สภาวะของร่างกาย ที่เห็นได้เมื่อจิตเป็นสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณบพิธ, 30 พฤษภาคม 2012.

  1. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    กระทู้สอบถาม และ แลกเปลี่ยน การเห็นสภาวะต่างๆ ของร่างกาย ที่สัมผัสได้ รู้สึกได้ เมื่อจิตเป็นสมาธิครับ

    เมื่อก่อน เคยได้ยินหลวงพ่อท่านนึง เล่าว่า ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จิตละเอียดขึ้นมากจนเห็นลมหายใจเป็นเส้น เป็นสาย ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็เชื่อว่าหลวงพ่อพูดจริง เพราะผมทราบว่าท่านอ่านใจผมได้

    พอมาเริ่มทำสมาธิ เมื่อก่อนแรกๆ ก็ได้เจออาการปีติ รู้สึกเหมือนตัวสูง ขยายออก รู้สึกยิบๆ ที่ปลายมือปลายเท้า รู้สึกซาบซ่านทั้งตัว ช่วงนั้นก็คิดว่า มันเป็นสภาวะแปลกๆ พิสดาร เป็นสภาวะวิเศษ ของการทำสมาธิ

    จนตอนหลัง ได้มาปฏิบัติวิปัสสนา ถึงได้ทราบความจริงว่า พวกนั้นหนะ ไม่ใช่สภาวะวิเศษอะไรเลย มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติในร่างกายเรา แต่เมื่อก่อนจิตของเรา ไม่เคยสงบ ไม่เคยละเอียด พอที่จะรับรู้ได้ แต่พอจิตสงบระงับลง สภาวะพวกนี้ ก็จะโผล่มาให้เราเห็นเอง (และเห็นนอกสมาธิ ในชีวิตประจำวันได้เลย เมื่อจิตสงบพอ)

    ทีนี้ พอปฏิบัติมาเรื่อยๆ ก็ลองจับสภาวะในร่างกายเล่นๆ ดู
    ผมก็แปลกใจ ทำไมผมเริ่มรู้สึกถึงแรงดันของกระแสเลือดในร่างกาย เริ่มรู้สึกได้ ถึงการไหลเป็นคลื่นเมื่อมีการเต้นของหัวใจ ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไปตรวจความดัน ก็พบว่า ความดันปกติ

    เลยอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับท่านอื่นๆ ว่า เวลาจิตสงบขึ้นแล้วจะเห็นอะไร สัมผัสอะไรได้อีกบ้างในร่างกายเราเองครับ ขอเชิญท่านๆ ในห้องอภิญญานี้ ที่เห็นสภาวะละเอียดกว่าผมเยอะ มาอนุเคราะห์ เป็นวิทยาทาน ธรรมทาน กันครับ
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ผมไม่เคยเกิดอาการแบบคุณแต่ด้วยเหตุผลเป็นไปได้ยิ่ง แต่ถ้าพูดถึงความที่จิตสงบ อ่านใจคนอื่นยังออกหมดเลย ด้วยการอ่านกริยาเขาครับ..
    การแสดงออกตามกริยาของคนอื่น ทำให้อ่านอารมณ์ความรู้สึก ความต้องการของเขาได้ชัดเจน..หากเราสงบจริงนิ่งมากๆ แล้วเราจะสงสารเขาเหล่านั้น เพราะส่วนใหญ่ เขาไม่สงบกันทั้งนั้นนนนครับ
    อนุโมทนา จขกท.ใช้ความคิดให้มากๆ ยกหัวข้อธรรมขึ้นมาประกบพิจราณาทุกครั้งในเรื่องที่เราเห็นและสัมผัส ให้ลงธรรมถูกบท เข้ากฏธรรมดา เกิด-ดับ และใช้เมตตาด้วยยิ่งดีครับ หากจิตที่สงบนี้เป็นสมาธิพอ คุณจะระงับเหตุที่สงสัยได้เป็นเรื่องๆไปเลยนะครับ ..สาธุ อย่าคลุกคลีเนตมากนัก มันจะกินเราหากกำลังจิตและเหตุผลเรายังไม่แข็งแรงนัก
     
  3. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    สมาธิลืมตา ระลึกถึง พุทธคุณ

