@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    4h6sTJJJaY1r-qdqV2oPCk-gbAf2xdjoe&_nc_ohc=JfAuKobo8MQAX8dkpH_&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    upload_2023-12-12_4-53-32.png
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    269c.png #โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง

    #การนอนด้วยอภิญญาผลสมาบัติ #หรือ #การนอนด้วยการทรงสมาธิใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว ก็ดีกว่านอนธรรมดาแปดชั่วโมง ตื่นมาก็มีความอิ่ม ขึ้นมาก็ไม่รอแล้ว เรื่องล้างหน้าไม่มี มันเสียเวลา นอกจากจะปวดอุจจาระปัสสาวะนั่นถึงจะไป #ตื่นขึ้นมาปัปใจมันจับคำภาวนาพิจารณาอารมณ์ตัดสังโยชน์ เมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกว่าใจยังพิจารณาสังโยชน์อยู่ นี่การนอนหลับไปด้วยกำลังของสมาธิเป็นอย่างนี้ เวลาหลับมันก็ทำของมันเองด้วยแต่เราไม่รู้สึก พอตื่นมาครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกตื่นไม่เต็มตัว จิตมันพิจารณาสังโยชน์ก็ทำต่อไป

    ที่มา : #จากหนังสือ #ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า #ตอนที่๒๐ 269c.png

    G_Fs44_lrlmMXtRqd-ytZ1ubRmiEsfO9a&_nc_ohc=q47xpc0HS-MAX_IWFod&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=16037d29c882cc8f08e8b58634bf8124.jpg



    กู้ธรรมะได้ ก็กู้แผ่นดินไทยสำเร็จ
    .
    .... “เวลานี้ภารกิจของคนไทยไม่ใช่แค่กู้แผ่นดินเท่านั้น แต่ต้อง “กู้ธรรมะ” ด้วย ไม่รู้ว่าธรรมะหายไปไหนเสียมากมายแล้ว ที่โผล่ออกมาเป็นลัทธิอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าประกาศอิสรภาพให้แก่มวลมนุษย์แล้ว ตอนนี้คนไทยกลับยอมสูญเสียอิสรภาพไปเป็นเมืองขึ้นของใคร ไปหลงทางอยู่ที่ไหน นี่คือ ออกนอกพระพุทธศาสนา หรือ ออกนอกธรรมะไป...
    .... เวลานี้เราออกนอกธรรมะไปแล้ว หรือธรรมะหล่นหายจากเราไป จึงต้องกู้ธรรมะกลับขึ้นมา คือกู้ธรรมขึ้นมาในตัวคน ถ้ากู้ธรรมที่ว่านี้ขึ้นมาได้ ก็กู้แผ่นดินไทยสำเร็จ ขอย้ำว่า..กู้ธรรมะได้ กู้แผ่นดินไทยสำเร็จ
    .... ในแง่เศรษฐกิจก็เหมือนกัน พูดสั้นๆว่า เราจะกู้เศรษฐกิจได้ ต้องกู้คุณภาพในตัวคนขึ้นมา ถ้าพูดอย่างแคบๆก็ว่า ต้องกู้ทรัพยากรมนุษย์ขึ้นมา ถ้ากู้คนขึ้นมาให้มีคุณภาพได้ กู้เศรษฐกิจไทยไม่ยากเลย เชื่อไหม เพราะฉะนั้น ต้องทำอันนี้ให้ได้
    .... ถึงเวลาต้องปลุกใจคนไทย ที่จริงถึงเวลานานแล้ว แต่ถ้ายังไม่ทำก็ถึงเวลาอีกทีหนึ่ง ลุกขึ้น กู้ธรรมะขึ้นมาในใจคน พัฒนาตัวคนนี้ให้สำเร็จให้ได้ ให้มีคุณภาพทั้งด้านพฤติกรรม ด้านจิตใจ และด้านปัญญา นี่แหละ! จึงว่ามากู้แผ่นดินไทยด้วยการกู้ธรรมะ เพราะการกู้ธรรมะนั้นจะเป็นการกู้แผ่นดินไทยไปในตัว เมื่อเรากู้ธรรมะได้ ก็กู้แผ่นดินไทยไปในตัวเอง เสร็จสิ้นไปเลย ไม่ต้องไปทำ ๒ ครั้ง...”
    .
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต )
    ที่มา : ธรรมนิพนธ์ เรื่อง “เราจะกู้แผ่นดินกันอย่างไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=609948984e55be1621eb92191f872f02.jpg




    คติธรรมคำสอนหลวงตาม้า


    "มองตัวเอง อย่ามัวแต่มองคนอื่น
    ถ้าเกิดเรื่องผิด เราต้องโทษตัวเองก่อน"
    .
    .
    "คนดี...เค้าไม่โทษใคร"
    .
    .
    "ทำอารมณ์ให้ดีไว้ บันทึกให้ได้ อย่าเสียเวลา
    ก่อนนอน ตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ"



    "สบายแล้ว... สว่างแล้ว... สงบแล้ว...
    ให้อธิษฐาน... ต้องอธิษฐานให้เป็น"
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ - หลวงตาม้า วิริยธโร ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต ทั้งหมดทั้งมวลด้วยเทอญ สาธุ — ใน เชียงใหม่ ประเทศไทย

    ............................

    ที่มา https://web.facebook.com/ananikajun...qslex5R28ygQJvE146AL0KmljSjb6xcQ&__tn__=-UC*F
    .
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ครูท่านสอน...

