ความเป็นมาของพระโพธิสัตว์กวนอิม

NoOTa · 30 มีนาคม 2007

[music]http://www.geocities.com/buddhistmon/multimedia/taisuataipuith.SWF[/music]

กวนซีอิม หรือ กวนซื่ออิมในภาษาจีน "กวนเซอไซ"(สำเนียงญี่ปุ่น) บางแห่งเรียก"กวนอิมเนี้ย" บางแห่งก็แปลเป็น"กวนจือไจ้" (พระถังซำจั๋ง)คำแปลเอาความหมายจากภาษาสันสกฤต"กวนซื่ออิม""กวนซื่อจื้อไจ้" เป็นต้น คำแปลทับศัพท์ภาษาสันสกฤตคือ"อวโลกิเตศวร" กวน แปลว่า เพ่ง มิใช่เพียงแต่งฟัง "อิม" แปลว่า เสียง"ผ่อสัก"มาจากคำว่า พระโพธิสัตว์ ส่วนคำว่า ซือไปตรงกับพระนามของจักรพรรดิ ถังไท่จง คือ หลี่ซือหมิง ดังนั้นจึงมีราชโองการ ให้ตัดคำว่า "ซือ" ออก เหลือเพียง "กวนอิม"
ฉะนั้นกวนอิม แปลว่า "ผู้เพ่งต่อเสียงคร่ำครวญของสรรพสัตว์" หรือ "ผู้เพ่งอิสระ" คนทั่วไปยังนิยมออกพระนามว่า "พระแม่- มหาเมตตา "พระแม่กวนอิม" จนทุกวันนี้ ด้วยพระนามที่ขึ้นต้นด้วย "พระแม่" ทำให้หลาย ๆ คน คิดว่า พระแม่กวนอิม ทรงเป็นเพศสตรี แต่พระองค์ท่านย่อมอยู่เหนือกฎเกณฑ์ เพราะคำว่าเพศ นี้มีอยู่เฉพาะในมวลสัตว์ และใช้สำหรับผู้ที่ยังไม่สำเร็จเท่านั้น พระอริยเจ้าทุกพระองค์ หรือผู้ที่สำเร็จแล้ว ย่อมอยู่เหนือ คำว่า "เพศ" (เพศกลาง)
พระองค์ท่านทรงโปรดสรรพสัตว์ด้วยรูปปางต่าง ๆ ตั้งแต่ปางพุทธะลงมาจนถึงปางเทพยักษ์ มนุษย์ มนุษย์ อมนุษย์ โดยไม่จำกัดทั้ง เพศ และ วัย ต่าง ๆ ในการโปรดสัตว์ของพระองค์ ขึ้นกับ เหตุการณ์ วัน เวลา หรือบุญบารมีของคนคนนั้นด้วย คำว่า "แม่" นอกจากจะมีความหมายสำคัญอยู่ที่การเป็นผู้ให้กำเนิดแล้ว ยังเป็นคำที่ดีที่สุด มีความหมายที่สุด ประเสริฐที่สุด มีคุณค่าที่สุด ลึกซึ้งที่สุด อบอุ่นที่สุด เมตตาที่สุด และน่าเคารพรักบูชาที่สุด ไม่มีคำใดในโลกนี้จะอบอุ่นเกิน ไม่มีความรัก

