.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    แล้วธรรมเจดีย์ คัมภีร์ต้นกำเนิดพระไตรปิฎกอายุกว่า ๒,๐๐๐ ปี นี้มาจากไหน ???

    พระพุทธศาสนามีการจารึกหรือบันทึกคำสอนมาแต่หนใดยังไม่ปรากฎข้อมูลที่ชัดเจน เมื่อพระพุทธศาสนาได้อุบัติขึ้นการเผยแพร่หลักคำสั่งสอนจะใช้วิธี มุขปาฐะ คือการสอนโดยตรงระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ อาจารย์เชี่ยวชาญชำนาญในเนื้อหาคำสอนส่วนไหนก็สอนในส่วนนั้น เช่น พระอุบาลีชำนาญด้านพระวินัยก็สอนลูกศิษย์ด้านพระวินัย พระอานนท์ชำนาญพระสูตรก็สอนพระสูตร ครั้นเมื่อมีการรวบรวมหลักคำสอนแยกออกเป็นปิฎกจึงกลายเป็นพระไตรปิฎก ได้แก่ พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม



    [​IMG]

    ธรรมเจดีย์ที่อัญเชิญมานี้เป็นพระคัมภีร์พุทธศาสนาเก่าแก่ที่สุดในโลกถูกค้นพบในถ้ำบรเวิณเทือกเขาบามิยัมประเทศอัฟกานิสถาน ตั้งอยู่ห่างจากพระพุทธรูปหินบามิยันสูง ๕๓ เมตรที่ถูกทำลายโดยชาวตาลีบันเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔ อดีตนับพันปีก่อนโน้น อัฟกานิสถานเป็นดินแดนที่ชื่อว่าคันธารราฐอยู่บนเส้นทางสายไหมเชื่อมระหว่างยุโรปกับจีนและยังเป็นทางผ่านจากจีนไปสู่อินเดีย พระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้จาริกจากอินเดียไปเผยแผ่ธรรมะด้วยเส้นทางนี้ และเนื่องจากเป็นหนทางอันยาวไกล จึงได้พำนักระหว่างทางโดยอาศัยถ้ำต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย ณ เชิงเขาบามิยัม


    ผู้จาริกและนักเดินทางทั้งหลายได้พบปะสนทนากันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านอารยธรรมระหว่างกัน จึงมีการจารึกพระคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาเป็นภาษาต่างๆ เมื่อมีเอกสารศาสนาเพิ่มมากขึ้นจึงได้จัดตั้งสถานที่ไว้เก็บรักษา ที่เอกสารเหล่านี้ยังคงอยู่ในสภาพดีเนื่องจากอากาศอันหนาวเย็นและแห้งของภูมิประเทศได้ช่วยรักษาสภาพไว้ไม่ให้เปื่อยผุพัง หลังจากปี พ.ศ.๑๓๐๐ ชนชาติมุสลิมได้รุกรานยึดครองดินแดนแถบนี้ เอกสารบางส่วนได้ถูกทำลาย ชินส่วนที่ยังเหลือรอดอยู่ ได้ถูกนำถูกนำไปเก็บไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง ห่างจากบามิยันไปทางเหนือราว ๓๐๐ กิโลเมตร และเมื่อถูกรุกรานหนักขึ้น ชาวพุทธเห็นว่าคัมภีร์เหล่านี้อยู่ในสถานะไม่ปลอดภัยจึงได้แอบบรรทุกหนีออกมาโดยผ่านช่องเขาฮินดูกูษและได้มีการส่งทอดกันต่อๆ ไปจนถึงลอนดอน


    [​IMG]



    สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ได้คัมภีร์โบราณชุดแรก ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ จากพ่อค้าของเก่าซัมฟ๊อก กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๐ – ๒๕๔๓ ได้วางแผนขนย้ายคัมภีร์ทุกวิถีทาง ปัจจุบันสถาบันสามารถอนุรักษ์คัมภีร์โบราณไว้ได้ประมาณ ๕,๐๐๐ ชิ้นที่ยังเป็นชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ และแตกหักอีกประมาณ ๘,๐๐๐ ชิ้น ทั้งหมดมีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๑๒ โดยจารึกไว้ในใบลาน เปลือกไม้ หนังสัตว์และแผ่นทองเหลือง นักโบราณคดีและภาษาศาสตร์ใช้เวลา ๑๒ ปี ทำการชำระคัมภีร์โดยสันนิษฐานสรุปว่าเป็นผลงานของพระอรหันต์ที่ได้จารึกตัวอักษรภาษาสันสกฤตในช่วง พ.ศ.๕๔๐ – ๙๔๐หรือประมาณ ๒,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้วโดยเนื้อหาเป็นพระธรรมวินัย พระสูตร ตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่ แต่เอกสารหลายชิ้นมีเรื่องราวที่ไม่เคยปรากฏให้โลกรู้มาก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2013
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    อาฟกานิสถานเคยนับถือพระพุทธศาสนา ประมาณพุทธศตวรรษที่สาม เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช กระทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ได้ส่งพระธรรมทูตออกไปเผยแผ่ศาสนายังนานาประเทศและแว่นแคว้นอื่นๆ ๙ สายคือ


    [​IMG]

    สายที่ ๑ มีพระมัชฌันติกเถระเป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นกัษมิระ คือรัฐแคชเมียร์ ประเทศอินเดียปัจจุบัน และแคว้นคันธาระ ในปัจจุบันคือรัฐปัญจาป ทั้งของประเทศอินเดียและประเทศปากีสถาน และกินลึกเข้าไปยังบางส่วนของอาฟกานิสถาน

