เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ขอสวัสดีปีใหม่กับผู้ที่ฟังรายการเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ทุกท่าน วันนี้ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพมีภารกิจต่อเนื่องตั้งแต่ปีเก่ายันปีใหม่ ก็คือเริ่มจากการสวดมนต์ข้ามปี แล้วก็ต่อด้วยรับบิณฑบาตปีใหม่ หลังจากนั้นก็เป็นการปฏิบัติธรรมของพวกเรา

    เมื่อนำพวกเราเข้าสู่การปฏิบัติธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปวัดใหม่รางวาลย์ หมู่ที่ ๔ ตำบลท่าเสา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ห่างจากที่นี่เกือบ ๆ ๒๐๐ กิโลเมตร ระยะทางไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่ารถมากมายมหาศาล

    ถ้าถามว่ามากขนาดไหน ? ก็มากขนาดอำเภอสังขละบุรีไม่มีน้ำมันเหลือเลย ใครจะขึ้นสังขละบุรีตั้งแต่เมื่อวานถึงวันนี้ ต้องเติมน้ำมันจากข้างล่าง ก็คือตั้งแต่ทองผาภูมิขึ้นไปเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสังขละบุรีนั้น ตั้งแต่ช่วงน้ำตกเกริงกระเวียขึ้นไป เป็นเส้นทางบนภูเขา คดเคี้ยว เต็มไปด้วยหุบเหว

    สมัยที่กระผม/อาตมภาพทำการก่อสร้างที่สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ตอนนั้นทรายหยาบ (ทรายก่อสร้างธรรมดา) บรรทุกสิบล้อคันละ ๓,๐๐๐ บาท ค่ารถสิบล้อวิ่งไปส่งที่สังขละบุรี ๗,๐๐๐ บาท..! นึกเอาก็แล้วกัน แล้วถ้าหากว่าไม่ใช่รถสองเพลาก็ไม่สามารถที่จะขึ้นได้อีกด้วย..!

    ก่อนที่จะมาอยู่ทองผาภูมิอย่างเป็นการถาวร กระผม/อาตมภาพเคยเดินทางไปกราบหลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งตอนนั้นถนนหลายช่วงยังไม่ดี อย่างเนินช้างร้อง ยังไม่ได้ปาดลงแล้วก็ทำการ์ดเลนอย่างทุกวันนี้ ตอนขาไป วิ่งลงถึงตีนเนิน รถขนซุงกำลังวิ่งขึ้นเนินช้างร้องอยู่ กระผม/อาตมภาพไปกราบทำบุญกับหลวงพ่ออุตตมะ กราบพระพุทธรูปหยกขาวใหญ่ที่สุดในโลก ไปกราบพระเจดีย์พุทธคยา ซื้อข้าวของที่ระลึกแล้ววิ่งกลับมา แซงรถซุงที่กลางเนิน..!

    นึกเอาก็แล้วกันว่าลำบากแค่ไหน รถซุงต้องเร่งเครื่องสุดชีวิต แล้วก็ขยับขึ้นไปทีละเซนติเมตร..! เด็กรถต้องคอยวิ่งเตรียมเอาขอนรองล้อ เผื่อว่ารถหมดกำลังจะไหลกลับ แต่ว่าลักษณะเนินแบบนั้นอันตรายมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    กระผม/อาตมภาพเองเจอมาเป็นเนินที่เตี้ยกว่านั้น ไปช่วยเขาเข็นรถกระบะในทุ่งใหญ่นเรศวร เพราะว่าคนที่เข้าไปนั้นไม่รู้ว่าทุ่งใหญ่หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นเด็กวัยรุ่น ๔ คน พอสอบเอ็นทรานซ์ติดก็ไปฉลองกันที่ทุ่งใหญ่ เอารถกระบะเครื่องเบนซินเข้าไป เขาดูแผนที่แล้วว่า ทุ่งใหญ่ตั้งแต่บ้านคลิตี้หรือว่าบ้านทุ่งเสือโทนไปจนถึงบ้านจะแก ระยะทางแค่ ๙๓ กิโลเมตร น้ำมันถังเดียวผ่านได้สบายมาก

