เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ต่อนะคะ...

ปัญญาญาณ เป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณ หากใครสามารถยกระดับจิตหยาบ(จิตใจ)ของตนให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนได้แล้ว จะทำหน้าที่ของจิตวิญญาณได้อย่างบริบูรณ์ (นี้คือ มรรคสมังคี คือ การรวมกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน)

เนื่องจากมนุษย์โลกส่วนใหญ่เคยใช้แต่สติปัญญาของสมองซีกซ้ายนำขวาเป็นอัตโนมัติกันมาตั้งแต่ทารกและวัยเด็กจนกระทั่งวัยผู้ใหญ่ ต่างจึงล้วนเกิดความเคยชินกับการใช้งานในระบบอัตโนมัตินั้นมากกว่า จนได้เกิดเป็นมนุษย์กันคนละหลายภพชาติเข้า ในที่สุดมนุษย์โลกทั้งหลายก็พากันเลอะลืมไปจนหมดสิ้นว่า ตนเองนั้นยังมีสติปัญญาระดับ "อริยะ" ให้หยิบฉวยใช้งานกันอีกระดับหนึ่ง ซึ่งแยบยลยิ่งกว่าสติปัญญาของซีกซ้ายนำขวา ที่เรียกว่า จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ (จิตใจ) ที่แบ่งภาคมาจากจิตวิญญาณ สามารถทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเพื่อใช้กลไกประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกาย เกี่ยวกับการนึกคิดของจิตเองได้อัตโนมัติ นั่นเอง

หน้าที่ของมนุษย์ที่สมดุลทุกคนก็คือ จะต้องสามารถกดปุ่มการใช้ปัญญาญาณของสมองซีกขวานำซ้ายอันเป็นสติของจิตวิญญาณของตนให้จงได้

มนุษย์จะต้องรู้ว่า ถ้าหากตนสามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณเพื่อการสั่นสะเทือนจิตสำนึกทางวิญญาณของตนเอง ในการดำเนินชีวิตประจำวันในบทบาทของคนสองมิติได้แล้ว มนุษย์นั้นจะสามารถข้ามพ้นกฎแห่งกรรมใด ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะมนุษย์จะไม่มีวันคิดผิด ตัดสินใจผิด กระทำผิด มนุษย์จะไม่มีการเกี่ยวกรรมกับใคร ๆ และจะสามารถฟันฝ่าบททดสอบจิตสำนึกตนเองและบทเรียนโลกที่มนุษย์คนอื่น ๆ หยิบยื่นให้ได้อย่างสง่างามเลยทีเดียว

 

จิต = ญาณ/รู้ ปัญญา = การที่จิตทำความเข้าใจในขันธ์ 5
สติปัญญา = สติรู้ทำงานกับขันธ์5ด้วยความเข้าใจ

อภิญญา เป็นการใช้งาน ดู+รู้+เข้าใจ จากขันธ์ 5

ปัญญาญาณ คือความเข้าใจในการทำงานของอภิญญาอีกทีนึง

หน้าที่ของมนุษย์ที่สมดุลทุกคนก็คือ จะต้องสามารถกดปุ่มการใช้ปัญญาญาณของสมองซีกขวานำซ้ายอันเป็นสติของจิตวิญญาณของตนให้จงได้

การมาฝึกใช้สมองซีกขวาซีกซ้ายนี้ยังอยู่รูปธรรมอยู่เลย โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่พ้นรูปธรรม
แต่ก็มองว่า ฌาณ 4 เป็นอย่างน้อยนะสำหรับมุมมองผม
ในการที่เริ่มจะไปเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้นในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับร่างกายที่ยังเป็นรูปธรรมหนะครับ

คุณจิตยิ้มต้องลองถามตัวเองนะว่าคุณมีความชำนาญการทางภายใน ที่เป็น วสี แล้วหรือยัง

หากมีคนมาถามคุณว่า เมื่อชาติที่แล้วคุณเกิดเป็นใครหรือ
คุณสามารถ ดู+รู้+เข้าใจ ได้ใหม แบบผู้ชำนาญการ หรือคุณยังใช้ระดับความจำในแบบธรรมดา
แบบคนทั่วไป ที่เรื่องราวในชาตินี้ก็จำได้มั้ง ไม่ได้มั้ง