รักใดในโลกนี้จะยิ่งใหญ่เกิน เป็นความรักที่เต็มใจเสียสละพร้อมจะให้ได้ทุกอย่าง เป็นความรักที่เปี่ยมด้วยความเมตตาอย่างสุดซึ้ง ไม่มีสิ่งใดที่จะให้ไม่ได้สำหรับความรักของคำว่า "แม่" จากความสำคัญทั้งหมดดังกล่าวนี้ คำว่า "แม่" จึงได้ปรากฎรวมอยู่ในพระนามของพระองค์ท่านด้วย อันเป็นการแสดงถึงความยกย่องที่สุด นอบน้อมที่สุด เคารพบูชา ที่สุด การบูชาพระองค์ท่านจะทำให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่
อยู่ใกล้แม่ ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดจะรู้และเข้าถึงเสียงของสรรพสัตว์ สรรพสิ่งได้ดีเท่าพระองค์ จงไว้วางใจในความรักความเมตตาของพระองค์ และมอบถวายความรัก ความบูชาไว้กับพระองค์ ผู้ที่อยู่ใต้ความรักความเมตตาของพระองค์ เคราะห์กรรมภัยพิบัติจะดับสูญ ทุกสิ่งจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ชีวิตจะร่มเย็นเป็นสุขสมปรารถนาด้วยพระบารมีกวนอิม ในฐานะพระโพธิสัตว์ ที่ได้รับการกราบไหว้จากคนทั้งหลายนั้น มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานพอดู และค่อนข้างจะพิศดารเอามาก ๆ พหูสูตรผู้รู้แจ้งกล่าวว่าพระโพธิสัตว์กวนอิม ได้ผ่านชีวิตท่ามกลางอันตรายและเสียสละชีวิตนับชาติไม่ได้ จวบจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง(ตามคติมหายาน)
พระพุทธศาสนาปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 นิกายใหญ่ ๆ คือ นิกายหินยาน และนิกายมหายาน ( สามารถศึกษาได้จากเมนู หัวข้อศาสนาพุทธ ) ตามการบันทึกของมหากาพย์โบราณอินเดีย ที่เรียกว่า "ฤคเวท" กล่าวว่า
ก่อนคริสตศตวรรษที่ 7 ซึ่งขณะนั้นพุทธศาสนา ยังไม่เกิด ที่ "แผ่นดินภรต"(อินเดีย) ก็มี"กวนซีอิม"อยู่แล้วแต่ว่า กวนซีอิมขณะนั้น มิใช่สตรีเพศ หากแต่เป็นม้าแกลบคู่แฝดที่น่ารัก ท่านเป็น"กุศลเทพ" ในศาสนาพราหมณ์เป็นสัญลักษณ์ของความเมตตากรุณาและความดีงาม มีฤทธานุภาพมหาศาล ท่านสามารถทำ ให้คนตาบอดทั้งสองข้างกลับสว่าง ทำให้คนที่ถูกโรคร้ายเบียดเบียนกลับมีสุขภาพแข็งแรง ทำให้คนทุพลภาพหายเป็นปกติ หญิงเป็น หมันได้ลูก พ่อโคมีน้ำนม ไม้ผุออกดอก

"กวนซีอิม" คู่แฝดคู่นี้ ได้รับการเคารพบูชาอย่างกว้างขวางจากประชาชนชาวภรตขณะนั้น ซึ่งมีอิทธิพลอันลึกซึ้งและยาวนานในสังคมทั้งสังคม
ก่อนคริสตศตวรรษที่ 5 ศากยมุนีพุทธเจ้าได้สร้างพุทธศาสนาพระธรรมคำสั่งสอน ของพุทธศาสนาซึ่งสมบูรณ์กว่าและก้าวหน้ากว่าศาสนาพราหมณ์ หันมานับถือศาสนาพุทธ แต่ว่าผลสะท้อนอันลึกซึ้งของศาสนาพราหมณ์ ยากที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติหรือ ความเชื่อถือของตนเองในทันที ทันใด
ดังนั้น พราห์มิกชน จึงได้นำเอากวนซีอิมในศาสนาพราหม์เข้ามาในศาสนาพุทธด้วย ก่อนคริสตศักราช
ก่อนคริสตศตวรรษที่ 3 เกิดพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน บรรดาพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายานได้คำนึงว่า ในพุทธศาสนาก็มีความจำเป็นต้องมีโพธิสัตว์แห่งความดีองค์หนึ่ง เป็นสิ่งจรรโลงใจแก่สรรพสัตว์ จึงได้รับเอากวนซีอิม "กุศลเทพ" ในศาสนาพราห์ม มาเป็นโพธิสัตว์แห่งความเมตตาปรานีของพุทธศาสนา โดยมีนามว่า " พระหัยครีวโพธิสัตว์ " หรือกวนอิมหัวม้า ภาพลักษณ์ของกวนซีอิม ในขณะนั้นยังคงเป็นม้าแกลบที่น่ารักตัวหนึ่ง (เอามาเพียงหนึ่งตัว)