    ลมหายใจ ละเอียด และ เกิดความเลื่อมใส ใน พุทธคุณ ค่อนข้างแรง น้ำตาซึมเล็กน้อย

    หัดข่ม และ สังเกต แต่มักมีกระแสคิดในพุทธคุณอยู่ตลอดเวลามีความรู้สึกอันนี้ จนจับความรู้อื่นๆได้ยาก พยายามฝึกหัดอยู่ โดย เฉพาะการข่ม ความรู้สึกที่ฟูขึ้นมาแรง

    เวลาเกิดอาการนี้กินเวลาประมาณ ๕ ถึง ๑๐ นาที มักจะนึกถึงดอกบัวและอาการที่พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2024
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    ขอบพระคุณครับ ผมเริ่มสังเกตเช่นกันครับ ว่าเมื่อจิตเราสงบนิ่งจริงๆ เราจะสังเกตเห็นอาการเล็กน้อยต่างๆ ของผู้ที่เราสนทนาด้วย ทำให้เรารับรู้สภาวะอารมณ์ของเขาได้ละเอียดขึ้น แต่เรื่องหลวงพ่อที่ผมเล่า ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ ท่านคือหลวงพ่อที่ผมเคยเล่าในกระทู้อื่นว่า เดินเข้ามาในศาลา ที่ผมนั่งอยู่ ตอนนั้นสงสัยเรื่องธรรมะอยู่ ท่านทักทาย แล้วเฉลยคำตอบให้เลย โดยผมไม่ต้องถามครับ :cool:
     
  5. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    อนุโมทนา สาธุๆๆ ศรัทธาท่านแรงจริงๆ ครับ บางครั้งผมก็เป็นบ้างนิดๆ หน่อยๆ ครับ ไม่แรงเหมือนท่าน แต่หากลองสังเกตดู ตอนนั้นจะเกิดเป็นอารมณ์ปีติแรงมากๆ จนบดบังสภาวะอื่นจริงๆ ครับ

    ลองกำหนดตามรู้ด้วยสติ สิครับ ให้ทราบว่า ตอนนี้ จิตเรากำลังรับอารมณ์นั้นอยู่ ทำให้ไม่เห็นตามความเป็นจริงเสียแล้ว...
     
  6. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ผมเป็นมานานแล้วครับเรื่องการรับรู้ถึงแรงดันของโลหิต บางทีนั่งอยู่เฉยๆ
    รู้สึกว่าตัวเรามันขยับไปตามการเต้นของหัวใจ ตอนแรกก็สงสัยครับคิดว่าเป็นความดันโลหิตสูง
    เคยไปวัดดู ก็ปกตินะครับ :cool:

    อีกอย่างเวลาผมนั่งสมาธิ บางครั้งจับลมหายใจไม่ได้เลย
    เพราะมันไปรู้จังหวะการเต้นของหัวใจชัดกว่า
     
  7. คาคะ

    คาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +1,533
    เราก็เป็นนะเวลาไปหาพ่อท่านนะเราเพิ่งรู้ว่าอาการที่ว่าอ่านวาระจิตคนนะมีจริงเวลาเราสงสัยในธรรมนะคิดในใจว่าอยากรู้เรื่องนี้จังท่านก็จะเทศนาให้เราฟังทุกครั้งเลยเราลองตั้งหลายคร้งจนแน่ใจนะว่าสิ่งเหล่านี้นะมีจริงไม่เจอกับตัวไม่เชื่อหลอกเวลาจิตเป็นสมาธินะจะรับได้เร็วมากเลยขอบอกเราถือศิล8อยู่ตอนนี้นะ
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สมาธิเยอะ พิจารณาไปด้วยจิ ^^

    บางท่านก็สำคัญผิดนึกว่าเป็นโรคหัวใจ เวลานอนก็นึกเอาว่าแผ่นดินไหว

    พวกสำคัญว่า นี้กระแสเลือด นี้หัวใจ นี้แรงดัน นี้ร่างกาย พวกนี้ไม่มีจริงในขณะที่รู้

    ขณะรู้มีแต่ ตึง ไหว อ่อน เคลื่อน แข็ง เย็น ร้อน หากจะพิจารณารูป

    ที่สำคัญว่านี้ ตรงนี้ ตรงนั้น สิ่งนั้น เป็นนี้ เป็นนั้น เป็นเลือด เป็นหัวใจ ขณะนั้นเป็นความคิดที่ถูกรู้ ถูกหลงอยู่

