.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.

ประวัติวัดถ้าเสือ ขอยกข้อมูลจากเว็ปไซด์วัดถ้ำเสือมาโดยตรงนะ...

ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ หลวงพ่อจำเนียรมีความประสงค์จะหาสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ ก็เกิดนิมิตในมโนภาพว่าเป็นสถานที่มีภูเขาล้อมรอบ และถ้ำชื่อ “ถ้ำเสือ” ตลอดถึงถ้ำต่างๆ หลายถ้ำ และอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ด้วย ทันทีที่เกิดนิมิตเห็นก็เกิดความรู้สึกนึกรักสถานที่นั้นขึ้นมาจับใจ เหมือนรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก่อน หลวงพ่อได้ให้พระอาจารย์หีด ไปเสาะแสวงหาสถานที่จะตั้งสำนัก จนในที่สุดพระอาจารย์หีดได้พบสถานที่หลายๆแห่งรวมถึงถ้ำเสือด้วย

​

 

หลวงพ่อได้มีโอกาสไปดูสถานที่ถ้ำตามที่พระอาจารย์หีดบอก ก็ตรงกับนิมิตที่หลวงพ่อเห็นจริงๆ หลวงพ่อจำเนียร ได้นำคณะพระภิกษุ สามเณร ๕๓ แม่ชี ๕๖ ท่าน จากวัดสุคนธาวาส มาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้อันมีนามว่าถ้ำเสือ หรือในอดีตวัดมี ชื่อว่า“สำนักสงฆ์หน้าชิง” ตามชื่อหมู่บ้าน เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๘ และได้เปลี่ยนเป็น “วัดถ้ำเสือ” เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๓ มาบุกเบิกเปิดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานจนถึงปัจจุบัน

​

 

​

ที่ได้ชื่อว่า วัดถ้ำเสือนั้น จากการสอบถามชาวบ้านได้ความว่า ในอดีตเคยมีเสือโคร่งจำนวนมากอาศัยอยู่บริเวณของถ้ำที่ตั้งอยู่หน้าเขาแก้ว ภายในถ้ำยังปรากฏหินธรรมชาติเป็นรูปแบบอุ้งเท้าเสืออีกด้วย วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในจังหวัดกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งชาวต่างประเทศ ทั้งความโดดเด่นของวัดและชื่อเสียงของ "หลวงพ่อจำเนียร" ประธานสงฆ์วัดถ้ำเสือที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธามาช้านาน สภาพโดยทั่วไปของ วัดถ้ำเสือมีลักษณะ เป็นสวนป่า เป็นโพรงถ้ำ มีเพิงผาและแหล่งถ้ำธรรมชาติ เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำงู ถ้ำเต่า ถ้ำมือเสือ สิ่งสำคัญใน"วัดถ้ำเสือ"นั้นที่ดูเหมือนจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดและ เป็นที่นิยมชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

 

​

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด

พระธาตุเจดีย์ยอดเขาแก้ว
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขาแก้ว มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล
ประมาณ ๖๐๐ เมตร สามารถขึ้นไปสักการะได้โดย ขึ้นบันได ๑,๒๓๗ ขั้น บนยอดเขาสามารถมองเห็น ทิวทัศน์ของเมืองกระบี่ได้รอบทิศ ทั้งยังเป็นที่ ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทจำลอง พระธาตุเจดีย์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ อีกด้วย
(ก็ไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูป เวลาไม่พอ)

 

​

พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่
มีความสูง ๙๐.๙๐ เมตร ความกว้างของฐาน ๕๘ เมตร
เริ่มก่อสร้างลงฐานรากจนถึงยอดพระเจดีย์ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ภายในมี ๕ ชั้น กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการก่อสร้าง ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้โครงสร้างเสร็จสมบูรณ์ เหลือขึ้นตอนต่อไปคือการตกแต่งจัดเป็นชั้นต่างๆ และส่วนยอดพระธาตุเจดีย์ฯ ขณะนี้ได้ติดแผ่นกระเบื้องเซนามิคทองคำบนยอดพระธาตุเจดีย์โดยตั้งใจจะให้ เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมี ๕ ชั้น
ชั้นที่ ๑ สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ
ชั้นที่ ๒ เป็นหอประชุมเอนกประสงค์
ชั้นที่ ๓ แขวนระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก
ชั้นที่ ๔ สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปโบราณ
ชั้นที่ ๕ สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์พระธาตุ
งบประมาณในการก่อสร้าง ยังไม่รวมค่าตกแต่งก็ประมาณกว่าร้อยล้านบาท ณ ปัจจุบัน ท่านใดมีจิตศรัทธา จะร่วมเป็นเจ้าภาพติดแผ่นกระเบื้องเซรามิคทองคำ บนยอดองค์พระธาตุเจดีย์ฯ สามารถมาร่วมได้ที่วัดถ้ำเสือ ทางธนาณัติ หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฎโฐ วัดถ้ำเสือ ต. กระบี่น้อย อ. เมือง จ.กระบี่ ๘๑๐๐๐ หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากระบี่ ชื่อบัญชี วัดถ้ำเสือ หมายเลขบัญชี ๕๗๒๒๑๙๒๒๔๘