คุณว่าคุณปราถนาพุทธภูมิ ผมก็ไม่ได้จะมาขัดในเรื่องปัญญาญาณ เพียงแต่ว่า
หากเรายังไม่มีความเข้าใจในระดับที่เป็น วสี ไปแล้วผมมองว่าจะเป็นการก้าวกระโดดจนเกินไป
เหมือนเด็กแรกคลอดที่เพิ่งออกมา แล้วจะไปลงแข่งฟุตบอลโลกหนะครับ

การสอบถามท่านต่างๆ ที่ทำฌานได้แล้วหรือมีอภิญญา
ผมมองว่าก็เป็นทางออกได้ดีเลยทีเดียว ท่านต่างๆเหล่านั้นจะได้ช้วยเตือนเราได้ว่า
แบบไหนถึงจะถูกต้อง แบบไหนไม่ถูกต้อง เราจะได้ไม่หลุดออกไปนอกทางหนะครับ

จุดเริ่มต้นในแบบเด็กๆ ไม่ได้เริ่มจากการไปเป็นอาจารย์เลยนะผมมองว่าอย่างนั้น
ต้องเรียนรู้ และ ปฏิบัติตาม ท่านที่ผ่านมาก่อนๆหนะครับ

การสอบถาม พระ หรือ ฆราวาสที่ปฏิบัติธรรม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดปัญญา
เริ่มจาก สติ+ปัญญา ก่อน ระดับปัญญาญาณ นี้จากที่ผมลองสอบถามดูเป็นเรื่องที่ยังห่างไกล
มากๆ ในการที่ผู้หนึ่งจะไปได้ถึงระดับนั้น คงต้องใช้เวลาในการปฏิบัติให้ได้จนเป็น วสี
หากสามารถทำ ฌาณ และ มีอภิญญา ได้เกือบทุกชาติที่ผ่านๆมา ก็เป็นไปได้ว่า
จะมีความรู้ความสามารถระดับ ปัญญาญาณ ได้ครับ

แล้วแต่จะพิจารณาเลยนะครับ

 

อนุภาคเส้นแสงเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดในระดับจักรวาล เงื่อนไขการค้นพบที่ร้ายแรงนี่เอง เป็นสาเหตุหนึ่งที่จักรวาลต้องชำระแอตแลนติค ให้กลบฝังอยู่ใต้มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตและจิตวิญญาณหลายล้านคนมาแล้ว

หากพุทธทำนาย "ตลิ่งจะพัง" "แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ" ตรงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ ด้วยความรักอย่างแท้จริงต่อมวลมนุษยชาติ ภายในช่วงเวลาที่เหลืออยู ก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่าอย่างแน่นอน หากไม่รีบเปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ให้ถูกต้อง เมื่อถึงเวลาแล้ว ที่จักรวาลจำเป็นต้องปิดมิติ ด้วยการชำระจิตวิญญาณพวกเขาอีกครั้ง เนื่องจากจักรวาลหยั่งรู้อนาคตได้ว่า บทสรุปของมันคืออะไร!! ถ้าไม่ใช่มหันตภัยของมนุษย์ทั้งโลกและจักรวาลอื่น

ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับใหลมาเป็นนานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ก็คือ การสั่นสะเทือนของกายภาพโลกของแผ่นดิน จะถูกกระทำให้มันเคลื่อนไปจากเดิมเพื่อปรับเปลี่ยนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่ เมื่อเกิดการเคลื่อนตัวด้วยแรงขับเคลื่อนมหาศาล...... มันจะทำให้แผ่นดินบางทวีปแยกออกจากกัน น้ำทะเลจะไหลบ่าเข้าแทนที่ ตึกสูงใหญ่รวมทั้งเทคโนโลยีอันสูงส่ง พร้อมด้วยสารเคมีพิษร้ายต่าง ๆ จะถูกทับถมกันไว้ใต้พื้นโลกและแผ่นน้ำตราบนิรันดร์ มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์ ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้ และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา

การที่จักรวาลกำลังกระทำเทคนิคต่อมนุษย์และระบบโลก กรณีที่จักรวาลอ่านโลกให้มนุษ์ได้รู้ จึงไม่ใช่เรื่องเกินพลังอำนาจใด ๆ ที่จิตจักรวาลจะล่วงรู้ได้ แต่ที่ไม่ได้ระบุเจาะจงไปให้ชัดเจนไว้ล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเพียงแต่เผยให้รู้เป็นนัย ๆ เหมือนไม่แน่ใจหรือไม่แน่จริงดังการคิดแบบจิตมนุษย์ ก็เพราะเหตุผลสำคัญ 2 ประการคือ

