เรื่องเด่น วิบากกรรม จากการทำไม่ดีกับพระพุทธรูป / หลวงปู่ขาว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 26 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,442
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    วิบากกรรม จากการทำไม่ดีกับพระพุทธรูป

    สมัยที่หลวงปู่ขาว อนาลโย มาอยู่วัดถ้ำกลองเพลใหม่ๆ นั้น ในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดต่างๆมากมาย
    ทั้งที่ซ้อนไว้ในที่ลับตาคน
    ทั้งที่ประดิษฐานในถ้ำอย่างเปิดเผยแต่ดั้งเดิม
    ที่คนนำมาประดิษฐานรวมกันไว้ในถ้ำมีมากมาย
    แม้พระพุทธรูปทองคำ เงิน นาก ทองสัมฤทธิ์
    ก็มีไม่น้อย “ แต่ถูกมารศาสนาเอาไปกินเรียบวุธ
    ไม่มีเหลือมานานแล้ว ”
    เหลือแต่พระพุทธรูปธรรมดาที่เห็นกันอยู่เท่านี้
    ตามธรรมดาพระพุทธรูปทั้งมวล
    ย่อมเป็นที่กราบไหว้บูชาของชาวพุทธทั่วไป
    ไม่มีใครถือเป็นเสนียดจัญไรให้โทษทุกข์แต่อย่างใด แม้จะเป็นคนดีคนชั่วขนาดไหน
    เมื่อมาเจอพระพุทธรูปเข้า
    จิตใจย่อมอ่อนโยน เคารพบูชา
    ไม่ถือเป็นอริศัตรูแต่อย่างใด
    พระพุทธรูปที่ถ้ำกลองเพลนี้ก็เช่นเดียวกัน
    พวกนายพรานที่มาพักค้างคืนที่ถ้ำ
    ต่างก็กราบไหว้บูชา และขออธิฐาน
    ขอขมาลาโทษในสิ่งที่ตนทำ
    ในบรรดาพรานที่มาพักที่ถ้ำกลองเพล
    มีนายพรานพิสดารคนหนึ่งชื่อ นายพรานบุญหนา (ท่านหลวงตามหาบัวเรียกว่า นายบาปหนา)
    มีวันหนึ่ง พรานบุญหนาเที่ยวล่าสัตว์ไปตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่ไม่เจอสัตว์ใดๆเลยแม้แต่ตัวเดียว
    รู้สึกหงุดหงิด เพลียทั้งกายทั้งใจ
    จึงได้แวะพักที่ถ้ำกลองเพล
    ซึ่งมีเพื่อนพรานคนอื่นๆเข้ามาพักอยู่ตามปกติ
    ด้วยความหงุดหงิด
    พรานบุญหนาเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปในถ้ำ
    มีทั้งองค์ใหญ่องค์เล็กจำนวนมากมาย
    พลันความคิดชั่วของแกก็ผุดขึ้นมา แกกล่าวหาว่า คงเป็นด้วยพระพุทธรูปทั้งหลายนี้แหละที่แกล้งแก ทำให้แกไม่สามารถล่าสัตว์มาเป็นอาหารได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
    ด้วยความวิตถาร แกไปยกพระพุทธรูปน้อยใหญ่
    มาตั้งแถวเรียงหน้ากันเหมือนกองทหาร
    แกเอากิ่งไม้มาถือเป็นแซ่ในมือ
    แกทำหน้าที่เป็นนายทหารฝึกแถว
    สั่งพระพุทธรูปให้ซ้ายหันขวาหัน
    พร้อมทั้งใช้แซ่หวดพระพุทธรูปองค์ที่แกเห็นว่าอ่อนแอหรือไม่ทำตามคำสั่ง
    ปากแกก็สั่ง บ่น สั่งอบรมสั่งสอนพระพุทธรูป
    เพื่อให้หลาบจำ คราวหน้าจะได้ไม่แกล้งแกอีก
    บรรดาเพื่อนพรานพยายามห้ามปราม
    แกก็ไม่ฟังเสียง
    พรานเหล่านั้นจึงต่างหลบหนีกลับบ้าน
    โดยไม่มีใครกล้าปริปากอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
    เมื่อพรานบุญหนาอบรมพระพุทธรูปจนหนำใจแล้ว แกก็กลับบ้าน บรรดาญาติพี่น้องและคนในบ้านต่างปิดปากเงียบไม่มีใครกล้าถามแกในเรื่องที่แกทำ บรรดาเพื่อนพรานก็หลบหนีไม่กล้ามาพบหน้า
    คงเพราะกลัวเกรงความบ้าของแก
    ต่างคนต่างนิ่งเฉยเหมือนคอยเฝ้าดูเหตุการณ์
    ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
    พอตกกลางคืน พรานบุญหนาเริ่มมีอาการคัน
    ตามร่างกายแล้วกลายเป็นตุ่มคันไปทั้งตัว
    ปวดแสบปวดร้อนไปหมด
    ทั้งแสบทั้งคันจนทนไม่ไหว
    ครวญครางร้องหาให้คนช่วย
    พวกเพื่อนพรานของแกหนีหมด
    ไม่มีใครกล้ามาเยี่ยมดูอาการ
    ก็มีเพียงคนเฒ่าคนแก่มาช่วยเหลือ
    แม้จะหายูกยามาทา มาแก้ไขอย่างไร
    อาการก็ไม่ทุเลา
    มีแต่จะเห่อลุกลามมากขึ้นไปทั่วทั้งตัว
    อาการคันปวดแสบปวดร้อนเพิ่มมากขึ้นสุดแสนจะทนทานได้ คนแก่พยายามถามเลียบเคียงว่า
    ให้แกลองนึกดูว่าในระยะนี้
    แกไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีไม่งามบ้าง
    เพราะดูอาการของแกมันผิดปกติธรรมดาทั่วไป
    คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่
    ในที่สุดพรานบุญหนาก็สารภาพออกมา เกี่ยวกับการที่ตนไปทำไม่ดีกับพระพุทธรูปที่ถ้ำกลองเพล
    แกอยากไปกราบขอขมาแต่ยังไม่สามารถไปได้ในเวลานั้น เพราะเป็นเวลากลางคืนและยังป่วยอยู่
    คนเฒ่าคนแก่จึงให้ไปหาพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง
    จัดดอกไม้ธูปเทียนให้แกกราบขอขมา
    ปรากฎว่าอาการแสบคันของแกค่อยทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อแกหาย และมีเรี่ยวแรงแล้ว
    แกก็จัดดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาพระพุทธรูปในถ้ำ ที่แกก่อความไม่ดีเอาไว้
    แล้วก็ปฏิญาณเลิกอาชีพพราน
    เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่บัดนั้น
    สาธุ…นับว่าโชคดีที่แกกลับตัวกลับใจได้ทัน
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ให้ความเห็นว่า เรื่องของพรานบุญเป็นตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ
    ในสมัยปัจจุบันซึ่งถูกกิเลสขโมยก่อไฟ
    แล้วก็มาหลอกให้พรานแกเข้ากองไฟด้วยความคึกคนอง จับพระพุทธรูปอันเป็นสิ่งวิเศษศักดิ์สิทธิ์โดยธรรม มาฝึกทหารและเฆี่ยนตีด้วยประการต่างๆ
    จนกระทั่งเจอดี คือร่างกายเกิดผุพองหนองไหลขึ้นสดๆร้อนๆต่อหน้าต่อตา จะเป็นจะตายแหละ
    เตรียมลงนรกทั้งเป็นทั้งตายขณะนั้น
    จึงมีเทวบุตรมาโปรดให้เห็นโทษแห่งการกระทำของตน และได้กลับตัวมาทางธรรม
    ยอมรับความจริงว่าบาปมี บุญมี
    จึงรอดภัยพิบัติไปในเวลานั้น
    ไม่ถูกกิเลสตัวพาให้มืดบอด
    ลากลงนรกทั้งเป็นเสียทีเดียว
    ชนิดจมไปเลยไม่มีวันโผล่.


    จากหนังสือ : ประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย
    โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน




    =AZXTOP56wJhI2xp8qz8_ymm-lemNyKQRdrGaYqyzhPB4CfgVhaCIrceaNrUH9kLBrNEksofOkBD1lylWHZcuho3WyLXFVmlq1TMis7m9Le4mqCe31Yoxpse0nUiZy6oKVUhs1CjCUP1Pb_Jiy4P5RUGJ2Do9PgBFUqTIl2E4sNFm8YfgZxNWFFmX5Az7icp4NARpaVRVHyGDBPotvel1fVDn3XgkYBIy-5qMhbNURvaOFA&__tn__=EH-R'] bdDXFjg-fxbIA1r7tBYw2_QJYHgSM&_nc_ohc=a47xnhFf6CEQ7kNvgFGo22H&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg


    ที่มา https://web.facebook.com/profile.ph...-rWdOA0cNiXOb9IBM4HOh--EPXvie1vk&__tn__=-UC*F
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...