เรื่องเด่น @.. บุพการีกับการสร้างบารมี ฯลฯ..@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 ธันวาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    c_oc=AQko0xH0XaesOogzAbn5Y_R1Bqcl5jcsxbYNERBBFzlMRTIpMG-agU-cNkZLtlihSOs&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=337fa201e805fd0dfe04539797595707.jpg

    เรื่อง "รูปร่างกายนี้ล้วนเป็นสมบัติของพ่อแม่"

    (คติธรรม หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม)
    (วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร)

    ธาตุดิน เป็นสมบัติของบิดา
    ธาตุน้ำ เป็นสมบัติของมารดา

    พวกเราไม่ใช่ของเรา เดี๋ยวนี้เราใช้สมบัติของบิดามารดา เพราะฉะนั้นผู้ใช้เป็น เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตน ผู้ใช้ไม่เป็น เป็นบาปเป็นกรรมเป็นโทษ ท่านจึงให้รักษา รักษาสมบัติของบิดามารดาไม่ให้ทำความชั่วช้าเสียหาย

    ฆ่าสัตว์
    ลักทรัพย์
    ประพฤติผิดในกาม
    พูดปดมดเท็จ
    ดื่มสุราเมรัย

    ถ้าใครรักษาได้แสดงว่ารักษาสมบัติของบิดามารดา ย่อมเป็นบุญ เป็นกุศล แก่ตนทุกภพทุกชาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    lp008-jpg.jpg
    อยากจะบอกว่าประสบการณ์ชีวิต ๕๐ กว่าปีที่ผ่านมา คนไหนทำอย่างไรกับพ่อแม่ เวลาตัวเองมีลูกเมื่อไรได้คืนทันที และได้คืนหลายเท่าด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ?

    เคยดื้อกับพ่อแม่เท่าไร พอมีลูกจะดื้อกว่าหลายเท่า เคยเถียงพ่อเถียงแม่ เคยทำร้ายพ่อแม่ หรือทำให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจเท่าไร ถึงเวลาลูกตัวเองจะทำมากกว่าที่เราทำกับพ่อแม่ เป็นอย่างนี้แทบทุกครอบครัวที่เคยเห็น

    ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่รักเรา ถึงแม้พ่อแม่จะดุด่าเฆี่ยนตีเรา เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธไปเกลียดท่าน เราต้องคิดดูว่า ถ้าเราไม่มีท่าน เราก็ไม่มีที่เกิด เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นตัวเป็นตนได้ มีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ในชาตินี้ ก็ด้วยร่างกายนี้ที่พ่อแม่ให้มา

    เพราะฉะนั้น..มีโอกาสแล้วทำดีกับท่านไป ขอให้ทุกคนเชื่อว่าทำดีแล้วต้องได้ผลดี แม้ว่าผลนั้นจะมาช้าไปหน่อยก็ตาม

    อาตมาเห็นหลายครอบครัวที่พ่อแม่เป็นคนเจ้าโทสะ ค่อนข้างจะร้ายกาจกับลูกหลานตัวเอง แต่พอลูกตั้งใจทำดีในศีล สมาธิ ปัญญา สั่งสมไปนานเข้า ๆ พอกำลังความดีสูง ก็สามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของพ่อแม่ได้

    ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ พ่อแม่ใครยังอยู่ เราควรให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ท่านบ้าง กลับไปถึงบ้าน ต่อให้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝาก ก็ถามถึงสารทุกข์สุกดิบท่านบ้าง "วันนี้สบายดีหรือเปล่า ? งานการเป็นอย่างไร ? มีคนช่วยไหม ? เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหรือเปล่า ?" พ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไร แค่ต้องการให้ลูกสนใจพ่อแม่บ้าง

    มีครอบครัวคนจีนอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีลูกชายโทนคนเดียว ทั้งพ่อและแม่เป็นคนขยันทุ่มเท เลี้ยงลูกเติบโตขึ้นมา หาสะใภ้ให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คนเป็นพ่ออายุสั้นตายไปเสียก่อน เหลือแต่แม่

    ปรากฏว่าลูกชายกลับมาถึงบ้าน ไปจ๊ะจ๋ากับเมียตัวเอง แม่นั่งอยู่ปากประตูกลับเดินผ่านไปทุกที เห็นแล้วนึกสะท้อนใจ เหมือนกับแม่เป็นตุ๊กตาเฝ้าหน้าร้านเฉย ๆ เราลองมาคิดดูว่า อย่างน้อย ๆ พ่อแม่เลี้ยงเรามาหลายสิบปี ส่วนคู่ชีวิตของเรามาทีหลังนานมาก แล้วเราไปให้ความสนใจกับคู่ชีวิตมากกว่า นี่ยุติธรรมแล้วหรือ ?

    ถ้าจะให้ดีก็คือ ให้ความสนใจเท่าเทียมกัน และถ้าเป็นไปได้ ให้ความสนใจพ่อแม่ให้มากกว่า รู้ว่าท่านชอบกินอะไร ถึงเวลาซื้อให้ท่านกินบ้าง มีโอกาสพาท่านไปเที่ยวบ้าง พาไปทำบุญใส่บาตร เข้าวัดเข้าวาตามโอกาสบ้าง ถ้าใครสามารถทำได้จะมีแต่ความเจริญแก่ตัวเอง อย่าไปคิดว่าโลกยุคใหม่ เราทำอย่างนั้นแล้วเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี ทำดีกับท่านไว้เถอะ ไม่เสียหลายหรอก ถึงเวลาลูกหลานมีตัวอย่าง ก็จะทำดีกับเราบ้าง
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lp008.jpg
      lp008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.6 KB
      เปิดดู:
      631
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    QG1STg&_nc_ohc=TAIdWL7saRUAQlRYs5JZeGIdaZgp_zkW-a55xrBCYhutwWaQHBKjywRYQ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    #พระคุณบิดามารดายากจะเปรียบปานได้

    พระคุณของพ่อ – แม่ ยากจะเปรียบปานได้ #องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “บุรุษผู้มีกำลัง นำบิดา มารดาวางไว้บนบ่าแห่งตน เลี้ยงดูท่านเป็นอย่างดี ให้ท่านกิน ถ่าย นอน อยู่บนนั้น สิ้นเวลาร้อยปี ยังทดแทนไม่ได้แม้แต่คุณค่าคำหนึ่งแห่งน้ำนมที่กลืนกิน” ในโลกนิติคำโคลง เปรียบพระคุณพ่อ – แม่เอาไว้ว่า “คุณแม่หนา หนักเพี้ยงพสุธา คุณบิดรดุจอา กาศกว้าง” นับว่ามากมายจนประเมินค่าไม่ได้ ผู้ฆ่าพระอรหันต์ต้องอนันตริยกรรม ผู้ฆ่าพ่อ – ฆ่าแม่ก็ต้องอนันตริยกรรมเช่นกัน ดังนั้น การเปรียบว่า พ่อ – แม่ คือพระอรหันต์ของลูก จึงไม่นับว่าเกินเลยแม้แต่น้อย...

