เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  2. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขออนุโมทนาในกุศลจิต..ของคุณ Supatorn
    ผมจะเรียกคนชื่อนี่นานแล้ว..ว่า"แม่ต้อย" ด้วยรู้สึกความผูกพันธ์ส่วนตัว

    คนที่Toplus99 เองก็ไม่เคยพบหน้าค่าตากันมาก่อน..แม้ซักครั้งเดียว

    รูํแต่ว่าอยู่... เมกา รัฐมดตะนอย

    ก็ไม่รู้ว่าคุุ้นเคยกันมาแต่ภพชาติปางไหน..ที่มีแต่ความปารถนาดีด้วยจิตในกุศลกันเสมอมา

    ตัังแต่เราเข้ามาโพสกระทู้..เรื่อยเปื่อย

    ผมไม่รู้หรอกว่าในสังมออนไลน์ สำหรับใครอื่นมันมีมายา จีรังยังยืนเพียงไร

    แต่ผมรู้ว่าเวปนี้ ในกระทู้ของคนบ้าๆขี้โม้ เรื่อยเปื่อย อย่่าง toplus99

    ได้มีโอกาสรู้จักน้องสาวที่น่ารัก..และมีความเพียรเป็นเลิศ แม้ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆในไส้อย่าง pegaojung
    และคู่ดูแลที่แสนดีของเธอ แต่ก็รับรู้กันได้ด้วยใจมีความปารถนาดีที่มีต่อกันเสมอ

    ผมมี แม่ต้อย..แดนไกล ที่คอยห่วงใยไตร่ถามสารทุกข์สุขดิบ..คอยอาทรกันมาโดยตลอด
    และมีพี่ๆน้องๆ อีกหลายคนที่ยังมิได้ได้เอ่ยถึง

    ..ขอแค่นี้ก็อุ่นใจเหลือเกิน

    ขอบคุณ สังคมออนไลน์ ที่เกื้อกูลให้โอกาส ให้เราได้พบเจอกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2014
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ******************************************
    สะอึก ทําเอาคอหอยตีบตันจนอยากจะร้องไห้:'( ขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ ตลอดจนน้องๆในกระทู้มีจิตใจเมตตาประเสริฐสุด ได้รับPMเยอะแยะตอนที่เข้าถํ้าไปพักหนึ่ง อบอุ่นใจทุกทีที่"กลับมาบ้านเรา" ;aa7
    คุณน้องLinda(Princess Ninja)สบายดีนะคะhello10 พี่ตามหาเสียหลายกระทู้เลย
    _heart+love_
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ธรรมะสอนใจ ฟังแล้วเบิกบาน
    https://www.youtube.com/watch?v=0cTQzLDl67A

    เอามาฝากน้องๆค่ะ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    โอวาทปาฏิโมกข์ - การทำจิตให้ผ่องแผ้ว ๑
    วศิน อินท
    ระ
    https://www.youtube.com/watch?v=4DfP6y6dkF8
    Attachments area

