เชิญบูชา สมเด็จองค์ปฐม รุ่นมหาเศรษฐีอมฤตโชค

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย Seel, 24 พฤษภาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder id=post930140 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">21-01-2008, 12:11 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #569 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พิมพาภรณ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_930140", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 25-01-2008 04:21 PM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 47 ปี
    ข้อความ: 351 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,148 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 3,302 ครั้ง ใน 350 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 384 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_930140 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->หลวงพ่อ สอนว่า...

    การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็นพุทธบูชา ถ้าในเรื่องกรรมฐานจัดเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก ถ้าถวายปัจจัยถวายเป็นของสงฆ์ จัดว่าเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จัดเป็นจาคานุสสติกรรมฐาน เกิดมาชาติหน้าก็รวย การสร้างพระถวาย ด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมาก เป็นคนสวยตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พุทธบุชา มหาเตชะวัณโต" "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก" แต่ถ้ามีอำนาจแต่ขาดสตางค์ก็อดตายนะ ใช่ไหม.... แต่งตัวเป็นจอมพลแต่ไม่มีสตางค์ในกระเป๋า แย่นะ..... อีกแบบหนึ่ง มีสตางค์มาก ๆ แต่ขาดอำนาจราชศักดิ์ ก็โดนโจรปล้นอีก ฉะนั้นทำมันเสีย ๒ อย่างเลยดีไหม....?
    _/\_ _/\_ _/\_
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    สมเด็จองค์ปฐมยังมีให้บูชาค่ะ 30 องค์

    โอนเงินเข้า บ/ช
    ธ.กรุงไทย สาขาทองผาภูมิ <O:p</O:p
    พระอาจารย์เผื่อน สุธมมสิริปญโญ<O:p</O:p
    เลขที่บัญชี 718-0-07091-2<O:p</O:p
    ขอเจริญพรญาติโยมโดยทั่วกันทุกท่าน

    สำหรับท่านที่ไม่สะดวก ใช้อินเตอร์เนต
    แฟกซ์ สริปโอนเงิน และ ชื่อ-ที่อยู่ มาที่
    02-4554260 ก็ได้ค่ะ
    เบอร์โทรของพี่ 089-5191406
    E-mail- ninenile@hotmail.com

    [​IMG][​IMG]

    มีให้บูชาเพิ่มเติม

    1. สมเด็จสัมพุทธเธ เนื้อสีส้ม 3 องค์ องค์ละ 300 บาท
    2. ไซดักเงิน อันละ 200 บาท
    3. ตะกรุดพระแม่ธรณี ดอกละ 200 บาท
    4. ทรายเสก ซองละ 200 บาท

    เงินที่ได้ จะนำไปทำทางเข้าและบูรณะปฏิสังขรณ์ สนส. ถ้ำทะลุค่ะ
    <!-- / message --><!-- attachments --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- attachments --><!-- / message --><!-- attachments -->

    ขอลาญาติโยมไปปฎิบัตธรรม ที่ศูนย์ธรรมกาญจนา จ.กาญจนบุรี
    10 วัน ค่ะ
    ออกเดินทางพรุ่งนี้ ตอน 9 โมงเช้า กลับวันที่ 3 ก.พ.ค่ะ<!-- / message -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://www.dhammajak.net/budday/maka.php

    วันมาฆบูชา

    <TABLE height=20 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 width="94%" align=center bgColor=#f7f7f7 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=61>
    <TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="54%" height=190><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=0 cellPadding=0 width=0 border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width="46%">ความหมาย
    วันมาฆบูชาหมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์

    ความสำคัญ
    วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    ประวัติความเป็นมา
    ๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ
    ๑. วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
    ๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้ นัดหมาย
    ๓. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖
    ๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจ้า
    เพราะเหตุที่มีองค์ประกอบสำคัญดังกล่าว จึงมีชื่อเรียก อีกอย่างหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต และในโอกาสนี้ พระพุทธเจ้า ได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศหลักการอุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย
    พิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า
    จาตุรงคสันนิบาตพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการ ประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์ จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบ การสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความ เลื่อมใสการประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อน
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="57%"><TABLE borderColor=#cccccc width="75%" border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width="43%">ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและ วัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุด ธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมี สวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วยสวดมนต์ จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนา โอวาทปาติโมกข์
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึง และขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับ วันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้าง เช่น รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้ เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีก ส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบัน มีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนดวันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๓ หากปีใด เป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>
     
