั้น..แม้ของจริง..
    คุณก็ไม่ต้องห่วง..เขียนให้มันเป็นเส้นตั้งฉากได้..เพื่อความง่าย..(..รูปลักษณะการ..เขียนเส้น
    ที่ผมเอามาให้ดูเป็น..ตัวอย่างเส้นมันหนา..เพราะต้องการให้เห็นชัด....).....
    ....แต่..กรณีมันมาตัดแล้ว..เป็นแค่ ๓ แยก (..แสดงว่า..นั่นคือจุดสิ้นสุด..หรือ..จุดเริ่มต้นของ
    ถนนที่เป็นที่ตั้ง..ของตึกคุณ..)....ก็เขียน..ให้มันไปชน..เฉยๆ..ถ้า..ถนนที่ตั้งตึกของคุณ..เป็น
    แค่..ซอยหรือตรอก..อยู่ระหว่างถนนใหญ่ ๒ ข้าง...รูปเส้นถนนที่คุณจะเขียน..มันก็จะกลายเป็น
    รูป..” H “ แค่นั้น..ไม่มีขีดต่อยื่น..ออกไปทั้งสองปลาย...แต่ถ้าตรงจุดตัด..มันเป็นมากกว่า ..
    ...สี่แยก..คือ..อาจจะเป็น..ห้า..หรือ..หก..แยก..ก็ไม่ต้องแคร์..เขียนเป็นแค่ ๔ แยกก็พอ...
    ....เพราะอะไร..หรือครับ...
    ...............เพราะว่า..คนขับแท็กซี่..เขาต้องการข้อมูล..แค่...” ช่วงไหน..ของถนนเส้นที่ตั้ง
    ของตึกที่คุณ..จะไป..แค่นั้น...”....ข้อมูล..ที่เขาต้องการ..คุณก็ให้แล้ว..มันก็เพียงพอ....
    ...............
    .............คุณก็เริ่มต้นด้วยการ...เอาปากกา..มาลากเส้น...
    ๑. ถนนเส้นที่ตั้งตึก..(..การเขียนก็ให้มันมีเซ้นส์หน่อย..อย่าไปประหยัด..เขียนซะรูป
    เล็กนิดเดียว...คุณต้องเผื่อความยาวไว้..เพราะคุณจะต้องเขียนกำกับ..ชื่อถนน..ไว้บนเส้นที่ลาก
    ไว้..โดยไม่ให้มันไปเบียด..เส้นถนนที่จะมาตัด..คุณจะได้เขียนได้ชัดๆ..)..เขียนให้มันเกือบ
    เต็มกระดาษนั่นแหละครับ..ดี..เพราะมันจะเห็นได้ชัด..คุณเขียนชื่อถนน..ไว้ขนานเส้นมันจะได้
    ใหญ่และชัดไปด้วย..(..ลักษณะมันเหมือน..คุณเขียนตัวหนังสืออะไร..แล้วขีดเส้นใต้..ทำนอง
    นั้นละครับ..)......
    ๒. ถนนเส้นที่มาตัด..ทั้งสองเส้น..ถ้ามันเป็น..สี่แยก..เส้นถนนที่มาตัด..ก็เลื่อนเข้าไป
    ในเส้นถนนที่ตั้งตึก..พอแค่ให้เห็นชัดๆว่า..มันเป็น..สี่แยก..( ดูรูป ประกอบ..ตามรูปเป็นแบบ..
    สี่แยก..ทั้งสองปลาย..)..แล้วคุณก็ทำคล้ายๆกับตามข้อ ๑. คือ..เขียนชื่อถนนกำกับไว้..โดย
    เขียน..ขนานไปกับเส้น..ทั้งสองถนน..(กันการสับสน..)...อย่าลืมนะครับ..เขียนให้มัน..เกือบ
    เต็มกระดาษเลย..จะได้ชัดๆ...
    ๓. กลับมาที่ถนนเส้นที่ตั้งตึก....ที่กึ่งกลาง..ช่วง..บนเส้น..ให้คุณเขียนวงกลมๆ
    เล็กๆ(ไม่ต้องเล็กจิ๋ว..เอาให้มองเห็นชัด)ทับไปบนเส้น...แล้วคุณก็เขียน..”ลูกศร”...ให้ปลาย
    ของมัน..ชี้ไปที่วงกลม..ลูกศรนี่..เขียนให้มันมีหางด้วยนะครับ..มันจะได้เห็นชัด...
    ........................
    ................แค่นี้..คุณก็ได้แผนที่ข้อมูล..ที่จะเอาไว้ใช้เรียกแท็กซี่ได้แล้ว......
    .................................
    ......จาก..ข้อมูลที่ผมให้..เราก็สามารถ..ทดลองทำของจริง..ได้.....ผมเวลาสอนอะไรให้ใคร
    ต้องยกตัวอย่างการ..ทำจริงเสมอ..ไม่เชื่อ..คงไม่มีพวกแฟนคลับ..บทความเก่าอย่าง..
    น้อง THONGCHAT และ..อีกคนที่แอบซุ่มอ่านมาตลอดโดยไม่ยอมแสดงตัวคือ AEZISS..
    (..ปิดผมไม่ได้หรอก )...พวกนี้ติดตามอ่านบทความผม..มานาน..ซึ่งทราบดีว่า..ถ้าผมไม่รู้จริง
    ในเรื่องนั้นๆ..ผมจะไม่สอนใคร.....
    ............คงเห็นแผนที่ FIFTH AVENUE ที่ผมเคยเอาให้ดูก่อนหน้านี้..แล้วนะครับ.....
    ...ในแผนที่นี้..เขาจะแสดงตำแหน่ง..ตึก..ร้านค้า..หรือ..สถานที่น่าสนใจ..ต่างๆที่อยู่ในย่านนั้น
    ..จะเห็นว่า..มันจะกระจุกตัว..อยู่เป็นกลุ่ม...
    .....ถ้าตึกหรือสถานที่ๆคุณจะไป..แทรกตัวอยู่ในกลุ่มนั้น..ก็ถือว่า..โชคดี...เพราะคุณแค่เทียบ
    กับตำแหน่งที่ตั้ง..ของที่ดังๆ(ต้องดังจริงๆ..ไม่ใช่ว่า..ไอ้ที่เขาโชว์อยู่ในแผนที่นี่..มันจะดังมาก
    มาย..จนแท็กซี่ทุกคนรู้จัก..จำนวนที่เห็นมากมายนั้น..แท็กซี่จะคุ้นคงซักแค่ ๑๐-๒๐ เปอร์เซนต์
    เองมั้ง...อย่าง..RADIO MUSIC HALL TRUMP TOWER CHRYSLER TOWER...EMPIRE
    STATE TOWER ..อย่างงี้ละ..เรียกว่า..แท็กซี่คันไหน..ก็ไปถูก..)..อยู่ในช่วงถนนเดียวกัน..
    ..แล้ว..ลอกชื่อลงในกระดาษสมุดฉีก..แค่นี้..ก็พอ..ให้เขาไปส่งที่นั่นเลย ฝั่งถนนฝั่งไหนก็ได้
    ..แล้วเราก็ไปหา..ตึกของเราเอง..จะหาเจอยังไง..ผมจะมาว่ากันอีกที....
    ....................แต่ถ้าคุณไม่โชคดี..คือ..ตึกหรือสถานที่ๆจะไป..ที่เขาวงใส่แผนที่มาให้.....
    มันไม่ใกล้..ตึกหรือสถานที่ดังๆเลย...นี่..มันก็น่าจะมาใช้วิธีแบบของผมดีกว่า....
    .........

    ......[​IMG].