1.เหตุการณ์วิกฤตเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น มันเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับมนุษย์โลก จึงไม่อาจเผยมิติคำเฉลยล่วงหน้า ทุกข้อทุกเรื่องได้ เพราะบทเรียนนี้จะกลายเป็นโมฆะไป

มนุษย์เองลองสำรวจพฤติกรรมบุคคลรอบข้างบ้างก็ได้ว่า แม้จักรวาลได้เผยความรู้ใหม่ในเรื่องวิกฤติโลกมาให้เพียงบางส่วนแล้ว พวกเขามีการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกหรือเกิดสติทางวิญญาณ ในอันที่จะเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกของตนเองใด ๆ ให้เราเห็นกันบ้างหรือไม่!! จะมีบ้างก็เพียงส่วนน้อยของมนุษย์ผู้ได้รับข่าวสารนี้เท่านั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ยังสับสนตนเองอยู่กับข่าวสารอันประโยชน์นี้ ในเรื่องเชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริง หรือใช่ไม่ใช่กันอยู่เลย สำหรับคนพวกนี้แล้วการจะเผยมาให้รู้ความจริงล่วงหน้ากันทั้งหมดทุกเรื่องราวนั้นมันจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาหรือเสียเวลาเปล่ากันแน่

เห็นหรือยังว่า แม้จะรู้น้อยรู้มากแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงใด ๆ มันยังขึ้นกับการตัดสินใจของมนุษย์อีกด้วย

2.เหตุการณ์ใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า มันอาจเปลี่ยนแปลงจากหนักเป็นเบาได้เสมอ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับการกระทำทางจิตสำนีกของตัวมนุษย์ทุกคนนั่นเอง

การกระทำความดีงาม ด้วยกระบวนการทางจิตสำนึกของมนุษย์แต่ละคน ที่กระทำต่อกันและต่อดาวเคราะห์โลกบนพิกัดถิ่นอาศันดำรงอยู่ ในเส้นทางของนักรบแสงสว่างได้อย่างถ่องแท้และถูกต้อง ด้วยการปลดปล่อยพลังงานด้านบวก คือ ความรักสู่สนามพลังงานในจักรวาลโลกออกมามากเท่าใด พื้นแผ่นดินที่อยู่อาศัยย่อมจะได้รับผลลัพธ์จากการกระทำในเทคนิคครั้งนี้ ในรูปของภัยพิยัติที่ลดความรุนแรงลงได้ตามสัดส่วนพลังงานด้านบวกที่สร้างขึ้นนั้นเสมอ

ความรู้ใหม่นี้เพื่อช่วยให้มนุษย์เกิดสติทางวิญญามากขึ้น ด้วยการหันมากระทำความดีงามต่อกัน รู้จักปลดปล่อยพลังงานความรักมอบให้แก่กันและกันมากขึ้น จะได้ช่วยเหลือตนเอง เพื่อนมนุษย์และแผ่นดินของตนให้หลุดพ้นไปจากเคราะห์ภัยรุนแรง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามที่จักรวาลกำหนดเป้าหมายไว้ให้จงได้นั่นเอง

แม้ว่าโลกจะต้องสร้างความสมดุลใหม่ ด้วยกระบวนการทางเทคนิคที่รุนแรงและเข้มข้นจากพลังงานดวงอาทิตย์และจากดวงจันทร์อย่างละ 1 ใน 3 ของแต่ละดวงที่มีอยู่ ซึ่งเป็นพลังงานสูงสุดระดับ 7 อันจะทำให้กายภาพของโลกเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทีสุดยิ่งกว่าครั้งใดในอดีต แต่มันก็เป็นการกระทำด้วยความรัก ข่าวสารทุกชิ้นที่ถ่ายทอดมายังโลกมนุษย์จากนอกระบบเอกภพ ผ่านเข้าสู่ภายในเอกภพผ่านจิตจักรวาลจำนวนมากมาย จนมาถึงมนุษย์ที่กำลังอ่านข่าวสารชิ้นนี้อยู่ จึงเป็นตัวแทนของความรักจากจักรวาลโดยแท้จริง

 

อีกครั้งค่ะ....