จนถึงช่วงก่อนและหลังเริ่มคริสตศตวรรษเล็กน้อยบรรดาพุทธศาสนิกชน คำนึงถึงว่าโพธิสัตว์ทั้งหลายล้วนเป็นร่างมนุษย์ แต่ว่ากวนซีอิมมีร่างเป็นม้า จึงเปลี่ยน "กวนอิมหัวม้า" เป็น บุรุษเพศ ด้วยเหตุฉะนี้ กวนซีอิมโพธิสัตว์ก็ได้เปลี่ยนจากม้าแกลบตัวหนึ่งมาเป็น บุรุษชาติอาชาไนยคนหนึ่ง ในเมื่อรับเอา "กุศลเทพ" ของศาสนาพราห์มมาเป็น "โพธิสัตว์ แห่งความเมตตาปรานี" ในศาสนาพุทธแล้วบรรดาพทุธศาสนิกชนทั้งหลายจึงได้แต่ง "ประวัติความเป็นมา" อันน่าเชื่อถือให้กับกวนซีอิมขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อแปรสภาพเป็น "แบบพุทธ" โดยสิ้นเชิง
ดังนั้น จึงได้ปรากฏบันทึกในคัมภีร์พระสูตรทั้งหลายว่า กวนซีอิมเป็นโอรสองค์โตของราชาจักรินในแคว้นภรต (อินเดียในปัจจุบัน) ใน"สัทธรรมปุณฑริกสูตร"กล่าวว่าพระราชาจักริน ทรงมีพระนามว่าอู๋เจิงเนี่ยน มีโอรสพันองค์ องค์โตนามปู๋จวี้ ซึ่งก็คือ กวนอิมโพธิสัตว์
โอรสองค์ที่สองนามหนีหมอซึ่งก็คือพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ โอรสองค์ที่สามนาม คช ซึ่งก็คือ มัญชูศรีโพธิสัตว์ โอรสองค์ที่ 8 นาม หนีถู ซึ่งก็คือ สมันตภัทร์โพธิสัตว์ ปู๋จวี้ เคยตั้งปณิธาน ไว้ว่าจะปลดปล่อยสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ในเวลาต่อมาพระราชาจักรินบำเพ็ญสำเร็จเป็นพุทธ ซึ่งก็คือ พระอมิตาพุทธเจ้า
ส่วน ปู๋จวี้ ก็ได้ใช้เวลาวำเพ็ญหลายสิบปีในที่สุดก็สำเร็จเป็นพุทธะนาม "สัมมาธรรมโชติยูไล" (ยูไลหรือตถาคตก็คือ พุทธะ มีความหมายว่า "มาตามความเป็นจริง" ส่วน คำว่า "ยูไลพุทธ" ซึ่งกล่าวถึงในที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่หมายถึง ไภสัชคุรุ) เพื่อให้ปณิธานที่ตั้งไว้ปรากฏ เป็นจริง คือให้สรรพสัตว์ทั้งหลายสำเร็จเป็นพุทธะ ได้รับความสุขอันแท้จริง พระสัมมาธรรมโชติพุทธะจึงได้ปรากฏตน ในธรรมกายโพธิสัตว์ เพื่อช่วยเหลือพุทธะเผยแพร่พุทธธรรม ดังนั้น จึงได้เป็นผู้ช่วย มือซ้ายของบิดา ส่วนน้องชายคือ มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ กลายเป็นผู้ช่วยมือขวาของบิดา คือ ราชาจักริน ซึ่งได้สำเร็จเป็นอมิตาพุทธเจ้าแล้ว
ภายหลัง กวนซีอิมกลายเป็นโพธิสัตว์แล้ว ก็มีฤทธาภินิหารอันยิ่งใหญ่มหาศาลยากจะคาดคิดได้ ใน"ปรัชญาปารมิตาสูตร" บันทึกไว้ว่า ในปัญญาอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น กวนอิมโพธิสัตว์สามารถส่องให้เห็นว่าขันธ์ 5 อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนแล้วแต่ว่างเปล่า เป็นศูนยภาพ
ดังนั้น ท่านจึงสามารถช่วยเหลือให้ตนเอง หลุดพ้นจากปวงทุกข์ และก็สามารถช่วยสรรพสัตว์ที่ลอยคอดิ้นทุรนทุรายอยู่ในทะเลทุกข์ หลุดพ้นออกมาได้ และดังนั้น "หากผู้ใดสวดนามกวมอิมโพธิสัตว์ จะตกน้ำไม่ไหลตกไฟ
ไม่ไหม้
