สายใต้พระนางตรา ๑๐๐ ปี พระพุทธนิมิตร พ่อท่านพลับ ๒๕๐๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่นิล.jpg


    พระครูนครธรรมโฆษิต หรือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก นามเดิม นิล แหวนครบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 บิดาท่านชื่อ สี มารดาท่านชื่อ พิมพ์ แหวนครบุรี มีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นคนที่สอง อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดนกออก พระอธิการพรหม วัดป่าเลไลย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อแก้ว วัดนกออก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า อิสฺสริโก ด้านวิชาอาคมขลังนั้นท่านได้ตำรามาจาก หลวงพ่อหว่าง ซึ่งเป็นตำราของ หลวงพ่อน้อย วัดบ้านไผ่ ครบุรี และ หลวงพ่อโต วัดปอแดง อาจารย์อีกรูปหนึ่งของ หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ท่านได้ศึกษาจนมีวิชาอาคมแก่กล้า เชื่อกันว่าท่านสำเร็จกสิณและพระธาตุกรรมฐาน หลายคนกล่าวว่า เวลาท่านเข้าโบสถ์ปลุกเสกอธิษฐานจิตจะมีแสงไฟเปล่งประกายรอบกายท่าน


    FB_IMG_1708023494899.jpg

    กิตติคุณ บางท่านเชื่อว่าท่านสำเร็จอภิญญา มีพลังจิตเข้มแข็ง อธิษฐานปลุกเสกจนวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือ ที่โดดเด่นทางเมตตามหานิยม และ คุ้มครองป้องกัน นอกจากท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มากด้วยวิชาความรู้แล้ว เรื่องวิชาแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ท่านเป็นหนึ่งมาโดยตลอด สุดยอดวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์ลูกหาหวงแหนมากที่สุด คือ พระตะกั่วเถื่อน รูปถ่ายขาวดำ เหรียญรูปไข่ มหาอุตม์ไม้รวก สีผึ้งเจ็ดอังคาร ตะกรุดมหาอำนาจหนังเสือ พระสมเด็จเนื้อดินขุยปู หลังรูปเหมือน ฯ

    ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 6 เดือน 72 พรรษา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จดินขุยปูหลวงปู่นิลอิสริโกให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240216_011359.jpg IMG_20240216_011428.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1329982-5a40b (1).jpg
    สมเด็จนางพญางิ้วดำเนื้อผง รุ่นพิเศษเสาร์ห้า ปี 2523 วัดใหม่บ้านดอน จ.นครราชสีมา ลป.ผาง,ลป.หน่าย,ลพ.คูณ ร่วมปลุกเสกทุกวาระ
    นางพญางิ้วดำเนื้อผง วัดใหม่บ้านดอน
    โดย รณธรรม ธาราพันธุ์

    พญางิ้วดำต้นดังกล่าวค้นพบโดย คุณสุชิน เจนอารีย์ ซึ่งท่านผู้นี้ได้ขุดพบลายแทงที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งบ่งชี้ถึงที่ซ่อนของไม้งิ้วดำและคุณสุชินก็ลองไปค้นหาตามคำบอกเล่าในลายแทง กระทั่งพบจริง ๆ ที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งไม้งิ้วดำต้นดั้งเดิมนี้ได้ถูกบรรจุเก็บไว้ในกรุโบราณแบบแน่นหนาเป็นอย่างดี

    ก่อนขุดขึ้นมา คุณสุชินได้ทำการบวงสรวงบอกกล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าขุดได้สมใจปรารถนาจริง ๆ แล้ว จะไม่ขอนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว แต่จะนำไปถวายยังวัดใดวัดหนึ่ง เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่เจ้าของเดิมที่บรรจุไว้ เมื่อทำการขุดก็ได้พบพญางิ้วดำสมคำอธิษฐานโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ จากนั้นคุณสุชินก็นำไม้งิ้วดำดังกล่าวมามอบให้กับ คุณทัศนีย์ ชื้อรัตนากร เจ้าของร้านยา ศักดิ์ศรีเภสัช ในตัวจังหวัดนครราชสีมา

    ซึ่งขณะนั้นคุณทัศนีย์เองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ร่วมอุปถัมภ์การก่อสร้างอุโบสถวัดใหม่บ้านดอน ครั้นคุณทัศนีย์ได้ไม้งิ้วดำมาแล้วก็เก็บรักษาเป็นอย่างดีด้วยไม่เคยพบเห็นของแปลกอย่างนี้มาก่อนและด้วยความที่เป็นผู้มีน้ำใจงาม จึงได้นำไม้นี้ไปถวายพระเถรานุเถระตามวัดต่าง ๆ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งญาติสนิทมิตรสหายและนั่นคือจุดเริ่มแห่งมหาปาฏิหาริย์ที่พญางิ้วดำได้แสดงให้มหาชนได้ประจักษ์ ทั้งในด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ บันดาลให้แคล้วคลาดจากภยันตรายอันเกิดเฉพาะหน้า และผู้ที่อัญเชิญขึ้นบูชายังที่สูงก็ได้ประสบกับโชคลาภในหลาย ๆ ทางอย่างไม่น่าเชื่อ

    เหตุการณ์นับว่าน่าอัศจรรย์ ประดุจว่าเป็นความต้องการของเทพเจ้าผู้ปกปักรักษาไม้งิ้วดำบันดาลให้เป็นไป ตั้งแต่การขุดพบลายแทงและแกะรอยไปจนพบเจอ ด้วยสุภาพบุรุษที่มั่นคงในสัจจะอย่างคุณสุชิน และการที่คุณสุชินรู้จักกับคุณทัศนีย์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมสร้างโบสถ์วัดใหม่บ้านดอน ซึ่งแต่ละท่านไม่คิดที่จะเก็บงำของสูงค่าอย่างนี้ไว้เป็นสมบัติตน มิเช่นนั้นแล้ว พญางิ้วดำ ต้นนี้ย่อมไม่มีโอกาสถูกอัญเชิญออกมาให้สาธุชนได้กราบไหว้บูชา

    ต่อมาคุณทัศนีย์ก็นำไม้งิ้วดำทั้งหมดถวายแก่ท่านพระครูอาคมวุฒิคุณ (วิจิตร อินทปัญโญ) วัดใหม่บ้านดอน ซึ่งท่านพระครูอาคมฯ ท่านนี้ เป็นศิษย์สำคัญรูปหนึ่งของหลวงพ่อผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น และเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อหน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    พระมหาเถระทั้งสองรูปนี้ผมแทบไม่ต้องกล่าวถึงกิตติคุณและความเก่งกล้าสามารถของท่านแล้วกระมัง ด้วยท่านเป็นผู้ทรงภูมิและวิทยาคุณอย่างสุดยอด ปรากฏชื่อลือชามานานนับสิบ ๆ ปี ชนิดที่หาคนไม่รู้จักไม่มี หลวงปู่ทั้งสองเป็นครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดสมถะและวิปัสสนากรรมฐานตลอดทั้งวิชาอาคมต่าง ๆ ให้หลวงพ่อพระครูอาคมฯ อย่างไม่ปิดบัง

    เมื่อท่านบรรลุวิทยาคุณต่าง ๆ ก็พอดี นายสงวน กิ่งโคกกรวด ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการปฏิสังขรณ์วัดใหม่บ้านดอนที่รกร้างมานาน และนิมนต์ขอให้หลวงพ่อพระครูอาคมฯ ย้ายมาจากวัดบ้านแจ้ง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาอยู่วัดใหม่บ้านดอนเพื่อทำการบูรณะ ซึ่ง เมื่อท่านพิจารณาแล้วก็รับปากและลงมือพัฒนาเรื่อยมาจนเจริญรุ่งเรือง

    ครั้นหลวงพ่อพระครูอาคมฯ ได้รับมอบไม้งิ้วดำมาแล้ว ท่านก็นำแก่นไม้ที่ใหญ่ที่สุดมาแกะเป็นเสาหลักมงคลมีลักษณะคล้ายกับหลักเมือง คือ เป็นเสากลม หัวเสาสลักเป็นดอกบัวตูมอย่างละเอียดประณีตงดงามมาก ส่วนรากแก้วหลวงพ่อได้ทำการเททองหล่อองค์พระพุทธรูป มีพุทธ ลักษณะครึ่งซีก พระปฤษฏางค์(หลัง) ติดกับซุ้มเรือนแก้วประดับกระจกสี จากนั้นท่านก็บรรจุรากไม้งิ้วดำเข้าไปในองค์พระแล้วถวายพระนามว่า พระพุทธมงคลสมเด็จนางพญางิ้วดำ เพื่อให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชาไปตลอดกาลนาน

    เนื้อไม้ที่เหลือหลวงพ่อพระครูอาคมฯ ให้ช่างแกะเป็นพระเครื่อง และท่านได้ลงเหล็กจารปลุกเสกเป็นอย่างดี ด้วยอำนาจจิตที่ฝึกฝนมายาวนาน ผนึกกับอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าผู้รักษาไม้งิ้วดำ ส่งผลให้พระนางพญาองค์น้อยนี้แสดงอภินิหารแก่ผู้รับไปบูชาอย่างน่ามหัศจรรย์ ส่วนเศษไม้ชิ้นเล็กกับฝุ่นผงไม้งิ้วดำ หลวงพ่อได้นำมาบรรจุไว้ในองค์พระบูชา และนำมาบดเป็นผงผสมกับว่านและผงพุทธคุณต่าง ๆ สร้างเป็นพระเครื่องนับสิบพิมพ์ สำหรับพระเนื้อโลหะ ไม่ว่าจะเป็นพระบูชาขนาดหน้าตัก 3, 5, 9 นิ้วหรือพระกริ่งเนื้อต่าง ๆ หลวงพ่อได้ดำเนินการดังนี้
    1.นำแผ่นทองคำนาค เงิน และ ทองแดง ทั้งแผ่นยันต์ของเก่าแก่ที่มี อายุนานหลายสิบปี ซึ่งครูบาอาจารย์ ลงไว้ จนถึงของใหม่ที่ท่านจารเองและให้คณะกรรมการวัดนำแผ่นทอง ไปขอความเมตตาจากคณาจารย์ ผู้ทรงคุณวิเศษทั่วประเทศลงอักขระปลุกเสกหลายร้อยแผ่น

    2.โลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเก่า อาทิ พระกรุเนื้อชินสมัยอยุธยา พระ กรุเนื้อชินเงิน ชินตะกั่ว และสัมฤทธิ์ สมัยลพบุรี พระกรุสุพรรณบุรี เป็นต้น

    3.พระบูชาชำรุดสมัยเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง

    4.ชนวนพระกริ่งพระชัยวัฒน์ ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศน์ฯ

