เรื่องเด่น เวลาของโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 9 สิงหาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    5-265.jpg

    พวก เราทุกคนเคยได้รู้มาได้ฟังมาว่า เวลาของสวรรค์ นรก หรือ เวลาของผู้ที่ตายไปนั้นช้ากว่าเวลาของโลกเรามากๆเช่น 1000ปีบนโลกมนุษย์อาจเท่ากับ1วันบนสวรรค์ เป็นต้น

    หรือการที่มีคน บอกว่าคนตายกว่าจะรู้ตัวเองว่าตายไปนั้นก็ตั้ง3วัน 7วัน มีบ้างบางคนที่ฟื้นขึ้นมาเขาบอกว่าเวลาที่เขานอนหลับไป7วันนั้นน่ะ เขายังไม่ได้ไปไหนเลยเพียงแค่เห็นหมู่คนมากมายคุยกันยังไม่กี่คำก็ฟึ้นขึ้น มา

    และจริงๆแล้วเรื่องเวลาที่แตกต่างกันนี้พระพุทธองค์ก็ได้พูดถึงมากว่า2500 ปีแล้วดังที่เราจะเห็นได้ในพระไตรปิฎก



    จริงๆแล้วก็มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ยอมรับกันในปจุบันที่ไอสไตน์ได้อธิบายไว้
    แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจดังนี้ก่อนนะครับว่า
    นักวิทยาศาสตร์อาจทำใจยอมรับวิญญาณได้ หากมองว่าวิญญาณเป็น พลังงานอย่างหนึ่ง

    และหากเรามองเหมือนนักวิทยาศาตร์ว่าวิญญาณคือ พลังงานอย่างหนึ่ง
    ผมจะอธิบายด้วยตัวอย่างง่ายๆนะครับ ซึ่งอัลเบิร์ต ไอสไตน์ พูดถึงเรื่องพลังงานดังนี้ครับ

    1.วัตถุ ใดมีขนาดเล็กมากไปถึงขนาดของอะตอม เรียกวัตถุนั้นว่า พลังงาน เช่นถ้าเราสามารถย่อตัวเราให้เล็กลงไปถึงขนาดอะตอม ตัวเราก็จะถูกเป็นพลังงานเช่นกันครับ
    2.วัตถุใดที่เคลื่อนที่ได้เร็ว เวลาบนวัตถุนั้นจะช้ากว่า เช่นถ้ามีรถอยู่2คัน แล้วเราเอาคนฝาแฝดไปอยู่บนรถคนละคันนะครับ รถคันแรกวิ่งเร็วกว่ารถคันที่สอง โดยรถคันแรกวิ่งด้วยความเร็ว 3000 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง รถคนที่สองวิ่งด้วยความเร็ว300กิโลเมตรต่อชั่วโมง แฝดที่อยู่บนรถคันแรกจะแก่ช้ากว่าแฝดอีกคนที่อยู่บนรถคันที่สองครับ เพราะเคลื่อนที่เร็วกว่า เวลาจะเดินช้ากว่า ความคิดนี้เองเป็นบ่อเกิด time machine เครื่องเดินทางข้ามอนาคตขึ้นมา
    3.โดยปกติพลังงานส่วนมากการ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ความเร็วแสง คือ ประมาณ300000กิโลเมตรต่อวินาที ถ้าคิดไม่ออกว่าเร็วขนาดไหน ให้ลองสังเกตดูว่าตอนที่เราคุยโทรศัพท์กับเพื่อนต่างจังหวัดน่ะ เช่นคุยกับเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่เพื่อนพูดมาเราได้ยินทันทีเลยหรือเราพูดไป เพื่อนก็
    ได้ยินทันทีเลย เพราะว่าสัญญาณเสียงถูกส่งออกไปกับสัญญาณวิทยุที่มีความเร็วประมาณ300000กม./วินาที