    ตามคำพระบรมครูว่า


    1. ละชั่ว ไม่เพียงละชั่วของตนเองทั้งกาย วาจา ใจ
    แต่ ให้ละวาง ความชั่วของคนอื่นทั้งกาย วาจา ใจ ที่มากระทบโดยตรง และ
    ที่คนอื่นเค้าทำ แต่เราบังเอิญไปรับรู้ อย่าเอามาใส่ใจ อย่าเอาจิตไปกระทบ

    2. ทำดี เอาจิตไปชินกับกระแสที่ดี และทำดีทั้งกาย วาจา ใจ เพื่ออาศัยเป็นแรงส่งไปสู่ความพ้นทุกข์

    3. ฝึกจิต สอนใจ ให้บริสุทธิ์ จนกว่าจะสัมผัส รับรู้ และเป็นพระนิพพาน
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    nj-MZoLHymX7f-CWm4tf71UQc6jXZwzXoI&_nc_ohc=6aUkmcLct98AX9Q0AqB&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg



    นมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด ลูกได้ฟังการบวงสรวงเทพยดาของหลวงพ่อรู้สึกไพเราะจับใจ ไม่มีเสียงใดในโลกเสมอเหมือน

    ถ้าหากว่าลูกจะนำคำบวงสรวงของหลวงพ่อไปใช้ในการทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นและก่อนออกจากบ้าน จะเป็นการสมควรหรือไม่
    และวิธีตั้งอารมณ์ก่อนบวงสรวง ได้โปรดแนะนำแก่ลูกหลานด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

    ไม่ขัดข้องนะคือว่าตอนนั้น

    ตอนแรกนึกถึงท้าวธตรฏ ท้าวมหาราชทิศตะวันออกกับอินทกะ อินทกะนี่มีพันองค์นะ

    ครั้งที่ 2 นึกถึงท่านวิรุฬก ท้าวมหาราชทิศใต้พร้อมอินทกะและบริวาร

    ครั้งที่ 3 ทิศตะวันตกท้าววิรูปักษ์พร้อมอินทกะและบริวาร

    ครั้งที่ 4 นึกถึงท้าวเวสสุวัณพร้อมอินทกะและบริวาร

    ครั้งที่ 5 นึกถึงทั้ง 4 องค์ 4 ทิศ และขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์อะไรก็ว่าไปนะ
    แต่ขอหวยท่านไม่ให้นะ

    "รีบกันท่าเลย"

    ไม่ใช่กันท่าหรอก ฉันขอหลายครั้งแล้วไม่ได้สักที

    เราขอให้ท่านคุ้มครองซิ
    พวกผีเข้าเจ้าสิง ถูกกระทำต่างๆคุ้มครองได้แน่นอน

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันเคยใช้นะ เมื่อสมัยหนุ่มๆ หนุ่มมากนะ ไม่ใช่หนุ่มน้อยแบบเดี๋ยวนี้นะ ตอนนั้นบวชใหม่ๆ พรรษาแรก ทุกอย่างยังครบถ้วนบริบูรณ์ ยังอีเหละเขะขะสมัยเป็นฆราวาสยังเหลืออยู่ ที่วัดหลวงพ่อปานท่านก่อสร้าง เขาจอดซุงไว้ ท่านไม่ได้ใช้แต่เราก็ต้องตั้งเวรรักษา ความจริงไม่ต้องรอผู้ใหญ่ใช้นะ จะรอให้ท่านใช้ยังไง งานท่านมาก อยู่เวรกลางคืนช่วงเวลาละ 2 องค์ 1 ทุ่มถึง 6 ทุ่ม ช่วงสอง 6 ทุ่มถึงสว่าง ทีนี้วิธีอยู่ยามฉันไม่ไปนอนยามหรอก ขี้เกียจ

    ฉันก็เลยใช้ท้าวมหาราชนี่แหละ ขอให้ท่านสงเคราะห์บอกว่าถ้าอันตรายจะบังเกิดขึ้นกับวัดก็ดี ของสงฆ์ก็ตามนะ ขอให้ปลุกให้ตื่นก่อน ถ้าหลับอยู่ปลุกให้ตื่นก่อนประมาณสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็บอกทิศทางด้วย ถ้าหากกำลังตื่นอยู่ขอให้บอกให้รู้สึกก่อนครึ่งชั่วโมง

    มาคืนนั้นก็เป็นเวรอยู่ยามตอนดึก นอนๆไปประมาณตีสอง หน้าต่างฉันปิดนะ แต่ได้ยินเสียงหน้าต่างเปิด เสียงดังแรงมาก ลืมตาขึ้นดูเห็นหน้าต่างเปิดเสียงดังแรงมาก ลืมตาขึ้นดูเห็นยืนดำทื่อ ลูกน้องท้าวเวสสุวัณ พอเห็นท่านเข้าท่านบอก "คุณ ขโมยจะลักซุง มันนั่งที่ต้นสะตือฝั่งโน้น สังเกตุดูประเดี๋ยวจะมีผักชวาลอยมา มันจะมุดใต้ผักชวา แล้วมันจะผลักเข้ามามุดตัดใต้ซุงให้ลอยไปกับน้ำไหล พรรคพวกของมันจะรออยู่ทิศใต้แง่มุมโน้น" ชี้ให้เสร็จนะ

    ฉันก็ไปเรียกพวกอีก 2 องค์ เขาลุกขึ้นถาม ทำไม บอก เฮ้ย ท้าวมหาราชมาบอกว่าขโมยจะลักซุง ก็ย่องแอบดู เดือนมืดใกล้จะตกพอดี ก็เห็นคนนั่งดำๆ ประเดี๋ยวผักชวามามันก็มุดเข้าผักชวา ปรกติผักชวาไหลไปตามน้ำ แต่ไอ้ผักชวากองนั้นมันไม่ตามน้ำ มันไหลเฉียงๆเข้ามาหาซุงน่ะซิ ฉันก็คลำหาลูกระเบิด

    "เอ๊ะ หลวงพ่อบวชแล้ว ยังมีอีกหรือครับ"

    อ้าว ระเบิดด้าน อิฐหัก

    "อ๋อ....ใช้อิฐเหรอ"