    .
    [​IMG]
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........
    .........................ลองดูในแผนที่อีกที...ให้คุณลองเลื่อนขึ้นไปด้านบน..แล้วดูแถวถนน
    West 55th street , west 56th street และ west 57th ระหว่างช่วงถนน Avenue of
    Americas กับ Seventh aveneue นั้น ..ไม่มีอาคาร..ที่มีชื่อเสียงหรือ..สำคัญอยู่เลย
    (...ดูชื่อถนนอย่าแปลกใจนะครับว่า..มี 5th avenue มี 7th avenue แล้วไอ้ 6th avenue
    มันหายไปไหน..ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับเพราะมันมีชื่ออื่น..ก็คือ..ไอ้ Avenue of Americas
    นี่แหละ.....แล้วผมให้สังเกตทางขวาของภาพ..คุณจะเห็นชื่อถนนคุ้นๆ..นั่นก็คือ...
    Park Avenue ....สาเหตุที่มันมีชื่อนี้..เพราะรูปแบบของถนนครับ..คือมันเป็นถนนที่มีเกาะ
    กลางถนน..มีปลูกต้นไม้..และ..จัดสวน..แบบถนนลาดพร้าว..บ้านเรา..และ..สุขุมวิทสมัยก่อน
    ..รวมถึง..วิภาวดีรังสิต.....บ้านเราหลายสถานที่ชอบเอาชื่อนี้มาใช้..ที่มาก็มาจากถนนนี้แหละ
    ครับ..เพราะมันดังและสวยงาม..ของเขานี่สวนเป็นสวนจริงๆเลย..ปลูกไม้ดอกเมืองหนาวอย่าง
    ทิวลิป..เป็นต้น..ต้นไม้ใหญ่..ก็เป็นพวกเชอรี่..ซากูระ...).......
    .....ผมก็จึงลองเลือกเอาทำเลตรงนี้..เป็นตัวอย่างเพราะ..ไม่มีอะไรเด่น..อยู่ใกล้เคียง..
    ....ผมสมมุติเอาว่า...ตึกที่ผมจะไปเป็นตึกเตี้ยๆธรรมดาๆ..ตั้งอยู่บนถนน West 57th street
    ...อยู่ระหว่างช่วงที่มีถนน Seventh Avenue กับ Avenue of Americas มาตัด..(ดูรูปแผนที่
    ใหญ่ประกอบ..)....แล้ว..ผมก็ลองทำแผนที่ๆจะให้ แท็กซี่..ตามแบบวิธีของผม..และ..สมมุติ
    ว่า..ผมไม่รู้ไม่เข้าใจ..ภาษาอังกฤษ..เขียนไม่ได้..อ่านไม่ออกเลย..ซึ่งเจ้าหน้าที่ๆผม
    ไปขอให้เขาช่วยหาตำแหน่ง..และ..เขาวงในแผนที่ให้แล้ว..มันอยู่ที่ตำแหน่งนี้...
    ........ผมก็ใช้วิชาคัดลอก..ก็คือ..ตัวอักษรมันเขียนแบบไหน..ผมก็ลอกตาม...ทั้งสามถนน..
    เอาลงประกอบ..ในเส้น ๓ เส้นที่เป็นตัวแทนถนนนั้นๆ..(..ดังนั้นคุณไม่ต้องห่วงครับ..ต่อให้
    แผนที่..ที่ได้..แต่ละแห่ง..จะเป็นภาษาท้องถิ่นคุณก็ไม่ต้องกลัว..ไม่ว่า..อิสราเอล..จีน...
    กรีก..รัสเซีย..หรือ..อาหรับ..ขอให้คุณลอกให้เหมือนแล้วกัน..แล้วเอาไปลงไว้...เพราะ..คุณ
    ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อ..หรือ..อ่านมัน...คุณเอาไปให้คนชาตินั้นๆอ่าน..ผมเคยทำมาแล้ว..คุณไม่
    ต้องกลัว..(..ตัว Cyrillic ก็แบบตัวอักษรรัสเซีย..ตัวอักษรจีน....ไม่มีปัญหาอะไรสบายมาก)..
    ..รับรองว่า..ดีกว่าพวกที่แอ็คทำเป็นพูดภาษาโน่น..นี่..เป็น..แล้วไปบอกแท็กซี่..แล้วเขาฟัง
    ไม่ออก..ปรากฏว่า..หงายเงิบไปเลย...
    .........................มันก็ออกมาเป็น..แผนที่ดังรูปที่..ผมทำมาให้ดู..แบบนั้นละครับ..ง่ายๆ
    ชัดเจนแจ่มแจ้ง...ขอบอกว่า..สาเหตุที่ผมใช้วงกลมนั้นก็ย้ำเรื่องที่เคยบอกไปแล้วว่า...
    ..เพื่อสะดวกกับ..แท็กซี่..ดีกว่า..สะดวกกับเรา..ของเราแค่เอาไปให้ถึงที่ง่ายๆ..เร็วๆ..ดีที่สุด
    ..เรื่องตึกอยู่ฝั่งโน้น..ฝั่งนี้..มันไม่ยากครับ..เพียงแต่ถ้าโชคไม่ดีหน่อย..อาจต้องไปเดินข้าม
    ถนน..ย้อนไปบ้าง..ก็ถือว่าธรรมดามากสำหรับ..นักเดินทางใบ้..ที่มาในแดนต่างถิ่นแล้ว..ไม่
    หลงทาง..อย่างพวกที่ไม่เป็นใบ้..แถมใช้ภาษาท้องถิ่นเป็น...แล้วช่วงหน้าผมถึงจะเล่าว่า..
    แล้วเรา..จะไปฝั่งไหนถูกได้ยังไง..หาตึกเจอได้ยังไง..อีกที....
    .......ขั้นตอนการเดินทาง......
    ...............
    .........คุณจะเดินทางไปใน..ที่ๆเป็นแบบนี้..ควรจะประหยัดเงินด้วย..เพราะคุณไปต่อแท็กซี่..
    ต้องจ่ายเงินเยอะอยู่แล้ว..คุณดูแผนที่ของคุณ..แล้วก็ดูว่า..สถานีรถไฟบนดิน..สถานีรถไฟใต้ดิน
    ..สถานนีไหน..ที่อยู่ใกล้ที่ๆคุณจะไปมากที่สุด..ก็ควรจะเริ่มไปเรียกแท็กซี่ที่จุดนั้น..ใช้พวกนี้
    ก่อน..เพราะค่าใช้จ่ายถูก........
    ..............เมื่อคุณไปลงรถไฟที่สถานี..ที่ว่าแล้ว..คุณก็เริ่ม..โบกเรียกได้...โดยมีแผนที่ๆ
    คุณทำไว้เองอยู่ในมือ......
    ..........เมื่อแท็กซี่จอด..คุณเข้าไปในรถแล้ว(..อ้าไม่เหมือนบ้านเรานะครับ..เรียกว่าแท็กซี่เมือง
    อื่นเขา..ถ้าเขาจอดตามที่เราเรียก..มันก็ถือว่า..เป็นพันธะ..คือ..เราจะเรียกไปที่จุดไหน..เขาก็
    ต้องไป..ไม่ต้องชะโงกหน้าไปถาม..ก่อนขึ้นรถ...บอกที่จะไป..แล้วคนขับตัดสินใจว่าจะไปมั้ย..
    แบบของบ้านเรา..ซึ่งเป็นหนึ่งในแท็กซี่ที่มีการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วไป..อยู่ในกลุ่มรั้งท้าย
    (ก็คือ..”แย่”..).........
    .........คุณก็แค่..เอาแผนที่ๆทำจากสมุดฉีกของคุณ..ยื่นให้เขา..แค่นี้..ก็จบ...เขาก็จะขับไป
    ที่ๆลูกศรชี้ไว้..โดยไม่งง..และสับสน.....
    ...(..........แต่ถ้าคุณขยัน..และ..เป็นนักเดินทางแบบผมแล้ว...จากจุดเริ่มที่คุณขึ้นแท็กซี่..คุณ
    ต้องระบุจุดเริ่ม..ในแผนที่ๆ..ของคุณโดยระบุว่าอยู่ฝากไหน..ของถนนให้ชัดเจน..เพราะว่า
    คุณน่าจะอยากรู้ว่า..รถมันใช้เส้นทางไหนวิ่ง..และ..ไปถึงไหนแล้ว...)
    ....................

    .............[​IMG]

    ...............................[​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2015
  4. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    [​IMG]
     