    เรื่องพระอรหันต์ของลูกนั้น ชาวจีนกล่าวถึงนิทานไว้ว่า ชายหนุ่มผู้ใฝ่รู้ต้องการพบพระอรหันต์ เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ จึงลามารดาคนเดียวของตน เพื่อเดินทางไปแสวงหาครูบาอาจารย์ แม้มารดาจะทัดทานเช่นไรก็ไม่เป็นผล...

    เขาบุกป่าฝ่าดงจนได้พบเซียนผู้วิเศษกลางป่าเขา พอทราบความประสงค์เข้า ท่านผู้วิเศษก็หัวเราะลั่น กล่าวว่า “เจ้าไม่น่าลำบากลำบนมาถึงเพียงนี้เลย ละแวกบ้านของเจ้าก็มีพระอรหันต์ ท่านใส่เสื้อกลับตะเข็บ และใส่รองเท้ากลับข้าง จงสังเกตให้ดี...”

    ชายหนุ่มดีใจนัก รีบเดินทางกลับภูมิลำเนาแห่งตน วันหนึ่งก็ถึงบ้านเกิด เขาจึงกลับบ้านไปหามารดาก่อน ฝ่ายแม่เฒ่าพอได้ยินเสียงลูกก็ผวาออกจากบ้านมาด้วยความดีใจ ชายหนุ่มมองดูมารดาอย่างพินิจพิจารณา แล้วทรุดกราบลงแทบเท้า...

    ที่แท้ดวงใจผู้เป็นแม่นั้น เฝ้าห่วงใยครุ่นคะนึงมิรู้วาย พอแว่วเสียงลูกชายก็ดีใจดังได้แก้ว คว้าเสื้อสวมรองเท้าอย่างรีบร้อน เลยใส่เสื้อกลับตะเข็บ ใส่รองเท้ากลับข้าง ชายหนุ่มจึงทราบทันทีว่า นี่คือพระอรหันต์ที่ท่านผู้วิเศษกล่าวถึง...!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๔๗ : แม่คนที่สอง
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    #ความกตัญญูกตเวทีที่ท่านพระอาจารย์มั่น_ภูริทตฺโต #มีต่อโยมมารดาแม่ชีจันทร์_แก่นแก้ว
    • ถ้ำจําปา มงคลสถานที่บรรลุธรรมของหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ปลงธรรมสังเวช และธรรมสถานที่บรรลุอนาคามีของแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว (โยมแม่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) แล้วยังมีเรื่องราวที่ชวนให้สะกิดใจ เป็นเนติแบบอย่างให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังได้ถือปฏิบัติตาม คือเรื่องราว "ความกตัญญูกตเวที" ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต มีต่อโยมมารดา

    เราอาจเคยได้ยินได้ฟังเรื่องของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากตัญญต่อพระมารดาอย่างสุดซึ้ง ถึงขั้นเสด็จไปจําพรรษาโปรดพุทธมารดาบน สรวงสรรค์ชั้นดาวดึงส์

    มาในยุครัตนโกสินทร์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นอีกผู้หนึ่งที่พูดได้เต็มปากว่าไม่ทอดกิจธุระอันดีนี้ ซึ่งเป็นประเพณีของอริยะสาวกผู้ประเสริฐ เนื้อความในเรื่องนี้มีอยู่ว่า..

    ...หลังจากท่านพระอาจารย์มั่นนําโยมมารดาออกบวชในปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ และนําโยม มารดาท่องธุดงค์ติดตามไปทั่วทุกทิศ บางครั้งถึงขั้นต้องสร้างกุฏิให้โยมมารดาพักบนต้นไม้สูงเพื่อ ป้องกันเสือมาคาบไปกิน (หลวงปู่ลี ผาแดง เล่าให้ฟัง) และแม้ท่านจะพาโยมมารดาของท่านปฏิบัติ อยู่หลายปี แต่โยมมารดาก็มิอาจบรรลุธรรมวิเศษใด ๆ ได้

    ด้วยความเมตตาห่วงโยมมารดาเพราะว่าแก่ชรามากแล้ว ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน วันหนึ่ง ท่านเข้าสมาธิภาวนาพิจารณาว่า “ทําไมโยมมารดายังไม่บรรลุธรรมวิเศษเป็นเพราะเหตุอันใด?” คําตอบผุดขึ้นมาว่า “เหตุที่โยมมารดายังไม่บรรลุ ก็เพราะยังไม่พบอาจารย์ที่ถูกจริต เหมือนยา ยังไม่ถูกกับโรค”

    “แล้วอาจารย์ที่ถูกจริตโยมมารดาคือใคร?”
    “คือท่านอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล”
    “เพราะเหตุใด”
    “เพราะในอดีตชาติ โยมมารดาเคยเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์เสาร์มาก่อน ผู้ที่จะสอนโยมมารดาได้ต้องเป็นท่านพระอาจารย์เสาร์เท่านั้น เพราะท่านทั้งสองมีบุพเพแต่หนหลัง เคยเป็นศิษย์อาจารย์เกื้อกูลกันมาช้านาน ผู้อื่นมิอาจสอนโยมมารดาได้”

    จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นจึงดั้นด้นนําโยมมารดามาฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับท่านพระอาจารย์เสาร์ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านต้องออกเดินบิณฑบาตไปไกลถึงบ้านหนองสูงมีระยะทางไปกลับราว ๘ กิโลเมตร เพื่อนําอาหารบิณฑบาตมาเลี้ยงโยมมารดา

    ท่านทั้งหลาย! ลองคิดดูเถิดว่า “ภายใต้หน้าผาอันน่าสะพรึงกลัว มีกุฏิหลังน้อยเพียงพอตัวคน ๆ หนึ่งอาศัย ซ่อนอยู่ใต้ผาอันลึกลับ นั้นคือ กุฏิคุณแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว สตรีผู้ปรารภความเพียรในปัจฉิมวัย และเป็นสตรีคนสําคัญต่อวงศ์พระกรรมฐาน เพราะเป็นแม่ผู้ให้กําเนิดท่านพระอาจารย์มั่น พระบิดาพระกรรมฐานผู้ยิ่งใหญ่ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์

    ท่านทั้งหลาย! สถานที่ที่แม่ชีจันทร์ อาศัยอยู่นั้นเป็นที่อยู่ของสัตว์ร้าย ๆ เช่น เสือ หมี งู ฯล ที่สามารถพรากวิญญาณมนุษย์ออกจากร่างได้ในพริบตา ยิ่งเป็นสตรีซึ่งเป็นเพศอ่อนแอ แก่เฒ่าชรา หากใจไม่หาญกล้าเกินชายแล้วละก็ ย่อมมีอาจดํารงตนอยู่ได้

    ทางเดินจงกรมตั้งอยู่กับระนาบยาวตามหน้าผา ผู้เดินจงกรมต้องใจกล้าออกมาเผชิญหน้าท้าสัตว์ร้าย ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันจะออกมาหาในเวลาใด อีกทั้งน้ำท่าฟืนไฟหาความสะดวกไม่มีเลย