    ราตรีสวัสดิ์พระรัตนตรัยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2014
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    [SIZE=-1]นิพพิทาญาณ
    มีนักปฏิบัติเป็นจำนวนมากที่<wbr>พยายามจะนำพาจิตของตนให้ไปสู่ “นิพพิทา” คือความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด เพราะสิ่งๆนี้มันเหมือนเป็นสิ่<wbr>งที่สามารถนำพาจิตของผู้นั้นให้<wbr>รอดพ้นจาก ทุกข์ได้ การที่จิตของผู้ปฏิบัติๆไปจนเกิ<wbr>ดนิพพิทาจริงๆได้นั้นเป็นเรื่<wbr>องที่ค่อนข้าง ยาก ทำไมผู้เขียนจึงพูดเช่นนี้ เพราะครั้งหนึ่งผู้เขียนก็<wbr>เคยเกิดจิตที่ “เบื่อหน่าย” เบื่อหน่ายจริงๆเบื่อหน่ายกับทุ<wbr>กๆเรื่อง และหลงคิดไปว่ามันเป็นความเบื่<wbr>อหน่ายที่เรียกว่า นิพพิทา ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะจิตมันเกิดความเบื่อหน่<wbr>ายก็จริงแต่มันไม่ได้ “คลายกำหนัด” คือความยึดมั่น ยึดมั่นต่ออะไร ยึดมั่นต่อ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นได้เพี<wbr>ยงจิตเกิดความเบื่อหน่าย…..เบื่<wbr>ออะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเบื่อไปเสียทุกเรื่<wbr>อง ยกเว้น เบื่อสุขนะ จิตมันยังไม่เบื่อสุขเพราะจิตมั<wbr>นยังรู้สึกว่า “สุข” มันยังเป็นที่พึ่งที่อาศัยได้ สุขเกิดเมื่อไหร่ความเบื่อหน่<wbr>ายก็จะไปเมื่อนั้น……และนี่<wbr>แหละผู้เขียนจึงบอก ว่า มันยังไม่ใช่ “นิพพิทาญาณ” คือความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพราะถ้าเป็นนิพพิทาญาณจริงๆแล้<wbr>วละก็ มันเบื่อหมดเลย เบื่อทั้งสุขและเบื่อทั้งทุกข์ จิตมันอยากจะพ้นทุกข์เพียงอย่<wbr>างเดียว และจิตชนิดนี้มันจะไม่ดิ้นรนด้<wbr>วยนะ มันจะเป็นจิตที่เป็นอุเบกขา อุเบกขาต่ออะไร อุเบกขาต่ออารมณ์ที่เข้ามายั่<wbr>วยุทางทวารทั้งหก อันได้แก่ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัส และใจที่ปรุงอารมณ์ …….นี่ มันต้องเป็นเช่นนี้ แต่ที่ผู้ปฏิบัติเบื่อๆกันนั้<wbr>นมันยังเป็นการ “เบื่ออารมณ์” และการเบื่ออารมณ์นี้ก็รวมไปถึ<wbr>งอารมณ์ที่มันเฉยๆด้วยนะ แต่พอมีสิ่งยั่วยุทาง หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ อาการเบื่อทั้งหลายมันก็จะหายไป หากผู้ปฏิบัติมีปัญญาก็จะเห็<wbr>นเลยว่า อารมณ์ต่างๆทั้งที่ชอบใจและไม่<wbr>ชอบใจและรวมไปถึงอารมณ์เฉยๆ ต่างก็แสดงไตรลักษณ์ให้เราเห็<wbr>นนั่นก็คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน อย่าทิ้งนะ “ไตรลักษณ์” สำคัญมากสำหรับผู้ปฏิบัติ<wbr>ภาวนาเพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้<wbr>ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะ พ้นไปจากไตรลักษณ์ แต่ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่มักมองข้<wbr>ามเพราะไม่เห็นความสำคัญของสิ่<wbr>งๆนี้ แต่กลับไปให้ความสำคัญต่ออารมณ์<wbr>ที่ปรากฏและเผลอเข้าไปเพ่ง จ้อง ต่ออารมณ์นั่นๆจนมองข้<wbr>ามกฎของธรรมชาติ(ไตรลักษณ์)ตั<wbr>วนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