กวนอิมที่เมืองจีน พระคัมภีร์สำคัญ ๆ ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานประกอบด้วย คัมภีร์ มหาสุขาวดีวยุหสูตร , จุลสุขาวดีวยุหสูตร , อมิตายุรธยานสูตร , ปรัชญาปารมิตาหทัยสูตร พระสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เพราะฉะนั้นโดยวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ของอินเดียและชนชาติจีนแตกต่างกันมาก ดังนั้นเมื่อจำเป็นต้องแปลคัมภีร์ เหล่านี้จึงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจในหลักคิดและการใช้ภาษาเป็นอย่างมาก เพื่อมิให้ผิดเพี้ยนปตามความหมายเดิม แต่คัมภีร์และแนวคิดเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร นั้นได้รับการต้อนรับเป็นอย่างมากเกือบ 800 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นคริสตศักราชมาจนถึงสูงสุดใน ราชวงศ์ถัง ( ราว ค.ศ. 7-8 )
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 6 ทางตอนเหนือประเทศจีนมีวัดของพุทธศาสนามากกว่า 3 หมื่นวัด มีพระและชีรวมกันราว ๆ 2 ล้านคน ส่วนทางใต้ซึ่งเป็นเขตปกครองของราชวงศ์ เหลียว มีวัดมากกว่า 2,800 วัด มีพระและชีราว ๆ 82,700 รูป
แนวความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ เริ่มแพร่หลายในประเทศจีนเป็นอย่างมาก พระพุทธเจ้าที่ได้รับการบูชาอย่างแพร่หลายคือ พระอมิตภพุทธเจ้า , พระไวโรจนพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า , พระไภสัชคุรุพุทธเจ้า เป็นต้น
พระโพธิสัตว์ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ กวนเซยิน(KOUAN-CHE-YIN) หรือ กวนยิน(KOUAN-YIN) หรือคนไทยคุ้นเคยกับการอ่านและสะกดว่า "กวนอิม" ซึ่งมีต้นรากมาจากพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งซึ่งปรากฏพระนามในภาษาสันสกฤตว่า " อวโลติเกศวรโพธิสัตว์ " นอกจากนั้นยังมีพระโพธิสัตว์องค์อื่นอีก เช่น พระเมตไตรยโพธิสัตว์, พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ , พระกษิติครรภโพธิสัตว์ , พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ฯลฯ
คริสตศตวรรษที่ 8 ภาพลักษณ์ของกวนอิมที่เป็นเพศหญิง เพิ่งปรากฏออกมาให้เห็น ในระยะสองร้อยปีนี้ ต้องยอมรับในความพยายามของศาสนาพุทธฝ่ายมหายานที่ต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อมิให้กลืนหายไปกับลัทธิ เต๋า ข้างฝ่ายลัทธิเต๋านั้น ก็มีเทพในฝ่ายหญิงเหมือนกัน และที่ได้รับความนิยมและศรัทธา
มากคือ พระมารดาราชินีแห่งทิศตะวันตก (สี หวาง มู)
เหตุที่บัญญัติทิศตะวันตก เช่นเดียวกับพระอมิตภพุทธเจ้าและกวนอิมโพธิสัตว์ เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นทิศแห่งสรวงสวรรค์ (สุขาวดี) ที่คนตายจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กวนอิมในสถานภาพของเพศหญิงขึ้นมาเพื่อ ความจำเป็นทางวัฒนธรรมของชุมชน และต้องการลดกระแสเพศชายซึ่งมีอำนาจสูงสุดมาแต่
เดิม
ทุกศาสนาล้วนแล้วแต่มีเทวนารีด้วยกันทั้งสิ้น ศาสนาคริสต์มีการบูชาพระนางมาเรีย มารดาของพระเยซูคริสต์ ศาสนาพุทธฝ่ายมหายานสร้างพระแม่กวนอิม ศาสนายิวมีพระนางโซเฟีย หรือแม่แต่ฮินดูเองก็เกิดลัทธิการบูชาศักติชายาของมหาเทพขึ้น แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนศูนย์กลางอำนาจของฝ่ายชายได้เต็มร้อย แต่ก็ทำให้เกิดมุมมองและวัฒนธรรมทางศาสนาอย่างใหม่ และขยายตัวอย่างกว้างขวาง หากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ภายลักษณ์ภายนอกระหว่างพระนางมาเรีย กับกวนอิมในสตรีเพศ (ปางกวนอิมชุดขาวอุ้มบุตร) , เทพธิดาไอซิส กับเทพบุตร , พระนางอุมาอุ้มพระคเนศ เหล่านี้ต่างกันเพียงผู้แสดงนำเท่านั้น