    DSC06014.jpg

    ทีนี้จาก 3ข้อ ด้านบนแล้วเราลองมาคิดตามนะครับ

    1.ถ้า วิญญาณเป็นพลังงาน ก็แสดงว่าวิญญาณก็เคลื่อนที่ได้เร็วเช่นกัน มีคนเคยบอกว่า คนตายนั้นเพียงแค่เขาคิดถึงใครวิญญาณเขาก็ปิ๊งไปหาคนนั้นทันที คิดถึงอะไรก็จะไปหาสิ่งนั้นทันทีเลย
    2.ถ้าวิญญาณเคลื่อนที่ได้เร็วขนาด นั้น ก็เข้าสู่กฎที่ว่า วัตถุใดมีความเร็วใกล้ความเร็วแสงเวลาที่วัตถุนั้นจะช้ามาก ทีนี้ก็ตรงกับที่เราได้ฟังมาว่า เวลาของสวรรค์ นรก และโลกคนตายจะช้ากว่าโลกมนุษย์ครับ

    นักวิทยาศาตร์เชื่อทฤษฎีนี้ก็ ตอนที่มีดาวเทียมขึ้นไปลอยรอบโลก เพราะเวลาบนดาวเทียมจะช้ากว่าเวลาบนโลกครับ ก็ดาวเทียมโคจรรอบโลกประมาณ 24000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องมีการชดเชยเวลาที่เสียไปเมื่อดาวเทียมทวนสัญญาณมายังโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มกราคม 2018
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    เทวดาก็มีอายุขัย เมื่อเสวยสุขบนสวรรค์จนครบอายุขัยแล้ว ก็ต้องจุติลงมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า 1ปีทิพย์ของสวรรค์มี360วันทิพย์ของสวรรค์แต่ละชั้นและเวลาของสวรรค์แต่ละ ชั้นเทียบกับของโลกก็ไม่เท่ากัน เทวดาในสวรรค์แต่ละชั้นก็อายุไม่เท่ากันเช่นกัน ดังนี้

    ชั้นจาตุมหาราชิกา มี1วันทิพย์ เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ เทวดามี500 ปีทิพย์ เท่ากับ 9ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นดาวดึงส์ มี1วันทิพย์ เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ1000 ปีทิพย์ เท่ากับ 36 ล้านปีโลกมนุษย์
    ชั้นยามา มี1วันทิพย์ เท่ากับ 200 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 2000ปีทิพย์ เท่ากับ144 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นดุสิต (ดุสิตบุรี) มี1วันทิพย์ เท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 4000 ปีทิพย์ เท่ากับ576 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นนิมมานรดี มี1วันทิพย์ เท่ากับ 800 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ 8000 ปีทิพย์ เท่ากับ2304 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มี1วันทิพย์ เท่ากับ 1600 ปีโลกมนุษย์ เทวดามีอายุ 16000 ปีทิพย์ เท่ากับ 9216 ล้านปีโลกมนุษย์


    การสิ้นอายุขัยของเทวดา

    เทวดา ก็สิ้นอายุขัยได้ เมื่อสิ้นอายุขัย เทวดาก็จะจุติออกจากสวรรค์นั้นไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งหรืออาจจะหล่นปุ๊บไป มหานรกก็ได้ ขึ้นอยู่กับกระแสบุญบาปจะได้ช่องหรือส่งผล ซึ่งการสิ่นอายุขัยของพวกเทวดามีเหตุเป็นไปได้ 4ประการ คือ

    1.สิ้นชีวิตตามอายุในสวรรค์ชั้นนั้น
    2.สิ้นชีวิตก่อนถึงกำหนดอายุในสวรรค์ชั้นนั้น
    3.สิ้นชีวิตเพราะสนุดจนลืมกินอาหาร
    4.สิ้นชีวิตเพราะความโกรธ (เมื่อเทวดาโกรธ จะกลายเป็นไฟไหม้ตนเอง)