    สายที่ ๒ พระมหาเทวเถระ เป็นหัวหน้าคณะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นมหิสมณฑลปัจจุบัน ได้แก่ รัฐไมเซอร์และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโคธาวารี ซึ่งอยู่ในตอนใต้ประเทศอินเดีย

    สายที่ ๓ พระรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วนวาสีประเทศ ในปัจจุบันได้แก่ ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย

    สายที่ ๔ พระธรรมรักขิตเถระ หรือพระโยนกธรรมรักขิตเถระ (ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นฝรั่งคนแรกในชาติกรีกที่ได้เข้าบวชในพระพุทธศาสนา)เป็นหัวหน้าคณะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ อปรันตกชนบทปัจจุบันสันนิษฐานว่าคือดินแดนแถบชายทะเลเหลือเมืองบอมเบย์

    สายที่ ๕ พระมหาธรรมรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นมหาราษฎร์ ปัจจุบัน ได้แก่ รัฐมหาราษฎร์ของประเทศอินเดีย

    สายที่ ๖ พระมหารักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในเอเซ๊ยกลาง ปัจจุบันได้แก่ ดินแดนที่เป็นประเทศอิหร่านและตุรกี

    สายที่ ๗ พระมัชฌิมเถระ พร้อมด้วยคณะ คือพระกัสสปโคตรเถระ พระมูลกเทวเถระ พระทุนทภิสสระเถระ และพระเทวเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนแถบภูเขาหิมาลัย สันนิษฐานว่า คือ ประเทศเนปาล

    สายที่ ๘ พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันคือ ประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน เช่น พม่า ไทย ลาว เขมร เป็นต้น

    สายที่ ๙ พระมหินทเถระ (โอรสพระเจ้าอโศกมหาราช) พร้อมด้วยคณะ คือพระอริฏฐเถระ พระอุทริยเถระ พระสัมพลเถระ และพระหัททสารเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป ในรัชสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ กษัตริย์แห่งลังกาทวีป ปัจจุบัน คือประเทศศรีลังกา

    นับเป็นพระธรรมทูตที่เดินทางออกนอกชมพูทวีปครั้งแรก ประเทศอาฟกานิสถานในสมัยนั้นสันนิษฐานว่าเป็นแคว้นคันธารราฐ ซึ่งมีพระมัชฌันติกเถระเป็นหัวหน้าคณะ พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถยนี้มาก่อน



    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    จากบันทึกของพระถังซำจั๋งหรือหลวงจีนเหี้ยนจังหรือเฮี้ยนจังได้บันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า“แคว้นบามิยันตั้งอยู่ท่ามกลางบริเวณเทือกเขาหิมะ ชาวเมืองก่อสร้างแหล่งชุมชนขึ้นตามลักษณะของภูมิประเทศที่เป็นภูเขา เมืองหลวงของแคว้นสร้างอยู่เหนือหน้าผาสูงและคร่อมหุบเขาลูกหนึ่งยาวประมาณ ๖ - ๗ ลี้ทางด้านเหนือ ภายในแคว้นมีอารามหลายสิบแห่ง มีพระภิกษุหลายพันรูป ล้วนศึกษานิกายหินยานฝ่ายโลกุตรวาททั้งสิ้น”


    [​IMG]


    นิกายโลกุตตรวาทนั้นมีคติความเชื่อขั้นพื้นฐานว่าโลกธรรมเท่านั้นที่ไร้แก่นสารปราศจากสภาวธรรมอยู่จริง แต่โลกกุตตรธรรมเป็นของจริงเป็นจริงหรือสภาวธรรมทั้งปวงล้วนไม่มีภาวะปรมัตถ์เลย มีอยู่สักแต่ว่าบัญญัติเท่านั้น ส่วนในอนาสวธรรมมีภาวะปรมัตถ์ ส่วนมติอื่นคล้ายกับมหาสังฆิกะ

    หลวงจีนเฮียนจังได้บันทึกไว้ว่า “ที่เนินเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวงของพามิยานมีพระพุทธรูปจำหลักด้วยศิลาสูง ๑๔๐ - ๑๕๐ เฉียะ(ประมาณ ๕๓ เมตร) สีทองอร่ามประดับด้วยอัญมณีมีค่า ด้านตะวันออกขององค์พระพุทธรูปมีอารามแห่งหนึ่งซึ่งอดีตพระราชาของแคว้นทรงสร้างขึ้น ทางด้านตะวันออกของอารามมีพระปฏิมาของพระศากยมุนีหล่อด้วยทองแดงสูงราว ๑๐๐ เฉียะ องค์พระปฏิมานั้นหล่อขึ้นเป็นชิ้นส่วนก่อน แล้วจึงมาประกอบเข้าด้วยกันนอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปปางอื่นอีกเช่นปางไสยาสน์ ดังบันทึกว่า “ในอารามอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงออกไป ๒ - ๓ ลี้ มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาวกว่าพันเฉียะ ทุกครั้งที่พระราชาของแคว้นมากระทำพิธีปัญจบริษัท ก็จะทรงบริจาคทุกสิ่งทุกอย่างแก่พระภิกษุจนหมดสิ้น”