    พอได้อิฐ ก็ขว้างตุ๋มไปข้างๆหวังให้แกถอย แกก็ถอยจริงๆ ดำผลุบไปโผล่ฝั่งโน้น พอแกขึ้นไปนั่งอยู่ประมาณสักพักมั๊ง แกหันมาด่าไอ้.....ขว้างได้ แกพูดผิดจังหวะ ถ้าพระแก่ๆพูดได้ แต่สมัยนั้นเราพระหนุ่มๆขว้างมีดเก่ง เอาสันก็ได้เอาข้างก็ได้เอาคมก็ได้ ก็ต้องอิฐหักระเบิดพระใช่ไหม ล่อปั๋งเข้ากลางหลังฟุบเลย ก็ใช้เรือข้ามไป เอามามัดติดกับศาลามัด 5 เปราะยืน หน้าหนาวด้วย แล้วเราก็มานอนสบาย เวลานั้นหนาวไอออกปากเลยนะ

    พอตอนเช้าลงมาตัวซีด พอดีตอนเช้าหลวงพ่อปานท่านก็มา บอกขอฉันได้ไหม บอกขอไม่ได้ครับ หลวงพ่อไม่ได้ขว้าง ผมขว้าง หลวงพ่อไม่ได้จับ ผมจับ บอกไม่ได้ครับหลวงพ่อ ไม่งั้นมันไม่เข็ด ท่านบอกก็ตามใจเอ็ง ขอแล้วก็แล้วกันไป ฉันก็เลยไปบอกกำนัน กำนันถามเอาโทษไหม บอกไม่เอาแต่ต้องบอกตำรวจให้สั่งสอนก่อน กว่าตำรวจจะมาบ่าย 5 โมงเย็น เพราะอะไรรู้ไหม บอกกำนันอย่าให้ตำรวจมาเร็วนะ สงสารมันประเดี๋ยวตำรวจเอาไปขัง ตั้งแต่วันนั้นขโมยไม่เข้าวัดอีกเลย ไอ้หน้าวัดมันมีทางเดินผ่าน กลางคืนชาวบ้านก็ไม่ผ่าน เดินอ้อมหลังวัดหมด บอกถ้าพระ 3 องค์ยังอยู่ไม่เดินผ่านวัดหรอก เห็นไหมศักดิ์สิทธิ์

    "นี่แหละการบวงสรวงมีประโยชน์อย่างนี้"

    บอกท่านก็แล้วกัน ถ้าจะมีอันตรายกับเราก็ดีกับบ้านก็ดี ขอให้บอกก่อนครึ่งชั่วโมง ถ้าเป็นเวลากลางวันวิธีบอกของท่านแบบนี้นะ นั่งๆคุยๆดีๆมันจะเกิดอาการง่วงทนไม่ไหว พอนอนปุ๊บหัวถึงหมอน หายง่วง ต้องเชื่อความรู้สึกอันนี้นะ

    (ใครที่กลัวอันตรายต่างๆ หรือกลัวของหาย กลัวไฟไหม้ ก็ลองปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำมานี้ คงจะมีประโยชน์มาก)

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 102 เดือนสิงหาคม 2532 หน้า 81- 83)

    1f4bb.png โดยคณะสีลม


    --------------------------
    ที่มา
    https://web.facebook.com/jantaram.t...ATyZCdn7HhAki0suM64f89-V-XDXS1WY&__tn__=-UC*F
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    "#เอาจริงแล้วหรือครับท่านย่า ?"
    พระคาถาเงินล้าน กับ บารมี ๑๐
    "เวลาที่ต่างกันมาก #ย่าจึงต้องให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน #ถ้ารอให้มีเหตุก่อนค่อยขยับเวลาของพวกเจ้าอาจจะเลยไปเป็นปี ถึงเวลาก็จะมีคนมาโวยกับย่าอีกจนได้"
    #ในชุดแดงพร้อมออกศึกแล้วสะท้อนใจ ก่อนนี้อาตมาก็เคยอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว
    "ช่วยกำชับลูกหลานของย่าให้หน่อย ว่า
    #อย่าลืมพระคาถาเงินล้าน
    #ใครทำมากได้มาก
    #ใครทำน้อยได้น้อย
    #ใครไม่ทำก็อย่ามาบ่นให้ย่าต้องรกหู"
    นอกจากศรัทธา (ความเชื่อ)
    ปสาทะ (ความเลื่อมใส)
    #ภาวนาโดยตัดความอยากรวยออกจากใจ #และต้องทำบุญอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีเคล็ดลับอะไรอีกไหมครับ ?
    ๑.ความมุ่งมั่นที่เป็น #อธิษฐานบารมี
    ๒.ความเอาจริงเอาจังที่เป็น #สัจจะบารมี
    ๓.ความสม่ำเสมอที่เป็น #ศีลบารมี
    ๔.ความพากเพียรภาวนาที่เป็น #วิริยบารมี
    ๕.ความอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
    ที่เป็น #ขันติบารมี
    ๖.การทำบุญที่เป็น #ทานบารมี
    ๗.การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวให้พอเหมาะกับตนเองที่เป็น #ปัญญาบารมี
    ๘.การตั้งหน้าภาวนาโดยไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นที่เป็น #อุเบกขาบารมี
    ๙.การตั้งอารมณ์ภาวนามั่นคงจนกดกิเลสเอาไว้ได้ที่เป็น #เนกขัมมบารมี
    ๑๐.การวางอารมณ์ใจให้ผ่องใสเยือกเย็นในระหว่างภาวนาที่เป็น #เมตตาบารมี
    #เคล็ดลับแค่นี้ถ้าพวกเจ้าทำได้ก็สามารถใช้ผลของพระคาถาเงินล้านได้อย่างเต็มที่ทุกคน"
    "เอิ๊กกก...เป็นลม..!"
    อาตมาก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำแล้วประสบความสำเร็จนั้น #ที่แท้จริงแล้วประกอบไปด้วยบารมี๑๐อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ท่านย่าเมตตาเฉลยให้ทราบนี่เอง
    แสดงว่าก่อนหน้านี้เป็นการ "ขี้ตรงร่อง" ทำแบบโง่ ๆ ตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนไว้ บังเอิญกลายเป็น "#โง่แล้วได้ดี" อย่างทุกวันนี้..!
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน


    เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showpost.php...

