เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 กันยายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,550
    ค่าพลัง:
    +26,389
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,550
    ค่าพลัง:
    +26,389
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ งานสำคัญของวันนี้ก็คือ การไปร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ์ พระบรมราชินี ประจำเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

    ซึ่งคณะสงฆ์ตำบลหินดาด โดยท่านพระครูสีลกาญจนคุณ เจ้าอาวาสวัดหินดาด เจ้าคณะตำบลหินดาด และคณะสงฆ์ตำบลสหกรณ์นิคม โดยท่านพระครูกาญจนสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดหินดาดผาสุการาม เจ้าคณะตำบลสหกรณ์นิคม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ ศาลาการเปรียญ วัดหินดาดผาสุการาม หมู่ที่ ๕ ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    ในงานนี้ทางด้านพิธีกรได้ขอให้พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรังกาสี กล่าวสัมโมทนียกถาก่อนการเจริญพระพุทธมนต์สักเล็กน้อย ท่านเจ้าคณะอำเภอมอบฉันทานุมัติให้กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่กล่าวแทน จึงได้บอกกล่าวแก่พระเถรานุเถระทั้งหมดที่มาร่วมงาน และคณะญาติโยมที่มาร่วมงาน ตลอดจนกระทั่งน้อง ๆ นักเรียนทั้งหมดว่า

    สิ่งที่เราทำในวันนี้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ประเทศไทยของเราไม่สามารถที่จะขาดสถาบันพระมหากษัตริย์ไปได้ เพราะว่า ๓ สถาบันหลัก ซึ่งเป็นเสาค้ำประเทศไทยของเรา ได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เป็นสิ่งที่ผูกพันเกี่ยวเนื่องกันอย่างชนิดที่ไม่สามารถจะแยกกันออกได้

    การที่หมู่ชนจำนวนมากยึดถือหลักในการประพฤติปฏิบัติแบบเดียวกัน เรียกว่าสถาบันศาสนา ในเมื่อเกิดสถาบันศาสนาขึ้นมา บุคคลที่นับถือแนวทางเดียวกัน ไปอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก จึงเกิดเป็นสถาบันชาติขึ้นมา เมื่อมีสถาบันชาติแล้ว ทุกคนยกให้ผู้ใดผู้หนึ่งขึ้นเป็นผู้นำ ก็เกิดสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมา เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์เห็นว่า สถาบันศาสนานั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนทั้งหมดในชาติ จึงให้การอุปถัมภ์ค้ำชูต่อสถาบันศาสนา

    ดังนั้น..ในเรื่องของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กับประเทศไทยของเรานั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้เลย โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ทรงสละเลือดเนื้อและชีวิต ในการปกป้องรักษาแผ่นดินนี้ให้พวกเราได้อยู่สุขเสมอมา แม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีการรบราเพื่อแย่งชิง เพื่อปกป้อง เพื่อรักษาผืนแผ่นดินแล้วก็ตาม สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงดำเนินหน้าที่ ในการสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ

     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,550
    ค่าพลัง:
    +26,389
    โดยเฉพาะในยุคสมัยของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็คือสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ท่านทรงดำเนินโครงการเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนถึง ๔,๐๐๐ กว่าโครงการตลอดระยะเวลาในการครองราชย์ถึง ๗๐ ปี

    เมื่อดำเนินมาจนผลเริ่มปรากฏชัด พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรง "สืบสาน รักษา และต่อยอด" ในผลงานของสมเด็จพระบรมชนกนาถสืบมา ดังนั้น..สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงยังมั่นคงอยู่กับประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน

    การที่เราทั้งหลายได้มาแสดงออกซึ่งกตเวทิตาธรรม คือการเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพนับถือในสถาบันพระมหากษัตริย์ของบุคคลทั้งหมดในชาติ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสหญิงชาย

    ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือว่าพ่อค้าประชาชนก็ตาม มาร่วมแรงร่วมใจกันกระทำในสิ่งที่เป็นกตเวทิตา คือรู้ว่าองค์พระมหากษัตริย์ มีความดีอะไร ก็พยายามที่จะตอบแทน แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี แสดงออกซึ่งความสามัคคีเหนียวแน่นของชนในชาติ เท่ากับว่าเราปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในข้อที่ว่า ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ คือการบูชาบุคคลที่ควรบูชา จัดว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่งนั่นเอง


    เมื่อกล่าวสัมโมทนียกถาแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ได้เป็นต้นเสียงในการนำเจริญพระพุทธมนต์ จนกระทั่งจบแล้ว ทำการอุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำถวายเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางฝ่าสายฝนและรถติด เข้าสู่สถานที่พักในคืนนี้ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวไปประชุมต่อในอีก ๒ วันข้างหน้า

    ยังโชคดีที่ว่าโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ คือเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้มอบหมายให้พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิไปร่วมโครงการแทน ทำให้กระผม/อาตมภาพมีเวลาทำงานที่วัดเพิ่มขึ้น ๑ วัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,550
    ค่าพลัง:
    +26,389
    แต่ว่าในงานประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ของพรุ่งนี้ก็ดี ในงานประชุมเจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ในวันมะรืนนี้ก็ตาม เป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะว่าอันดับแรก วัดท่าขนุนเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ และได้รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเฉลิมพระเกียรติตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ มาแล้ว

    และปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพนอกจากดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) แล้ว ยังเป็นประธานศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ต้องคอยดูแลสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๓๙ แห่ง และจะต้องเร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมเพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วย จึงเป็นเรี่องที่ต้องนับว่าเป็นหน้าที่โดยตรง ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ต่อให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่ง หรือว่าไม่มีคำสั่งก็ต้องไปร่วมงานประชุมด้วย

    ส่วนในงานประชุมเจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ นั้น ในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด คือรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น ก็จำเป็นที่จะต้องมาร่วมงาน เพื่อที่จะได้ทราบว่าผู้บังคับบัญชาเบื้องสูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ท่านมีแนวนโยบายอย่างไร ที่จะบอกกล่าวให้แก่เจ้าคณะตำบลและรองเจ้าคณะตำบลไปกระทำ

    เราในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าขึ้นมา ก็ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้เจ้าคณะตำบล และรองเจ้าคณะตำบล ตลอดจนกระทั่งเลขานุการ ได้กระทำหน้าที่อย่างเต็มสติกำลังของตน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,550
    ค่าพลัง:
    +26,389
    ในเรื่องของการบริหารงานคณะสงฆ์ก็ดี บริหารกิจการสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม สำคัญที่ว่าเราจะต้องประกอบไปด้วยหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือหลักอิทธิบาท ๔ ได้แก่

    ๑) ฉันทะ มีความยินดีและพอใจที่จะกระทำตามหน้าที่นั้น ๆ ด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยการทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดที่มี เพื่อให้งานในหน้าที่นั้นออกมาให้ดีที่สุด

    ๒) วิริยะ มีความพากเพียรที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ท้อถอย ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคยากเข็ญขนาดไหนก็ตาม ก็จะต่อสู้ฟันฝ่าไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

    ๓) จิตตะ มีกำลังใจจดจ่ออยู่กับหน้าที่การงานนั้น ๆ มุ่งมั่นไม่ท้อถอย จนกว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์

    ๔) วิมังสา มีความมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย ศึกษาทบทวนอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด ยังตรงต่อกิจงานนั้นอยู่หรือไม่ ? ต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ให้งานนั้นออกมาแล้วดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

    ถ้าหากว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าจะกระทำสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ประกอบไปด้วยหลักอิทธิบาท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่เราทั้งหลายกระทำนั้นย่อมประสบความสำเร็จด้วยดี และดีกว่าผู้อื่นเสมอ เพราะว่าเรามีใจให้กับงาน ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...