    แต่ปรากฏว่าพอเจอสภาพหนทางเข้าจริง ๆ ก็คือแทบทุกเนินต้องทั้งขุด ทั้งเข็น ต้องเร่งเครื่อง ใช้เกียร์ต่ำอยู่ตลอดเวลาจนน้ำมันหมด แล้วในทุ่งใหญ่มีแต่น้ำมันดีเซล ไม่มีน้ำมันเบนซิน รถทุกคันไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือว่ารถบรรทุกแร่ใช้ดีเซลทั้งหมด ตอนนั้นน้ำมันดีเซลลิตรละ ๖ บาท ฝันไปหรือเปล่า ? กระผม/อาตมภาพไปซื้อน้ำมันเติมรถให้เขา ปรากฏว่าข้างในนั้นคิดลิตรละ ๓๐ บาท..! ห้าเท่าของด้านนอก เพราะว่าขนเข้าไปยากมาก

    เส้นทางลำบากขนาดไหน ? ก็ลำบากขนาดที่ว่าถ้าเป็นหน้าแล้ง ถึงเวลาถ้ามีรถผ่านมา บรรดากะเหรี่ยงที่เดินทางอยู่ระหว่างบ้านทุ่งเสือโทน บ้านทินวย บ้านทิคอง ขึ้นไปห้วยซ่งไท้ ผ่านแม่กะสะ ออกไปบ้านจะแก บางทีก็เดินทะลุออกไปทางด้านทิไล่ป้า ออกไปสะเหน่พ่อง ออกไปสาละวะ ออกไปไล่โว่ ก็มักจะผ่อนแรงตนเองด้วยการโบกรถ นั่งเขย่ากันไป ตับไตไส้พุงคลอนไปหมด

    แต่ถ้าเป็นหน้าฝน ถึงเวลาคนกะเหรี่ยงจะไม่โบกรถ ต่อให้เราจอดแล้วชวนเขาขึ้นรถ เขาบอกว่า "ไม่ไปด้วยหรอก เรากำลังรีบ" เขาเดินอยู่นะ เราไปรถ เขากำลังรีบ..! แล้วก็จริงอย่างที่เขาบอก เพราะว่าเดินเร็วกว่า ขับรถไปเนินแรกก็ติดแล้ว ทั้งขุด ทั้งเข็น ทั้งดัน กว่าที่จะขึ้นไปได้

    ในเมื่อต้องไปช่วยเขาเอารถออกมา ทั้ง ๆ ที่หาน้ำมันไปให้เขาแล้ว ก็เพราะว่าน้ำมันค่อนข้างจะสกปรก ทำให้หัวฉีดตัน อนาถชีวิต..! เจ้าของเขาทิ้งรถแล้ว แต่อาตมภาพดื้อเอง เข็นออกมา ๗๐ กว่ากิโลเมตร ตั้งแต่บ้านพุจือออกมาที่บ้านทุ่งเสือโทนหรือว่าบ้านคลิตี้บน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ระหว่างที่รถขึ้นเนินเป็นจังหวะที่รถไหลกลับ อาตมภาพก็เอาก้อนหินรองล้อ ปรากฏว่ารองไม่อยู่ รถไหลทับผ่านมือไป ยกมือขึ้นมานี่ ๕ นิ้วเต้นเองเลยนะ..! เจ็บ..เจ็บจนเนื้อเต้นเอง..! เพราะรถทั้งคันทับผ่านไป แต่ก็นั่นแหละ กระผม/อาตมภาพเอารถออกมาจนได้

    ญาติโยมเขาถึงได้ยอมรับว่า อาตมภาพนั้นบ้ากว่าเขาหลายเท่า ขนาดเจ้าของรถบอกว่าทิ้งแล้ว เดี๋ยวเอาไว้หน้าแล้งค่อยหารถมาลากออก แต่อาตมภาพคิดว่า "มากับกู ถ้ามึงต้องทิ้งรถนี่เสียชื่อกูด้วย กูต้องเอาออกไปให้ได้"