จิตจักรวาล ล้วนเป็นผู้สร้างกฎเกณฑ์ทางกายภาพ อันเป็นสากล

จิตจักรวาล ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่งที่ดำรงรูปธรรมอยู่ ในสนามพลังงานจักรวาล

จิตจักรวาล คือรูปธรรมทางพลังงานเหนือมิติแห่งกาลเวลา ผู้รอบรู้จากการคิดรู้ได้เองในทุกสรรพสิ่ง

เพียงแค่ความเข้าใจและรู้แจ้งในความหมายข้างต้นนั้น มนุษย์ผู้ช่างสงสัยย่อมรู้ได้เองว่าไม่มีเรื่องราวใด ๆ เหตุการณ์ใด หรือสถานการณ์ใด ที่มันจะเกิดขึ้นตรงบริเวณไหนหลืบไหนภายในมหจักรวาล หรือเอกภพที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมจะไม่ล่วงรู้แน่นอน ต่อให้มันลึกเร้นอยู่ภายในสรรพสิ่งนั้น หรือหลบเร้นอยู่ตรงซอกมุมใด จิตจักรวาลต่าง ๆ ล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้นและรู้ล่วงหน้าด้วยว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง แม้กระทั่งสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ และที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งมนุษย์เองยังไม่ล่วงรู้ หรือที่มันเกิดขึ้นผ่านมาแล้วในอดีตวัฏจักรชีวิตอันเป็นภพชาติอดีตของมนุษย์เองก็ตาม

จะไม่มีจิตจักรวาลรอบรู้ในเรื่องนั้น ๆ ทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคตของมนุษย์ได้อย่างไร!! ในเมื่อรูปธรรมของจิตจักรวาลทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งยังเป็นผู้กระทำและเป็นผู้ช่วยเหลือให้เกิดกระบวนการนั้น ๆ อีกต่างหากด้วย

บรรดารูปธรรมของจิตจักรวาล ผู้มีพลังอำนาจอันสูงส่งและเปี่ยมล้นด้วยคลื่นความถี่ด้านบวก ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของนิวเคลียสภายในใจกลางของรูปธรรม ภายในรูปทรงเรขาคณิตที่บ่งบอกถึงพลังอำนาจเฉพาะตน อันเปี่ยมด้วยพลังงานความรัก ทั้งดำรงอยู่บนสนามพลังงานจักรวาลในเอกภพและดำรงอยู่นอกเอกภพ ต่างก็มองผ่านอณูปรมาณูที่เป็นช่องว่างของรูปธรรมตนมายังดาวเคราะห์โลกใบนี้ได้อย่างชัดเจนเสมอ แม้มันจะคิดเป็นระยะทางหลายล้านปีแสงของมนุษย์โลกก็ตาม จึงไม่มีสายธารพลังงานแห่งความรักจากจิตวาลรูปธรรมใด ๆ ที่จะไม่อาจทอดโยงมาสู่รูปธรรมมนุษย์ทุกคนได้ หากตราบใดที่โลกยังมีสนามแม่เหล็กเชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลสากลได้อย่างลงตัว

 

*** สิ่งที่จะเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับคน ****

ถ้าไม่เอาท้องฟ้ามาเป็นสนามรบ
การปรับตัวของโลกก็ค่อยเป็นค่อยไป
ถ้าประเทศหนึ่งฝ่าฝืน
จะวิบัติรุนแรงไปทั่วโลก
สำหรับดินแดนสุวรรณภูมิ
จะต้องระวังอาวุธร้ายหลงมาตก

จะทำสิ่งใดก็ให้นึกถึงสัจจะ
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ไม่รู้ว่าจะเป็นความบังเอิญหรือเปล่า! นะคะ พอตื่นขึ้นมาเห็นตัวเลขที่หน้ากระทู้ตนเอง ทำไม! ช่างบังเอิญและน่าพิศวงอัศจรรย์ กับตัวเลขที่ปรากฎขึ้น...ทุกอย่างคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ค่ะ

http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1402112

สัญญาณเทพที่ส่งมาพร้อมกับตัวเลข

Angel Numbers

ณ ขณะนี้ พวกคุณเองต่างก็มีทวยเทพคอยนำทางให้กับพวกคุณอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด — รับประกันได้เลย !
เหล่าทวยเทพชี้แนะพวกคุณ ผ่านทางความคิด ความรู้สึก ถ้อยคำ และวิสัยทัศน์

