เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,578
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,578
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปเป็นประธานสงฆ์ในงานทอดกฐินสามัคคีของวัดวังปะโท่ หมู่ที่ ๘ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งลูกศิษย์รุ่นแรก คือ พระครูปลัดปรีชา จิรนาโค, ดร. ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นั่น

    เมื่อไปถึง ปรากฏว่าทางพระครูปลัดปรีชา, ดร. ได้จัดให้พระทั้งหมดนั่งอยู่บนอาสนะสงฆ์ กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้พระครูปลัดปรีชา, ดร. ท่านนั่งหัวแถว

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเป็นธรรมเนียมเลยว่า ในพิธีรับกฐินนั้น ไม่ว่าจะมีผู้อาวุโสพรรษามากกว่าเท่าใดก็ตาม เจ้าอาวาสต้องนั่งหัวแถวเสมอ

    พระครูปลัดปรีชา, ดร. ตอนแรกก็ไม่ยอมนั่งหัวแถว จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องดุเอาว่า "นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว ถ้าหากว่าต้องการให้ผมนั่งเป็นประธาน ก็ต้องจัดที่นั่งไว้ต่างหากข้างล่าง แต่ถ้าให้นั่งรวมกันข้างบนทั้งหมด คุณก็ต้องอยู่หัวแถวตามธรรมเนียม"
    เรื่องพวกนี้บางทีเราท่านทั้งหลายก็นึกไม่ถึง เพราะว่าเรื่องบางอย่างก็เป็นแบบธรรมเนียมเฉพาะของทางคณะสงฆ์ ซึ่งญาติโยมทั้งหลายบางทีก็ไม่เข้าใจ แล้วอาจจะคิดว่าพระสงฆ์ของเราปฏิบัติผิดพลาดไปอีกต่างหาก

    อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า กระผม/อาตมภาพนั้นใส่หน้ากากอนามัยติดตัวอยู่เสมอ เนื่องเพราะว่าระยะนี้งานทอดกฐินสามัคคีทำให้หลายวัดเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้วพระสงฆ์วัดท่าขนุนที่ไปช่วยงานในวัดสาขาต่าง ๆ ก็นำเอาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ กลับมาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาสที่วัดท่าขนุน ซึ่งตอนนี้ก็มีพระภิกษุสามเณรติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จำนวน ๖ รูป และฆราวาสอีก ๑ คน

    ทางด้านคณะ อสม.ตำบลท่าขนุน นำโดยคุณสายใจ สินค้าประเสริฐ หัวหน้าคณะ อสม.ได้มาทำการตรวจคัดกรองให้อยู่เนือง ๆ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ต้องขอเจริญพรขอบพระคุณทางคณะ อสม.ตำบลท่าขนุนเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,578
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายก็คือว่า กระผม/อาตมภาพได้ซื้อแคชเชียร์เช็คมอบให้กับทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เป็นเงิน ๒๗๖,๐๕๐ บาท เพื่อช่วยจ่ายค่าเทอมให้กับนิสิต ทั้งพระภิกษุ สามเณร แม่ชีและฆราวาส ที่ค้างจ่ายค่าเทอมจนไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าสอบ จึงเท่ากับว่า กระผม/อาตมภาพเหมาจ่ายค่าเทอมตกค้างทั้งหมดให้ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ก็จะไม่มีการติดบัญชีตัวแดงอีก ก็เหลืออยู่แต่ว่าคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ชุดใหม่ ซึ่งมาแทนที่กระผม/อาตมภาพนั้น จะมาบริหารจัดการให้เป็นไปในด้านใด

    แต่ก็มีงานอีกส่วนหนึ่งก็คือการทำวารสาร มจร.กาญจนปริทรรศน์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพรับผิดชอบอยู่เต็มตัว โดยมอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ แต่ว่ากำลังใหญ่ก็คือ ดร.สุรชัย พุดชู ซึ่งก็คืออดีตพระมหาสุรชัย ชยาภิวฑฺฒโน ซึ่งกระผม/อาตมภาพให้ทุนเรียนปริญญาเอกที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) นั่นเอง พร้อมกับ ดร.แม่ชีกุลภรณ์ แก้ววิลัย พระสมุห์สิปปภาส มหาสิปฺโป ซึ่งเป็นนิสิตปริญญาโทที่กระผม/อาตมภาพได้สอนให้ที่วัดไร่ขิง และพระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ วัดท่าขนุน ช่วยกันดูแลงานวารสารด้านต่าง ๆ