    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    พระถังซำจั๋งหรือเฮี้ยนจังเดินทางไปอินเดียและประเทศใกล้เคียงเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกมายังประเทศจีนในปีพุทธศักราช ๖๔๖ สิ่งที่หลวงจีนได้พบเห็นและบันทึกไว้ในยุคนั้น บางอย่างอาจสูญหายไปแล้ว บางประเทศได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น พระพุทธรูป รูปเคารพ หรือสิ่งที่เป็นที่เคารพของพระพุทธศาสนาถูกทำลายจนไม่เหลือร่องรอย



    a.jpg

    ดังเหตุการณ์ที่พระพุทธรูปแกะสลักก็ถูกทำลายเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ โดยทหารตาลีบันแห่งอัฟกานิสถานได้ทำลายพระพุทธรูปยืน ๒ องค์ องค์แรกสร้างในช่วงปี พ.ศ.๑๐๕๐ มีความสูง ๓๘ เมตร องค์ที่ ๒ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๑๐๙๗ ซึ่งสูงกว่า ๕๕ เมตร เป็นพระพุทธรูปแกะสลักฝาผนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ศิลปะเกรโก เป็นศิลปะพระพุทธรูปยุคแรกที่เผยแพร่มาจากอารายธรรมกรีกโบราณ ซึ่งคาดกันว่าสร้างโดยพระเถระและราชวงศ์คุปตะแห่งอินเดีย เป็นการผสมผสานของศิลปะคุปตะ ศิลปะคันธารราฐและศิลปะเปอร์เซีย เป็นต้นแบบของการสร้างพระพุทธรูปสลักจากหินล้วน มีอายุยาวนานเกือบ ๒,๐๐๐ ปี จนพินาศไป ใช้เวลา ๖ วันในการระเบิดทำลาย โดยให้เหตุผลว่า การเคารพรูปเคารพนั้นผิดหลักศาสนาอิสลาม สมาคมโลกและองค์การสหประชาชาติได้ขอร้องระงับการทำลายมรดกโลก แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ การทำลายพระพุทธรูปยืนหน้าผาได้ส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจของคนทั่วโลกอย่างมาก ช่วงกลางปี พ.ศ.๒๕๔๔ ทหารอเมริกันและพันธมิตรเดินทางเข้าไปประจำการในอัฟกานิสถานด้วยอาวุธนานาชนิด การต่อสู้ระหว่างทหารตาลีบันและทหารนานาชาติได้มีสืบเนื่องต่อมาถึงทุกวันนี้

    สถาบันอนุรักษ์สเคอเยน ประเทศนอร์เวย์ ได้อนุรักษ์ธรรมเจดีย์คัมภีร์พุทธศาสนาโบราณเก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ไว้ด้วยเหตุผลว่า คำสอนในพุทธศานาสร้างสันติภาพ ให้สังคมโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขตลอดมา ตลอดระยะเวลาร่วม ๒,๐๐๐ ปี อนุสาสนีปาฏิหารย์ ความอัศจรรย์แห่งคำสอนที่จารึกไว้บนใบลาน เปลือกไม้ และหนังสัตว์ ที่รอดพ้นภัยอันตรายไม่สูญสิ้นไปกับภัยธรรมชาติและสงคราม สถิตเป็นหลักฐานสำคัญประวัติศาสตร์พุทธศาสนา การบันทึกคำสอนจากการท่องจำสู่การเขียน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นพระไตรปิฎก สืบมาจนถึงปัจจุบันจึงนับว่าเป็นความโชคดีของชาวพุทธโดยแท้

    “โย โว อานันทะ มะยา ธัมโม จะ วินะโย จะ เทสิโต ปัญญัตโต โส โว มะมัจจะเยนะ สัตถา”

    ดูกรอานนท์ ธรรมและวินัย ที่เรา(ตถาคต) แสดงไว้แล้ว บัญญัติไว้แล้ว จักเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อเรา(ตถาคต) ล่วงลับไปแล้ว (มหาปรินิพพานสูตร)


    a.jpg

    ก็เป็นเรื่องราวที่ได้สรุปและคัดย่อมาให้ได้อ่านถึงที่มาที่ไปของ ธรรมเจดีย์ แล้วก็เลยเถิดไปถึงเรื่องคณะพระธรรมฑูตอีก ๙ สายของพระเจ้าอโศกมหาราช คงอ่านกันไม่เบื่อเสียก่อน


    และเนื่องจากสร้อยฟ้ามาลาไปถึงพุทธมณฑลเป็นเวลาเย็นโข ผู้คนจึงเบาบาง จึงทำให้การเข้าสักการะธรรมเจดีย์และเดินชมบริเวณที่ได้จัดเป็นนิทรรศการพระไตรปิฎกนานาชาติได้โดยสะดวก ถือเป็นบุญตาที่ได้เห็นรอยจารึกของพระอริยเจ้าเมื่อกว่า ๒,๐๐๐ ปีล่วงแล้ว


    .........................................

    ข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งมวล อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันสิ้นกาลทุกเมื่อ แลข้าฯจะขอเป็นข้าฯแห่งพระธรรมเจ้า ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าฯขออาราธนาพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้น จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าฯสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าฯหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าฯขอกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ ขอพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านี้เถิดฯ

    .........................................