    ที่มา https://web.facebook.com/groups/658...cpP51nedE6o2E2d1vZ0AFzzEYs2TSs&__tn__=-UC,P-R
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    หลวงพ่อตายแล้วยิ่งเฮี้ยนมาก


    ก็มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง
    คือเมื่อตอนรับแขกอยู่เมื่อไม่กี่วันนี้มั้งที่วิหาร 100 เมตร
    ก็มีลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นเก่าเลย รุ่นสมัยที่หลวงพ่อมา พ.ศ. 2511-2512
    นั้นน่ะก็มาหามาทำบุญด้วย
    เขาก็บอกว่า แนะนำให้คนที่อยู่ข้างๆ รู้จักกัน
    บอกเนี่ยผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ชื่อ สุวิมล พี่ชายเป็นเจ้าของสัมปทานป่าไม้ที่ จ.อุทัย จ.กาญจนบุรี
    สมัยก่อนหลวงพ่อจะไปไหนต้องไปจ้างรถสองแถวมารับท่านไป หรือมาสามล้ออะไรอย่างนี้ หลวงพ่อท่านไม่ค่อยมีเงิน
    ก็ได้โยมนี่อุปการะ ชื่อสุวิมลนี่เป็นภรรยาของ ส.ส. ศิลป์ชัย นุ้ยปรี จ.อุทัย ก็แนะนำให้คนอื่นรู้จักว่า นี่เป็นคนอุปการะหลวงพ่อ สมัยหลวงพ่อยังไม่มีอะไรน่ะ ไปไหนก็ต้องไปรถสองแถวจ้างเขาไป บางทีก็ไปรถสามล้อรถอะไรอย่างนี้
    " มาสายลมก็นั่งรถเมล์มา "
    ใช่.. ทีนี้คุยกันท่านก็บอกว่า สมัยหลวงพ่อที่มีชีวิตอยู่นี่
    ท่านให้หา ไม้ คำว่า ไม้ แบบนี่ทำโบสถ์ มา 3 รถเทรลเลอร์ เทรลเลอร์ที่มันต่อพ่วง มาถวายหลวงพ่อเอาไว้สร้างโบสถ์ เป็นไม้แบบ ไม้แป ไม้ยางอะไร ก็ตามมาถวายเยอะ
    แกก็เข้าไปหาหลวงพ่อตอนไหนก็ไม่รู้ช่วงนี้ บอกหลวงพ่อสร้างวัดซะใหญ่เลย ต่อไปใครจะมาดูแลล่ะ หลวงพ่อตายไปแล้วน่ะ
    หลวงพ่อบอกแกไม่ต้องห่วง
    ข้าตายแล้วยิ่งเฮี้ยนใหญ่เลย
    ข้านี่ (หัวเราะ)
    ข้าตายแล้วยิ่งเฮี้ยนใหญ่เลย
    เลยถามโยม หลวงพ่อพูดจริงหรือ ?
    จริงซิ ฉันเป็นห่วงวัดว่าต่อไปใครจะมาดูแล ท่านบอกแกไม่ต้องห่วง ข้าตายยิ่งเฮี้ยนใหญ่ บอกข้าตายแล้วนี่นะ
    ข้าจะช่วยพวกแกได้เยอะ
    มีความคล่องตัว นี่ร่างกายข้าป่วย
    มันก็ตรงกัน ผู้การสถาพรถือว่าคนรุ่นใหม่ก็แล้วกัน นี่ก็คนรุ่นเก่า 20-30 ปีเนี่ย พูดตรงกัน ผู้การสถาพรแกก็เป็นหมอนวดหลวงพ่อ
    หลวงพ่อบอกผู้การ
    ถ้าข้าตายไปแล้วนี่ ข้าช่วยพวกแกได้เยอะ ร่างกายมันป่วยนี่ทำอะไรไม่ไหรอก
    ไว้ข้าตายไปแล้วนี่ ร่างกายก็ไม่ต้องห่วงนี่ ขันธ์ 5
    ช่วยพวกแกได้เยอะ
    มันก็ตรงกัน ตรงกันกับผู้การ คุณสุวิมล
    หลวงพ่อดาบส หลวงพ่อดาบสนี่ พวกที่ไปมา พวกนี้ไปมา ท่านก็บอกว่าหลวงพ่อไม่ได้หนีไปไหนนะ หลวงพ่อไปรอเราอยู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยานไม่ได้ตายหนีเราไป แต่ท่านไปรอเราอยู่
    ทำอะไรท่านไม่รู้ไม่มี
    จำไว้ท่านต้องรู้ ท่านรู้
    ท่านก็บอกว่า สมัยหลวงพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่เนี่ย หลวงปู่สีอยู่ตาคลี อายุ 120 กว่าปี ตอนเช้าๆ มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่สีแต่งตัวแต่เช้าเลย สั่งให้คนเตรียมน้ำใช้น้ำฉัน สั่งให้คนเตรียมสถานที่ พอตอนสายๆหน่อย หลวงพ่อฤาษีไปแล้วไปหา นี่แสดงว่ารู้กัน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
    ท่านไม่มีโทรศัพท์นี่สมัยก่อนเนี่ยไม่มีโทรศัพท์ ท่านก็เน้นบอกว่า ขณะมีชีวิตอยู่ท่านยังรู้ใจกันนี่
    ยิ่งตายยิ่งรู้มากใหญ่
    ไม่ต้องห่วงหรอก
    ขอให้มั่นใจในคำสอนของท่านก็แล้วกัน นิพพานนี่ไม่ใช่สูญ
    แต่ศูนย์ก็มีค่านะ ศูนย์ 1 ตัวมีเลขนำหน้าก็ ศูนย์ 2 ตัวมีเลขนำหน้ามีค่ามากขึ้น ศูนย์ 3 ตัวยิ่งมีเลขยิ่งมีค่ามาก ศูนย์ 4 ตัว ศูนย์ 5 ตัว ศูนย์ 6 ตัว ยิ่งศูนย์ยิ่งมากยิ่งมีค่า ศูนย์มีค่าเลยได้มาแสนหนึ่ง (หัวเราะ) ได้มาแสนเพราะไอ้ศูนย์ 4 ตัว 5 ตัวนี่ แหม.. ไปมา 7 คันได้มาแสนแล้วนี่
    ทุนคืนมาหมดแล้ว