แต่โดยเนื้อแท้แล้ว ย่อมไม่แตกต่างกัน เพราะนั่น คือ การถ่ายเททางวัฒนธรรมระหว่างศาสนาซึ่งมีมาแต่โบราณ รูปแบบการสร้างรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตต์ในระยะแรกจนถึงราชวงศ์ได้สร้างขึ้นด้วยแนวคิดเยี่ยงบุรุษเพศ หลังจากนั้นจึงเริ่มสร้างแนวคิดใหม่ กลายพันธุ์จากชายเป็นหญิง ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกและความเชื่อของประชาชนพื้นบ้านให้ห่างไกลจากแม่แบบซึ่งมาจากอินเดีย จนอาจจะเรียกได้ว่า กวนอิมในรูปลักษณ์ของสตรีนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางที่เมืองจีนและขยายเข้าสู่ประเทศอื่น ๆในแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะรูปลักษณ์อย่างชายนั้นสะท้อนในเรื่องคุณธรรม มากกว่า ความเมตตาที่ธิเบต แม้ว่าทางด้านภูมิศาสตร์แล้ว จะใกล้เคียงอินเดียและจีน แต่พระโพธิสัตว์นิยมสร้างเพศมหาบุรุษ และบางรูปลักษณ์นั้นมีรูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัว ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของประเทศทิเบตที่เคยมีความเชื่อเรื่องธรรมชาติ ความเชื่อในเรื่อง ยักษ์ มาร ภูต ผี ปิศาจ และอำนาจเร้นลับต่าง ๆ ซึ่งเป็นอิทธิพลของศาสนาบอนปะ ที่ธิเบตนับถือกันมาแต่เดิมก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้าไปเผยแพร่ โดยท่านมหาโยคี คุรุปัทมะสัมภวะ
พุทธศาสนาของธิเบต เป็นนิกายที่เกิดขึ้นในยุคหลังของอินเดีย และอิงความเชื่ออย่างพราหมณ์-ฮินดู ค่อนข้างมากเรียกว่า ตันตระ หรือมนตรยาน พุทธศาสนาแนวนี้ได้ผนวกเข้ากับวิชาอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ มายาศาสตร์ รวมไปถึงการกะเกณฑ์ให้พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มีพระชายาอย่างเทพในศาสนาฮินดู นักวิชาการทางตะวันตก เรียก พุทธศาสนาที่พิสดารกว่าชาวบ้านนี้ว่า ลัทธิลามะ
ในลัทธินี้ พลังทั้งหลายในจักรวาลล้วน ประกอบด้วยพลังขั้วบวก และขั้วลบ เพราะฉะนั้น ไล่เรียงจากพระพุทธเจ้าลงมาถึงชั้นอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ต่างก็มีพลังดังกล่าว พลังลบ สุขุม เยือกเย็น หยุดนิ่งแสดงออกมาในรูปของบุรุษเพศ และพลังบวกที่พลังที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว เร่าร้อน นั้นเป็นของฝ่ายอิสตรี หรือนางคู่บารมี
กลับเข้ามาถึงพระโพธิสัตว์อีกครั้ง
พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธ ถูกระบุเพศ มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ฉะนั้น กฎอันเข้มงวดนี้จึงต้องแทนค่าด้วยความเมตตาและช่วยเหลือให้ประชาชนพ้นทุกข์ จากนั้นจึงวางกุศลโลบายอันแยบยล อีกชั้นหนึ่งเพื่อ แปลงโฉม กวนอิมโพธิสัตว์ในคราบบุรุษให้ เป็นสตรีเพศ
กฏอันเข้มงวดยังคงอยู่ แต่สร้างวัฒนธรรมใหม่ หรือใช้กฏที่เลี่ยงได้ กล่าวคือในโลกมนุษย์ กวนอิมคือเพศหญิง ในโลกสวรรค์กวนอิมคือเพศชาย โดยใช้ตำนานและความเชื่อท้องถิ่นเข้าอธิบายความเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ เทพเจ้าฝ่ายหญิงจะได้รับความนิยมเพียงพระองค์เดียวหาได้ไม่ ดังนั้นจึงเริ่มรวบเอาเทพีท้องถิ่นเข้ามาอยู่ร่วมวงศ์เทวัญด้วยการมอบตำแหน่งตามลำดับชั้นลงไป

