ผู้ใหญ่ คือ บุคคลที่ดูแลตัวเองได้ เมื่อพบเจอปัญหาสามารถแก้ไขด้วยตนเองได้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,670
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,393
    4529CD19-2C8B-46E4-9044-E2101786F373.jpeg

    เด็กวัยรุ่น เมื่อไร ๆ ก็คือวัยรุ่น ค่อนข้างจะอิสระและกบฏต่อครอบครัวเป็นเรื่องธรรมดา อันนี้ต้องบอกว่าเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในสายเลือด พอถึงเวลาแล้วต้องแตกครอบครัวออกไป เพื่อเป็นการกระจายสายพันธุ์ของตนเอง ในเมื่อเป็นสัญชาตญาณ พอถึงเวลา พ่อแม่กับลูกก็จะกัดกันตลอด เพียงแต่ว่าคนเราพอถึงระดับหนึ่งจะมีพัฒนาการ รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูก ก็ปรับได้ แต่บรรดาสัตว์ต่าง ๆ เขาปรับตรงนี้ไม่ได้ พอวัยรุ่นปุ๊บ แม่ก็ไล่กัดให้ไปหากินเอง

    จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่เราต้องชี้แจงให้เขาทราบ เพราะว่าเด็กวัยรุ่นมักจะคิดว่าตัวเองโตแล้ว แต่พ่อแม่ยังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ เราต้องชี้แจงให้เขาทราบว่าผู้ใหญ่คืออะไร ผู้ใหญ่คือบุคคลที่สามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ มีปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไขด้วยตนเองได้

    ถ้าอะไรเกิดขึ้นแล้วคิดถึงพ่อถึงแม่ไว้ก่อน รู้ไว้เลยว่ายังไม่โต เพราะฉะนั้น..ตัวใหญ่แค่ไหนก็ยังไม่โต ก็ยังต้องเป็นเด็กต่อไป ยกเว้นว่าเราสามารถทำอะไรด้วยตนเอง ยืนหยัดด้วยตนเอง มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นสามารถแก้ไขด้วยตนเอง ทำมาหากินด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งใคร พ่อแม่ตายลงไปเดี๋ยวนั้น เราอยู่ได้ อันนั้นเป็นผู้ใหญ่แน่นอน

    ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ฮอร์โมนกำลังล้น พลังงานเหลือเฟือ อยากทำนั่นอยากทำนี่ อยากมีอิสระ แต่พอลูกถึงวัยรุ่น พ่อแม่ก็ถึงวัยทองพอดี กลายเป็นคนหนึ่งเกิน คนหนึ่งขาด... ทีนี้พอคนหนึ่งเกิน พอคนหนึ่งขาด ก็เลยกลายเป็นเข้ากันยาก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ฝึกกำลังใจให้ทรงตัวมั่นคง ไปใช้อารมณ์กับลูก ก็จะแย่ ถ้ากำลังใจมั่นคง ใช้เหตุใช้ผล ลูกเขาจะให้ความเคารพนับถือมากกว่า

    สมัยอยู่วัดท่าซุง มีสองครอบครัว ลูกเป็นวัยรุ่นเที่ยวกลางคืน กลับบ้านตีหนึ่งตีสอง ตอนที่อาตมาอยู่เวรยามก็ลองใช้วิทยุสื่อสาร คราวนี้ใช้ช่องสมัครเล่น คลื่นวีอาร์ พอวัยรุ่นพวกนี้คุยเข้ามา เราก็คุยแทรก แทรกไปแทรกมา เห็นว่าคุยสนุกหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เขาก็เลยขอ ว.๑๕

    ถาม : แปลว่าอะไรคะ ?
    ตอบ : เขาขอพบหน้า เขาถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน เราก็บอกว่าบ้านอยู่มโนรมย์ มาทางด้านอุทัยธานีสี่กิโลเมตร รั้วเหลือง ๆ ยาว ๆ นั่นแหละบ้านหลังนั้น ขึ้นมาเลย เขาก็มาจริง ๆ มาแล้วก็งง ๆ อาตมามองดูแล้ว เวรกรรม..! เจ้าตัวเล็กสุดเพิ่งจะอยู่ ป.๖ นอกนั้นก็อยู่ ม.๑ - ม.๔ ก็เลยถามผลการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ? ปรากฏว่าคนที่เรียนได้สูงที่สุดได้เกรด ๒.๘ ถามเขาว่า "อยากเรียนเก่งไหม ?" เขาบอกว่า "อยากเรียนเก่ง" ก็เลยสอนให้เขาทำสมาธิ ปรากฏว่าเทอมต่อมาได้เกรดสามกว่าทุกคนเลย พ่อแม่เลยพามาหมดทั้งบ้าน

    เขาบอกว่าเขาอยู่ที่นั่นมานานแล้ว ได้ยินชื่อเสียงหลวงพ่อ แต่พ่อแม่ไม่พาเข้าวัด เพราะเขาไม่เห็นประโยชน์ แล้วพ่อแม่เขาฟรีกับลูกมากเลย ปล่อยเที่ยวกลางคืนดึก ๆ ทุกคืน ลูกผู้หญิงล้วน ๆ สองครอบครัวเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ๖ คน เขาบอกกับลูก ๆ ว่า "ไปหัวหกก้นขวิดอย่างไรก็ได้ อย่าให้ท้องก็พอ..!"

    ก็ต้องค่อย ๆ ชี้แจงให้เขารู้ว่า แม้ว่าพ่อแม่จะรักและตามใจ แต่เราต้องรักตัวเราเอง เพราะว่าทุกคนจะต้องโตขึ้นไปข้างหน้า และทุกคนก็หวังที่จะมีครอบครัวที่ดีและมั่นคง ถ้าเราทำตัวอย่างนี้อยู่ทุกวัน ๆ และคนรู้กันทั่ว ใครเขาจะมาขอแต่งงานด้วย เราต้องบอกความจริงกับเด็ก ไม่ใช่ปิด ๆ บัง ๆ พูดให้เขาคิดเอง เขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยน จากที่เคยไปเที่ยวกลางคืนก็ไม่ไปแล้ว
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...