ถ้าพวกคุณเคยแปลกใจกับนัยยะ
ของชุดตัวเลขเหล่านี้
นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ได้อยู่ตามลำพัง

จากการที่ได้เคยศึกษาระบบเลขศาสตร์อันศักดิสิทธิ์ เหล่าทวยเทพได้สื่อสารผ่านมาทางชุดตัวเลขเหล่านี้ แต่ละตัวเลข มีการสั่นสะเทือนในความถี่จำเพาะที่เชื่อมโยงโดยตรงกับความหมายของมัน เมื่อมีตัวเลขสามตัวหรือมากกว่านั้น ตัวเลขตัวกลางจะถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
เหล่าเทพบอกว่าตัวเลขนี้เป็น “หัวใจสำคัญ” ของเรื่องราว

222 — จงมีศรัทธา ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
ไม่ต้องไปวิตกกังวลไปกับสิ่งใด เพราะสถานการณ์ที่ว่านี้กำลังแก้ไขตัวมันเอง
และจะมีทางออกที่งดงามให้กับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง

000 — เลขชุดนี้เตือนให้คุณระลึกอยู่เสมอว่า คุณคือส่วนหนึ่งของพระเจ้า



ลองย้อนกลับในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมากับสถานการณ์ "ถ้ำขุนน้ำนางนอน" กันได้ไหมค่ะ

ช่วงนั้นสถานการณ์ที่ทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต....
สถานการณ์นั้นได้นำคำกล่าวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องแนวทางออกให้ของความรักความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน และเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ณ ตอนนั่นหลังจากที่ลงข้อมูลไปได้

ปรากฎตัวเลขหน้า กระทู้คือ 12222 ที่ตนเองเข้าใจว่านั่นคือเป็นสัญญาณตัวเลขของเหล่าทวยเทพ ที่ได้กล่าวไว้ว่า..จงมีศรัทธา ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ถ้าทุกคนเชื่อมั่น ว่าความรักและความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน และเชื่อในกฎแห่งกรรมจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และจะมีทางออก

และต่อมา ที่จิตยิ้มนำเรื่อง "กระบวนการกู้โลก" ที่มนุษย์สามารถช่วยโลกให้พ้นภัยได้

พอตื่นขึ้นก็เห็นตัวเลขจากกระทู้ 20022



แปลกใจค่ะ จึงถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน ว่าบังเอิญหรือ!!

และ....

จากข้อความที่ท่าน หนุมาน ผู้นำสาร นำมาลงไว้เมื่อวานค่ะ

พอตื่นขึ้นมาช่างบังเอิญหรือไม่ !!

ปรากฎเลขหน้ากระทู้ 22002





จากสามเรื่องราว จากสัญญาตัวเลขที่เกี่ยวกับเลข ชุดเลข 222 กับ เลข 000 จากข้อมูลที่อ้างอิงดังกล่าวข้างต้นที่ link มา ช่างบังเอิญสอดคล้องกันอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

ทั้งสามชุดตัวเลข ทั้งสามเหตุการณ์ในแต่ละช่วงเวลา คือ
12222
20022
22002

ช่างน่าบังเอิญและอัศจรรย์กับตัวเลขเหล่านั้นค่ะ ถ้าเป็นดั่งข้อความมูลที่ link มาเป็นจริง แสดงว่า เรากำลังมีแนวทางออกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้แล้วค่ะ

 

จริงสินะ ทุกเรื่องมีทางออกเสมอ คนที่ปฎิบัติธรรมได้ในระดับหนึ่ง จะรู้ทางออกดีเสมอ...น่าสงสารคนที่ไม่รู้นะ..กรรมบังคับให้เป็นเช่นนั้น...

 

เมื่อคืน เห็น กทม.ปริมลฑล-ภาคใต้ หายไปเพราะน้ำ..เหนือ อิสาน เหลือเพียงครึ่งเดียว..มาลุ้นและติดตาม ดูว่า...จริงมั้ย..
ก็แค่เป็นเพียงนิทานทางใจ มาแชร์กัน....

 

ได้เวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติแล้ว...

 

น่ากลัวครับ ถ้ามาจริงๆ

 

ครับ กำลังใกล้เข้ามาๆๆทุกทีๆๆ..กำลังเฝ้าดูเขื่อนภูมิพล เพราะแผ่นดินไหวที่ ท่าสองยาง จ.ตาก เกรงว่าจะกระทบเขื่อนได้ มวลน้ำในเขื่อนมีมหาศาลครับ.
ดินสั่นไหวติดต่อกันมาหลายวันแล้วครับ..