    การปสาทกระทบธาตุ ที่เคลื่อน เป็นวาโย ขณะนั้นรู้สึกได้ถึงอาการ

    แต่ไปปรุงเรียบร้อยแล้ว ถือนิมิตอนุพยัญชนะเรียบร้อยแล้ว ว่าเป็นความดัน

    ก็พิจารณาว่าขณะนั้นอะไรคือจริง ระหว่างเรื่องราวความคิด กับ อารมณ์ที่ถูกกระทบอยู่ขณะนี้

    ขณะที่รู้ว่านี้ นี้ความดัน ขณะนั้นจิตรู้รูปดับไปแล้ว จิตรู้สัญญา สังขารเกิด

    แต่ไปรู้ที่ปรุงแต่งไปเรียบร้อยแล้ว ไปคว้าสักกายทิฏฐิมากำหนดแล้ว ^^
     
  9. pongvet

    pongvet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +28
    ผมก็เป็นบ่อยครับ เป็นมานานแล้วกว่า5 ปี เวลานั่งเฉยๆ เหมือนโยกไปมา ส่วนมากผมก็ทำสมาธิเลย ดูชีพจรเต้นตามปลายนิ้ว แต่ละนิ้ว อยากให้รู้สึกนิ้วไหนก็กำหนดดู ส่วนมากรู้ทุกนิ้ว ดูหัวใจเต้น บางคืนทำสมาธิก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่่แนบชิดกัน รู้สึกถึงฟันที่กระทบกันแบบถี่ๆ ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงครับ คือปากไม่สั่น ฟันไม่สั่น แต่รู้ถึงฟันบนฟันล่างกระทบกันแบบถี่ๆ ละเอียดๆๆๆ อธิบายไม่ถูกครับ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อย่าไปตามรู้มัน ดับรู้อาการพวกนั้นให้ได้ จะเกิด ความสงบ
     
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    มาดูที่เป็น หลักการดูก่อน

    กายานุปัสสนา

    สัมปชัญญบรรพ<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    [ ๒๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ภิกษุย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ (ความเป็นผู้รู้พร้อม) ในการ ก้าวไปข้างหน้า และถอยกลับมาข้างหลัง
    ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการแลไปข้างหน้า แลเหลียวไปข้างซ้าย ข้างขวา ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการคู้อวัยวะเข้า เหยียดอวัยวะออก <O:p></O:p>
    ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการกิน ดื่ม เคี้ยว และลิ้ม
    ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ
    ย่อมเป็นผู้ทำสัมปชัญญะ ในการเดิน ยืน นั่ง หลับ ตื่น พูด และความเป็นผู้นิ่งอยู่ ดังนี้ <O:p></O:p>
    ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกาย เป็นภายในบ้าง ย่อมพิจารณาเห็น กายในกายเป็นภายนอกบ้าง
    ย่อมพิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอกบ้าง <O:p></O:p>
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเกิดขึ้นในกายบ้าง
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสื่อมไปในกายบ้าง
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ทั้งความเกิดขึ้นทั้ง ความเสื่อมไปในกายบ้าง ก็หรือสติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ แต่เพียงสักว่าเป็นที่รู้ แต่เพียง สักว่าเป็นที่<O:p></O:p>
    อาศัยระลึก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่ด้วย ย่อมไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลกด้วย <O:p></O:p>
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่อย่างนี้
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ เราภาวนา กายานุปัสสนา อย่าให้ คนโง่ สอนไม่เป็น พาไป ภาวนาอย่างอื่น

    เราจะไม่ดับ รู้เด็ดขาด แต่ เราจะตามรู้ สภาพธรรมเหล่านี้ โดยไม่จมแช่

    สมมติว่า คุณไปรู้ปลายนิ้วเหมือนมีประจุไฟฟ้า บ้างรู้ได้ว่าเป็นความดัน บ้างรู้ได้ว่า
    เป็นการเฉือนฉิวของลม บ้างรู้ได้ว่าเป็นกระแสจิต บ้างรู้ได้ว่าเป็นความรู้สัมผัสกระทบ
    (ลมก็มีธาตุดิน) บ้างรู้สึกเป็นท่อน เป็นข้อนิ้ว บ้างรู้สึกว่านิ้วจะหลุด