    ท้ายสุดนี้ กุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ เจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ ภูมิ เจ้าที่ พระยายมราช ตั้งแต่ชั้นจตุมหาราชิกาจนถึงเบื้อบนพรหมมา เบื้องล่างตั้งแต่อเวจีจนถึงมนุษยโลก โดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล เทวดารักษาตัวของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวรและขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน ด้วยกุศลนี้จงเป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้าและศาสนาของพระองค์ในทุกๆ ชาติ จนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด

    ข้อมูลและที่มา
    แผ่นพับประชาสัมพันธ์ พระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณ(ธรรมเจดีย์)

    รัฐบาลไทยจัดพิธีต้อนรับ “ธรรมเจดีย์” อายุกว่า 2,000 ปียิ่งใหญ่
    cybervanaram.net : ธรรมะ/ข้อคิดประจำวัน บทความทางวิชาการ ฟังธรรมะ โดย พระมหาบุญไทยปุญญมโน
    http://www.watprom.iirt.net/article_06.html โดย ทีมงานต่วยตูนและอุดร จารุรัตน์



    เรียบเรียงโดย : สร้อยฟ้ามาลา
    ภาพถ่ายโดย : สร้อยฟ้ามาลา







    ..............................






    [​IMG]




    ..............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg


    พระไตรปิฎก ประเทศพม่า

    ภาพชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างเพราะแสงน้อย ต้องถ่ายภาพผ่านกระจกอีกทีหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2018
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    พระไตรปิฎก ประเทศเนปาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    พระไตรปิฎก ประเทศไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg


    พระไตรปิฎก ประเทศเวียดนาม
    พระไตรปิฎก ประเทศกัมพูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg



    พระไตรปิฎก ประเทศจีน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg


    พระไตรปิฎก ประเทศอินเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    พระไตรปิฎก ประเทศลาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    พระไตรปิฎก ประเทศมองโกเลีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    พระไตรปิฎก สมัยรัชกาลที่ ๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เรื่องที่ ๓๖

    ;20เดินเล่นดูเมือง ชมเอื้องเวียงเหนือ;20

    ปีนี้คิดว่าจะไม่ได้ไปสูดอากาศที่ภาคเหนือ แต่เหมือนเมื่อโชคช่วยให้ได้ไปโดยไม่คาดฝัน โอกาสก่อนสามปีผ่านมาล่วงลุกัน ได้ไปเยือนครบครันทั้งสามปี
    เขียนไปเขียนมาจะเป็นกลอนซะงั้น กว่าจะเริ่มเขียนกระทู้ได้ก็ขึ้นปีใหม่แล้ว คงยังไม่เก่าเกินไปพึ่งผ่านมาแค่สองอาทิตย์

    ก็เป็นการเดินทางไปเหมือนกับคราวกระทู้หอมกลิ่นอุบล ยลดวงจำปา คือไปเป็นคณะใหญ่ ๓ คันรถบัส V.I.P กำหนดการคือไปเมืองพิษณุโลก เชียงราย เชียงใหม่และลำปาง ส่วนรายละเอียดว่าไปที่ไหนบ้าง ตอนนี้ยังไม่บอก กลัวไม่มีใครอ่าน(บังคับให้อ่านไปเรื่อยๆ อิ อิ)

    วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ รถออกจากรุงเทพมหานครเวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น. มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลกโดยเส้นทางสายเอเชียถึงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. แวะพักทานข้าวที่โรงแรมในตัวเมืองพิษณุโลก พอทานข้าวเสร็จก็เดินทางสู่วัดจันทร์ตะวันออกเพื่อไปดูงานหัตถกรรมของชุมชน ที่นี่ ได้รับการต้อนรับจากผู้นำชุมชนและชาวบ้านอย่างอบอุ่น


    [​IMG]


    วัดจันทร์ตะวันออก เป็นพระอารามอยู่ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจและยาวนาน ทางวัดฯ เน้นไปทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้การศึกษาด้านพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ตั้งแต่มัธยมตอนต้นจนถึงมัธยมตอนปลาย อีกทั้งยังเป็นวัดที่จัดอบรมนักเรียนและนิสิต ในรูปแบบธรรมนิเทศบรรยายธรรม รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ

    วัดจันทร์ตะวันออก ตั้งอยู่เลขที่ ๘๑ ถนนสังฆบูชา หมู่ที่ ๓ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๖ ไร่ ๑ งาน ๙๗ ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อกับทางสาธารณะ ทิศใต้ติดต่อกับหมู่บ้านประชาชน ที่ดินเลขที่ ๑๑ - ๑๓ ทิศตะวันออกติดต่อกับหมู่บ้านประชาชน และมีที่เดินเลขที่ ๑๓ ทิศตะวันตก ติดต่อกับแม่น้ำน่านและมีที่ดินเลขที่ ๑๑ – ๑๕ ตามโฉนดเลขที่ ๒๒๑๖๒-๘๑๗-๒๓๒๙-๒๓๒๘


    [​IMG]

    พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านทางฝั่งตะวันออก อาคารเสนาสนะต่างๆมีอุโบสถกว่าง ๖ เมตร ยาว ๑๘ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๑๔ ศาลาการเปรียญกว้าง ๒๖ เมตร ยาว ๔๒ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๔๔๖ หอสวดมนต์กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๔ เมตร สร้าง พ.ศ.๒๔๗๖ มีกุฎีสงฆ์จำนวน ๑๓ หลัง เป็นอาคารไม้และครึ่งตึกครึ่งไม้ สำหรับปูชนียวัตถุมี พระประธานในอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง ๒ ศอกคืบ เนื้อทองเหลือง พระประจำวัน ๗ องค์ ที่ศาลาการเปรียญมี พระประธานขนาดพระเพลากว้าง ๑ ศอกคืบ และรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส


    [​IMG]

    วัดจันทร์ตะวันออก สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๒๗๖ เนื่องจากเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านจึงได้ถูกน้ำเซาะตลิ่งพัง ทางวัดได้ย้ายสถานที่สร้างเสนาสนะมาแล้วถึง ๓ ครั้ง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๐ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร การศึกษาที่วัดนี้ได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลีนับว่าเจริญรุ่งเรืองวัดหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้เปิดสอนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นต้นมา สำหรับภิกษุอยู่จำพรรษามีปีละประมาณ ๒๐ รูป สามเณร ประมาณ ๑๐๐ รูป

    จากคำบอกเล่าของปราชญ์ชาวบ้าน กล่าวว่าในอดีตสมัยกรุงธนบุรี วัดจันทร์ตะวันออกแห่งนี้เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกองทัพไทย ในระหว่างปี ๒๓๑๗ – ๒๓๑๘ พระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จยกทัพหลวงขึ้นไป ณ ค่ายมั่นใกล้วัดจันทร์ตะวันออก ดำรัสให้กองทัพของพระยายมราช พระยานครราชสีมา พระยาพิชัยสงคราม ยกไปช่วยพระยานครสวรรค์ซึ่งตั้งค่ายในการป้องกันเมืองพิษณุโลก โอบประชิตค่ายพม่า ณ วัดจันทร์ตะวันออกแล้วให้กองทัพพระยาธรรมายกหนุนขึ้นไปช่วยพระยามณเฑียรซึ่งไปตั้งค่ายประชิตโอบหลังค่ายพม่า โดยทัพพม่ามีอะแซวุ่นกี้เป็นแม่ทัพ.....

    .......................................

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1304467/[/MUSIC]

    .......................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ระหว่างนี้สร้อยฟ้ามาลาและเพื่อนๆ บางคนปลีกตัวออกจากกลุ่ม มาถ่ายรูปด้านนอกวัด ก็มองไปเห็นวัดจันทร์ตะวันตกอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ก็เลยเดินไปเก็บภาพมาอีกเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเมื่อคราวก่อน สร้อยฟ้ามาลาได้เลยมากราบพระอาจารย์อุบาลี อตุโล คราวมากับคณะของพี่เตอร์และคุณเทพออรฤทธิ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วซึ่งใช้ชื่อกระทู้ว่า ทริปเหนือสุดแดนสยาม

    วัดจันทร์ตะวันตก
    หมู่ ๗ ถนนวังจันทน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ๖๕๐๐๐
    จากการบอกเล่าของผู้แก่ผู้เฒ่าเล่าให้ฟังว่าตำบลวัดจันทร์ มีวัดเก่าแก่อยู่ ๓ วัด ที่เรียกว่าวัดจันทร์ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของวัดนั้น มีต้นจันทร์ขึ้นมากจึงตั้งชื่อตามสภาพที่มีต้นจันทร์นั้นว่า “ตำบลวัดจันทร์” มีบ้านเรือนตั้งอยู่สองฝั่งแม่น้ำน่านจึงเรียกชื่อตามวัดที่ตั้งว่า วัดจันทร์ตะวันออกและวัดจันทร์ตะวันตก


    ชุมชนวัดจันทร์ตะวันตก จะก่อตั้งเกิดขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดแต่พอจะทราบได้จากบันทึกและคำบอกกล่าวเล่าต่อ ๆ กันมาพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ ดังนี้นับถอยหลังจากปีปัจจุบันไปอีกประมาณ ๑๕๓ ปี เดิมที่ตั้งของหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นป่าดงในอดีตมีวัดรังเงิน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาก ผู้รู้เล่าขานกันมาว่า วัดรังเงินสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับการสร้างเมืองพิษณุโลก ประชากรที่อาศัยอยู่รอบ ๆ วัด เป็นลาวอพยพมาจากเวียงจันทน์ ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้เผาผลาญบ้านเรือนของผู้อุปถัมภ์วัดที่อยู่รอบ ๆ หายหมด ชาวบ้านไม่สามารถดับไฟได้เพราะในหมู่บ้านมีแต่บ่อน้ำที่ขุดใช้เองทำให้มีน้ำไม่เพียงพอ

    เหตุการณ์ที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งนั้นได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ห่างไกลจากแม่น้ำน่าน จึงร่วมกันคิดขึ้นมาว่าควรจะหาสถานที่ตั้งวัดติดกับแม่น้ำ นายเทศ นางทองคำมีจิตศรัทธาได้มอบที่ดินของตนให้กับวัดจำนวน ๑๖ ไร่ ๓ งาน เมื่อดำเนินการก่อสร้างวัดแล้วเสร็จ นิมนต์หลวงพ่อเสือที่อยู่วัดรังเงินมาอยู่ที่วัดสร้างใหม่ ณ ที่อยู่ปัจจุบันนี้และได้ตั้งชื่อว่าวัดจันทร์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ เหตุผลที่ตั้งชื่อว่าวัดจันทร์นั้นเพราะว่าในวัดมีตันจันทร์ใหญ่อยู่ ๑ ต้น และมีต้นจันทร์เล็ก ๆ อีกหลายต้นขึ้นอยู่ในวัด ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นใช้ศาลาของวัดเป็นโรงเรียน และได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาได้ย้ายโรงเรียนจากวัดฯ มาตั้งอยู่ที่วัดรังเงิน ซึ่งร้างว่างเปล่าอยู่นานแล้วและใช้ชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนวัดจันทร์ตะวันตกมิตรภาพที่ ๗๓” อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนวัดจันทร์ตะวันตก ได้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น ๑ หลัง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๐ สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงได้รับนามว่า วัดจันทร์ตะวันตก โดยสมบูรณ์ตั้งแต่นั้นมา