 

เป็นฝันที่อยากจะเล่าให้ฟังนะครับ ฝันว่าขึ้นไปบนเเพ เเล้วอยู่ดีๆ ซึนามิก็มาในฝันก็ตกใจว่าทำไมมาตอนนี้ ตอนที่อยู่บนเเพพอดี ก็พยายามหาห่วงยาง เเล้วหาที่จับยึด เเต่พอคลื่นมาถึงเเพ ก็ซัดทั้งเเพทั้งผมกระเด็น เเล้วผมก็ตกน้ำ เเต่ในฝันน้ำที่ตกไปไม่ลึก ก็พยายามที่จะขึ้นฝั่ง เเล้วก็มีเหมือนบ้านริมน้ำก็จะขอเขาขึ้น เจ้าของบ้านไม่ให้ขึ้น ก็เลยเดินเลาะไป ก็ไปเจอทางขึ้น เเต่ในฝันไม่เหมือนทะเลเท่าไหร่ เเค่ฝันนะครับ

 

อยากเล่าเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่ความฝัน...


จะเรียกว่านิมิตได้ไหมค่ะ? เพราะสิ่งที่ได้รับรู้มานี้ คือเหมือนกับว่าเราได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เหมือนจริงและรู้สึกเหมือนจริง และภาพหรือความรู้สึกชัดเจนมากค่ะ

ทำไม!! อยากพูดเรื่องนี้หรือคะ อาจเป็นเพราะว่าข้อมูลของคุณ Agra ที่ทำให้ต้องกล่าวอาจเป็นเพราะมีเหตุอะไรก็ได้ที่ต้องทำให้คุณกล่าวถึงเรื่องนี้ค่ะ

เราจะจำกันได้ใช่ไหมค่ะว่า ที่มีกระทู้ตั้งต้นแล้วมีการแสดงความเห็นเรื่องนี้ที่ไม่ตรงกัน จนกระทั่งมีการปิดกระทู้และตนเองได้ตั้งกระทู้นี้เป็นภาคต่อค่ะ

ซึ่งในกระทู้ได้มีการสนทนาความเห็นว่าจะเกิดหรือไม่เกิด ถ้าจะเกิดก็ไม่ใช่ปัจจุบันในอนาคตอันใกล้นี้ แต่จะค่อย ๆ ทะยอยเกิดอาจสักอีก 30 ปี หรือ 70 ปี ข้างหน้า น้ำจะค่อย ๆ สูงขึ้นจนทำให้พื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับท้องทะเล หรือ สูงกว่าระดับทะเลไม่มากต้องจมอยู่ใต้น้ำ ไม่เว้นแม่แต่กรุงเทพค่ะ

ตนเองก็เชื่อนะ ถึงแม้จะลังเลสงสัยที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า "โลกจะตีลังกาม้วนกลับหนึ่งรอบ" เอ่อ! เราจะเชื่อสิ่งไหนดี เพราะการที่เรานำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาลงนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยมาแล้วทั้งอดีต และ ปัจจุบัน ส่วนอนาคตยังไม่เกิดเท่านั้น และอะไรมันก็ไม่แน่นอน !! แต่ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ มีเหตุผลประกอบด้วยปัจจัยอย่างชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยนมีความเป็นทั้งกายภาพของโลก และจิตใจมนุษย์ และเหตุผลเรื่องพลังงานทุกอย่าง คือ ความจริงที่กำลังเกิดกับโลกทั้งสิ้นค่ะ

แต่..ข้อมูลที่แย้งมามาก็น่าจะเป็นไปได้เหมือนกัน..

หลังจากนั้น...ตอนกลางคืนประมาณเที่ยงคืน หรือ ตี1 ได้ฝันที่เสมือนจริงว่า เราได้พบกับปรากฎการณ์ คือ ตนเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ของ

"การหมุนกลับหนึ่งรอบเป็นวงกลม"ค่ะ

แล้วจึงตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซึ่งในใจ ณ ขณะนั้นมีคำตอบให้กับตนเองว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ยืนยันคำตอบให้ค่ะ

ในหัวใจของตนเองแล้วยังปลอบตัวเองเลยว่า ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย หรือ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ หรือ อาจจะเป็นจริงแต่ระยะเวลาอาจไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะเชื่อว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

แต่....