    ท่านทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกำลังหลัก ในการผลักดันจนกระทั่งวารสาร มจร.กาญจนปริทรรศน์ดำเนินมาจนถึงฉบับที่ ๖ แล้ว ปีหน้าเราก็จะดันขึ้นฐานทีซีไอ ฐาน ๒ หลังจากนั้นแล้วถ้าหากว่าทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์มีผู้รับผิดชอบได้ กระผม/อาตมภาพก็จะมอบงานนี้ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นรับผิดชอบต่อไป

    เนื่องเพราะว่าเมื่อวารสารขึ้นฐานแล้วก็จะมีแต่รายรับเข้ามา ผู้ใดที่ต้องการนำเรื่องลงตีพิมพ์ ก็ต้องจ่ายค่าตีพิมพ์ให้กับทางวารสารทุกคนไป ซึ่งตอนนี้ของเรายังอยู่ในระยะที่เรียกว่าลด แลก แจก แถม ก็คือมีการพิจารณาเรื่องโดยเร็วขึ้น เมื่อได้เรื่องที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังมีการแจกรางวัลให้อีกด้วย..!

    แล้วกระผม/อาตมภาพก็ยังพินิจพิจารณาว่า จะมีการมอบรางวัลใหญ่ให้กับเรื่องที่ตีพิมพ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย หรือว่างานวิชาการ ซึ่งตลอด ๖ ฉบับที่ผ่านมา จะให้ทางคณะกรรมการคัดเลือกเรื่องที่ถือว่ายอดเยี่ยมออกมา แล้วก็มอบรางวัลให้อีกต่างหาก แต่ว่าหลังจากนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะต้องจ่ายค่าตีพิมพ์ให้กับทางวารสาร โดยที่วันดีคืนดีกระผม/อาตมภาพก็จะมาพิจารณาว่ามีเรื่องไหนที่เป็นผลงานเด่น แล้วก็จะมอบรางวัลให้อีกตามเคย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,578
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ในเรื่องของการบริหารจัดการต่าง ๆ นั้น สำคัญที่สุดก็คือเราต้องมีหลักอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทะ ความพอใจที่จะทำงานนั้น ๆ แล้วประกอบด้วยวิริยะ พากเพียรทำไปไม่ท้อถอย มีจิตตะ กำลังใจปักมั่นแน่วแน่ต่อเป้าหมาย ไม่คลอนคลาย และวิมังสา ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอว่าเราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ทำไปถึงไหน ? ตรงต่อเป้าหมาย หรือว่ายังใกล้ไกลต่อเป้าหมายที่วางไว้เท่าไร ?

    โดยเฉพาะถ้าเป็นการบริหารคนแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตอบสนองต่อความหวังของคนทั้งหลายเหล่านั้น เพราะว่าบุคคลทุกคนก็ย่อมหวังความก้าวหน้า ต่อให้เป็นพระภิกษุสามเณรก็ตาม ถ้ายังไม่ถึงระดับอนาคามิผลแล้ว ก็ยังมีความหวังความก้าวหน้าอยู่เช่นกัน

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าสามารถหายศ หาตำแหน่ง หาสมณศักดิ์ ให้แก่พระภิกษุสามเณรที่เป็นบุคคลที่เรียกหาใช้สอยอยู่เสมอได้ ก็จะรีบขอ รีบหา รีบจัดการให้ เพื่อให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้เห็นว่า งานที่เขาทำนั้นมีความก้าวหน้าไปตามลำดับ

    ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด เราจะไปพินิจพิจารณาแบบคนอื่นที่บอกว่า "พระอาจารย์เล็กรวยแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินตรงนี้" แล้วก็ยึดเอารางวัลที่กระผม/อาตมภาพควรจะได้ไปใช้จ่ายกันเองนั้น อยากจะถามว่า "บอกกับผมสักคำก่อนดีไหม ? ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพเห็นด้วยแล้วค่อยทำอย่างนั้น" ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าท่านทั้งหลายเป็นพระภิกษุ ก็เสี่ยงต่อการต้องอาบัติปาราชิกเป็นอย่างยิ่ง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระผู้ใหญ่ซึ่งท่านสังเกตอยู่ โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์จากพระราชวิสุทธิเมธี ขึ้นเป็นพระเทพปริยัติโสภณ กระผม/อาตมภาพก็ได้ขอฐานานุกรมของท่านไว้ ๒ ตำแหน่ง ซึ่งเมื่อขอไป ทางด้านพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณก็ได้บอกว่า "ถ้าท่านอาจารย์เล็กขอ ผมต้องรีบให้ เพราะว่าท่านไม่เคยขอเพื่อตัวเองเลย" แล้วทั้ง ๒ ตำแหน่งนั้น กระผม/อาตมภาพก็มอบให้กับหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) และครูบาหน่อแก้วฟ้า (พระครูสมุห์เจษฎา โชติปญฺโญ) ไป ดังที่ท่านทั้งหลายได้รู้เห็นกัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,578
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ความจริงตอนแรกนั้นหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีท่านจะให้สมณศักดิ์ที่สูงกว่านั้น แต่ว่ามีบุคคลที่ท่านต้องการจะเรียกใช้งานมาขอในตำแหน่งนั้น ๆ ทีหลัง กระผม/อาตมภาพจึงตัดแบ่งให้ไป โดยที่บอกกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณว่า "หลวงพ่อเอาคนทำงานไว้ก่อน เรื่องของกระผมนั้นเมื่อไรก็ได้ เพราะว่ากระผมไม่ได้ต้องการเสริมตนเองด้วยสมณศักดิ์เหล่านี้ เพียงแต่ว่าขอให้เป็นกำลังใจแก่บุคคลที่ตั้งใจทำงานเท่านั้น" ซึ่งท่านเองก็ขอโทษขอโพย ขออภัย เนื่องจากว่ารับปากเอาไว้ว่าจะให้สูงกว่านั้น แต่ท้ายที่สุดก็ต้องลดลงมา เพื่อมอบตำแหน่งที่สูงกว่าให้แก่บุคคลที่ท่านจำเป็นจะต้องเรียกหาใช้งานแทน

    กระผม/อาตมภาพเองนั้นเป็นคนที่ไม่คิดอะไร หลวงพ่อนิลและครูบาหน่อแก้วฟ้าก็เช่นกัน เพราะเราทั้งหลายถือหลักที่ว่า "ยศช้าง ขุนนางพระ" ให้มาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากจะมี "ปลอกคอ" เพิ่มขึ้นมาเส้นหนึ่ง ซึ่งคำว่า "ปลอกคอ" นี้อาจจะหยาบคายอยู่สักหน่อย แต่เนื่องจากว่าโลกยุคนี้สมัยนี้เขาต้องการ

    ถ้าหากว่ามียศมีตำแหน่ง คนก็จะนับหน้าถือตามากกว่า ให้ความเชื่อถือศรัทธามากกว่า แล้วในขณะเดียวกัน บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็ดีใจว่า หลวงพ่อของตนเอง ครูบาอาจารย์ของตนเองนั้น มีความเจริญก้าวหน้าในทางพระพุทธศาสนา

    ดังนั้น..ในส่วนที่ว่าการบริหารคนนั้น ต้องตอบสนองต่อความหวังของเขา ไม่ว่าจะเป็นยศ เป็นตำแหน่ง เป็นขั้นเงินเดือนก็ตาม เราจะละเว้นเสียไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะผูกใจคนให้แน่วแน่อยู่กับเราได้ เนื่องจากว่าท่านทั้งหลายยังไม่ได้มีกำลังใจที่มั่นคงถึงระดับที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งหนึ่งประการใด ซึ่งท่านทั้งหลายที่ทำได้แบบนั้น กระผม/อาตมภาพก็ขอยกเอาไว้เหนือเศียรเหนือเกล้าว่า ท่านเป็นบุคคลที่เหนือโลก และอาจจะพ้นโลกไปแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าโมทนาเป็นอย่างยิ่ง

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...