    อาการ "รู้บ้างว่า....." จะเกิดตามเหตุปัจจัย ที่มีปัจจัยประกอบแตกต่าง

    แต่ถ้าคุณ รู้แบบจมแช่ มันจะรู้คาอาการเดิมที่รู้ เกิดการรู้ที่เที่ยง ไม่แปรปรวน
    เหล่านี้คืออาการ ตัณหาแทรก ไปเห็นว่า รู้เป็นของเที่ยง

    ส่วนการปฏิเสธการรู้ แทนที่จะรู้ไปซื่อๆ กลับไปปฏิสเธการรู้ แล้วดึงกลับ เพื่อ
    ไปเกาะอาการรู้อื่น อันนี้ คือ โง่ เปลี่ยนกรรมฐานโดยไม่รู้ตัวว่าโง่ เพราะความ
    กลัวว่าจะรู้ัไปเรื่อย เลยกระโดดไปเกาะ งุดโง เป็นอาธิ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร แทน
    ที่จะเข้าใจ "รู้เห็นตามความเป็นจริง" เป็นอย่างไร ไปปฏิเสธเสีย ก็เลยต้องไปนั่ง
    นึกว่า กูแก่แล้วมีอะไรที่กูถอดถอนได้บ้าง พอพิจารณาว่ากูแก่แล้วกูไม่มีเหตุปัจจัย
    คือแรงไปอี้แล้ว แล้วมาบอกว่ารู้เหตุรู้ผลรู้ปัจจัยถอดถอนอาสวะ อันนี้มันโง่เสียยิ่ง
    กว่าโง่

    แต่ถ้าคุณรตามรู้ไป หากจิตปักไปรู้อยู่ที่ปลายนิ้ว แช่อยู่ ให้พิจารณาไปเลยว่า นั่น
    ตัณหาแทรกแบบตรงตัว

    ทีนี้ หากคุณพิจารณากายอยู่ พอเห็นจิตไปแช่ แล้วรีบสะบัดไปรู้อย่างอื่นยิ่งกว่า
    ว่ามีสิ่งอื่นยิ่งกว่า ควรรู้กว่า ก็ให้พิจาณาไปอีกว่า ตัณหาแทรก ซึ่งอันนี้ ทิฏฐิ
    แทรกก่อนแล้วตามด้วย ตัณหา ตามหลัง

    เมื่อ ตามรู้ตามดู กายานุปัสสนาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะค่อยเห็น บาทวรรคที่ว่า

    ทีนี้

    หากคุณพิจารณาไปที่คำว่า มีคุณวิเศษ ในอาการเหล่านี้ อันนี้ เป็นจังหวะที่
    เรียกว่า จิตพิจารณา กายในกายเป็นภายในบ้าง( คิดว่าตนวิเศษกว่าผู้อื่น)
    เกิดการเปรียบเทียบ บุคคล เรา เขา ขึ้น

    แล้วถ้าคุณเห็นว่า คุณวิเศษนี้ธรรมดาๆมั้ง อันนี้เรียกว่า พิจารณากายในกาย
    ภายนอกเป็นภายในบ้าง คือ ระลึกได้ว่า สัตว์ชนิดไหนๆ ก็ต้องมีอาการเหล่านี้

    แล้วคุณจะเห็น จิตมันปฏิวัติตัวเอง พอเห็น กายในกายเป็นภายในบ้าง แล้ว
    ก็ เห็นกายในกายเป็นภายนอกบ้าง มันจะสาวไปหาเหตุว่า อาการเหล่านี้
    ที่เป็นกันหมดทุกสรรพสัตว์มันเกิดจาก เหตุ อะไร

    ก็ไม่ใช่อะไร มันคือ ชาติ ชรา พยาธิ ทั้งนั้น ไม่ใช่การเจริญขึ้น แต่เป็น
    การแตกดับสลาย หากเห็นผิดจะคิดว่ามีของใหม่อันบริบูรณ์กว่ามาแทนที่ของ
    เก่าที่หลุดล่วงหายไป ( อันนี้ หากพิจาณา ตอนอุจจาระ จะได้ภูมิธรรม
    ของการรู้ ชี้หู ขี้ตา ขี้ไคร ขี้ใคร เข้ามาเป็น ปัจจัยประกอบ )


