เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และ "เสกปิด" ยาวาสนาจินดามณี ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพิธีที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่าทำไปก็เสียเปล่า..!

    คำว่า "ทำไปก็เสียเปล่า" ในที่นี้ก็คือ ของที่เสกมาดีแล้วก็เหมือนอย่างกับน้ำที่เต็มแก้วแล้ว เทลงไปอีกก็มีแต่จะล้นทิ้งไปเปล่า ๆ แล้วก็ยังต้องไปนิมนต์พระเกจิอาจารย์ท่านโน้นท่านนี้ จนกระทั่งถึงระดับสมเด็จพระราชาคณะมาร่วมพิธีเสกเพื่อที่จะปิด ซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะเหลวไหล เพราะว่าทำให้ค่าใช้จ่ายมากมายขึ้นไปโดยใช่เหตุ เมื่อเข้าไปในโบสถ์ ก็เห็นรัศมีสว่างไสวทั่วถึงกันดีแล้ว
    กระผม/อาตมภาพจึงไม่รู้ว่าจะทำอะไร นอกจากนั่งไปตามแกนอย่างนั้นเอง เมื่อเสร็จพิธี ทำการพรมน้ำมนต์แล้ว ก็เดินทางกลับไปยังที่พัก

    ส่วนในช่วงบ่ายนั้น
    กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดธรรมมงคล (เถาบุญนนทวิหาร) สุขุมวิทซอย ๑๐๑ แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลพระสมเด็จวิริยังค์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อหาทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดธรรมมงคล ของอดีตสมเด็จพระญาณวชิโรดม หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ของกระผม/อาตมภาพเอง

    เหตุที่เรียก "หลวงพ่อ" ก็เพราะว่ารู้จักมักคุ้นกับท่านมานาน ตั้งแต่สมัยที่คุณโยมเถาถวายที่นาให้กับหลวงพ่อท่านเพื่อสร้างวัด แล้วโยมแม่ซึ่งตอนนั้นอยู่บ้านที่ซอยอ่อนนุช ก็คือซอยสุขุมวิท ๗๗ ได้เป็นกรรมการวัด ร่วมกันหาทุนสร้างจนกระทั่งได้พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ มีความสูงที่สุดในกรุงเทพมหานครขึ้นมา แม้แต่ตนเอง เมื่อบวชมาแล้วกว่า ๓๐ พรรษา แล้วไปกราบหลวงพ่อท่าน เรียนถามว่า "จำกระผมได้ไหมครับ ?" ท่านบอกว่า "จำไม่ได้แล้ว" แต่เมื่อเอ่ยชื่อโยมแม่ปุ๊บ ท่านก็นึกออก..จำได้ทันที

    ดังนั้น..ด้วยความคุ้นเคยในส่วนหนึ่งของวัดธรรมมงคล เมื่อได้รับฎีกานิมนต์มาเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อ กระผม/อาตมภาพจึงรับด้วยความยินดี เมื่อมาถึงก็เจอตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) นี่แปลว่าลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ สายวัดท่าซุง ได้รับนิมนต์มาอยู่ที่วัดธรรมมงคล ซึ่งเป็นวัดสายธรรมยุตกันทั้งชุดเลย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เมื่อร่วมพิธี พระท่านเริ่มสวดพุทธาภิเษก กระผม/อาตมภาพก็ยกจิตขึ้นไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของพระองค์ท่านสงเคราะห์ ได้เห็นหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สองปรมาจารย์ใหญ่ของพระสายวัดป่า ปรากฏองค์อยู่ในพิธี ตามมาด้วยหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ แล้วก็หลวงพ่อวิริยังค์ หรือท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม ก็แปลว่างานนี้สบาย กระผม/อาตมภาพได้แต่ดูว่าครูบาอาจารย์ท่านทำอย่างไรบ้างในพิธีกรรมครั้งนี้

    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ทำน้ำมนต์พรมแล้ว
    กระผม/อาตมภาพ เดินทางออกจากพิธี เพื่อที่จะเข้าสู่ที่พักในคืนนี้ ซึ่งเป้าหมายก็คือวัดท่ามะขาม หรือวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แต่ด้วยความที่รถติดสาหัสสากรรจ์ จึงทำให้ "พี่กู" นำพาออกมาขึ้นทางด่วน มาลงที่ถนนวงศ์สว่าง แล้วก็วิ่งต่อออกมาทางด้านบางบัวทอง - สี่แยกนพวงศ์ เพื่อที่จะเข้าไปทางด้านอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ต่อกับอำเภอบางเลนของจังหวัดนครปฐม