    a.jpg
    ประวัติพระอาจารย์อุบาลี อตุโล
    พระอาจารย์อุบาลี อตุโล เดิมชื่อ ลี เป็นบุตร นายทน ชะใบรัมย์ และนางมาก ชะใบรัมย์เกิดที่บ้านดงกระทิง (ปัจจุบันเป็นกิ่งอำเภอบ้านด่าน) ตำบลโนนขวาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๙ คน ตามลำดับดังนี้
    นายเสาร์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    นางสาวอ่อนสา ชะใบรัมย์
    พระอาจารย์อุบาลี อตุโล
    นายทองสุข ชะใบรัมย์
    นายสมุทร ชะใบรัมย์
    นายแก้ว ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    นายสวัสดิ์ ชะใบรัมย์ (ถึงแก่กรรม)
    นายพัด ชะใบรัม
    นายสมาน ชะใบรัมย์


    ชีวิตในวัยเด็ก
    โยมแม่ของพระอาจารย์อุบาลีเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า มีลูกทั้งหมด ๙ คน ก่อนตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๓ คือพระอาจารย์อุบาลี ได้ฝันว่ามีคนนำพระมาใส่ในมือและได้รับไว้ เมื่อลูกคนที่ ๓ เกิดมาได้ตั้งชื่อว่า “ลี” เด็กชายลี มีนิสัยการกินที่แปลกกว่าทุกคนในบ้าน คือ เป็นเด็กที่ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่มาตั้งแต่วัยเด็ก และมีลักษณะนิสัยเรียบร้อยไม่เคยสร้างปัญหาให้กับพ่อแม่ ชอบวิ่งเล่นตามประสาเด็กไปไหนมาไหนมักจะไปกับตายายเป็นประจำ ไม่ว่าจะไปกลางนาหรือไปเลี้ยงควายตามทุ่ง เมื่อถึงวัย ๗ ปี เป็นวัยที่ควรต้องเรียนหนังสือพ่อแม่ได้ส่งเขาเรียนหนังสือในโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน คือโรงเรียนบ้านดงกระทิง เรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พออายุได้ ๑๑ ปี เกิดล้มป่วยลงมีอาการท้องอืดและขาทั้ง ๒ ข้างไม่มีแรง จนในที่สุดเดินไม่ได้ ความยากจนไม่มีเงินรักษาลูกกับหมอสมัยใหม่ โยมแม่ก็ได้แต่พยายามหาหมอบ้านมารักษาหลายรายแต่ก็ไม่หาย หมอบ้านบางคนบอกว่าจะต้องเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะในสมัยนั้นเด็กที่เป็นโรคนี้จะรักษาไม่หายและต้องตายทุกราย


    บวชสามเณร
    พระอาจารย์อุบาลี ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ในช่วงเวลาที่ท่านเจ็บป่วยอยู่นั้นท่านไปไหนมาไหนไม่ได้ ทุก ๆ วัน ก็ได้แต่นั่งมองเหม่อลอยอยู่แต่บนบ้าน อยู่มาวันหนึ่งมีพระสงฆ์เดินผ่านบ้านมาให้เห็น ในใจของท่านซึ่งตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่ก็นึกขึ้นมาว่า ถ้ามีใครมารักษาอาการโรคที่เป็นอยู่และทำให้เดินได้เป็นปกติ จะบวชเป็นพระไปตลอดชีวิต ในช่วงเวลานั้น ความที่เป็นเด็กก็ยังไม่เข้าใจในเรื่องการบวชพระแต่อย่างใด แต่ในใจกลับนึกขึ้นมาเอง เหมือนคล้ายกับว่าเป็นการกล่าวสัจจะอธิษฐานในใจ และก็พอจำได้ว่าเวลาผ่านไปไม่นานนัก มีหมอยาคนหนึ่งมาที่บ้านแต่งกายใส่กางเกงสีขาวเสื้อสีขาว ท่านก็นึกว่าแม่ให้มารักษาเหมือนที่เคยให้หมอยาคนอื่นมารักษา แต่ก็ยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วย ด้วยความที่อยากหาย จึงไม่ขัดข้องให้หมอยาคนดังกล่าวทำการรักษา หมอยาได้ใช้สมุนไพรต่าง ๆ บดเข้าด้วยกันและโปะลงที่ขา ๒ ข้าง ก่อนกลับหมอยาคนนั้นได้พูดสั่งไว้ว่า “เมื่อหายแล้วอย่าลืมที่ตั้งใจไว้นะ และอีก ๒๐ ปี จะมาหาอีก” ภายหลังหมอยากลับไปแล้ว จึงได้รู้จากโยมแม่ซึ่งเพิ่งกลับมาจากนาว่าไม่ได้บอกให้หมอยาคนนั้นมารักษา ไม่รู้ว่าหมอยานั้นมาจากที่ไหนและรู้ถึงความตั้งใจของท่านที่จะบวชเป็นพระไปตลอดชีวิตหากมีใครรักษาให้อาการเจ็บป่วยหายไปได้อย่างไร ต่อมาอาการโรคภัยต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ก็เริ่มทุเลาลง อาการท้องอืดก็หายไป ขาก็เริ่มมีเรี่ยวแรงและเดินได้ในที่สุดอย่างมีปาฏิหาริย์ พระอาจารย์อุบาลีจึงได้เล่าให้โยมพ่อโยมแม่ฟังถึงเรื่องที่ตั้งใจไว้ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี โยมพ่อโยมแม่ก็สนับสนุนให้ทำตามที่ได้ตั้งใจไว้ โดยจัดให้บวชเป็นสามเณรที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่นั้นมา