    เนี่ยะ กายานุปสสันา สัมปชัญญะบรรพ

    หาก สัมปชัญญะตรงนี้ มีความแน่นหนามั่นคงในการ ประกอบการภาวนา

    เวลาจิตผลิกไปฌาณจิตไหนๆ มันจะรู้เนื้อรู้ตัวตลอด ไม่หลงไปกับนิมิตที่
    มาหลอกลวง กายกำลังเสื่อมตลอดเวลาเป็นภูมิจิต เป็นฐานของการรุ้
    การระลึก การมีสัมปชัญญะ หากขาดสัมปชัญะ การเห็นนิมิตจะหลอก
    หลอนกลายเป็นเมืองแก้วโง่ๆ ไปในที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ หากพิจารณา กายานุปัสสนามากพอ และ มีภูมิสัมปชัญญะ มากพอ

    มันจะเกิดสภาพธรรมที่เรียกว่า สมควรแก่ธรรม

    เมื่อนั้น การปฏิบัติจะละวางการระลึกในกาย ไปพิจารณาอยู่ที่จิต

    เมื่อจิตปล่อยวางการรู้กาย เพราะประจักษด้วยทุกขสัจจแห่งกาย มัน
    ถอดถอนการยึดมั่นถือมั่นในกาย ภูมิภาวนาจะขึ้นไปพิจารณาอยู่ที่จิต

    ซึ่งเมือ่จิตปฏิวัติขึ้นไปรู้ที่จิตแล้ว จิต กาย เวทนา จะแตกออกจากกัน
    เห็นเป็นชั้นสามส่วน ไม่ใช่ส่วนเดียวกัน มาถึงตรงนี้จะเรียกว่า มี "ธรรมเอก"

    เมื่อมีธรรมเอกแล้ว จิตงอกลับมารู้อยู่ที่จิตแล้ว ก็จะเข้าสู่ ต้นทางการภาวนา
    เพื่อถอนถอนกิเลส อนุสัย ต่อไป ปัญญาจะค่อยๆเกิด ซึ่งจะเห็นเลยว่า เป็น
    เรื่องของการก้าวข้ามพ้น ไม่ใช่เรื่อง "ดับ"แบบปิดหูปิดตา หรือ เปลี่ยนอารมณ์
    การภาวนาไปแบบโง่ๆ

    เมื่อพิจารณามากพอ จน อ๋อ การพิจารณา ธรรม มันอยู่ตรงนี้ ธรรมในธรรม
    จะปรากฏให้เป็นภูมิการภาวนาหรือไม่ มันอยู่แถวนี้ หากไม่มี การตามเห็นความ
    ไม่เที่ยงของธรรม ไปเห็นธรรมเที่ยง รับรองได้เลยว่า ยังไม่ใช่ศาสนาพุทธ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ อีกนิดหนึ่ง ตรงที่ จขกท จั่วว่า จิตเป็น สมาธิจึงเห็นอาการเหล่านี้

    อันนี้ อย่ารีบร้อนใช้คำว่า สมาธิ ให้ระงับการใช้ก่อน ให้คุณเอาคำว่า จิตเป็นสมถะ
    มาใช้ก่อน เพราะมันเป็นการเลือกอารมณ์อยู่ คือ เดี๋ยวมันเลือกดูที่นิ้ว เดี๋ยวมันเลือก
    ดูที่ระบบเส้นเลือด เดี๋ยวมันตรวจเส้นประสาท เดี๋ยวมันส่องเส้นจี้ เดี๋ยวมันตามไปเห็นตับ
    ตับเดียวพอ มีหลายตับอันนั้นกามกิเลสกัดหัวแล้ว นี่เหล่านี้เรียกว่า ดูอาการ32 เป็น
    สมถะอย่างหนึ่ง

    ที่ละเอียดที่สุดของการภาวนาแบบนี้ จะรู้สึกในรสเดียวกันกับที่รู้ที่ปลายนิ้ว แต่เปลี่ยน
    ฐานมารู้ที่ทรวงอก อันนี้เกิดจากจิตรู้แล้วว่า กายในกาย ส่วนไหน มันก็มีอาการเหล่า
    นี้ปรากฏเหมือนกันหมด เพราะมันเป็นสภาพ ชาติ ชรา มรณะ พยาธิ ละเอียดกว่า
    นี้จะไปรู้ไออุ่น รู้มากๆมันจะไปรู้ว่าไออุ่นจะหมดลงเมื่อไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นการรู้กายในกาย
    ธรรมดาๆ เป็นแค่ สมถะกรรมฐาน อย่าไปเข้าใจว่าเป็น สมาธิ