    แสดงว่าพระท่านมีท่านจริง
    ทีนี้ก็มีเคล็ดลับอยู่อย่าง
    ใครจะรู้น้อย เพราะว่าท่าน เทศน์ตอนแรกบอก ดีท่านเจ้าคุณลาซะ
    ทำไมจะพาลูกศิษย์นี่อ้อม อ้อมต้องกลับมาเกิดอีก 7 ชาติ
    ดีเจ้าคุณตัดลามาเสียก่อน ดึงพาพวกเราตรงขึ้น อะไรอย่างนี นี่เราไม่ค่อยรู้ซิตรงนี้ว่าหลวงพ่อท่านไม่ค่อยคุยให้ฟังนี่ ทีนี้โยมน้อยกานดาแกเป็นคนเก่าแกก็ถาม ไอ้น้อย หลวงพ่อเคยพูดไว้กับแกไว้
    ไอ้น้อย ข้าไม่อยากให้พวกแกมีทุกข์น่ะ ทุกข์ต้องตามข้าไปอีก 7 ชาติ ข้าจึงตัดสินใจลาซะ พวกเราจะได้ทุกข์น้อยลงไป ย่นระยะลงไป
    ทีนี้หลวงพ่อกับหลวงปู่ดาบสยังไม่เคยเจอะกันเลย แล้วหลวงพ่อก็ไม่เขียนหนังสือไว้ที่ไหน เนี่ยความรู้สึกตรงนี้คนชักหลั่งน้ำตา ฮึกฮักๆๆ ออกมาบ้างแล้ว ชื่นใจว่า หลวงพ่อ หลวงปู่ดาบสทวนความอะไรให้เกิดศรัทธา พูดให้เราเกิดศรัทธานี่ จะไม่เกิดศรัทธาจะให้เจ้าอาวาส (พระครูปลัดอนันต์)เทศน์นี่ ศรัทธาจะหาย (หัวเราะ) แหม..จะให้เราเทศน์ หลวงปู่เรียกว่าโยนเผือกร้อนๆ ให้ขบซะแล้ว เกือบเสียท่า
    " แล้วเอาตัวรอดได้ยังไงครับ วันนั้น่ะ โยมเขาอยากจะถามน่ะ คือหลวงปู่ดาบสบอกว่าให้พระครูเทศน์ บอกแล้วก็โยนไมค์มาให้เลยใช่ไหมครับ "
    หลวงปู่ดาบสก็บอกว่า ที่นี่ก็เทศน์กันทุกวัน เจอหน้าก็เทศน์สอนธรรมะกันทุกวัน ท่านพระครูมาก็ดีแล้ว ช่วยเทศน์ใหญาติโยมฟังบ้าง ก็นึกในใจ เวรกรรมล่ะกูเอ้ย...ทีนี้ (หัวเราะ) กูอยู่ไหนกูไม่เคยเทศน์ซะที เอากูเทศน์ จะขายขี้หน้าญาติโยม (หัวเราะ) ทำไงดีวะเนี่ย จะเอาตัวรอดยังไง รับไมค์มาแล้วก็ต้องเอาแล้ว
    ก็บอกว่า ที่มาที่นี่ก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งนั้นนี่ มากันตั้งหลายคันรถเนี่ย ก็เจอกันที่สายลมแทบทุกเดือนอยู่แล้ว คุยกันเรื่องกรรมฐานทุกเดือนกันอยู่แล้ว แต่พวกเราก็มาไกลกัน คือพระอย่างฉันนี่หาได้เยอะห่มผ้าเหลืองอย่างงี้ ไปที่ไหนก็ได้เยอะ ที่เราดั้นด้นมาก็มาหาพระที่หลวงพ่อบอกไว้ว่า พระอย่างหลวงปู่นี่ มีพระปลัดวิรัชมาหาก็ถ่ายรูปกลับไป แล้วไปเล่าให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อบอกพระยังงี้เย็นมา 20 ปีแล้ว หมดอยากมา 20 ปีแล้วนี่ เราก็ดั้นด้นมาตั้ง 700 กว่าก.ม. เพื่อจะมาหาพระดี ฉะนั้นอยากให้หลวงปู่ช่วยเทศน์ เพราะว่าพวกนี้มาอยากจะฟังเทศน์หลวงปู่ครับ
    โยนไปยังงี้ คล้ายๆ ยังงี้แหละ หลวงปู่ก็จำเป็นต้องเทศน์ คืนกลับแล้วนี่ ท่านก็เริ่มคุยให้ฟัง
    " พวกเราก็ตบมือกันกราว ท่านพระครูเอาตัวรอดได้ "
    เออ..ไม่ได้นัดไม่รู้เรื่องมาก่อนซิ ว่าท่านจะโยนมาให้เรายังงี้ ใครๆก็รู้เราจะไปฟังเทศน์จากท่าน ใช่ไหม แต่ท่านโยนมาให้เราซะแน่ แต่ท่านก็คุยไปเรื่อย คุยไป คุยไปถูกใจนี่ ท่านก็ทวนความจำ หลวงปู่แหวนเหลือหลวงปู่หนูแล้ว เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยไปอยู่กับท่าน พระองค์นั้นองค์นี้ แต่หลวงพ่อเราคนยังมีศรัทธา แสดงว่าคนเข้าใจในคำสอนของพระราชพรหมยาน
    ขอให้มั่นใจไว้ได้เลยไม่ต้องเชื่อใครอีกแล้วนะที่ว่านิพพานสูญน่ะ ขอให้เชื่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ให้มั่นใจได้เลย นิพพานเป็นเมืองแก้ว เป็นเพชรเป็นอะไร ยืนยันเลยนะทีนี้ ก็พูดยืนยันเลยล่ะ ก็ให้เชื่อได้ ไม่ต้องไปนั่นแล้ว อะไรต่ออะไรนี่ ลงเรือลำเดียวกับเราแล้ว เราลงเรือลำเดียวกับท่านหรือไงก็ไม่รู้ คือคุยกันรู้เรื่องกันแล้วนี่
    " ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นิพพานไม่สูญ ตามที่คนอื่นเขาว่า "
    เจ้าหน้าที่ประทับใจ ปีหน้าจะไปเอาหวยอีก นี่ (หัวเราะ) ได้คราวนี้แสนคราวหน้าจะเสียไปแสนหรือเปล่า
    1f31f.png ที่มา จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2538 1f31f.png
    1f4bb.png โดยคณะสีลม