    ในปีแรกของการบวชเณรก็ได้อยู่ที่วัดตะโค้ง เรียนธรรมะเบื้องต้น ปฏิบัติหน้าที่ของสามเณรที่พึงมีต่อสงฆ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเป็นที่เมตตาของพระสงฆ์ในวัดตะโค้ง ต่อมามีพระสงฆ์ที่เคยมาวัดจันทร์ตะวันตกชักชวนให้มาเที่ยวเมืองพิษณุโลก พระอาจารย์ก็มิได้ปฏิเสธแต่ก็ได้บอกว่าอยากให้พาไป “ เมืองโอฆะบุรี” พระสงฆ์บอกว่าไม่รู้จัก และไม่มีเมืองชื่อ “ โอฆะบุรี” พระอาจารย์อุบาลีเล่าว่าเหตุที่อยากไปเมืองโอฆะบุรี เนื่องจากในช่วงที่เป็นสามเณร ได้ฝันเห็นเมืองนี้บ่อย ๆ จึงสงสัยว่าเมือง “ โอฆะบุรี” จริง ๆ จะเป็นอย่างไร บวชเป็นสามเณรเวลาผ่านไป ๑ ปี ตรงกับปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จึงได้เดินทางมาจังหวัดพิษณุโลก เพื่อศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติม โดยเข้าพักอาศัยอยู่ในวัดจันทร์ตะวันตกกับพระอธิการปิ่น อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทร์ตะวันตก ในกุฏิหลังปัจจุบัน เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมจึงได้ทราบภายหลังว่า เมืองพิษณุโลก เป็นกลุ่มเมืองโบราณ ๓ เมือง คือ พิจิตร กำแพงเพชร และพิษณุโลก มีชื่อรวมกันว่า “ เมืองโอฆะบุรี”

    สามเณรเป็นพระสงฆ์
    เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้เดินทางมาอยู่ที่วัดจันทร์ตะวันตก ซึ่งในช่วงเวลาเป็นสามเณร โยมพ่อขอให้สึกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำตามที่โยมพ่อขอได้ จนกระทั่งอายุครบบวชโยมพ่อจึงให้กลับไปบวชที่บ้านเกิดที่วัดตะโค้ง บ้านดงกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ภายหลังบวชเป็นพระก็ได้ลาโยมพ่อโยมแม่กลับมาที่วัดจันทร์ตะวันตก เล่าเรียนธรรมะจนสอบได้นักธรรม ตรี โท เอก โดยมีครูที่สอนให้ความรู้นำไปสอบ คือ พระอธิการปิ่นให้ความรู้นักธรรมตรี พระอาจารย์ฉะอ้อน ให้ความรู้นักธรรมโท และพระอาจารย์ชุบ ให้ความรู้นักธรรมเอก นอกจากเรียนทางด้านธรรมะพระอาจารย์อุบาลี ยังได้มุ่งเน้นและมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม โดยการนั่งสมาธิมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเคร่งครัดมิได้ขาด มีพระครูหลวงปู่โลกเทพอุดร เป็นครูบาอาจารย์สอนการปฏิบัติ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดได้บอกญาติโยมว่า ท่านปฏิบัติธรรมถึงขั้นมีการเข้านิโรธสมาบัติมาแล้วเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปี โดยมิได้บอกหรือแจ้งให้ใครรู้เรื่องนี้มาก่อน


    ทำนุบำรุงพระศาสนา
    นับตั้งแต่เป็นสามเณรจนเป็นพระสงฆ์ในปัจจุบันพระอาจารย์อุบาลี นอกจากจะปฏิบัติภารกิจของการเป็นสามเณรและพระสงฆ์และมุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอมาแล้ว พระอาจารย์ยังช่วยเหลืองานด้านศาสนกิจของวัดจันทร์ตะวันตกมาโดยตลอด เป็นพระสงฆ์ที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันพัฒนาวัดจันทร์ตะวันตก และมีผลงานที่เกิดจากศรัทธาของลูกศิษย์และญาติโยมที่มีต่อพระอาจารย์อุบาลี ร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาวัดหลายประการ อาทิ การปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัด โดยการถมที่ดินปรับพื้นที่ในวัดให้สูงเสมอกันและสร้างถนนคอนกรีตเชื่อมต่อทั่วกันภายในบริเวณวัด การซ่อมบำรุงกุฏิพระสงฆ์ที่ทรุดโทรม สร้างห้องน้ำ ห้องส้วม สำหรับพระสงฆ์และญาติโยม ปรับปรุงหอระฆัง สร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติสำหรับปฏิบัติธรรม สร้างซุ้มประตูวัด สร้างกำแพงวัด และเป็นประธานในการจัดสร้างมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม และหล่อสมเด็จองค์ปฐม หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๙ นิ้ว ทดแทนศาลาหลังเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว พระอาจารย์อุบาลี ได้นำว่าน ๑๐๘ ที่ท่านสะสมมาหลายปีมาเป็นมวลสารในการสร้างพระรอดนิรมิส มี ๓ สี สีดำ สีใบตองแห้ง และสีเนื้อมันปู โดยท่านได้อธิษฐานจิต ในวันที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติในปี ๒๕๕๐ จึงนับได้ว่าพระอาจารย์อุบาลี เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และยังได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างถาวรวัตถุให้ชนรุ่นหลังได้สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ไทย เป็นผู้นำญาติโยมในการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันศุกร์และวันพระ ณ กุฏิปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ วัดจันทร์ตะวันตก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    [​IMG]