ข้อมูล จาก หอสมุดแห่งชาติ

-------------------------------
Ref.
http://www.guanim.com/

หนุมาน ผู้นำสาร · 29 มีนาคม 2007

*** หาก...ยึดติดเพศ ****

หาก... คิดว่าผู้สำเร็จ ผู้ทำได้ต้องเป็น ... เพศชาย....
หาก....เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏเป็น "ผู้หญิง" ...แล้วเราจะปฏิบัติต่อท่านอย่างไร !!!!!!!
หาก...พระไตรปิฎก ลงมาปรากฏเป็น "ผู้หญิง" ...แล้วเราจะปฏิบัติต่อท่านอย่างไร !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

toottoo · 29 มีนาคม 2007

ภาวะพระโพธิสัตว์ในสุขาวดีพุทธเกษตร เหนือจากคำว่าสภาวะเพศหญิง-ชาย

แต่นิรมาณกายแห่งพระอวโลกิเตศวรที่ปรากฏบนโลกจำเป็นต้องมีสภาวะหญิง-ชายตามสมมุติบัญญัติทางโลก

แต่ท่านจะแสดงนิรมาณกายให้ใกล้เคียงกับผู้ที่ต้องการโปรด ไม่ว่าในลักษณะหญิง ชาย เทพบุตร เทพธิดา อสูร มาร ปีศาจ ฯลฯ ให้เหมาะสมตามกุศโลบายเพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิ คือความรู้แจ้งเป็นที่สุด

ขอตั้งข้อสังเกตุนิดนึงว่าข้อเขียนนี้อาจจะแปลจากภาษาอังกฤษ เพราะแม้ผู้เขียนจะมีข้อมูลมากก็จริงอยู่ แต่สำนวนการเขียนขาดรสของความศรัทธา และเข้าใจไปตามความคิดแบบเทวนิยม ซึ่งอาจฝังอยู่ในความคิดทางศาสนาของคนตะวันตก

น้องหน่อยน่ารัก · 29 มีนาคม 2007

สามคน มีวิญญาณเดียว อวตารสามหน้าที่ได้ไหมคะ

หึๆๆ...

ธรรมวิวัฒน์ · 29 มีนาคม 2007

ได้ครับ ท่านจะโปรดสัตว์เป็นแสนเป็นล้านคนพร้อมกันก็ได้ครับ ท่านมีญาณบารมีสูงจะตายไปครับ ของอย่างนี้ต้องสัมผัสเองครับ ถึงจะเข้าใจครับ

ท่าข้าม · 30 มีนาคม 2007

พระแม่กวนอิม พระแม่แห่งความเมตตาของสรรพสัตว์

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี เสิด ลี
ซู

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี เสิด ลี
ซู ลู

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี เสิด ลี
ซู ลู ซู

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี เสิด ลี
ซู ลู ซู ลู
ผู่

จิตต์ปภัสสร · 30 มีนาคม 2007

"โอม มา นี ปา มี ฮง"
(ไต่ ปุย จิ่ว) มหากรุณาธารณีสูตร
"โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง๋ ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว" 3 จบ
"ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ " 3 จบ
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ลอ ลา เย เย
นำ มอ ออ ลี เย
พอ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผู่ ที สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย
มอ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
โฮม สัก พัน ลา ฟา อี
ซู ตัน นอ ตัน เซ
นำ มอ เสิด กิต ลู ตอ อี มง ออ ลี เย
พอ ลู กิต ตี ฟู ลา เลง ทอ พอ
นำ มอ นอ ลา กิน ซี
ซี ลี มอ ฮอ พัน ตอ ซา เม
สัก พอ ออ ทอ เตา ซู พง
ออ ซี ยิน
สัก พอ สัก ตอ นอ มอ
พอ สัก ตอ นอ มอ พอ เค
มอ ฟา เตอ เตา
ตัน จี ทอ
โฮม ออ พอ ลู ซี
ลู เกีย ตี
เกีย ลอ ตี อี ซี ลี
มอ ฮอ ผู่ ที สัก ตอ
สัก พอ สัก พอ
มอ ลา มอ ลา
มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
กู ลู กู ลู กิด มง
ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
มอ ฮอ ฟา เซ เย ตี
ทอ ลา ทอ ลา
ตี ลี นี
สิก ฟู ลา เย
เจ ลา เจ ลา
มอ มอ ฟา มอ ลา
มิก ตี ลี
อี ซี อี ซี
สิก นอ สิก นอ
ออ ลา เซียง ฟู ลา เซ ลี
ฟา ซอ ฟา เซียง
ฟู ลา เซ เย
ฟู ลู ฟู ลู มอ ลา
ฟู ลู ฟู ลู ซี ลี
ซอ ลา ซอ ลา
เสิด ลี เสิด ลี
ซู ลู ซู ลู
ผู่ ที เย