    จาก การที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า แม้ว่าเทวดาทั้งหลายจะมีความสุขสมบัติมากมายเพียงใด ก็ยังต้องหมดสิ้นจากความสุขและทิพย์สมบัติต่างๆลงได้ในวันหนึ่ง นี่คืออนิจจัง ความไม่เที่ยง ซึ่งแม้แต่เทวดาหรือมยุษย์ก็ล้วนแต่มีความทุกข์ทั้งสิ้น และเมื่อเทวดาทั้งหลายหมดบุญหรือหมดอายุขัยแล้ว ก็จุติออกจากสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างสมบารมีอีกครั้ง อย่างเช่นนักเรียนอนุบาลทุกๆคน ซึ่งการเป็นมนุษย์ย่อมติดอยู่ในวัฎสงสาร มีโอกาสทั้งทำดีและทำชั่วซุ่งถ้าพลาดพลั้งทำกรรมชั่ว ก็จะเป็นอันตราย อบายภูมิรองรับ ( สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน)อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่บอกทุกวัน ซึ่งการที่จะกลับมาเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกครั้งเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง กว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก

    ดังนั้น มนุษย์เราทั้งหลายจะยึดมั่นในสมบัติอันไม่แน่นอนนี้ไปทำไม ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์เจ้าทั้งหลายก็ดี จึงไม่ปรารถนาในสุขสมบัติสังสารวัฎที่ไม่เที่ยงนี้ ท่านจึงเสด็จเข้าสู่นิพพานสมบัติทุกพระองค์
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ๑) สัญชีวมหานรก หมายถึง "มหานรกที่เหล่าสัตว์ไม่มีวันตาย" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๕oo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๙,ooo,ooo ปี และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑,๖๒o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๒) กาฬสุตตมหานรก หมายถึง "มหานรกที่เหล่าสัตว์ถูกนายนิรยบาลทำกรรมกรจองจำไว้ด้วยด้ายเหล็กดำ" (กาฬะ แปลว่า ดำ สุตตะ แปลว่า เชือก) เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๑,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๓๖,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๓ โกฏิ กับอีก ๖ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑๒,๙๖o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๓) สังฆาตะมหานรก หมายถึง "มหานรกบดขยี้สัตว์" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๒,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๑๔๔,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๑๔ โกฏิ กับอีก ๔ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑o๓,๖๘o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๔) โรรุวมหานรก หมายถึง "มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๔,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๕๗๖,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๕๗ โกฏิ กับอีก ๖ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๘๓๑,o๔o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๕) มหาโรรุวมหานรก หมายถึง "มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้เหลือประมาณ" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๘,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๒,๓o๔,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๒๓o โกฏิ กับอีก ๔ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๖,๖๓๕,๕๒o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๖) ตาปนมหานรก หมายถึง "มหานรกที่ยังให้เหล่าสัตว์เร่าร้อน; "ตาปนะ" มีความหมายคล้ายกับคำว่า "ตาปสะ" แปลว่า ปิ้งหรือย่าง" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๑๖,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วันที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๙,๒๑๖,ooo,ooo ปี (หรือหากนับแบบโบราณ จะนับได้ ๙๒๑ โกฏิ กับอีก ๖ ล้านปีมนุษย์) และหากนับระยะเวลาทั้งหมดในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๕๓,o๘๔,๑๖o,ooo ล้านปีมนุษย์

    ๗) มหาตาปนมหานรก หมายถึง "มหานรกที่ยังให้เหล่าสัตว์เร่าร้อนเหลือประมาณ" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ "ครึ่งอันตรกัป" ของมนุษย์

    ๘) อเวจีมหานรก หมายถึง "มหานรกที่ปราศจากคลื่นแห่งความสุข" เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ "๑ อันตรกัป" ของมนุษย์

    สำหรับ อายตนะโลกันต์/โลกันตร์ อันอยู่ถัดไปเบื้องล่างของภพ ๓ นั้น สัตว์โลกันต์/โลกันตร์จะมีเกณฑ์อายุเฉลี่ยโดยประมาณ ๑ พุทธันดร ดังนี้

    ที่มาของข้อมูล:
    เวลาของโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มกราคม 2018
  4. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อ่านเวลานรกไปทีนึง ผมก็แทบสลบไปทีนึง เลยล่ะครับ =[]="

    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  5. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อ่านเวลานรกไปทีนึง ผมก็แทบสลบไปทีนึง เลยล่ะครับ =[]="

    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  6. rai2521

    rai2521 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +43
    อนุโมทนาครับ
    น่ากลัวเหลือเกิน ถ้าเผลอตกไปนี้ ..... ไม่อยากคิด
     