    เห็นไหมมันไม่ใช่เรื่องง่
    <wbr>ายเลยที่ “นิพพิทาญาณ” จะเกิดขึ้นแต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วมั<wbr>นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่<wbr>จะไปให้ถึงที่สุด แห่งกองทุกข์หรือมรรคผลนิพพาน และจุดประสงค์ของผู้เขียนที่เขี<wbr>ยนบอกเอาไว้ในวันนี้ก็ไม่ใช่ให้<wbr>จิตของผู้ ปฏิบัติเกิดความท้อแท้และท้<wbr>อถอยนะ เพียงแต่ต้องการให้รู้ความจริ<wbr>งเท่านั้น รู้ความจริงเพื่ออะไร ก็เพื่อวันใดวันหนึ่งที่จิตมั<wbr>นไม่สามารถจะถอนจากความเบื่อหน่<wbr>ายได้ก็จะได้ ไม่เกิดความท้อถอยว่า “ชาตินี้เราคงจะไปไม่ถึงพระนิ<wbr>พพานเป็นแน่” แล้วก็หยุดการปฏิบัติ เมื่อหยุดการปฏิบัติมันก็เหมื<wbr>อนกับการไหลไปตามกระแสกิเลส-ตั<wbr>ณหาอีกครั้ง หนึ่ง และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆมีผู้<wbr>ปฏิบัติเป็นจำนวนมากที่จิตเกิ<wbr>ดความท้อถอยและ ท้อแท้ เพราะพยายามปฏิบัติไปๆมันก็ไม่<wbr>ถึงไหนซะที จิตเกิดความเบื่อหน่ายแล้วเบื่<wbr>อหน่ายอีกมันก็ยังย่ำอยู่ที่เดิ<wbr>มเดินปัญญาต่อ ไปไม่ได้……

    เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จิตเกิ
    <wbr>ดความเบื่อหน่ายก็ให้รู้ว่าเบื่<wbr>อหน่ายอย่าไปใส่ใจ กับมันให้มากนัก แล้วหันกลับมาพิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง แทนนั่นคือการเอาจิตกลั<wbr>บมาแนบอยู่กับกายไม่ให้ส่งจิ<wbr>ตออกนอก โดยพิจารณาว่า ผมที่เคยดำบัดนี้มันก็เริ่มที่<wbr>จะมีหงอกขึ้นมาหรือพิจารณาผมที่<wbr>ร่วงหล่นก็ได้ ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็เช่นกันพยายามเห็นความไม่เที่<wbr>ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนของสิ่งต่างๆ ส่วนตัวของผู้เขียนนั้นพิ<wbr>จารณาผม กับหนังแล้วจิตมันเห็นความจริง เพราะผมจากดำมันเริ่มที่จะมี<wbr>หงอกส่วนหนังนั้นมันก็เริ่มที่<wbr>จะเหี่ยวย่นไปตาม วัยของมัน เห็นความจริงเช่นนี้แล้วจิตมั<wbr>นก็รู้สึกได้ถึงความไม่เที่<wbr>ยงของสกลร่างกายนี้ ว่ามันบังคับไม่ได้ถึงแม้นไม่<wbr>อยากให้มันเป็นเช่นนี้มันก็<wbr>ทำไม่ได้ เมื่อทำไม่ได้ก็ “ยอมรับ” การยอมรับนั่นแหละคือการยอมรั<wbr>บธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์<wbr>ทุกผู้ทุกนามจะ ต้องยอมรับและและให้ความ “เคารพ” มนุษย์ที่เป็นทุกข์ทุกวันนี้ก็<wbr>เพราะไม่ยอมรับกฎของธรรมชาติ และพยายามที่จะ “สู้” ยิ่งสู้ก็ยิ่งแพ้ ทำไมถึง “แพ้” เพราะไม่ได้ต่อสู้ด้วยปัญญาคื<wbr>อเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริ<wbr>งแต่เป็นการต่อสู้ ด้วย “ทิฐิมานะ อัตตาตัวตน” แล้วคุณคิดว่ามันจะ “ชนะ”ไหม ไม่มีวันชนะหรอกเพราะชัยชนะที่<wbr>แท้จริงนั้นมันอยู่ “หลัง” การพ่ายแพ้ แค่คุณยอมแพ้มันคุณก็จะชนะมั<wbr>นพร้อมกันไปด้วย ทำไมผู้เขียนถึงบอกเช่นนี้ เพราะผู้เขียนได้ประสบมากับตั<wbr>วผู้เขียนเองหมดแล้ว ทิฐิมานะ อัตตาตัวตน มันไม่ได้ช่วยอะไรๆได้เลยแม้แต่<wbr>นิดเดียวมีแต่จะพาจิตใจของผู้<wbr>ปฏิบัติให้จมลง สู่ก้นเหวของอเวจีแต่เพียงถ่<wbr>ายเดียวเท่านั้น
    จากข้อความตอนหนึ่งโดยท่านพุ<wbr>ทธคุณ


    http://www.dhammajak.net/<wbr>forums/viewtopic.php?f=7&t=<wbr>44562&p=319106#p319106 [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    เมื่อคราวนํ้าท่วมปีที่แล้ว ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเชื่อกรมอุตุมากเพราะกรมอุตุบอกว่านํ้าจะมา๑๐๐%ขอให้ํทําตามอย่างเคร่งครัด ขอให้ทุกๆคนขนของเอาไปไว้ที่ชั้นสอง เขาก็ทําตาม เหนื่อยมาก ของทุกๆอย่างอยู่ที่ชั้นสองหมด แน่นเอียดเลย และแล้วนํ้าก็มาจริงๆ เขาภูมิใจมาก ถึงแม้บ้านเขาจะมีสามชั้น (deejai)

    ราตรีสวัสดิ์พระรัตนตรัยค่ะ
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เจ้าของกระทู้เขาลาไปแล้ว ... แม่ต้อยยึดกระทู้ซะเลยครับ...ผมสนับสนุน...
    มีบางเรื่องที่อยากเล่าสู่กันฟังพอเป็นแง่คิดสะกิดใจ....

    เป็นเรื่องคนดีที่ชอบทำบุญสุนทาน หลังจากตายไปแล้วต้องไปเสวยทุกขเวทนาอยู่ในอบายภูมิ...

    คนที่ใจบุญสุนทาน ยินดี มีเมตตา นี่มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อครั้งยังเป็นปุถุชน คือ บุคคลที่หนาแน่นไปด้วยกิเลศนั้น จะเปรียบไปก็เหมือนผ้าขี้ริ้วมอมแมม

    ครั้งได้เปลี่ยนใจหันมาทำความดี ทำบุญสุนทาน มีจิตคิดเมตตาอ่อนโยนเข้าแล้ว ก็เหมือนกับผ้าขี้ริ้วได้รับการซักฟอก จนความสกปรกหายไปมาก ผ้าเริ่มขาวสะอาดมากขึ้น

    ปัญหาของผ้าขาวมันก็มีอยู่ คือเมื่อเปื้อนสิ่งสกปรกอะไรเข้าแล้วมันจะเห็นชัด กำจัดออกได้ยาก ไม่เหมือนตอนเป็นผ้าขี้ริ้ว เปื้อนอะไร เช็ดสิ่งสกปรกออกไป มันก็ไม่รู้สึกเท่าไร เพราะมันสกปรกกันไปด้วยกันนั่นเอง...แต่พอเริ่มเป็นผ้าขาวแล้ว มันไม่ใช่เสียแล้ว...

    วันนี้ลองให้แม่ต้อยชวนเพื่อนๆมากระทืบลูกแมวให้ตายดูสิครับ...ยังไม่ทันจะลงเท้า นี่แค่คิดก็ไม่ไหวแล้วนะครับ...หรือร่วมกันเอาลูกแมวไปโยนลงน้ำให้จมน้ำตาย...

    กลับกันถ้าจะชวนเพื่อนๆไปเลี้ยงพระ ต้องตื่นแต่เช้าเตรียมอาหาร คาวหวาน นัดแนะกันไปหาพระถวายอาหาร รับศีลรับพร ฟังท่านเทศน์ หรือจะร่วมกันสร้างกุฎิห้องส้วม บริจาครวมๆกันสัก 5พันหรือหมื่นดอลลาร์ อย่างนี้ยังจะง่ายเสียกว่าให้ไปกระทืบแมว...

    ทั้งนี้เพราะว่าการกระทืบแมวนี่โบราณเปรียบเหมือนกระทืบเณร ... ในทางกลับกันถ้ากระทืบเณรจะเหมือนกับกระทืบแมวหรือไม่นะ....อันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน...

    แต่ถ้าให้เด็กวัยรุ่นแมกซิกันฆ่าแมว จะง่ายกว่าให้บริจาคเงินหรือทำอาหารไปเลี้ยงเพลพระ ทำแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากจะสนุกสนานเฮฮา...

    นี่เล่ามายืดยาวก็จะบอกว่า เวลาถอยรถทับหมาทับแมวตายไปแล้ว บาปมันเปื้อนใจ เหมือนผ้าขาวเปื้อนกาแฟ ไม่เหมือนตอนเป็นผ้าขี้ริ้ว บาปเปื้อนใจแบบนี้ พาคนใจบุญสุนทานลงอบายภูมิมาเยอะแล้วเหมือนกัน ....

    กรรมจะเกิดก็ต้องประกอบด้วยเจตนาก่อน ถ้าไม่มีเจตนาแล้ว ไม่บาป ด้วยเพราะเป็นบุพกรรมที่สัตว์เหล่านั้นต้องถึงอายุขัยของมันเอง การเที่ยวนึกถึงบาปกรรมในอดีตที่เป็นเหตุให้จิตเศร้าหมองนั้นไม่มีประโยชน์ ให้อยู่กับบุญกับกุศลในปัจจุบันจะมีประโยชน์กว่า หากอดีตที่พลั้งพลาดไปแล้วเพียรจะวนกลับมาใหม่อีกก็พยายามสลัดมันทิ้งไปซะ ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ...อย่าไปเอามันมาเปื้อนผ้าที่เริ่มสะอาดดีแล้วอีก ...

    ทีนี้ก็มีเพื่อนผมเคยถามว่า ถ้ามันทำบาปไปแล้วไม่ไปคิดถึงล่ะ มันก็ทำบาปทุกวัน พอวันรุ่งขึ้นมันก็ไม่ไปคิดถึงแล้ว อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปอบายภูมิน่ะสิ...คำถามแบบนี้มันบอกลักษณะของคนจำพวกหนึ่ง ซึ่งไม่มีประโยชน์จะไปพูดให้ฟัง ได้ยินได้ฟังแล้วก็ต้องทำเป็นอุเบกขานะครับ แต่ถ้าเบรกไม่ไหวก็ให้ไปซักขานึงก็แล้วกัน จะขาซ้าย หรือขาขาว ก็แล้วแต่จังหวะนิ...
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    *****************************************
    **ก็เป็นมโนกรรมแบบละเอียดค่ะ แค่คิดก็บาปแล้ว สรุปแล้วมโนกรรมนี่บาปที่สุดแต่ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้วลงมือธรรมก็...สุดๆ
    **ตอนนี้ท่าน อ toplus99คงมีภาระหนักทางโลก ถ้าท่านหมดธุระแล้วคงจะกลับมาบ้านค่ะ
     
  10. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ครับ..ยอมรับว่าช่วงนี้หนักสาห้สมาก

    และเบื่อหน่ายสุดๆ...อยากจะปัดเศษสวะชีวิตทิ้งให้หมด

    อีกหน่อยผ่าน วิกฤติไม่รอด

    ...หากกรรมหนักอกุศลหนุนนำ.

    ..คงได้เป็นบ้า.. เดินโกยถังขยะเลี้ยงชีพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2014
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    *****************************************
    ถ้าถึงขั้นนั้นก็จะรับเลี้ยงเอง ขอเอาใจช่วยเต็มที่ค่ะ จะให้ทําอะไรบอกมาค่ะ ({)
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ตอนที่เราสอบจากป๑ไปเรื่อยๆจนม๘หรือทําปริญญา ข้อสอบก็จะยากขึ้นๆเรื่อยๆ การปฎิบัติทางธรรมก็เช่นเดียวกัน จนมาถึงขั้นหนึ่งข้อสอบก็จะโหดขึ้นเรื่อยๆเขา(มาร)จะดูซิว่าเราจะทนได้มากน้อยแค่ไหน
    ขอให้ท่านอ toplus99 ผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดีค่ะ
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    การต่อสู้. ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จนั้นว่ายากแล้ว
    แต่การอดทนอดกลั้นที่จะผ่านวิกฤติไปให้ได้นั้นกลับยากเย็นยิ่งกว่า
    เพราะจะมีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะต้องอดทนกับมันเพียงลำพัง
    แต่มันก็เป็นจริงที่ว่า
    This too will pass.
    แล้วสิ่งนั้นจะ ผ่านไป
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,732
    สู้ๆๆๆๆๆๆ.. มันไม่มีคำบรรยายแล้วค่ะ ดิฉันว่าดิฉันเข้าใจนะ
    สู้อย่างเดียวนั่นแหละ ใจเท่านั้นแหละ สู้ๆๆเน้อ
     
  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มีใครเคยได้ยินเรื่องราวตำนานของ 4 สามเณร ยอดอภิญญา
    เณรโด่ง ..เณรแก้ว...เณรซวง...เณรคำ

    ศิษย์ปู่ขาว และเรื่องราวการถ่ายทอดวิทธยายุทจากหลวงปู่เทพโลกอุดรบ้างหรือไม่ครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2014
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไม่เคยได้ยินครับ เคยได้ยินแต่เณรคำที่เหาะโดยใช้เครื่องบินเจ๊ตครับ..
    ป๋าเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ..:cool:
     
  17. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ไม่เอา..ครับไม่เล่น
    เรื่องราวของเณรคำ..ซับซ้อน คนที่อ้างตัวก็มาก..
    แต่จะจริงเพียงไรค่อยว่ากันอีกที
    ##################

    เรื่องราวของ เณรแก้ว เณรคำ หลวงปู่พรหมาก็เคยอ่านเจอ มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานในเรื่องลูกศิษย์สายของสมเร็จลุน แห่งเมืองจำปาสัก ประเทศลาว

    จนมีเรื่องเพิ่มเติม..อีกที
    เมื่อมีการปรากฏตัวของ.."ปู่ขาว" ผู้รู้เรื่องความพิศดารแห่งโลกเมืองบาดาล
    เกิดขึ้นนี่เอง

    ปู่อินทร์ ตาทิพย์ ผู้เฒ่าแห่งเขาตำแย..
    ก็พูดเปรยว่า ปู่ขาวก็เป็นลูกศิษย์ของปู่เองนี่แหละ

    และแล้วเรื่องของ 4 สามเณร ก็เกิดขึ้นและขณะนี้ก็มีการจุติของท่านเณรทั้ง 4 บุรุษเกิดขึ้น
    ขณะนี้ก็ยังได้ปฏิบัติพุทธภาระกิจตามสายสัญญาณเดิมในพุทธวิธีในประเทศไทยเราแล้ว แล้วใครบ้างล่ะทีนี้

    ...ปู่ขาวคือใครกันแน่? ทำไมไหว้ภิกษุใด..แล้วจะต้องมีอันเป็นไป..

    แล้วเณรโด่ง...เณรซวง มาจากไหน มาได้ไง?
    เลิศคุณอภิญญาด้านใด? น่าสนใจ!!

    สำหรับ toplus99 ได้แนวคิดๆอย่างหนึ่งคือ....

    การสั่งสมบารมีสายโพธิสัตยธรรมนี่มัน...สาหัสเอาเรื่อง
    ท่านไม่เหนื่อยล้ากันหรือไงหน๊อ?

    ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ ไม่ได้รู้จริงเลยซักนิด..สาบานให้ฟ้าผ่า

    เพียงได้กลิ่นมาแตะจมูกหน่อย ก็เอามาจิตนาการชวนฝันเล่าต่อ..

    เล่นเอาซะเคลิ้มเชียว..

    เดี๋ยวจะไปสืบมาเล่าใหม่นะจ๊ะ..ทิ้งไว้เอาแบบกล้ำๆกลึ่งๆนี่แหละ สนุกดี

    ทิ้งแนวทางไว้ให้จอมอภิมหาจอมสงสัยแบบ..ป๋ามิงค์ แกไปลุ้นสืบค้นต่อเอา

    ******************
    ใครที่เก่งชำนาญญาณธรรม ก็แซงหน้าสืบถามค้นหา
    ...ไปก่อนได้เลยครับ ว่ามีจริงหรือเปล่า??

    รึจะกลับมาบ่น..หลอกกันนี่หว่า!!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2014
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    เอาเพลงเบาๆทางธรรมมาให้ฟังกันในระหว่างการรอท่าน อ toplus99 ค่ะ

    เพลงจักรพรรดิเปิดโลก (รวม 3 เพลง)
    https://www.youtube.com/watch?v=Uq8fVrAux-8
     
  19. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,086
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    วิกฤติคือโอกาสทอง (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
    ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
    มีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว
    ด้วยความโง่ของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตก บ่อแห่งหนึ่ง
    มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน
    ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา
    ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว
    อีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา
    ชาวนาจึงไปขอ แรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ
    ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ
    ครั้งแรกเมื่อดินถูกหลังลา
    มันตกใจและรู้ชะตากรรม ของตนเองทันที
    มันร้องโหยหวน สักพักหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป
    หลังจากชาวนาตักดินใส่บ่อได้สักสองสามพลั่ว
    เมื่อเหลือบมองลงไปในบ่อ ก็พบกับความประหลาดใจ
    ที่ลามันจะสะบัด ดินออกจากหลังทุกครั้งที่มีผู้สาดดินลงไป
    แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น
    ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไป มากเท่าไร
    มันก็ก้าวขึ้นมาเร็วได้มากยิ่งขึ้น
    ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจเพราะ ในที่สุด
    เจ้าลาก็สามารถหลุดพ้นจาก ปากบ่อดังกล่าวได้


    รูปภาพนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเรา
    ก็เปรียบเหมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอย และยอมแพ้
    จงแก้ไขมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ
    เปรียบเหมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ ฉันใดฉันนั้น

    อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป
    ชีวิตคนเราก็เช่นกัน เราก็ต้องประสบกับโลกธรรมแปดเป็นธรรมดา
    คือ ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข
    ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์
    แต่เมื่อเรามีทุกข์ มีปัญหา หรือต้องประสบกับวิกฤติหนักหนาสาหัสแค่ไหน
    ก็ให้อาศัยขันติ มีความ อดทน

    เมื่อมีความทุกข์ หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด ตั้งสติใช้ปัญญา
    อาศัยอดทน อดกลั้น หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ก่อน
    ไม่ต้องคิดที่จะแก้ปัญหาภายนอก
    กำหนดรู้ลมหายใจออกยาวๆ ลมหายใจเข้าลึกๆ ให้มีสติ
    มีความรู้สึกตัวกับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ติดต่อกัน ต่อเนื่องกัน
    มีสมาธิตั้งมั่นกับลมหายใจ ปล่อยวางความรู้สึกที่ไม่ดี
    ปล่อยวางจิตใจให้ว่างๆ ว่างจากอดีต ว่างจากอนาคต
    ว่างจากความไม่ สบายใจ เหลือแต่จิตที่มีแต่ความรู้สึกตัว เบิกบานใจ
    โอปนยิโก น้อมเข้าไปหาธรรมชาติของจิตที่่เป็นประภัสสร
    บริสุทธิ์ผ่องใส เมื่อจิตสงบสบายแล้ว
    จึงค่อยๆ คิดแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา
    เมื่อจิตใจดี สบายใจทุกอย่างแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
    ให้มีความหวัง กำลังใจที่จะต่อสู้

    ... ทุกข์ที่สุดอยู่ที่ไหน ขุมทรัพย์ก็มีอยู่ที่นั่น ...

    ... ทุกข์ที่สุดอยู่ที่ไหน สุขที่สุดมันก็อยู่ที่นั่น นี่เป็นความจริง ...

    ... ไม่ว่าจะมีวิกฤติหรือเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเรา
    สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือรักษาใจของเราให้ดี
    ให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นคุณธรรมประจำใจของเรา ...

    คัดลอกจาก...
    http://www.unlimited-knowledge.com/Inde ... tentID=421
    *********************************
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...