อภิญญาเริ่มเข้าแล้ว หลวงพ่อบอกไว้ครับ

ในหนังสืออภิญญาหลวงพ่อบอกว่า
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD align=right width=68>หลวงพ่อ : </TD><TD>"ต้องอีกสัก ๒๐ ปีนะ ท่านพูด ตอนปี ๒๕๒๑ แต่ไม่นับปีนั้นนะ ท่านบอกอีก ๒๐ ปี อภิญญาหกจะเข้าฟูจัด เข้าใจว่าต่อจากนั้นไปอีก ๒๐ ปี ปฏิสัมภิทาญาณขึ้นแน่ มันต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ลงไม่ได้ "

</TD></TR></TBODY></TABLE>
เวลานี้ตำราถึงที่สุดแล้ว พอตำราถึงที่สุดก็มาเริ่มฝึกมโนมยิทธิปูพื้นฐานไว้รับ "อภิญญาหก" ไอ้อภิญญาหกนี่ไม่ใช่สมัยของเราฝึกนะ ต้องไปอีกรุ่นหนึ่ง พวกรุ่นโน้นเขามาฝึกกัน "พวกเรานี่" ทัน! ถ้าแกยังไม่ตาย ทัน! เวลาฝึกไม่ใช่ฉันฝึก ฉันแค่ปูพื้นฐานไว้เพื่อรับ "อภิญญาหก" นักเรียนเตรียม "มโนมยิทธิ" นี่นักเรียนเตรียม "อภิญญาหก"

เพราะพวกอภิญญาหกเขาต้องมาอีกพวกหนึ่ง พวกสอนอภิญญาหกน่ะเขาจะมาอีกชุดต่างหาก พวกเราพวกปูพื้นฐาน พวกสอนนักเรียนเตรียม โน่น! อภิญญาหกเขาต้องหนุ่ม ไม่งั้นมันเล่นไม่ไหวหรอก จะมาจากพวกไหน พวก " พุทธภูมิ" ทั้งนั้นแหล่ะ! ก็ต้องเป็นพวก "พุทธภูมิ" ที่มีอารมณ์เข้ม!!...

ผมเลยอยากรู้ว่า
1.ใครจะมาเป็นครูสอน คือจะเป็นพระหรือฆาราวาส
2.ท่านเล่านั้นจะสอนในเมือง หรือ ในป่า
3.จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นท่านเหล่านั้น เพราะท่านคงไม่แสดงอภิญญาให้เห็นโดยทั่วๆไป แล้วจะสังเกตุยังไง
4.แล้วท่านเหล่านั้นจะมาสอนอภิญญาตอนไหน เห็นหลวงพ่อบอกว่าเป็นช่วงปี2545จะเริ่มมาแล้วเลยอยากรู้ว่าตอนไหน

ท่านผู้ที่ได้มโนมยัทธิหรือผู้รู้ ช่วยบอกหน่อยครับและคงมีบุคคลอีกไม่น้อยที่ต้องการรู้ด้วย
<!-- / message -->

 

ผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับ แต่ถ้าผมพอมีบุญวาสนา ขอให้ผมได้มีโอกาศที่จะเล่าเรียนและฝึกปฏิบัติด้วยเถิดครับ

 

บุญเรายังไม่พอ น่าเสียดาย

 

อย่าเพิ่งไปคิดว่าเราไม่มีบุญครับ เราอาจมีแต่ยังไม่รู้ตัวก็ได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ของอภิญญาใหญ่

ที่กำลังสอน กำลังเรียนอยู่ ตอนนี้ สมัยนี้ มีทั้งที่สอนในเมืองและสอนในป่าครับ

รีบๆปูพื้นฐานตัวเองก่อนสิครับ อย่าเพิ่งไปหวังว่าอาจารย์ท่านจะเหาะมาสอนเรา ที่จริงเราต้องปูพื้นความดีให้กับจิตใจเราก่อนครับ จากนั้นก็แสวงหาอาจารย์ที่ท่านมีวาสนากับเรา

ขอให้ได้อภิญญาใหญ่กันทุกๆคนครับ

 

*** ยังไม่มีใครรู้ **** ณ วันนี้ ผู้คน ยังไม่เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของ "สัจจะ"...ยังไม่รู้ว่า "หลักสัจจะธรรม" คืออะไร....แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อถึงเวลา...ผู้คนที่ถูกฝึกมากัน คนละสาย คนละวิชา...ก็จะมาจบลงที่ "สัจจะ"....ไม่เว้นกระทั่ง ผู้ที่เชื่อและศรัทธาใน "ลัทธิ" และ "ศาสนาอื่น".......หลักโลกุตตระปรากฏแล้ว - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ผมเป็นคนหนึ่งนะที่ชอบรักษาสัจจะ..แต่แค่ไม่กี่เรื่อง..อิๆ เช่นจะไม่ดื่มเหล้าเด็ดขาด(กลัวยันต์ออกจากตัว) อีกอย่านึงที่ทำได้..จะไม่สูบบุหรี่แน่นอนสาบานไว้อ่ะนะขนาดโดนขยั้นคะยอให้ตายยังไม่ทำ..ปลื้มใจตัวเอง..คิๆๆ อยากทำอีกอย่างคือ ไม่โกหก..ยังรอความมั่นใจในตัวเองอยู่ กลัวจะรักษามิได้หนะท่านหนุมาน..กลัวจะเผลออะดิ..นิสัยโกหกเล็กๆน้อยๆเลิกยากจัง