  3. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    แหม...ไม่ได้เข้ามานาน พี่ตุ่นมาใกล้บ้านยาย ก็เหมือนไกลเนาะคุณหนุ่ม
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://www.dhammajak.net/budday/maka.php
    <TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ
    หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติได้แก่ โอวาทปาติโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกัน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอน อันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้

    หลักการ ๓
    ๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็น
    ความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกาม
    ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ
    ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD width="37%"><TABLE borderColor=#cccccc width="75%" border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width="63%">๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ

    ความดีทางกาย
    ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD colSpan=2>การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวานพูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
    การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและ ปราถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    </TD></TR><TR><TD>๓. การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่
    ๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
    ๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
    ๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
    ๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ</TD><TD><TABLE borderColor=#cccccc height=159 width="97%" border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff height=155>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD colSpan=2>๕. ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่ว ว่ามีผลจริงหรือไม่ วิธีการทำจิตให้ปฏิบัติสมถะผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวง ด้วยการถือศืลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการ และวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง
    อุดมการณ์ ๔
    ๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ
    ๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
    ๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
    ๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

    วิธีการ ๖
    ๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
    ๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    ๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎกติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
    ๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหารหรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
    ๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
    ๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพคุณภาพและประสิทธิ
    ภาพที่ดี

    <HR width="100%" SIZE=1>บรรณานุกรม
    ๑. จ. เปรียญ. ประเพณีและพิธีมงคลไทย. ธรรมบรรณาคาร. ๒๕๑๘ กรุงเทพ ฯ.
    ๒. สมปราชญ์ อัมมะพันธ์. ประเพณีและพิธีกรรมในวรรณคดี. โอ. เอส.พริ้นติ้งเฮ้า.๒๕๓๖ กรุงเทพ ฯ.
    ๓. สุเมธ เมธาวิทยกุล. สังกัปพิธีกรรม. พริ้นติ้ง เฮ้า. ๒๕๓๒ . กรุงเทพ ฯ.
    ๔. แสงฉาย อนงคาราม. อานิสงค์จากพระไตรปิฎก. ส. ธรรมภักดี. กรุงเทพ ฯ.
    ๕. ประพันธ์ กุลวินิจฉัย เทศกาลและพิธีกรรมทางพุทธศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ ม.มจร กรุงเทพ ฯ.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#f7f7f7 width="80%" align=center border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff><TABLE cellPadding=2 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#99cc00>
    วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f7f7f7>[​IMG] วันวิสาขบูชา</TD></TR><TR><TD bgColor=#fffeee>[​IMG] วันอัฏฐมีบูชา</TD></TR><TR><TD bgColor=#f7f7f7>[​IMG] วันอาสาฬหบูชา</TD></TR><TR><TD bgColor=#fffeee>[​IMG] วันมาฆบูชา</TD></TR><TR><TD bgColor=#f7f7f7>[​IMG] วันเข้าพรรษา</TD></TR><TR><TD bgColor=#fffeee>[​IMG] วันออกพรรษา</TD></TR><TR><TD bgColor=#f7f7f7>[​IMG] วันโกน-วันพระ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://www.geocities.com/Tokyo/Garden/9425/maka001.html

    วันมาฆบูชา
    ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
    หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ในปีอธิกมาส