  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ................
    ............
    ......................ขอบคุณสำหรับคำชมครับ..คุณมากิ.........
    .............
    ....................
    ......เนื่องจากผมเป็นนักเดินทาง..และ..ผมสนุกกับการเดินทาง..ผมก็เลยทำแบบนี้..ก็เพลิด
    เพลิน..และ..ฝึกประสาทได้ดี..แต่กับเมืองไทยคงไม่ได้หรอกครับ..เพราะแท็กซี่ไทยวิ่งใน
    เขตเมืองที่หนาแน่น..มันยังวิ่งฉวัดเฉวียนและ..เร็วไม่เคารพกฏจราจร..ซึ่งผมไม่แนะนำ...
    ....ที่ๆผมแนะนำให้ทำแบบนี้..ก็ต้องที่ๆมีการจราจรที่เคารพกฏ..และ..เข้มงวด...
    ..............ซึ่ง..ไม่ว่าใน..ญี่ปุ่น..อเมริกา..ยุโรป..ตามเมืองใหญ่ๆ..คุณทำได้ครับ..เพราะมัน
    ไม่สามารถจะควบเป็นพายุบุแคมแบบบ้านเราได้.......โดนเล่นแน่..
    ............ผมก็เริ่มจากเขียนลูกศรตัวแรก..ตามทิศทางรถที่ไป..ดูแผนที่ไปด้วย..เรื่องวิวก็ไม่ได้
    ใส่ใจครับ...เรามองล่วงหน้า..ในแผนที่เรารู้ว่ามีแยก..พอถึง..ถ้ามันตรง..เราก็เขียนลูกศร..ใน
    ถนนเดิม..ตรงไป..ถ้าเลี้ยว..ซ้าย..ขวา..ก็เขียนตาม..ไป..เรื่อยๆ..แบบนี้..เราก็สามารถรู้เส้นทาง
    ว่ามันวิ่งไปยังไง...อ้อมหลอกเรา..รึเปล่า..แต่ผมแนะนำว่า..อย่าไปมีปัญหากับพวกนี้..ให้คิด
    ซะว่า..เราซวยฟาดเคราะห์ไป..ไม่คุ้มครับยืนยัน..เสียเวลา..และ..หงุดหงิดเปล่า....
    ............สำหรับพวกที่อยากสนุกกับการเดินทาง..ผมก็แนะนำอีกอย่าง..ก็คือ..การตรวจเช็ค..
    ย้อนกลับไป ๓-๔ ตอน..ผมเคยเอารูป..เสาป้ายชื่อถนน..ที่ติดไว้ที่ตามแยกใน 5th avenue
    มาลงไว้ให้ดูมาแล้ว..ซึ่งเป็นสากล..เหมือนกันทั่วโลก..ก็อย่าลืมมองเช็คกับ..แผนที่..ว่าตรงกัน
    มั้ยด้วย....
    ........................................
    ....กลับมาว่า..สำหรับ..การเดินทางแบบปกติ...ยังไงถึงจะมองไม่เห็นอะไร..ก็ไม่แนะนำให้หลับ
    ..ถ้ามีโอกาศก็ดูป้ายบ้าง..หรือ..มอง..LAND MARK บ้าง..แล้วก็ลองเทียบดูในแผนที่....
    ...........สมมุติว่า...รถแท็กซี่..มาจอดให้คุณแล้ว...ซึ่งตามปกติข้อมูลที่ให้ยังไง..ก็ไม่มีทางผิด
    พลาดแน่..ผมนะทดลองมาเอง..ทั้ง..โอซาก้า..และ..โตเกียว..(.แถมชื่อถนน..ผมยังลอกตัว
    ”คันจิ” หรือ..ตัวหนังสือจีน..ที่บางแผนที่มีกำกับไว้ด้วย..เอาไปใส่แทนภาษาอังกฤษ..ยังฉลุย
    เลย..ทั้งๆที่จริงเขียนไม่เป็นซักตัว..เรียกว่า..มึงลากเส้นแบบไหนกูก็ลากตามแบบนั้น...)....
    ..ก็..แน่ใจได้ว่ามาถึงที่แล้ว..(แต่ถ้ามาส่งผิดที่จริง..ก็ไม่ต้องตกใจครับ..ไม่ต้องไปแหกปาก
    ถามใคร..เพราะคุณเป็นใบ้..ช่วยตัวเองได้..สบายมาก..ถือซะว่า..ซวย..ฟาดเคราะห์ไป...เดี๋ยว
    ผมจะมาบอกวิธีแก้ไข..ช่วยตัวเองภายหลัง..)....
    ..............แท็กซี่จอด..เขาก็จะยื่นคืนแผนที่ๆคุณทำไว้ให้..พร้อมกับบอกราคา..ซึ่งส่วนใหญ่
    มันจะชี้..ให้ดูที่มิเตอร์..คุณก็จ่ายตังค์..เป็นจบ..แล้วลงรถ.....
    .........คุณก็ต้องหันหลังกลับไป..ดูที่ตึกใกล้ๆที่คุณลงแท็กซี่มา..ดูอะไรหรือครับ...
    .......ให้ดู”เลขที่ตึก”ครับ.....อันนี้สำคัญ..เพราะจะได้รู้ว่าคุณลงถูกฝั่งรึเปล่า..หรือ..ไอ้ตึกที่คุณ
    จะไป..มันอยู่คนละฝั่งถนน....
    .....ระบบเลขที่อาคาร..หรือ..ตึก..นั้นถ้าเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญแล้ว..ก็จะเหมือนกันหมดเป็น
    สากลคือ...ฝั่งนึง...ลงท้ายด้วย..”เลขคี่” ทั้งหมด....อีกฝั่งถนน ..ก็ลงท้ายด้วย..”เลขคู่”..ทั้ง
    หมด...คุณเป็นใบ้ไม่ต้องถามใครเลย..มองหาเลขทื่ตึก..(เอาให้แน่ใจ..ดู๒ ตึกที่ติดกัน)..ถ้า
    เป็นเลขคู่ทั้ง ๒ ตึก...แสดงว่า..ฝั่งนี้เป็นเลขคู่..ทั้งหมด...ถ้าเลขที่ตึก..หรือ..อาคารที่คุณจะไป
    ..มันเป็น”เลขคี่”..แสดงว่า..แน่นนอน..คุณก็ไปหา..ทางม้าลายข้ามถนนได้เลย..ตึกคุณอยู่ฝั่ง
    โน้น....เลขที่ตึก..มันเรียงกันอยู่แล้ว..ดังนั้นหาไม่ยากหรอกครับ..อาจเดินเมื่อยหน่อย..เพราะ
    ..เราให้แท็กซี่มันจอดช่วงกลางถนน..แต่ตึกเรา..จริงๆ..มันอาจอยู่ปลายช่วง..แต่ถ้าไม่หลง..
    ...คุณกลับไปเมืองไทย..คุณก็ไปคุยได้เลย..ไปหาตึกที่นิวยอร์ค..ไม่ต้องพูดซักคำ...
    ..............กรณืที่เกิดขึ้นได้น้อยอาจเพราะ..แท็กซี่แม่มง่วง..หรือเบลอร์..ไปส่งเราผิดที่..นั้น..
    ...เราเดินไปหา..ดูแล้วยันแยก..ยังไม่เจอ..ก็ใจเย็นๆครับ..มองหาเสาบอกป้ายชื่อถนนที่แยก..
    ...ก็จะรู้ว่า..เราอยูที่ไหน..เทียบจากแผนที่เอา..ห่างจากเป้าหมายเราเยอะมั้ย..ถ้าไม่เยอะก็เดิน
    ดีกว่า..ถ้าห่างเยอะก็เรียกแท้กซี่ใหม่..ถือว่า..ฟาดเคราะห์ไป.....
    .............ครับ..จะเห็นได้ว่า..ตั้งแต่เริ่ม..จนจบ..คุณไม่ต้องไปพูด..หรือ..ไปทำความเข้าใจว่า..
    มันอ่านว่า..อะไร..ให้มันเสียเวลา.....คุณสามารถไปถึงจุดหมายได้..โดยไม่พูดซัก..แอะ...
    .........ผมนะเริ่มจาก..ผมตั้งโจทย์เอง..ในโตเกียว..ดูแผนที่ขยาย..แล้วก็เลือก..ช่วงตึกเอา..
    ..เวลาไป..ก็ไปแท็กซี่..เวลากลับ..ผมนั่งรถไฟบนดินกลับ..บางทีก็ใต้ดิน...โอซาก้าก็แอบ
    หนีเพื่อน..ไปลองวิชาอีก...สนุกดีครับ...ไม่มีภาษาอังกฤษแม้แต่ตัวเดียว..ในแผนที่ๆผมทำ
    ...(ถึงมี..ยุคนั้นก็น้อยครับ..ที่แท็กซี่ญี่ปุ่นจะอ่านออก..ระบบจอ..จีพีเอส..อะไรนี่ยังไม่ทั้งนั้น
    ...แผนที่เมืองโชว์บนจอ..ก็ยังไม่มี..)...........
    ....................
    .................[​IMG]
    .................................