 

*** สัจจะ กับ ศีล **** ก่อนพระพุทธองค์ จะค้นพบ "หลักสัจจะธรรม" ความจริงที่เป็นแก่นสาร...ศีล มีมานานแล้ว พราหมณ์ มีมานานแล้ว และพระองค์ท่านทรงลองปฏิบัติดูแล้ว พบว่าศีลเป็นสิ่งที่ยากมาก มนุษย์เกือบทั้งหมดทำไม่ได้ ใครบอกทำได้เป็นปกติก็กลายเป็นเรื่องโกหก...จนเมื่อพระองค์ทรงค้นคว้าพบ "หลักสัจจะธรรม" ว่า "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"...พระองค์ จึงค้นพบต่อว่า "สัจจะ" คือผู้นำเที่ยง สามารถที่จะทำให้นิสัยสันดานเปลี่ยนไปได้ สิ่งไม่ดีในตัวเองหมดไปได้ พระองค์จึงนำ "สัจจะ" มาขจัดนิสัยของพระองค์ที่ยังคงเหลืออยู่ให้หมดไปได้....จากนั้น พระพุทธองค์จึงได้เริ่มนำ "หลักสัจจะธรรม และ สัจจะ" อธิบายและสั่งสอนให้กับสาวก และมนุษย์ผู้ที่มีทุกข์ติดอยู่ในบ่วงกรรม....ดังนั้น ผู้ที่มีจิตใจเมตตาสามารถขจัดนิสัยสันดานตนเองได้หมด จนมีการกระทำที่เป็นปกติได้ตามศีลห้าข้อ ก็คือ อรหันต์ นั้นเอง...เมื่อเวลาผ่านไป ๒๕๐๐ ปี คำสั่งสอนเหล่านี้ไม่ได้ถูกบันทึกโดยชาวพุทธ แต่กลับเป็นบรรดาพราหมณ์ที่จดบันทึกทุกย่างก้าวทุกคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นการเก็บไว้เฉยๆ....ทำให้คำสอนที่เป็น "แก่นสารของพุทธศาสนา คือ สัจจะธรรม และสัจจะ" ถูกบดบัง และนำพิธีการต่างๆ จากพราหมณ์และอื่นๆ เข้ามาปะปน จนคนในยุคปัจจุบันแยกไม่ออก....โดยพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าประกาศขึ้นนั้น มี " หลัก ๓ ประการ " คือ ๑.ใช้ความจริง (คือ สอนในสัจจะความจริง) ๒.ไม่ใช้วัตถุ (คือ ไม่ยึดติดในวัตถุ รวมถึงพิธีการมากมาย) และ ๓.เป็นเรื่องจิตวิญญาณ (เพื่อทำตนให้ไปสู่นิพพาน การไม่เกิดใหม่)....ดังนั้น เราจึงควรสะสมการกระทำที่มาจาก "สัจจะ" อย่างน้อยวันละข้อ ทำให้เป็น "ประจำวัน" โดยต้องกำหนด "เวลาที่จะทำ" ให้ความชัดเจนกับตัวเอง....สิ่งนี้คือ บารมี ที่จะติดตัวเราไปชั่วกัปชั่วกัลป์ - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** การพูดไม่จริง **** ไม่ใช่จุดตัดสินว่า "ถูก หรือ ผิด"...แต่ "ผลที่เกิดจากคำพูด" เป็นสิ่งสำคัญมาก...หากเราพูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริงออกไปแล้ว คำพูดเหล่านั้น กลับส่งผลให้ผู้อื่นผู้ฟังมีความสุขหรือเป็นคนดีขึ้น....การกระทำนี้ จะกลายเป็น "ตัวกระทำที่ดี" ติดตัวเราไป และส่งผลดีให้กับเราต่อไป...แต่ถ้าเราพูดในสิ่งที่ไม่จริง และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ มีชีวิตแย่ลง....การกระทำนี้ จะกลายเป็น "ตัวกระทำไม่ดี" ติดตัวเราไปเช่นกัน และจะต้องส่งผลที่ไม่ดีย้อนกลับมาหาเราอย่างแน่นอน....."สัจจะ" สำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองยังพูดโกหกอยู่บ่อยๆ คือ "สัจจะ ไม่พูดให้ผู้อื่นเดือดร้อน" วันละ ๑ ชั่วโมง....เมื่อทำได้จริง บ่อยครั้ง ก็จะรู้จักเตือนตนเอง ระมัดระวังจนเอง ตัวเราจะเตือนตนเองได้ตลอด - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ในปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆท่านมีดวงตาเห็นธรรม / ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริงแล้วนั้น ขอธรรมนั้นท่านทั้งหลายจงเห็นเช่นเดียวกัน