  7. zazapotter

    zazapotter สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +17
    อนุโมทนาด้วยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เพราะสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
     
  8. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    แบบว่า....สุดๆเลยอะ
     
  9. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    เป็นกระทู้ที่นำหลักการทางวิทยาศาสตร์และ ศาสนามาผสมกันได้ดีทีเดียวคับ อธิบายได้ง่าย

    โมทนาคับ
     
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ขอค้านนิดหน่อยนะครับ
    วิญญาณเป็นนามธรรม พลังงานสสารเป็นรูปธรรม
    จิตเป็นธรรมชาติรู้อารมณ์ไม่มีตัวตนเป็นนามธรรม
    จิตไม่ใช่ทั้งพลังงานและสสาร
    แต่จิตสามารถสะสมพลังจิตได้ถ้าอยู่ในจุดตำแหน่งอย่างมั่นคงไม่ซัดส่าย

    วิญญาณตามความเห็นไม่ใช่พลังงานหรือสสารครับ
    ผิดพลาดขออภัยเป็นความเห็นนะครับ
     
  11. มุกไวด้า

    มุกไวด้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +264
    เคยคิดเล่น ๆ นะคะ ว่าคนเราทำบาปกันอยู่ทุกวัน %การตกนรกนั้นสูงมาก

    คนที่ใช้ชีวิตแบบปุถุชน ย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง อย่างนี้ประชากรในนรกภูมิ ไม่ทะลักล้น

    กันบ้างหรือ
     
  12. vorapoap

    vorapoap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +250
    ความเร็วเสียงน่าจะผิดนะ

    ความเร็วเสียง หรือความเร็วของคลื่นวิทยุ ไม่เท่ากับความเร็วแสงนะครับ
    ประมาณ พันกว่ากิโลเมตร ต่อชั่วโมงแค่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวกลางครับ
     
  13. porrawee

    porrawee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +779
    สาธุครับ รู้สึกกลัวนรกจับใจเลยครับ ลงไปทีนึงเกือบจะไม่ได้ผุดได้เกิดเลย
     
  14. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    อนุโมทนา สาธุ ๆ กับ ทุก ๆ ท่าน ที่ได้ร่วมกันเผยแพร่พระธรรมด้วย ครับ
    พระนิพพาน ไม่มีเวลา ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่มี รูป นาม ขันธ์ 5 พระนิพพาน เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นที่ดับทุกข์จากกามกิเลสตัณหาได้หมดสิ้น เป็นที่บรมสุขอย่างสูงสุด และเป็นเป้าหมายของ พระพุทธศาสนา ไปได้ด้วยจิตที่มีสติปัญญาที่พัฒนาแล้ว ด้วย ทาน ศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญญา ระลึกตามอริยสัจ4 และที่ปฎิบัติไปได้จริง ๆ ก็คือ จิตที่ฝึก " วิปัสสนาปัญญา" รู้ รูป- นามของเรา เกิด- ดับ เป็นพระไตรลักษณ์ (อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกขัง เป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ อนัตตา ไม่มีตัวตนที่แท้จริง) ปฏิบัติโดยมี มรรค8 ปฏิบัติแบบทางสายกลาง ๆ และรู้ว่าทุกสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมสลายดับไปทั้งสิ้น จะไปยึดมั่นเอามาเป็นของเราหรือของใครจริง ๆ ไม่ได้เลยเป็นได้เพี่ยงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ ยศฐาบรรดาศักดิ์ ชื่อเสียง ฯลฯ ธรรมชาติมันหลอกลวงเราให้หลงไหลอยู่กับมันจะได้มีพวกมาก ๆ ถ้ายังหลงอยู่กับมันก็กลับมาเกิดอีก การเกิดก็เป็นทุกข์อีก วนเวียนซ้ำซากจำเจจาก "กามกิเลสตัณหา" ซึ่งเป็นตัวประธานกิเลสใหญ่ให้เรา เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด (เกิด แก่ เจ็บ ตาย อิจฉา ริษยา กลั่นแกล้ง รังแกกัน แย่งชิงกัน ฯลฯ การเกิดจึงเป็นทุกข์) เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ ปล่อย ปละ ละวาง รูป-นาม(ร่างกายและวิญญาณ) ที่น่าเบื่อหน่ายของเรา ซึ่งเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จักจบจักสิ้น จิตก็ละวาง รูป-นาม ว่าง เปล่า เบา สบาย มีเป้าหมายเข้าสู่ "พระนิพพาน" ซึ่งเป็นที่ดับทุกข์ได้หมดทั้งสิ้นที่แท้จริง และเป็นที่บรมสุขประเสริฐอย่างยอดยิ่ง ขอให้ทุก ๆ ท่าน เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกัน หมั่นภาวนาว่า "นิพพานัง ปรมัง สุขขัง" ให้จิตหมั่นเข้าถึง พระนิพพาน ทุก ๆ วัน "จิตถึงไหนใจถึงนั้น" ถึงแม้ไม่ได้เข้าสู่พระนิพพานได้ก็จิตมีบุญกุศลมาก มีเวลาก็สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญญา การระลึกรู้ รูป-นาม เกิด-ดับ เป็นพระไตรลักษณ์ โดยเจริญในทางสายกลาง ๆ (ไม่หย่อนมาก ไม่ยานมาก) ทำให้พอเหมาะพอดี สมำเสมอ ทำบ่อย ๆ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    นิพพานัง ปรมัง สุญญัง
    ปีใหม่นี้ก็เลยให้ธรรมะที่ได้ศึกษาสรุปมาพอเป็นสังเขปให้กับ ท่านทั้งหลาย
    "การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2010
  15. boogiman

    boogiman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +11
    เป็นไปได้ อืม อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณเชื่อ แต่ผมอยากจะเชื่อ และต้องการเชื่อด้วย อยากเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวต่างดาวและจิตวิญญาณ ตอนนี้ผมกำลังเริ่มศึกษาเรื่องนี้อยู่ ถึงผมจะไม่ใช้คนพิเศษอะไรแต่ก็จะพยายามทำสมาธิทุกวันเพื่อต้องการติดต่อกับต่างดาวและจิตวิญญาณ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมหรือให้คำปรึกษาชี้แนะ ช่วยบอกผมด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ boogiman@sanook.com
     
  16. ahoynt

    ahoynt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +57
    อยากทราบว่า ๑ พุทธันดร เทียบกับเวลาบนโลกมนุษย์นี่ได้กี่ปีครับ
     
  17. pisut168

    pisut168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +1,961
    ถ้าเป็นอย่างนี้จริง พวกเราอาจเคยเกิดเป็นไดโนเสามาก่อนใช่มั๊ยครับ
     
  18. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    แล้วแต่ช่วงการอุบัติของพระพุทธเจ้านั่นล่ะครับ เหมือนแต่ละช่วงจะไม่เท่ากัน
    มีตั้ง หลักล้านปี ไปจนถึง 1 อสงไขยกัป เลยล่ะครับ - -"

    ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าที่ว่า ๑ พุทธันดร ในที่นี้หมายถึงยังไงแน่ ได้แค่เดาไปให้พิจารณาเท่านั้นนะครับ
     
  19. ahoynt

    ahoynt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +57
    ขอบคุณมากครับคุณ NikuSeed
     
  20. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เมื่อก่อนเคยคิด ว่าคนที่ตกนรก ขุมสุดท้าย ที่บอกว่า ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ทำพระพุทธเจ้าฮ่อเลือด ทำสงฆ์แตกแยกจะไม่สามารถไปนิพพานได้ หมดสิทธิพระนิพพาน ก็เข้าใจว่าจะไปนิพพานไม่ได้ แต่ความจริง ไปได้ แต่ไม่ใช่ชาติที่ทำอนันตกรรม คือลงนรกก่อน เมื่อไหร่ขึ้นมาก็สามารถไปได้ แต่จะไปได้หรือไม่ ก็รับกรรมในนรก จนพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วกี่พันองค์ก็ไม่รู้ กว่าจะได้ขึ้นมา
     

แชร์หน้านี้

Loading...