     
  6. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    พอดีก่อนหน้านี้ (ช่วงกลางเดือน) ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศเลยไม่ได้เข้ามาอ่าน แต่หลังจากกลับมาก็มาติดตามอ่านต่อคงเป็นช่วงเดียวกับที่พี่ modpong หยุดเขียนไปเช่นกัน

    ยังติดตามอยู่นะครับ
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............
    ........รับทราบ...น้องThongchat..ขอบใจที่บอก...
    ...........................
    ....................
    ...........ที่ผมเอา..เรื่องวิธีการของผมมาเผยแพร่นั้น..ที่มาผมได้บอกไปแล้ว..ว่าคือเกิดจาก..
    การหลงของคนจากที่อื่น..แล้วจะไปหาสถานที่ๆไม่โด่งดังเป็นสากล..ในย่านที่ใจกลางนิวยอรค์
    ....อาการที่เห็นนั้น..มันก็เหมือนที่..ผมเห็นมา..ไม่ว่า บรัซเซล..อัมสเตอร์ดัม..โตเกียว..โอซาก้า
    ....คือ..ลงรถแล้ว..ก็ยังหาไม่เจอ..ขนาดในมือมี..แผนที่..เดินหมุนไปหมุนมา..แล้วก็จนตรอก..
    ..ก็จะใช้วิธี..ถามคนแถวนั้น...แต่ขอโทษ..เหลว..ทำไมรึครับ..
    ..........ก็เมืองใหญ่..ที่หนาแน่นมากๆและมีชื่อเสียง...คนที่มาเดินตามท้องถนน..นะ..ส่วนใหญ่
    แล้ว..มันคนพื้นที่..ที่ไหนกัน...ต่อให้คุณดูหน้าตาว่า..มันน่าจะเป็นคนชาตินั้นก็เหอะ....
    .......อย่าง...เมืองใน..อเมริกา..และ..ยุโรป..คุณเห็นคนหน้าตาเป็นฝรั่ง..ก็เดินเข้าไปถาม..
    ...เพียงเพราะว่า..ในมือ..เขาไม่มี..แผนที่..หรือ..ลากกระเป๋า..สะพายเป้....
    ...........ส่วนใหญ่..จะเป็นคนต่างถิ่น..มีตั้งแต่..นักท่องเที่ยวชาติอื่น...นักท่องเที่ยวชาตินั้นๆ
    (มาจากเมืองอื่น..)..คนมาหางานทำ..หรือ..คนที่เมืองนั้นแต่อยู่คนละเขต..แล้วบังเอิญมาแถว
    นั้น..ยิ่งถ้าคนหาเช้ากินค่ำถึงแม้..เขาจะอยู่ใกล้ๆนั้น..พวกนี้ก็ทำงานลูกเดียวหาเงิน..ไม่ได้ไป
    ละแวกอื่น..รู้จักแต่เส้นทางจากที่พักไปที่ทำงาน..เก็บเงินส่งกลับไปบ้าน..ไม่รู้จักที่อื่น..เก่งสุด
    ก็รู้จักแต่ปาร์ค..สถานที่พักผ่อน....คุณเจอคนแรก..ไม่รู้..คนที่สอง..ไม่ทราบ..คนที่สาม...
    ผมพึ่งมาอยู่...คนที่สี่..เดินหนี....
    ..................ผมถามว่า..จิตใจคุณจะเป็นยังไง..ครับ..คนที่จะคอยแต่พึ่ง..สิ่งอื่นจนเป็นนิสัย..
    ไม่ว่า..พึ่งคน..พึ่งเทคโนโลยี..พวกนี้..จิตใจไม่แข็งแกร่ง..และ..อ่อนไหว....
    ........ผม..ที่เรียกตัวเองว่า..”นักเดินทาง”..ไม่ใช่..นักท่องเที่ยว....นั้นต้องรับมือ..ทุกสถานะ..
    มันเห็น..แบบนี้มาเยอะ..เห็นแล้วก็สงสาร..ก็เลยมาสอนวิธี..ที่จะพึ่งตัวเอง..แบบเสี่ยงน้อยที่สุด
    ...หลีกเลี่ยงอารมณ์ที่จะต้องเสีย...ไม่ต้องไปเสวนากับใครให้หนักใจ...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..
    ....นั่นแหละครับ..ดีที่สุด.........
    ............ขนาดผมเอง..ก็ยังมีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นกับผมเรื่องเกี่ยวกับการถามทาง..จากคนที่
    ไม่ใช่คนไทยมาแล้ว..เรื่องมันเกิดที่..โตเกียว..ครับ......สถานีชุมทางขนาดมโหฬาร..ชินจูกุ..
    ....ผมมาอยู่ที่..ญี่ปุ่น..ประมาณ ๔ เดือนแล้ว..โตเกียวนี่..เรียกว่า ...ปรุ..ถ้าสถานที่ๆเป็นที่รู้จัก
    กันทั่วไปนั้น..ผมไปมาหมด..และ..หลายครั้ง..ภาษาตอนนั้นผมถือว่า..พอถูไถได้..พอรู้เรื่อง
    คำง่ายๆ..แบบเด็กประถมต้น..หรือ..เด็กอนุบาลตอนปลายมั้ง..ศัพท์ยากๆไม่เป็นครับ......
    ................ใครเคยไปดูให้เป็นเรื่องเป็นราว..จะตระการตามาก...คือ..รถไฟแค่..บนดิน..นี่
    มันยุ่บยับไปหมด...มันใหญ่กว่าหัวลำโพงมาก..และ..แน่นมาก..คนเดินไปเดินมาช่วงเช้าและ
    เย็น..ในสถานีนี่ผมว่า..ร่วมหมื่นมั้ง...ไอ้เดินเอ้อระเหย..นี่ไม่มีซักคน..แล้วที่นี่มีหลายชั้น..
    ..เพราะเป็นชุมทางของ..รถไฟใต้ดินด้วย...มันก็เรียกว่า..มั่วกันแหลก.......
    ..............ผมจำไม่ได้แม่นว่า..ผมมาช่วง..เสาร์-อาทิตย์..ที่ว่าง..รึเปล่า..แต่ตอนนั้น..จำได้ว่า..
    ..ยืนดูดบุหรี่..มองดูผู้คนซึมซับบรรยากาศ...อยู่ใกล้ๆชานชลา..ก็เตรียมจะขึ้นรถไปไหนซักที่..
    ...ไม่ได้อยู่ในช่วงเร่งรีบอะไร..และ...ตอนนั้น..ก้ไม่ใช่ช่วงเช้าเย็น..ที่มีคนหนาแน่น...
    ........เป็นช่วงกลางวันครับ.....ขณะที่กำลังทอดอารมณ์เพลินๆ..ก็รู้สึกว่า..มีอะไรมากระตุก..
    ขากางเกงไม่ทราบ...ผมนะเลือกที่แล้วนะ..เป็นบริเวณที่ไม่ใช่แนวทิศทางเดินของคน..
    ..ผมแปลกใจ...ก็เลยหันไปดู..ก็มองต่ำนั่นแหละครับ...โชคดี..ที่มองต่ำ..เพราะถ้ามองสูง..
    ระดับสายตาผม..ผมคงไม่เห็นอะไร......
    ...........ชายแก่ญี่ปุ่น..ผมว่าอายุน่าจะ..เจ็ดสิบ..ขึ้นไป..ยืนอยู่ใกล้ๆ..หญิงชราญี่ปุ่นวัยไล่เลี่ย
    กัน...ผมว่า..ผู้ชายนะ..สูงไม่น่าเกิน..๑๕๐ ซม...ผู้หญิงยิ่งเตี้ยกว่านั้นอีก..ทั้งสองนี่..รุ่นเหลือ
    มาจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ แน่นอน..(อย่าลืมนะครับว่า..เรื่องที่ผมเล่านี่มัน..เกินสามสิบปี
    มาแล้ว..)...ผมสูง ๑๗๘ ซม. ...ดังนั้นถ้าผมมองไกล..ระดับสายตา..ผมมองไม่เห็นหัวแก...
    ..แน่นอน...คุณผู้อ่านรุ่นนี้..ที่มีโอกาศไปเที่ยว..ญี่ปุ่น..หรือ..ดูละคร..หรือ..แม้กระทั่งสารคดี
    ที่ได้เห็น..คนชราญี่ปุ่น..อายุซัก เจ็ดสิบปี..นี่แล้วตกใจว่า..ทำไมตัวเล็ก..ตัวเตี้ยจัง....
    ....นั่นนะ..รุ่นที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้วนะครับ..เป็นรุ่นหลังสงครามโลก..และเติบโตมาใน
    ช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัว.....
    ........................................
    [​IMG]

    [​IMG]