    ๏ หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้มาเป็นเวลา ๙ เดือนแล้ว เมื่อถึงวันเพ็ญกลางเดือน ๓ ( มาฆปุรณมี ) ซึ่งตรงกับวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ โดยพราหมณ์เรียกว่าวันศิวาราตรี คือวันทำพิธีลอยบาปของพราหมณ์ พระพุทธองค์ได้ประทับ ณ เวฬุวนาราม ( วัดเวฬุวัน ) เมืองราชคฤห์
    ครั้งนั้นได้มีพระอรหันต์ขีณาสพเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ องค์ คือพระอรหันต์ซึ่งอยู่ในคณะของพระอุรุเวลกัสสปเถระ พระนทีกัสสปเถระ และพระคยากัสสปเถระรวม ๑,๐๐๐ องค์ กับพระอรหันต์ซึ่งอยู่ในคณะของพระสารีบุตรเถระ และพระโมคคัลลานะเถระ ๒๕๐ องค์ รวมทั้งสองคณะเป็น ๑,๒๕๐ องค์ ได้พร้อมกันไปเฝ้าพระบรมศาสดา พระองค์ทรงเห็นเป็นนิมิตอันดี จึงได้เสด็จท่ามกลางพระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องค์นั้นแสดง “โอวาทปาติโมกข์” ทรงทำวิสุทธิอุโบสถประทานธรรมอันเป็นหลักแห่งพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นหลักในการประกาศพระพุทธศาสนาสำหรับพระสาวกสืบไป
    ๏ การมาชุมนุมของพระสาวกของพระพุทธองค์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกกว่าทุกคราวในสมัยพุทธกาล เรียกว่า“จาตุรงคสันนิบาต” ซึ่งประกอบด้วยองค์ ๔ คือ
    - พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายมาก่อน
    - พระสงฆ์เหล่านั้นเป็น ‘เอหิภิกขุ’ คือพระพุทธองค์อุปสมบทให้ด้วยพระองค์เอง
    - พระสงฆ์เหล่านั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖
    - ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ ( ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓ )
    • โอวาทปาติโมกข์ : คือหลักคำสอนที่เป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ทรงตรัสเป็พระคาถา รวม ๓ พระคาถาครึ่งดังนี้
    พระคาถาที่ ๑
    ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
    น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ
    พระคาถาที่ ๒
    สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
    สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ
    พระคาถาที่ ๓
    อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
    มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
    ครึ่งพระคาถา
    อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ
    • ใจความแห่งพระปาติโมกข์ นั้น มีดังนี้
    ในพระคาถาที่ ๑พระองค์ทรงแสดงถึงคุณธรรมคือขันติ ความอดทนอดกลั้น ว่าเป็นเครื่องอุดหนุนให้บุคคลบรรลุบรมธรรมคือพระนิพพาน พร้อมทั้งทรงแสดงลักษณะของบุคคลผู้เป็นบรรพชิตหรือสมณะไว้ว่า บุคคลผู้ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นให้ลำบาก หาชื่อว่าเป็นบรรพชิตหรือสมณะไม่
    ในพระคาถาที่ ๒พระองค์ทรงแสดงถึงหลักคำสอนที่สำคัญซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อให้พระสาวกได้นำไปใช้เป็นหลักในการเผยแพร่และสั่งสอนไว้ ๓ ประการคือ
    ๑ เว้นจากทุจริต คือการประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ ( ไม่ทำชั่ว )
    ๒ ประกอบสุจริต คือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ( ทำแต่ความดี )
    ๓ ทำจิตใจของตนให้หมดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง มีโลภ โกรธ หลง( ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว )
    ในพระคาถาที่ ๓ กับอีกครึ่งพระคาถา พระองค์ทรงแสดงถึงปฏิปทา ข้อสำหรับปฏิบัติตนของพระสงฆ์สาวก ๖ ประการคือ
    ๑ ห้ามมิให้ว่าร้ายผู้อื่น
    ๒ ห้ามมิให้เบียดเบียนผู้อื่น
    ๓ ต้องสำรวมในพระปาติโมกข์ คือไม่ล่วงละเมิดในสิกขาบทบัญญัติ
    ๔ ต้องรู้จักประมาณในการแสวงหาและในการบริโภคใช้สอย
    ๕ ควรอยู่ในสถานที่อันสงบเงียบ เพื่อ
    ๖ ประกอบความเพียรในอธิจิต คือชำระจิตให้ปราศจากนิวรณธรรมูปกิเลส มีกามฉันท์เป็นต้น เพื่อให้เกิดมีสมาธิและปัญญา รู้เท่าทันความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในที่สุด ๏ ตั้งแต่นั้นมา ในวันอุโบสถทุกกึ่งเดือนพระองค์ก็ทรงยกขึ้นตรัสแก่ภิกษุสงฆ์ในที่ประชุมเสมอ แต่ภายหลังได้ทรงยกเลิกเสีย แล้วทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์เอาสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้มาสวดในที่ประชุมแทน ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่าสวดปาติโมกข์ หรือลงปาติโมกข์ นั่นเอง
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://www.culture.go.th/k_day.php?F=maka&FF=01


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>วันมาฆบูชา วันเพ็ญเดือน ๓

    </TD></TR><TR><TD align=middle>ความหมายความสำคัญ
    <CENTER><TABLE borderColor=#008040 cellSpacing=1 border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>