    ถ้าหากว่าในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนกระทั่งปริมณฑล ต้องยอมเชื่อว่า "พี่กู" เขาเชี่ยวชาญจริง แต่ถ้าต่างจังหวัดเมื่อไรอย่าได้เชื่อเป็นอันขาด เพราะว่าพี่ท่านชอบ "โชว์พาวฯ" ตามภาษาวัยรุ่น ก็คือจะพาเข้าป่าเข้าดงไปทางเล็กทางน้อย ประมาณจะอวดว่า "กูรู้จักทางดี" แต่ว่าพอขากลับเมื่อไรก็จะให้วิ่งกลับตามถนนใหญ่ ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าทางเล็กเป็นอันมาก แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมพาไปถนนใหญ่ตั้งแต่แรก แล้วแทบทุกครั้งก็จะเป็นเช่นนั้น

    อีกอย่างหนึ่งก็คือคนขับรถควรที่จะมีความรู้เกี่ยวกับเส้นทางเหล่านั้นเอาไว้บ้าง บางทีก็ไม่สามารถที่จะเชื่อถือได้ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพโดนพาหลงมาหลายแห่งแล้ว

    ล่าสุดคือการที่ไปยังมหาจุฬาอาศรม ศูนย์ปฏิบัติธรรมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    กระผม/อาตมภาพก็หลงแล้วหลงอีก จนกระทั่งต้องจอดถามทางจากชาวบ้าน ถึงพอที่จะรู้ได้ว่าหนทางที่ถูกต้องนั้นไปทางไหน พอเข้าถูกทางได้ "พี่กู" ก็รีบบอกเชียวว่าควรที่จะมาทางนี้ ถ้าหากว่าเป็นคนทั่วไปก็ต้องตบให้หัวหลุด..! เพราะว่าครั้งแรก ๆ พาหลงแล้วหลงอีก ไม่ยอมให้มาทางนี้ เป็นต้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เรื่องพวกนี้ขอยืนยันว่าเทคโนโลยีนั้น อย่าได้เชื่อถือไปทั้งหมดในทีเดียว เหตุเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือก็สร้างขึ้นมาด้วยมนุษย์ ในเมื่อเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีข้อผิดพลาดเป็นปกติ เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นบุคคลทั่วไป เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็ย่อมแก้ไขได้ แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นเครื่องมือ หรือที่เรียกกันสมัยนี้ว่า AI ป้อนข้อมูลให้อย่างไรก็ทำตามไปอย่างนั้น แปลว่าถ้าข้อมูลผิด ก็จะพาให้ผิดไปอยู่ตลอดเวลา จนกว่าที่จะได้รับการแก้ไขใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ไม่สามารถที่จะไว้วางใจได้อย่าง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

    แต่ว่าในส่วนของสถานที่เจริญแล้วนั้น ถือว่าสามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ถ้าหากวิ่งเป็นต่างจังหวัดไกล ๆ โปรดอย่าได้เชื่อถือ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า บางทีกระผม/อาตมภาพรู้จักทางดี สามารถที่จะวิ่งไปในทางใหญ่ ๔ เลนได้เลย แต่พ่อเจ้าประคุณพาลัดเข้าป่าเข้าดง ซึ่งเป็นทางลูกรัง บางทีอาจจะสั้นกว่าแค่ไม่กี่เมตร แต่ว่าคอมพิวเตอร์คำนวณแล้วว่าระยะทางนี้สั้นกว่า ก็ไม่ได้สนใจว่าเราอาจจะไปหลงอดตายอยู่ในป่าอย่างไร..! พาไปทางด้านนั้นเลยทีเดียว แต่พอเราไม่ยอมไปตาม เครื่องก็ยอมปรับเปลี่ยนมาตามทางที่เรารู้จัก ปรากฏว่าต่างกันแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่เสียเวลาน้อยกว่ามากทีเดียว

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครใช้ยานพาหนะแล้วต้องอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือในการบอกทาง กรุณาใช้ความสามารถของตนจดจำทางเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าโดนพาหลงไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้ใครช่วยเหลือท่านได้ นอกจากใช้หลักโบราณว่า "หนทางอยู่ที่ปาก" ก็คือถามคนแถวนั้นไปเรื่อย จนกว่าที่จะได้หนทางที่ถูกต้อง