    ...ญี่ปุ่นใช้แบบนี้มาก่อนใคร..ป้ายชื่อสายรถไฟ..สีเดียวกับสายรถไฟ..และสีพ่นที่ตัวรถไฟ..ป้องกันความสับสน...
    ...ทั้งสองภาพ..คือ..ที่สถานีชินจูกุ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2015
  8. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    โอ้โฮ!!
    คนอย่างกะหนอน แน่นไปหมดเลย
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ...สมัยพี่ไปเมื่อกว่า..สามสิบปีก่อน..แน่นน้อยกว่านี้..เล็กน้อย...
    ..และยุคโน้น..สูบบุหรี่ที่ชานชลาได้..เมืองญี่ปุ่นโดยเฉพาะในโตเกียว..ยุคโน้น..ถือว่าอยู่อันดับต้นของ..เมืองที่มีปริมาณคนสูบบุหรี่มากที่สุดในโลก..
    (คนมันเครียด..ทั้งชายและหญิง..ดูดกันเกือบหมด)
    ...ดังนั้นในยุคนั้น..ยังไม่มีเรื่องต้านการสูบบุหรี่..
    เข้ามาแผ้วพานได้..ห้ามก็เฉพาะ..ขึ้นไปบนรถสาธารณะ..อย่างรถไฟ..รถใต้ดิน..รถบัส...นอกนั้น..
    ดูดได้หมดทุกที่...พี่เห็นในรูป..เดี๋ยวนี้..มีป้ายห้ามสูบบุหรี่..ติดที่เสาแล้ว..ยุคโน้น..ที่สถานีชินจูกุ..นี่เหมือน..โรงสีเลย..ควันบุหรี่กลบไปหมด...
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........................................
    .....คนที่อยู่เมืองใหญ่..และ..มีการศึกษาบ้างเริ่ม..มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน..กันบ้าง
    ..เช่นรู้จัก..การกินนม..และ..เนื้อ..(อเมริกาเข้ามา..ควบคุม..และตั้งฐานอยู่มากกว่าสิบปี..)..เด็ก
    นักเรียนรุ่นใหม่ๆ..จึงเริ่มมีขนาดร่างกาย..ที่สูงใหญ่ขึ้น..ทั้งชายและหญิง(..ผู้หญิงจะเปลี่ยน
    แปลงไม่มากเท่าผู้ชาย..เพราะการพละศึกษารูปแบบใหม่เข้ามา..เด็กนักเรียนชายจะได้ผลจาก
    การนี้มากกว่า..)...........ส่วนพวกที่อยู่ตามเมืองเล็กๆ..ก็จะเปลี่ยนแปลงไม่มาก....
    ........แต่ถัวเฉลี่ยแล้ว..รุ่นนี้..คนญี่ปุ่นก็มีร่างกาย..สูงกว่ารุ่นสงครามโลก(และก่อนหน้านั้น)อย่าง
    ชัดเจน...
    ............................
    .....กลับมาที่สองผู้เฒ่า..ที่มาดึงกางเกงผม...ผมเห็นทีแรก..ทั้งแปลกใจ..และ..ตกใจ..คืออย่าง
    แรก..ไม่เคยมีคนญี่ปุ่นคนไหน..ที่มาทักผมก่อน..โดยที่ไม่เคยมีอะไรมาเกี่ยวข้องมาก่อน..และ..
    ต่อเนื่องหลังจากนั้น...มาก่อนเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หลายเดือน..แกเป็นคนแรก....
    ....สอง..ผมตกใจว่า..ผมไปยืนบังอะไร..หรือ..ไปเหยียบของหล่นบนพื้นที่เป็นของแก..รึเปล่า..
    ..ผมนิ่งไปซักแว๊ป..เพราะคิดแบบนั้น..แล้วผมก็โค้งให้ท่านทั้งสอง..และ..ทักทายแบบง่ายๆ
    ..ทำนองว่า..มีอะไรจะให้ช่วยหรือครับ..(..ตอนที่ผมถามไปผมยังนึกว่า..เอ๊..หน้าตาผมไป
    ..ใครที่แกรู้จักรึเปล่า..ทั้งๆที่ผมนะ..ผมว่า..ผมไม่คล้ายคนญี่ปุ่น..ในทุกทาง..ไม่น่าจะเป็นไปได้)
    ............ปรากฏว่า...แกทั้งสองคน..เพิ่งมาจากต่างเมือง(บ้านนอก)...แกต้องการไปที่ไหน..
    ซักแห่ง..ผมก็จำไม่ได้แล้ว(แต่ผมรู้จัก)..แต่แกไม่รู้จะขึ้นรถต่อสายไหน...ผมพอฟังแกออกครับ
    ..แต่..งง..ที่แกทั้งสองคนมาถามผม..ที่หน้าตา..ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่น..อยู่แล้ว..ทำไมถึงมาถามทางกับ
    คนต่างชาติ..แต่ตอนนั้น..ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ..ผมพยักหน้าเข้าใจ...แล้วก็เลยพาไปขึ้นรถสายที่
    แกจะไป..ผมบอกแกด้วยอย่างนึงเพราะ..เข้าใจว่าแกจะลำบากคือ..คนแก่มากๆ..เนื่องจาก
    จะหู..และ..ตาไม่ค่อยดี..นั้น..การจะไปลงรถสถานีไหน..อาจจะลงไม่ถูก..เพราะถ้ามองป้าย
    สถานีไม่ทัน..หรือ..ไม่ชัด..ก็จะลงผิดป้ายได้...นอกจากนี้..ก่อนจะถึงสถานีที่จะมีเจ้าหน้าที่
    ประกาศชื่อ..สถานีต่อไปที่จะจอดนั้น..ผมเองมีประสพการณ์..คือ..ถ้าเราไปอยู่ตรงกลุ่มเด็ก
    นักเรียน..หรือ..พวกเด็กวัยรุ่น..มันจะคุยกันเสียงดัง...ไม่สนใจใคร..เสียงมันบางครั้งก็ไป
    ทำให้..การฟังชี่อสถานีได้ไม่ชัดเหมือนกัน......พอผมคิดได้..ก็เลยดึงสมุดฉีก..ของผม
    ออกมาเขียน...ก็ทำคล้ายแผนที่เส้นทางเดินรถไฟนั่นแหละครับ..คือ..วงกลมแทนสถานี..
    แล้วก็..ขีดเส้นตรงต่อไปอีกวงกลม(สถานีต่อไป)..ทำไปเรื่อย..จนถึงสถานีที่แกจะลง....
    ..แล้วก็เขียนชื่อสถานี..ด้วยตัวฮิรากานะ..ซึ่งตอนนั้นผมคล่องแล้ว..ลงกำกับ...แล้วเขียนเลข
    กำกับ..ไล่ตามสถานี(..แบบที่ผมเคยใช้นับ..ที่เคยเล่าไปแล้ว..)..โดยให้สถานีแรกถัดจาก..
    ชินจูกุเป็นสถานีที่ ๑..แล้วไล่ไปเรื่อยๆ...ผมให้แกอ่านก่อน..แกก็อ่านผมออก..แล้วก็ไล่..
    โดยใช้..นิ้วชี้ตามไปด้วย..อิชิ..นิ..ซัง..ยอน..โกะ...แบบนี้..แกก็ฉลาดเข้าใจ..และหัวเราะตาม
    พยักหน้า..หงึกๆ..แค่นี้ก็หมดห่วง..ผมก็ฉีกแผนที่ผม..ให้แก..ทั้สองผัวเมีย..ก็โค้งขอบคุณผม
    ..ผมก็โค้งรับ..ทำกันซักสามสี่ครั้ง..จากนั้น..ก็รอให้แกขึ้นรถ..ผมก็ไปต่อตามทางของผม..
    ..........วันนั้นผมมานั่งคิดไป..คิดมาถึงเหตุผล..ว่าทำไมแกถึงมาถามผม..ไม่ไปถามคนชาติ
    เดียวกัน..แล้วเสี่ยงอีกต่างหาก..คือเปอร์เซนต์ที่จะไม่ได้เรื่องราวมีมาก..เพราะใช่ว่าคนต่างชาติ
    ..ส่วนใหญ่ที่มาขึ้นรถไฟที่..ชินจูกุนี่..จะรู้เส้นทาง..และ..สถานที่..วันหลังผมมีเวลา..ก็เลยกลับ
    มายืนที่เดิม..แล้วก็ถึงบางอ้อ..ก็เพราะ..ตรงนั้น..มันไม่มีใครสนใจใคร..แต่ละคน..ก็รีบไปต่อรถ
    เปลี่ยนสาย..จากรถบนดินไปต่อ..รถใต้ดิน..จากรถใต้ดิน..มาต่อบนดิน..แล้วก็..เดินเข้าเดินออก
    สถานี..ไม่มีใครหยุดนิ่ง..ผู้เฒ่าทั้งสอง..แกก็คงคิดจะไปถามเขา..แต่ไม่มีใครหยุดให้ถาม..หรือ
    ใครมาสังเกตแก..(ผมเองก็ด้วย)..ทุกคนเร่งรีบไปที่จุดหมายของตัวเอง..มีแต่ผมที่..อยู่กับที่..
    ..แกก็คงหมดทางเลือกแล้ว..ถึงมาถามผม..แม้ว่าผมจะเป็นคนต่างชาติก็เหอะ..
    .........ครับนั่น..คือประสพการณ์ที่ค่อนข้างแปลกของผมในญี่ปุ่น..ไปเล่าให้พรรคพวกหรือแม้แต่
    คนญี่ปุ่นที่รู้จักฟัง..เขาก็หัวเราะ..ว่ามันเป็นเรื่องแปลก....
    .............................................................
     