    </TD></TR><TR><TD align=middle>
    วันมาฆบูชาหมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์

    วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูปมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD align=middle>ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า


    </TD></TR><TR><TD align=middle>ประวัติความเป็นมา </TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>เวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศานาที่พระเจ้าพิมพิสาร อุทิศพระราชอุทยานให้เป็นสังฆาราม เป็นที่ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ และให้การอุปสมบทพระอัครสาวก คือ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD>ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจ แสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับ วันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวก ของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ
    <TABLE border=0><TBODY><TR><TD>๑. วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓</TD></TR><TR><TD>๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย</TD></TR><TR><TD>๓. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖</TD></TR><TR><TD>๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า </TD></TR><TR><TD>เพราะเหตุที่มีองค์ประกอบสำคัญดังกล่าว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต และในโอกาสนี้พระพุทธเจ้า ได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็น การประกาศหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD align=middle>การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย</TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD align=middle>การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย


    </TD></TR><TR><TD>พิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้น ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็น วันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบการสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส </TD></TR><TR><TD>การประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อน ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไป มีสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้ว จึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และ ภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึงและขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับ </TD></TR><TR><TD>การประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับวันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้างเช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาสหัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวัง</TD></TR><TR><TD>เดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบันมีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนด วันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญเดือน ๓ หากปีใดเป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  8. jumpman

    jumpman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +885
    ยังไม่ได้ส่งชื่อที่อยู่ให้เลย ไม่ทราบว่าต้อง PM ไปให้ใคร
    อยากให้ส่งถึงประมาณวันที่ 15-02-2008
     
  9. ฉัตรา

    ฉัตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +227
    เชิญบูชาสมเด็จองค์ปฐม ฯ

    ผมขอบูชาสมเด็จองค์ปฐม 1 องค์ครับ และสมเด็จสัมพุทเธ 1 องค์ รายละเอียดการโอนจะแฟกซ์ไปให้นะครับวันนี้ ณัฐพัชร์ เสนทองแก้ว บ้านเลขที่ 7 ซอยศรีบูรพา 16 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 โทร 0865666538 ขอบคุณครับ
     
  10. A dam

    A dam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +1,654
    [​IMG]

    ไม่ทราบว่า ตระกุดพระแม่ธรณี ของท่านใดปลุกเศกครับ
     
  11. ฉัตรา

    ฉัตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +227
    ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้เปิดดูหน้าก่อน ถ้างั้นผมขอเปลี่ยนเป็นสมเด็จองค์ปฐม 2 องค์ก็ได้ครับ ผมโอนเงินจำนวน 900 บาท จากบัญชี ธ.กรุงไทย เลขบัญชี 0571518087 เข้าบัญชี .กรุงไทยเลขที่ 7180070912 วันนี้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะโอนเงินเพิ่มอีก 200 บาทครับ (จะส่งแฟกซ์สลิปทั้งหมดไปตามเบอร์ที่คุณพิมพาภรณ์ฯแจ้งไว้นะครับ 02-4554260)
     
  12. ศิริวีร์

    ศิริวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ไม่เป็นไรครับ แบ่งสมเด็จสัมพุทเธให้ 1 องค์ครับ จะได้มีไว้บูชา
     
  13. ศิริวีร์

    ศิริวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +1,697
    รวบกวนคุณพี่ตุ่น สรุปรายการให้ผมอีกทีนะครับ
    ว่าตกลงคุณฉัตราจะได้พระสมเด็จสัมพุทเธหรือเปล่า(ผมแบ่งให้1องค์)
    และตะกรุดพระแม่ธรณียังมีอยู่ไหม
    และผมต้องโอนเงินจำนวนเท่าไหร่ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  14. ฉัตรา

    ฉัตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +227
    ขอบคุณครับคุณศิริวีร์ ผมจะรอก่อนนะครับว่าจะได้รับหรือไม่
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  16. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    กลับมาแล้ว เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ หลังจากไปเข้าห้อง ICU. มา 10 วัน
    ปฏิบัติเข้มดีค่ะ No Phone ,No book, No talk ทั้ง 10 วัน
    อยู่กับตัวเองฟุ้งดีค่ะ ต้องดึงกลับบ่อยมาก ส่วนมากจะดึงไม่ค่อยทัน
    กลับมาก้อพอจะรู้วิธีใช้ดาบฟาดฟันกับกิเลสตัวเอง ไม่ยั่งงั้นมันนั่งกอด
    ดาบแน่น ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนนะค่ะ.