 

​

 

​

 

หุบเขาคีรีวงศ์
ภายในหุบเขาแวดล้อมไปด้วย ต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปี และเนื่องจากมีเขาล้อมอยู่ทุกด้าน จึงมีถ้ำเล็ก ถ้ำน้อยมากมาย เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำลูกธนู ทางเข้า ชมได้โดยการขึ้นและลงบันไดบริเวณพระตำหนักเจ้าแม่กวนอิม
(ไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูป)

 

​

พระโพธิสัตว์กวนอิม
พระโพธิสัตว์กวนอิม สูง ๕ เมตร เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ นิยมชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คือการที่ได้มาแวะสักการะขอพร

 

​

 

​

 

​

 

พระพุทธรูปหยกขาว
ศิลปะพม่าอายุนับร้อยปี ประดิษฐ์สถาน ณ โบสถ์วัดถ้ำเสือ
(ไม่ได้ถ่ายรูป ทีแรกกำลังเดินผ่านพระอุโบสถ เห็นมีกรุ๊ปทัวร์เข้าไปในพระอุโบสถเยอะหลายคน และมองมาที่รถ คนส่วนมากก็ขึ้นรถกันแล้ว จึงไม่ได้เดินเข้าไป...)


ฝูงลิงป่า
เนื่องจากวัดถ้ำเสือมีลักษณะเป็นสวนป่า แวดล้อม ด้วยแมกไม้ ถ้ำและต้นไม้น้อยใหญ่อายุนับร้อยปี จึงเป็นที่อยู่อาศัยของลิงป่าน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก ถือเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของวัดถ้ำเสือ สามารถชมและสัมผัสความเป็นอยู่ของฝูงลิงป่าอย่างใกล้ชิด

 

​

 

​

ทำบุญไหว้พระแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถตรงไปยังจุดหมายต่อไปคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาประ-บางคราม ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจคือ สระมรกต เมื่อมาถึงทางไกด์ให้เวลา ๑ ชั่วโมงในการเดินไปยังสระมรกต ตอนนี้ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลและฟ้าเริ่มร้อง ทำไงดี ถ้าฝนตกลงมามีหวังไม่ได้ภาพสักรูป ลองเสี่ยงลุยกัน และก็ได้ลุยสมใจ ไม่ใช่ลุยฝน แต่ลุยทางดินโคลน ซึ่งตอนนี้ทางเดินกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุง จึงต้องเดินทางอ้อมเป็นระยะทางกว่า ๑.๕ กิโลเมตร

 

​

ทางเดินคอนกรีตประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร ผ่าดงแมกไม้ที่สูงใหญ่ ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวมากเหลือเกิน จึงเดินทำความเร็วไม่ได้มาก เดินได้สักพัก ข้างหน้าก็มีผู้ชายเดินอยู่แต่ไม่เดินเปล่าสูบบุหรี่ไปด้วยสร้อยฟ้าฯ เดินอยู่ข้างหลังก็เหม็นจึงหันไปบ่นกับเพื่อนๆ ที่เดินมาด้วยกันว่า นี่นะ ตรงนี้เป็นผืนป่าเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ แล้วพวกที่เดินสูบบุหรี่อยู่ถ้าก้นบุหรี่ไปตกอยู่ที่ใบไม้แห้งแล้วไฟลุกขึ้นมาจะรับผิดชอบไหวไหม สงสัยเขาคงจะได้ยินเลยหยุดเดินให้สร้อยฟ้าฯ เดินแซงขึ้นไปก่อน แต่มันก็เป็นเรื่องที่ควรระวังจริงๆ นะ ธรรมชาติกว่าจะสวยงามขนาดนี้ใช้เวลามากกว่าหนึ่งช่วงอายุคน แต่ทำลายแค่ไม่กี่นาทีแล้วกว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้อีกหล่ะ และอีกอย่างการสูบบุหรี่ในที่มีคนเยอะๆ หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง...

 

​

 

​

 

​

เดินไปเดินมาอีกสักพักสังเกตข้างทางเห็นใยแมงมุม ก็เลยหยุดยืนจ้องสักครู ก็เห็นเจ้าของใยเป็นแมงมุมชนิดเดียวกับที่เจอเมื่อครั้งไปอุทยานบาเจียงประเทศลาว แต่ที่นี่ตัวเล็กกว่ามาก เดินเข้าชายป่ามาอย่างนี้ แสงแดดส่องลงมายังพื้นได้ไม่เต็มที่ ทำให้รู้สึกครึ้มๆ ตลอดทางเดิน มองไปที่พื้นดินในป่าข้างทางก็จะมีธารน้ำไหลใสมาก บางแห่งเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ใสจนเห็นถึงพื้นดินและต้นไม้ที่ล้มอยู่ข้างล่างก้นบึง คิดว่าขากลับมาจะถ่ายรูปสักหน่อย

 

​