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............................................................
    .............ตอนนี้กลับมาเล่าเรื่องราวของ..เมืองหรือสถานที่ต่างๆในญี่ปุ่นยุคสามสิบกว่าปีก่อน
    กัน....อย่างที่ผมเคยเล่าแล้วว่า..โชคดีที่..ผมได้ไปมา..เรียกว่าร่วมครึ่งประเทศญี่ปุ่นเลยมั้ง
    เพียงกระจัดกระจายไปตามเมืองต่างๆ..ทั่วภูมิภาค..เนื่องจากผมไปเรียนด้านวิศวกรรมลำน้ำ
    ..แต่ละภูมิภาคก็มีวิธีจัดการแตกต่างกันไป..ทำให้ดูไปศึกษา..ในหลายๆที่..
    .............ผมนั้นเป็นคนชอบ..ศิลปวัฒนธรรม..และ ประวัติศาสตร์..นอกเหนือ..จากการชมทิว
    ทัศน์...การไปหลากหลายที่..ในญี่ปุ่นนั้น..มีโอกาศสอดแทรกได้..ผมก็..เรียนรู้ไปด้วย...
    (ยกเว้น..เรื่องที่ไม่ถนัด..คือ..อาหารการกิน..)..สมัยผมเด็กๆ..พ่อผมนั้นได้เดินทางไปดูงาน
    ในต่างประเทศ..ในแถบเอเซีย..และ..แปซิฟิค...พ่อผมเล่าว่า..เราเชื่อมั้ย..ว่า..คนรุ่นหนุ่มสาว
    ..ในญี่ปุ่นยุคนั้น..(ร่วม ๕๐ ปีมาแล้ว)..พ่อไปถามมาหลายคน..ปรากฎว่า..มันไม่มีศาสนากัน
    หรอก..ถึงแม้จะมีวัดอยู่ไม่น้อย...พ่อบอกว่า..มันไม่ยืดถืออะไร..ผมก็งง..เพราะผมเรียนมาว่า
    คนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น..นับถือ..พุทธมหายาน..และ..ชินโต...
    ..........ผมก็ไม่เชื่อพ่อเท่าไหร่..เพราะพ่อไปอยู่มา..ไม่เกินอาทิตย์...ยิ่งข้อมูลแบบนี้..ผมโต
    ทำงานแล้ว..รู้อะไรมากขึ้น..ถือว่า..ข้อมูลของพ่อไม่น่าจะมาประเมินภาพรวมได้...
    ....แต่พอผม..ได้มาสัมผัสเองเป็นเวลานาน..ถึงได้รู้ว่า..จริงๆแล้ว..พ่อเข้าใจผิดไปครึ่งหนึ่ง....
    ....ไม่ว่า..หนุ่ม..สาว..หรือ..แก่...ทั้งหมด....ส่วนมันก็ไม่นับถือศาสนา..เป็นเรื่องเป็นราวหรอก
    ...เพราะ..ที่มันนับถือคือ...ผี...ก็เหมือนคนเอเซียรุ่นโบราณ..นั่นเอง....
    ........ผี..ที่มันทำที่ให้อยู่..ตามศาลเจ้า..นั่นแหละ..ศาลเจ้ามีมากกว่า..วัด..ไม่รู้กี่สิบเท่า....
    ..วัดที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว..คนจะไปกันไม่มาก....ถ้าไม่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จริงๆ..อยู่..
    .........คงถึง..บางอ้อ..แล้วนะครับ....มันไม่นับถือ..ศาสนากันหรอก..แต่นับถือ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ..ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ..แล้วยึดได้ยังไง..ก็ขอแล้ว..ได้ตามประสงค์..มันจะเป็นอะไรก็ได้
    ....(..ก็คล้ายๆกับ..คนไทยพุทธบ้าง..เพียงแต่ไทยยัง..เข้าวัด..ทำบุญกันบ้าง...แต่..ไอ้ยุ่น
    ส่วนใหญ่..เข้าไป..ขออย่างเดียว..ไอ้ที่ทำบุญก็เป็นการทำตามธรรมเนียมเท่านั้น...ไม่มีการบน
    มีแค่ว่า..จะต้องใช้อะไร..เอาอะไร..ไปขอ..ขอได้แล้ว..ก็จบกัน..ไม่ต้องมาแก้บน..)
    ..ศาลดังๆที่มีปลัดขิกไม้..ทำด้วยซุงทั้งต้น..มันก็ไปไหว้ขอลูกกัน..ขอผัวก็มี...
    .......ไอ้ที่ยิ่งกว่าคนไทย..อย่างเห็นได้ชัด..ก็เด็กนักเรียน..ที่ไปไหว้ศาลเจ้ากัน..ตอนสอบเอ็น
    ทร้านซ์...เรียกว่า..๒ใน ๓..ไม่น้อยกว่านี้..ไปศาลเจ้าขอให้สอบติดกันทั้งนั้น....
    .....บ้านเขา..มีแห่..ก็มีแต่ตามศาลเจ้า..แทบทั้งนั้น..เทศกาลประจำปี..ก็ไม่มีซ้ำ..ศาลใคร
    ศาลมัน...
    ............................
    .....แต่สิ่งที่ดี..ที่เกิด..ก็คือ..วัดของญี่ปุ่น..นั้น..จะสงบ..และไม่บ้าจัดงาน..แบบวัดไทย...
    ...คนเข้าวัด..ส่วนใหญ่..ก็เป็นคนพุทธ..ที่มีจิตใจแน่วแน่เป็นส่วนใหญ่..และ..เปอร์เซนต์
    สูงกว่าเมืองไทยเยอะ...เขาไม่ต้อง..ไปสร้าง..โบสถ์ใหม่...ไม่ต้องสร้างศาลาการเปรียญ
    ใหญ่โตมโหฬาร...ไม่ต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวก..แบบที่พระไม่จำเป็นต้องมี....
    ...ไม่ต้องสร้างกุฏิติดแอร์ให้เจ้าอาวาสอยู่...ทั้งพระ..และ..ฆาราวาส..มุ่งมั่นกับ..ธรรม..
    และ..จิต..อย่างเต็มที่....
    ........ผมไปวัด..ตามเมืองเล็กๆมาหลายวัด..เรียกว่า..พอมีเวลาก็แว็บไปดู..เพื่อสังเกตการณ์
    ...และ..ไปซึมซับบรรยากาศ...นี่ไม่ใช่นิยมชมชอบของนอก..แล้วมาถล่ม..ของบ้านตัวเอง..
    .....ผมว่า..คนไทยส่วนใหญ่..ไปเที่ยวญี่ปุ่น..แบบปกติ..ก็แทบไม่ได้ไปวัดกัน..เว้นแต่ที่..
    โตเกียว..นั่นไม่ใช่วัด..ครับ..นั่นมันสถานที่ท่องเที่ยว..แม้แต่ที่..นารา..ก็เช่นกัน....
    ......วัดของจริง...ต้องสงบ..แบบโคตรสงบ..คุณหาที่อื่นไม่ได้..ต้องญี่ปุ่น..ต่อให้เป็นสวนโมกข์
    ก็เหอะ.....ไม่ใช่..คำว่า”สงบ”..นี่หมายถึง..เสียงเงียบ..แต่มันหมายถึง..”จิต”..ครับ..จิตสงบ..
    .......เวลาผมไปวัด”แท้ๆ”ที่ญี่ปุ่น..นั้น..ผมดื่มด่ำ..อยู่ ๒ อย่าง..และเมื่อมันเข้ามาสู่โสต..พร้อมๆ
    กัน..เรียกว่า..เอาเนื้อโกเบ....มาแลก..ก็ไม่ยอมจริงๆ....
    ....นั่นคือ..สวนทราย(กรวด)แบบญี่ปุ่น..กับ..เสียงสวดมนต์ทำวัตรแบบของญี่ปุ่นพร้อมเสียงเคาะ
    กะโหลกไม้..ให้จังหวะ....จิตมันจะเข้าสู่ภวังค์..และเคลื่อนไหวตามแนวคลื่นทรายที่เขา..คราด
    ไว้..โค้งไปมา...ผมจะนั่งมองสวนทรายพร้อมกับฟังเสียงสวดได้นิ่งๆไม่ไปไหน..เป็นครึ่งชั่วโมง
    เลย..พอออกจากวัด..มันก็เหมือนชาร์ตแบ็ตให้พลังชีวิต..คึกคักและแจ่มใส..คลายเครียดได้ดี
    มากๆ...หลายท่านอ่านอาจหาว่าผมกระแดะ..แต่เรื่องจริงครับ...ผมจะไม่เคยรู้สึกแบบนี้..เมื่อ
    อยู่ที่เมืองไทย....ผมนะไปวัดเมืองไทย..มาหลายแห่งมาก..ผมเองนะเดิมนะเขียนเรื่องอยู่..ใน
    ห้องพระเครื่อง..ดังนั้น..เรื่องแบบนี้ผมก็สัมผัสมาเยอะครับ...อย่างว่า..ลางเนื้อชอบลางยา..
    อาจจะเป็นเฉพาะผม..และ..คนญี่ปุ่นจำนวนน้อยที่ชอบแบบนี้...ก็ได้....
    ........................
    .............[​IMG]

    ...........[​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2015
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........................
    ......การไปหลากหลายที่..จนจดจำเมืองที่ไปยังไม่ได้..เอาแค่จังหวัด(..ในจังหวัดมีหลายเมือง)
    ..ก็ยังจำไม่ได้..มันสร้างมุมมองต่างๆกันไปได้มาก..บางคนที่ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น...บอกมาไปมา
    เยอะ..แต่สมัยก่อนหรือ..แม้แต่ยุคปัจจจุบัน..เมืองที่เป็นที่ท่องเที่ยวกัน..ของคนไทย..หรือ..
    ชาวต่างชาตินั้น..ในเกาะฮอนชู(..เกาะใหญ่..)เกือบทั้งหมด..อยู่ฝั่งตะวันออก..และ..คนไทย
    น้อยคน..ที่จะได้ไปฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น..เพราะที่เที่ยวมันสู้ฝั่งโน้นไม่ได้..ฝั่งนี้..เขาเรียกกัน
    ว่า..ฝั่งทะเลญี่ปุ่นครับ..ฝั่งตะวันออก..คือ..ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก.....
    ..........การเดินทางข้ามฝั่ง..จากตะวันออกสู่ตะวันตกนี่แหละ..ที่มันสร้างบรรยากาศ..ที่แปลก
    ใหม่ให้ผม..และไม่นึกว่าจะมาเจอ..นั่นก็คือ...”รถหวานเย็น”..มันเหมือนกับ..สมัยที่ผมทำงาน
    ใหม่ๆ..นั่งรถไฟจาก..สถานีชุมทางศิลาอาสน์( อุตรดิตถ์ )...ไปสถานีลำปาง...ระยะแค่นั้นแหละ
    แต่..ใช้เวลาเดินทาง..ออกจากอุตรดิตถ์..เช้า...ถึง..ลำปาง..ตอนเย็น...
    ..........ตอนนั้นผมมาอยู่ญี่ปุ่นซัก ๒ เดือนแล้วมั้ง..นั่งรถไฟของญี่ปุ่นก็ประทับใจ..เพราะตรง
    เวลา..เร็ว..รถไฟหัวจรวดชิงกันเซ็น..ก็นั่งแล้ว...ก็ยิ่งประทับใจ...ผมก็ไม่เคยนึกว่า....
    ....ญี่ปุ่น..มันจะมี..”รถหวานเย็น”..แบบบ้านเรา....ตอนที่ขึ้นรถไปทีแรก..ยังไม่รู้เลยว่า..
    ว่ามันเป็น..หวานเย็น..เพราะความเร็วของมัน..ผมก็เริ่มเอะใจ..ก็เลยไปถามผู้ประสานงานญี่ปุ่น
    ไอ้โมริยาม่า(..เชื่อมั้ยว่า..ผมใช้เวลา..นั่งนึกชื่อมันอยู่..๒ อาทิตย์..จนปวดกบาล..เจ็บใจใน
    ความแก่ของตัวเอง..ที่เดี๋ยวนี้นึกเรื่องบางเรื่องที่คิดว่า..ไม่น่าลืม..ก็นึกไม่ออก..อย่างเรื่องใน
    ญี่ปุ่น..หลายเรื่องที่น่าจะเล่าได้..แต่เล่าไม่ได้เพราะตอนนี้..นึกยังไงก็นึกไม่ออก...อย่างไอ้นี่
    เหมือนกัน..ผมยอมแพ้ไปแล้ว...อยู่ดีๆไม่นานนี่เองระหว่างเขียนเรื่อง..ชื่อมันก็โผล่ออกมาจาก
    หลืบสมองของผมได้..ยังไงไม่ทราบ...)..ว่า..นี่มึงมาให้พวกกูนั่ง..รถอะไรวะ...มันก็บอกว่า..
    ..”รถหวานเย็น”(..ผมจำชื่อภาษาญี่ปุ่นไม่ได้แล้ว..)..จอดทุกสถานี..ไม่ว่าเล็กขนาดไหน...
    มันบอกว่า..โปรแกรมเราไม่ต้องรีบ..ทางJiCA..เขาอยากให้พวกเอ็ง..ได้สัมผัส..บรรยากาศ..
    ทิวทัศน์..สภาพป่าเขาของญี่ปุ่น..และ..ชนบทแท้ๆ..ได้อย่างเต็มอิ่ม...แม่มบอกหน้าตาเฉย
    เลย...ไอ้พวกเราก็..เซ็งกันไป..หลายคนก็เลยตั้งหน้าตั้งตาหลับเต็มที่..เพราะ..เราออกแต่
    เช้า..แต่โมริยาม่า..บอกว่า..จุดที่เราจะลง(..ถ้าจำไม่ผิด..น่าจะเป็น..ท็อตโตริ ( TOTTORI ))
    กลางคืน....
    ........พวกนึง..ก็พยายามหลับกัน..พวกนึงก็นั่งด่าไอ้ยุ่นคนจัดโปรแกรม..และ..ไอ้โมริยาม่า..
    ..พวกนึงก็พยายามนั่งคุยกัน..จนไม่มีอะไรจะคุย..ผมเองนั้น..เป็นคนที่ไม่ประเภทพอก้นติด
    เบาะเป็นหลับ..แต่ถ้าง่วงมากๆถึงจะหลับ..ผมมาญี่ปุ่นนี่..ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่า..จะไม่
    พยายามนั่งหลับบนรถบัส..หรือ..รถไฟ..ต่อให้ทิวทัศน์..มันน่าเบื่อขนาดไหน...
    ........เพราะผมเป็น..คนงก..ครับ...งกโอกาศ..เพราะว่า..การได้มาเมืองนอกครั้งนี้..ผมถือว่า
    ผมโชคดีโคตรๆแล้ว...อะไรที่ผ่านตาไป..นั่นคือ..โอกาศมาให้ศึกษา..พิจารณา..ให้มาสัมผัส
    ..ผมพยายามเก็บเท่าที่จะเก็บได้...เพราะผมไม่คิดว่าจะได้ไปเมืองนอกอีก..คิดว่านี่คือโอกาศ
    เดียว..เท่านั้น..มีอะไรเข้ามา..สัมผัสโสตฯทั้งห้า..กูขอตักตวงไว้ก่อน....
    ....................
    ...เกาะฮอนชู(เกาะใหญ่)..นั้นสัณฐาน..ยาว รูปร่างคล้ายกล้วยหอม..กลางแนวลากตามความ
    ยาวเกาะ..มันคือ..แนวเขา..คล้ายๆกับ..กระดูกสันหลังของคน..ที่สูงขึ้นไป..เป็นทั้งเทือกเขา
    ยาวมั่ง..สั้นมั่ง..วางตัวซ้อนกันไปตลอดแนว....สร้างทัศนียภาพให้เกิดเทือกเขา..สลับซับซ้อน
    ...หลายๆพันปีก่อน..พวกที่มาจากแผ่นดินใหญ่..นั่งเรือมา..และมารุกรานและตั้งปักหลักฐาน
    ที่นี่..ทำให้คนพื้นเมืองเดิมส่วนใหญ่...ต้องหนีร่นเข้าไปอยู่ในเทือกเขาเหล่านี้..จนเป็นชื่อเรียก
    พวกนี้ว่า...”ยามาโนะ”...ยามา..ก็คือ..ภูเขา....โนะ..คือ..คน...รวมกัน..ยามาโนะ..ก็หมายถึง..
    ...”คนภูเขา”..นั่นเอง....บางคนอ่านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น..แล้วเข้าใจผิด...
    ..................
     