ธรรมวิวัฒน์ · 31 มีนาคม 2007

ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร

อายาวะโลกิติซัวรา โบดิสัตจัว กรรมบิรัม ปรัชญาปารมิตาจารัม จารา มะโน วียาวะโลกิติสมา ปัญจะ สกันดา อะสัตตัสจา ซัวปาวะสูญนิยะ ปาสัตติสมา อีฮา สารีบุทรา รูปังสูญญะ สูญนิยะตา อีวารูปา รูปานา เวทะสูญนิยะตา สูญญา นายะนา เวทะ ซารูปัง ยารูปัง สา สูญนิยะตะยา สูญนียะตา ซารูปัง อีวา วีดานา สังญาสัง สการา วียานัม อีฮา สารีบุทรา ซาวาดามา สูญนิยะตะ ลักษาณา อานุภานา อานิรูตา อะมะระ อะวิมะลา อานุนา อาปาริปุนา ทัสมาต สารีบุทรา สูญนิยะตายะ นารูปัง นาวิยานา นาสังญานา สังสการานา วียานัม นา จักษุ โสตรา กรรณนา ชิวหา กายา มะนา ซานะรูปัง สัพพะ กันดา รัสสัส สปัตตะ วียา ดามา นาจักษุ ดาตุ ยาวะนา มะโนวีนยะนัม ดาตุ นาวิดียา นาวิดียา เจียโย ยาวัดนา จาระมา ระนัม นะจาระมา ระนัม เจียโย นาตุขา สมุดา นิโรดา มาคา นายะนัม นาประติ นาอะบิส สะมะยัง ตัสมาตนะ ปรัตติถา โพธิสัตวะนัม ปรัชญา ปารมิตา อาสริดะ วิหะรัชชะ จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา นัสติตวะนะ ทรัสโส วิปาริยะซา อาติกันดา นิสทรา เนียวานัม ทรียาวะ เรียววะ สิทธะ สาวา บุดดา ปรัชญา ปารมิตา อาสวิชชะ อะนุตตะระ สัมยัก สัมโบดิม อะบิ สัมโบดา ทัสมาต เนียทาวียา ปรัชญา ปารมิตา มหามันทรา มหาวิทยะ มันทรา อะนุตตะระ มันตรา อสมา สมาธิ มันทรา สาวา ตุขา ปรัชสา มานา สังญา อามิ เจียจัว ปรัชญา ปารมิตา มุขา มันทรา ตะติติยะ
"คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โบดิซัวฮา"

สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เดินทางเสี่ยงต่ออันตราย หรือ เผชิญภาวะฉุกเฉิน และ ต้องการตั้งสติขจัดความตื่นกลัวออกไปโดยเร็ว ควรบริกรรม โดยใช้บทสวดมนต์ย่อว่า
"คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิสวาหา"
ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ท่านหลวงจีนเฮียงจั๋ง (พระถังซำจั๋ง) ท่านกล่าวว่าท่านสวดบทนี้เมื่อท่านอยู่ในภาวะคับขันในการเดินทางข้ามทะเลทราย ท่านเชื่อว่าทำให้มีสติตั้งมั่น เกิดปํญญา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
อานิสงส์ที่จะได้รับจากการสวดมนต์ภาวนา ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร (ซิม เกง) หรือ บทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ทรงพลานุภาพที่องค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ได้เคยแสดงไว้แล้วในอดีตกาลก็
1.เพื่อเพิ่มพูนสติปํญญาให้สามารถเห็นแจ้งในธรรมะ
2.เพื่อการบรรลุภาวะการเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม
3.เพื่อการตรัสรู้และการบรรลุนิพพานโลกธาตุในที่สุด