    คราวนี้ในยุคนั้นรถซุงวิ่งไปที่เนินช้างร้อง ไม่ทราบเหมือนกันว่านานเท่าไรกว่าที่จะผ่านเนินได้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเข้าไปกราบหลวงพ่ออุตตะมะ ไหว้พระ ไหว้สถานที่สำคัญ ซื้อของที่ระลึกเสร็จแล้ววิ่งย้อนกลับมา แซงรถซุงที่กลางเนิน ตอนนี้ถนนดีมากแล้ว แต่เพราะว่าดีมากรถจึงประเดประดังไปกันจนกระทั่งไม่มีน้ำมันเหลือ แล้วทางด้านเจ้าหน้าที่ก็กำลังหาวิธี ทำอย่างไรที่จะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นสะพานไปทีละสองสามพันคนแบบนั้น เพราะว่าถ้าพังโครมลงไปก็คงได้อาบน้ำหน้าหนาวกันโดยไม่เจตนา..!

    ในเมื่อรถขึ้นไปมากขนาดนั้น ลงก็ต้องมากพอ ๆ กัน แล้วพวกที่เริ่มคิดถึงทองผาภูมิ คิดถึงสังขละบุรี กำลังขึ้นมาอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ? รู้อยู่อย่างเดียวว่าแซงยากเป็นที่สุด เพราะส่วนใหญ่ก็จะเกาะตูดตามกันยาวหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะ "พวกขับรถได้" ไม่ใช่ "ขับรถเป็น" กูวิ่ง ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่วิ่งแช่ขวาตลอด มึงเก่งก็แซงซ้ายไปก็แล้วกัน..! ไม่รู้เหมือนกันว่าใครสอนมา บางคันก็วิ่งเอาล้อข้างหนึ่งเหยียบเส้นกลางถนนไว้ ใครสอนก็ไม่รู้ ถ้าวิ่งลักษณะนั้นเท่ากับไปกินเลนคันอื่น

    ที่แย่ไปกว่านั้นอีก กระผม/อาตมภาพเคยได้รับคำถามจากญาติโยมที่เพิ่งหัดขับรถ บอกว่า "เขาสอนว่าให้วิ่งเอาหน้ารถอยู่ตรงเส้นขาวพอดีใช่ไหม ?" อาตมภาพได้ยินแล้วอยากจะตบปากไอ้คนสอนสัก ๗ - ๘ ที..! วิ่งเอาเส้นขาวอยู่ตรงหน้ารถ ก็แปลว่ามึงวิ่งกลางถนน กินไป ๒ เลน ซ้ายขวาไม่ต้องไปไหนเลย แล้วก็มีไอ้บ้าที่สอนประเภทนั้นจริง ๆ นะ แล้วบ้านเราก็มักจะอะลุ้มอล่วย ไม่ค่อยที่จะลงโทษกันหนัก ๆ ก็เลยไม่ค่อยที่จะเข็ดหลาบกัน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ก็มีรถยนต์พุ่งมาจากข้างทาง มาไม่ดูตาม้าตาเรือ โยมกำลังขับเพื่อที่จะเร่งให้กระผม/อาตมภาพกลับมาทันงานที่นี่ ต้องบีบแตรลั่นไปเลย ไอ้เจ้านั่นรีบหักขวับ ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ยังดีที่ไม่มีรถสวนมา ไม่อย่างนั้นก็สวัสดีเธอจ๋า..! เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นไปอีก

    ดังนั้น..คนที่ "ขับรถได้" นี่อันตรายสุด ๆ สัญญาณก็ไม่มี มีโยมบางคนที่กระผม/อาตมภาพรู้จัก ขับไปข้างหน้าอย่างเดียว ซ้ายขวาหน้าหลังไม่สนใจทั้งนั้น คนอื่นจะเดือดร้อนอย่างไร ไปหลบกันเอาเอง เป็นแบบนั้นจริง ๆ..!