มาเจอข้อความนี้...ของผู้ทรงคุณอภิญญาทั้งหลาย รวมทั้งคำพุทธทำนาย รวมทั้งข้อมูลและสิ่งศักดิ์ ประกอบกับเหตุการณ์ของโลกในปัจจุบันน่าหวั่นใจไม่น้อยเลยค่ะ ถ้าคนในโลกทั้งหลายไม่สามารถร่วมมือร่วมใจกันได้ เพราะวิบากรรมปิดบังดวงจิตเขาเหล่านั้นเอาไว้ ประกอบกับการเข้าสู่ปรากฎการณ์วัฏจักรที่คลี่คลายขยายการม้วนกลับเข้าสู่ศูนย์กลางแล้วจึงคลี่ขยายออกใหม่ ที่วัฏจักรต้องเป็นไปจึงส่งผลให้ผู้คนที่มาเกิดในยุคนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีกรรมหนักเสียส่วนใหญ่ หรือ ผู้ที่มาเกิดส่วนใหญ่ล้วนมาจากข้างล่าง จึงทำให้เขาต้องเป็นไป ก็คงต้องเข้าใจว่า "สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม" ได้อย่างดีนะค่ะ

เคยคิดว่า ทำไม! ธรรมชาติไม่ปราณีสงสารเหล่ามนุษย์บ้างเลยเหรอ!! ก็เลยคิดว่า มนุษย์และธรรมชาติก็ไม่แตกต่างกัน ทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ธรรมชาติย่อมไม่มีการแบ่งแยก ธรรมชาติไม่มีอคติไม่มีความลำเอียง เมื่อธรรมชาติที่สมดุลธรรมชาติย่อมงดงามในตัวของมันเอง แต่เมื่อใดธรรมชาติขาดความสมดุล ธรรมชาติย่อมปรับตนเองเพื่อความอยู่รอด ธรรมชาติไม่ได้คัดแยกคัดสรรให้กับใคร แต่ธรรมชาติในใจของมนุษย์ที่เป็นผู้คัดแยกสรรให้แก่ตนเองค่ะ เมื่อใดที่ถึงจุดนั้นแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอัตโนมัติแม้แต่ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าบอกว่าได้ก็แค่ควบคุมเพียงชั่วคราวค่ะ

อยู่ที่ว่าเราจะเหตุเหตุการณ์ "หนักหรือเบา"/ "ไวหรือช้า" ขึ้นอยู่กับมนุษย์ทั้งโลกว่าต้องการสิ่งใดที่จะตัดสินใจเผชิญชะตากรรมร่วมกันค่ะ

ถามว่าทำไมไม่ฟันธงไปเลยเหมือนหลายข้อมูลว่าจะเกิดขึ้นภายในปีหรือสองปีนี้ เพราะความไม่แน่นอนค่ะ แต่สิ่งที่รับรองคือเหตุของผลที่มีสาเหตุกับปัจจัยของผลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นค่ะ

ถือว่าเล่าสู่กันฟังนะคะ

 

7000 ราตรี 20 ปีสินะ ยาวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

จะยาวกว่านั้นหรืิอเปล่านะ

 

ครับ 20 ปี ที่ยาวนานก็ต้องอดทน และก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ หากว่า เราคือผู้รอด ก้าวไปให้ได้พบกับ พระยาธรรม ครับ...

 

ขอบคุณมากครับ คุณJityimที่เล่าให้ฟังนะครับ

 

น้ำกำลังมา ล้างชำระแล้ว..มันมากับความมืดทุกครั้งเลย.

 

เหตุกำเกิดที่ไหนฮับ พูดมาน่าระทึก

 

ภัยจากน้ำเป็นได้ทั้งน้ำป่าไหลหลาก และสึนามิ ถ้าที่ไหนมีฝนตกหนักก็คงต้องเดาว่าเป็นน้ำป่า น้ำท่วมฉับพลันไว้ก่อน ถ้าที่ไหนไม่มีฝนตกหนัก หรือไม่มีที่ไหนส่อเค้าว่าจะมีปัญหาน้ำป่าไหลหลากหรือน้ำท่วมเลย ก็ต้องเดาว่าเป็นสึนามิล่ะครับ

 

เวลานี้ทางภาคใต้ของไทยครับผม.