 

โห้ กระทู้นี้ผมโพส 3ปี แล้ว เหรอนี้

ผมเชื่อสนิทใจแล้วครับ ตอนนี้ ตามแผงหนังสือ โทรทัศน์ ที่มีบุคคลต่างๆ ที่มี วิชชา3 มีเยอะแล้วคับ แล้วที่ยังไม่แพร่หลายอีก ทั้งพระก็มีด้วย

หลวงพ่อท่านพูดไว้ ไม่ผิดเลย มีมาเรื่อยๆๆ จริงๆ ต่อไปคงมีเยอะเรื่อยๆล่ะ หุหุ

 

มีพระอยู่องค์หนึ่งครับท่านจำวัดอยู่ที่จันทบุรีแต่ผมไม่สามารถเอ่ยชื่อได้นะครับไม่ได้ถามท่านก่อน กลัวญาติโยมจะแห่กันไปรบกวนท่าน แต่ที่แน่แน่ญาติโยมที่ชอบไปลุยป่าตามท่านไปธุดงส์ปฎิบัติธรรม ท่านจะแสดงอภิญญาให้เห็นอย่างเช่นย่นระยะทางแบบเเค่เรากระพริบตาแค่นั้นล่ะจากตีนเขาท่านขึ้นไปอยู่บนยอดเขาละ รู้สึกท่านจะบอกว่าให้หายใจเข้าออกลึกลึกและอฐิฐาน ก้าว ยาาาว ยาาาว ท่านยังสามารถเดินบนนํ้าและทำได้อีกหลายอย่าง สำหรับผมไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับเพราะผมรู้ว่ามีจริงและไม่ได้งมงาย เวลาปฎิบัติตัดความอยากไปเลยถ้าตราบใดมีความอยากอยู่จะยากต่อการฝึก ตอนไม่ได้ฝึกสมาธิอยากได้แต่พอเริ่มนั่งปุ้ปตัดให้หมด(แต่ถ้าฝึกให้ไม่มีความอยากเลยดีที่สุดครับเราจะได้ชิน) ถ้าเราสมารถทำประจำบ่อยบ่อยจนชินเหมือนร่างกายเรากินอาหารขาดไม่ได้เมื่อนั้นล่ะจะรู้ ยิ่งคนมีบุญเก่าติดมาทำแป้ปเดียวก็ได้ แค่อยากจะบอกเล่าให้กันฟังน่ะครับว่าอภิญญามีจริง......

 

พุทธศาสนากำลังเจริญ คนใฝ่หาการปฏิบัติธรรมกันทั้งโลก วิชชาหรืออภิญญามีมากมายเกลื่อนแผ่นดิน แต่มองกันไม่เห็นเอง

 

ถ้าขาดเมตตา ก็ไม่หลุดพ้นทุกข์ไปได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจา ***

ซื่อสัตย์เด็ดขาด...สัจจะ
การตัดลดนิสัยตนเอง ในทุกๆวัน วันละข้อ
ผลการกระทำจะคลี่แผ่ออกไปรอบคอบจักรวาล
เพราะ สัจจะปฏิบัติ ....เป็นการการปฏิบัติด้วยหลักสัจจะธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สมัยนี้สมาธิเค้าฝึกกันง่ายครับ เดี๋ยวนี้มีอินเตอร์เน็ตมีหนังสือ แล้วก็การค้นหาในหลายๆศาสตร์ง่ายแค่เข้าอินเตอร์เน็ต ข้อมูลมันหาง่าย สมัยก่อนถ้าจะเรียนก็ทำได้เพียงแค่อ่านในพระไตรปิฏกหรือต้องมาดั้นด้นหาอาจารย์กันอีกกว่าจะรู้วิธีฝึก บางคนก็ไม่รู้ว่าจะฝึกกับใคร สมัยก่อนการฝึกจิตจึงมีตัวเลือกไม่มากนัก โดยส่วนตัวผมก็ฝึกตามหนังสือฝึกตามในอินเตอร์เน็ตก็ได้เจออะไรเยอะแยะได้รู้เห็นอะไรเยอะแยะมากมาย
คนสมัยนี้ต่างหากที่ฝึกจิตได้เยอะกว่าคนสมัยก่อน ที่หลวงพ่อได้กล่าวไว้ว่าอภิญญาเข้าแล้วนั่นถูกต้องแล้ว

 

รู้สึกท่านจะบอกว่าให้หายใจเข้าออกลึกลึกและอฐิษาน <<< การหายใจเข้าออกลึกๆในระหว่างวันทั้งในสมาธิและนอกสมาธิทำให้จิตเกิดอิทธิฤทธิ์ได้มากนัก ลองทำกันดูสิครับแล้วจะรู้