  13. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    สวัสดีครับพี่ modpong

    วันนี้ถือเสื่อจะมาปูเพื่อดูหนังกลางแปลง ปรากฎว่าวิกไม่เปิด แต่ไม่เป็นไร ปูเสื่อคอยเลยละกัน
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................................
    ....เออ..รอมั่ง..เอาแน่นอนไม่ได้มาก..กับพี่...
    ..เมื่อวานเกิดไม่มีอารมณ์..ขึ้นมาเฉยๆ..ก็เลยไม่ได้เขียน....
    ...ช่วงนี้..วงการพระ..สงสัยเงียบ..ไม่มีเรื่องฮือฮา..
    อะไรเลยนี่...วัฏจักรมันก็เป็นอย่างงี้แหละ..ขึ้นๆลงๆ
    ....ฟังคนแถวบ้าน..มาเล่า..แล้วสงสารพวกที่ต้อง
    เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ..(..เราก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เรอะ..)..ที่ต้องเผื่อเวลาจากเดิมเพิ่มอีก ๑ ชม.
    ..แล้วต้องแกร่วรอ..เช็คโน่น..นี่....
    ......โชคดี..เดี๋ยวนี้ไม่เคยคิดไปไหน..แม้แต่ในประเทศ..ด้วยเครื่องบิน......เพราะขี้เกียจมีปัญหา..
    ตอนแสกน..ร่างกาย..เราใส่สร้อย..ข้อมือ ร่วม ๔๐ เส้น..โลหะ..เกือบหมด..หลายเส้น..กใส่แบบ..ต้องใช้
    คีมถึงจะถอดได้..ก็เลยตัดปัญหา..ไม่ต้องไปแม่มซะเลย....
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................
    .............ธรรมชาติ..มนุษย์..ไม่มีใครอยาก..ไปอยู่บนภูเขาถ้าไม่จำเป็น...ก็เหมือนพวก..ชาว
    เขา..ในไทย..ในลาว..พม่า..เวียตนาม..และ..จีน...พวกชนกลุ่มน้อย..นี้..ดั้งเดิม..มันก็อยูที่ราบ
    กันทั้งนั้น..เพราะอุดมสมบูรณ์..แต่ด้วยถูกรุกราน..ผู้มาใหม่..เขามายึดครองที่ทำกิน..มันก็เลยบีบ
    ..ให้พวกนี้..ต้องขึ้นไปดำรงชีพ..บนภูเขา..อยู่นานจนปรับตัวได้..ถ้าเกิดความแห้งแล้ง..มากๆ
    ..พวกนี้ก็ย้ายที่ไป..ก้ไม่มีสิทธิมาลงพื้นราบ..เพราะมีเจ้าของกันหมด..และไม่มีปัญญาไปสู้กับ
    พวกพื้นราบ..อพยพไป..ก็ไปอาศัยภูเขาอยู่อย่างเดิม..สบายกว่า..เพราะปรับตัวได้แล้ว...
    .....ดูอย่าง..คนภูเขาของไต้หวัน..นั่น..นั่นคือ..เจ้าของเกาะไต้หวันตัวจริง..ชาติพันธุ์เดียวกับ
    พวกฟิลิปินส์..โดนพวกจีน..ตั้งแต่สมัยซ่ง..เข้ามาตั้งถิ่นฐานเบียดเบียนอยู่..แล้วก็เข้ามายึด
    ทั้งเกาะ..พวกพื้นเมืองเดิม..ก็เลยถูกบีบให้ขึ้นไปดำรงชีพ..บนภูเขา..เพื่อความอยู่รอด..ทั้งๆ
    ที่เดิม..ก็อยู่พื้นราบนี่แหละ...เดี๋ยวนี้..เลยกลายเป็น..ชาวเขาไปโดยปริยาย...
    ....................
    ............เช่นกัน..ในญี่ปุ่น..ยามาโนะ..ก็ปรับตัวให้ชิน..กับการอยู่บนหุบเขา..ที่สูง..แต่เมื่อคน
    พื้นราบ..มากขึ้น..ไอ้พวกพื้นราบบางส่วนก็เลยต้อง..ขยับขยายตัวเอง..ขึ้นไปอยู่ในหุบเขา..
    ในซอกหลืบ..ของขุนเขามากขึ้น..แล้วก็ติดต่อค้าขาย..กับพวกยามาโนะดั้งเดิม..แล้วไปๆมาๆ
    ผ่านเป็นพันปี..พวกยามาโนะ..ก็โดนกลืนไป..วิถีชิวิตนั้นก็ประสมประสานกับ..คนพื้นราบไป..
    ..พวกนี้..จะสันโดษ..และไม่นิยมเทคโนโลยี..ประแพณีถือผี..ก็เคร่งครัด..หากินกับป่า..ทำนา
    ก็แค่เอาไว้กินกันเอง...ชีวิตเรียบง่าย..เมื่อสมัยผมไปนั้น..ส่วนน้อยเท่านั้น..ก็คือเด็กที่หัวดีๆ..
    ได้ไปเรียนต่อในเมืองใหญ่..เข้ามหาลัย..แล้วก็เปลี่ยนตัวเองเป็นคนเมือง..แต่ส่วนใหญ่..ก็
    ดำรงชีวิตตาม..บรรพบุรุษไป..เพราะไม่เดือดร้อนอะไร..บางบ้านไม่มีทีวีด้วยซ้ำ..ไม่ใช่ว่า..ไม่
    มีเงิน..แต่ไม่สนใจ..และ..ที่ต่างจากบ้านเราชัดๆคือ..ไม่มีใครอวดมั่งอวดมี..ใส่ทองหยอง...
    ติดแอร์ที่บ้าน..เหมือนบ้านเรา..พอเพื่อนบ้านเห็นก็อยากรวยกับเขามั่ง..อยากมีบ้านใหญ่ๆ...
    ของดีๆใช้..วิถีชนบท..มันก็เลยเปลี่ยน..ความละโมบ..เข้ามาแทน..................
    ...................
    .............ทุกหมู่บ้าน..ที่มีสถานีรถไฟจอด..กลางหุบเขานี่..มากกว่ายิ่สิบแห่ง(สถานีเยอะมาก)
    ..มันเหมือนกันหมด..รถก็มีน้อยมากๆ..และ..ก็เป็นรถบรรทุกเล็กเป็นส่วนใหญ่..บ้านแบบญี่ปุ่น
    ดั้งเดิม..ชั้นเดียว..ไม่เห็นบ้านแบบยุโรปเลย...ดังนั้น..ก็แสดงว่า..พวกนี้เขามีความเพียงพอ..
    ..มีความสุข..ไม่มีใครอวดรวย..และก็คงไม่มีใครรวยกว่าใครมากเท่าไหร่.....
    ......รถไฟสายนี้..ต้องขึ้นเนิน..ลอดอุโมงค์..นับไม่ถ้วน..และ..จอดเยอะมาก..เวลาจอดทีนึง..
    มันก็เหมือน..รถหวานเย็นบ้านเราคือ..ชาวบ้านเขาพึ่งรถไฟเป็นหลัก..เอาของไปขาย..หรือ
    ไปซิ้อของมา..ก็อาศัยรถไฟนี่แหละ..ดังนั้นแต่ละที่..การขนของขึ้น..ขนของลง..ใช้เวลา
    นานพอควร...ผมก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เต็มที่..ก็สังเกตจับเวลาการจอด..แต่ละสถานี..
    เราก็กะเวลาได้...ยิ่งหมู่บ้านไหนอยู่ติดสถานีเลย..ยิ่งชอบ..ลงไปสำรวจเก็บข้อมูล..ทุกอย่าง
    เท่าที่ทำได้..และก็เผื่อเวลา..ไว้เลือกซื้อขนมพื้นบ้านที่สถานี..ซึ่งก็คล้ายๆกันแหละครับ..
    ..ขนมญี่ปุ่นแท้ๆดั้งเดิม..ใส้ก็คือ..”ถั่วแดง”...ที่ต่างก็รูปร่าง..รสชาติเล็กน้อย..แป้ง..งา...
    ..และแพ็กเกจที่..มีศิลปะ..อย่างที่ไทยยุคโน้น..ไม่มีทางเทียบได้..ผมซื้อขนมแทบทุก..
    สถานีเลย..กินเสร็จแล้วเก็บห่อขนมไว้ดู..สวยดี...หลักการก็คือ..ซื้อ..น้อย..เอาแค่พอแค่..
    หายหิว..หรือ..กินเล่นระหว่างสถานี..ไปเท่านั้น..ถ้าไม่เล่นแบบนี้..ท้องแตกตาย..หรือไม่งั้น
    ก็..ไม่มีมือหิ้วขนมทั้งหมดแน่..เพราะมันเยอะจริงๆ.....
    ............................
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............................
    ..............เวลาเรานั่งรถมองออกไป..สำหรับสายตะวันออก-ตะวันตกนี่..วิวมันจะแตกต่างจาก
    ..เวลาเรานั่งรถไฟ...สายทั่วๆไป..ที่ผ่านชนบท...เพราะ..ที่นี่มัน..เขียวเข้ม..กับ..เขียวอ่อน..
    เกือบทั้งสิ้น..เนื่องจากพื้นที่ทำนา..น้อย..มีแต่ป่าสนเป็นส่วนใหญ่...แต่ป่าเขาในชนบทบ้านเขา
    ...มันต่างจากป่าเขา..ทั่วไปในบ้านเรามาก..แม้แต่ที่เป็นอุทยานแห่งชาติบ้านเราก็เหอะ...
    ...บ้านเรา..จะเห็นป่าที่แหว่ง..มีหน้าดินโผล่..เหลือแต่ตอ(..โดนตัดกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม...
    )...เป็นแปลง..ผัก..ข้าวโพด..(การบุกรุก..)....ฯลฯ..
    ......แต่บ้านเขา...เขียวป๋อ..สีสดใส..ต้นไม้ถูกตัด..ก็มีปลูกทดแทน..ไม่มีแปลงผักไปอยู่บนเขา..
    ...ต้นไม้..ก็โตไล่ระดับกัน..ปลูกทดแทนรุ่นที่ ๑ , ๒ ,๓ ไล่ไปเรื่อยๆ..ตัดใหม่ๆก็โล่ง..มีหญ้าปก
    คลุม..ผมเห็นแล้ว..มันสดชื่น..ชื่นใจ..ไม่มีหลับ..ระหว่างทางเลย..ระหว่างหุบเขา..ก็..เป็นนาข้าว
    เป็นส่วนใหญ่..มีแปลงผักบ้างเล็กน้อย....อากาศเย็นจัด..และ..ชื้น..แม้อยู่ในช่วงที่..พื้นที่ราบ..
    ภาคตะวันออก..ยังมีฝน..และ..อากาศไม่เย็น..ลมพัดผ่านช่องหน้าต่างรถไฟ..ปะทะหน้า..มันเย็น
    จนหน้าชา..แต่ก็เป็นอากาศที่บริสุทธิ์มาก..ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมเลย..ไม่มีการเผาป่า
    ...........
    .....ช่วงเกือบตลอดทาง..ตั้งแต่เริ่มผ่านเข้าสู่..แนวสันหลังของเกาะฮอนชู..ผมก็เจอแต่
    สถานีเล็กๆทั้งนั้น..หมู่บ้านกี่แห่ง..กี่แห่ง..ที่ทีสถานีรถไฟจอด..ก็จะเหมือนกันแทบทั้งหมด
    ....ถึงแม้จะหมู่บ้านเล็กแต่..ก็มีความเป็นอยู่ดี..สาธารณูปโภคที่จำเป็น..ก็สมบูรณ์...
    ......ถนน..แม้จะเล็ก..แค่สวนไปมาข้างละ๑เลน..แต่..ลาดยางนี่เรียบปื้ด..สะอาด..ไฟฟ้า
    ..มีตลอด..น้ำประปาบ้านเขานี่..ดื่มได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว(..บ้านเราทำเป็นคุยเมื่อไม่กี่ปี
    ก่อนว่า..ดื่มได้..ก็ลองดื่มเข้าไปดูซิ..ขนาดกลิ่นคลอรีน..ยังโชยเข้าขมูก..ใส่ถังทิ้งไว้...
    ..ซัก..อาทิตย์..คราบสนิมนี่จับก้นถังเลย...เวลาซ่อมท่อนี่..ชุ่ยมาก..ขี้ดินก็เข้าไปท่อ....
    ....อยากรู้..ว่า..ถ้าไม่ใช่..ส่วนที่ทำไว้..โฆษณา..ของ กปน. ...ใครมันจะกล้าดื่ม..)...
    ....ผมว่า..พวกนี้นั่นแหละ..ที่รู้จักความหมายของ..”ความพอเพียง”...คนไทยน้อยคนมาก
    ที่จะรู้จัก....เขาไม่ต้องอวดรวย..ชิงดีชิงเด่นกัน...ทุกคนในหมู่บ้าน..มีฐานะใกล้เคียงกันหมด
    .......อุตสาหกรรม..ในแทบนี้มีเหมือนกัน..แต่อยู่ห่างทางรถไฟ..และ..ใช้รถยนต์ขนส่ง
    เป็นหลัก..นั่นคือ..กระดาษ...ครับ..โรงงานผลิตกระดาษ...เนื่องจาก..กระดาษทำมาจาก..
    เยื่อของไม้..ดังนั้น..เขาก็มาตั้งโรงงานกันที่แหล่งเลย..คือ..กลางป่า...ญี่ปุ่น..เป็นประเทศ
    ที่ผลิต..กระดาษหลากหลายแบบ..และ..หลากหลายชนิดมากที่สุดในยุคนั้น...กระดาษของ
    ญี่ปุ่น..ผลิตจากไม้..หลากหลายชนิด..มากกว่าบ้านเรามาก..ไม้แต่ละอย่างก็ให้..กระดาษที่
    มีคุณสมบัติต่างกัน....
    ..........เด็กหนุ่มสาว..ลูกชาวบ้าน..ที่หัวไม่โดดเด่นด้านเรียน..ขี้เกียจเรียนต่อกัน...ก็ไม่ต้อง
    ไปไหนไกล..ถ้าไม่อยากทำเกษตรกรรม..เพราะโรงงานกระดาษ..มีมาก..นั่งรถไฟ..จากบ้าน
    ตัวเอง..แล้วก็ไปต่อรถเอาได้..พวกนี้..ก็เลยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปไหน..โรงงานในบ้านอย่าง
    ..เซรามิค..ทอผ้า..จักรสาน..ก็มีรองรับ...เรียกว่า..ทุกคนแฮ้ปปี้......
    ..............ผมนั่งไอ้หวานเย็นนี่..มาจนถึง..จุดหมายปลายทาง..ที่จะลง..เมืองนี้เป็นเมืองที่..
    เรียกว่า..ใหญ่พอควร..ของภาคตะวันตก..(ภาคตะวันตก..เมืองไม่ค่อยใหญ่หรอกครับ..)..
    ..........นั่นคือ.........ต๊อตโตริ.....TOTTORI...........ที่เรามาที่นี่..ก็เพราะต้องมาศึกษาและ
    ดูงาน..ป้องกันชายฝั่งที่นี่..แต่มีของแถม..ที่พวกเรานึกไม่ถึง...ตอนขึ้นรถบัส..รถกำลังเคลื่อน
    ที่ออก..ไอ้โมริยาม่า..ก็บอกกับพวกเราว่า..เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว..ทะเลทราย..กัน....
    .......พวกเราก็..ขำกันกลิ้ง...จะบ้าเรอะ...อยู่ญี่ปุ่น..เสือกบอกว่า..จะพาไปเที่ยวทะเลทราย..
    ...........อย่าลืมนะครับ..ว่ายุคนั้น..โลกแคบ..ไม่มีอินเทอร์เน็ต..ไม่มีใครรู้เรื่องใครเท่าไหร่..
    ..ยิ่งไอ้ที่ว่ามานี่..เรียกว่า..ไม่มีใครรู้..เพราะมันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง...แม้แต่ปัจจุบัน
    ผมก็ว่า..มีคนไทย..ที่ไปเที่ยวที่นี่..ไม่เท่าไหร่..................
    ................