    ocww5AwGtnCfdx8lq4MvYRp75YlarrnzH&_nc_ohc=lWgN2r0xQyAAX8knqhL&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ฝากไว้เป็นข้อคิด


    .พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องใหญ่ในวงการสงฆ์ปัจจุบันนี้คือ ( ข่าวพระ อย่าทำตน เป็นคนตัดสินเหตุ ต่างๆ ) เพราะเราจะสร้างกรรมไม่รู้ตัว
    ถ้าใครลองไปอ่านเรื่องอัศจรรย์โลกใบนี้ ที่เว็บวัดท่าขนุน จะมีเปรตอยู่ตนหนึ่ง #ด่าบุคคลที่ต้องอาบัติปาราชิก แล้วตัวเองไปเกิดเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ยากหิวโหยอยู่เป็น ๑,๐๐๐ ปี
    #เราใช้คำว่าพระ !!!
    ซึ่งคำว่า พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ โดยเฉพาะสมัยนี้เห็นในโซเชียลมีเดีย มีการคอมเมนต์ต่าง ๆ ใช้คำพูดรุนแรงมาก ด่ากันหยาบ ๆ คาย ๆ โดยใช้คำว่าพระ แต่ละคนตายเมื่อไรจะรู้ว่าตนเอง จะได้รับโทษอะไรบ้าง
    แต่ว่าโทษใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ก็คือ ถ้าเราไปเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กาย วาจา ใจ ของเรานั่นแหละที่จะเป็นทุกข์เป็นโทษ เพราะฉะนั้นควรที่จะอยู่ในความสงบ แล้วก็คอยดูว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดโทษแก่ตนเอง อย่างต่ำ ๆ ก็ไปเป็นเปรต อย่างที่อยู่ในเว็บวัดท่าขนุน ลองไปค้นอ่านกันเอาเอง"
    #หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยกล่าวเตือนไว้นานแล้วว่า ถ้าพูดถึงตัวบุคคลที่เป็นนักบวช อย่าใช้คำว่าพระ เพราะคำว่าพระเหมารวมตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา กลายเป็นจะสร้างโทษใหญ่ให้เกิดแก่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
    อาตมาเห็นแต่ละคนแล้ว ในปัจจุบันนี้เหมือนกับว่าถ้าสามารถแสดงความเห็นในลักษณะด่าพระได้แล้ว รู้สึกโก้หรือว่าเท่มาก อยากจะบอกว่ารู้สึกหวาดกลัวแทนพวกเขา แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ถ้าหากว่าตายวันไหน ขอร้องให้อาตมาไปช่วยก็คงไม่ทันแล้วล่ะ
    โซเชียลมีเดียมีดีตรงที่ว่าข่าวคราวทุกอย่างไปเร็ว แต่พอไปเร็ว การแสดงความเห็นนั่นแหละ ที่ไปกระพือเรื่องราวให้ร้ายแรงแล้วก็รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ควรที่จะได้สติหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำการทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เรื่องจะจบอย่างไรเรามีโอกาสได้ดูได้เห็นแน่ ๆ อย่าไปใส่อารมณ์ตาม แล้วทำให้ใจของเราเศร้าหมอง
    นักปฏิบัติธรรมที่ดี ถ้าสภาพจิตใจของตนเองเศร้าหมองเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะจะทำให้ผลการปฏิบัติของเราถอยหลังไปอีกนาน กว่าจะขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใสคืนมาได้ก็เสียเวล่ำเวลา ถ้าตายไปตอนนั้นก็ขาดทุนอีก เพราะจิตใจที่เศร้าหมองย่อมพาลงสู่อบายภูมิ"
    ทำใจไว้ว่าจะเชียร์ฝ่ายไหนเราก็ต้องกิน ในเมื่อเราต้องกินก็ต้องทำมาหากิน ทำมาหากินแล้วไม่ดี ก็แปลว่าเราทุ่มเทความพยายามไม่พอ หน้าที่การงานถึงไม่ก้าวหน้า กิจการถึงไม่ก้าวหน้า
    ให้ทุ่มเทใช้ความพยายามทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเราไปลงทำงานตรงหน้า ถ้าว่างเว้นจากกิจการงานของเราเมื่อไร ก็หันมาอยู่กับการภาวนาของเรา อยู่กับศีล สมาธิ ปัญญาของเรา ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะก้าวหน้าทั้งทางโลกทางธรรมก็จะมี
    ถ้ามัวแต่ไปเชียร์เขาอยู่...ลำบาก สภาพจิตเศร้าหมองโกรธแค้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมา ก็กลายเป็นเกิดโทษแก่ตัวของเราเอง"
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ
    ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ 269c.png
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465