    แต่ด้วยใต้ร่มธรรมแห่งองค์หลวงปู่เสาร์ปกคลุม อีกทั้งร่มเงาแห่งต้นไม้ใหญ่ใบดกหนาที่อยู่รายรอบ อันได้แก่ ต้นมะขาม ต้นตะแบก ต้นเปือย เป็นต้นไม้ที่คอยให้ร่มเงาในอันช่วยส่งเสริมกําลังจิตให้คุณแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว ได้ “บรรลุพระอนาคามี” ณ ที่จงกรมนั้น

    เล่ากันว่าในวันที่ท่านเดินจงกรมภาวนาบรรลุธรรมชั้นอนาคามีนั้น ปรากฏมีแสงสว่างจ้า ไปทั่วบริเวณเทือกผาป่าเขาแห่งถ้ำจําปานั้น แม้ชาวบ้านผู้อยู่ห่างไกลออกไปถึง ๘ กิโลเมตรก็ยังสามารถมองเห็นได้ซึ่งแสงสว่างอันอัศจรรย์นั้น

    ด้วยญาณหยั่งทราบ ทําให้ท่านพระอาจารย์มั่นทราบได้ว่าโยมแม่จะหมดอายุขัยในวัย ๗๐ ปี

    ออกพรรษาในปีนั้น ท่านรีบเดินทางมารับโยมมารดาจากถ้ำจำปา มุ่งสู่เมืองดอกบัว จังหวัด อุบลราชธานี

    วิธีการนําโยมมารดากลับบ้านโดยปลอดภัย ซึ่งต้องผ่านภูเขาน้อยใหญ่อันเป็นทางภูเขาสูง และลาดชัน ท่านให้ชาวบ้านสานตะกร้า ลักษณะเหมือนชะลอมใบใหญ่ ๆ มีหูหิ้ว มีความแข็งแรง มั่นคง ให้แม่ชีจันทร์นั่งในตะกร้าที่มีผ้ารองอ่อนนุ่มเหมือนเด็กน้อยนั่งในเปล แล้วให้ชาวบ้าน หามส่งต่อกันเป็นทอด ๆ จากหมู่บ้านนี้สู่หมู่บ้านโน้น จากตําบลนี้สู่ตําบลโน้น จากอําเภอนี้สู่อําเภอโน้น ท่านนําโยมแม่ไปพักที่บ้านห้วยทราย อําเภอคําชะอี จังหวัดมุกดาหารก่อน แล้วต่อไป ยังอำเภออํานาจเจริญ(สมัยก่อนยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี)

    เมื่อได้ยินได้ฟังวิธีการอันชาญฉลาดที่ท่านนําโยมมารดาผู้อาพาธกลับบ้านเกิด ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวคําว่า “สาธุ” พร้อมกับความรู้สึกอันปลื้มปริ่มตาม

    ต่อจากนั้น ลูกหลานของท่าน ซึ่งได้นําเกวียนมาคอยรับโยมมารดากลับไปยังเมืองอุบลราชธานี

    ในที่สุดท่านและลูกหลานก็ได้นําโยมมารดากลับถึงบ้านโดยปลอดภัย

    โอกาสอันควร เมื่อโยมมารดา (แม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว) อายุครบ ๗๐ ปี ก็ได้เสียชีวิต ท่านพระอาจารย์มั่นได้เป็นผู้จัดการงานพิธีศพให้กับโยมมารดาด้วยตัวของท่านเองด้วยความงดงาม เรียบร้อยบริบูรณ์ทุกประการฯ

    ส่วนแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว โยมมารดาของท่านพระอาจารย์มั่น ขอยกมากล่าวเพียงเท่านี้

    จากบทสัมภาษณ์หลวงปู่สนธิ์ อนาลโย โดยพระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร
    คัดลอกมาจากหนังสือ กตัญญุตา บูชาคุณ ๘๔ ปี หระเทพมงคลญาณ(สนธิ์ อนาลโย) วัดพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ; หน้า ๑๐๘ - ๑๑๐ ; พิมพ์เมื่อ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ; จัดทำเรียบเรียงโดย พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร วัดป่าภูผาสูง นครราชสีมา ขออนุญาตคัดลอกมาเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน กราบสาธุ

    ภาพประกอบจากหนังสือ พระปรมาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกัมมัฏฐาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล วาดโดย เอ ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน

    หมายเหตุ : วัดถ้ำจำปากันตสีลาวาส อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันคือ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร) สถานที่แห่งนี้ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตได้ไปจำพรรษากับท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านเคารพยิ่ง ซึ่งท่านได้ปฏิบัติ “อาจริยวัตร” ตั้งแต่ล้างบาตร ซักจีวร ตักน้ำ ฯลฯ ถวายท่านพระอาจารย์เสาร์ทุกอย่างเหมือนพระบวชใหม่ แม้ท่านจะมีอายุพรรษา ๒๐ กว่าแล้ว และ ณ ที่นี้ ท่านได้ถวายความรู้แด่ท่านพระอาจารย์เสาร์ เรื่องที่ท่านพระอาจารย์เสาร์ ปรารถนาความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วย

    #๑๕๐ปีชาตกาลท่านพระอาจารย์มั่น_ภูริทตฺตเถร

    อ่านเรื่องราวเกร็ดประวัติและธรรมสถานท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ที่ลิงค์ครับ https://m.facebook.com/thindham/albums/2832391923477997/?ref=m_notif&notif_t=feedback_reaction_generic

    _/\_ _/\_ _/\_

    c_oc=AQl-3e4YCF1cha-rcwWvQ8JJD2thqVnj-Bqdehpt1iifb6QhuHatNtSUl6jQkKQ8lvA&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    **************************************


     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ขอให้ใส่บาตรให้โยมพ่อแม่ก่อนจึงใส่ให้พระ บุญจะไม่มีทางเกิดขึ้น หากเราปล่อยบุพการีให้หิวโหยแต่ไปเลี้ยงดูคนอื่นให้อิ่มหนำสำราญ บุญนี้ทำได้ง่ายที่สุดไม่ได้มีพิธีรีตอง ไม่ต้องสวดมนต์คาถา ทำได้เลย และทำได้ทุกวัน

    ใครที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็เลี้ยงด้วยอาหารใจ ให้ความรัก ความคิดถึง ให้ความอบอุ่นผูกพัน ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ บุญอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ทำยังไงก็ขึ้น ทำอะไรก็สำเร็จได้แน่นอน

    โอวาทธรรม
    หลวงปู่ปรีดา(ทุย) ฉันทกโร
    วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.สกลนคร


    c_oc=AQky0-trtqShvIjEz0xipn5ACwEvuAz4w8oW6xSlueI-qWGV0T2llrvVJiMKPwHAa34&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    -----------------------------------------------------


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    c_oc=AQnvTdqMr8OmXaMU_nUJ_D5QOlZq2pHzxHLd7UF60FFwJONUsoJ5aFJr5t5SV7xcEz8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    #ความกตัญญูของหลวงปู่

    ...ความกตัญญูของหลวงปู่ได้ถูก ถ่ายทอดเป็นแนวทางการประพฤติปฏิบัติของบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย

    หลวงปู่สอนให้ลูกศิษย์มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ รวมทั้งพระไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา อันเป็นหนทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์

