89.ญี่ปุ่น(2) : หนาวกับฝน และ ฉันทนได้

​

ทางเข้าวัดเซนโซจิ จะพบกับด่านแรกให้ถ่ายรูป ประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) มีความสูง 11.4 เมตร และมีโคมแดงใหญ่ยักษ์แขวนอยู่มีขนาดความสูง 3.9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร และหนักราว 700 กิโลกรัม บนตัวโคมแดงมีอักษรญี่ปุ่นตัวคันจิ 雷 อ่านว่า Kaminari ซึ่งแปลว่าสายฟ้า ก็เป็นที่มาของชื่อวัดอีกชื่อหนึ่งว่า วัดโคมแดง ประตูนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าประตูฟูไรจินมง 風雷神門 (Furaijinmon) เพราะด้านข้างโคมแดง ฝั่งขวาจะมีรูปปั้นของ ฟูจิน 風神 (Fujin) วายุเทพ ฝั่งซ้ายมีรูปปั้นของ ไรจิน 雷神 (Raijin) อัสนีเทพ จึงเรียกว่าประตูฟูไรจินมง ประตูแห่งวายุเทพและอัสนี

ตรงประตูนี้หามุมและจังหวะถ่ายรูปยาก คนออกันเยอะ

.​

 

เดินลอดประตูคามินาริมง หรือจะไม่ลอดเดินอ้อมประตูก็ได้แล้วแต่ตามสะดวกเพราะคนอออยู่หน้าประตูกันเยอะ พวกเราก็จะเข้าสู่นากามิเสะ โดริ (Nakamise) ถนนนากามิเสะมีความยาวประมาณ 250 เมตร เขาบอกว่าเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

​

แต่ดูๆ น่าจะถูกปรับปรุงกลายเป็นอาคารสมัยใหม่หมดแล้ว



.

 

.​

 

​

สองข้างทางมีร้านค้าขายของที่ระลึก ขนม ของกินของเล่น สร้อยฟ้าฯ เดินไปเจอหน้ากากกะว่าจะซื้อ มีหลายร้านและหลายราคา ตัดสินใจไม่ถูกก็เลยไม่ได้ซื้อ




.

 

​

เดินสุดถนนนากามิเสะ จะเจอกับประตูที่สอง ชื่อว่าประตูโฮโซมง (Hozomon Gate) มีความหมายว่า ประตูคลังสมบัติ สูง 22.7 เมตร ด้านบนของประตูนี้จะมีอุปกรณ์ใช้ในยามเกิดภัยพิบัติเก็บไว้ และยังมี รองเท้าฟางขนาดยักษ์วาราจิ มีน้ำหนักประมาณ 2,500 กก. ของเทพอสูรนิโอ หรือเทพทวารบาลนิโอ เพื่อช่วยปัดเป่าภัยร้ายต่างๆ ... นิโอ กับ โอนิ ไม่เหมือนกันนะ นิโอเป็นเทพ โอนิเป็นยักษ์...



.

 

.​

 

​

 

​

 

​

ทางด้านขวามือของประตูโฮโซมงมีสวนสวนหย่อม พวกเราได้พักนั่งเล่นกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ บริเวณสวนหย่อมนี้จะมีพระพุทธรูป Nisonbutsu องค์ใหญ่ 2 องค์ มีพระพุทธรูป Amida Nyorai ถูกสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาในสมัยเอะโดะราว ค.ศ.1654 และมีรูปแกะสลักหินต่างๆ อยู่ด้วย

 

​

 

​

เดินวนรอบๆ เห็นมีรูปสลักหินเป็นแม่กับเด็ก (母子地蔵) มีที่ปักธูปกับดอกไม้อยู่ตรงหน้า เขาสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงแม่และเด็กๆ ที่เสียชีวิตหรือพลัดพรากจากกันในช่วงสงคราม

ส่วนด้านตรงข้ามกับรูปสลักจะมีศาลเล็กๆ (Kumehiranai) ข้างในมีรูปปั้นหินของ Ichigo Kurosaki ซามูไรสมัยศตวรรษที่ 21 มีความสามารถในการใช้ดาบ ได้เคยฆ่าผู้คนมากมาย ต่อมาภายหลังเพื่อลบล้างกรรมที่ได้ทำจึงหันหน้าเข้าวัด หาศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว อุทิศตนให้กับวัด ก่อนเสียชีวิตได้ให้คนแกะสลักรูปของเขาแล้วฝังไว้ที่ทางเข้าวัด เพื่อให้ผู้คนที่เข้ามาทำบุญได้เหยียบเป็นการไถ่บาป ที่จริงแล้ว รูปแกะสลักต่างๆ หรือศาลเล็กๆ จะมีเกร็ดประวัติที่น่าค้นหามากมายเลย อยากมีเวลาเยอะๆ จัง…

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

จากนั้นพวกเรา ก็เดินอ้อมประตูโฮโซมง (อืมมมม... ทำไมไม่เดินลอดประตู... นั่นสิ) มาสู่ลานหน้าศาลาประธานของวัด มีกระถางธูปขนาดใหญ่เรียกว่าโจโคโระ ให้เอามือโบกควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นศิริมงคลเป็นความเชื่อจากเรื่องเล่าต่อกันมาตั้งแต่โบราณว่า ควันธูปจะช่วยรักษาสิ่งที่ไม่ดีในร่างกายให้ออกไป แต่สร้อยฟ้าฯ โบกควันเข้าตัว เข้าหน้า หายใจไม่ออก แพ้ควัน...

 

​