    5.โลหะและแร่วิเศษต่าง ๆ ที่เป็น "ทนสิทธิ์" มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัว ซึ่งนำมาจากภูเขาและใต้ทะเล แร่กายสิทธิ์ที่คนเก่าก่อนสะสมรวบรวมไว้ได้นำมามอบให้อีกเป็นจำนวนมากทีเดียว ในส่วนของพระผงนอกจาก ผงไม้งิ้วดำดังกล่าวข้างต้นที่นำมาประสมเนื้อพระถึง 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ท่านยังได้แสวงหาผงวิเศษจากพระอาจารย์เจ้าผู้มีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศมาคุลีการด้วย อาทิ

    1.ผงใบลานเผาแท้ ๆ ที่ได้มาจากพระคัมภีร์จารึกพุทธาคมโบราณ ผงจากคัมภีร์สมุดข่อย ผงผ้ายันต์เก่า หนังสือตำราศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคณะศรัทธานำมาถวายเป็นจำนวนมาก

    2.พระเครื่องสมัยโบราณ เช่น พระสมเด็จวัดระฆังฯ ของแท้ที่ชำรุด แตกหัก พระนางพญาวัดนางพญา พิษณุโลก พระรอดลำพูน พระกำแพง พระทุ่งเศรษฐี ตลอดจนพระเครื่องในกรุเก่าตามหัวเมืองโบราณต่าง ๆ เช่น พระกรุกำแพงเพชร พระกรุสุโขทัย พระกรุวัดท่ามะปรางค์ และ พระกรุสุพรรณบุรี เป็นต้น

    3.ผงอักขระไตรมาส ผงวิเศษ 5 ประการ อันประกอบด้วย ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช และผงพุทธคุณ ซึ่งหลวงพ่อพระครูอาคมฯ ได้ทำการเขียน ลบ และปลุกเสกตลอดไตรมาส

    4.ผงวิเศษจากกำแพงเมืองกาญจนบุรี

    5.ดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งในประเทศอินเดีย คือ สถานประสูติ สถานตรัสรู้ สถานแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร และสถานปรินิพพาน ซึ่งคุณโอภาส เศรษฐชัยมงคล ได้เดินทางไปนมัสการและนำกลับมาถวาย

    6 ดินจากพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของชาวลาว ไม่ต่างจากพระธาตุพนมบ้านเรา ดินพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ดินพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ดินพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ดินอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ดินและผงพระก้นกรุวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี ดินจากสถานที่ทำสังคายนาครั้งรัชกาลที่ 1 ดินโป่งอาถรรพณ์ต่าง ๆ และดินปลวก ซึ่งบางแห่งหลวงพ่อก็เดินทางไปนำมาด้วยองค์ท่านเอง บางแห่งคณะศรัทธาสานุศิษย์ก็นำมาถวาย

    7.ผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด อาทิ เกสรบัวขาบ เกสรบัวขาว เกสรบัวเขียว เกสรบัวเหลือง พุทธรักษาทั้งห้า ยอดรัก ยอดสวาท ยอดกาหลง ดอกบัวแห้งในพิธีเทศน์มหาชาติแต่ละปี ดอกไม้แห้งจากที่บูชาอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี ดอกไม้แห้งศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ดอกไม้แห้งศาลเจ้าพ่อช้างเผือก อันเป็นที่เคารพอย่างยิ่งของชาวโคราช

    8.เถ้าธูปจากกระถางบูชาพระประธานในอุโบสถจำนวน 108 วัด

    9.เทียนชัยในพิธีมหาพุทธาภิเษกของวัดใหม่บ้านดอน และวัดต่าง ๆ หลายสิบวัด

    10.ผงว่าน 108 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากกาญจนบุรี เช่น ว่านพญาเสือโคร่ง ว่านพญางู ว่านสบู่เลือด ว่านกระบือชนเสือ ว่านหอกหัก ว่านดาบหัก ว่านสามพันตึง ว่านเพชร น้อย ว่านเพชรใหญ่ ว่านลิงดำ ว่านหนุมานนั่งแท่น ว่านทรหด ว่านเฒ่าหนังแห้ง ฯลฯ

    นี้เป็นตัวอย่างที่ต้องใช้คำว่า "เป็นต้น" เข้าช่วยด้วย ที่จริงแล้วโลหะขลังและผงวิเศษที่ใช้ประสมเนื้อสร้างพระนั้นยังมีอีกมาก แต่หากจะกล่าวให้หมดก็คงกินหน้ากระดาษไปไม่น้อย เอาเป็นพระที่นี่ไม่ว่าจะโลหะหรือพระผงไม่ขี้เหร่เรื่องมวลสารก็แล้วกัน ในส่วนของพุทธาภิเษกก็มิใช่จัดกันอย่างสุกเอาเผากินหรือทำแบบคนไม่รู้เรื่องรู้ราว ดังกล่าวมาแล้วว่าหลวงพ่อพระครูอาคมฯ ท่านเป็นศิษย์ของสองพระอาจารย์ใหญ่คือ หลวงพ่อผางและหลวงพ่อหน่าย ฉะนั้นท่านจึงจัดพิธีอย่างคนที่เรียกได้ว่า มีครู

    หลวงพ่อพระครูอาคมฯ ท่านสร้างพระรุ่นแรก เท่าที่สืบได้เป็นหลักฐานแน่ชัดคือ ในปีพ.ศ. 2511 เป็นพระสมเด็จที่มีมวลสารดีเยี่ยมและพิธีดียอด กล่าวกันว่าในละแวกนั้น วัดใหม่บ้านดอนเป็นวัดแรกที่มีพิธีพุทธาภิเษกแรกในปี 2511 และยังได้จัดพิธีต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันรวมแล้ว ไม่ต่ำกว่า 20 พิธีใหญ่
    ในทุกครั้งที่ประกอบพิธีหลวงพ่อจะพิถีพิถันละเอียดประณีตเป็นที่สุด ต้องไม่ผิดพลาดในด้านพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่การโยงสายสิญจน์ ตั้งราชวัติ ฉัตร ธง กล้วย อ้อย การบวงสรวงโดยพราหมณ์อย่างครบสูตร ทั้งเครื่องบูชา บายศรี 9 ชั้น บายศรีปากชาม บัตรเทวดาอัฏฐทิศ ฆ้อง กลอง สังข์ และบันเฑาะว์ ใน ทุก ๆ พิธีล้วนครบครันยิ่งใหญ่ตระการตา

    เห็นชัดว่าหลวงพ่อพระครูอาคมฯ เป็นผู้ที่แตกฉานในสรรพวิทยาไม่ใช่ทำอย่างด้นเอาเอง ดังนั้น เมื่อวัดจัดพุทธาภิเษกครั้งใด ย่อมบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ด้วยอำนาจของเทพ พรหม เบื้องบนประการหนึ่ง และจิตตานุภาพของพระอาจารย์ผู้ทรงคุณที่มาเจริญภาวนาอีกประการหนึ่ง
    ทุก ๆ ครั้งที่มีพิธีพุทธาภิเษกขึ้นในวัด หากวัตถุมงคลชุดเก่ายังมีตกค้าง หลวงพ่อพระครูฯ ก็จะให้ คณะกรรมการช่วยกันขนพระเครื่อง พระบูชาเหล่านั้นออกมาให้หมด เพื่อนำเข้าพุทธาภิเษกอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉะนั้น พระเครื่อง-พระบูชาที่เหลือในปัจจุบันยิ่งเป็นของเก่านั่นคือยิ่งเสกมาก เสกมโหฬารไม่รู้จักกี่พลังจิตของพระคณาอาจารย์ที่อธิษฐานจิตลงไป ก็โดยที่แตกฉานในวิทยาคุณ และโหราศาสตร์ แทบทุกคราวที่ประกอบพิธีท่านจึงมักเฟ้นเอาวันดีวันแข็งเป็นหลัก เกือบทุกพิธีจึงจัดขึ้นในวันเสาร์ 5 เดือน 5

    แผ่นยันต์ที่หลวงพ่อขอให้ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณ ลงจารและปลุกเสก ขอนำเสนอเท่าที่เห็นควรดังนี้

    1.สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพรสังฆราช (ป๋า) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ
    2.พระราชธรรมาภรณ์ (เงิน จันทสุวัณโณ) วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม
    3.พระราชเขมาจารย์ (เปาะ) วัดช่องลม เมือง จ.ราชบุรี
    4.พระครูภาวนาสังวรคุณ (เต๋ คัง คสุวัณโณ) วัดสามง่าม อ.ดอนตูมจ.นครปฐม
    5.พระรักขิตวันมุนี (ถิร) วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรบุรี
    6.พระครูญาณวิลาส (แดง รัตโต) วัดเขาบันไดอิฐ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
    7.พระครูสถาพร พุทธมนต์ (สำเนียง อยู่สถาพร) วัดเวฬุวนาราม อ.บางเลน จ.นครปฐม
    8.พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (มุ่ย พุทธรักขิโต) วัดดอนไร่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
    9.พระครูอุภัยภาดาธร (ขอม อนิโช) วัดโพธาราม(วัดไผ่โรงวัว) อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    10.พระครูศรีพรหมโสภิต (แพ เขมังกโร) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
    11.พระครูวิบูลย์คุณวัฒน์ (หล่อ) วัดน้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่านทอง
    12.พระวิจิตรวิหารวัตร วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) บางกอกใหญ่ กทม.
    13.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคมจ.สกลนคร
    14.หลวงพ่อตู้ พุทธจิตโต วัดศรีษะช้าง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    15.หลวงพ่อหน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
    16.หลวงพ่อผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
    17.หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

    สมเด็จนางพญางิ้วดำ วัดใหม่บ้านดอน มีพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือมานาน มีประสบการณ์มากมายจากผู้บูชาจนถึงขนาดตั้งเนื้อตั้งตัวกันได้ ยกตัวอย่างประสบการณ์มาบางส่วนที่มีผู้เล่า

    " นางพญางิ้วดำ แม้ไม่ใช่คำใหม่สำหรับผมแต่กับของจริงก็ยังไม่เคยได้เห็นสักที ได้ยินแต่เขาเล่ามาตลอดอายุขัย จนวันหนึ่งในปี พ.ศ. 2543 เพื่อนสนิทที่สุดของผมคนหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยนามเลยว่า คุณภิญโญ เขียนสุวรรณ ได้ประสบมรสุมชีวิตลูกใหญ่ที่สุดอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ผมไม่เคยเห็นเขาทุกข์ขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินคนเก่งที่สู้ชีวิตมาตลอดวัยจะพูดว่า "อยากตาย"

    ไม่ต้องเล่าให้ผมฟังหรอกว่าเรื่องคืออะไร แต่คำว่าอยากตายนั่นก็หมายถึงเรื่องต้องไม่ใช่เล็กน้อยจนพอจะแบกไหว ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะแต่ละเรื่องคือสิ่งที่ผมก็สุดปัญญา โดยเฉพาะหนี้ที่มีเกือบ 3 แสนบาท

    เขาเฝ้าอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระสงฆ์ที่เชื่อถือศรัทธามาตลอด 2 ปี ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนวันหนึ่งเกิดคิดเบื่อชีวิตสุด ๆ จึงนั่งรถเรื่อยเปื่อยไปลงหมอชิตและต่อรถไปโคราชโดยลำพัง ถึงโคราชก็เกือบสี่ทุ่ม จึงเข้าไปกราบย่าโมแล้วแวะนอนโรงแรมจิ้งหรีดละแวกนั้นคืนละ 150 บาท
    ตีสี่กว่าของวันอาทิตย์ก็ลุกขึ้นไปถามหาวัดใหม่บ้านดอนที่ท่ารถ ปรากฏว่าต้องนั่งรถโดยสารย้อนออกจากเมืองเพราะวัดอยู่นอกเมืองห่างไป 13 กิโลเมตร พอได้รถสองแถวใหญ่ก็นั่งย้อนกลับมาจนพบวัดสมใจ

    ภิญโญเข้าไปที่ตำหนักสมเด็จนางพญางิ้วดำคนเดียว สภาพที่เงียบเชียบไม่มีใครจึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้ระบายความทุกข์ทั้งหลายให้ท่านฟัง จุดธูปเล่าไปร้องไห้ไปเหมือนท่านมีชีวิต เป็นพ่อเป็นแม่ที่มานั่งฟังความทุกข์อันแสนสาหัสของลูก เมื่อสบายใจขึ้นมาบ้างก็บอกท่านว่าถ้าโชคดีมีลาภแก้สถานการณ์เลวร้ายนี้ลงได้ จะขอมาเปลี่ยนผ้าม่านและดอกไม้ให้สวยสดสมฐานะของท่าน แล้วกราบลานางพญางิ้วดำกลับชลบุรี

    คืนวันอังคาร ภิญโญฝันเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดขาวสะอาดมายืนเรียกตะโกนถามว่า
    "ซื้อหวยหรือยัง ?"
    ในฝันอันลางเลือนเขาได้ตอบชายลึกลับคนนั้นไปว่า "ยัง" ชายชุด ขาวจึงว่าให้ไปดูทะเบียนรถกระบะ ของเพื่อนที่ทำงานพร้อมบอกชื่อให้เสร็จสรรพ
    ครั้นตื่นไปทำงานก็นึกถึงเรื่องนี้ได้ จึงไปถามไถ่กับเพื่อนจนได้เลขทะเบียนมา แล้วซื้อไปตรง ๆ สองเจ้า เจ้าละ 300 บาท ตกบ่ายหวยก็ออก เพื่อนที่ฟังการออกสลากวิ่งเข้ามาเขย่าแขน รายงานและล่ำละลักว่า เขาถูกหวย เจ้าตัวยังไม่เชื่อหู กระทั่งเจ้ามือมาจ่ายในตอนเย็นเจ้าละ135,000 บาทนั่นแหละเขาถึงเชื่อและดีใจจนเนื้อเต้น

    แต่นั้นมาพวกเราจึงได้รู้จักสมเด็จนางพญางิ้วดำจากเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่มิได้แนะนำให้รู้จักท่าน ด้วยวาจา หากใช้ชีวิตของตนเป็นเดิมพันทีเดียว ภิญโญสั่งตัดผ้าม่านที่ชลบุรีและสั่งทำดอกบัวประดิษฐ์อย่างสวยงาม พร้อมเหมารถพาพวกเราทุกคนขึ้นไปกราบท่านหลายหน นับแต่นั้นพวกเราก็เป็นขาประจำของวัดใหม่บ้านดอนเลยทีเดียว ทุก ๆ ปีต้องจัดบายศรีและเครื่องสักการะขึ้นไปถวายท่าน ถ้าผ่านไปแถวโคราชก็ต้องแวะกราบก่อนเสมอ



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จนางพญางิ้วดำปี 2523 วัดใหม่บ้านดอน
    ให้บูชา
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240216_011250.jpg IMG_20240216_011327.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2024
  3. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +1,774
    จอง
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1หลวงปู่ขาว (7).jpg

    "สติทำอะไรไม่ผิด"


    " .. "แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ" ให้พากันหัดทำสติให้ดีให้สำเหนียกให้แก่กล้า "สติทำอะไรไม่ผิด" สตินี่ทำให้มันมีกำลังดีแล้ว "จิตมันจึงจะล่วง เพราะสติคุ้มครองจิต ตัวสติก็คือจิตนั่นแหละ" แต่ว่าลุ่มลึกกว่า

    "ครั้นใจนึกขึ้นจึงเป็นตัวสติ ก็ใจนั่นแหละเป็นผู้นึกขึ้น เรียกว่าตัวสติ" ถ้ารู้นึกขึ้นนั่นแหละสติ "ตัวสติก็เป็นใจอันเดียวกันนั่นแหละ"

    เพราะเหตุนั้น "เราควรอบรมสติ ครั้นทำสติให้แก่กล้า" ทำให้มันดีแล้วไม่มีพลาด "พูดก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด" ย่อมถูกไม่ผิด เพราะการทำเอาเอง .. "

    "สติ"
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ขาวอนาลโยหลังภ.ป.ร.
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240216_175232.jpg IMG_20240216_175250.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่ทวดหลวงพ่อสิริ ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240216_182333.jpg IMG_20240216_182401.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อสมชายวัดปริวาสหลังครุฑปี๒๕๔๖
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240217_013109.jpg IMG_20240217_013124.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    2018-06-03_181231.jpg



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระขุนแผนศักดิ์สิทธิ์ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
    ใต้ฐานฝังตะกรุด ปี 2543
    เป็นขุนแผนรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่หลวงปู่สร้างครับ
    ให้บูชา 400 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240217_014821.jpg IMG_20240217_014842.jpg IMG_20240217_014913.jpg IMG_20240217_014747.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงพ่อแกละวัดลำลูกบัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเต๋คงทอง นครปฐม ประวัติลองไปหาอ่านเพิ่มเติมครับ

    เหรียญหลวงพ่อแกละวัดลำลูกบัวนครปฐม
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240217_021250.jpg IMG_20240217_021328.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2024
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    s__78495754%E0%B8%81-jpg.jpg

    หลวงปู่มั่น ทัตโต เกิดที่บ้านจิกก่อ ในเขตอําเภอวารินชําราบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ พ.ศ.2420 จึงนับอายุได้ 101 ปี ในพ.ศ. 2521 นี้

    หลวงปู่มั่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม 8 คน หลวงปู่เป็นคนโต น้องชายคนที่ 4 ของ หลวงปู่ ซึ่งชื่อ บุญมา ขณะนี้ ก็บวชเป็นพระอยู่กับหลวงปู่ และได้ติดตามหลวงปู่ไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา ในขณะนี้ก็มีอายุนับได้ถึงปีนี้ 75 ปีแล้ว ส่วนน้องคนสุดท้องก็ยังมีชีวิตมี อายุกว่า 60 ปีแล้ว

    หลวงปู่มั่น ทัตโต บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 15 ปี ครั้นอายุครบเกณฑ์ ก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารจึงต้องลาสิกบท เพื่อไปรับราชการทหาร รวม 2 ปี ครั้นเมื่อได้ปลดประจําการมาแล้ว ก็ได้อุปสมบท เมื่ออายุได้ 23 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ นับได้นานเกือบ 80 พรรษาแล้ว นับได้ ว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์ ที่มีอายุยืนยาว และพรรษากาลสูงมากยิ่งองค์หนึ่งในปัจจุบันนี้ และมีลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือ มากมายทั่วประเทศไทยหลวงปู่มั่น ทัตโต เคยบอกเล่าว่าตัวท่านกับท่าน ภูริทัตโตมหาเถระ หรือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้นเป็นเพื่อนกันมาแต่เยาว์วัยแม้กระทั่งเมื่ออยู่ในสมณเพศ ก็ได้เคยธุดงค์มาพบกันบ่อยๆได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน บางตามธรรมดาของสหายทางธรรม ซึ่งหลวงปู่มั่น ทัต โต ก็ได้กล่าวชมเชยว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้นท่านมีความรู้ความสามารถทางด้านการเผยแพร่ธรรมมะสูงยิ่ง ความสําเร็จทางด้านญาณสมาธิของท่านที่ยอดเยี่ยม

    พระอาจารย์ของ หลวงปู่มั่น ทัตโต นั้นท่านได้เปิดเผยว่า คือ พระอาจารย์กอง วัดศรีจันทราราม อ.วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมจนแตกฉานแล้ว ก็ได้ฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐาน จนมีความชํานาญแล้ว ก็ได้ออกธุดงค์ พร้อมกันนั้นก็ศึกษาในด้านวิชาไสยศาสตร์ไปด้วย เมื่อได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ของอาจารยไสยศาสตร์ ชื่อดังในยุคนั้น อาจารย์ได้ให้ ถือสัจจะขอหนึ่ง คือการไม่เป็นลอดสะพาน หรือลอดกอาคาร ที่สูงตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป รวมทั้งมีให้ขึ้นยานพาหนะที่มีหลังคาเป็นที่บันทุกของ หรือคนนั่งได้และหามแม้กระทั่งการเดินลอดสะพานที่มีโครงเหล็ก หรือ โครงไม้อยู่ข้างบนนั้นด้วย สัจจะข้อนี้ หลวงปู่มั่น ทัตโต บอกว่าได้เริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่ พ.ศ. 2435 มาจนถึงบัดนี้หลวงปู่มั่น ทัตโต มีปฏิปทาเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใส ถือสันโดด และสมถะไม่สะสมทรัพย์สมบัติใด แต่ก็มิได้ละเลยต่องานพัฒนาวัดวาอาราม หรือเสนาสนะสงฆ์นั้น ท่านก็ได้สร้างมาแล้ว อย่างเช่นวัดบ้านบก ต.โนนโหนน อ.วารินชําราบ จ.อุบราชธานี นั้นท่านก็ได้ยพัฒนามา แต่ พ.ศ. 2460 จนเจริญรุ่งเรื่อง และมีเสนาสนะสงฆ์ที่สวยงาม โดยมิได้บอกบุญชาวบ้านเลย เพียงแต่ทานนั่งเป่ากระหม่อม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้แก่ผู้ที่ไปกราบไหว้ ขอศีลขอพรจากท่าน เพียงชั่วเวลาไม่กี่ปีก็มี ผู้ร่วมกันบริจาคปัจจัยให้เป็นเงินล้าน ในสมัยนั้นซึ่งนับว่า เป็นปาฏิหาริย์ที่น่าอัศจรรย์ ว่าการลงกระหม่อม หรือลงน้ำมันจากท่านนั้น จะปรากฏผลทางด้านแคล้วคลาด หรือยงคงกระพันชาตรี เป็นที่น่าพึ่งจริงๆ ทางด้านที่ว่า “เมตตา มหานิยม” นั้น หลวงปู่มั่น ทัตโต ก็ได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านนี้ เป็นหนึ่งในพุทธจักร แต่ท่านก็ สอนประดาศิษย์อยู่เสมอว่า อย่าถือว่าเป็นลูกศิษย์ท่านก็จะเก่งทุกคน คนจะเก่งไม่เก่งก็อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของตนเอง ประพฤติดี ปฏิบัติดี ที่ชื่อว่าเก่งและมีความดีความเจริญรุ่งเรือง ตรงกับข้าม ถ้าประพฤติชั่ว ปฏิบัติชั่ว ก็จะได้ชื่อว่า เป็นคนโฉด ที่เลวทราม จะได้รับแต่ความ ทุกข์ความทรมาน และต้องชดใช้กรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ซึ่งก็เท่ากับว่าท่านสอนว่า ทําดี ได้ดี ทําชั่วก็ได้ชั่ว ตรงตามพุทธวัจนะ นั่นเองในสมัยที่ หหลวงปู่มั่น ทัตโต เดินธุดงค์อยูตามป่าตามเขานั้น หลวงปู่บอกว่าได้เคยผจญกับความยากลําบากและภยันตรายร้อยแปด แต่หลวงปู่มั่น ทัตโต ได้ผ่านพ้นนอุปสรรคและภยันตราย เหล่านั้น มาได้ด้วยสมาธิอันแน่วแน่ และอาคมอันศักดิ์สิทธิ์ พิชิตภูตผีปีศาจและมารร้ายต่างๆ

    การเดินธุดงค์ในสมัยนั้น ต้องบุกป่าฝ่าดงดิบที่ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน และเต็มไปด้วยความขึ้นแฉะและสัตวที่ ดุร้ายมีอันตรายทั้งเล็กจิ๋ว อย่างตัวทาก ไปจนถึงใหญ่เท่า ช้าง แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจ ที่สัตว์เหล่านั้น มิได้มาทำร้ายกรายกีด หลวงปู่มั่น แม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สัตวใหญ่ๆ ที่ ดุร้ายอย่างเสือ หรือช้าง กลับมาหมอบเฝ้า เหมือนหนึ่งจะคอยให้การอารักขาแก่หลวงปู่มั่น ทัตโตเสียด้วยซ้ำไป บางครั้งหลวงปู่ก็ต้องเสกใบไม้ฉันต่างอาหารเพราะธุดงค์อยูในป่าจะหาบ้านเรือนผู้คนไม่พบเลยสักหลังคากะต๊อปเดียว

    เมื่อ พ.ศ. 2460 หลวงปู่มั่น ทัตโต ได้รับอาราธนามาจําพรรษาที่วัดบ้านบก ต.โนนโหนน อ.วารินชําราบ ที่มีหลวงปู่ได้พัฒนาถาวรวัตถุ ซึ่งเป็นเสนาสนะสงฆไว้มากจน เรียกได้ว่า มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ ครั้นได้พัฒนาวัดนี้ได้สําเร็จแล้ว หลวงปู่กออกธุดงค์ต่อไปอีกวัดหนึ่ง ที่หลวงปู่รับอาราธนาไปอยู่จําพรรษาในระยะหลังที่มีอายุเกิน 80 ปีแล้ว ก็คือวัดบ้านค้อ ต.ดงประดิษฐ์ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี แต่อยู่ได้ไม่นานท่านก็เบื่อชาวบ้านย่านนั้น มีจิตใจโหดร้ายต่อสัตว์ป่าท่านจึงมีความตั้งใจที่จะกลับไปอยู่วัดบ้านบก ก็พอดีมีชาวบ้านอีกแห่ง มานิมนต์ให้ท่านไปช่วยสร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่หลังคาเรือน ท่านก็รับอาราธนาด้วยดี ปรากฏว่าเมื่อได้ตั้งวัดขึ้นในหมู่บ้านนี้ ก็มีชาวบ้านหมู่อื่นๆ มาสมทบด้วยอีกมิ น้อย จนทําให้หมู่บ้าน “ทุ่งเต้น” เจริญขึ้นอย่างรวดเร็วมีบ้านเรือนหนาแน่น หลวงปู่ จึงได้เปลี่ยนชื่อเสียใหม่เพื่อให้เป็นมงคลนามว่า บ้านโนนเจริญ วัดที่ท่านสร้างขึ้นจึงได้ ชื่อว่า วัดบ้านโนนเจริญ ปัจจุบันรอบๆ หมู่บ้านแห่งนี้มีผู้ก่อการร้ายอยู่มาก การเข้าออกไปมาหาสู่กับหลวงปู่เป็นไปได้ยากลําบาก แต่สําหรับหลวงปู่นั้น ผู้ก่อการร้ายต้องยอมจํานน เพราะไม่สามารถที่จะคิดร้ายต่อหลวงปู่ได้สําเร็จ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญเสมาไตรมาสหลวงปู่มั่นทัตโตให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240217_030928.jpg IMG_20240217_030951.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระร่วงหลวงพ่อสุขุมวัดท่าเกษมสุโขทัย
    ท่านนำมวลสารเก่ามาผสม ได้รับความนิยม ในหมู่ลูกศิษย์ ที่ชอบ พระร่วง หลังรางปืน ครับ ประวัติท่านลองหาดูครับ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240216_011555.jpg IMG_20240216_011624.jpg IMG_20240216_011527.jpg
     
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,961
    ค่าพลัง:
    +6,868
    -ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1708154053643.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1708185279573.jpg


    ประวัติหลวงพ่อโปร่ง โชติโก วัดถ้ำพรุตะเคียน ท่าแซะ จ.ชุมพร หรือ พระครูโสตถยาธิคุณ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วพระเครื่องและวัตถุมงคลที่จัดสร้างออกมาก็เนื่องจากไม่อาจขัดศรัทธาของคณะศิษย์ ที่ต้องการนำมาบูชาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนไม่ให้ดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น "หลวงพ่อโปร่ง โชติโก" หรือ "พระครูโสตถยาธิคุณ" เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และยังเป็นพระนักพัฒนา เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนในจังหวัดชุมพร ปัจจุบันสิริอายุ 83 พรรษา 36 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดถ้ำพรุตะเคียน ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
    ประวัติหลวงพ่อโปร่ง โชติโก วัดถ้ำพรุตะเคียน
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า โปร่ง อยู่กลัด เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2473 ที่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 5 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี บิดา-มารดา ชื่อนายเปรื่อง และนางทองหล่อ อยู่กลัด มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 4 คน ตอนเป็นเด็ก ดำเนินชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป เรียนประถมศึกษาตั้งแต่ชั้นประถม 1-3 ที่โรงเรียนวัดรางกำหยาด ต.บางภาษี อ.บางเลน จ.นครปฐม ส่วนชั้นประถมปีที่ 4 ท่านได้ย้ายมาเรียน ที่โรงเรียนชมนิมิต ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปรากฏว่าเมื่อเรียนจบแล้ว ทางครอบครัวไม่มีเงินให้เรียนต่อในระดับสูงได้ จึงช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา หาเลี้ยงชีพ ครั้นอายุ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทตามประเพณี ในช่วงพรรษาแรกไปเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่หลิม ที่วัดน้อย ต.บ้านโขด อ.เมือง จ.ชลบุรี ภายหลังมีผู้หญิงมาชอบพอ ท่านเห็นว่าจะอยู่ไม่ได้ จึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตฆราวาส หลังจากสึกแล้วท่านก็ไปอยู่ที่หัวหิน ไปทำงานเป็นนายท้ายเรือตังเก ลากอวนอยู่ที่หัวหิน บางครั้งก็ไปลากถึงประเทศเขมร จากนั้นจึงมีครอบครัว โดยได้ลูกสาวตำรวจมาเป็นคู่ชีวิต มีบุตรด้วยกัน 3 คน ต่อมาท่านจึงได้คิดกลับมาอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2519 ที่วัดนาขวาง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2519 มีพระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวงพ่อสุด) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์น้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพยนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์หลวงพ่อโปร่ง ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนาขวาง 1 พรรษา จากนั้นท่านขออนุญาตออกท่องธุดงค์ ช่วงแรกท่านเดินธุดงค์อยู่แถวภาคกลาง เพชรบุรี หัวหิน แล้วเดินจาริกไปเรื่อย จากนั้นเดินทางไปที่ชุมพร ไปจำพรรษาที่วัดถ้ำเขาพลู ที่ อ.ประทิว จ.ชุมพร ด้วยวัตรปฏิบัติอันน่าเลื่อมใส ทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาจึงได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ให้ 1 หลัง สร้างศาลาเอาไว้ทำบุญ และฟังธรรม จนถึงปี พ.ศ.2528 ชาวบ้านได้ขอร้องท่านให้อยู่เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ โดยร่วมกันสร้างกุฏิไม้บนยอดเขาเพิ่มขึ้น และได้จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียน ในปี พ.ศ.2532 ได้เกิดพายุเกย์ขึ้นที่ จ.ชุมพร เกิดความเสียหายไปทั่ว ทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกหักโค่นราบเป็นหน้ากลอง บ้านเรือนถูกพัดพังเสียหายจำนวนมาก หลังจากชาวบ้านได้ช่วยกันฟื้นฟูหมู่บ้าน อีกทั้งแรงศรัทธาพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมา จึงช่วยกันก่อสร้างพัฒนา สำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียน ทำให้มีกุฏิปูน จำนวน 30 หลัง กุฏิไม้ จำนวน 31 หลัง นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนยังร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอฉัน ศาลาอเนกประสงค์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หอระฆัง และพระอุโบสถ กระทั่งปี พ.ศ.2547 ได้รับการยกฐานะเป็นวัด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2554 ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากท่านอย่างไม่ขาดสาย หลวงพ่อโปร่ง เป็นพระเถระที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้าน ด้วยเป็นพระนักพัฒนาและพระนักอนุรักษ์ ในห้วงระหว่างที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดและชุมชนรอบพื้นที่ จนมีความเจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้
    ด้านพระเครื่องและวัตถุมงคล เนื่องจาก หลวงพ่อโปร่ง ท่านเป็นพระสายกัมมัฏฐาน ไม่นิยมการสร้างวัตถุมงคล แต่ไม่อาจขัดศรัทธาญาติโยมได้ จึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายรุ่น เป็นที่เชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ ในด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด มีผู้ศรัทธาเลื่อมใส ไปขอบูชามากมายจนชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปในหลายจังหวัด แต่ถึงแม้ว่า วัตถุมงคลหลวงพ่อโปร่ง จะมีพุทธคุณเกิดประสบการณ์ต่างๆและได้รับความนิยมจากบรรดาสานุศิษย์ แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนไม่ให้ดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว จากความศรัทธาที่มีต่อ หลวงพ่อโปร่ง ทำให้วัดถ้ำพรุตะเคียนแห่งนี้ กลายเป็นศูนย์รวมของพระสายวิปัสสนาและพุทธศาสนิกชนที่รักสงบ ชอบธรรมะ เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรมกันอย่างไม่ขาดสาย และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลวงพ่อโปร่งถือเป็นผู้นำทางคุณธรรม ศีลธรรมของชาวบ้านอย่างแท้จริง ด้วยความที่เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่สะสม และยึดติดในลาภ แม้ล่วงวัย 83 ปี แต่ยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไปกิจนิมนต์ไกลๆ ได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย

    https://www.nationtv.tv/news/378782272

    FB_IMG_1708185251755.jpg FB_IMG_1708185275113.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญบาตรน้ำมนต์พิมพ์ใหญ่หลวงพ่อโปร่งวัดพุตะเคียนสวยเดิมให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240217_222248.jpg IMG_20240217_222327.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2024
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1708243558927.jpg
    ประวัติหลวงพ่อทบ วัดพระพุทธบาทชนแดน
    หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ (พระครูวิชิตพัชราจารย์) วัดพระพุทธบาทชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2424 ณ บ้านหัวลม ตำบลนายม เพชรบูรณ์ โยมบิดาชื่อเผือก โยมมารดาชื่ออินทร์ หลวงพ่อทบท่านบวชเณรตั้งแต่ พ.ศ.2440 ที่วัดช้างเผือก และอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2445 ที่วัดเกาะแก้ว บ้านนายม เพชรบูรณ์ โดยมีพระครูเมืองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปานเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สีเป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปนิสัยของหลวงพ่อทบ วัดชนแดนท่านเป็นพระที่มีเมตตา สุขุมเยือกเย็น พูดน้อย หลวงพ่อทบท่านได้สร้างวัดและบูรณะวัดวาอารามไว้หลายวัดด้วยกันในแถบเพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบท่านออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ มากมาย หลังจากนั้นท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิลาโมง วัดเสาธงทองเจริญธรรม วัดเกาะแก้ว วัดสว่างอรุณ วัดพระพุทธบาทเขาน้อย และวัดช้างเผือก เป็นต้น และทุกวัดที่หลวงพ่อทบท่านจำพรรษาอยู่ท่านจะบูรณปฏิสังขรณ์ จนวัดมีความเจริญรุ่งเรืองทุกวัด หลวงพ่อทบท่านมรณภาพในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2519 ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อทบยังเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วภายในมณฑปตามเจตนาของ ท่าน มีประชาชนมามนัสการเป็นประจำมิได้ขาด
    รูปหล่อหลวงพ่อทบรุ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุหอสมุดนานาชาติ พิธีใหญ่ รูปหล่อสวย ไม่ทัน หลวงพ่อทบเสกนะครับ
    พระบูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240218_152140.jpg IMG_20240218_152213.jpg IMG_20240218_152233.jpg IMG_20240218_152109.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    31.jpg
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่จันทร์วัดวังเวินเพชรบูรณ์ ประวัติหลวงปู่ ไม่ค่อย มีมาก แต่ลูกศิษย์ท่านยอะพอสมควร ดังในพื้นที่
    ตามแบบพระเพรชบูรณ์ เขา สงวนข้อมูลลิขสิทธิ์ ผมเลยไม่นำมาลง แต่ เข้าไปหาอ่านศึกษาได้ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของรูปภาพอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนใบสาเกหลวงปู่จันทร์วัดวังเวินให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30
    บาทครับ

    IMG_20240218_164311.jpg IMG_20240218_164243.jpg IMG_20240218_164331.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1708259373513.jpg

    เมื่อปี พ.ศ.2523 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงข่าว ผู้หญิงถูกผู้ชายยิงในตรอกหลักหินใกล้หัวลำโพง สาเหตุที่สามาคนเก่าเกิดความแค้นที่อดีตภรรยาเดินคู่กับสามีคนใหม่ แต่ลูกปืนที่ยิงผู้หญิงนั้นยิงไม่เข้า เมื่อดูในคอจึงรู้ว่ามีเหรียญของหลวงพ่อคงห้อยคอเพียงองค์เดียวเท่านั้น เป็นเหรียญเสมาด้านหลังนางกวัก เป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน จากข่าวที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทำให้คนจากหลาย ๆ จังหวัดที่มีความเลื่อมใสเดินทางไปยังวัดเพื่อบูชาเหรียญของท่าน ปรากฏว่าช่วงนั้นพระเครื่องของท่านมีไม่กี่รุ่นได้หมดไปจากวัดในเวลาอันรวดเร็ว และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนก็เดินทางไปหากันไม่เคยขาด พระเครื่องของท่านได้จัดสร้างกันมาตลอดเวลา และแต่ละรุ่นนั้นก็มีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ เป็นที่กล่าวขานถึงบุญญาอภินิหาร
    พระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบศึกษาธรรมะ และเล่าเรียนวิชาอาคมขลังเอาไว้ช่วยเหลือผู้คนที่มีความเดือนร้อน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่สมัยนี้การเดินทางนั้นสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งข่าวสารก็ช่วยกันเผยแพร่ให้คนรู้จัก จากวัดตะคร้อที่มีสิ่งก่อสร้งไม่มากมายอะไรนักก็เจริญขึ้นมาใหญ่โตมากในระยะเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น เมืองโคราช หรือนครราชสีมานี้ อดีตนั้นเคยมีผู้หญิงกล้า พระอาจารย์ในอดีตที่ผ่านมานับเป็นร้อย ๆ รูปที่ทรงคุณวิเศษในด้านต่าง ๆ ก็มากมายและศิษย์ก็ได้รับการสืบทอดวิชานั้นเอาไว้จนมาถึงปัจจุบัน
    ชาติภูมิ นามเดิมว่า คง นามสกุล เทพนอก เกิดเมื่อปีกุน พ.ศ.2454 ที่บ้านดอนเมือง อ.คง พ่อของท่านชื่อ พูน แม่ของท่านชื่อ แย้ม ท่านเป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน พ.ศ.2471 ท่าบวชเป็นสามเณร พ.ศ.2475 ก็บวชเป็นพระต่อเลยที่ วัดบ้านวัด ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา พระครูศรีวิสุทธิพรต วัดเดิม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สุข เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังบวชไปอยู่วัดแจ้งนอกในตัวเมืองโคราชเพื่อเล่าเรียนด้านธรรมะ และเดินทางไปอยู่ที่วัดหนองจะบก สองปีที่ผ่านมาอยู่วัดนี้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปเรียนหนังสือและศึกษาด้านธรรมะที่ วัดบึง อันเป็นสำนักยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น ได้นักธรรมเอกและติดตามพระอาจารญ์ของท่านไปอยู่อีกหลายวัด และเดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ นอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค จากสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร แล้วไปอยู่ที่บัวใหญ่ ต่อจากนั้นก็ไปอยู่วัดตะคร้อเมื่อปี พ.ศ.2495 พ.ศ.2496 ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอและเป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมขลังให้ท่านมีดังนี้ หลวงพ่อเสี่ยง วัดเสมาใหญ่ หลวงพ่อรอด วัดดอนผวา หลวงพ่อเขียว วัดปอปิด แต่ละรูปนั้นในด้านคุณวิเศษของท่านแล้วยอดเยี่ยมที่สุดสมัยนั้น แต่ละรูปเหรียญหรือพระเครื่องของท่านล้วนแต่ราคาแพงมากด้วย
    หลวงพ่อคงท่านเป็นพระที่สร้างความเจริญให้กับวัดตะคร้อเป็นอย่างมาก พระเครื่องของท่านนั้นมีไม่ต่ำกว่า 50 รุ่น คิดเอาเถอะครับว่าพระบ้านนอกอยางนั้นถ้าไม่แน่จริงแล้วคงไม่มีการสร้างพระเครื่องมามากขนาดนั้น แต่ด้วยความศรัทธาของประชาชนที่มีพระเครื่องของท่านติดตัวแล้วมีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ นั่นเอง



    ยิงไม่เข้า
    เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๔ เวลา ๑๙.๒๐ น. นางสุดใจ จันทร์พุ่ม อายุ ๒๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๗๙/๑๒ ซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งความ ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ ณ นคร สน.ลุมพินี ว่าเพิ่งถูกนายสมบัติ พรหมจิต อายุ ๒๕ ปี อดีตสามีซึ่งเลิกร้างกันไปปีกว่าแล้วยิงด้วยปืน
    โดยนางสุดใจเล่าว่า ปกติหาเงินอยู่แถวโรงแรมเกรซ เมื่อ ๔ เดือนที่แล้ว ได้พบกับนายซ้านซ์ สลอด ชาวเยอรมัน ได้ตกลง เป็นเมียเช่า โดยได้รับเงิน เป็นรายเดือน ระหว่างอยู่เมืองไทยก่อนหน้ามาแจ้งความ ได้พานายซ้านซ์ ไปที่บ้านเช่า ก็พอดีนายสมบัติ ซึ่งปกติแม้เลิกกันแล้ว ก็ยังมาหาที่บ้านเช่าและแบมือขอเงินอยู่เสมอ วันนี้เมื่อนายสมบัติมาถึง ก็ฉุดมือนางสุดใจ ต่อหน้านายซ้านซ์ ทำให้นายซ้านซ์ไม่พอใจมากถึงกับปฏิเสธที่ให้เงินนางสุดใจอีก ทำให้นายสมบัติโกรธมาก จึงชักปืนยิงนางสุดใจ ๑ นัด ล้มทั้งยืน จากนั้นนายสมบัติ ก็หันปลายกระบอกปืนเข้าใส่นายชานซ์ ซึ่งวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กระสุนนั้นหลังนี้ ได้เลยไปถูกทีวีเครื่องหนึ่ง ของเจ้าของบ้านเช่า (ชื่อนางอรุณ คำปาวงศ์) หัวกระสุนลูกที่ ๒ นี้เป็นกระสุน .๓๘ หัวทองแดง
    หลังจากให้ปากคำร้อยเวร นางสุดใจ ได้เปิดรอยแผล ที่บริเวณไหล่ซ้าย ให้เจ้าหน้าที่ ดูรอยแผลที่ถูกสามีเก่ายิง ปรากฏเป็นเพียงจุดแดงกลม ๆ เป็นรอยช้ำมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ร้อยเวรได้ส่งตัวไปให้แพทย์ ร.พ. ตำรวจ ตรวจรักษาบาดแผล แพทย์ก็เพียงเอายาแดงทาให้ แล้วกลับมาโรงพัก ท่ามกลางตำรวจ นักข่าว ช่างภาพหนังสือพิมพ์ นับสิบคน ได้มีผู้ขอดูพระที่แขวนคอ นางสุดใจได้ถอดสร้อยคอนาก เส้นเล็กออกมาให้ดู เป็น เหรียญหลวงปูคง รุ่นสาวหนังเหนียว (ที่มาของชื่อ ได้มาจากเรีองนี้) นางสุดใจแจ้งว่า ได้มาจาก วัดสามง่าม (วัดชำนิหัตถการ กทม.) ส่วนหลวงปู่คง ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ จังหวัดนครราชสีมา ท่านเป็นทั้งพระวิปัสสนา มีผู้เคารพ นับถือมากผู้หนึ่ง ในเมืองไทย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สมเด็จรุ่นผูกพัทธสีมา หลวงพ่อคง วัดตะครัอ จ.นครราชสีมา ปี พ.ศ.2523 หาเหรียญรุ่นสาวหนังเหนียวใช้ไม่ได้ ใช้รุ่นนี้แทนได้ครับ ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงปู่ รุ่นนี้ ดังสุด มีลงหนังสือพิมพ์สมัยนั้น เรียกชื่อรุ่นว่าอีสาวหนังเหนียวประสพการณ์เกี่ยงกับเหรียญท่าน สมเด็จพิธีเดียวกัน ครับ

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240218_191458.jpg IMG_20240218_191526.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2024
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1708281813589.jpg


    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่จันทร์ดี-เกสาโว-เล่าเรื่องหลวงปู่มั่นสยบฤทธิ์เหล็กไหล.296420/


    หลวงปู่จันทรืดีเดินบนน้ำเก็บผลไม้ในสระ เรื่องนี้คัดตัดตอนมาบางส่วนจากหนังสือชีวประวัติของท่าน ตอนที่ 21 อัศจรรย์
    เรื่องอัศจรรย์ที่ปรากฎแก่สายตาโยมคุณหญิงพริ้งนั้นกล่าวกันว่ามีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่จันทร์ดี ท่านเดินไปเก็บผลไม้ที่หล่นลงในสระน้ำในวัดป่าหินเกิ้งวิปัสนา สระน้ำมีความลึก 12 เมตร ขณะนั้นน้ำท่วมจนเต็มสระ
    ภาพที่คุณโยมคุณหญิงพริ้งเห็นกับตาว่า หลวงปู่จันทร์ดี เดินเหยียบน้ำลงไปในสระเพื่อเก็บผลไม้ น้ำท่วมแค่หลังเท้าท่านเท่านั้นทั้งๆที่น้ำมีความลึกถึง 12 เมตร จนโยมคุณหญิงพริ้งร้องขึ้นอย่างตกใจว่า
    " หลวงพ่อขึ้นๆน้ำลึกกลัวจม "
    " ทีแรกเขานึกว่าอาตมาเหยียบไม้อยู่ " หลวงปู่กล่าว
    " หลวงปูใช้กสินหรือไม่ " ผู้เขียนถาม
    " ถ้าจะว่าใช้ ก็เดี๋ยวเขาจะหาว่าอวดอุตริฯ เพราะทางกสินเป็นโลกียะ " หลวงปู่ตอบ

    ครั้งหนึ่งประมาณปี 2539 ในชีวิตผมเคยเดินทางไปราชการผ่านแถวนั้นและได้มีวาสนาแวะกราบนมัสการท่านที่วัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา ได้บูชาพระปิดตาพุทธภูมิ รุ่น๑ ฝั่งตะกรุดเงินและเส้นเกศาผ้าจีวร จากมือหลวงปู่มา 2 องค์
    หลังทำบุญผมก็นั่งคุยกับท่านสักครู่ก็ถามท่านว่า " หลวงปู่ฝันดีบ่ " (เขาลือว่าท่านให้เลขแม่น)
    หลวงปู่ตอบว่า " บ่ฝันดอก " แต่สักพักหลวงปู่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ปฎิทินที่แขวนอยู่แล้วฉีกออกมาใบหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นเดือนไหน(ไม่ได้สังเกตู) แล้วท่านก็ฉีกออกไปบางส่วนที่เหลือก็ส่งให้ผมโดยท่านไม่พูดอะไรเลย ผมดีใจมาก แล้วก็กราบนมัสการลาหลวงปู่กลับ หลังจากนั้นผมหาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลได้หลายใบผลปรากฎงวดนั้นไม่ถูก งวดต่อมาก็เลยไม่ซื้อตาม ผลปรากฎว่าออกเลขสองตัวล่างตรงเปะ ตามที่หลวงปู่ให้มาเลย ผมเสียดายจนบัดนี้ สาธุ...กราบนมัสการหลวงปู่จันทร์ดีพระอรหันต์แห่ง อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ด้วยความเคารพยิ่งนัก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ผมเก็บมานานหลายปีมากแล้วครับไม่เคยเอามาแขวนบูชาขอส่งต่อให้ผู้ศรัทธานับถือ สมัยนั้น อ่านประวัติท่านในหนังสือพระเครื่อง แล้ว อยากได้ไว้บูชาจนวันนี้ ก็ ยังไม่เคยนำมาแขวนบูชา ลองอ่านประวัติท่านดูครับธุดงค์ไปหลายประเทศ และได่ธุดงค์กับ ลป.เสาร์ ลป.มั่น
    รูปหล่อหลวงปู่จันทร์ดีเกสาโรให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ IMG_20240219_011903.jpg IMG_20240219_011955.jpg IMG_20240219_011843.jpg IMG_20240219_011924.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงพ่อฮวด-กัณฑโว-วัดหัวถนนใต้-อ.ท่าตะโก-จ.นครสวรรค์-2.jpg

    ประวัติ หลวงพ่อฮวด กัณฑโว
    ประวัติและการพัฒนาของหลวงปู่ฮวด กัณฑโว
    ชาติภูมิหลวงพ่อฮวด
    หลวงพ่อฮวด ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2447 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปี มะโรง ที่บ้านดอนหวาย อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี โยมบิดาตั้งชื่อว่า "ฮวด" นามสกุลเดิม "พงษ์ทอง" โยมบิดาชื่อ "สา" โยมมารดาชื่อ "มี" หลวงพ่อเป็น บุตรคนโต จากจำนวนพี่น้องสี่คน ทั้งนี้โยมบิดามารดาได้ย้ายมาประกอบอาชีพที่ บ้านหัวถนนใต้
    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ 20 ปี พ.ศ.2466 ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพนมรอก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อคล้าย เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้ ฉายาว่า "กัณฑโว" เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อคล้าย เพื่อปรนนิบัติ รับใช้พร้อมทั้งได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย พระปริยัติธรรม หลังจากนั้นจึงได้ ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวถนนใต้ตลอดมา
    งานด้านพัฒนา
    พ.ศ. 2502 สร้างโรงเรียนประชาบาลนิยุตประชาสรรค์ หรือโรงเรียนชุมชนวัดหัวถนนใต้ แบบครึ่งตึกครึ่งไม้ กว้าง8.5เมตร ยาว30เมตร จำนวน 6 ห้องเรียน
    พ.ศ. 2504 สร้างโรงเรียนเพิ่มเติม กว้าง8.5เมตร ยาว33 เมตร จำนวน 8 ห้องเรียน
    พ.ศ. 2505 สร้างถนนเข้าหมู่บ้าน
    พ.ศ. 2506 สร้างถนนเข้าวัด
    พ.ศ. 2507 สร้างเขื่อนกั้นน้ำที่ลำห้วย ให้ชาวนาใช้น้ำได้สะดวก
    พ.ศ. 2509 สร้างกุฏิ 2 ชั้น กว้าง 6 วา ยาว 10 วา ราคา 250,000 บาท
    พ.ศ. 2509 เป็นประธานในการสร้างศาลาวัดหนองหลวง
    พ.ศ. 2509 เป็นประธานในการสร้างศาลาวัดเขาค้างคาว
    พ.ศ. 2510 สร้างถังน้ำดื่มให้โรงเรียน 2 ถัง
    พ.ศ. 2511 สร้างศาลาการเปรียญ พื้นไม้ หลังคากระเบื้อง
    พ.ศ. 2511 เป็นประธานงานผูกพัทธสีมา วัดเขาค้างคาว
    พ.ศ. 2511-2516 สร้างพระอุโบสถ ,หอฉัน ,หอระฆัง
    พ.ศ. 2514 สร้างสระเก็บน้ำ และบ่อน้ำ ให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ช่วงฤดูแล้ง
    พ.ศ. 2519 เป็นประธานสร้างพระอุโบสถวัดหัวถนนเหนือ
    พ.ศ. 2525 สร้างศาลาการเปรียญอาคารคอนกรีตทั้งหลัง ฉลองอายุครบ 200 ปี ของกรุงรัตนโกสินทร์
    พ.ศ. 2525 สร้างหอระฆัง 2 หอ หน้าศาลาการเปรียญ
    พ.ศ. 2529 เป็นประธานในการสร้างศาลาวัดเขาล้อ
    พ.ศ. 2531 จัดวางระบบน้ำประปาจากอำเภอท่าตะโกมาใช้ที่วัด
    พ.ศ. 2533 สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 2 หลัง
    พ.ศ. 2533 สร้างกุฏิสงฆ์อาคารคอนกรีต ชั้นเดียว จำนวน 1 หลัง
    พ.ศ. 2534 เป็นประธานสร้างอาคารผู้ป่วยใน ขนาด 30 เตียง ให้กับโรงพยาบาลท่าตะโก ทุนทรัพย์ค่าก่อสร้างประมาณ 30 ล้านบาท
    ข้อมูลเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าหลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา มองเห็นความสำคัญของการศึกษา ตามที่หลวงพ่อมักจะกล่าวบ่อยๆว่า "ควรจะสร้างคนก่อนที่จะสร้างวัตถุ" หลวงพ่อได้ริเริ่มสร้างโรงเรียนขึ้นก่อน แล้วจึงเริ่มพัฒนาวัดพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ,พัฒนาวัดใกล้เคียง และสร้างโรงพยาบาล
    ก่อตั้งมูลนิธิพระครูนิยุตธรรมประวิตร
    วัตถุประสงค์เพื่อใช้ดอกผลที่ได้ มาเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัด เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า สำนักงานตั้งอยู่ที่วัดหัวถนนใต้
    ก่อตั้งมูลนิธิหลวงปู่ฮวด
    วัตถุประสงค์เพื่อใช้ดอกผลที่ได้ มาเป็นค่าใช้จ่ายภายในโรงพยาบาลท่าตะโก สำนักงานตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลท่าตะโก
    พระอาจารย์ของหลวงพ่อ
    หลวงพ่อฮวด ได้เริ่มศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมครั้งแรก จากหลวงพ่อคล้าย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อ (หลวงพ่อคล้ายเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเดิมไ ด้สร้างเหรียญทวิภาคีร่วมกัน เมื่อคราวหลวงพ่อเดิม-หลวงพ่อคล้าย ช่วยสร้างอุโบสถ วัดพนมรอก เมื่อปี พ.ศ. 2483 ) หลวงพ่อฮวดได้ศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม ซึ่งหลวงพ่อมีความใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม เนื่องจากหลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตท่าตะโก หลายวัด เช่น การพัฒนา วัดทำนบ,วัดหนองไผ่,วัดเขาล้อ,วัดดอนคา,วัดโคกมะขวิด,วัดพนมรอก,วัดหนองหลวง,วัดหัวถนนเหนือ (เหตุที่หลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตอำเภอท่าตะโกมาก เนื่องจาก บ้านหนองโพ-หัวหวายเป็นเขตติดต่อกับบ้านหนองหลวง-หัวถนน) หลายๆครั้ง หลวงพ่อเดิมได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ใด มักจะชวนหลวงพ่อฮวดร่วมเดินทางไปด้วยเสมอ หลวงพ่อฮวดนับว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดสายพุทธาคมมาจากหลวงพ่อเดิม เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว หรือเมืองมังกร ในปัจจุบัน หลังจากนั้นหลวงพ่อฮวดได้เล่าเรียนวิทยาคมกับอีกหลายพระอาจารย์ตามความชำนาญของแต่ละท่าน เช่นการเรียนวิชาทำตะกรุด กับ หลวงพ่อพุฒอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง, การเรียนทำน้ำมนต์ กับ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรืออยุธยา , การเรียนทำผงเมตตามหานิยมโชคลาภจากหลวงพ่อศักดิ์ วัดวังกระโดนใหญ่อำเภอไพศาลี นครสวรรค์
    มรณภาพแล้วศพไม่เน่าเปื่อย
    หลวงพ่อฮวดได้มรณภาพลงเมื่อ วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เวลา 08.47 น. ที่วัดหัวถนนใต้ สิริอายุ 88 ปี พรรษาที่ 68 คณะกรรมการวัดได้บรรจุร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะว่าศพไม่เน่าเปื่อย ทั้งที่เป็นโลงแก้วธรรมดาไม่ได้เป็นสูญญากาศ ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเปิดโลง เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าสบง-จีวร ปัจจุบันศพตั้งไว้บนจตุรมุขวิหาร
    ศิษยานุศิษย์แสดงความกตัญญูสร้างจตุรมุขวิหาร
    ศิษยานุศิษย์มีมติให้จัดสร้างจตุรมุขวิหาร ถวายท่านเพื่อเป็นที่ตั้งศพ เป็นที่สิงสถิตย์ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อให้สาธุชนทั่วไปได้มาสักการะกราบไว้บูชา โดยคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้าง พระเครื่องรุ่นกตัญญูคราวทำบุญครบ 100 วัน ทำพิธีพุทธาภิเศก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2535 โดยนิมนต์เกจิอาจารย์ 16 องค์ เช่น หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง ,หลวงพ่อดี วัดพระรูป ,หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก,หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ฯลฯ ศิษยานุศิษย์ได้กำหนดจัดงานบรรจุศพหลวงพ่อไว้บนจตุรมุขวิหารระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน พ.ศ. 2539 โดยได้ประกอบพิธีบรรจุศพเมื่อ เวลา 21.09 น. วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2539
    จัดสวดพระอภิธรรมถวายทุกวัน
    เวลาประมาณ 18.00 น. ของทุกวัน จะมีพระสงฆ์สี่รูป สวดอภิธรรมถวายให้กับหลวงพ่อฮวด ณ จตุรมุขวิหาร โดยมีศิษย์ท่านหนึ่งรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายนับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้ว
    พระของชาวบ้าน
    ด้วยศีลจารวัตรที่ดี เคร่งครัดพระธรรมวินัย เป็นพระนักพัฒนา เก่งในทางเวทวิทยาคม มีเมตตาบารมี เป็นที่ยอมรับกันไปทั่ว จนกระทั่งชาวบ้านตั้งสมญานามให้กับท่านว่า "พระของชาวบ้าน"
    ขอบคุณเว็บไซต์ www.luangpohhuad.com
    เหรียญรุ่นสร้างโรงพยาบาล ปี2534 เป็นเหรียญที่หลวงปู่บอกกับลูกศิษย์คนสนิทว่า เหรียญนี้ปลุกเศกได้ดีที่สุด ขลังที่สุดตั้งแต่มีมา หลวงปู่ท่านทำสมาธิในระหว่างปลุกเศกจนดับไปชั่วขณะ ซึ่งหมายถึงท่านทำสมาธิถึงขั้นสูงจนจิตว่าง และมีคณาจารย์ระดับสุดยอดร่วมนั่งปรก อีก15รูป รวมทั้งหมด16รูป ร่วมกันเผยแผ่บารมีหลวงปู่ฮวดร่วมกันครับพี่น้อง
    ขอบคุณโบว์ชัวร์ของเฮียธนะสิทธิ์ สุวรรณ์นพชัยครับ
    FB_IMG_1708317636971.jpg FB_IMG_1708317639617.jpg FB_IMG_1708317630521.jpg FB_IMG_1708317626289.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อฮวดรุ่นสร้างโรงพยาบาลท่าตะโกให้บูชา
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240218_191650.jpg IMG_20240218_191713.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2024
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    9743098038493.jpg

    หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองกาญจนบุรี ท่านได้รับความศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ทั้งในและนอกประเทศจาก เหล็กไหลตาแรด และการสาวน้ำตาเทียนมาทำเป็นมงคลสวมศรีษะ ซึ่งบางครั้งจะเรียกว่า มงกุฏพระพุทธเจ้า นั้น ในอดีตจะมีคลื่นมหาชนหลั่งไหลไปกราบนมัสการท่านเป็นจำนวนมาก วันนี้ขออนุญาตนำเสนอประวัติของท่านให้รับทราบกันก่อนนะครับ
    ประวัติ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด

    หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คัมภีโร หรือ ท่านพระครูกาญจนกิจจาทร มีนามเดิมว่าสัมฤทธิ์ นามสกุล คุณพันธุ์ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2466 ณ บ้านหมู่ที่ 6 บ้านปอพาน ต.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นบุตรคนที่ 2 ของโยมพ่อพาและโยมแม่สี คุณพันธุ์ ซึ่งมีอาชีพหลักในการทำนาเฉกเช่นครอบครัวอื่นๆ ในถิ่นนั้น

    ชีวิตในวัยเด็กของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ หรือเด็กชายสัมฤทธิ์ยามนั้นก็เหมือนลูกอีสานทั่วไปเมื่อเติบโตรู้ความก็ช่วยบิดา - มารดา เลี้ยงน้องอีก 5 คน ถึงหน้าก็ช่วยบุพการีลงทำงานในท้องนาอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย

    เมื่อเติบใหญ่ล่วงเข้าสู่วัยเรียน เด็กชายสัมฤทธิ์ก็ต่างจากเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกันคือเป็นเด็กที่มุ่งมั่นใฝ่ต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก ด้วยหวังก้าวหน้าในอนาคตจนเมื่อเรียนจบชั้นประถมการศึกษาปีที่ 4 แล้ว จึงได้ขออนุญาตต่อบิดา - มารดา เพื่อไปเรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น

    นายพาและนางสีผู้เป็นบิดา - มารดาเองก็หวังที่จะเห็นเด็กชายสัมฤทธิ์ผู้เป็นบุตรชายมีความก้าวหน้าจึงส่งให้ไปเรียนต่อชั้นป.5 ที่โรงเรียนศิริวิทยากร ในจังหวัดนครราชสีมาและเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6
    จากนั้นท่านก็ได้ไปรับราชการทหาร จนกระทั่งเมื่อท่านเบื่อในโลกจึงได้สนใจในทางธรรมจึงได้หันเหชีวิตมาสู่พระพุทธศาสนา
    สู่ร่มกาสาวพัสต์

    เมื่อมีจิตศรัทธามุ่งมั่นที่จะอุปสมบท หนุ่มสัมฤทธิ์จึงบอกกล่าวผู้เป็นบิดา - มารดาตลอดไปถึงญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้องให้ได้ทราบ เมื่อบุพการีไม่ขัดข้องนายสัมฤทธิ์จึงเข้าวัดแจ้งความประสงค์ของตนต่อเจ้าอาวาส พร้อมกับฝึกสวดบทขานนาค

    กระทั่งจนจำได้แม่นยำ จึงจัดเตรียมเครื่องบวชบริขารแปดแล้วเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองเลา ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม

    พ.ศ. 2492 ซึ่งขณะนั้นนายสัมฤทธิ์มีอายุได้เพียง 26 ปี

    โดยมี "พระครูจันทรศรีตลคุณ" เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ ต.ปะหลน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นพระอุปัชฌาย์

    "พระครูโกศลสมณกิจ" หรือ "หลวงพ่อคำ" แห่งวัดหนองเลา ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    "พระอาจารย์รอด พรหมสาโร" วัดหนองกุง ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า "คัมภีโร"
    ต่อมาหลวงพ่อสัมฤทธิ์หรือพระสัมฤทธิ์ในเวลานั้นท่านยังได้รับการอบรมสั่งสอนด้านกรรมฐานจากพระครูจันสีตลคุณ พระอาจารย์ผู้เป็นอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางด้านกรรมฐานเพื่อจะได้ฝึกฝนจิตใจของตนให้เข้มแข็งอันเป็นการตามรอยอริยสงฆ์ต่างๆ ที่กระทำสืบเนื่องต่อๆ กันมา

    ระยะแรกของการออกสู่โลกกว้างเพียงลำพังภิกษุหนุ่มสัมฤทธิ์ได้ออกจากวัดที่อยู่อาศัยใน จ.มหาสารคาม มุ่งหน้าไปยัง อ.นารอง จ.บุรีรัมย์ มุ่งสู่เทือกเขาพนมรุ้งหรือเขาอังคารแถบเมืองต่ำบ้าง เพราะสถานที่เหล่านี้ยังมีสภาพป่าทึบรกชัฏ ยังไม่มีชาวบ้านคนใดเข้าไปอาศัยอยู่เลย ซึ่งเหมาะแก่การภาวนาอบรมจิตเป็นอย่างดี

    และในช่วงนี้เองที่ภิกษุสัมฤทธิ์ได้พบกับเรื่องราวแปลกๆ พิสดารมากมาย เช่นพบกับสัตว์ร้ายนานาชนิด โดยเฉพาะที่เขาอังคารนั้นท่านได้พบกับดวงวิญญาณของโบราณจำนวนมากปรากฏกายขึ้นมาให้เห็นเพื่อขอความช่วยเหลือ

    ภิกษุหนุ่มถึงแม้จะบวชมาเพียงไม่กี่พรรษาก็ได้แสดงธรรมและแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลที่ทำมาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นไปด้ วยจิตใจที่เชื่อมั่นว่าบุญกุศลนั้นจะสามารถทำให้เหล่าวิญญาณทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ทรมานไปจุติใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่ า

    จากนั้นท่านก็เดินธุดงค์มุ่งหน้าไปยัง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้พบหลวงพ่อสอนวัดเสิงสาง ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เก่งกล้าในวิชาด้านคงกระพันชาตรี พระสัมฤทธิ์ภิกษุหนุ่มจากมหาสารคาม ก็สมัครขอเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาก็ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อสอนจนหมดสิ้น
    ครั้งหนึ่งที่ท่านเคยธุดงค์มาถึงประเทศลาวท่านก็ได้พบกับ "หลวงพ่อดี" วัดพระไตเวียงจันทน์ ซึ่งมีอายุ 90 ปีเศษ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ฝั่งลาวที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่อง "เหล็กไหล" ไพรดำ" "การเล่นแร่แปรธาตุ" พระสัมฤทธิ์ภิกษุหนุ่มจากเมืองไทยจึงขอศึกษาวิชากับหลวงพ่อทองดี โดยได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันหลายอย่าง เช่น การหาทรัพย์ใต้พื้นดิน ซึ่งพระสัมฤทธิ์ท่านชำนาญเป็นพิเศษ

    หลวงพ่อดีนั้นถึงแม้อายุท่าน 90 กว่าปีแล้วแต่สุขภาพของท่านแข็งแรงเหมือนคนอายุ 60 เศษเท่านั้น ทั้ง 2 ศิษย์ - อาจารย์ จึงพากันธุดงค์ไปทางภูควายเลยเข้าไปทางประเทศเขมรและเวียดนาม เพื่อศึกษาเรื่องราวของเหล็กไหล ธาตุกายสิทธิ์จนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วจึงธุดงค์ย้อนกลับสู่ประเทศไทย

    นอกจากนี้ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ในวัยหนุ่มยังมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากฆราวาสผู้ทรงคุณ และพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูปทำให้ท่านมีความรู้กว้างขวางเชี่ยวชาญในพระเวทย์และศาสตร์อันลี้ลับ ยากที่จะหาผู้ทัดเทียมได้ผู้หนึ่ง

    ขึ้นมาจากปักษ์ใต้ หลวงพ่อท่านได้ธุดงค์เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี กระทั่งจาริกมาถึงวัดถ้ำแฝด อันเป็นสถานที่ที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2500 ภูมิประเทศของวัดถ้ำแฝดในเวลานั้นเป็นป่ารกชัฏไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย
    นับแต่นั้นมา หลวงพ่อสัมฤทธิ์ จึงได้เริ่มก่อกำเนิดวัดถ้ำแฝด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2500 ด้วยบาตรและกลด จากสำนักสงฆ์จนสำเร็จเป็นวัดที่สมบูรณ์ ประกอบไปด้วย กุฎิ ศาลาการเปรียญ และพระอุโบสถ
    ภายหลังที่ได้ก่อสร้างเป็นวัดแล้ว ก็ปรากฏคลื่นความศรัทธาจากมหาชนต่างๆหลั่งไหล ไปร่วมบุญร่วมกุศลกับท่าน จนกระทั่งวัดถ้ำแฝดมีความเจริญเติบโต จนกลายมาเป็นวัดใหญ่โตสวยงามเช่นปัจจุบัน

    ละสังขาร

    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ท่านได้ด่วนมามรณภาพไปเสียก่อนเวลาอันควร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2539 ด้วยโรคระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพราะท่านมีโรคประจำตัวคือ เบาหวานและความดันโลหิตสูง ด้วยวัยชรา 73 ปีกับภาระการต้อนรับศรัทธาญาติโยมโดยไม่ได้พักผ่อนให้พอเพียงทำให้ท่านด่วนละจากพวกเราไป ท่ามกลางความเศร้าโศกของศิษยานุศิษย์ทั้งไทยและต่างประเทศเป็นอันมาก



    ก่อนหน้าที่ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ จะมรณะภาพเพียง 1 อาทิตย์ คณะถ่ายทำสารคดีจาก ททบ 5 ได้มาถ่ายทำรายการ "เปิดโลกตำนาน" เหมือนเป็นละครบทสุดท้ายที่ท่านฝากผลงานไว้ในโลกแห่งตำนานของพระอริยเจ้าองค์หนึ่ง ที่เป็นต้นตำนานแห่งเหล็กไหล และพิธีสาวน้ำตาเทียนอันโด่งดังเป็นหนึ่ง และเป็นเอกลักษณ์พิเศษสำหรับยอดพระเกจิแห่งยุครัตนโกสินทร์ที่ไม่เหมือนใคร

    ภายหลังการมรณภาพ ปรากฏเป็นอัศจรรย์ในบุญฤทธิ์เพราะสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บงอกเองได้ตามธรรมชาติ ซินแสผู้เชี่ยวชาญ คือ คุณพรเทพ สุริยเสนีย์ (ดั่งอั่งเซียะซินแซ) ได้มาตรวจสอบถึงกับอุทานว่า "วิเศษ มหัศจรรย์" เกือบ 20 ปีที่ทำงานมา ซินแสเพิ่งได้พบเห็น ซากสังขารของพระอริยสงฆ์ที่มีสภาพสมบูรณ์เต็มที่เป็นครั้งแรก คือ อวัยวะภายใน ปอด ลำไส้ หัวใจ ทรวงอก ผิวพรรณ ไม่มีส่วนใดชำรุด หรือเสียหาย ใบหน้ายังอิ่มเหมือนคนนอนหลับ

    ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อสัมฤทธิ์บรรจุอยู่ในโลงแก้วบนมณฑปสวยงาม เป็นที่เคารพบูชา ให้โชคให้ลาภแก่ผู้ที่ไปกราบไหว้ เส้นเกศาของท่านที่ลูกศิษย์เก็บไว้ ได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นแก้วใส วันดีคืนดีเม็ดเหล็กไหลที่ท่านฝังไว้ที่แขนจะวิ่งและเปล่งแสงได้เป็นที่อัศจรรย์ เป็นสังขารของอริยสงฆ์ที่คู่ควรแก่การกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง
    มาชมเหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่ระลึกในงานฉลองพระอุปัชฌาย์ ปี ๒๘ กันครับผม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ล็อกเก็ตหลวงพ่อสัมฤทธิ์(หายากครับ)และเหรียญปี ๒๕๒๑ ให้บูชาคู่กัน 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท
    ครับ

    IMG_20240219_214228.jpg IMG_20240219_214258.jpg IMG_20240219_214123.jpg IMG_20240219_214202.jpg

     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1708355528548.jpg
    10 คำสอน “หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม” สำหรับเตือนสติในการดำเนินชีวิต

    1. ความดีเป็นศัตรูของชีวิต ความดีต้องมีอุปสรรค เขามาร้าย อย่าร้ายตอบ เขาไม่ดีมา จงใช้ความดีเข้าไปแก้ไข คนตระหนี่ ให้ของที่ต้องใจ คนพูดเหลวไหล เอาความจริงใจ ไปสนทนา
    2. จงอย่าหวั่นไหว จงทำใจให้ได้เมื่อมีทุกข์ คนที่ทำใจได้เพราะมีสติควบคุมใจได้ ถ้าผู้ใดเจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน จิตมั่นคง ต้องช่วยตัวเองได้ ทำใจได้ จะไม่เสียใจ ไม่น้อยใจต่อบุคคลใด คนทำใจได้นั่นแหละ จะได้รับผลดี มีสติเป็นอาวุธของตนตลอดไป
    3. คนโบราณท่านมีคติดี เวลาไปไหนมาไหนต้อง นิ่งได้ ทนได้ รอได้ ช้าได้ ดีได้ คนสมัยนี้นิ่งไม่ได้ ปากไม่ดี ทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้อีก รอก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้ จึงเอาดีกันไม่ค่อยจะได้ ในยุคสมัยใหม่ปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านี้มีความหมายมาก แต่ทุกคนไม่เคยคิด
    4. ใครตั้งใจ “ทำดี” อย่าไปกังวลเรื่อง “ปากคน” เพราะต่อให้เรา “ดี” ขนาดไหน หากไม่ถูก “กิเลส” เขา เขาก็ไม่ชอบ ไม่เข้าใจ เขาก็ตำหนิ ดังนั้น ดี-ชั่ว ไม่ได้อยู่ที่เขาว่าเรา แต่อยู่ที่เราเองทั้งหมด เรารู้เราเองก็เพียงพอแล้ว
    5. ชาวพุทธแท้ๆ ควรจะได้ดีมีสุขจากการนับถือศาสนาพุทธ โดยแก้ปัญหาที่เกิดด้วยอริยสัจ 4 ทุกข์เกิดแล้วหาสาเหตุของทุกข์ด้วยการกำหนดทุกข์หนอ มันทุกข์ตรงไหนหนอ บำเพ็ญจิตภาวนา สมาธิ ปัญญาจะบอกทุกข์เกิดขึ้นตรงนั้น ต้องแก้ตรงนั้น อย่าไปแก้ผิดจุด อย่าไปให้ผีให้เจ้ามาแก้ หรือเอาหมอดูมาแก้ มันไม่ถูกเรื่อง
    6. ความอดทนเป็นสมบัติของนักต่อสู้ ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์ ความสามารถเป็นของนักประกอบกิจ ความสามารถทุกชนิดเป็นสมบัติของผู้ดี
    7. วันไหนโยมถูกด่ามากวันนั้นเป็นมงคล วันไหนโดยถูกป้อยอเขาจะล้วงไส้เราโดยไม่รู้ตัว หลงเชื่อเราจะประมาท จะเสียท่าเสียทีต่อมารร้าย และที่เขามาป้อยอกับเรา ระวังให้ดี เขาไม่ได้รักเราจริง
    8. สร้างบุญใช้สติ ไม่ต้องใช้สตางค์ พวกเราหาแต่สตางค์ ไม่หาสติกันเลย
    9. คนเราจะทำอะไรได้ก็ช่วงมีชีวิตอยู่เท่านั้นเมื่อตายแล้วไม่สามารถจะทำความดีหรือความชั่วได้เลยฉะนั้นในช่วงที่มีชีวิตอยู่ควรที่จะทำความดีใช้ชีวิตให้เป็นสาระ จะต้องต่อสู้กับความไม่ดีงามทั้งหลายที่มีอยู่รอบตัวเรา
    10. จงพอใจในชีวิตของตัวเอง โดยมิต้องไปเปรียบเทียบชีวิตของผู้อื่น (ข้อความสุดท้ายใน ส.ค.ส.2559 ที่หลวงพ่อจรัญ เขียนไว้ก่อนละสังขาร)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อจรัญ ๒ องค์คู่ให้บูชาพร้อมกัน 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240219_214020.jpg IMG_20240219_213743.jpg IMG_20240219_213648.jpg IMG_20240219_214047.jpg IMG_20240219_213844.jpg IMG_20240219_213807.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...