    ดังที่ท่านพาให้กราบพระ ๖ ครั้ง พุทธังวันทามิ ธัมมังวันทามิ สังฆังวันทามิ อุปัชฌาย์อาจาริยคุณังวันทามิ มาตาปิตุคุณังวันทามิ พระไตรสิกขาคุณังวันทามิ

    ท่านเตือนว่า #อย่าให้เลยครูบาอาจารย์อย่าให้เลยพระพุทธเจ้า ไม่ว่าเราจะปฏิบัติก้าวหน้าอย่างไร ก็ไม่ควรสำคัญตนจนขาดความเคารพ หรือขาดความเอื้อเฟื้อต่อครูบาอาจารย์ ต่อพระพุทธเจ้า และต่อพระธรรมวินัย

    หากแม้นว่าความกตัญญูอันเป็นคุณธรรมพื้นฐานยังบกพร่อง ก็มิต้องกล่าวถึงคุณธรรมเบื้องสูง

    ความกตัญญูเป็นความงดงามและยิ่งใหญ่ เป็นพื้นฐานที่สำคัญแห่งความเป็นมนุษย์ ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี บุคคลผู้มีความกตัญญูย่อมประสบความสุข ความเจริญ และความร่มเย็นในชีวิต..

    #จากหนังสือคิดถึงหลวงปู่
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    คนทีมีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ ถือว่าเป็นคนมีบุญที่สุดแล้ว มีโอกาสทำไปเถอะ
    ?temp_hash=75253e55b32b16676a34424e70ef2d7a.jpg

    คนทีมีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ ถือว่าเป็นคนมีบุญที่สุดแล้ว

    เป็นอีกหนึ่งบทความที่ให้ข้อคิดได้ดีมากๆ อานิสงส์การดูแลพ่อแม่ 12 ประการ ที่ลูกกตัญญูจะได้รับ เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีคุณธรรมต่อท่าน คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักคุณพ่อแม่ คือรู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร สูงขึ้นไปอีก คือตอบแทนคุณท่าน โดยมีการตอบแทนคุณพ่อแม่ ตามหลักมงคล ที่ 11 บำรุงบิดามารดา สามารถแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

    1. เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่าน เลี้ยงดูท่านตอบเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย

    2. เมื่อท่านไม่อยู่แล้ว ก็จัดพิธีให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ

    แม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ยังนับว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้

    1. ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้

    2. ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้

    3. ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้

    4. ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้

    การตั้งอยู่ในศรัทธา การให้ทาน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนาเป็นประโยชน์โดยตรงและเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ แก่ตัวบิดามารดาผู้ปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือเป็นหนทางไปสู่นิพพาน

    และการควรจะศรัทธาในเรื่องของการรักษาศีล การให้ทาน การทำสมาธิ ให้เป็นประโยชน์โดยตรงที่เป็นประโยชน์ทั้งพ่อแม่และตนเอง ทั่้งในภพนี้และภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือเป็นหนทางสู่นิพพาน

    โดยอานิสงส์ของการดูแลพ่อแม่ มี 12 ประการ

    1) ทำให้มีความสุขมาก

    2) ทำให้พ้นทุ กข์พ้นภัยได้

    3) ทำให้มีความอดทน

    4) ทำให้เป็นคนมีสติและรอบคอบ

    5) ทำให้เป็นคนมีเหตุผล

    6) ทำให้ได้ลๅภโดยง่าย

    7) ทำให้ แ ค ล้ ว ค ล า ด ภัยในยๅมคับขัน

    8) ทำให้เทวดาลงมาพิทักษ์รักษ าผู้ที่ทำ

    9) ทำให้ได้รับการ ย ก ย่ อ ง สรรเสริญ

    10) ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า

    11) ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดีมาก

    12) ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่ อ นุ ช น รุ่นหลัง

    “เพราะการปรนนิบัติในมารดาบิดานั้นแล บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้นี่เอง เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์”

    ทั้งนี้สำหรับลูก หรือคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วก็ตาม แต่ยังมีพ่อแม่ ซึ่งเป็นปู่ยา ตาและยาย ของลูกๆอยู่ หากใครที่รู้ตัวว่ายังทำหน้าที่ของลูกไม่ดีพอ เริ่มใหม่ตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย กลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ เอาใจใส่ท่านให้มากๆ เหมือนกันที่ท่านดูแลเรา รับรองว่าชีวิตของคุณจะดีขึ้นเจริญขึ้นอีกเยอะ เพราะสิ่งที่ท่านได้รับกลับมาคือ รอยยิ้มและความสุขทางจิตใจที่หาจากไหนก็ไม่ได้อย่างแน่นอน…
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7uyh-1.jpg
      7uyh-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.6 KB
      เปิดดู:
      293
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ถึงแม่จะไม่สมประกอบแค่ไหนแม่ก้อทำหน้าที่เพื่อลูกไม่เคยท้อถอย


    kiG7TTYuPD0f11gBd0zBtWgi3Wx6ITDDH2ip8-8ScS6AFihmYI1jX92fSZxhYeArWWNG-0KU&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    ถึงจะพิการ ร่างกายผอมซูบ

    แต่เจ้าก็ยังทำหน้าที่ (แม่) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ดูไว้นะ มนุษย์ทั้งหลาย

    เห็นแล้วชื่นชม ดีต่อใจครับ
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=dc77efa45b3b33d9f85bf02164c8f21e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    เรื่อง "โทษด่าพ่อด่าแม่นี่ ไม่ใช่ธรรมดา"

    (ธรรมเทศนา หลวงปู่ไม อินทสิริ)

    ๐ มีผีมาเล่าให้ฟัง

    กรรมที่ลูกกับพ่อกับแม่นี้นะ พ่อแม่ด่าลูกนี่ด่าได้ เพราะพ่อแม่ด่าลูกนี่ อยากจะให้ลูกดีนะ แต่ถ้าลูกด่าพ่อแม่นี่ ถึงพ่อแม่จะทำผิดเป็นบางครั้ง ที่เรามองเห็น แต่เราไปพูดคำเดียวนี่...บาปแล้วนะ บาปเลย (กรรมหนัก) ถ้าด่าพ่อคำเดียวตายไปหน้าฝั่งนี้ตกหมึก น้ำหนองไหลเยิ้มลง แต่ข้างนี้ดีๆอยู่

    แต่ถ้าด่าแม่อีก...หมดทั้งสองหน้า
    หน้าสวยๆ ขาวๆ งามๆนี่ปื๊ดเลย คันละทีนี่ คันแต่เกาไม่ได้ น้ำเหลืองมันไหล ไหลอาบลงตามแก้มนี่ เปื่อยตลอดชีวิต จนกว่าจะหมดกรรมนี้

    “ โอ้ย !! เป็น ๑๐,๐๐๐ๆ ปี ”

    โทษด่าพ่อด่าแม่นี่ไม่ใช่ธรรมดาเด้ !!
    เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าถึงได้ตักเตื่อนไว้...“ผู้มีอุปการคุณนี่ ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่เทิดทูนไว้ที่สูง”

    เราเป็นลูกนี่ต้องตอบแทนบุญคุณ ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีกตัญญูกตเวทีน่ะ ธรรมสองอย่างนี้พระพุทธเจ้าว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก ไม่ใช่ธรรมดาเด้ เป็นบุคคลที่หาได้ยาก ทำไมถึงว่าหาได้ยากนี่ ลูกที่จะรักพ่อรักแม่เท่ากันนี่ก็ยาก บางคนรักแต่พ่อบางคนรักแต่แม่ใช่ไหมละ แล้วลูกๆหลายๆคนนี่เป็น ๑๐ คนนี้ จะรักพ่อรักแม่เสมอกันนี่ มีไหม...ยาก !!

    บางครอบครัวนี่ มีคนเดียวรักพ่อรักแม่ บางครอบครัวไม่มีสักคนเลย ปล่อยพ่อแม่ทิ้งเลยก็มี นี้แหละมันถึงเป็นวิบากกรรม มันถึงเป็นบุคคลที่หาได้ยาก แล้วก็พ่อแม่ที่จะรักลูกเสมอกันนี่...พ่อจะรักลูกคนนั้น แม่จะรักลูกคนนั้น มึงรักคนนั้นกูรักคนนี้ บางทีไม่รักทั้งหมดเลยก็มี นี้แหละบุพการียังรักลูกไม่เท่ากัน ลูก ๑๐ คนนี่ อาจจะรักแค่คนเดียวก็ได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นการยาก พระพุทธเจ้าว่ายาก แค่สองคำนี้นะ บุคคลที่หาได้ยากสองอย่างนี้นะ บุพการีบุคคลผู้ทำอุปการะแต่ก่อนนี้ จะรักลูกสม่ำเสมอกันนี่...ยาก

    กตัญญูกตเวที บุคคลคุณูปการะที่จะตอบแทนคุณบิดามารดาของตนเองสม่ำเสมอเท่ากันนี้ยาก นี้ ๒ คำของพระพุทธเจ้านี้ถือว่ายากแล้ว แต่พวกเรานี่อย่าให้มันยาก

    อย่าให้มันเป็นเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าว่า ถ้าอย่างที่พระพุทธเจ้าว่านี้ มันเป็นบาปนะ มันเป็นบาปกับเรา ถ้าเราไม่เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าว่านี้ โอ้ย! ทางไปพระนิพพานอยู่ที่ตรงนี้ ทางที่เข้าอริยมรรค อริยผลนี่อยู่ที่ตรงนี้นะ ไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นที่ไกล

    พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพระโพธิสัตว์ที่จะได้มาเกิดเป็นมหากษัตริย์ครั้งแรกนี่ เป็นคนขอทานเด้ เป็นคนขอทานมาก่อนเด้ แล้วเลี้ยงดูบิดามารดาของตัวเองนี่ ด้วยความทุกข์ยากลำบาก ไร่นาก็ไม่มี ไปรับจ้างมาเลี้ยงพ่อแม่จนเฒ่าแก่ชรามา พอตายก็เผาซากศพ ตัวเองก็ไปบวชเป็นดาบส รักษาอุโบสถศีลตลอดชีวิต ตายจากภพนั้นไปเป็นท้าวสักกะเทวราช เป็นหัวหน้าเทวดาอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต

    พอสิ้นบุญจากบนสวรรค์ชั้นดุสิต ลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เป็นพระราชามหากษัตริย์ ได้สร้างบารมีเต็มเปี่ยมมากขึ้นไปอีกทีนี่ นี้แหละพระเจ้า ๑๐ ชาติอยู่ในนี้น่ะ ต่อจากนั้นก็ได้เป็นพระราชามหากษัตริย์มาถึง ๑๐ ชาติน่ะ จนถึงเป็นพระเวสสันดร และจนถึงได้มาเป็น "พระสิทธัตถะราชกุมารน่ะ" (เป็นภพๆชาติมา)

    “นี้แหละ อานิสงส์เต็ม”

    แล้วปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้เป็นพระพุทธเจ้า นี้คือความปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่างแบบอย่างให้กับพวกเรา ไม่ใช่เป็นของว่าเล่นเด้ !!

    บางคนก็อาจจะคิดว่า " พ่อกูไม่แบ่งสมบัติให้ รักแต่พี่ชาย น้องสาวไม่สนใจเลย แม่ก็รักแต่พี่ชาย"
    (บางคนโกรธ มาฟ้องหลวงปู่เด้)

    หลวงปู่ : โอ้ย...อย่าไปคิดแบบนั้น เดียวมันเป็นบาป (ทนไม่ได้ก็ร้องไห้ เพราะตัวเองนี่เคยคิดอย่างนั้นมา)

    แต่หลวงปู่ไม่อยากให้คิดอย่างนั้น เราได้สมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่รักเรา...น้ำขันเดียวกดหน้าใส่นั้นนะ ตายตั้งแต่คลอดใหม่ๆแล้ว เราได้แล้วสมบัติของพ่อของแม่นะ อาการ ๓๒ ได้มาแล้ว นั้นแหละเราทำตัวให้ดี ตั้งใจเก็บหอมรอมริด ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ สะสมไปเรื่อยๆมันก็เป็นก้อนเป็นกำขึ้นมาเอง แต่ทำดีกับพ่อกับแม่ด้วย บุญกุศลมันก็จะหนุนให้เจริญขึ้นไปเองนะ ถ้าเราไปคิดอย่างนั้น มัวแต่คิดอย่างนั้น มีแต่โศรกเศร้า จิตไม่ดี สติปัญญาก็ไม่เกิด ทำอะไรมันก็ไม่เจริญรุ่งเรื่อง ก็จะตกต่ำอยู่ตลอดเวลา

    นี้แหละไม่อยากให้คิดอย่างนั้น ถึงแม้มันไม่มีอะไร ก็ให้คิดว่าบุญวาสนาบารมีของเราในชาติปางก่อน เราไม่ได้ทำอะไรเอาไว้ เราไม่ได้สร้างกุศลเอาไว้ ชาตินี้เรามารู้มาเห็น ถึงว่าไม่มีเราก็จะทำดีให้ถึงที่สุดต่อผู้มีพระคุณของเราให้คิดอย่างนี้ ไม่ได้อะไรก็ขอให้ได้อุปัฏฐากอุปถัมภ์

    “ตายไปแล้วชาติหน้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ได้มาเกิดตกทุกข์ได้ยากอย่างนี้อีก แล้วก็ปราถนาถึงธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ให้ปฏิบัติธรรม รู้ธรรมเห็นธรรม ได้พบพระศาสนา ได้พบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้เป็นครูอาจารย์ของเรา จะได้นำทางเราไปในทางที่ถูก”

    นี้คือความคิดของหลวงปู่ที่อยากจะให้เป็นอย่างนี้ทุกๆคน ไม่อยากจะให้คิดเข้าข้างตัวเอง ที่คิดไปในทางที่เกิดความโลภ ไม่ให้อยากไปคิดอย่างนั้น

    (ธรรมเทศนา หลวงปู่ไม อินทสิริ)
    (วัดป่าเขาภูหลวง จ.นครราชสีมา)
    (ผู้ถอดเทป : นรินทร์ ศรีสุทธิ์)

    8nQfSZ7OLnBYRuOOSFEG76adS5a8CHk25jU02oirkG8U2O4pqNdTM-3QfNWchWGLj1l_JFd5&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    *******************************

     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    DxGdkpVwM7lwohBzaI6lvR-4m_QF8U-_AMvf3VMOtSajFgdPvZBFZrPK8OkZ7uwauqnr_38d&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    ทำไมสวดมนต์ถึงเป็นการทดแทนบุญคุณบิดามารดาได้..

    ..ถาม : การที่ลูกคนหนึ่งจะพยายามทดแทนบุญคุณบิดามารดานะค่ะ
    ทำไมถึงสวดมนต์ก็ทดแทนได้ค่ะ

    ..หลวงตา : หลวงตาว่าสวดมนต์ทำกรรมฐานนี่นะฮะ อย่างบวชเป็นฤาษี หรือเป็นพระเนี่ย พ่อแม่ในชาติปัจจุบันนี่นะฮะได้เยอะมากฮะ ไม่ใช่พ่อแม่ในชาติปัจจุบัน พ่อแม่ในอดีต ญาติทั้งหลาย ได้หมดแหละ

    ..เวลาเราแผ่เมตตาให้ใคร บิดามารดา หมู่ญาติทั้งหลาย ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร ผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวพันตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบัน มันได้ไหมล่ะ ได้ ได้ฮะ

    ..หลวงพ่อท่านบอก มากกว่าเองไปเลี้ยงพ่อแม่ตลอดชีวิตด้วย เพราะมันได้นาน ยาวไกล ไกลมาก ไกลไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ไกลเยอะ ไกลจนจำไม่ได้ว่าไกลขนาดไหน สามโลกธาตุมันเจอกันอยู่ ท่านบอก ไม่ไปไหน ยังไงก็เจอ ถ้ายังเกิดอยู่นะ ยกเว้นไม่เกิด ถ้าไม่เกิดก็ไม่เจอ ถ้าเกิดอีกก็เจออีก

    ..โชคดีนะเนี่ย ว่าจริงๆ แล้ว
    พวกบวช พวกทำกรรมฐานที่ไม่ใช่พระ เป็นฆราวาสที่ทำกรรมฐาน หลวงพ่อท่านบอกท่านอนุโมทนาสาธุ

    ..ซึ่งมันทำยากท่านบอก ต่อให้มีสมบัติเท่ากองภูเขา ยังไม่เท่ามาทำกรรมฐานเลยท่านบอก เพราะทำกรรมฐาน
    เนี่ยมันจะติดตัวเราเองในการเวียนว่ายตายเกิดไปอีกนาน ถ้าไม่ทำตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ทำ ชาติหน้าก็ไม่ทำ ต่อให้เองรวย เองก็เอาอะไรไปไม่ได้ ต่อให้เองจนเองก็เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่มีทิศทางในการเวียนว่ายตายเกิด

    ..ถ้าเองทำกรรมฐานเนี่ย ในอนาคตเองจะรู้วิธีการเกิดการตาย เพราะมันเป็นงานของจิต กรรมคือการกระทำ ฐานก็คือจิต คืองานของตัวเราเองที่จะเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุดนี่แหละท่านบอก

    ..ซึ่งมันยาก มันไม่ใช่ง่ายๆ
    ความอดทนมันถึงได้น้อยท่านบอก เพราะเวลาทำเนี่ยมันจะให้สงบ
    มันต้องใช้เวลา มันไม่เหมือนทางโลก ทางโลกเวลาเราไปเสพตา หู จมูก ลิ้น แล้วมันเพลินเลย ใช่ไหม

    ..แต่ถ้ากรรมฐานถ้ามันเพลินแล้ว
    มันไม่หยุดเลย มันมีความสุขมาก มากกว่ามีทรัพย์ในโลกท่านบอก มากกว่า แล้วมันไม่มีความทุกข์ มันสุขอยู่ในธรรม ไอ้ที่มีทรัพย์นะจะนึกว่ามีสุขนะฮะ ไม่เห็นเหรอ บางคนเนี่ย ทุกข์ ทุกข์มาก กลัว กลัวหมดแหละ กลัวตายด้วย แต่ก็ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ตัวเองชอบ เวียนว่ายตายเกิดไม่มีทิศทางท่านว่า...


    ...น้อมกราบอนุโมทนา
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ในคติธรรมคำสอน..
    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร เจ้าค่ะ
    (หลวงตาม้า วิริยธโร)
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    “ขันติ ความอดทนต่อบิดามารดาของตนไม่ว่าจะมีเรื่องน้อยใจ เรื่องอะไร ก็แล้วแต่ห้ามไม่ให้ทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ให้ทำหน้ายักษ์หน้ามารเข้าใส่พ่อแม่ หรือในบางเรื่องที่เราถูกก็ห้ามต่อว่าพ่อแม่ อย่างเอาเหตุเอาผลอย่างเด็ดขาด เพราะในชีวิตประจำวันของเรานั้น

    บางครั้งกับเพื่อนกับฝูง หรือเพื่อนร่วมงานเขากลั่นแกล้งเรา ทุกอย่าง สาระพัดเรายังอดทนระงับโทสะเอาไว้ อดทนเก็บความโกรธไว้ในใจ แล้วกับพ่อแม่เรา ที่มีบุญคุณต่อเราอย่างที่สุด เหนือกว่าเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดทำไมเราจะยอมทนยอมยกให้พ่อแม่ไม่ได้”
    #หลวงปู่เปลี่ยน

    น้อมกราบบูชาคุณ บูชาธรรม
    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
    เหนือเศียรเกล้า...

    _nMQ-XrJ-Qmxaa5f1aFQrQc1m9lsan7xYLiSeplKrnnP4vUhnfAAPaii7Wt8FzUIJ8X-41w8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    พระโมคัลลานะโปรดมารดาในนรก

    ในสมัยหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี พระโมคคัลลานะเถระ ผู้บรรลุซึ่งธรรม บารมี ๖ มีปณิธานอันแรงกล้า ปรารถนาจักทดแทนพระคุณบุพการีชน

    ดั่งนี้แล้ว จึ่งได้เพ่งมองโลกด้วยอภิญญาญาณ และแจ้งว่า.......

    บัดนี้ผู้เป็นมารดาแห่งตนได้ไปถืออุบัติอยู่
    ณท่ามกลางดวงวิญญาณหิวกระหายไม่มีทั้งน้ำ และอาหาร ทั่วสรรพพางค์กาย ปรากฏเพียงหนังหุ้มกระดูก ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก

    พระโมคคัลลานะ จึงนำผลาหารบรรจุเต็มบาตรเพื่อนำไปโปรดดวงวิญญาณของมารดา

    โดยว่าคาถามหามงคล อันเป็นคาถาดับไฟในนรก ของพระโมคคัลลานะ " เถโร โมคคัลลาโน นะระกัตตัง โลหะกุมพี ทิสาวะ อัคคิปัตติ กัมปะติฯ "

    คาถาใช้ภาวนาแหวกเพลิงลงไปในนรก

    ( โดยพลานุภาพของคาถาบทนี้ คือ เสกเป่าคนที่ถูกน้ำร้อนหรือไฟลวกแก้และถอนพิษไฟหายสิ้นไม่ร้อนไม่พองหากใครถือขลังๆก็จะสามารถเอามือล้วงลงในกาน้ำร้อนเดือดๆได้สบายไม่รู้สึกร้อนเลย)

    ทันทีที่ไฟนรกจาง #พระโมคลลานะได้ยื่นบาตรให้แก่มารดา นางรับบาตรไป ก็ลูบคลำด้วย มืออันอ่อนแรง มือขวากอบคำข้าวเพื่อหวังจะบริโภค แต่ในบัดดล ยังมิทันที่อาหารจะล่วงเข้าสู่ปากของนางก็กลับกลายเป็นถ่านเพลิงเผาไหม้ทุกคราไป ยังความสลดสังเวชแก่พระโมคคัลลานะ เป็นที่ยิ่ง

    ด้วยเหตุนี้แล้ว พระโมคคัลลานะจึงกลับไปสู่ ณ พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถึงการณ์ทั้งปวงให้พระพุทธองค์ทรงทราบ

    สมเด็จพระศาสดาได้มีพุทธดำรัสว่า.....

    "ดูกร โมคคัลลานะ โดยเหตุที่มารดาของท่านสั่งสมซึ่งอกุศลกรรม เป็นเนืองนิจ อาศัยกำลัง(บุญกุศล)แห่งตน(พระโมคคัลลานะ) แต่เพียงลำพัง มิอาจบรรเทาอกุศลกรรมนั้นได้ ถึงแม้ว่าอำนาจ แห่งความกตัญญูต่อบุพพการีชนของท่านจะสะเทือนถึงสวรรค์ โลกมนุษย์ ปีศาจ มารร้าย หรือแม้แต่พรหมโลกและจตุโลกบาลก็ตาม ยังมีแต่พลานุภาพแห่งที่ประชุมพระอริยสงฆ์สาวก ผู้มาจากทิศทั้งสิบ จึงสามารถปลดเปลื้องทุกข์แห่งมารดาท่านได้ บัดนี้พระตถาคตจักแสดง ธรรมอันเป็นเครื่องปลดเปลื้อง ความขัดข้อง ความทุกข์ และอกุศลมูลทั้งหลาย

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงมีดำรัสต่อพระมหาโมคคัลลานะว่า

    "ในวันเพ็ญ #กลางเดือน7 อันเป็นวาระแห่งวันปวารณาของพระสงฆ์ ทั่วทั้งทศทิศ เพื่ออานิสงค์อันพึงจักสำเร็จแก่บุพพการีชน ทั่วถึง ๗ ชั่วอายุ โมคคัลลานะ !! เธอจงจัดเตรียมภาชนะอันบริสุทธิ์อุดมด้วยผลาหาร ภักษาหารทั้ง ๑๐๐ อย่าง ผลไม้ทั้ง ๕ กับสิ่งสักการะบรรดามี ประทีป ธูปเทียน ชวาลา อันเป็นเลิศทั้งปวง ถวายแด่หมู่สงฆ์ ผู้มาจากทิศทั้ง ๑๐ หากสาธุชนใดพึงได้ถวายทานดั่งนี้แล้ว แด่ที่ประชุมมหาปวารณาสงฆ์ อานิสงค์อันประมาณมิได้ ย่อมบังเกิดแด่บุพพการีชนทั้งในปัจจุบัน

    ตลอดจนถึง ๗ ชั่วอายุ แม้กระทั่งผู้อยู่ในคติทั้ง ๖ (สวรรค์ มนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก) ท่านเหล่านั้นจักพ้นจากทุคติภูมิ ได้บังเกิด ณ สุคติภพ โภชนาหารกับทั้งพัสตราภรณ์อันปราณีต จักบังเกิดแด่ท่านเหล่านั้น แม้ผู้ยังชนม์อยู่ย่อมจักเป็นผู้มั่งคั่ง จักเป็นผู้มีอายุยืน"

    แลบัดนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพุทธบรรหารแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์ ทั้งหลายให้ดำรงจิตแห่งตน มั่นคงอยู่ในสมาธิภาวะ แล้วจึงสังวัธยายมนตร์ อุทิศให้บุพพการีชนทั้งหลาย ครั้นแล้วหมู่สงฆ์ทั้งนั้น พึงรับ มตกภัตต่อเบื้องหน้าพุทธานุสติเจดีย์ในท่ามกลางหมู่สงฆ์

    ทันใดนั้น มารดาแห่งพระมหาโมคคัลลานะก็ได้พ้นจากกัลป์แห่งเปรตภูมิ ด้วยกุศลนั้น พระมหาโมคคัลลานะ อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์เจ้า ก็บังเกิดปีติในผลแห่งกุศลเป็นอันมาก

    พระมหาโมคคัลลานะ ได้ประคองหัตถ์อัญชุลีต่อเบื้องพระพักตร์ พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า.......

    "บัดนี้ มารดาของข้าพระองค์ ได้รับอานิสงค์อันไม่มีประมาณ ก็ด้วย อาศัยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย หากในกาลภายหน้า บรรดาพุทธสาวกทั้งหลายปรารถนาจักบำเพ็ญกุศลทานอุทิศให้แก่บุพพการีชน ดั่งนี้บ้าง บรรพชนทั้งหลายกับผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุนั้นจักได้รับอานิสงค์ดุจเช่นนี้หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า"

    พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก จึงมีพุทธดำรัสตอบว่า...
    " ประเสริฐแล้ว สิ่งที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว หากในภายภาคเบื้องหน้า สาธุชนทั้งหลายอันมีภิกษุ ภิกษุณี กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารทุกชนชั้นกับทั้งสามัญชนทั้งปวงปรารถนาที่จักบำเพ็ญ กุศลทานอุทิศแด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดแล้วไซร้ ในวันเพ็ญกลางเดือน ๗ อันเป็นวันมหาปวารณาสงฆ์

    เธอทั้งหลายพึงถวายโภชนาหาร กับทั้งของบริวารทั้งปวงแด่หมู่สงฆ์ผู้มาทิศทั้ง ๑๐ แล้วตั้งใจอุทิศส่วนแห่งบุญนั้น แด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดกับทั้งผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุ ให้ได้รับอานิสงส์เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมจักเป็นผู้พ้นจากทุคติภพ ได้บังเกิดในท่ามกลางสุคติภูมิ ได้เสวยผลบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พุทธสาวกทั้งหลาย ผู้มีมนสิการมั่นคงอยู่ในกตัญญุตธรรมระลึกถึง คุณแห่งบุพพการีชน มีคุณบิดา มารดา เป็นต้น

    ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำของเดือน ๗ ทุกปี พึงประกอบกุศลกรรม ถวาย อุลลัมพนมตกภัต แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้ง ๑๐ ทิศ เพื่อแสดงซึ่งกตัญญุตาในผู้ให้กำเนิด แลผู้มีพระคุณที่ได้บำรุงเลี้ยงดูมา"

    เมื่อได้สดับฟังพระธรรมของพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล้ว พระมหาโมคัลลานะพร้อมด้วยพุทธบริษัท ๔ ต่างปีติยินดีในธรรม และน้อมรับไปปฏิบัติโดยทั่วกัน

    พระสูตร อันเป็นสัจพจน์ที่ว่าด้วยธรรมอันเป็นกตัญญุตกตเวทิตธรรม ต่อบุพพาการีชน ก็ยุติลงด้วยประการฉะนี้ ขอกุศลผลทานที่ทุกท่านร่วมใจกันจะถวาย อุลลัมพนมตกภัต นี้จงพึงบังเกิดแด่ บุรพชนต้นตระกูล บรรพกษัตริย์ ผู้รักษาประเทศชาติ

    บุคคลทั้งหลาย เกิดมาแล้วยังความประมาทเกิดขึ้นในจิตใจ ไม่ใฝ่หาธรรม ไม่ละอายต่อบาป ไม่ละอายต่อการประพฤติชั่ว
    เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเกิดในทุกติยภูมิ
    บุคคลผู้มีบุตรประเสริฐ เป็นอภิชาตบุตรนั้นหายาก
    บุคคลใดมีบุตรที่เป็นอภิชาตบุตรนั้น จึงเป็นผู้มีบุตรได้สั่งสมมาแล้ว...
    แต่กาลข้างหน้าเราไม่อาจรู้อนาคตได้ จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะฝากอนาคตตนเองไว้กับบุตร
    แต่เราท่านทั้งหลาย สมควรอย่างยิ่งที่จะน้อมนำจิตไปเพื่อการละอายต่อบาป การรักษาศีล และการฟังธรรม เพื่อที่เราท่านทั้งหลายจะเป็นผู้ปราศเสียแล้วจากความเสื่อมทั้งปวง...
    โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใครๆ...

    7qJolB6Xsv5CTgWQBgoOmkosyCtehp-O31kcKCEt3Khos3qmk4aQB438fIJldR11qT6gmoCw&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=7ded9b724fa90d5db6d953eebdcfcd4a.jpg

    ?temp_hash=7ded9b724fa90d5db6d953eebdcfcd4a.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    พ่อแม่เป็นพรหมและเป็นเทวดาของลูก เราทุกคนมาคิดดูมาหาตัวของพวกเรา หรือคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ บ้านใดเมืองใดก็ตาม ศาสนาไหนก็ตาม ที่เราจะเกิดขึ้นมาก็ต้องอาศัยพ่ออาศัยแม่เป็นที่เกิด เรามานึกดูว่า ไปเกิดอยู่ในท้องแม่ของพวกเรานั้น นอนอยู่ในท้องของแม่ตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นมา เราไปนอนอยู่ในที่นั่น ทีนี้พ่อกับแม่มีความยินดีว่า แม่มีการตั้งครรภ์แล้ว มีลูก ลูกนั้นจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม จะสวยงามจะขี้เหร่ก็ตาม หรือบางคนจะหูหนวก ตาบอด ปากแหว่ง จมูกขาด มือขาด แขนขาดก็ตาม ที่ไม่สมบูรณ์ทุพพลภาพทั้งหลาย ท่านก็ยังมีเมตตาคือเป็นพรหมของลูกที่คลอดออกมา ยังเลี้ยงไว้อยู่ ดูซิ ดูความเมตตาของพ่อของแม่ที่มีต่อลูก
    ..เมื่อครั้งลูกยังอยู่ในครรภ์นั้น แม่ต้องทะนุถนอม พวกเราควรพากันพิจารณาดูให้ดีๆ แม่ต้องระวัง ต้องบำรุงดูแลรักษาครรภ์ของตนไม่ให้ไปกระทบสิ่งต่างๆ การจะขึ้นบ้านลงบ้านก็ดี ต้องทะนุถนอมระมัดระวังลูกของตนที่อยู่ในครรภ์ ทั้งพ่อก็ดี ต้องให้แม่พักผ่อน ไม่ให้ทำงานหนัก เพื่ออะไร ก็เพื่อเมตตาต่อลูกที่อยู่ในครรภ์ไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน กลัวจะไม่สบายหรือเดี๋ยวจะแท้งออกตายไปเสีย เพราะท่านมีความปรารถนาท่านอยากได้ลูกนั้นออกมา นี่คือมีความเมตตาแก่ลูก
    ..อันนี้ให้เราคิดดูว่าท่านมีบุญมีคุณต่อเรา นั่นก็คือเมื่ออยู่ในครรภ์ของมารดา ๙ เดือน บางคนถึง ๑๐ เดือน ท่านมีความทุกข์ยากลำบากที่จะดูแลลูกซึ่งอยู่ในครรภ์ของตน บางบุคคลที่ยังไม่เคยมีลูกก็ย่อมไม่รู้เลย หรือผู้ที่เคยมีแล้วก็จะรู้ว่ามีความลำบากแค่ไหน การที่มีลูกอยู่ในท้องของตนภายใน ๙ เดือนหรือ ๑๐ เดือนนั้น พวกที่ไม่เคยมีนั้นจะไม่รู้
    ..นี้เป็นสิ่งที่เราต้องคิดพิจารณาเข้ามาใส่ตน ให้รู้จักทุกคนว่า ๙ เดือนที่อยู่ในครรภ์ของมารดานั้น ท่านมีความทุกข์ยากลำบาก และท่านมีความเมตตาแค่ไหนต่อลูกของตน ในสมัยปัจจุบันนี้ต้องไปฝากท้องกับหมอด้วย ถึงวันนัดต้องไปตรวจทุกนัด แล้วหมดเงินไปเท่าไหร่ที่แม่ไปตรวจครรภ์ ไปตรวจดูว่าลูกที่อยู่ในท้องนั้นสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์อย่างไร ก็ต้องเสียเงินให้หมออีก..

    ..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..

    lLzOzy2EKxHLzICgKNW7qW-pyVNKcOsLtwMrFheUW_ShjysB6dfWTT6NP2YhUxC7A4tqPpwg&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    oFM0UpC-07_Y9TiXpVWq1V7YobMN42illTvLIp1vEyy-&_nc_ohc=omPLccoADwYAX9KblMY&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    "ความรักของแม่ยิ่งใหญ่มาก"

    "แม่พร้อมที่จะปกป้องลูกให้พ้นภัยเสมอ อาตมาเป็นพระสร้างวัดอยู่ชายแดน มีความเสี่ยง ท่านจะมาหามาพัก ท่านมักถามหาตลอด ด้วยความเป็นห่วง

    เวลาที่แม่เห็นหน้าอาตมา ท่านจะเอากำปั้นชูสองมือ... ให้เราสู้ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ อาตมาต้องสู้ทุกงาน แสดงถึงความเข้มแข็ง ความเป็นหนึ่ง ให้แข็งแกร่ง เหมือนกำปั้น"

    หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล

    YfDZaJa2VaCWVu-Aki7h_YF0LqET0sPe3XE78flxQHoI&_nc_ohc=obgqHcpSKrUAX9uJrMP&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...