    เริ่มต้นสอนระลึกชาติ ญาณ 8 | ฝึกมโนมยิทธิ | การเจริญพระกรรมฐาน | หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


    ที่มา https://www.youtube.com/@swnhaengsraththa
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    .
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    #การทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติกับการถวายสังฆทานใครจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน..
    #หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงเล่าให้ฟังว่า
    #สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นสาวกองค์ผู้ใหญ่ขององค์สมเด็จพระบรมครูคือ
    #ถ้าทำบุญคนเดียวนะ #หลายคนก็ไม่มีผลตามนั้นมันมีแต่ความคล่องตัว #ถ้าทำบุญคนเดียวคนนั้นถ้าเป็นขอทานอยู่ #จะเป็นมหาเศรษฐีวันนั้น
    ท่านก็มองไปมองมา ก็ยังไม่ทราบ เพราะว่า ยังมองไม่เห็นใคร กำลังจะเริ่มมองว่าใครจะใส่บาตร ก็พอดีบรรดาพวกนางฟ้าซึ่งเป็นบริวารของพระอินทร์ทราบว่า พระมหากัสสปะ ออกจากนิโรธสมาบัติ
    ก็พากันยกกันมาเป็นฝูง จะมาใส่บาตรกับ พระมหากัสสปะ มาในฐานะรูปร่างหน้าตาของนางฟ้า
    ในเมื่อพระมหากัสสปะเห็นเข้าก็บอกว่า : "เธอจงหลีกไป"
    นางฟ้าก็บอกว่า : "ฉันจะมาทำบุญกับพระคุณเจ้า"
    พระมหากัสสปะ ก็บอกว่า :
    "เธอเป็นนางฟ้าไม่ใช่คนยากจน"
    พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ต้องการสงเคราะห์คนยากจนเข็ญใจ ให้มีความสุข
    ในเมื่อพระมหากัสสปะไล่ นางฟ้าก็ต้องไป..
    ก็เป็นการพอดี เวลาวันก่อนหน้านั้นวันหนึ่ง พระอินทร์ท่านไปสวนนันทวัน เทวดาทั้งหมดก็ตามไป ปรากฏว่าไปเจอเทวดา ๔ องค์ มีแสงสว่างมากกว่าพระอินทร์ แต่เกิดทีหลัง พระอินทร์ไม่ทราบ เพิ่งเห็นในวันนั้น
    เห็นเข้าแล้วก็ถามปัญจสิกขเทพบุตร ถามว่า : "เทวดา ๔ องค์ มาเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่."
    ปัญจสิกขเทพบุตร ก็บอกว่า : "เพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เองครับ"
    พระอินทร์เห็นว่าเทวดาที่เป็นลูกน้องมีแสงสว่างมากกว่า ก็ไม่สบายใจ ประกาศสั่งกลับ เวชยันตวิมาน ทันที
    แล้วก็มานั่งนึกดูว่า เวลานี้มีที่ไหนบ้างที่จะเป็นบุญกุศลใหญ่ก็ทราบว่า พระมหากัสสปะออกจากนิโรธสมาบัติ ตั้งใจจะไปใส่บาตร..
    ขณะที่ท่านเตรียมตัวอยู่ พอดีนางฟ้าทั้งหมดก็กลับไปถึงพอดี..
    นางฟ้าก็ถามว่า : "พ่อเจ้าจะไปไหน"
    ท่านก็บอกว่า : "ฉันจะไปใส่บาตร พระมหากัสสปะ"
    พวกนางฟ้าบอกว่า : "อย่าไปเลยเจ้าค่ะ พวกฉันไปมาแล้ว ท่านพระมหากัสสปะท่านไล่กลับมา ท่านบอกท่านจะสงเคราะห์คนจน"
    พระอินทร์ ก็เลยบอกว่า : "
    ถ้าไปอย่างเธอ พระมหากัสสปะก็ขับ ถ้าไปอย่างฉันพระมหากัสสปะไม่ขับ..
    ท่าน ๒ คน ตายาย ก็แปลงเป็นคนแก่ เนรมิตกระท่อมหลังเล็ก ๆ อยู่ชายเมือง ทำเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูกไม่มีหลาน เอาจิตตั้งใจนึกว่าวันนี้เราจะไปเราจะใส่บาตร พระมหากัสสปะ ..
    ถ้าจิตใครเขานึกอยู่ความเป็นทิพย์นี่มันจะชนกันทันที..
    พอดีพระมหากัสสปะ ก็ใคร่ครวญคิดว่า.. วันนี้จะมีใครใส่บาตรกับเราบ้าง จิตก็ไปชนกันเข้ากับ ๒ คนตายาย อยู่นอกเมือง แก่มาก ลูกหลานก็ไม่มี ต้องทำเลี้ยงตัวเองมี ความลำบาก และก็มีความยากจน ฉะนั้นวันนี้เราจะสงเคราะห์ให้ ๒ คนตายายเป็นคนร่ำรวย..
    จึงได้ห่มจีวร ประคองบาตร แล้วก็เหาะไปจากยอดภูเขา พอใกล้จะถึงที่นั่น ก็ลงเดิน เดินไป..
    เวลานั้นพระอินทร์ท่านแปลงเป็นคนแก่ ทำทีเหมือนคนดายหญ้าถากหญ้าถอนหญ้าอยู่..
    เห็นพระมหากัสสปะเข้าท่านบอกว่า : "เอวังปิตัตถะ ภันเต" ซึ่งแปลว่า ขอพระคุณเจ้าหยุดก่อนเถิดเจ้าข้า นิมนต์ก่อนขอรับ..