ธรรมวิวัฒน์ · 31 มีนาคม 2007

ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
( พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน )

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้ประกอบด้วยโลกุตรปัญญาอันลึกซึ้ง ได้มองเห็นว่า โดยธรรมชาติแท้แล้ว ขันธ์ทั้งห้านั้นว่างเปล่า
และด้วยเหตุที่เห็นเช่นนั้น จึงได้ก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ สารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่าง ก็ไม่ต่างไปจากรูป
รูปคือความว่างนั่นเอง และความว่างก็คือรูปนั่นเอง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นดังนี้ด้วย สารีบุตร ธรรมทั้งหลาย
มีธรรมชาติแห่งความว่าง ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับลง ไม่ได้สะอาดและไม่ได้สกปรก ไม่ได้เพิ่มขึ้นไม่ได้ลดลง
ดังนั้น ในความว่างจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา หรือสัญญา ไม่มีสังขาร หรือวิญญาณ ไม่มีตาหรือหู ไม่มีจมูกหรือลิ้น
ไม่กายหรือจิต ไม่มีรูปหรือเสียง ไม่มีกลิ่นหรือรส ไม่มีโผฏฐัพพะหรือธรรมารมณ์ ไม่มีโลกแห่งผัสสะ หรือวิญญาณ
ไม่มีอวิชชา และไม่มีความดับลงแห่งอวิชชา ไม่มีความแก่และความตาย และไม่มีความดับลงซึ่งความแก่ และความตาย ไม่มีความทุกข์
และไม่มีต้นเหตุแห่งความทุกข์ ไม่มีความดับลงแห่งความทุกข์ และไม่มีมรรคทางให้ถึง ซึ่งความดับลงแห่งความทุกข์
ไม่มีการประจักษ์แจ้งและไม่มีการลุถึง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องลุถึง พระโพธิสัตว์ผู้วางใจในโลกุตรปัญญา จะมีจิตที่เป็นอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดกั้น
เพราะจิตของพระองค์เป็นอิสระจาก อุปสรรคสิ่งกีดกั้น พระองค์จึงไม่มีความกลัวใดๆ ก้าวล่วงพ้นไปจากมายาหรือสิ่งลวงตา
ลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด พระพุทธในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผู้ทรงวางใจในโลกุตรปัญญา ได้ประจักษ์แจ้งแล้วซึ่งภาวะอันตื่นขึ้น
อันเป็นภาวะที่สมบูรณ์และไม่มีใดอื่นยิ่ง ดังนั้น จงรู้ได้เถิดว่า โลกุตรปัญญา เป็นมหามนต์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นมนต์แห่งความรู้อันยิ่งใหญ่
เป็นมนต์อันไม่มีมนต์อื่นยิ่งกว่า เป็นมนต์อันไม่มีมนต์อื่นใดมาเทียบได้ซึ่งจะตัดเสียซึ่งความทุกข์ทั้งปวง นี่เป็นสัจจะ
เป็นอิสระจากความเท็จทั้งมวล ดังนั้น จงท่องมนต์แห่งโลกุตรปัญญา คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิ สวาหา
ไป ไป ไปยังฟากฝั่งโน้น ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิง ลุถึง การรู้แจ้ง ความเบิกบาน

ธรรมวิวัฒน์ · 31 มีนาคม 2007

"ปัญญาบารมี" หฤทัยสูตร

ข้าวใจ · 31 มีนาคม 2007

toottoo · 6 เมษายน 2007

ร่วมอนุโมทนา บูชาคุณพระมหาโพธิสัตว์อารยอวโลกิเตศวร เนื่องในวันประสูติของพระองค์ในวันนี้วันที่ 19 เดือน 2 (จีน)

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ความเป็นมาของพระโพธิสัตว์กวนอิม

NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

ไฟล์ที่แนบมา:

guanim2.jpg

หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

toottoo เป็นที่รู้จักกันดี

น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

ข้าวใจ เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

guanim (Small).jpg

toottoo เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

หน้าแรก

มีอะไรใหม่

วิดีโอ

รูปภาพ

สมาชิก

ห้องสนทนา

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา