ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

จากนั้นพระท่านยถาให้พรกับคณะเราโดยแบ่งเป็นชุดๆละประมาณ8องค์ รวมรับพรไปประมาณ7ครั้งครับ

 

ภาพพระสงฆ์ที่อาพาธรอเราท่านสงเคราะห์เป็นบุญอันประมาณไม่ได้

 

จากนั้นประมาณ8โมงเป็นอันเสร็จการทำบุญ ณ โรงพยาบางสงฆ์ บางท่านกลับไปทำกิจการงานของตนอย่างอิ่มบุญ ที่เหลือเดินทางไปบ้าน อ.ประถม เพื่อนำรายชื่อ และสมุดบัญชีไปรายงานท่าน รวมถึงไปรับท่านเพื่อไปทำบุญกันต่อที่วัดถ้ำประทุน


ระหว่างทำบุญมีพระท่านหนึ่งมอบบทกลอนธรรมะให้กับทางคณะนำมาให้ชมกัน

 

ประมาณบ่ายสองโมงทางคณะพร้อมอ.ประถมเดินทางถึงวัดถ้ำประทุนเพื่อกราบนมัสการและทำบุญกับหลวงปู่อ่อนศรี พระผู้เป็นอริยะผู้ไม่กลับมาอีกเป็นเนื้อนาบุญอีกท่านหนึ่งที่ยังดำรงขันธ์ พี่ใหญ่กล่าวว่ารีบๆกันหน่อยดีๆอย่างนี้หาได้น้อยในปัจจุบัน

 

อ.ประถมขณะรอหลวงปู่อ่อนศรีอยู่หน้ากุฏิท่านเกือบชั่วโมงไม่มีอาการเบื่อหน่ายให้เห็น


ขณะรอหลวงปู่ในกุฏิท่าน อ.ประถม สงบสำรวมจนพวกเรายังทำไม่ได้



โต๊ะหมู่บูชาที่เรียบง่ายของหลวงปู่อ่อนศรี

 

ทางคณะนำสมุดบัญชีเงินฝากของทุนนิธิที่มีรายชื่อผู้ทำบุญให้หลวงปู่อ่อนศรีแผ่เมตตาให้ทุกๆท่านที่ทำบุญร่วมกัน

 

หลวงปู่สนทนาธรรมขั้นตัดภพชาติกับอ.ประถม ขณะพวกเรานั่งฟังกันพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย



หลวงปู่อ่อนศรีให้พรกับคณะที่ไปกัน มีพวกเราคณะเดียวเพราะจองคิวทางอากาศกันไว้ก่อน

 

หลวงปู่อ่อนศรีแจกรูปท่านกับทุกคนในคณะที่ไป






หลวงปู่เมตตาเป่ากระหม่อมให้คณะทุนนิธิรุ่นเล็ก

 

ที่เว้นไว้ 3-4 ภาพ ไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร อาจเป็นภาพที่ อ.ประถมฯ กำลังโมทนาสมุดบัญชีธนาคาร หรือ หลวงปู่อ่อนศรี กำลังโมทนาสมุดบัญชีธนาคารที่มีรายชื่อผุ้ที่บริจาคมาตามที่ผมได้รายงานให้ท่านทราบ และขอให้ท่านโมทนาบุญให้ด้วยก็ได้ คงต้องรอ สำหรับภาพพระสงฆืที่ป่วยหนักนี่ยังน้อย ยังมีประเภทที่ป่วยหนักและไร้ผู้เหลียวแลอีก หรือประเภทสายระโยงระยางอีก นี่เอาแค่เบาะๆ ทั้งตึกมีประมาณ 200 รูป แต่ใบรับเงินบริจาคในครั้งนี้ สมุดบัญชี พร้อมยอดเงินที่ได้รับบริจาคเพิ่มเติม หลังจากที่นำเงินเข้าบัญชีทุนนิธิแล้ว คาดว่าวันพรุ่งนี้ นายสติหรือ อ.ปุ๊จะสแกนให้ดูจำนวนเงินบริจาคทั้งหมด ซึ่งยอดเงินที่บริจาคในครั้งนี้มากกว่าที่เราถอนออกมา เพราะไปโปะกันที่หน้าโต๊ะบริจาคของ รพ. เพื่อดูยอดไม่ให้มีเศษอีกครับ สำหรับท่านใดที่ประสงค์จะบริจาค สำหรับการทำบุญในเดือนมกราคม 51 ขอเชิญได้เลยครับ โดยการบริจาคเข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร"(pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9

 

เห็นท่านั่ง อ.ประถมฯ มั๊ย กำลังทำอะไร ในขณะที่ท่านกำลังดูสมุดบัญชี
อ.ประถมฯ กระซิบบอกผมตอนขับรถกลับว่า ปู่คุยกับท่านทางจิต ไม่เบาทั้งคู่จริงๆ มิน่าเล่าพอเราชวนท่าน ๆ แต่งตัวรอไปวัดเลย แถมไปรอหลวงปู่อีกชั่วโมงเต็มๆ ไม่บ่นเลย คำถามแรกต้องจารึกกันไว้เลยเช่นกันคือ
หลวงปู่อ่อนศรี : อิ่มหรือยัง พอหรือยังเล่า ชีวิตนี้
อ.ประถม : อิ่มแล้ว พอแล้ว กินอะไรไม่อร่อยแล้ว

ไปตีความที่หลวงปู่ผู้เฒ่า กับ ท่านอ.ผู้เฒ่า ของพวกเรา สนทนากันเอาเอง หมายความอย่างไร คิดอย่างไรกันมิอาจทราบได้จริงๆ

 

ภาพหลวงปู่อ่อนศรีในอริยบทสบายๆขณะลงจากกุฏิจะลงทำวัตรเย็น



ทางคณะทุนนิธิหากแม้นมีส่วนใดทั้งทางกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ล่วงเกินหลวงปู่ด้วยประการใดๆทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจกราบแทบเท้าหลวงปู่ขอขมาให้ลูกหลานไว้ด้วยครับ

 

โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมทำบุญกับทางคณะทุนนิธิ ฯ ด้วยครับ

(((หลวงปู่ท่านลงมาเวลาบ่าย 3 โมงตามคิวที่จองเอาไว้ สังเกตุที่นาฬิการูปแรกนะครับ)))


หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อหลวงปู่ไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจ ก็ดี ข้าพเจ้าขอกราบขอขมา

 

เนื้อนาบุญที่รอเรา "ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต พึงรักษาภิกษุป่วยไข้" เขตบุญอันประมาณมิได้ ดั่งได้รักษาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นๆ กันในชาตินี้นี่แหละ จากภาพคงไม่มีคำกล่าวใดๆ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งข้อกัมมัฏฐานแท้น้อ...

 

วันนี้ขอนำเสนอธรรมะจากท่านเจ้าคุณโชดกฯ ในตอนที่ 2 จากจำนวนทั้งหมด 8 ตอน ซึ่งจะกล่าวถึงวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ในแบบที่เข้าใจง่ายครับ

การเจริญวิปัสสนา เพื่อมีดวงตาเห็นธรรม ๒ (เจ้าคุณโชดก)


เมื่อได้รู้ว่า การเจริญวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรแล้ว ก็สมควรจะรู้ต่อไปว่า การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั้นมีวิธีอย่างไร? บางคนเข้าใจว่าจะต้องเรียนภาคปริยัติธรรม หรือพระอภิธรรมควบคู่กันไปกับการภาวนา หรือสวดมนต์อย่างใดอย่างหนึ่ง บางคนก็เข้าใจว่า จะต้องนั่งบริกรรมทำสมาธิเพ่งให้เห็นพระพุทธเจ้า หรือเพ่งให้เห็นโครงร่างของตน หรือเพ่งดูให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งหายไปหรือเกิดขึ้นมา แต่ตามที่เป็นจริงนั้น การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นและไม่ใช่สิ่งอื่น แต่เป็นการปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้แตกฉานในทางปริยัติธรรม และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ปริยัติธรรมมาก่อนเลย ปริยัติธรรมนั้นเป็นเพียงทฤษฎี ซึ่งวางขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในการปฏิบัติธรรมแล้ว การที่รู้นั้นก็เกือบจะไร้ความหมาย เพราะผู้รู้ปริยัติธรรมไม่สามารถจะเห็นธรรมได้ ปริยัติธรรมเปรียบเสมือนคู่มือในการนำเที่ยว การปฏิบัติธรรมเปรียบเสมือนการท่องเที่ยว ซึ่งแม้จะไม่มีสมุดคู่มือนำเที่ยว ผู้ท่องเที่ยวก็สามารถจะเห็นสิ่งต่างๆ ที่บอกไว้ในสมุดนำเที่ยวได้ความอุปมาข้อนี้ฉันใด การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น ผู้ปฏิบัติจำจะต้องทำความเพียรติดต่อกันให้มีสติกำหนดรู้มหาสติปัฏฐาน ๔ เกี่ยวกับ กาย เวทนา จิต และสภาวธรรม คือกำหนดรู้กาย ในขณะที่ยืน เดิน นั่ง นอนและในขณะหายใจเข้าออก ขณะเกิดท้องพอง ท้องยุบ และขณะทำกิจวัตรอื่นๆ กำหนดรู้เวทนา ในขณะที่รู้สึกสบาย หรือไม่สบาย หรือรู้สึกเฉยๆ กำหนดรู้จิต ในขณะที่คิด หรือในขณะที่รู้อารมณ์ เช่นได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ้น ได้รส หรือได้สัมผัสและกำหนดรู้สภาวธรรม เช่น ความพอใจในอารมณ์ที่ชอบความง่วงและความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ เป็นต้น

ที่สำคัญที่สุด ก็คือ การเจริญรักษาศึลบริสุทธิ์ด้วยการเดินจงกรม โดยมีสติกำหนดรู้ ในขณะเดิน เพื่อให้เกิดสมาธิ แล้วมานั่งสมาธิโดยมีสติกำหนดรู้อาการพองและยุบของท้อง ซึ่งสามารถจะรู้ได้ชัดว่าการกำหนดอย่างอื่นเมื่อมีสมาธิแล้ว ปัญญาก็จะเกิดขึ้นโดยผ่านญาณต่างๆ ทำให้สามารถมองเห็นปรมัตถธรรม (คือธรรมขั้นสูง ซึ่งไม่มีกรผันแปร) เป็นขั้นๆ ไป นับตั้งแต่เห็นรูปนาม เป็นปัจจัยแห่งรูปนาม เห็นพระไตรลักษณ์ คือเห็นรูปนาม เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นความเกิดดับของรูปยาม เห็นรูปนามเป็นโทษ เกิดความเบื่อหน่ายในรูปนาม เกิดความอยากพ้นจากรูปนาม พยายามหาทางพ้นจากรูปนาม แล้วพิจารณารูปนามโดยการวางเฉย และในที่สุดก็จะผ่านญาณ เพื่อนำไปสู่มรรคผล และบรรลุถึงมรรคผล นิพพาน ในที่สุด ศีล สมาธิ และปัญญานั้น มิใช่อื่นไกล คือ มรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง


บางท่านอาจสงสัยขึ้นมาว่า การเพ่งดูแต่อาการพองยุบของท้องเท่านั้น จะบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้อย่างไร? และสิ่งที่ว่าบรรลุนั้น อาจไม่ใช่มรรค ผล นิพพานได้หรือไม่? หรือถ้าใช่ จะรู้ได้อย่างไรว่า ผุ้ปฏิบัติได้บรรลุมรรค ผล นิพพานแล้ว? ในเบื้องต้นเราควรรู้เสียก่อนว่า หลักการปฏิบัติธรรมที่กล่าวมาย่อๆ ข้างต้นนั้นเป็นหลักที่ปรากฏอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้ และเป็นที่รู้กันอยุ่ทั่วไปว่า ในการแสดงสัจธรรม คือ หลักปฏิบัติที่จะให้บรรลุมรรค ผล นิพพานนั้น พระพุทธเจ้าได้แสดงตามอุปนิสัยของแต่ละบุคคล หลักธรรมหรือแก่นธรรมของพระองค์จึงปรากฏอยู่ในที่ต่างๆ ในพระสูตรและพระอภิธรรม โดยกล่าวเฉพาะที่เป็นหลักและสานุศิษย์ของพระองค์ ก็ได้ไขความกระจ่างขึ้น แต่แม้กระนั้น ผู้ที่ไม่มีความรู้แตกฉานจริงๆ ในพระไตรปิฏก และบาลี ก็ไม่สามารถจะถอดเอาหลักธรรมของพระองค์มาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้โดยถูกต้อง การบรรลุมรรค ผล นิพพาน จึงกลายเป็นของสุดเอื้อม ของพุทธบริษัทในสมัยหลังๆ แต่มาบัดนี้ เราพอจะกล่าวได้ว่า ด้วยผลของการค้นคว้าและเปรียบเทียบกับหลักที่ใช้ในประเทศอื่นของพระเถรานุเถระ ผู้สนใจในการปฏิบัติธรรม เราก็มีหลักปฏิบัติธรรมที่นับว่าถูกต้องตามหลักที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ และโดยการปฏิบัติธรรมที่นับว่าถูกต้องตามหลักที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ และโดยการปฏิบัติตามแนวนี้ก็ย่อมจะบรรลุถึง มรรค ผล นิพพาน โดยไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นการปฏิบัติตามหลักที่พระองค์ได้ทรงวางไว้นั่นเอง และเมื่อพิจารณาจากผลของการปฏิบัติ ก็ปรากฏว่า เป็นไปตามที่ระบุไว้ในคำสอนของพระองค์ทุกประการ<O></O>
<O></O>

 

ประกาศแจ้งเพื่อโมทนาบุญทราบทั่วๆกันนะครับ

1.ใบเสร็จรับเงิน 2 ใบมีรายละเอียดดังนี้
1.1 เป็นค่าบำรุงทั่วไป 4,700 บาท
1.2 เป็นค่าบำรุงโลหิต 2,200 บาท
2. ค่าอาหารถวายพระ กล่องละ 25 บาทจำนวน 58 กล่อง
เป็นเงิน 1,450 บาท

หมายเหตุ ค่าบำรุงทั่วไป เป็นเงินที่ทางโรงพบาบาลสงฆ์จะนำไปใช้ซื้อยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ในการรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธ
รวมเงินทั้งสิ้น 8,350 บาท
แต่ยอดที่เบิกจากสมุดฝาก 7,500 บาท

จะเห็นว่ามียอดเงินเกินมา 850 บาท

ยอดเงินที่เกินมาก็อย่างที่คุณโสระบอกไว้คือช่วยกันโปะเพื่อให้ยอดเงินลงตัว

ต่อไปเป็นหลักฐานในการทำบุญครั้งนี้ขอได้ร่วมโมทนาบุญร่วมกันด้วยนะครับ





อันนี้เป็นสมุดบัญชีบันทึกรายชื่อท่านที่ร่วมกันบริจาคให้ทุนนิธินี้



ก็ต้องกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งกับทุกท่านที่ช่วยกันร่วมสร้างบุญกุศลกับพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ

 

รายการที่ได้แจกแจงให้รับทราบข้างต้นนี้จะเห็นว่าค่าอาหารไม่มีใบเสร็จ
เพราะได้ว่าจ้างร้านอาหารภายในโรงพยาบาลสงฆ์เป็นผู้ทำอาหารกล่องถวายพระนะครับ

สำหรับวันนี้ 11 ธ.ค. 2550 ผมได้นำเงินไปฝากเข้าทุนนิธิอีกจำนวน
2,560 บาท ซึ่งยอดเงินจำนวนนี้มีรายละเอียดดังนี้
1. ท่าน อ.ประถม อาจสาคร ฝากให้เอามาเข้าทุนนิธิเมื่อตอนที่
ไปกราบคารวะและแจ้งเรื่องการดำเนินงานของทุนนิธิวันที่ 9 ธ.ค.50
เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท

2. คุณสิทธิพงศ์ กับภรรยาและครอบครัว และพี่ใหญ่ ได้ฝากผ่านมาทางพี่ใหญ่เพื่อร่วมทำบุญด้วย 1,100 บาท

3. คุณพุทธันดร ได้ใส่ซองไว้ตั้งแต่งานวันเกิดท่านอ.ประถม อาจสาคร เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ผ่านมา 300 บาท

4. คุณอรนุช ปิ่นทองและผม 160 บาท

รวมเงินทั้งสิ้น 2,560 บาท






ด้านล่างเป็นสมุดเงินฝากที่ Update ล่าสุดนะครับ





ขอได้ร่วมกันโมทนาบุญด้วยกันนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอนุโมทนาบุญกับทุกท่านและคณะพี่ๆที่ได้เดินทางไปครั้งนี้ด้วยครับ ได้แค่เห็นรูปที่มาลงก็อิ่มบุญไปด้วยแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

 

สำหรับท่านใดที่ประสงค์จะบริจาค สำหรับการทำบุญในเดือนมกราคม 51 ขอเชิญได้เลยครับ โดยการบริจาคเข้า บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร"(pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9

บริจาคเสร็จก่อนนอน หรือเวลาที่ว่างจากภารกิจการงานนำสลิปที่โอนพนมมือตั้งจิตอธิษฐานไว้ที่ลิ้นปี่ หยุดใจไว้นิดนึง อธิษฐานให้บุญบารมีที่ได้โอนเงินค่ารักษาโรคาพาธ และซื้อเลือดบริจาคให้พระสงฆ์ที่เจ็บป่วยไข้นี้ หากแม้นมีผลบุญเกิดขึ้นเท่าใด ขอโมทนาบุญนั้นให้แก่บิดาและมารดาครูอุปัฌาย์อาจารย์ผู้มีคุณญาติพี่น้องบุตรภรรยาทุกๆ ภพทุกๆ ชาติให้ได้รับผลบุญร่วมกับเรา รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และขอฝากบุญนี้ไว้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามพระกกุธสันโธ ให้โมทนาบุญให้เรามีสุขภาพแข็งแรง ได้พบแต่สิ่งที่ดี และมีดวงตาเห็นธรรมได้โดยง่าย ด้วยพระฉัพพรรณรังสี พระบารมีแห่งพระองค์ขอจงได้แผ่เมตตามายังข้าพเจ้าด้วยเทอญ.....สาธุ

 

ผมและครอบครัวขอร่วมบุญด้วยครับ โอนเงินให้แล้ว จำนวน 500 บาท ที่สาขาถนนงามวงศ์วาน เวลาประมาณ 13.30 น.
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

พรุ่งนี้ว่าจะเริ่มจัดส่งพระที่แจก ท่านอื่นๆที่ต้องการก็ส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผมบอกที่อยู่ได้จะรวบรวมทะยอยส่งให้ครับ พระชุดนี้ดีมากๆรายละเอียดเป็นอย่างไรสอบถามไปที่พี่พันวฤทธิ์ได้ ไม่อยากออกอากาศเป็นเรื่องอจิณไตย ทางคณะเราไม่ได้เน้นเรื่องฤทธิ์แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีจริง เน้นแต่เรื่องบุญกุศลที่จะพา ข้ามภพ ข้ามชาติ เกิดปัญญา ลดกิเลสได้