    พระมหากัสสปะ ก็หยุด ท่านก็แกล้งเรียกชายา ว่า : "ยาย.. อาหารของเราเสร็จหรือยัง เวลานี้พระท่านมาโปรด"
    ยายก็บอก : "เสร็จแล้วเจ้าข้า"
    เห็นไหมพระอรหันต์ก็ถูกต้มเหมือนกัน ไม่ต้ม.. นี่ขั้นตุ๋นเลยนะ และความจริงความเป็นทิพย์พระอรหันต์ นี่ไม่ได้ใช้ทุกเวลานะ ใช้เฉพาะเวลา ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า..
    เวลาที่มีความจำเป็นต้องการจะรู้ จึงจะรู้ ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่รู้ และสิ่งที่เขาทำมาแล้วในกาลก่อนต้องการรู้ก็รู้ได้ และส่วนใหญ่ พระอรหันต์ นี่ ไม่อยากจะรู้ เพราะขี้เกียจรู้ ซึ่งมันเป็นกังวล..
    ท่านยายก็นำอาหารมาให้ตา สองคนตายาย ก็ช่วยกันใส่บาตรอาหารอันเป็นทิพย์..
    ที่พระมหากัสสปะท่านอยู่ในป่าท่านฉันเป็นปกติ อาศัยเทวดาฉัน..
    พอใส่ในบาตรไอ้กลิ่นอาหารที่เป็นทิพย์ ก็ไปชนจมูกท่านพระมหากัสสปะ เข้า แตะจมูกนะ แตะจมูกหน้าหงาย ตาโพลงแล้วนี่ พอตาโพลงลุกขึ้นมา มีความสงสัย ก็ทราบทันทีว่า
    นี่คือ พระอินทร์
    ก็ถามท้าวโกสีย์ : "ทำไมถึงทำแบบนี้."
    พระอินทร์ก็ถาม : "ทำไมครับ ผมจะใส่บาตร"
    พระมหากัสสปะ ถาม : "ทำไมมาแย่งคนจน.. พระออกจากนิโรธสมาบัติ เขาจะสงเคราะห์คนจน"
    พระอินทร์ก็บอกว่า : "ผมก็จนครับ"
    ท่านถามว่า : "จนยังไง ในเมื่อเป็นหัวหน้าเทวดา"
    ท่านก็เลยบอกว่า : "เวลานี้ มีเทวดาเกิดใหม่ ๔ องค์ มีแสงสว่างมากกว่าผม ผมในฐานะที่เป็นราชาปกครองเทวดา มีแสงสว่างไม่เท่าเขา ผมทนไม่ไหว จำต้องทำบุญต่อ"
    พระมหากัสสปะ ก็บอกว่า : "ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
    มันเสร็จไปแล้ว เขาใส่บาตรแล้วบุญเขาได้แล้วใช่ไหม
    บอกว่า.. "ทีหลังท้าวโกสีย์อย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
    พระอินทร์ท่านก็ไม่ตอบ..
    แสดงว่าไม่ยอมรับใช่ไหม
    ถ้าโง่ต่อไปอีกก็เอาอีก..
    ก็เป็นอันว่า เมื่อพระมหากัสสปะปิดบาตรกลับ พระอินทร์ก็เหาะขึ้นไปบนอากาศ และก็กล่าววาจาถึงข้อความปลื้มใจว่า..
    "สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อะโหทานัง ปรมัตทานัง มหากัสสเปนะ อาสวักขะยาวะหัง โหตุ"
    แปลง่าย ๆ บอก.. ทานที่เราถวายพระมหากัสสปะเป็นทานที่ดีแล้ว ต่อไปข้างหน้าขอให้ฉันไปนิพพานเถอะ"
    เสียงนี้ก็ก้องไปถึงในวิหาร ที่พระพุทธเจ้ากำลังเทศน์อยู่..
    พระก็ถามองค์สมเด็จพระบรมครูว่า : "เสียงอะไรพระพุทธเจ้าข้า."
    พระพุทธเจ้าก็บอกว่า : "ภิกษุทั้งหลาย กัสสปะลูกตถาคต เสียท่าพระอินทร์อีกแล้ว"
    เห็นไหม.. พระถูกต้ม..
    ก็เป็นอันว่า การทำบุญของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทในวันนี้ ถ้าจะถามว่า.. #การทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ กับการถวายสังฆทานใครจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน.. การออกจากนิโรธสมาบัติ ยังเป็นทานส่วนบุคคลนะ เป็นเฉพาะบุคคล การถวายสังฆทานเป็นทานในหมู่สงฆ์ การถวายสังฆทานมีอานิสงส์มากกว่า..."



    #บทความจากหนังสือธัมมวิโมกข์พ.ศ.๒๕๕๔ ฉบับที่ ๓๖๓ หน้าที่ ๑๖-๑๘



    2PSfBR0mNLfh-3J3IjNuYIP76yo395qR_OymWifOK3NBNLd_7WKwZpcabFE5g&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
    j2O8rrGXmjwPDkAdHJ4Gba6sFI7kr_gRl&_nc_ohc=umHu7SIMPr8AX-8xjFq&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
    SlUQvVikRrMlNbtwkBKtcxUKn2rrj6C8m&_nc_ohc=zz3J3ZSt01kAX9UB3JZ&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg


    ที่มา https://web.facebook.com/Bodhisattva5665?locale=th_TH
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...