    [​IMG]

    CREDIT : http://1.bp.blogspot.com/_7Jay9wpHj2c/TSF7EcEiXDI/AAAAAAAAAAU/3v3VwyctHiA/s1600/japan+village2.JPG

    BY :http://vilagebeauty.blogspot.com/2011/01/japan-beauty-villages.html
    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2015
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ................
    .........ต้อดโตริ..เป็นเมืองท่าใหญ่ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น..ที่อยู่เหนือความคาดหมาย..ของคนทั่วไป
    ไม่ว่า..คนญี่ปุ่นที่มาจากภาคอื่น..หรือ..คนชาติอื่นคือ...ที่นี่..แม้ในช่วงหน้าร้อน..อากาศก็จะเย็น
    สบายครับ..ยิ่งปลายหน้าร้อนนี่..ออกหนาวเลยด้วยซ้ำ..แม้จะมีอิทธิพล..ของกระแสน้ำอุ่น(ย่อย)
    “ทซุชิม่า”..ที่วิ่งขึ้นเหนือมาจาก..ไต้หวัน..แต่ก็ไม่สามารถทาน..กระแสลม..จาก..ไซบีเรีย..ได้.
    .........ขนาดผมยืนกลางแดด..ริมทะเลบริเวณที่มีการป้องกันชายฝั่งบรรยายสรุป..รวมถึง..
    พรรคพวกทุกคน..ยืนกันขาสั่นเลย..ในช่วงปลายหน้าร้อนนี่..เรียกว่า..หนาวเลย..ไม่ใช่เย็น..
    ..พวกเราไม่ได้มีใครเอาเสื้อหนาวมา..เพราะเป็นช่วงหน้าร้อน..ผมเองก็ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นด้วย
    ซ้ำ...สั่นทั้งตัวเลย..ลมแรงมาก..และ..เย็นเฉียบ..แต่น้ำทะเลนะไม่เย็นมากนะครับ..เพราะ..
    อิทธพลของ..กระแสน้ำอุ่น..อย่างที่บอก...
    ...........มันก็เลยกลายเป็นเรื่องแปลก..ตอนกลางวันไปเดินเที่ยวทะเลทราย..แต่เสือกหนาว..
    (ทะเลทรายทั่วไปจะหนาวเฉพาะ..กลางคืน)..คงมีที่เดียวละมั้ง..คือ..ที่นี่...
    ..........มันเป็น..ทะเลทราย..ที่อยู่ติดทะเลครับ..พื้นที่กว้างใหญ่มั้ย..ก็ดูรูปเอา..ผมกะประมาณ..
    โดยทั้งหมด..มากกว่า..ร้อยไร่ครับ..เรียกว่า..ถ้าคุณยืนอยู่กลางทะเลทรายที่นี่..หันหน้าไปทาง
    ทะเล..ขอบเขตสายตาของคุณ..ก็เรียกว่า..จะเห็นแต่ทะเลทราย..ที่นี่..ไม่ใช่ DESERT แต่เป็น..
    SAND DUNE..หรือ..สันทราย..เพียงแต่ที่อื่น..(หรือแม้แต่ในเมืองไทย..ใครไม่ทราบก็ทราบไว้
    ว่า..บ้านเรา..ก็มี SAND DUNE หลายแห่ง..๑ในนั้น..ผมไปทำ การสำรวจ..สมัย..เรียน..ป.ตรี..
    คือ..สันทรายที่..เขาใหญ่..คนทั่วไปจะไม่เห็นครับ..นี่ก็กว้างหลายไร่เลย..เพียงแต่บ้านเรา..มัน
    ชื้น..ทำให้มีหญ้าขึ้นปกคลุมบางส่วน..และ..มันไม่อยู่ติดถนนนัก..คนเลยไม่สังเกต..)..เขาไม่
    ใหญ่อย่างที่นี่...ลักษณะของมันส่วนที่ใกล้ทะเล..จะเป็นสันเขาสูงขึ้นไปเป็นร้อยเมตรเลย..
    วางตัวขนานกับชายฝั่ง...ถัดเข้ามาตรงกลางจะเป็นแอ่งเล็กน้อย....
    ...........ตอนเราเดินเข้ามาที่นี่..เรียกว่าสร้างเสียงอื้อ..อ้า..กัน..น่าดู..เพราะนึกทีแรกว่า..ไอ้ยุ่น
    แหกตา..ที่ไหนได้..เหมือนเลย...ที่โล่งกว้างใหญ่..แถม..ยังเท่ห์..เพราะมีอูฐ..บริการไว้ให้นั่ง
    ขี่เล่น..(เป็น..อูฐสายพันธุ์เอเซีย..คือ..มีสองหนอก..ไม่ใช่พันธุ์แบบ..หนอกเดียว..ที่พวกอาหรับ
    ขี่กัน..)....แต่ค่าขึ้นขี่นี่..โหดน่าดู..เลยไม่มีใครในพวกเราขึ้นไปขี่..มีแต่พวกญี่ปุ่น....
    .......นอกจากพวกเราที่เป็นต่างชาติ..นอกนั้นที่เหลือนี่..มีแต่..คนญี่ปุ่นล้วนๆ..ครับ.......
    ....ผมมาที่นี่..ถึงได้รู้ว่า..เดินในทะเลทราย..มันยาก..และ..เหนื่อยขนาดไหน..นี่โชคดีนะที่..
    อากาศมันหนาว..แต่ขนาดหนาวๆนี่..เหงื่อยังซึมเลย..มันดูดเท้า..ยิ่งกว่าเดินตามชายหาดแห้งๆ
    อีก..แถมตอนที่..ขึ้นไปบนยอดสันทราย..ที่สูงขึ้นไปเหมือนภูเขา..โอ้โหยิ่งหนัก..เข้าไปอีก..
    ....หลายคน..ทรงตัวไม่อยู่..กลิ้งหลุนๆ..ลงมาข้างล่างเลย....
    .....ที่นี่ก็เลย..เป็น ๑ ใน..สถานที่ประทับใจ..ไม่ลืมเลือน..ของผม.....
    .........นอกจากที่นี่แล้ว..อีกแห่ง..ที่เป็นที่ประทับใจ..ไปอยู่ที่นั่นหลายวันเลย..ก็คือ....
    ...................เมืองโกเบ..KOBE CITY….
    ...นี่ก็ถือว่า..โชคดีของผมเหมือนกัน..เพราะได้เห็น..โกเบ..ของต้นตำรับ....เพราะเดี๋ยวนี้..ไม่ใช่
    ..เนื่องจาก..แผ่นดินทำลายทั้งเมืองไป..เมื่อกว่าสิบยี่สิบปีก่อน...
    .....หลังจากแผ่นดินไหว..ทำให้..ลาดเชิงเขา..ส่วนที่มีเมืองตั้งอยู่..ก็ถลายลงมาด้วย..
    ...ทำให้..เมืองปัจจุบัน..จึงตั้งอยู่ในที่ราบมากขึ้น.......
    ........ผมชอบรูปแบบผังเมือง..ที่นี่..การผสมผสานของ..ป่า..และ..เมืองที่..ลงตัวมาก..ตัวเมือง
    ๑ ใน ๔ ..อยู่บนเชิงเขา(..ในสมัยโน้น..)...ผมว่าของผมเองว่า..มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดของ
    ญี่ปุ่น..ก็คือที่นี่ละครับ..KOBE UNIVERSITY..แต่นักศึกษาหญิงที่นี่..น่องเป็น..น่องสามล้อทุก
    คน..เพราะมหาวิทยาลัย..นั้นตั้งบนลาดเขา...ไล่ลงมา..จนถึงที่ราบแคบๆ..ในยุคนี้ผมว่าน่า..
    เสียดายมาก..ไม่ว่าตัวเมืองเอง..มหาวิทยาลัย..และบ้านพักอาศัย..ต้องเปลี่ยนแปลงไปหมด..
    ..ไม่สวยคลาสสิก..เหมือนเมื่อก่อน......
    .........................

    [​IMG]

    CREDIT:https://www.ana-cooljapan.com/img/contents/dreams/detail/yokaiload/40.jpg

    BY: https://www.ana-cooljapan.com/contents/dreams/movie/yokaiload/INT13071016
    ............................
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ยังไม่จบการดูงานที่ญี่ปุ่นเลย และยุโรปอีก เมื่อไหร่จะกลับมาคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .................................
    .....................
    ....หวัดดีครับ..พี่Supa....
    ........หลังจากการ post ครั้งสุดท้าย..ผมก็รู้สึกว่า..ความกระตือรือล้นของสมาชิกที่อ่าน
    บทความผมน้อยลงไปมาก..ผมก็เลย..เห็นว่าท่าทาง..เรื่องของเรามันคงไม่น่าสนใจ..
    ..อีกอย่างเพราะมันสวนกระแส..ยุคนี้..ไม่ต้องพึ่งสมอง..และ..ไหวพริบอะไร..มีคู่มือ
    ไว้อ่าน..ประกอบ(ยิ่ง..อย่างญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้..ผมเห็นมีเล่ม..แยกเป็นแต่ละเมืองเลย..สะดวก)
    ..ทางก็ไม่หลง..มีGPS..แผนที่ก็ไม่ต้องซื้อ..สงสัยอะไร..ก็ถามมือถือเอา..แถมยังช่วย
    แปลภาษาได้อีก...
    .....ความอยากจะเขียน..ก็เลยหมด..รวมถึงสมาชิกที่อ่านก็น้อยมาก..แล้วนานๆเข้ามาที
    ...ผมนะ..ไม่ใช่พวกที่ปิดทอง..หน้าพระ..หรือ..หลังพระ..หรอกครับ..ผมเป็นคนไม่ใจดี
    ..และ..ไม่ค่อยทำบุญ..นานๆจะปิดทองซะที..ก็ปิดด้านข้างพระ..
    ....ผมไม่อยากให้ใคร..มาชื่นชมผม..กดLIke กด อนุโมทนา..ผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ
    ..ไม่ต้องการชื่อเสียง..แต่อะไรที่ตั้งใจทำ..แล้วให้มันเป็นประโยชน์..แต่..มันไม่เป็นไป
    อย่างหวัง..ก็ไม่ทำดีกว่า..เมื่อยมือ..เหนื่อยสมองที่จะรื้อฟื้นอดีต....
    ........ผมตอนหลังนี่ก็เข้ามาดู ๒-๓ อาทิตย์ครั้ง..จะเข้ามาดูที่ห้องนี้ซะที..เผื่อมีใคร
    เขียนอะไรมา..ก็ไม่คิดอะไร...พอดีวันนี้เข้ามา..เห็น..พี่เข้ามาpost..และ..มีความประสงค์
    ที่อ่านต่อ..ผมก็คิดอยู่ว่า..จะเขียนต่อดีมั้ย..ถ้าจะเขียนต่อก็ไม่ใช่รูปแบบเดิมแล้ว...
    .................
    ................................................................
    ....ก็เลย..OK ..พี่ขอมา..ผมก็จะเขียนให้..แต่ แค่ ๑ ตอน..โดยต่อไปนี้...ผมจะเขียน
    ..เหลือแค่..ประมาณอาทิตย์ละ ๑ ตอน..ผมpost..ไปแล้ว..อีกประมาณ ๑ อาทิตย์
    ..ผมจะเข้ามาที่ห้องนี้..อีกครั้งถ้า..ไม่มีใคร..ขอให้ผมเขียนต่อในตอนต่อไป...ผมก็
    จะไม่เขียน..แล้วอีกอาทิตย์..ถัดไป..ผมถึงจะเข้ามาอีกที...และเป็นแบบนี้เรื่อย..
    ..........คือถ้า..ไม่มี..REQUEST..ในตอนต่อไป..ผมก็ไม่เขียน..เท่านั้นเอง...
    ...................................................................
    ...เพื่อจะได้ทำให้ผมรู้สึกว่า..บทความผมมีค่า..ให้คนติดตาม...
    ........ไม่งั้นที่ผ่านมา..มันเป็นแบบ..มึงเขียนมา..กูก็อ่าน..มึงไม่เขียน..กูก็ไม่ว่าอะไร
    ...นั้นแสดงว่า..บทความเรามีคุณค่า..ไม่พอ....สำหรับผม..อย่างงี้เลิกเขียนดีกว่า...
    ............
    .....ใครจะว่า..ผมสำคัญตัว..ยิ่งใหญ่เกินเหตุ..เล่นตัว...ผมก็ไม่ว่าอะไร....ก็ไม่ต้อง
    เข้าไปอ่าน..ก็แค่นั้น..เพราะผมเองนะ..ต้องการเฉพาะสมาชิกที่สนใจ..และยอมรับอยู่
    แล้ว....แล้วถ้ามีใครบอกว่า..โอ้โห..คนเข้ามาอ่านตั้งกว่า หกพัน..มึงยังว่าน้อยอีกเรอะ...
    ...ขอโทษผมเคย..บอกไปก่อนหน้านี้ว่า...ผมไม่สนใจคนนอก...ผมประเมินแล้ว..
    ...เอาเฉพาะ..สมาชิกที่เข้ามาเปิดอ่าน..แค่ห้า-หกร้อยครั้ง..เท่านั้นละครับ......
    ...เพราะเกือบทั้งหมด..เข้ามาเพราะบังเอิญ..เห็นหัวข้อใหม่..ก็แค่อยากรู้..ครั้งเดียว
    เลิก....มีที่ตามอ่านจริงๆ..ไม่ถึง..สิบ..คน...แล้วก็..ไม่ได้สนใจจริงจัง...อะไร....
    ....ไม่เขียน..ก็..ไม่อ่าน....
    ........แต่พี่...ยังอุตส่าห์เข้ามาpost..ก็แสดงว่า..ยังเห็นคุณค่าของ..บทความนี้...
    .....ผมว่า..ผมไม่น่าเหนื่อยอะไรนะ...เขียนแค่..สี่คำ...ก็พอแล้ว....
    ...............
    .....ก็ไม่เป็นไร...เจตนาเขียนให้พี่อ่านคนก็..โอเค...แต่ถ้าพี่..อยากให้ผมเขียนต่อ..
    ...ก็ทำอย่างที่ผมว่า..ก็แล้วกัน....
    ....(..มันก็คล้าย..หนังสือรายสัปดาห์สมัยยุคพี่ยุคผม..อย่าง"เดลิเมล์วันจันทร์"
    ไงพี่...อาทิตย์นึง..อ่าน ๑ ตอน...แต่นี่ไม่ต้องซื้อ..แค่ลงทุน POST มาขอตอนต่อไป
    ..ก็แค่นั้น...)

    .............
    .....เดี๋ยวคืนนี้(เวลาเมืองไทย)..ผมจะเขียนต่อให้ ๑ ตอน...
    ..........ขอบคุณ..พี่Supa..ที่เห็นความสำคัญ

     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ถึงสมัยนี้จะมีGPSกันนะคะ ทําให้นึกถึงตอน Battery หมดนั่นแหละ แล้วสมัยนี้ไม่ใช้โทรใช้สายแบบสมัยก่อน (พี่ยังใช้อยู่) พอมีคลื่น หรือพายุมาก็ใช้ไม่ได้แล้ว พี่เลยว่าสมัยก่อนชีวิตมันสอนให้เราใช้สมองมากกว่ามือจิ้ม(นิ้วเดียว) ใครจะไปรู้คะว่าอยู่กลางNew York แบทจะหมดเมื่อไหร่ Goodnight ค่ะ ห้าทุ่มพอดี:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...