    สำหรับการบันทึกเสียงในวันนี้นั้น เป็นเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใหม่ทั้งหมด โทรศัพท์ก็เป็นของใหม่ หูฟังที่ใช้บันทึกเสียงก็เป็นของใหม่ ระบบต่าง ๆ ก็เป็นของใหม่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบันทึกแล้วจะออกมาอย่างไร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าโทรศัพท์เครื่องเก่านั้นใช้มา ๕ ปีกว่าแล้ว เริ่มมีอาการรวนหนัก ๆ บางทีกดเท่าไรก็ไม่ยอมทำงาน บางทีทำงานก็รู้สึกว่าแบตเตอรี่หมดเร็วเป็นพิเศษ แต่ว่า
    กระผม/อาตมภาพก็ทนใช้มาเรื่อย จนกระทั่งญาติโยมทนไม่ไหว หาของใหม่มาถวาย ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังไม่มีความคุ้นเคย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าระบบการบันทึกต่าง ๆ นั้นจะใช้ได้ถูกต้องหรือเปล่า ?

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในขณะที่เราเคยใช้ของเก่า ต้องเสียบโน่นเสียบนี่หลายแห่งด้วยกัน แต่ว่าของใหม่ ๆ บางทีแทบไม่ต้องเสียบสายอะไรเลย จึงเป็นเรื่องที่ต้องทดลองกันไปก่อน ถ้ามีอะไรสะดุดติดขัด ก็ต้องขออภัยแก่ญาติโยมทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    สำหรับการปลุกเสกวัตถุมงคลในวันนี้ กระผม/อาตมภาพมีความรู้สึกส่วนหนึ่งว่า ญาติโยมทั้งหลายนั้นเคารพพระพุทธเจ้าก็ดี เคารพครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ก็ตาม อยู่ในลักษณะของการเคารพที่ไม่ใช่พุทธานุสติ ไม่ใช่สังฆานุสติ แต่เป็นการเคารพในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประดุจเทพเจ้า ซึ่งไม่ใช่การเคารพที่ถูกต้อง เพราะว่าเราไม่สามารถจะเข้าถึงคุณพระพุทธเจ้า หรือคุณพระสังฆเจ้าที่แท้จริง ได้แต่เกาะที่เปลือกเท่านั้น..!

    ถ้าในลักษณะอย่างนี้ แม้ว่าท่านทั้งหลายจะมีสุคติเป็นที่ไปก็ตาม แต่การเวียนว่ายตายเกิดนั้นหาทางจบได้ยาก ตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณที่แท้จริง ไม่สามารถที่จะแยกพระพุทธเจ้าออกจากพระพุทธรูป ไม่สามารถที่จะแยกพระธรรมออกจากคัมภีร์ ไม่สามารถที่จะแยกพระสงฆ์ออกจากบุคคลทั่วไป ท่านทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงได้เลย..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้กล่าวไปแล้ว ท่านที่ยังไม่สามารถที่จะทำถึงได้ ก็จะรู้สึกว่ากระผม/อาตมภาพพูดอะไรขัดหู แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเข้าถึงเมื่อไร ก็จะนึกได้ทันทีว่ากระผม/อาตมภาพเคยตักเตือนมานานแล้ว

    แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นก็อยู่ในลักษณะของการ "เกาะดี" ซึ่งอย่างไรก็ยังดีกว่าท่านทั้งหลายไปเกาะความชั่ว ในเมื่อเราเกาะความดี อย่างน้อย ๆ สุคติของเราก็จะเป็นไปได้ตามที่หวัง แต่ถ้าจะเอาหลุดพ้นเลย ตราบใดที่เรายังเกาะอยู่ เราย่อมไม่สามารถที่จะหลุดไปได้ ก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะเร่งรัดในการกระทำความดี จนกระทั่งความดีทั้งหลายเพียงพอแล้ว ท่านก็จะปล่อยดีไปโดยอัตโนมัติเอง

    เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็จะเข้าใจว่าคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า และคุณพระสังฆเจ้าที่แท้จริงนั้นคืออะไร ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีเต็มไปหมดรอบตัวตนของเรา เต็มไปทั้งอนันตจักรวาล เพียงแต่ท่านจะเข้าถึงได้มากน้อยเท่าไรเท่านั้นเอง ถ้าท่านเข้าถึงอย่างแท้จริงเมื่อไร พระนิพพานก็อยู่ตรงนั้น พระนิพพานไม่ได้อยู่ที่ใดไกลเลย ไม่ใช่สถานที่อื่นใดเลย หากแต่ว่าอยู่ตรงที่ใจของท่านเข้าถึงและปล่อยวางอย่างแท้จริงนั่นเอง

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...