    พี่สรุปได้ว่า
    คุณ Jumpman สมเด็จองค์ปฐม 10 องค์
    คุณ ศิริวีร์ จองสมเด็จสัมพุทธเธ 2 องค์ (เพราะใจดีแบ่งให้คุณฉัตรา 1 องค์)
    ตระกรุดพระแม่ธรณี 1 ดอก
    คุณ ฉัตรา จองสมเด็จองค์ปฐม 1 องค์
    สมเด็จสัมพุทธเธ 1 องค์ พี่ได้รับแฟกซ์ชื่อ-ที่อยู่

    คุณ Jumpman
    โพสชื่อ-ที่อยูให่พี่ทราบค่ะ พี่ส่งพระให้ค่ะ

    พรุ่งนี้พี่ส่งพระให้คุณฉัตรานะค่ะ
     
  17. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    ตอบคุณ ศิริวีร์ ตระกรุดพระแมธรณีมี 20 กว่าดอกค่ะ
    ปลุกเสกโดยพระแม่ธรณี ตามรายการที่จอง คือ
    สมเด็จสัมพุทธเธ 2 องค์ = 600 บาท
    ตระกรุดพระแม่ธรณี 1 ดอก = 200 บาท
    ค่าส่ง 50 บาท ศิริรวม = 850 บาท ค่ะ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949

    โมทนาบุญครับพี่ตุ่น

    .
     
  19. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    หลวงพ่อ สอนว่า..

    ตัวนิพพานคืออุปสมานุสติกรรมฐานถ้าจิตเรามั่นคงในพระพุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง ในพระอริยสงฆ์จริง และก็มั่นคงในศีล ๕จริง จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ คำว่ารักพระนิพพานนี่คิดไว้เสมอว่ามนุษย์ เทวดา พรหมไม่เอา จะตายเมื่อไรฉันไปนิพพานเมื่อนั้น ศีล ๕ ต้องมั่นคงจริงๆ อย่างนี้ท่านเรียก พระโสดาบัน พระสกิทาคามีนะ ขณะที่เจริญกรรมฐานจะให้ได้ดี ตัดสินใจว่าเวลานี้ ภาระกิจอะไรที่เรามีอยู่ในฐานะพ่อบ้าน แม่บ้าน ลูกบ้าน หลานบ้าน เหลนบ้าน อะไรก็ตาม หน้าที่นั้นมีอยู่เพียงไร เราจะทำให้ดีที่สุดในฐานะที่ชีวิตมันทรงอยู่เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข แต่ว่าตายแล้วเลิกกัน เท่านั้นไม่ยาก
    _/\__/\__/\_
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    สมเด็จองค์ปฐมยังมีให้บูชาค่ะ 19 องค์

    โอนเงินเข้า บ/ช
    ธ.กรุงไทย สาขาทองผาภูมิ <O:p</O:p
    พระอาจารย์เผื่อน สุธมมสิริปญโญ<O:p</O:p
    เลขที่บัญชี 718-0-07091-2<O:p</O:p
    ขอเจริญพรญาติโยมโดยทั่วกันทุกท่าน

    สำหรับท่านที่ไม่สะดวก ใช้อินเตอร์เนต
    แฟกซ์ สริปโอนเงิน และ ชื่อ-ที่อยู่ มาที่
    02-4554260 ก็ได้ค่ะ
    เบอร์โทรของพี่ 089-5191406
    E-mail- ninenile@hotmail.com

    [​IMG]
    มีให้บูชาเพิ่มเติม

    1. ไซดักเงิน อันละ 200 บาท
    2. ตะกรุดพระแม่ธรณี ดอกละ 200 บาท
    3. ทรายเสก ซองละ 200 บาท

    เงินที่ได้ จะนำไปทำทางเข้าและบูรณะปฏิสังขรณ์ สนส. ถ้ำทะลุค่ะ<!-- / message --><!-- attachments --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- / message --><!-- attachments --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
  20. ศิริวีร์

    ศิริวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลสรุปนะครับ
    ถ้าโอนเงินแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...