    สมาธิ ควรกล่าวตอนไหน

    จิตเป็นสมาธิ คุณควรสงวนองุ่นเปรี่้ยวไว้กินหวานตอนที่ หมุนการภาวนา
    จนรู้ได้ว่า การพิจารณา ธรรมในธรรม เป็นอย่างไร แล้ว จิตมันเลิก
    เลือกอารมณ์ เลิกเลือกฐานในการภาวนา ภูมิจิตเป็นปรติมนุษย์ แต่การ
    ภาวนาไม่หายไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่ว่าจะหลับ หรือ ตื่น เมื่อนั้น
    ค่อย รับรู้ว่า จิตเป็นสมาธิ

    เมื่อรู้จิตเป็นสมาธิ เกิดขึ้นแล้ว ก็จะมีภูมิจิตมากพอ จะตามดู ความเสื่อม
    ของสมาธิเหล่านี้ขึ้นอีกชั้นหนึ่ง(ขึ้นสุญญตาสมาธิ3) เมื่อนั้น ก็จะเริ่มเข้าใจ
    หนทางอันไกลในการภาวนา ไม่เพียร ไม่พัก ย่อมถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้

    จิตที่เป็นสมาธิสำหรับวิธีของพุทธ จะเกิด ปิติ ให้เห็นเป็นผัสสะ มีปัสสัทธิ
    เป็นตัวตามเห็นความสิ้นไป ต่างจากการเป็นปิติบวกกับสุขซึ่งเป็นเรื่องของ
    การกอบโกยไม่สิ้น

    เมื่อตามเห็นปิติ และปัสสัทธิเนืองๆ ก็จะเข้าสู่ บทที่ว่าด้วย โพชฌงค์ทั้งหลาย

    จนกระทั่งเห็นอุเบกขาสัมโพชฌงค์มีรส อย่างไรเป็นที่แน่นอน เมื่อนั้น กล่าว
    ออกไปดังๆเลยครับ กูรู้จักสมาธิแล้วโว้ย รับรองว่าไม่ผิดกติกา องุ่นหวาน
    แล้วสำหรับตน

    อ้อ ยังเหลือการ บ่ม อีกนะ อย่ารีบกินองุ่นหวานเสียก่อนหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  15. pongvet

    pongvet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +28
    ขอบคุณเล่าปังมากๆ ถึงผมอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ผมก็จะ print ไปทำความเข้าใจไปทีละประโยคครับ ผมปฎิบัติแบบโง่ๆ แบบไม่รู้เรื่อง งมโข่งมาหลายปี ตอนนี้เริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์บ้างแล้ว แม้มันจะไกลก็ตาม ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  16. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขอสอบถามหน่อยค่ะ อยากราบว่าอารการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาปกติ(ระว่างวันในเวลาทำงาน)หรือเปล่าโดยที่ไม่ได้นั่งสมาธิค่ะ อาการที่รับรู้อยู่ตอนนี้ก็คือ รับรู้ถึงกลุ่มพลังงานความร้อนในร่างกาย และรู้ถึงการถ่ายเทพลังงานในคลื่นสมองซ้าย-ขวาและแกนสมอง อยากรู้จริงๆค่ะ แต่เวลานั่งสมาธิไม่รู้สึกอะไรเลยมีแต่ง่วงอย่างเดียว ขอแบบกระชับๆเป็นคนเข้าใจยากค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  17. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    ใจเย็นคร้าบทุกท่าน ช่วงนี้รู้สึกห้องอภิญญา ร้อนระอุพอสมควรเลย

    กระทู้นี้ เอาไว้เป็นแค่ของเด็กเล่น ที่ใครเห็นอะไรที่คนที่จิตยังไม่สงบไม่เห็น ก็เอามา share กันครับ

    // แต่ก็ขอขอบคุณคำตอบของทุกท่านครับ มีประโยชน์สำหรับผมทั้งสิ้น ตอนนี้ผมก็พยายามปฏิบัติให้เกิดปัญญาอยู่ครับ แต่ก็คงต้องเป็นไปตามวาระ เหตุปัจจัย จะให้เรียน 3 เดือน จบปริญญาเลย คงไม่ไหวเหมือนกัน :'(
    สำหรับตัวผมเอง เรื่องสภาวะพวกนี้ มองว่าไม่ใช่สาระสำคัญของการปฏิบัติครับ แต่บางทีใจมันว่างๆ แล้วมันก็รับรู้พวกนี้ได้ เป็นแค่เรื่องแปลกของมือใหม่ ที่เพิ่งเจอ เท่านั้นเองครับ