    เมื่อได้เวลาพอสมควรแล้ว คณะของเราก็ได้เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย เข้าเช็คอิน เวลาประมาณ สองทุ่มกว่าๆ อากาศเย็นๆ ยังไม่ถึงกับหนาว แต่ถ้าสวมเสื้อยืดธรรมดาก็คงไม่ไหว พอเข้าห้องพักได้ไม่นาน เพื่อนโทรมาตามให้ไปร่วมกิจกรรมกลุ่ม คืนนี้มีกิจกรรมกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ แต่ว่ากลัวผิดศีลและวิชาคณิตคิดในใจไม่เก่ง ก็เลยขอตัว นอนดีกว่า........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๓
    Morning Call หกโมงเช้า อยากนอนต่อจัง เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ผิดที่ วันนี้ตอนเช้าอากาศเย็น ควันออกปาก ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้ว ประมาณแปดโมงเช้าคณะของเรามุ่งหน้าสู่ พระตำหนักดอยตุง



    a.jpg
    อาหารเช้า
    ที่นี่สร้อยฟ้ามาลา เคยมาแล้วเมื่อประมาณ ๖ ถึง ๗ ปีก่อน ตอนนั้นมางานกฐินที่จังหวัดเชียงราย แต่วัดอะไรจำไม่ได้แล้ว ที่นี่ไกด์บอกว่าจะพาไปชมพระตำหนัก แต่ถ้าใครไม่ขึ้นก็จะไปชมสวนแทนก็ได้ ให้เวลาเดินประมาณ ๑ ชั่วโมง สร้อยฟ้าฯ ก็เลยต้องตัดสินใจว่าจะขึ้นพระตำหนักหรือจะเดินชมสวน เพราะถ้าขึ้นพระตำหนัก ก็ลงมาชมสวนไม่ทัน คิดไปคิดมาเดินชมสวนดีกว่า.....


    a.jpg
    ดอยตุง อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ ๔๕ กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง หลังจากนั้นในปี ๒๕๓๐ รัฐบาลได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น


    a.jpg
    จากเทือกเขาหัวโล้นกลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยตุงเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวบนดอยตุงที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้แก่ สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ดอยช้างมูบ


    a.jpg

    a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    พระตำหนักดอยตุง
    เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทูลเกล้าถวายสมเด็จย่า เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยื่นออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม


    a.jpg

    a.jpg
    สวนแม่ฟ้าหลวง
    ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของหมู่บ้านอาข่าป่ากล้วย มีคนอาศัยอยู่ ๖๒ ครอบครัว ในอดีตหมู่บ้านนี้ เป็นเส้นทางลำเลียงสำคัญและเป็นที่พักของกองคาราวานฝิ่น น้ำยาทำเฮโรอีน และอาวุธสงคราม ประกอบกับที่ตั้งมีลักษณะเป็นหุบลึกลงไป บ้านเรือนอยู่อย่างแออัด ขยายไม่ได้ จึงมีปัญหาเรื่องการดูแลความสะอาด ขยะ และน้ำเสีย ทางโครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงขอให้หมู่บ้านย้ายไปอยู่ที่ใหม่ห่างจากที่เดิมราว ๕๐๐ เมตร แต่ตั้งอยู่บนเนินเขา กว้างขวาง และสวยงาม มีระบบประปาและไฟฟ้าเข้าถึง มีถนนลาดยางตัดผ่าน จึงเป็นที่พอใจของชาวบ้าน และในบริเวณหมู่บ้านเดิมก็สร้างสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว บนเนื้อที่ราว ๓๐ ไร่ ตามพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี ที่ต้องการให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศ ได้เห็นไม้ดอกเมืองหนาวที่สวนแห่งนี้ กลางสวนมีงานประติมากรรม ของนางมิเซียม ยิบอินซอย โดยสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงพระราชทานชื่อว่า "ความต่อเนื่อง" (Continuity) สื่อถึงการทำงานใดๆ จะสำเร็จได้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง



    a.jpg
    ไม้ดอก ไม้ประดับที่นำมาตกแต่ง ปลูกและเลี้ยงดูโดยชาวบ้านในโครงการฯ เป็นการพัฒนาทักษะฝีมือทางการเกษตร และสร้างงานให้ชาวบ้านมีรายได้ที่ดี สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และยังเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นำรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม มาสู่พื้นที่ปีละหลายล้านบาท


    a.jpg
    ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ สวนแม่ฟ้าหลวง ได้รับรางวัล พาตา โกลด์ อวอร์ด (PATA Gold Award) ประเภทรางวัลการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเอเชีย-แปซิฟิก

    เป็นที่น่าเสียดาย ได้เดินแค่ชั่วโมงเดียวเอง ต้องรีบเดิน เลยเจออุบัติเหตุไปลื่นเกือบล้มตรงลานหินโชคยังดีที่ใช้มือยันพื้นได้ทันไม่งั้นคงล้มทั้งตัวเลย อายจัง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...