    อีกประเภทหนึ่งก็คือขี้กลัวจนเกินเหตุ นอกจากจะย่องไป ๖๐ - ๗๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ยังต้องห่างจากคันหน้า ๒๐๐ เมตร คันอื่นรำคาญ พอปาดแซงขึ้นหน้าไป ตัวเองก็ต้องชะลอให้ได้ ๒๐๐ เมตรอีก แล้วถ้าไปเจอไอ้ประเภทนี้เต็มทุกเลน ?

    อาตมภาพเจอมาแล้ว ๔ คันวิ่งเรียงกันด้วยความเร็วเท่า ๆ กัน รถข้างหลังติดยาวหลายกิโลเมตรเลย แล้วพวกนี้สมาธิสุดยอดมาก ใครบีบแตรด่าแม่ขนาดไหนกูไม่สน..! กูไปของกูแค่นี้แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว ดังนั้น..ปัญหาในเรื่องการจราจรของบ้านเราจึงเป็นปัญหาโลกแตก แก้ยากที่สุด

    แต่กระผม/อาตมภาพเจอปัญหาจราจรที่หนักกว่าบ้านเราอีก ก็คือที่ประเทศเนปาล บ้านเราอย่างเก่งก็มีสี่แยก ซ้าย ขวา หน้า หลังแค่นั้น ของเนปาลนี่นอกจากจะมีสี่แยกแล้วยังมีเฉียงซ้าย มีเฉียงขวา มีตะแคงเกือบ ๆ จะซ้ายขวา บางแยกมีตั้ง ๘ ทาง..! เพราะฉะนั้น..ขอชื่อชมว่าจราจรประเทศเนปาลเก่งที่สุดในโลก ถนนแบบนั้นเขาสามารถโบกรถให้ไปได้..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,675
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,553
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือคนขับ รถทุกคันใช้แตรสนั่นหวั่นไหวไปหมด แต่เขาดันรู้ว่าคันไหนบีบให้เรา..! มึงเอาอะไรมาฟังวะ..?! ทุกวันนี้กระผม/อาตมภาพยังงงอยู่เลย ไปเนปาลมา ๓ - ๔ รอบแล้ว ยังจับเคล็ดตรงนี้ไม่ได้

    แต่ก็เห็นความเอื้อเฟื้อของเขา เพราะว่าถนนกับรถเท่ากันพอดีเลย สองฝั่งคือกำแพง..ห่างจากรถแค่ฝ่ามือ รถสามารถวิ่งสวนกันได้ ไม่ได้พูดเล่นนะ..เรื่องจริง พอวิ่งพรวดไปถึงก็จ๊ะเอ๋กัน คันที่อยู่ใกล้แยกที่สุดจะต้องถอยหลังไปหลบเข้าแยก แล้วให้คันที่อยู่ไกลแยกกว่าวิ่งไปก่อน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันสุด ๆ ถ้าบ้านเรานิสัยดีอย่างนี้นะ ถนนบ้านเราน่าจะเป็นสวรรค์ดี ๆ นี่เอง แต่เสียดาย..บ้านเราคนขับรถแต่ละคน บางคนก็ให้ฉายาว่า "เฮียขับรถ" บางคนก็บอก "ควายหลุดถนน" แล้วแต่จะด่าไปเถอะ กูก็ไปของกูอย่างนี้แหละ..!

    แต่ว่าก็ยังดีที่สามารถฝ่าฝันกลับมาได้ มาถึงทำอะไร ? กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งไปเปิดระบบซูมออนไลน์ก่อน เพราะว่าลงทะเบียนรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมเอาไว้ ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วกระผม/อาตมภาพเป็นผู้บรรยายเอง เปิดเสร็จก็ตั้ง "พร็อพ" พระครูวิลาศกาญจนธรรมนั่งตัวตรงเป๊ะ จะสวดมนต์ จะทำวัตร จะอะไร ไม่มีขยับเขยื้อนเลย แล้วก็มานั่งพูดอยู่ตรงนี้..!

    เพราะฉะนั้น..เรื่องของหน้าที่การงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเยอะแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากว่าเรามีสติมั่นคงจะแยกแยะงานออก สามารถที่จะทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ว่าเป็นเรื่องที่พวกเราจะต้องฝึกหัดกันอีกนาน..!


    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...