    สำหรับท่าน suthipongnuy ผมก็รู้สึกเช่นนั้นครับ บางครั้งนั่งสมาธิ จิตมันเห็นการเต้นหัวใจชัดกว่า ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมว่ามันสะดวกดีมากเลย เพราะลมหายใจนั้น เรายังตั้งใจสั่งมันได้ บางทีมันทำให้พะวงกับเรื่องลมหายใจ แต่เสียงตัวใจเต้นนี่ สบายเลย เราไม่ต้องควบคุมอะไร ฟังมันอย่างเดียวพอ...
    พอตามดูสักแป๊บนึง จิตมันก็เบื่อ มันก็ปล่อยทิ้งไปเอง เข้าสมาธิไปเลย สบายดี :cool:
     
  18. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    การรับรู้สิ่งละเอียดในกาย เกิดได้ตลอดเวลา เมื่อจิตนิ่งครับ
    อย่างการรับรู้ถึงแรงดันเลือด (หรือการไหว นั่นเอง เดี๋ยวพี่หลงจะว่าเอา :p) ของผม เกิดได้ตลอดเวลา เมื่อจิตของผมว่าง ไม่ได้ยึดถืออารมณ์ใด ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน ครับ แม้ตอนเดินไปไหนมาไหน ถ้าจิตว่าง ยังรับรู้ได้เลยครับ

    แต่ทีนี้ การรับรู้แบบที่ท่านว่า อันนั้นผมไม่ทราบนะครับ ว่าเป็นตามจริงหรือเปล่า หรือเป็นการแต่งเติม นะ... (สิ่งที่ชัดเจน ตามความจริงคือ รับจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ระลึกก่อน นาน นาน มากกกก
    1 อาการเหมือนมดไต่ ไต่ ทั้งตัวไม่หยุด จน ต้องใช้ มือปัดแต่ไม่มีตัวอะไร
    2 ตัวโยก เบาๆ โยก จน หัวติดพื้นไปเลย (คงใช้คำว่าเลื้อย จะใช่กว่า)
    3 ร่างกาย ถอดปล้อง เหมือน หุ่นยนต์ คล้ายๆ แปลงร่าง อิอิ
    4 ปวดทั้งตัว เหมือน ร่างกาย แยก ออกจากกัน แทบจะได้ยินเสียงกระดูกลั่น(เกินไป เกินไป)

    5 หนาวสั่นทั้งตัว เย็นข้างใน อาการมัน เหมือน ตรงกลางตัวมันสะเทือน เย็น วาบๆไล่ข้างใน ออก ข้างนอก ตลอดเวลา จนคิดว่าตัวเอง จะตาย จน ต้องกินยา ฮา เลย
    6 นั่งๆ ไป พรึบ ใครดับไฟ ลืมตาดู ไฟไม่ได้ดับซะหน่อย
    7 อันนี้เลย พรึบไปทั้งตัว เห็น เหตุการณ์ บางอย่างๆ แล้ว ตกใจ ตื่น
    8 ล่าสุด ตัวลอยซะ ลืม ตัวไปเลย เฮ้ยๆๆๆๆ ได้อย่างเดียว
    9 ช่วงนี้ ก็เป็นพักๆ เวลานอนทำสมาธิ และ ยัง ลอยขึ้นลงอยู่ จน ต้องบอกว่าเอ่อ ทำไป จะนอน ละ เพลีย
    10 อันนี้ เลย ช่วงประชุม แล้ว มันมีการส่งของ ให้กันแล้ว โดนมือ แล้ว เหมือนไฟมันช๊อต เหมือน สปารค จน คนที่ยื่นของให้ ผงะไปเลยเลย

    เฉพาะ ทางกายละกันนะ ทางความรู้สึกนั้น วิจัยก่อน

    ปล เวลานี้ ห้อง อภิญญาไม่ร้อนเลย เย็น จนหนาวเลยละท่าน(ที่ใจๆ)
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไว้ศึกษานะครับ ^^

     

แชร์หน้านี้

Loading...