เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ งานประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่วัดวังก์วิเวการามก็ถือว่าจบสิ้นลงไป

    ในเรื่องคำชมของเพื่อนพระสังฆาธิการที่มีให้กับการจัดงานนั้นไม่ขอกล่าวถึง ส่วนที่กระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวถึงก็คือว่า เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดทั้ง ๔ จังหวัด คือ กาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร นำเอาผลงานในรอบหนึ่งเดือนที่คณะสงฆ์ภาค ๑๔ ได้กระทำของแต่ละจังหวัดมาแสดงให้ที่ประชุมได้เห็น ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก

    เพราะพระสงฆ์ของเรา นอกจากอัฐบริขาร ก็มีแค่พระสังฆาธิการซึ่งมีนิตยภัต ซึ่งความจริงแล้วก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายให้เป็นค่าภัตตาหารของพระเถระ ที่พระองค์ท่านมีความเลื่อมใสแต่ละรูปมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า "เงินเดือนพระ" กระผม/อาตมภาพยังทันในรุ่นที่เจ้าอาวาสมีนิตยภัตเดือนละ ๕๐๐ บาท ไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรอก ออกจากวัดเที่ยวเดียวก็ติดลบแล้ว..! จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ นิตยภัตเจ้าอาวาสอยู่ที่เดือนละ ๑,๘๐๐ บาท ก็ "ไม่พอยาขี้ฟัน" อยู่ดี

    แต่ว่าผลงานที่แต่ละจังหวัดนำมาแสดง ต้องบอกว่าท่วมฟ้าท่วมดิน โดยเฉพาะคณะสงฆ์ของเราช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ไม่ว่าจะด้านใดก็เยอะมาก
    แต่ว่าสายตาของสื่อมวลชนและชาวบ้านทั่วไป ไม่เคยมองในด้านดีนี้เลย มองแต่ว่าจะมีพระภิกษุสามเณรที่ไหนนอกคอก ทำผิดพลาด แล้วก็ช่วยกันกระทืบให้จมดิน ซึ่งลักษณะอย่างนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นผลดีต่อคณะสงฆ์ของเราเลย

    พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ จึงปรารภในพิธีปิดว่า ให้เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด รวมเล่มผลงานในแต่ละเดือน ส่งไปที่สำนักงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านจะหาทางรวมเล่มแล้วเผยแผ่ออกไป ให้คนทั่วไปได้รู้ว่านี่แค่คณะสงฆ์ภาคเดียว ๔ จังหวัดเท่านั้น ทำงานกันขนาดนี้ แล้วทั้งประเทศรวมกัน คณะสงฆ์ของเราทำงานกันขนาดไหน ?

    โดยเฉพาะพื้นที่ที่ยากลำบาก ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร ขนาดใช้รถขับเคลื่อน ๔ ล้อ ต้องใช้เวลาวิ่งเข้าไปถึง ๒ ชั่วโมง นี่แค่จังหวัดกาญจนบุรีแห่งเดียวเท่านั้น พื้นที่ลำบากในลักษณะนี้ของจังหวัดอื่น ๆ ยังมีอีกมาก

    จะยกตัวอย่างก็แค่ที่เชียงราย สาขาของสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง ที่ดูแลโดยครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าของฉายา "นักบุญแห่งขุนเขา" มีถึง ๑๓ แห่ง ตลอดแนวชายแดน แล้วสถานที่เหล่านั้นรถขับเคลื่อน ๔ ล้อก็เข้าไปไม่ได้ ต้องขี่ม้าไป แล้วก็ยังมีพวกประเภทที่อยากจะเห็นพระอรหันต์แบบตอไม้ นั่งนิ่ง ๆ อย่างเดียว บอกว่าเป็นการทรมานสัตว์ อยากจะให้พวกนี้ไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น แล้วลองไปเดินเท้าดูว่า สองวันจะออกมาบิณฑบาตทันไหม !?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ดังนั้น..ในเรื่องผลงานของคณะสงฆ์ แม้ว่าจะมีมากเท่าไรก็ตาม อยู่ในลักษณะว่าทำดีเป็นร้อยครั้ง ไม่มีใครชม หรือว่าจะหาคนชมสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าหากว่ามีความชั่วให้เห็นแม้แต่นิดเดียว โดนด่าแล้วด่าอีก โดยเฉพาะให้สังเกตว่าถ้าใกล้วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา อะไรที่เป็นเทศกาลสำคัญของพระพุทธศาสนา จะมีการแชร์ข่าวพวกนี้ออกมาทันที ทั้ง ๆ ที่บางข่าวก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว แต่ก็ไปขุดมาด่าใหม่..!

    พวกเราจึงต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่า ชีวิตโดยเฉพาะความเป็นภิกษุ สามเณร แม่ชี ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียรพยายามเหนื่อยยากตลอดชีวิต สร้างความดีมา เขาไม่เห็น แต่ถ้าพลาดทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว โดนถล่มจมดินทันที แล้วเราไม่ได้เสียคนเดียว วัดวาอารามก็เสีย ครูบาอาจารย์ก็เสีย โดยเฉพาะที่เสียหนักที่สุดก็คือคณะสงฆ์ ซึ่งถ้าเสียถึงคณะสงฆ์ก็คือพระพุทธศาสนาเสียหาย ถ้าพวกเราขาดสำนึกตรงนี้ สิ่งที่เราทำก็มีโอกาสผิดพลาดสูง เพราะลืมตัวไปว่าตนเองมีเพศภาวะต่างจากคฤหัสถ์แล้ว

    อย่างข่าวที่แชร์กันไม่กี่วันก่อน พระหนุ่มรูปหนึ่งช่วยดูแล ซักผ้า หุงข้าว ทำอาหาร ถวายอีกรูปหนึ่ง จนอีกฝ่ายภูมิใจมาก แชร์ลงโซเชียลว่าเป็นสุดยอดแม่บ้านของตัวเอง คุณจะรักจะชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่มีใครว่า แต่ควรที่จะเก็บอาการให้อยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งก็ดันสิ้นสติ เกิดความภูมิใจขึ้นมาว่ากูเป็นที่รักของอีกคนหนึ่ง แล้วก็แชร์เรื่องลงโซเชียล ถ้ามึงอยู่วัดท่าขนุน โดนตบหัวหลุดแน่นอน..! เรื่องพวกนี้ใช้หัวแม่ตีนข้างไหนตรองดูก็รู้ว่าไม่สมควร แต่ดันขาดสติทำไป แล้วก็โดนสื่อมวลชนยกขึ้นมาตีข่าวกันครึกครื้น พระพุทธศาสนาของเราก็ยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงไปอีก

    ก็คือไม่มีภาพข่าวอะไรที่เสียหาย นอกจากอีกฝ่ายหนึ่งช่วยดูแลเรื่องอาหารการกิน ซักผ้าให้ ไอ้นั่นดันภูมิใจมาก ลงโซเชียลรูปที่เขากำลังปอกผลไม้ให้ แล้วชมว่าเป็นสุดยอดแม่บ้านของตัวเอง ถ้า
    กระผม/อาตมภาพเป็นฆราวาส จะฆ่าให้ตายสองครั้งเป็นอย่างน้อย..! เพราะว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงพระพุทธศาสนาเลย

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือเพื่อนพระสังฆาธิการ อุตส่าห์บวชมา ๓๐ กว่าปี เข้าเฟซบุ๊กวัดท่าขนุนไปตอนไหนไม่รู้ ? สอบถามผมว่า "อาจารย์เล็ก วัตถุมงคลตัวครูคืออะไร ?" ซึ่งความจริง
    กระผม/อาตมภาพคาดว่าหลายท่านที่นี่ก็ไม่เข้าใจ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วัตถุมงคลตัวครูนั้นมีหลายความหมาย ความหมายแรก เป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่ครูบาอาจารย์เมื่อศึกษาวิชาการนั้นสำเร็จแล้วทำขึ้นมา โดยตั้งใจให้เป็นต้นแบบของชิ้นอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำให้มีใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อเก็บรายละเอียดให้หมด เวลาทำวัตถุมงคลชิ้นอื่น แม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็ก เมื่อมีต้นแบบแล้วก็จะได้ลอกแบบได้โดยที่ไม่ผิดเพี้ยนมากนัก เพราะว่าสมัยก่อนส่วนใหญ่แล้วทำด้วยมือ ไม่ได้ทำด้วยเครื่องหรือว่าหล่อขึ้นมา

    ประการที่สอง วัตถุมงคลตัวครูเป็นการลงวิชาความรู้ทุกอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้นศึกษามาเอาไว้ในนั้น พูดง่าย ๆ ว่าครูสอนมาเท่าไร ก็ใส่ลงไปหมดแค่นั้น สมัยก่อนที่
    กระผม/อาตมภาพจะบวช มีหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ จังหวัดชัยนาท พวกกระผม/อาตมภาพไปขอตะกรุด ขอมีดหมอ ปรากฏว่าตะกรุดท่านดอกใหญ่เบ้อเร่อ..! ถามว่า "หลวงพ่อครับ ทำไมไม่ทำดอกเล็ก ๆ บ้าง ?" ท่านบอกว่า "ทำดอกเล็กแล้วลงวิชาครูไม่หมด" ก็คือในเมื่อทำให้ ก็ใส่หมดแค่ที่ตัวเองมี ครูบาอาจารย์แบบนี้ ถ้าใครมีก็ถือว่าโชคดีที่สุด..!

    ประการที่สาม วัตถุมงคลตัวครู มอบให้แก่ใคร เท่ากับว่าบุคคลนั้น ถ้ารู้วิธีสร้าง เท่ากับว่าเป็นผู้สืบสายวิชาการของสายนั้น ๆ ไปโดยปริยาย เพราะว่าถ้าครูบาอาจารย์ท่านไม่เห็นแววท่านก็ไม่ให้ เหมือนอย่างที่หลวงปู่กลั่น วัดเขาอ้อ ท่านจะเอากระผม/อาตมภาพไปสืบสายวิชา ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ จนต้องปฏิเสธกันวุ่นวายหลายครั้ง

    ดังนั้น..
    ในเรื่องของวัตถุมงคลที่เป็นตัวครู มักจะเป็นชิ้นพิเศษ หายาก สร้างน้อย บางท่านในชีวิตก็สร้างแค่ชิ้นเดียว จึงกลายเป็นของที่ใครมีก็ต้องพยายามรักษาเอาไว้ ขอให้พวกเราเข้าใจว่าความหมายโดยรวมคือตามนี้

    เพียงแต่ว่าระยะนี้ กระผม/อาตมภาพเอาของที่ต้องบอกว่าหาได้ง่าย ออกไปเกือบหมดแล้ว พวกของหายากที่เก็บ ๆ เอาไว้ก็ทยอยกันออกมา เพราะว่าตัวเองอายุกาลผ่านวัยก็มา ๖๐ กว่าปีแล้ว ถ้าหากว่าคนไหนรู้คุณค่าบูชาไป ก็ถือว่าช่วยดูแลรักษาต่อจากกระผม/อาตมภาพไปเอง เรื่องอื่นน่าจะพูดไม่ได้ตอนนี้ เพราะว่าเวลาก็พอสมควรแล้ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...